Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi

    ๖๙. ปาติโมกฺขุเทฺทสานุชานนา

    69. Pātimokkhuddesānujānanā

    ๑๓๓. อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘ยํนูนาหํ ยานิ มยา ภิกฺขูนํ ปญฺญตฺตานิ สิกฺขาปทานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุเทฺทสํ อนุชาเนยฺยํฯ โส เนสํ ภวิสฺสติ อุโปสถกมฺม’’นฺติฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – อิธ มยฺหํ, ภิกฺขเว, รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ ‘ยํนูนาหํ ยานิ มยา ภิกฺขูนํ ปญฺญตฺตานิ สิกฺขาปทานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุเทฺทสํ อนุชาเนยฺยํฯ โส เนสํ ภวิสฺสติ อุโปสถกมฺม’นฺติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพํฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    133. Atha kho bhagavato rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘yaṃnūnāhaṃ yāni mayā bhikkhūnaṃ paññattāni sikkhāpadāni, tāni nesaṃ pātimokkhuddesaṃ anujāneyyaṃ. So nesaṃ bhavissati uposathakamma’’nti. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – idha mayhaṃ, bhikkhave, rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi ‘yaṃnūnāhaṃ yāni mayā bhikkhūnaṃ paññattāni sikkhāpadāni, tāni nesaṃ pātimokkhuddesaṃ anujāneyyaṃ. So nesaṃ bhavissati uposathakamma’nti. Anujānāmi, bhikkhave, pātimokkhaṃ uddisituṃ. Evañca pana, bhikkhave, uddisitabbaṃ. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ๑๓๔. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยฯ กิํ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจํ? ปาริสุทฺธิํ อายสฺมโนฺต อาโรเจถ ฯ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิฯ ตํ สเพฺพว สนฺตา สาธุกํ สุโณม มนสิ กโรมฯ ยสฺส สิยา อาปตฺติ , โส อาวิกเรยฺยฯ อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพํฯ ตุณฺหีภาเวน โข ปนายสฺมเนฺต ปริสุทฺธาติ เวทิสฺสามิฯ ยถา โข ปน ปเจฺจกปุฎฺฐสฺส เวยฺยากรณํ โหติ, เอวเมวํ 1 เอวรูปาย ปริสาย ยาวตติยํ อนุสฺสาวิตํ โหติฯ โย ปน ภิกฺขุ ยาวตติยํ อนุสฺสาวิยมาเน สรมาโน สนฺติํ อาปตฺติํ นาวิกเรยฺย, สมฺปชานมุสาวาทสฺส โหติฯ สมฺปชานมุสาวาโท โข ปนายสฺมโนฺต อนฺตรายิโก ธโมฺม วุโตฺต ภควตาฯ ตสฺมา, สรมาเนน ภิกฺขุนา อาปเนฺนน วิสุทฺธาเปเกฺขน สนฺตี อาปตฺติ อาวิกาตพฺพา; อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติฯ

    134. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho uposathaṃ kareyya, pātimokkhaṃ uddiseyya. Kiṃ saṅghassa pubbakiccaṃ? Pārisuddhiṃ āyasmanto ārocetha . Pātimokkhaṃ uddisissāmi. Taṃ sabbeva santā sādhukaṃ suṇoma manasi karoma. Yassa siyā āpatti , so āvikareyya. Asantiyā āpattiyā tuṇhī bhavitabbaṃ. Tuṇhībhāvena kho panāyasmante parisuddhāti vedissāmi. Yathā kho pana paccekapuṭṭhassa veyyākaraṇaṃ hoti, evamevaṃ 2 evarūpāya parisāya yāvatatiyaṃ anussāvitaṃ hoti. Yo pana bhikkhu yāvatatiyaṃ anussāviyamāne saramāno santiṃ āpattiṃ nāvikareyya, sampajānamusāvādassa hoti. Sampajānamusāvādo kho panāyasmanto antarāyiko dhammo vutto bhagavatā. Tasmā, saramānena bhikkhunā āpannena visuddhāpekkhena santī āpatti āvikātabbā; āvikatā hissa phāsu hotī’’ti.

    ๑๓๕. ปาติโมกฺขนฺติ อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมตํ กุสลานํ ธมฺมานํฯ เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขนฺติฯ อายสฺมโนฺตติ ปิยวจนเมตํ ครุวจนเมตํ สคารวสปฺปติสฺสาธิวจนเมตํ อายสฺมโนฺตติฯ อุทฺทิสิสฺสามีติ อาจิกฺขิสฺสามิ เทเสสฺสามิ ปญฺญเปสฺสามิ ปฎฺฐเปสฺสามิ วิวริสฺสามิ วิภชิสฺสามิ อุตฺตานิํ กริสฺสามิ 3 ปกาเสสฺสามิฯ นฺติ ปาติโมกฺขํ วุจฺจติฯ สเพฺพว สนฺตาติ ยาวติกา ตสฺสา ปริสาย เถรา จ นวา จ มชฺฌิมา จ, เอเต วุจฺจนฺติ สเพฺพว สนฺตาติฯ สาธุกํ สุโณมาติ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา 4 สมนฺนาหรามฯ มนสิ กโรมาติ เอกคฺคจิตฺตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา อวิสาหฎจิตฺตา นิสาเมมฯ ยสฺส สิยา อาปตฺตีติ เถรสฺส วา นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา, ปญฺจนฺนํ วา อาปตฺติกฺขนฺธานํ อญฺญตรา อาปตฺติ, สตฺตนฺนํ วา อาปตฺติกฺขนฺธานํ อญฺญตรา อาปตฺติฯ โส อาวิกเรยฺยาติ โส เทเสยฺย, โส วิวเรยฺย, โส อุตฺตานิํ กเรยฺย, โส ปกาเสยฺย สงฺฆมเชฺฌ วา คณมเชฺฌ วา เอกปุคฺคเล วาฯ อสนฺตี นาม อาปตฺติ อนชฺฌาปนฺนา วา โหติ, อาปชฺชิตฺวา วา วุฎฺฐิตาฯ ตุณฺหี ภวิตพฺพนฺติ อธิวาเสตพฺพํ น พฺยาหริตพฺพํฯ ปริสุทฺธาติ เวทิสฺสามีติ ชานิสฺสามิ ธาเรสฺสามิฯ ยถา โข ปน ปเจฺจกปุฎฺฐสฺส เวยฺยากรณํ โหตีติ ยถา เอเกน เอโก ปุโฎฺฐ พฺยากเรยฺย, เอวเมว ตสฺสา ปริสาย ชานิตพฺพํ มํ ปุจฺฉตีติฯ เอวรูปา นาม ปริสา ภิกฺขุปริสา วุจฺจติฯ ยาวตติยํ อนุสฺสาวิตํ โหตีติ สกิมฺปิ อนุสฺสาวิตํ โหติ, ทุติยมฺปิ อนุสฺสาวิตํ โหติ, ตติยมฺปิ อนุสฺสาวิตํ โหติฯ สรมาโนติ ชานมาโน สญฺชานมาโนฯ สนฺตี นาม อาปตฺติ อชฺฌาปนฺนา วา โหติ, อาปชฺชิตฺวา วา อวุฎฺฐิตาฯ นาวิกเรยฺยาติ น เทเสยฺย, น วิวเรยฺย, น อุตฺตานิํ กเรยฺย, น ปกาเสยฺย สงฺฆมเชฺฌ วา คณมเชฺฌ วา เอกปุคฺคเล วาฯ สมฺปชานมุสาวาทสฺส โหตีติฯ สมฺปชานมุสาวาเท กิํ โหติ? ทุกฺกฎํ โหติฯ อนฺตรายิโก ธโมฺม วุโตฺต ภควตาติฯ กิสฺส อนฺตรายิโก? ปฐมสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ทุติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ตติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ฌานานํ วิโมกฺขานํ สมาธีนํ สมาปตฺตีนํ เนกฺขมฺมานํ นิสฺสรณานํ ปวิเวกานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อธิคมาย อนฺตรายิโกฯ ตสฺมาติ ตงฺการณาฯ สรมาเนนาติ ชานมาเนน สญฺชานมาเนนฯ วิสุทฺธาเปเกฺขนาติ วุฎฺฐาตุกาเมน วิสุชฺฌิตุกาเมนฯ สนฺตี นาม อาปตฺติ อชฺฌาปนฺนา วา โหติ, อาปชฺชิตฺวา วา อวุฎฺฐิตาฯ อาวิกาตพฺพาติ อาวิกาตพฺพา สงฺฆมเชฺฌ วา คณมเชฺฌ วา เอกปุคฺคเล วาฯ อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตีติฯ กิสฺส ผาสุ โหติ? ปฐมสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, ทุติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, ตติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, ฌานานํ วิโมกฺขานํ สมาธีนํ สมาปตฺตีนํ เนกฺขมฺมานํ นิสฺสรณานํ ปวิเวกานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อธิคมาย ผาสุ โหตีติฯ

    135.Pātimokkhanti ādimetaṃ mukhametaṃ pamukhametaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ. Tena vuccati pātimokkhanti. Āyasmantoti piyavacanametaṃ garuvacanametaṃ sagāravasappatissādhivacanametaṃ āyasmantoti. Uddisissāmīti ācikkhissāmi desessāmi paññapessāmi paṭṭhapessāmi vivarissāmi vibhajissāmi uttāniṃ karissāmi 5 pakāsessāmi. Tanti pātimokkhaṃ vuccati. Sabbeva santāti yāvatikā tassā parisāya therā ca navā ca majjhimā ca, ete vuccanti sabbeva santāti. Sādhukaṃ suṇomāti aṭṭhiṃ katvā manasi katvā sabbacetasā 6 samannāharāma. Manasi karomāti ekaggacittā avikkhittacittā avisāhaṭacittā nisāmema. Yassa siyā āpattīti therassa vā navassa vā majjhimassa vā, pañcannaṃ vā āpattikkhandhānaṃ aññatarā āpatti, sattannaṃ vā āpattikkhandhānaṃ aññatarā āpatti. So āvikareyyāti so deseyya, so vivareyya, so uttāniṃ kareyya, so pakāseyya saṅghamajjhe vā gaṇamajjhe vā ekapuggale vā. Asantī nāma āpatti anajjhāpannā vā hoti, āpajjitvā vā vuṭṭhitā. Tuṇhī bhavitabbanti adhivāsetabbaṃ na byāharitabbaṃ. Parisuddhāti vedissāmīti jānissāmi dhāressāmi. Yathā kho pana paccekapuṭṭhassa veyyākaraṇaṃ hotīti yathā ekena eko puṭṭho byākareyya, evameva tassā parisāya jānitabbaṃ maṃ pucchatīti. Evarūpā nāma parisā bhikkhuparisā vuccati. Yāvatatiyaṃ anussāvitaṃ hotīti sakimpi anussāvitaṃ hoti, dutiyampi anussāvitaṃ hoti, tatiyampi anussāvitaṃ hoti. Saramānoti jānamāno sañjānamāno. Santī nāma āpatti ajjhāpannā vā hoti, āpajjitvā vā avuṭṭhitā. Nāvikareyyāti na deseyya, na vivareyya, na uttāniṃ kareyya, na pakāseyya saṅghamajjhe vā gaṇamajjhe vā ekapuggale vā. Sampajānamusāvādassa hotīti. Sampajānamusāvāde kiṃ hoti? Dukkaṭaṃ hoti. Antarāyiko dhammo vutto bhagavatāti. Kissa antarāyiko? Paṭhamassa jhānassa adhigamāya antarāyiko, dutiyassa jhānassa adhigamāya antarāyiko, tatiyassa jhānassa adhigamāya antarāyiko, catutthassa jhānassa adhigamāya antarāyiko, jhānānaṃ vimokkhānaṃ samādhīnaṃ samāpattīnaṃ nekkhammānaṃ nissaraṇānaṃ pavivekānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ adhigamāya antarāyiko. Tasmāti taṅkāraṇā. Saramānenāti jānamānena sañjānamānena. Visuddhāpekkhenāti vuṭṭhātukāmena visujjhitukāmena. Santī nāma āpatti ajjhāpannā vā hoti, āpajjitvā vā avuṭṭhitā. Āvikātabbāti āvikātabbā saṅghamajjhe vā gaṇamajjhe vā ekapuggale vā. Āvikatā hissa phāsu hotīti. Kissa phāsu hoti? Paṭhamassa jhānassa adhigamāya phāsu hoti, dutiyassa jhānassa adhigamāya phāsu hoti, tatiyassa jhānassa adhigamāya phāsu hoti, catutthassa jhānassa adhigamāya phāsu hoti, jhānānaṃ vimokkhānaṃ samādhīnaṃ samāpattīnaṃ nekkhammānaṃ nissaraṇānaṃ pavivekānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ adhigamāya phāsu hotīti.

    ๑๓๖. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู – ภควตา ปาติโมกฺขุเทฺทโส อนุญฺญาโตติ – เทวสิกํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, เทวสิกํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํฯ โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุนฺติฯ

    136. Tena kho pana samayena bhikkhū – bhagavatā pātimokkhuddeso anuññātoti – devasikaṃ pātimokkhaṃ uddisanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, devasikaṃ pātimokkhaṃ uddisitabbaṃ. Yo uddiseyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, uposathe pātimokkhaṃ uddisitunti.

    เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู – ภควตา อุโปสเถ ปาติโมกฺขุเทฺทโส อนุญฺญาโตติ – ปกฺขสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, จาตุทฺทเส ปนฺนรเส อฎฺฐมิยา จ ปกฺขสฺสฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํฯ โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สกิํ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุนฺติฯ

    Tena kho pana samayena bhikkhū – bhagavatā uposathe pātimokkhuddeso anuññātoti – pakkhassa tikkhattuṃ pātimokkhaṃ uddisanti, cātuddase pannarase aṭṭhamiyā ca pakkhassa. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, pakkhassa tikkhattuṃ pātimokkhaṃ uddisitabbaṃ. Yo uddiseyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, sakiṃ pakkhassa cātuddase vā pannarase vā pātimokkhaṃ uddisitunti.

    เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ยถาปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ สกาย สกาย ปริสายฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, ยถาปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ สกาย สกาย ปริสายฯ โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมคฺคานํ อุโปสถกมฺมนฺติฯ

    Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū yathāparisāya pātimokkhaṃ uddisanti sakāya sakāya parisāya. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, yathāparisāya pātimokkhaṃ uddisitabbaṃ sakāya sakāya parisāya. Yo uddiseyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, samaggānaṃ uposathakammanti.

    อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ภควตา ปญฺญตฺตํ ‘สมคฺคานํ อุโปสถกมฺม’นฺติฯ กิตฺตาวตา นุ โข สามคฺคี โหติ, ยาวตา เอกาวาโส, อุทาหุ สพฺพา ปถวี’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอตฺตาวตา สามคฺคี ยาวตา เอกาวาโสติฯ

    Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘bhagavatā paññattaṃ ‘samaggānaṃ uposathakamma’nti. Kittāvatā nu kho sāmaggī hoti, yāvatā ekāvāso, udāhu sabbā pathavī’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, ettāvatā sāmaggī yāvatā ekāvāsoti.







    Footnotes:
    1. เอวเมว (ก)
    2. evameva (ka)
    3. อุตฺตานี กริสฺสามิ (สี. สฺยา.)
    4. สพฺพํ เจตสา (สฺยา. ก.)
    5. uttānī karissāmi (sī. syā.)
    6. sabbaṃ cetasā (syā. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / สนฺนิปาตานุชานนาทิกถา • Sannipātānujānanādikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา • Sannipātānujānanādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา • Sannipātānujānanādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา • Sannipātānujānanādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๖๘. สนฺนิปาตานุชานนาทิกถา • 68. Sannipātānujānanādikathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact