Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๔. ปฎิสารณียกมฺมํ
4. Paṭisāraṇīyakammaṃ
๓๓. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สุธโมฺม มจฺฉิกาสเณฺฑ จิตฺตสฺส คหปติโน อาวาสิโก โหติ, นวกมฺมิโก ธุวภตฺติโกฯ ยทา จิโตฺต คหปติ สงฺฆํ วา คณํ วา ปุคฺคลํ วา นิมเนฺตตุกาโม โหติ ตทา น อายสฺมนฺตํ สุธมฺมํ อนปโลเกตฺวา สงฺฆํ วา คณํ วา ปุคฺคลํ วา นิมเนฺตติฯ
33. Tena kho pana samayena āyasmā sudhammo macchikāsaṇḍe cittassa gahapatino āvāsiko hoti, navakammiko dhuvabhattiko. Yadā citto gahapati saṅghaṃ vā gaṇaṃ vā puggalaṃ vā nimantetukāmo hoti tadā na āyasmantaṃ sudhammaṃ anapaloketvā saṅghaṃ vā gaṇaṃ vā puggalaṃ vā nimanteti.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา เถรา ภิกฺขู, อายสฺมา จ สาริปุโตฺต, อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน, อายสฺมา จ มหากจฺจาโน, อายสฺมา จ มหาโกฎฺฐิโก , อายสฺมา จ มหากปฺปิโน, อายสฺมา จ มหาจุโนฺท, อายสฺมา จ อนุรุโทฺธ, อายสฺมา จ เรวโต, อายสฺมา จ อุปาลิ, อายสฺมา จ อานโนฺท, อายสฺมา จ ราหุโล, กาสีสุ จาริกํ จรมานา เยน มจฺฉิกาสโณฺฑ ตทวสรุํฯ
Tena kho pana samayena sambahulā therā bhikkhū, āyasmā ca sāriputto, āyasmā ca mahāmoggallāno, āyasmā ca mahākaccāno, āyasmā ca mahākoṭṭhiko , āyasmā ca mahākappino, āyasmā ca mahācundo, āyasmā ca anuruddho, āyasmā ca revato, āyasmā ca upāli, āyasmā ca ānando, āyasmā ca rāhulo, kāsīsu cārikaṃ caramānā yena macchikāsaṇḍo tadavasaruṃ.
อโสฺสสิ โข จิโตฺต คหปติ เถรา กิร ภิกฺขู มจฺฉิกาสณฺฑํ อนุปฺปตฺตาติฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ , อุปสงฺกมิตฺวา เถเร ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข จิตฺตํ คหปติํ อายสฺมา สาริปุโตฺต ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ
Assosi kho citto gahapati therā kira bhikkhū macchikāsaṇḍaṃ anuppattāti. Atha kho citto gahapati yena therā bhikkhū tenupasaṅkami , upasaṅkamitvā there bhikkhū abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho cittaṃ gahapatiṃ āyasmā sāriputto dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi.
อถ โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมตา สาริปุเตฺตน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต เถเร ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสนฺตุ เม, ภเนฺต, เถรา สฺวาตนาย อาคนฺตุกภตฺต’’นฺติฯ อธิวาเสสุํ โข เถรา ภิกฺขู 1 ตุณฺหีภาเวนฯ
Atha kho citto gahapati āyasmatā sāriputtena dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito there bhikkhū etadavoca – ‘‘adhivāsentu me, bhante, therā svātanāya āgantukabhatta’’nti. Adhivāsesuṃ kho therā bhikkhū 2 tuṇhībhāvena.
อถ โข จิโตฺต คหปติ เถรานํ ภิกฺขูนํ อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เถเร ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยนายสฺมา สุธโมฺม เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สุธมฺมํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมนฺตํ สุธมฺมํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต, อโยฺย สุธโมฺม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ เถเรหี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา สุธโมฺม ‘ปุเพฺพ ขฺวายํ จิโตฺต คหปติ ยทา สงฺฆํ วา คณํ วา ปุคฺคลํ วา นิมเนฺตตุกาโม น มํ อนปโลเกตฺวา สงฺฆํ วา คณํ วา ปุคฺคลํ วา นิมเนฺตติ; โสทานิ มํ อนปโลเกตฺวา เถเร ภิกฺขู นิมเนฺตสิ; ทุโฎฺฐทานายํ จิโตฺต คหปติ อนเปโกฺข วิรตฺตรูโป มยี’ติ จิตฺตํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, คหปติ, นาธิวาเสมี’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมนฺตํ สุธมฺมํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต, อโยฺย สุธโมฺม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ เถเรหี’’ติฯ ‘‘อลํ, คหปติ, นาธิวาเสมี’’ติฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ ‘กิํ เม กริสฺสติ อโยฺย สุธโมฺม อธิวาเสโนฺต วา อนธิวาเสโนฺต วา’ติ อายสฺมนฺตํ สุธมฺมํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
Atha kho citto gahapati therānaṃ bhikkhūnaṃ adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā there bhikkhū abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yenāyasmā sudhammo tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sudhammaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho citto gahapati āyasmantaṃ sudhammaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsetu me, bhante, ayyo sudhammo svātanāya bhattaṃ saddhiṃ therehī’’ti. Atha kho āyasmā sudhammo ‘pubbe khvāyaṃ citto gahapati yadā saṅghaṃ vā gaṇaṃ vā puggalaṃ vā nimantetukāmo na maṃ anapaloketvā saṅghaṃ vā gaṇaṃ vā puggalaṃ vā nimanteti; sodāni maṃ anapaloketvā there bhikkhū nimantesi; duṭṭhodānāyaṃ citto gahapati anapekkho virattarūpo mayī’ti cittaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘alaṃ, gahapati, nādhivāsemī’’ti. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho citto gahapati āyasmantaṃ sudhammaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsetu me, bhante, ayyo sudhammo svātanāya bhattaṃ saddhiṃ therehī’’ti. ‘‘Alaṃ, gahapati, nādhivāsemī’’ti. Atha kho citto gahapati ‘kiṃ me karissati ayyo sudhammo adhivāsento vā anadhivāsento vā’ti āyasmantaṃ sudhammaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
๓๔. อถ โข จิโตฺต คหปติ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เถรานํ ภิกฺขูนํ ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปสิฯ อถ โข อายสฺมา สุธโมฺม ‘ยํนูนาหํ จิตฺตสฺส คหปติโน เถรานํ ภิกฺขูนํ ปฎิยตฺตํ ปเสฺสยฺย’นฺติ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน จิตฺตสฺส คหปติโน นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ เยนายสฺมา สุธโมฺม เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สุธมฺมํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข จิตฺตํ คหปติํ อายสฺมา สุธโมฺม เอตทโวจ – ‘‘ปหูตํ โข เต อิทํ, คหปติ, ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยตฺตํ; เอกา จ โข อิธ นตฺถิ ยทิทํ ติลสงฺคุฬิกา’’ติฯ ‘‘พหุมฺหิ วต, ภเนฺต, รตเน พุทฺธวจเน 3 วิชฺชมาเน อเยฺยน สุธเมฺมน ยเทว กิญฺจิ ภาสิตํ ยทิทํ ติลสงฺคุฬิกาติฯ ภูตปุพฺพํ, ภเนฺต, ทกฺขิณาปถกา วาณิชา ปุรตฺถิมํ ชนปทํ อคมํสุ วาณิชฺชายฯ เต ตโต กุกฺกุฎิํ อาเนสุํฯ อถ โข สา, ภเนฺต, กุกฺกุฎี กาเกน สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปสิฯ สา โปตกํ ชเนสิฯ ยทา โข โส, ภเนฺต, กุกฺกุฎโปตโก กากวสฺสํ วสฺสิตุกาโม โหติ, กากกุกฺกุฎีติ วสฺสติ; ยทา กุกฺกุฎิวสฺสํ วสฺสิตุกาโม โหติ, กุกฺกุฎิกากาติ วสฺสติฯ เอวเมว โข, ภเนฺต, พหุมฺหิ รตเน พุทฺธวจเน วิชฺชมาเน อเยฺยน สุธเมฺมน ยเทว กิญฺจิ ภาสิตํ ยทิทํ ติลสํคุฬิกา’’ติฯ ‘‘อโกฺกสสิ มํ ตฺวํ, คหปติ, ปริภาสสิ มํ ตฺวํ, คหปติฯ เอโส เต, คหปติ, อาวาโส, ปกฺกมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘นาหํ, ภเนฺต, อยฺยํ สุธมฺมํ อโกฺกสามิ, ปริภาสามิ 4ฯ วสตุ, ภเนฺต, อโยฺย สุธโมฺม มจฺฉิกาสเณฺฑฯ รมณียํ อมฺพาฎกวนํฯ อหํ อยฺยสฺส สุธมฺมสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ, จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข อายสฺมา สุธโมฺม จิตฺตํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘อโกฺกสสิ มํ ตฺวํ, คหปติ, ปริภาสสิ มํ ตฺวํ, คหปติฯ เอโส เต, คหปติ, อาวาโส, ปกฺกมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘กหํ, ภเนฺต, อโยฺย สุธโมฺม คมิสฺสตี’’ติ? ‘‘สาวตฺถิํ โข อหํ, คหปติ, คมิสฺสามิ ภควนฺตํ ทสฺสนายา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภเนฺต, ยญฺจ อตฺตนา ภณิตํ, ยญฺจ มยา ภณิตํ ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจหิฯ อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ภเนฺต, ยํ อโยฺย สุธโมฺม ปุนเทว มจฺฉิกาสณฺฑํ ปจฺจาคเจฺฉยฺยา’’ติฯ
34. Atha kho citto gahapati tassā rattiyā accayena therānaṃ bhikkhūnaṃ paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpesi. Atha kho āyasmā sudhammo ‘yaṃnūnāhaṃ cittassa gahapatino therānaṃ bhikkhūnaṃ paṭiyattaṃ passeyya’nti pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena cittassa gahapatino nivesanaṃ tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho citto gahapati yenāyasmā sudhammo tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sudhammaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho cittaṃ gahapatiṃ āyasmā sudhammo etadavoca – ‘‘pahūtaṃ kho te idaṃ, gahapati, khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyattaṃ; ekā ca kho idha natthi yadidaṃ tilasaṅguḷikā’’ti. ‘‘Bahumhi vata, bhante, ratane buddhavacane 5 vijjamāne ayyena sudhammena yadeva kiñci bhāsitaṃ yadidaṃ tilasaṅguḷikāti. Bhūtapubbaṃ, bhante, dakkhiṇāpathakā vāṇijā puratthimaṃ janapadaṃ agamaṃsu vāṇijjāya. Te tato kukkuṭiṃ ānesuṃ. Atha kho sā, bhante, kukkuṭī kākena saddhiṃ saṃvāsaṃ kappesi. Sā potakaṃ janesi. Yadā kho so, bhante, kukkuṭapotako kākavassaṃ vassitukāmo hoti, kākakukkuṭīti vassati; yadā kukkuṭivassaṃ vassitukāmo hoti, kukkuṭikākāti vassati. Evameva kho, bhante, bahumhi ratane buddhavacane vijjamāne ayyena sudhammena yadeva kiñci bhāsitaṃ yadidaṃ tilasaṃguḷikā’’ti. ‘‘Akkosasi maṃ tvaṃ, gahapati, paribhāsasi maṃ tvaṃ, gahapati. Eso te, gahapati, āvāso, pakkamissāmī’’ti. ‘‘Nāhaṃ, bhante, ayyaṃ sudhammaṃ akkosāmi, paribhāsāmi 6. Vasatu, bhante, ayyo sudhammo macchikāsaṇḍe. Ramaṇīyaṃ ambāṭakavanaṃ. Ahaṃ ayyassa sudhammassa ussukkaṃ karissāmi, cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārāna’’nti. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho āyasmā sudhammo cittaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘akkosasi maṃ tvaṃ, gahapati, paribhāsasi maṃ tvaṃ, gahapati. Eso te, gahapati, āvāso, pakkamissāmī’’ti. ‘‘Kahaṃ, bhante, ayyo sudhammo gamissatī’’ti? ‘‘Sāvatthiṃ kho ahaṃ, gahapati, gamissāmi bhagavantaṃ dassanāyā’’ti. ‘‘Tena hi, bhante, yañca attanā bhaṇitaṃ, yañca mayā bhaṇitaṃ taṃ sabbaṃ bhagavato ārocehi. Anacchariyaṃ kho panetaṃ, bhante, yaṃ ayyo sudhammo punadeva macchikāsaṇḍaṃ paccāgaccheyyā’’ti.
๓๕. อถ โข อายสฺมา สุธโมฺม เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สาวตฺถิ เตน ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สุธโมฺม ยญฺจ อตฺตนา ภณิตํ ยญฺจ จิเตฺตน คหปตินา ภณิตํ ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ
35. Atha kho āyasmā sudhammo senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya yena sāvatthi tena pakkāmi. Anupubbena yena sāvatthi jetavanaṃ anāthapiṇḍikassa ārāmo yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sudhammo yañca attanā bhaṇitaṃ yañca cittena gahapatinā bhaṇitaṃ taṃ sabbaṃ bhagavato ārocesi.
วิครหิ พุโทฺธ ภควา – ‘‘อนนุจฺฉวิกํ, โมฆปุริส, อนนุโลมิกํ อปฺปติรูปํ อสฺสามณกํ อกปฺปิยํ อกรณียํฯ กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, จิตฺตํ คหปติํ สทฺธํ ปสนฺนํ ทายกํ การกํ สงฺฆุปฎฺฐากํ หีเนน ขุํเสสฺสสิ, หีเนน วเมฺภสฺสสิ? เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ สุธมฺมสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสารณียกมฺมํ กโรตุ – จิโตฺต เต คหปติ ขมาเปตโพฺพติฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺพํ – ปฐมํ สุธโมฺม ภิกฺขุ โจเทตโพฺพ, โจเทตฺวา สาเรตโพฺพ, สาเรตฺวา อาปตฺติํ อาโรเปตโพฺพ, อาปตฺติํ อาโรเปตฺวา พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Vigarahi buddho bhagavā – ‘‘ananucchavikaṃ, moghapurisa, ananulomikaṃ appatirūpaṃ assāmaṇakaṃ akappiyaṃ akaraṇīyaṃ. Kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, cittaṃ gahapatiṃ saddhaṃ pasannaṃ dāyakaṃ kārakaṃ saṅghupaṭṭhākaṃ hīnena khuṃsessasi, hīnena vambhessasi? Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – tena hi, bhikkhave, saṅgho sudhammassa bhikkhuno paṭisāraṇīyakammaṃ karotu – citto te gahapati khamāpetabboti. Evañca pana, bhikkhave, kātabbaṃ – paṭhamaṃ sudhammo bhikkhu codetabbo, codetvā sāretabbo, sāretvā āpattiṃ āropetabbo, āpattiṃ āropetvā byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๓๖. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ สุธโมฺม ภิกฺขุ จิตฺตํ คหปติํ สทฺธํ ปสนฺนํ ทายกํ การกํ สงฺฆุปฎฺฐากํ หีเนน ขุํเสติ, หีเนน วเมฺภติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ สุธมฺมสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสารณียกมฺมํ กเรยฺย – จิโตฺต เต คหปติ ขมาเปตโพฺพติฯ เอสา ญตฺติฯ
36. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ sudhammo bhikkhu cittaṃ gahapatiṃ saddhaṃ pasannaṃ dāyakaṃ kārakaṃ saṅghupaṭṭhākaṃ hīnena khuṃseti, hīnena vambheti. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho sudhammassa bhikkhuno paṭisāraṇīyakammaṃ kareyya – citto te gahapati khamāpetabboti. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ สุธโมฺม ภิกฺขุ จิตฺตํ คหปติํ สทฺธํ ปสนฺนํ ทายกํ การกํ สงฺฆุปฎฺฐากํ หีเนน ขุํเสติ, หีเนน วเมฺภติฯ สโงฺฆ สุธมฺมสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสารณียกมฺมํ กโรติ – จิโตฺต เต คหปติ ขมาเปตโพฺพติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ สุธมฺมสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสารณียสฺส กมฺมสฺส กรณํ – จิโตฺต เต คหปติ ขมาเปตโพฺพติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ sudhammo bhikkhu cittaṃ gahapatiṃ saddhaṃ pasannaṃ dāyakaṃ kārakaṃ saṅghupaṭṭhākaṃ hīnena khuṃseti, hīnena vambheti. Saṅgho sudhammassa bhikkhuno paṭisāraṇīyakammaṃ karoti – citto te gahapati khamāpetabboti. Yassāyasmato khamati sudhammassa bhikkhuno paṭisāraṇīyassa kammassa karaṇaṃ – citto te gahapati khamāpetabboti, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ สุธโมฺม ภิกฺขุ จิตฺตํ คหปติํ สทฺธํ ปสนฺนํ ทายกํ การกํ สงฺฆุปฎฺฐากํ หีเนน ขุํเสติ, หีเนน วเมฺภติฯ สโงฺฆ สุธมฺมสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสารณียกมฺมํ กโรติ – จิโตฺต เต คหปติ ขมาเปตโพฺพติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ สุธมฺมสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสารณียสฺส กมฺมสฺส กรณํ – จิโตฺต เต คหปติ ขมาเปตโพฺพติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi – suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ sudhammo bhikkhu cittaṃ gahapatiṃ saddhaṃ pasannaṃ dāyakaṃ kārakaṃ saṅghupaṭṭhākaṃ hīnena khuṃseti, hīnena vambheti. Saṅgho sudhammassa bhikkhuno paṭisāraṇīyakammaṃ karoti – citto te gahapati khamāpetabboti. Yassāyasmato khamati sudhammassa bhikkhuno paṭisāraṇīyassa kammassa karaṇaṃ – citto te gahapati khamāpetabboti, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘กตํ สเงฺฆน สุธมฺมสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสารณียกมฺมํ – จิโตฺต เต คหปติ ขมาเปตโพฺพติฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Kataṃ saṅghena sudhammassa bhikkhuno paṭisāraṇīyakammaṃ – citto te gahapati khamāpetabboti. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ปฎิสารณียกมฺมกถา • Paṭisāraṇīyakammakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปฎิสารณียกมฺมกถาวณฺณนา • Paṭisāraṇīyakammakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / นิยสฺสกมฺมกถาทิวณฺณนา • Niyassakammakathādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔. ปฎิสารณียกมฺมกถา • 4. Paṭisāraṇīyakammakathā