Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā

    ปาติโมกฺขุเทฺทสกถา

    Pātimokkhuddesakathā

    ๑๕๐. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพนฺติ ‘‘สุณาตุ เม ภเนฺต สโงฺฆ…เป.… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ อิมํ นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘อุทฺทิฎฺฐํ โข อายสฺมโนฺต นิทานํ, ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ – กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ…เป.… เอวเมตํ ธารยามีติฯ สุตา โข ปนายสฺมเนฺตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา…เป.… อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํฯ เอเตน นเยน เสสาปิ จตฺตาโร ปาติโมกฺขุเทฺทสา เวทิตพฺพาฯ

    150.Nidānaṃ uddisitvā avasesaṃ sutena sāvetabbanti ‘‘suṇātu me bhante saṅgho…pe… āvikatā hissa phāsu hotī’’ti imaṃ nidānaṃ uddisitvā ‘‘uddiṭṭhaṃ kho āyasmanto nidānaṃ, tatthāyasmante pucchāmi – kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi…pe… evametaṃ dhārayāmīti. Sutā kho panāyasmantehi cattāro pārājikā dhammā…pe… avivadamānehi sikkhitabba’’nti evaṃ avasesaṃ sutena sāvetabbaṃ. Etena nayena sesāpi cattāro pātimokkhuddesā veditabbā.

    สวรภยนฺติ อฎวิมนุสฺสภยํฯ ราชนฺตราโยติอาทีสุ สเจ ภิกฺขูสุ ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ นิสิเนฺนสุ ราชา อาคจฺฉติ, อยํ ราชนฺตราโยฯ โจรา อาคจฺฉนฺติ, อยํ โจรนฺตราโยฯ ทวทาโห วา อาคจฺฉติ, อาวาเส วา อคฺคิ อุฎฺฐหติ, อยํ อคฺคนฺตราโยฯ เมโฆ วา อุเฎฺฐติ, โอโฆ วา อาคจฺฉติ, อยํ อุทกนฺตราโยฯ พหู มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, อยํ มนุสฺสนฺตราโยฯ ภิกฺขุํ ยโกฺข คณฺหาติ, อยํ อมนุสฺสนฺตราโยฯ พฺยคฺฆาทโย จณฺฑมิคา อาคจฺฉนฺติ, อยํ วาฬนฺตราโยฯ ภิกฺขุํ สปฺปาทโย ฑํสนฺติ, อยํ สรีสปนฺตราโยฯ ภิกฺขุ คิลาโน วา โหติ, กาลํ วา กโรติ, เวริโน วา ตํ มาเรตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ ชีวิตนฺตราโยฯ มนุสฺสา เอกํ วา พหู วา ภิกฺขู พฺรหฺมจริยา จาเวตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ พฺรหฺมจริยนฺตราโยฯ เอวรูเปสุ อนฺตราเยสุ สํขิเตฺตน ปาติโมโกฺข อุทฺทิสิตโพฺพ , ปฐโม วา อุเทฺทโส อุทฺทิสิตโพฺพ, อาทิมฺหิ เทฺว ตโย จตฺตาโร วาฯ เอตฺถ จ ทุติยาทีสุ อุเทฺทเสสุ ยสฺมิํ อปริโยสิเต อนฺตราโย โหติ, โสปิ สุเตเนว สาเวตโพฺพฯ

    Savarabhayanti aṭavimanussabhayaṃ. Rājantarāyotiādīsu sace bhikkhūsu ‘‘uposathaṃ karissāmā’’ti nisinnesu rājā āgacchati, ayaṃ rājantarāyo. Corā āgacchanti, ayaṃ corantarāyo. Davadāho vā āgacchati, āvāse vā aggi uṭṭhahati, ayaṃ aggantarāyo. Megho vā uṭṭheti, ogho vā āgacchati, ayaṃ udakantarāyo. Bahū manussā āgacchanti, ayaṃ manussantarāyo. Bhikkhuṃ yakkho gaṇhāti, ayaṃ amanussantarāyo. Byagghādayo caṇḍamigā āgacchanti, ayaṃ vāḷantarāyo. Bhikkhuṃ sappādayo ḍaṃsanti, ayaṃ sarīsapantarāyo. Bhikkhu gilāno vā hoti, kālaṃ vā karoti, verino vā taṃ māretukāmā gaṇhanti, ayaṃ jīvitantarāyo. Manussā ekaṃ vā bahū vā bhikkhū brahmacariyā cāvetukāmā gaṇhanti, ayaṃ brahmacariyantarāyo. Evarūpesu antarāyesu saṃkhittena pātimokkho uddisitabbo , paṭhamo vā uddeso uddisitabbo, ādimhi dve tayo cattāro vā. Ettha ca dutiyādīsu uddesesu yasmiṃ apariyosite antarāyo hoti, sopi suteneva sāvetabbo.

    อนชฺฌิฎฺฐาติ อนาณตฺตา อยาจิตา วาฯ อเชฺฌสนา เจตฺถ สเงฺฆน สมฺมตธมฺมเชฺฌสกายตฺตา วา สงฺฆเตฺถรายตฺตา วา, ตสฺมิํ ธมฺมเชฺฌสเก อสติ สงฺฆเตฺถรํ อาปุจฺฉิตฺวา วา เตน ยาจิโต วา ภาสิตุํ ลภติฯ สงฺฆเตฺถเรนาปิ สเจ วิหาเร พหู ธมฺมกถิกา โหนฺติ, วารปฎิปาฎิยา วตฺตพฺพา – ‘‘ตฺวํ ธมฺมํ ภณ, ธมฺมํ กเถหิ, ธมฺมทานํ เทหี’’ติ วา วุเตฺตน ตีหิปิ วิธีหิ ธโมฺม ภาสิตโพฺพฯ ‘‘โอสาเรหี’’ติ วุโตฺต ปน โอสาเรตุเมว ลภติ, ‘‘กเถหี’’ติ วุโตฺต กเถตุเมว, ‘‘สรภญฺญํ ภณาหี’’ติ วุโตฺต สรภญฺญเมวฯ สงฺฆเตฺถโรปิ จ อุจฺจตเร อาสเน นิสิโนฺน ยาจิตุํ น ลภติฯ สเจ อุปชฺฌาโย เจว สทฺธิวิหาริโก จ โหนฺติ, อุปชฺฌาโย จ นํ อุจฺจาสเน นิสิโนฺน ‘‘ภณาหี’’ติ วทติ, สชฺฌายํ อธิฎฺฐหิตฺวา ภณิตพฺพํฯ สเจ ปเนตฺถ ทหรา ภิกฺขู โหนฺติ, เตสํ ‘‘ภณามี’’ติ ภณิตพฺพํฯ

    Anajjhiṭṭhāti anāṇattā ayācitā vā. Ajjhesanā cettha saṅghena sammatadhammajjhesakāyattā vā saṅghattherāyattā vā, tasmiṃ dhammajjhesake asati saṅghattheraṃ āpucchitvā vā tena yācito vā bhāsituṃ labhati. Saṅghattherenāpi sace vihāre bahū dhammakathikā honti, vārapaṭipāṭiyā vattabbā – ‘‘tvaṃ dhammaṃ bhaṇa, dhammaṃ kathehi, dhammadānaṃ dehī’’ti vā vuttena tīhipi vidhīhi dhammo bhāsitabbo. ‘‘Osārehī’’ti vutto pana osāretumeva labhati, ‘‘kathehī’’ti vutto kathetumeva, ‘‘sarabhaññaṃ bhaṇāhī’’ti vutto sarabhaññameva. Saṅghattheropi ca uccatare āsane nisinno yācituṃ na labhati. Sace upajjhāyo ceva saddhivihāriko ca honti, upajjhāyo ca naṃ uccāsane nisinno ‘‘bhaṇāhī’’ti vadati, sajjhāyaṃ adhiṭṭhahitvā bhaṇitabbaṃ. Sace panettha daharā bhikkhū honti, tesaṃ ‘‘bhaṇāmī’’ti bhaṇitabbaṃ.

    สเจ วิหาเร สงฺฆเตฺถโร อตฺตโนเยว นิสฺสิตเก ภณาเปติ, อเญฺญ มธุรภาณเกปิ นาเชฺฌสติ, โส อเญฺญหิ วตฺตโพฺพ – ‘‘ภเนฺต อสุกํ นาม ภณาเปมา’’ติฯ สเจ ‘‘ภณาเปถา’’ติ วา วทติ, ตุณฺหี วา โหติ, ภณาเปตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน ปฎิพาหติ, น ภณาเปตพฺพํฯ ยทิ อนาคเตเยว สงฺฆเตฺถเร ธมฺมสวนํ อารทฺธํ, ปุน อาคเต ฐเปตฺวา อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิฯ โอสาเรตฺวา ปน กเถเนฺตน อาปุจฺฉิตฺวา วา อฎฺฐเปตฺวาเยว วา กเถตพฺพํ, กเถนฺตสฺส ปุน อาคเตปิ เอเสว นโยฯ

    Sace vihāre saṅghatthero attanoyeva nissitake bhaṇāpeti, aññe madhurabhāṇakepi nājjhesati, so aññehi vattabbo – ‘‘bhante asukaṃ nāma bhaṇāpemā’’ti. Sace ‘‘bhaṇāpethā’’ti vā vadati, tuṇhī vā hoti, bhaṇāpetuṃ vaṭṭati. Sace pana paṭibāhati, na bhaṇāpetabbaṃ. Yadi anāgateyeva saṅghatthere dhammasavanaṃ āraddhaṃ, puna āgate ṭhapetvā āpucchanakiccaṃ natthi. Osāretvā pana kathentena āpucchitvā vā aṭṭhapetvāyeva vā kathetabbaṃ, kathentassa puna āgatepi eseva nayo.

    อุปนิสินฺนกถายปิ สงฺฆเตฺถโรว สามี, ตสฺมา เตน สยํ วา กเถตพฺพํ, อโญฺญ วา ภิกฺขุ ‘‘กเถหี’’ติ วตฺตโพฺพ, โน จ โข อุจฺจตเร อาสเน นิสิเนฺนนฯ มนุสฺสานํ ปน ‘‘ภณาหี’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ มนุสฺสา อตฺตโน ชานนกภิกฺขุํ อาปุจฺฉนฺติ, เตน เถรํ อาปุจฺฉิตฺวา กเถตพฺพํฯ สเจ สงฺฆเตฺถโร ‘‘ภเนฺต อิเม ปญฺหํ ปุจฺฉนฺตี’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘กเถหี’’ติ วา ภณติ, ตุณฺหี วา โหติ, กเถตุํ วฎฺฎติฯ อนฺตรฆเร อนุโมทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สเจ สงฺฆเตฺถโร วิหาเร วา อนฺตรฆเร วา ‘‘มํ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ กเถยฺยาสี’’ติ อนุชานาติ, ลทฺธกปฺปิยํ โหติ, สพฺพตฺถ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ

    Upanisinnakathāyapi saṅghattherova sāmī, tasmā tena sayaṃ vā kathetabbaṃ, añño vā bhikkhu ‘‘kathehī’’ti vattabbo, no ca kho uccatare āsane nisinnena. Manussānaṃ pana ‘‘bhaṇāhī’’ti vattuṃ vaṭṭati. Manussā attano jānanakabhikkhuṃ āpucchanti, tena theraṃ āpucchitvā kathetabbaṃ. Sace saṅghatthero ‘‘bhante ime pañhaṃ pucchantī’’ti puṭṭho ‘‘kathehī’’ti vā bhaṇati, tuṇhī vā hoti, kathetuṃ vaṭṭati. Antaraghare anumodanādīsupi eseva nayo. Sace saṅghatthero vihāre vā antaraghare vā ‘‘maṃ anāpucchitvāpi katheyyāsī’’ti anujānāti, laddhakappiyaṃ hoti, sabbattha vattuṃ vaṭṭati.

    สชฺฌายํ กโรเนฺตนาปิ เถโร อาปุจฺฉิตโพฺพเยวฯ เอกํ อาปุจฺฉิตฺวา สชฺฌายนฺตสฺส อปโร อาคจฺฉติ, ปุน อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิฯ สเจ วิสฺสมิสฺสามีติ ฐปิตสฺส อาคจฺฉติ, ปุน อารภเนฺตนาปิ อาปุจฺฉิตพฺพํฯ สงฺฆเตฺถเร อนาคเตเยว อารทฺธํ สชฺฌายนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ เอเกน สงฺฆเตฺถเรน ‘‘มํ อนาปุจฺฉาปิ ยถาสุขํ สชฺฌายาหี’’ติ อนุญฺญาเต ยถาสุขํ สชฺฌายิตุํ วฎฺฎติฯ อญฺญสฺมิํ ปน อาคเต ตํ อาปุจฺฉิตฺวาว สชฺฌายิตพฺพํฯ

    Sajjhāyaṃ karontenāpi thero āpucchitabboyeva. Ekaṃ āpucchitvā sajjhāyantassa aparo āgacchati, puna āpucchanakiccaṃ natthi. Sace vissamissāmīti ṭhapitassa āgacchati, puna ārabhantenāpi āpucchitabbaṃ. Saṅghatthere anāgateyeva āraddhaṃ sajjhāyantassāpi eseva nayo. Ekena saṅghattherena ‘‘maṃ anāpucchāpi yathāsukhaṃ sajjhāyāhī’’ti anuññāte yathāsukhaṃ sajjhāyituṃ vaṭṭati. Aññasmiṃ pana āgate taṃ āpucchitvāva sajjhāyitabbaṃ.

    ๑๕๑. อตฺตนา วา อตฺตานํ สมฺมนฺนิตพฺพํติ อตฺตนา วา อตฺตา สมฺมนฺนิตโพฺพ; ปุจฺฉเนฺตน ปน ปริสํ โอโลเกตฺวา สเจ อตฺตโน อุปทฺทโว นตฺถิ, วินโย ปุจฺฉิตโพฺพฯ

    151.Attanā vā attānaṃ sammannitabbaṃti attanā vā attā sammannitabbo; pucchantena pana parisaṃ oloketvā sace attano upaddavo natthi, vinayo pucchitabbo.

    ๑๕๓. กเตปิ โอกาเส ปุคฺคลํ ตุลยิตฺวาติ ‘‘อตฺถิ นุ โข เม อิโต อุปทฺทโว, นตฺถี’’ติ เอวํ อุปปริกฺขิตฺวาฯ ปุรมฺหากนฺติ ปฐมํ อมฺหากํฯ ปฎิกเจฺจวาติ ปฐมตรเมวฯ ปุคฺคลํ ตุลยิตฺวา โอกาสํ กาตุนฺติ ‘‘ภูตเมว นุ โข อาปตฺติํ วทติ, อภูต’’นฺติ เอวํ อุปปริกฺขิตฺวา โอกาสํ กาตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ

    153.Katepi okāse puggalaṃ tulayitvāti ‘‘atthi nu kho me ito upaddavo, natthī’’ti evaṃ upaparikkhitvā. Puramhākanti paṭhamaṃ amhākaṃ. Paṭikaccevāti paṭhamatarameva. Puggalaṃ tulayitvā okāsaṃ kātunti ‘‘bhūtameva nu kho āpattiṃ vadati, abhūta’’nti evaṃ upaparikkhitvā okāsaṃ kātuṃ anujānāmīti attho.







    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปาติโมกฺขุเทฺทสกถาวณฺณนา • Pātimokkhuddesakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาติโมกฺขุเทฺทสกถาวณฺณนา • Pātimokkhuddesakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาติโมกฺขุเทฺทสกถาวณฺณนา • Pātimokkhuddesakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗๘. ปาติโมกฺขุเทฺทสกถา • 78. Pātimokkhuddesakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact