Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā |
๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค
15. Paṭisambhidāvibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
1. Suttantabhājanīyaṃ
๑. สงฺคหวารวณฺณนา
1. Saṅgahavāravaṇṇanā
๗๑๘. ‘‘เอเสว นโย’’ติ ธมฺมาทีสุ กโต อติเทโส สเงฺขปโต เตสํ ทสฺสนํ โหตีติ อาห ‘‘สเงฺขเปน ทเสฺสตฺวา’’ติฯ เตสํ นิรุตฺติปฎิภานานํ วิสยา ตพฺพิสยา, เตสํ, นิรุตฺติปฎิภานวิสยภูตานนฺติ อโตฺถฯ ปจฺจยุปฺปนฺนาทิเภเทหีติ ปจฺจยุปฺปนฺนนิพฺพานภาสิตตฺถาทิเภเทหิฯ
718. ‘‘Eseva nayo’’ti dhammādīsu kato atideso saṅkhepato tesaṃ dassanaṃ hotīti āha ‘‘saṅkhepena dassetvā’’ti. Tesaṃ niruttipaṭibhānānaṃ visayā tabbisayā, tesaṃ, niruttipaṭibhānavisayabhūtānanti attho. Paccayuppannādibhedehīti paccayuppannanibbānabhāsitatthādibhedehi.
ทุกฺขเหตุผลชาตาทิธมฺมชรามรณานิ ทุกฺขาทีนิฯ สจฺจเหตุธมฺมปจฺจยาการวาเรสุ ทุกฺขสมุทยาทิปริยาเยน อาคโต ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, สจฺจปจฺจยาการวาเรสุ อริยมโคฺค, ปริยตฺติวาเร ภาสิตํ, อภิธมฺมภาชนีเย กุสลํ, อกุสลนฺติ เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตานํเยว วเสน ปญฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพาติ อิมมตฺถมาห ‘‘ตถา ธมฺมา จา’’ติ อิมินาฯ
Dukkhahetuphalajātādidhammajarāmaraṇāni dukkhādīni. Saccahetudhammapaccayākāravāresu dukkhasamudayādipariyāyena āgato phalanibbattako hetu, saccapaccayākāravāresu ariyamaggo, pariyattivāre bhāsitaṃ, abhidhammabhājanīye kusalaṃ, akusalanti evaṃ pāḷiyaṃ vuttānaṃyeva vasena pañca dhammā veditabbāti imamatthamāha ‘‘tathā dhammā cā’’ti iminā.
นิพฺพตฺตกเหตุอาทีนนฺติ นิพฺพตฺตกสมฺปาปกญาปกานํฯ ปุริโมติ ปวตฺตนโตฺถฯ ตสฺมินฺติ มเคฺคฯ ปจฺฉิโมติ ปาปนโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Nibbattakahetuādīnanti nibbattakasampāpakañāpakānaṃ. Purimoti pavattanattho. Tasminti magge. Pacchimoti pāpanattho daṭṭhabbo.
อวิปรีตนิรุตฺตีติ พุทฺธาทีหิ อาจิณฺณา ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วาจกภาเว นิรุฬฺหา ยาถาวนิรุตฺติฯ ยสฺมา วิญฺญตฺติวิการสหิโต สโทฺท ปญฺญตฺตีติ อตฺตโน อธิปฺปาโย, ตสฺมา ปรมตโต ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อวจนภูตายา’’ติ วิเสเสตฺวา ‘‘เกจิ วณฺณยนฺตี’’ติ อาหฯ เอวํ สตีติ เอวํ นิรุตฺติยา ปญฺญตฺติภาเว สติฯ ปญฺญตฺติ อภิลปิตพฺพาติ อาปชฺชตีติ วุเตฺต, โหตุ, โก โทโส ตสฺสา วจนียภาวโตติ กทาจิ วเทยฺยาติ อาสงฺกโนฺต อาห ‘‘น จ วจนโต…เป.… อุจฺจาเรตพฺพํ อตฺถี’’ติฯ เตสํ อตฺถธมฺมานํฯ น วจนนฺติ อวจนํ อวจนสภาวํฯ เอวํปการนฺติ เอวํวิธํ เอวํ นิยตลิงฺควิเสสโชตนาการํฯ
Aviparītaniruttīti buddhādīhi āciṇṇā tassa tassa atthassa vācakabhāve niruḷhā yāthāvanirutti. Yasmā viññattivikārasahito saddo paññattīti attano adhippāyo, tasmā paramatato taṃ dassento ‘‘avacanabhūtāyā’’ti visesetvā ‘‘keci vaṇṇayantī’’ti āha. Evaṃ satīti evaṃ niruttiyā paññattibhāve sati. Paññatti abhilapitabbāti āpajjatīti vutte, hotu, ko doso tassā vacanīyabhāvatoti kadāci vadeyyāti āsaṅkanto āha ‘‘na ca vacanato…pe… uccāretabbaṃ atthī’’ti. Tesaṃ atthadhammānaṃ. Na vacananti avacanaṃ avacanasabhāvaṃ. Evaṃpakāranti evaṃvidhaṃ evaṃ niyataliṅgavisesajotanākāraṃ.
ปรโตติ ปรภาเค อนนฺตรมโนทฺวาเรฯ สทฺทคฺคหณานุสาเรน คหิตาย นามนิรุตฺติยํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา ปวตฺตตีติ วทนฺติฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘นิรุตฺติ…เป.… สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ ปจฺฉา ชานนนฺติ สทฺทคฺคหณุตฺตรกาลํ นามนิรุตฺติยา ชานนํฯ เอวนฺติ เอวํ สทฺทคฺคหณโต ปจฺฉา นามนิรุตฺติํ อารพฺภ ปวตฺตํ ญาณํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาติ คยฺหมาเนฯ เอวํ นิรุตฺติยา นามปญฺญตฺติปเกฺข ปาฬิยา, อฎฺฐกถาย จ วิโรธํ ทเสฺสตฺวา สทฺทปเกฺข ตทภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตํตํสทฺทวิภาวกนฺติ ยถา ตสฺส ตสฺส สทฺทปฺปเภทนิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ทิพฺพโสตญาณํ สทฺทารมฺมณเมว ตํ ตํ สทฺทํ วิภูตํ กโรติ, เอวํ นิรุตฺติปฺปเภทนิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ นิรุตฺติสทฺทารมฺมณเมว นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาญาณํ ตํ วิภูตํ กโรตีติ ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา วุตฺตาฯ สทฺทํ ปน วิภาเวนฺตํ เอกนฺตโต สทฺทูปนิพนฺธํ ปญฺญตฺติมฺปิ วิภาเวติเยว, ยโต สภาวาสภาววิเสสวิภาวนํ สมฺปชฺชติฯ อญฺญถา หิ สทฺทมตฺตคฺคหเณ วิเสสาวโพโธ เอว น สิยาติ โปราณา ปญฺญตฺติวิภาวนมฺปิ ตสฺส อิจฺฉนฺติฯ ตํวิภาวกนฺติ นิรุตฺติสทฺทวิภาวกํฯ น ปาฬิวิโรโธ โหตีติ ยทิปิ อภิธมฺมภาชนีเย ‘‘ยาย นิรุตฺติยา เตสํ ธมฺมานํ ปญฺญตฺติ โหตี’’ติ (วิภ. ๗๒๗) วุตฺตํ, ตมฺปิ สภาวนิรุตฺติสเทฺทน ธมฺมานํ ปโพธนเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น ตพฺพินิมุตฺตํ ปญฺญตฺตินฺติ ‘‘นิรุตฺติสทฺทารมฺมณา นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา’’ติ วุจฺจมาเน ปาฬิยา วิโรโธ น โหตีติ อโตฺถฯ ‘‘ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สทฺทํ คเหตฺวา ปจฺฉา คหิตาย ปญฺญตฺติยา ปจฺจเวกฺขเณน ภวิตพฺพนฺติ อาสเงฺกยฺยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถมาห ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺติํ สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติอาทิฯ สภาวนิรุตฺติํ วิภาเวนฺตํเยวาติ สภาวนิรุตฺติวิสยสฺส สโมฺมหสฺส ปเคว วิทฺธํสิตตฺตา อตฺถสาธนวเสน อภิญฺญาญาณํ วิย ตํ วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตติฯ เตนาห ‘‘นิรุตฺติํ ภินฺทนฺตํ ปฎิวิชฺฌนฺตเมว อุปฺปชฺชตี’’ติฯ ปเภทคมนเญฺจตฺถ อนวเสสโต นิรุตฺติวิภาคชานนํฯ ตถา เสเสสุฯ สกฺกฎนามาทีติ สกฺกฎวเสน วุตฺตนามาขฺยาตาทิฯ นิปาตปทํ นามาทิปทานิ วิย อตฺถํ น วทติ, อถ โข พฺยเญฺชติ โชเตตีติ ‘‘พฺยญฺชน’’นฺติ วุตฺตํ นิปาตปทํฯ
Paratoti parabhāge anantaramanodvāre. Saddaggahaṇānusārena gahitāya nāmaniruttiyaṃ niruttipaṭisambhidā pavattatīti vadanti. Yadi evaṃ kasmā pāḷiyaṃ ‘‘niruttipaṭisambhidā paccuppannārammaṇā’’ti vuttāti āha ‘‘nirutti…pe… sandhāya vutta’’nti. Pacchā jānananti saddaggahaṇuttarakālaṃ nāmaniruttiyā jānanaṃ. Evanti evaṃ saddaggahaṇato pacchā nāmaniruttiṃ ārabbha pavattaṃ ñāṇaṃ niruttipaṭisambhidāti gayhamāne. Evaṃ niruttiyā nāmapaññattipakkhe pāḷiyā, aṭṭhakathāya ca virodhaṃ dassetvā saddapakkhe tadabhāvaṃ dassento ‘‘yathā panā’’tiādimāha. Taṃtaṃsaddavibhāvakanti yathā tassa tassa saddappabhedanicchayassa paccayabhūtaṃ dibbasotañāṇaṃ saddārammaṇameva taṃ taṃ saddaṃ vibhūtaṃ karoti, evaṃ niruttippabhedanicchayassa paccayabhūtaṃ niruttisaddārammaṇameva niruttipaṭisambhidāñāṇaṃ taṃ vibhūtaṃ karotīti tassa paccuppannārammaṇatā vuttā. Saddaṃ pana vibhāventaṃ ekantato saddūpanibandhaṃ paññattimpi vibhāvetiyeva, yato sabhāvāsabhāvavisesavibhāvanaṃ sampajjati. Aññathā hi saddamattaggahaṇe visesāvabodho eva na siyāti porāṇā paññattivibhāvanampi tassa icchanti. Taṃvibhāvakanti niruttisaddavibhāvakaṃ. Na pāḷivirodho hotīti yadipi abhidhammabhājanīye ‘‘yāya niruttiyā tesaṃ dhammānaṃ paññatti hotī’’ti (vibha. 727) vuttaṃ, tampi sabhāvaniruttisaddena dhammānaṃ pabodhanameva sandhāya vuttaṃ, na tabbinimuttaṃ paññattinti ‘‘niruttisaddārammaṇā niruttipaṭisambhidā’’ti vuccamāne pāḷiyā virodho na hotīti attho. ‘‘Paccavekkhantassā’’ti vuttattā saddaṃ gahetvā pacchā gahitāya paññattiyā paccavekkhaṇena bhavitabbanti āsaṅkeyyāti tadāsaṅkānivattanatthamāha ‘‘taṃ sabhāvaniruttiṃ saddaṃ ārammaṇaṃ katvā’’tiādi. Sabhāvaniruttiṃ vibhāventaṃyevāti sabhāvaniruttivisayassa sammohassa pageva viddhaṃsitattā atthasādhanavasena abhiññāñāṇaṃ viya taṃ vibhāventameva pavattati. Tenāha ‘‘niruttiṃ bhindantaṃ paṭivijjhantameva uppajjatī’’ti. Pabhedagamanañcettha anavasesato niruttivibhāgajānanaṃ. Tathā sesesu. Sakkaṭanāmādīti sakkaṭavasena vuttanāmākhyātādi. Nipātapadaṃ nāmādipadāni viya atthaṃ na vadati, atha kho byañjeti jotetīti ‘‘byañjana’’nti vuttaṃ nipātapadaṃ.
โพธิ ญาณํ มณฺฑภูตํ เอตฺถาติ โพธิมโณฺฑ, มหาโพธิฎฺฐานํฯ เตนาห ‘‘ปฐมาภิสมฺพุทฺธฎฺฐาเน’’ติฯ อเญฺญน ปกาเรนาติ อุคฺคหาทิปฺปกาเรนฯ
Bodhi ñāṇaṃ maṇḍabhūtaṃ etthāti bodhimaṇḍo, mahābodhiṭṭhānaṃ. Tenāha ‘‘paṭhamābhisambuddhaṭṭhāne’’ti. Aññena pakārenāti uggahādippakārena.
อญฺญถา โหนฺตีติ ปุริสยุเค ปุริสยุเค เอกเทเสน ปริวตฺตนฺตา กาลนฺตเร อญฺญาการา ภวนฺติฯ วินสฺสนฺตีติ ตํตํภาสานํ มนุสฺสานํ วินาเสน น ปญฺญายนฺติ, มนุสฺสานํ ทุรุคฺคหณาทินา กตฺถจิ กทาจิ ปริวตฺตนฺตีปิ พฺรหฺมโลกาทีสุ ยถาสภาเวเนว อวฎฺฐานโต น สพฺพตฺถ, สพฺพทา, สพฺพถา จ ปริวตฺตติฯ เตนาห ‘‘กปฺปวินาเสปิ ติฎฺฐติเยวา’’ติฯ เอตสฺส นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาญาณสฺสฯ
Aññathā hontīti purisayuge purisayuge ekadesena parivattantā kālantare aññākārā bhavanti. Vinassantīti taṃtaṃbhāsānaṃ manussānaṃ vināsena na paññāyanti, manussānaṃ duruggahaṇādinā katthaci kadāci parivattantīpi brahmalokādīsu yathāsabhāveneva avaṭṭhānato na sabbattha, sabbadā, sabbathā ca parivattati. Tenāha ‘‘kappavināsepi tiṭṭhatiyevā’’ti. Etassa niruttipaṭisambhidāñāṇassa.
อตฺถาทีสุ ญาณนฺติ อตฺถปฎิสมฺภิทาทิฯ อตฺถธมฺมนิรุตฺติวเสน ตีสุฯ อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฎิภานวเสน จตูสุปิ วาฯ อตฺถธมฺมาทินา อตฺตนา โชเตตเพฺพน สห อเตฺถนาติ สาตฺถกานิฯ สโพฺพ อตฺถธมฺมาทิโก อโตฺถ วิสยภูโต เอตสฺส ญาณสฺส อตฺถีติ สพฺพตฺถกํฯ สพฺพสฺมิํ อตฺถาทิเก วิสเย ขิตฺตํ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ฐปิตํ ปวตฺติตํฯ อรหตฺตปฺปตฺติยา วิสทา โหนฺติ ปฎิปกฺขธมฺมานํ สพฺพโส วิทฺธํสิตตฺตาฯ ปญฺจนฺนนฺติ อธิคมปริยตฺติสวนปริปุจฺฉาปุพฺพโยคานํฯ ยถาโยคนฺติ ยํ ยํ ยสฺส ปุคฺคลสฺส วิสทตาย ยุชฺชติ, ตถา โยเชตพฺพํฯ
Atthādīsu ñāṇanti atthapaṭisambhidādi. Atthadhammaniruttivasena tīsu. Atthadhammaniruttipaṭibhānavasena catūsupi vā. Atthadhammādinā attanā jotetabbena saha atthenāti sātthakāni. Sabbo atthadhammādiko attho visayabhūto etassa ñāṇassa atthīti sabbatthakaṃ. Sabbasmiṃ atthādike visaye khittaṃ attano paccayehi ṭhapitaṃ pavattitaṃ. Arahattappattiyā visadā honti paṭipakkhadhammānaṃ sabbaso viddhaṃsitattā. Pañcannanti adhigamapariyattisavanaparipucchāpubbayogānaṃ. Yathāyoganti yaṃ yaṃ yassa puggalassa visadatāya yujjati, tathā yojetabbaṃ.
ปริปุจฺฉาเหตุ ปวตฺตา กถา ปริปุจฺฉาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘ปุจฺฉาย…เป.… ปริปุจฺฉาติ วุตฺตา’’ติฯ
Paripucchāhetu pavattā kathā paripucchāti vuttāti āha ‘‘pucchāya…pe… paripucchāti vuttā’’ti.
เตหีติ มเคฺคหิฯ ปฎิลาโภ นาม ปุพฺพโยคสมฺปตฺติยา อตฺถาทิวิสยสฺส สโมฺมหสฺส สมุจฺฉินฺทนํ, ตํ ปน มคฺคกิจฺจเมวาติ อาห ‘‘โส โลกุตฺตโร’’ติฯ อตฺถาทีนํ ปเภทโต สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถาปนา ยถารหํ ปริตฺตกุสลมหากิริยจิตฺตวเสน โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปเภโท กามาวจโร’’ติฯ ยถา ปุพฺพโยโค อธิคมสฺส พลวปจฺจโย สภาวเหตุภาวโต, น ตถา ปเภทสฺส อสภาวเหตุตาย, ปรมฺปรปจฺจยตาย จาติ อธิปฺปาโยฯ ปริยตฺติอาทีนํ ปเภทสฺส พลวปจฺจยตาย , อธิคมสฺส จ ตทภาเว เอเสว นโยฯ ตตฺถาติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํ, ตาสุ ปริยตฺติสวนปริปุจฺฉาสุ นิมิตฺตภูตาสูติ อโตฺถฯ ยํ วุตฺตํ โหตีติ ‘‘เอเตสุ ปนา’’ติอาทินา อฎฺฐกถาวจเนน ยํ อตฺถชาตํ วุตฺตํ โหติฯ ตํ ทเสฺสโนฺตติ ตํ นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสโนฺตฯ ‘‘ปุพฺพโยคาธิคมา’’ติ วตฺวา ‘‘เทฺวปี’’ติ วจนํ อธิคมสหิโตเยว ปุพฺพโยโค ปเภทสฺส พลวปจฺจโย, น เกวโลติ ทสฺสนตฺถํฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เทฺวปิ เอกโต หุตฺวา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๑๘)ฯ ‘‘เทฺวปิ วิสทการณา’’ติ วุเตฺต ปุพฺพโยคสฺสาปิ วิสทการณตฺตํ ลพฺภเตวาติ อาห ‘‘เทฺวปิ วิสทการณาติ…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ
Tehīti maggehi. Paṭilābho nāma pubbayogasampattiyā atthādivisayassa sammohassa samucchindanaṃ, taṃ pana maggakiccamevāti āha ‘‘so lokuttaro’’ti. Atthādīnaṃ pabhedato sallakkhaṇavibhāvanavavatthāpanā yathārahaṃ parittakusalamahākiriyacittavasena hotīti vuttaṃ ‘‘pabhedo kāmāvacaro’’ti. Yathā pubbayogo adhigamassa balavapaccayo sabhāvahetubhāvato, na tathā pabhedassa asabhāvahetutāya, paramparapaccayatāya cāti adhippāyo. Pariyattiādīnaṃ pabhedassa balavapaccayatāya , adhigamassa ca tadabhāve eseva nayo. Tatthāti nimittatthe bhummaṃ, tāsu pariyattisavanaparipucchāsu nimittabhūtāsūti attho. Yaṃ vuttaṃ hotīti ‘‘etesu panā’’tiādinā aṭṭhakathāvacanena yaṃ atthajātaṃ vuttaṃ hoti. Taṃ dassentoti taṃ niddhāretvā dassento. ‘‘Pubbayogādhigamā’’ti vatvā ‘‘dvepī’’ti vacanaṃ adhigamasahitoyeva pubbayogo pabhedassa balavapaccayo, na kevaloti dassanatthaṃ. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘dvepi ekato hutvā’’ti (vibha. aṭṭha. 718). ‘‘Dvepi visadakāraṇā’’ti vutte pubbayogassāpi visadakāraṇattaṃ labbhatevāti āha ‘‘dvepi visadakāraṇāti…pe… vutta’’nti.
สงฺคหวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅgahavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. สจฺจวาราทิวณฺณนา
2. Saccavārādivaṇṇanā
๗๑๙. กาลตฺตเยปีติ อตีตาทีสุ ตีสุปิ กาเลสุฯ เหตุผลธมฺมา เหตูนํ ผลภูตา ธมฺมา, ปจฺจยนิพฺพตฺตาติ อโตฺถฯ เตสญฺจ เหตุธมฺมาติ เตสํ เหตุผลานํ ปจฺจยนิพฺพตฺตานํ เหตุภูตา ธมฺมา ‘‘ธมฺมา’’ติ วุตฺตาติ โยชนาฯ วิเนยฺยวเสนาติ ตถาวิเนตพฺพปุคฺคลชฺฌาสยวเสนฯ อุปฺปนฺนา สมุปฺปนฺนาติอาทิ น วุตฺตนฺติ อุปฺปนฺนา สมุปฺปนฺนา อุฎฺฐิตา สมุฎฺฐิตา ปจฺจุปฺปนฺนาติอาทิ น วุตฺตํ เอกนฺตปจฺจุปฺปนฺนเสฺสว สงฺคาหกตฺตาฯ ตํนิพฺพตฺตกาติ เตสํ อตฺถภาเวน วุตฺตานํ นิปฺผาทกาฯ ธมฺมาติ วุตฺตา ธมฺมภาเวน กถิตาฯ
719. Kālattayepīti atītādīsu tīsupi kālesu. Hetuphaladhammā hetūnaṃ phalabhūtā dhammā, paccayanibbattāti attho. Tesañca hetudhammāti tesaṃ hetuphalānaṃ paccayanibbattānaṃ hetubhūtā dhammā ‘‘dhammā’’ti vuttāti yojanā. Vineyyavasenāti tathāvinetabbapuggalajjhāsayavasena. Uppannā samuppannātiādi na vuttanti uppannā samuppannā uṭṭhitā samuṭṭhitā paccuppannātiādi na vuttaṃ ekantapaccuppannasseva saṅgāhakattā. Taṃnibbattakāti tesaṃ atthabhāvena vuttānaṃ nipphādakā. Dhammāti vuttā dhammabhāvena kathitā.
สจฺจวาราทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saccavārādivaṇṇanā niṭṭhitā.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๗๒๕. สามเญฺญน วตฺวา วิเสเสน อวุตฺตตฺตาติ ‘‘เตสํ วิปาเก’’ติ ยถาวุตฺตกุสลวิปากตาทิสามเญฺญน วตฺวา สเหตุกาเหตุกาทิวิเสเสน อวุตฺตตฺตา, สรูเปน นิทฺธาเรตฺวา อวุตฺตตฺตาติ อโตฺถฯ อวิปากตฺตาติ อวิปากธมฺมตฺตาฯ ยทิ เอวนฺติ ปจฺจยภาวโต ลพฺภมาโนปิ ธมฺมภาโว อวิปากธมฺมตาย กิริยานํ ยทิ น วุโตฺต, เอวํ สติฯ สติปิ ปจฺจยุปฺปนฺนภาเว อวิปากภาวโต อตฺถภาโวปิ น วตฺตโพฺพฯ เตนาห ‘‘วิปากา น โหนฺตีติ อตฺถภาโว จ น วตฺตโพฺพ’’ติฯ เอวเญฺจติ ยทิ ปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา กิริยานํ อตฺถภาโว วุโตฺตฯ นปฺปฎิสิโทฺธ อิจฺฉิโตวาติ อโตฺถฯ ยทิ เอวํ กสฺมา น วุโตฺตติ อาห ‘‘วิปากสฺส ปนา’’ติอาทิฯ เตสนฺติ กุสลากุสลานํ, วิปากกิริยธมฺมานญฺจฯ อตฺถธมฺมตาติ วุตฺตนเยน ลพฺภมาโนปิ ยถากฺกมํ อตฺถภาโว, ธมฺมภาโว จ น วุโตฺตฯ ปจฺจยภาวํ สตฺติวิเสสํ สนิปฺผาเทตพฺพตนฺติ ปทตฺตเยนาปิ วิปากธมฺมตเมวาหฯ สา หิ วิปากานํ เหตุภาวโต ปจฺจยภาโว, ตทุปฺปาทนสมตฺถตาย สตฺติวิเสโส, เตหิ สคพฺภา วิย โหตีติ ‘‘สนิปฺผาเทตพฺพตา’’ติ จ วุจฺจติฯ ตํ ปสฺสนฺตี นิปฺผาทกวิเสสาปิ นิปฺผาเทตพฺพาเปกฺขา โหติ ธมฺมปฎิสมฺภิทาฯ ตํสมฺพเนฺธนาติ นิปฺผาเทตพฺพสมฺพเนฺธนฯ ธมฺมปฎิสมฺภิทํ วทเนฺตน อตฺถปฎิสมฺภิทาปิ วุตฺตาฯ
725. Sāmaññenavatvā visesena avuttattāti ‘‘tesaṃ vipāke’’ti yathāvuttakusalavipākatādisāmaññena vatvā sahetukāhetukādivisesena avuttattā, sarūpena niddhāretvā avuttattāti attho. Avipākattāti avipākadhammattā. Yadi evanti paccayabhāvato labbhamānopi dhammabhāvo avipākadhammatāya kiriyānaṃ yadi na vutto, evaṃ sati. Satipi paccayuppannabhāve avipākabhāvato atthabhāvopi na vattabbo. Tenāha ‘‘vipākā na hontīti atthabhāvo ca na vattabbo’’ti. Evañceti yadi paccayuppannattā kiriyānaṃ atthabhāvo vutto. Nappaṭisiddho icchitovāti attho. Yadi evaṃ kasmā na vuttoti āha ‘‘vipākassa panā’’tiādi. Tesanti kusalākusalānaṃ, vipākakiriyadhammānañca. Atthadhammatāti vuttanayena labbhamānopi yathākkamaṃ atthabhāvo, dhammabhāvo ca na vutto. Paccayabhāvaṃ sattivisesaṃ sanipphādetabbatanti padattayenāpi vipākadhammatamevāha. Sā hi vipākānaṃ hetubhāvato paccayabhāvo, taduppādanasamatthatāya sattiviseso, tehi sagabbhā viya hotīti ‘‘sanipphādetabbatā’’ti ca vuccati. Taṃ passantī nipphādakavisesāpi nipphādetabbāpekkhā hoti dhammapaṭisambhidā. Taṃsambandhenāti nipphādetabbasambandhena. Dhammapaṭisambhidaṃ vadantena atthapaṭisambhidāpi vuttā.
สภาวธเมฺม ปญฺญตฺติ สภาวปญฺญตฺตีติ อาห ‘‘น สตฺตาทิปญฺญตฺติยา’’ติฯ สภาเวน, นิรุตฺติเยว วา สภาวปญฺญตฺตีติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อวิปรีตปญฺญตฺติยา วา’’ติฯ
Sabhāvadhamme paññatti sabhāvapaññattīti āha ‘‘na sattādipaññattiyā’’ti. Sabhāvena, niruttiyeva vā sabhāvapaññattīti vuttāti āha ‘‘aviparītapaññattiyā vā’’ti.
๗๔๖. โวหารภูมิํ, อธิคมภูมิญฺจ เอกชฺฌํ กตฺวา อาห ‘‘กามาวจรา, โลกุตฺตรา จ ภูมิ ภูมี’’ติฯ จิตฺตุปฺปาทา วา ปวตฺติฎฺฐานภาวโต ภูมิฯ
746. Vohārabhūmiṃ, adhigamabhūmiñca ekajjhaṃ katvā āha ‘‘kāmāvacarā, lokuttarā ca bhūmi bhūmī’’ti. Cittuppādā vā pavattiṭṭhānabhāvato bhūmi.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา
3. Pañhapucchakavaṇṇanā
๗๔๗. สพฺพญาณารมฺมณตายาติ ปฎิสมฺภิทาปฎิสมฺภิทาญาณารมฺมณตายฯ ‘‘สุตฺตนฺตภาชนีเย ปน…เป.… สิยา’’ติ อิทํ อภิธมฺมภาชนีเยน วิรุชฺฌติ, ตสฺส วา สาวเสสเทสนตา อาปชฺชตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อภิธมฺมภาชนีเย’’ติอาทิฯ นิรวเสสกถนนฺติ อเสเสตฺวา กถนํฯ เตน จิตฺตุปฺปาทสงฺคหิเต อเตฺถ อเสเสตฺวา เทสนา อิธ อภิธมฺมภาชนียสฺส ภาโร, น สพฺพเญยฺยธเมฺมติ ทเสฺสติฯ ยถาทสฺสิตวิสยวจนวเสนาติ ทสฺสิตปฺปการวิสยสฺส กถนวเสน, ธมฺมตฺถวเสน ทสฺสิเต ตํตํจิตฺตุปฺปาเท ตตฺถ ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเปน ญาณสฺส กถนวเสนาติ อโตฺถฯ อญฺญารมฺมณตํ น ปฎิเสเธติ อตปฺปรภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ น นิรวเสเสน กถนํ อจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนสฺส วิสยสฺส อกถิตตฺตาฯ เอวํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาวิสยสฺสาปิ น นิรวเสเสน กถนนฺติ สุตฺตนฺตภาชนีเย อวิเสสวจเนน สพฺพญาณารมฺมณตํเยว ปฎิภานปฎิสมฺภิทาย ปติฎฺฐาเปติฯ ตถา ติโสฺส ปฎิสมฺภิทาติอาทิปญฺหปุจฺฉกปาฬิยาปิฯ ติโสฺสติ อตฺถธมฺมปฎิภานปฎิสมฺภิทาฯ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา หิ ‘‘ปริตฺตารมฺมณา’’เตว วุตฺตาฯ
747. Sabbañāṇārammaṇatāyāti paṭisambhidāpaṭisambhidāñāṇārammaṇatāya. ‘‘Suttantabhājanīye pana…pe… siyā’’ti idaṃ abhidhammabhājanīyena virujjhati, tassa vā sāvasesadesanatā āpajjatīti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘abhidhammabhājanīye’’tiādi. Niravasesakathananti asesetvā kathanaṃ. Tena cittuppādasaṅgahite atthe asesetvā desanā idha abhidhammabhājanīyassa bhāro, na sabbañeyyadhammeti dasseti. Yathādassitavisayavacanavasenāti dassitappakāravisayassa kathanavasena, dhammatthavasena dassite taṃtaṃcittuppāde tattha dhammaniruttābhilāpena ñāṇassa kathanavasenāti attho. Aññārammaṇataṃ na paṭisedheti atapparabhāvatoti adhippāyo. Na niravasesena kathanaṃ acittuppādapariyāpannassa visayassa akathitattā. Evaṃ paṭibhānapaṭisambhidāvisayassāpi na niravasesena kathananti suttantabhājanīye avisesavacanena sabbañāṇārammaṇataṃyeva paṭibhānapaṭisambhidāya patiṭṭhāpeti. Tathā tisso paṭisambhidātiādipañhapucchakapāḷiyāpi. Tissoti atthadhammapaṭibhānapaṭisambhidā. Niruttipaṭisambhidā hi ‘‘parittārammaṇā’’teva vuttā.
ยทิปิ สิยา น ตสฺสา มหคฺคตารมฺมณตาติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘น หิ มโคฺค ปจฺจยุปฺปโนฺน น โหตี’’ติ อิมินา ‘‘อตฺถปฎิสมฺภิทา น มคฺคารมฺมณา’’ติ วจนสฺส ยถาวุตฺตตฺถสาธกตํ วิภาเวติฯ ตสฺสาติ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาย น มหคฺคตารมฺมณตา สมฺภวติ นนุ นยํ อนุสฺสรนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ เทฺวปีติ ‘‘อตฺถปฎิสมฺภิทา น มคฺคารมฺมณา, ติโสฺส ปฎิสมฺภิทา สิยา ปริตฺตารมฺมณา, สิยา มหคฺคตารมฺมณา, สิยา อปฺปมาณารมฺมณา’’ติ จ เทฺวปิ เอตา ปาฬิโยฯ ตาสุ พลวตราย ฐานสฺส, อิตราย อธิปฺปายมคฺคนสฺส จ อุปายทสฺสนมุเขน ตาสํ อญฺญมญฺญํ อวิโรธํ ทเสฺสตุํ ‘‘กุสลากุสลานํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ ‘‘นิปฺปริยายา ตตฺถ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติ เอเตน ตตฺถ อตฺถปฎิสมฺภิทาย ปริยายภาวมาหฯ ตถา วิปากกิริยานนฺติอาทิ ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส วิสทิสูทาหรณทสฺสนํฯ อุภเยนปิ ‘‘อตฺถปฎิสมฺภิทา น มคฺคารมฺมณา’’ติ (วิภ. ๗๔๙) วจนํ สุตฺตนฺตนยานุคตํ นิปฺปริยายตฺถสฺส ตตฺถ อธิเปฺปตตฺตาติ ทีเปติฯ กิญฺจิ ปน ญาณนฺติอาทิ ‘‘ติโสฺส ปฎิสมฺภิทา’’ติอาทิปาฬิยา สมตฺถกํฯ ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส ปฎิภานํ ทีปนํ ปฎิภานํฯ เตนาห ‘‘เญยฺยปฺปกาสนโต’’ติฯ อิติ ยา ‘‘ติโสฺส ปฎิสมฺภิทา’’ติ ปาฬิ, ตสฺสา พลวภาววิภาวเนน อิตราย อธิปฺปายมคฺคนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ นิปฺปริยายาติ ปริยายรหิตา อุชุกํ สรูเปเนว ปวตฺตาฯ นิปฺปริยาย…เป.… ปวตฺติยนฺติ เอกนฺติกอตฺถารมฺมณํ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา, ญาณารมฺมณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติ คเหตฺวา เทสนายํฯ
Yadipi siyā na tassā mahaggatārammaṇatāti sambandho. ‘‘Na hi maggo paccayuppanno na hotī’’ti iminā ‘‘atthapaṭisambhidā na maggārammaṇā’’ti vacanassa yathāvuttatthasādhakataṃ vibhāveti. Tassāti paṭibhānapaṭisambhidāya na mahaggatārammaṇatā sambhavati nanu nayaṃ anussarantassāti adhippāyo. Dvepīti ‘‘atthapaṭisambhidā na maggārammaṇā, tisso paṭisambhidā siyā parittārammaṇā, siyā mahaggatārammaṇā, siyā appamāṇārammaṇā’’ti ca dvepi etā pāḷiyo. Tāsu balavatarāya ṭhānassa, itarāya adhippāyamagganassa ca upāyadassanamukhena tāsaṃ aññamaññaṃ avirodhaṃ dassetuṃ ‘‘kusalākusalānaṃ panā’’tiādimāha. ‘‘Nippariyāyā tattha dhammapaṭisambhidā’’ti etena tattha atthapaṭisambhidāya pariyāyabhāvamāha. Tathā vipākakiriyānantiādi yathādhippetassa atthassa visadisūdāharaṇadassanaṃ. Ubhayenapi ‘‘atthapaṭisambhidā na maggārammaṇā’’ti (vibha. 749) vacanaṃ suttantanayānugataṃ nippariyāyatthassa tattha adhippetattāti dīpeti. Kiñci pana ñāṇantiādi ‘‘tisso paṭisambhidā’’tiādipāḷiyā samatthakaṃ. Yathādhippetassa atthassa paṭibhānaṃ dīpanaṃ paṭibhānaṃ. Tenāha ‘‘ñeyyappakāsanato’’ti. Iti yā ‘‘tisso paṭisambhidā’’ti pāḷi, tassā balavabhāvavibhāvanena itarāya adhippāyamagganaṃ katanti veditabbaṃ. Nippariyāyāti pariyāyarahitā ujukaṃ sarūpeneva pavattā. Nippariyāya…pe… pavattiyanti ekantikaatthārammaṇaṃ ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā, ñāṇārammaṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidāti gahetvā desanāyaṃ.
โส เอวาติ ปรสฺส อภิลาปสโทฺท เอวฯ อนุวตฺตมานตา จสฺส นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา ปจฺจุปฺปนฺนเมว สทฺทํ อารมฺมณํ กโรนฺตี, สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานนฺตีติ จ อาทิวจนวเสน เวทิตโพฺพฯ
So evāti parassa abhilāpasaddo eva. Anuvattamānatā cassa niruttipaṭisambhidā paccuppannameva saddaṃ ārammaṇaṃ karontī, saddaṃ sutvā ‘‘ayaṃ sabhāvanirutti, ayaṃ na sabhāvaniruttī’’ti jānantīti ca ādivacanavasena veditabbo.
ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปฎิสมฺภิทาวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭisambhidāvibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ • 1. Suttantabhājanīyaṃ
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 3. Pañhāpucchakavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo