Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
ปฎิญฺญาตกรณํ
Paṭiññātakaraṇaṃ
๒๓๙. 1 ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ กติหิ สมเถหิ สมฺมติ? อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติ – สมฺมุขาวินเยน จ, ปฎิญฺญาตกรเณน จ, ติณวตฺถารเกน จฯ สิยา อาปตฺตาธิกรณํ เอกํ สมถํ อนาคมฺม – ติณวตฺถารกํ, ทฺวีหิ สมเถหิ สเมฺมยฺย – สมฺมุขาวินเยน จ, ปฎิญฺญาตกรเณน จาติ? สิยาติสฺส วจนียํฯ ยถา กถํ วิย? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน; ตํ ปฎิเทเสมี’ติฯ เตน วตฺตโพฺพ – ‘ปสฺสสี’ติ? ‘อาม ปสฺสามี’ติฯ ‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’ติฯ
239.2 ‘‘Āpattādhikaraṇaṃ katihi samathehi sammati? Āpattādhikaraṇaṃ tīhi samathehi sammati – sammukhāvinayena ca, paṭiññātakaraṇena ca, tiṇavatthārakena ca. Siyā āpattādhikaraṇaṃ ekaṃ samathaṃ anāgamma – tiṇavatthārakaṃ, dvīhi samathehi sammeyya – sammukhāvinayena ca, paṭiññātakaraṇena cāti? Siyātissa vacanīyaṃ. Yathā kathaṃ viya? Idha pana, bhikkhave, bhikkhu lahukaṃ āpattiṃ āpanno hoti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā ekaṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ, āvuso, itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno; taṃ paṭidesemī’ti. Tena vattabbo – ‘passasī’ti? ‘Āma passāmī’ti. ‘Āyatiṃ saṃvareyyāsī’ti.
‘‘อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยน จ, ปฎิญฺญาตกรเณน จฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตา…เป.… กา จ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตา? โย จ เทเสติ, ยสฺส จ เทเสติ, อุโภ สมฺมุขีภูตา โหนฺติ – อยํ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ กิญฺจ ตตฺถ ปฎิญฺญาตกรณสฺมิํ? ยา ปฎิญฺญาตกรณสฺส กมฺมสฺส กิริยา กรณํ อุปคมนํ อชฺฌุปคมนํ อธิวาสนา อปฺปฎิโกฺกสนา – อิทํ ตตฺถ ปฎิญฺญาตกรณสฺมิํฯ เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ ปฎิคฺคาหโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํฯ เอวเญฺจตํ ลเภถ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ลเภถ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สมฺพหุเล ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน; ตํ ปฎิเทเสมี’ติฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน เต ภิกฺขู ญาเปตพฺพา –
‘‘Idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena ca, paṭiññātakaraṇena ca. Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā…pe… kā ca tattha puggalasammukhatā? Yo ca deseti, yassa ca deseti, ubho sammukhībhūtā honti – ayaṃ tattha puggalasammukhatā. Kiñca tattha paṭiññātakaraṇasmiṃ? Yā paṭiññātakaraṇassa kammassa kiriyā karaṇaṃ upagamanaṃ ajjhupagamanaṃ adhivāsanā appaṭikkosanā – idaṃ tattha paṭiññātakaraṇasmiṃ. Evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ paṭiggāhako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ. Evañcetaṃ labhetha, iccetaṃ kusalaṃ. No ce labhetha, tena, bhikkhave, bhikkhunā sambahule bhikkhū upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vuḍḍhānaṃ bhikkhūnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassu vacanīyā – ‘ahaṃ, bhante, itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno; taṃ paṭidesemī’ti. Byattena bhikkhunā paṭibalena te bhikkhū ñāpetabbā –
‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตาฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อาปตฺติํ สรติ, วิวรติ, อุตฺตานิํ กโรติ เทเสติฯ ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติํ ปฎิคฺคเณฺหยฺยนฺติฯ เตน วตฺตโพฺพ – ‘ปสฺสสี’ติ? ‘อาม ปสฺสามี’ติฯ ‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’ติฯ
‘‘Suṇantu me āyasmantā. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu āpattiṃ sarati, vivarati, uttāniṃ karoti deseti. Yadāyasmantānaṃ pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmassa bhikkhuno āpattiṃ paṭiggaṇheyyanti. Tena vattabbo – ‘passasī’ti? ‘Āma passāmī’ti. ‘Āyatiṃ saṃvareyyāsī’ti.
‘‘อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยน จ, ปฎิญฺญาตกรเณน จฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตา…เป.… กา จ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตา? โย จ เทเสติ, ยสฺส จ เทเสติ, อุโภ สมฺมุขีภูตา โหนฺติ – อยํ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ กิญฺจ ตตฺถ ปฎิญฺญาตกรณสฺมิํ? ยา ปฎิญฺญาตกรณสฺส กมฺมสฺส กิริยา กรณํ อุปคมนํ อชฺฌุปคมนํ อธิวาสนา อปฺปฎิโกฺกสนา – อิทํ ตตฺถ ปฎิญฺญาตกรณสฺมิํฯ เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ ปฎิคฺคาหโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํฯ เอวเญฺจตํ ลเภถ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ลเภถ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน; ตํ ปฎิเทเสมี’ติฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
‘‘Idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena ca, paṭiññātakaraṇena ca. Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā…pe… kā ca tattha puggalasammukhatā? Yo ca deseti, yassa ca deseti, ubho sammukhībhūtā honti – ayaṃ tattha puggalasammukhatā. Kiñca tattha paṭiññātakaraṇasmiṃ? Yā paṭiññātakaraṇassa kammassa kiriyā karaṇaṃ upagamanaṃ ajjhupagamanaṃ adhivāsanā appaṭikkosanā – idaṃ tattha paṭiññātakaraṇasmiṃ. Evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ paṭiggāhako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ. Evañcetaṃ labhetha, iccetaṃ kusalaṃ. No ce labhetha, tena, bhikkhave, bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vuḍḍhānaṃ bhikkhūnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ, bhante, itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno; taṃ paṭidesemī’ti. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อาปตฺติํ สรติ, วิวรติ, อุตฺตานิํ กโรติ, เทเสติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติํ ปฎิคฺคเณฺหยฺยนฺติฯ เตน วตฺตโพฺพ – ‘ปสฺสสี’ติ? ‘อาม ปสฺสามี’ติฯ ‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’ติฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu āpattiṃ sarati, vivarati, uttāniṃ karoti, deseti. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmassa bhikkhuno āpattiṃ paṭiggaṇheyyanti. Tena vattabbo – ‘passasī’ti? ‘Āma passāmī’ti. ‘Āyatiṃ saṃvareyyāsī’ti.
‘‘อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยน จ, ปฎิญฺญาตกรเณน จ ฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? สงฺฆสมฺมุขตา, ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตา…เป.… เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ ปฎิคฺคาหโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํ; ฉนฺททายโก ขียติ, ขียนกํ ปาจิตฺติยํฯ
‘‘Idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena ca, paṭiññātakaraṇena ca . Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Saṅghasammukhatā, dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā…pe… evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ paṭiggāhako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ; chandadāyako khīyati, khīyanakaṃ pācittiyaṃ.
Footnotes: