Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๙. ปาติโมกฺขฎฺฐปนกฺขนฺธกํ

    9. Pātimokkhaṭṭhapanakkhandhakaṃ

    ปาติโมกฺขุเทฺทสยาจนกถาวณฺณนา

    Pātimokkhuddesayācanakathāvaṇṇanā

    ๓๘๓. ปาติโมกฺขฎฺฐปนกฺขนฺธเก ตทหูติ (อุทา. อฎฺฐ. ๔๕) ตสฺมิํ อหนิ ตสฺมิํ ทิวเสฯ อุโปสเถติ เอตฺถ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสนฺตีติ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อโตฺถฯ อยญฺหิ อุโปสถ-สโทฺท ‘‘อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสามี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๑๐.๔๖) สีเล อาคโตฯ ‘‘อุโปสโถ วา ปวารณา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๕) ปาติโมกฺขุเทฺทสาทิวินยกเมฺมฯ ‘‘โคปาลกูโปสโถ นิคณฺฐูโปสโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑) อุปวาเสฯ ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖; ม. นิ. ๓.๒๕๘) ปญฺญตฺติยํฯ ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘) ทิวเสฯ อิธาปิ ทิวเสเยว ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺมา ตทหุโปสเถติ ตสฺมิํ อุโปสถทิวสภูเต อหนีติ อโตฺถฯ นิสิโนฺน โหตีติ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อุปาสิกาย รตนปาสาเท นิสิโนฺน โหติฯ นิสชฺช ปน ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ โอโลเกโนฺต เอกํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิมสฺมิํ ปุคฺคเล อิธ นิสิเนฺนเยว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, สตฺตธาวสฺส มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺมิํ อนุกมฺปาย ตุณฺหีเยว อโหสิฯ

    383. Pātimokkhaṭṭhapanakkhandhake tadahūti (udā. aṭṭha. 45) tasmiṃ ahani tasmiṃ divase. Uposatheti ettha upavasanti etthāti uposatho, upavasantīti sīlena vā anasanena vā upetā hutvā vasantīti attho. Ayañhi uposatha-saddo ‘‘aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasāmī’’tiādīsu (a. ni. 3.71; 10.46) sīle āgato. ‘‘Uposatho vā pavāraṇā vā’’tiādīsu (mahāva. 155) pātimokkhuddesādivinayakamme. ‘‘Gopālakūposatho nigaṇṭhūposatho’’tiādīsu (a. ni. 3.71) upavāse. ‘‘Uposatho nāma nāgarājā’’tiādīsu (dī. ni. 2.246; ma. ni. 3.258) paññattiyaṃ. ‘‘Ajjuposatho pannaraso’’tiādīsu (mahāva. 168) divase. Idhāpi divaseyeva daṭṭhabbo. Tasmā tadahuposatheti tasmiṃ uposathadivasabhūte ahanīti attho. Nisinno hotīti mahābhikkhusaṅghaparivuto ovādapātimokkhaṃ uddisituṃ upāsikāya ratanapāsāde nisinno hoti. Nisajja pana bhikkhūnaṃ cittāni olokento ekaṃ dussīlapuggalaṃ disvā ‘‘sacāhaṃ imasmiṃ puggale idha nisinneyeva pātimokkhaṃ uddisissāmi, sattadhāvassa muddhā phalissatī’’ti tasmiṃ anukampāya tuṇhīyeva ahosi.

    อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ปริกฺขีณาฯ อุทฺธเสฺต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเสฯ นนฺทิมุขิยาติ ตุฎฺฐิมุขิยาฯ อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ ปตฺวาปิ ‘‘อุทฺทิสตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุเทฺทสํ ยาจิ ตสฺมิํ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๑๘๓) สิกฺขาปทสฺส อปญฺญตฺตตฺตาฯ อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสาติ ติกฺขตฺตุํ เถเรน ปาติโมกฺขุเทฺทสสฺส ยาจิตตฺตา อนุเทฺทสสฺส การณํ กเถโนฺต ‘‘อสุกปุคฺคโล อปริสุโทฺธ’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ อาห ฯ กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺติํ ตถา วีตินาเมสิ? ตโต ปฎฺฐาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฎํ กาตุํฯ

    Abhikkantāti atikkantā parikkhīṇā. Uddhaste aruṇeti uggate aruṇasīse. Nandimukhiyāti tuṭṭhimukhiyā. Uddhastaṃ aruṇanti aruṇuggamanaṃ patvāpi ‘‘uddisatu, bhante, bhagavā bhikkhūnaṃ pātimokkha’’nti thero bhagavantaṃ pātimokkhuddesaṃ yāci tasmiṃ kāle ‘‘na, bhikkhave, anuposathe uposatho kātabbo’’ti (mahāva. 183) sikkhāpadassa apaññattattā. Aparisuddhā, ānanda, parisāti tikkhattuṃ therena pātimokkhuddesassa yācitattā anuddesassa kāraṇaṃ kathento ‘‘asukapuggalo aparisuddho’’ti avatvā ‘‘aparisuddhā, ānanda, parisā’’ti āha . Kasmā pana bhagavā tiyāmarattiṃ tathā vītināmesi? Tato paṭṭhāya ovādapātimokkhaṃ anuddisitukāmo tassa vatthuṃ pākaṭaṃ kātuṃ.

    อทฺทสาติ กถํ อทฺทสฯ อตฺตโน เจโตปริยญาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานโนฺต ตสฺส ปุริสสฺส ทุสฺสีลฺยจิตฺตํ ปสฺสิฯ ยสฺมา ปน จิเตฺต ทิเฎฺฐ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิโฎฺฐ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติ วุตฺตํฯ ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยญาณลาภี ปชานาติ, เอวํ อตีเตปีติฯ ทุสฺสีลนฺติ นิสฺสีลํ, สีลวิรหิตนฺติ อโตฺถฯ ปาปธมฺมนฺติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวํฯ อสุจินฺติ อปริสุเทฺธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา น สุจิํฯ สงฺกสฺสรสมาจารนฺติ กิญฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปเรสํ อาสงฺกนียตาย สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํฯ อถ วา เกนจิเทว กรณีเยน มนฺตยเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มเนฺตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํฯ ลชฺชิตพฺพตาย ปฎิจฺฉาเทตพฺพสฺส กรณโต ปฎิจฺฉนฺนํ กมฺมนฺตํ เอตสฺสาติ ปฎิจฺฉนฺนกมฺมนฺตํฯ กุจฺฉิตสมณเวสธาริตาย น สมณนฺติ อสฺสมณํฯ สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา สมณา’’ติ คณนาย ‘‘อหมฺปิ สมโณมฺหี’’ติ มิจฺฉาปฎิญฺญาย สมณปฎิญฺญํฯ อเสฎฺฐจาริตาย อพฺรหฺมจาริํฯ อเญฺญ พฺรหฺมจาริโน สุนิวเตฺถ สุปารุเต กุสุมฺภกปฎธเร คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กเปฺปเนฺต ทิสฺวา อพฺรหฺมจารี สมาโน สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ปฎิปชฺชโนฺต อุโปสถาทีสุ จ สนฺทิสฺสโนฺต ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฎิญฺญํ เทโนฺต วิย โหตีติ พฺรหฺมจาริปฎิญฺญํฯ ปูตินา กเมฺมน สีลวิปตฺติยา อโนฺต อนุปวิฎฺฐตฺตา อโนฺตปูติํฯ ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสาวสฺสเวน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตํฯ สญฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวเนฺตหิ ฉเฑฺฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตํฯ มเชฺฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปโนฺน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อโนฺต นิสินฺนํฯ

    Addasāti kathaṃ addasa. Attano cetopariyañāṇena tassaṃ parisati bhikkhūnaṃ cittāni parijānanto tassa purisassa dussīlyacittaṃ passi. Yasmā pana citte diṭṭhe taṃsamaṅgīpuggalo diṭṭho nāma hoti, tasmā ‘‘addasā kho āyasmā mahāmoggallāno taṃ puggalaṃ dussīla’’nti vuttaṃ. Yatheva hi anāgate sattasu divasesu pavattaṃ paresaṃ cittaṃ cetopariyañāṇalābhī pajānāti, evaṃ atītepīti. Dussīlanti nissīlaṃ, sīlavirahitanti attho. Pāpadhammanti dussīlattā eva hīnajjhāsayatāya lāmakasabhāvaṃ. Asucinti aparisuddhehi kāyakammādīhi samannāgatattā na suciṃ. Saṅkassarasamācāranti kiñcideva asāruppaṃ disvā ‘‘idaṃ iminā kataṃ bhavissatī’’ti evaṃ paresaṃ āsaṅkanīyatāya saṅkāya saritabbasamācāraṃ. Atha vā kenacideva karaṇīyena mantayante bhikkhū disvā ‘‘kacci nu kho ime mayā katakammaṃ jānitvā mantentī’’ti attanoyeva saṅkāya saritabbasamācāraṃ. Lajjitabbatāya paṭicchādetabbassa karaṇato paṭicchannaṃ kammantaṃ etassāti paṭicchannakammantaṃ. Kucchitasamaṇavesadhāritāya na samaṇanti assamaṇaṃ. Salākaggahaṇādīsu ‘‘kittakā samaṇā’’ti gaṇanāya ‘‘ahampi samaṇomhī’’ti micchāpaṭiññāya samaṇapaṭiññaṃ. Aseṭṭhacāritāya abrahmacāriṃ. Aññe brahmacārino sunivatthe supārute kusumbhakapaṭadhare gāmanigamādīsu piṇḍāya caritvā jīvikaṃ kappente disvā abrahmacārī samāno sayampi tādisena ākārena paṭipajjanto uposathādīsu ca sandissanto ‘‘ahampi brahmacārī’’ti paṭiññaṃ dento viya hotīti brahmacāripaṭiññaṃ. Pūtinā kammena sīlavipattiyā anto anupaviṭṭhattā antopūtiṃ. Chahi dvārehi rāgādikilesāvassavena tintattā avassutaṃ. Sañjātarāgādikacavarattā sīlavantehi chaḍḍetabbattā ca kasambujātaṃ. Majjhe bhikkhusaṅghassa nisinnanti saṅghapariyāpanno viya bhikkhusaṅghassa anto nisinnaṃ.

    ทิโฎฺฐสีติ ‘‘อยํ น ปกตโตฺต’’ติ ภควตา ทิโฎฺฐ อสิฯ ยสฺมา จ เอวํ ทิโฎฺฐ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกกมฺมาทิสํวาโสฯ ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุเฎฺฐหิ อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพาฯ ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ ‘‘เถโร สยเมว นิพฺพิโนฺน โอรมิสฺสติ, อิทานิ อิเมสํ ปฎิปตฺติํ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิฯ พาหายํ คเหตฺวาติ ‘‘ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิโฎฺฐ, ยาวตติยํ ‘อุเฎฺฐหี’ติ จ วุโตฺต น อุฎฺฐาติ, อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล , มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ พาหายํ อคฺคเหสิฯ พหิ ทฺวารโกฎฺฐกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฎฺฐกา ทฺวารสาลโต นิกฺขาเมตฺวา, พหีติ ปน นิกฺขามิตฎฺฐานทสฺสนํฯ อถ วา พหิทฺวารโกฎฺฐกาติ พหิทฺวารโกฎฺฐกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อโนฺตทฺวารโกฎฺฐกโต เอวฯ อุภยถาปิ วิหารโต พหิกตฺวาติ อโตฺถฯ สูจิฆฎิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิญฺจ อุปริฆฎิกญฺจ อาทหิตฺวา, สุฎฺฐุ กวาฎํ ถเกตฺวาติ อโตฺถฯ ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคมิสฺสติ, อจฺฉริยมิทนฺติ ทเสฺสติฯ อิทญฺจ ครหณจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํฯ

    Diṭṭhosīti ‘‘ayaṃ na pakatatto’’ti bhagavatā diṭṭho asi. Yasmā ca evaṃ diṭṭho, tasmā natthi te tava bhikkhūhi saddhiṃ ekakammādisaṃvāso. Yasmā pana so saṃvāso tava natthi, tasmā uṭṭhehi āvusoti evamettha padayojanā veditabbā. Tatiyampi kho so puggalo tuṇhī ahosīti anekavāraṃ vatvāpi ‘‘thero sayameva nibbinno oramissati, idāni imesaṃ paṭipattiṃ jānissāmī’’ti vā adhippāyena tuṇhī ahosi. Bāhāyaṃ gahetvāti ‘‘bhagavatā mayā ca yāthāvato diṭṭho, yāvatatiyaṃ ‘uṭṭhehī’ti ca vutto na uṭṭhāti, idānissa nikkaḍḍhanakālo , mā saṅghassa uposathantarāyo ahosī’’ti bāhāyaṃ aggahesi. Bahi dvārakoṭṭhakā nikkhāmetvāti dvārakoṭṭhakā dvārasālato nikkhāmetvā, bahīti pana nikkhāmitaṭṭhānadassanaṃ. Atha vā bahidvārakoṭṭhakāti bahidvārakoṭṭhakatopi nikkhāmetvā, na antodvārakoṭṭhakato eva. Ubhayathāpi vihārato bahikatvāti attho. Sūcighaṭikaṃ datvāti aggaḷasūciñca uparighaṭikañca ādahitvā, suṭṭhu kavāṭaṃ thaketvāti attho. Yāva bāhāgahaṇāpi nāmāti ‘‘aparisuddhā, ānanda, parisā’’ti vacanaṃ sutvā eva hi tena pakkamitabbaṃ siyā, evaṃ apakkamitvā yāva bāhāgahaṇāpi nāma so moghapuriso āgamissati, acchariyamidanti dasseti. Idañca garahaṇacchariyamevāti veditabbaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / ๑. ปาติโมกฺขุเทฺทสยาจนา • 1. Pātimokkhuddesayācanā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ปาติโมกฺขุเทฺทสยาจนกถา • Pātimokkhuddesayācanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาติโมกฺขุเทฺทสยาจนกถาวณฺณนา • Pātimokkhuddesayācanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาติโมกฺขุเทฺทสยาจนกถาวณฺณนา • Pātimokkhuddesayācanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ปาติโมกฺขุเทฺทสยาจนกถา • 1. Pātimokkhuddesayācanakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact