Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๓. ปโตทสุตฺตํ

    3. Patodasuttaṃ

    ๑๑๓. ‘‘จตฺตาโรเม , ภิกฺขเว, ภทฺรา อสฺสาชานียา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กิํ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ 1 ปฎิกโรมี’ติ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐโม ภโทฺร อสฺสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ

    113. ‘‘Cattārome , bhikkhave, bhadrā assājānīyā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame cattāro? Idha, bhikkhave, ekacco bhadro assājānīyo patodacchāyaṃ disvā saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati – ‘kiṃ nu kho maṃ ajja assadammasārathi kāraṇaṃ kāressati, kimassāhaṃ 2 paṭikaromī’ti! Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro assājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamo bhadro assājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย น เหว โข ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ, อปิ จ โข โลมเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กิํ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ ปฎิกโรมี’ติ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ภโทฺร อสฺสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco bhadro assājānīyo na heva kho patodacchāyaṃ disvā saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati, api ca kho lomavedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati – ‘kiṃ nu kho maṃ ajja assadammasārathi kāraṇaṃ kāressati, kimassāhaṃ paṭikaromī’ti! Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro assājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyo bhadro assājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย น เหว โข ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ นาปิ โลมเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ, อปิ จ โข จมฺมเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กิํ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ ปฎิกโรมี’ติ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ภโทฺร อสฺสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco bhadro assājānīyo na heva kho patodacchāyaṃ disvā saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati nāpi lomavedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati, api ca kho cammavedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati – ‘kiṃ nu kho maṃ ajja assadammasārathi kāraṇaṃ kāressati, kimassāhaṃ paṭikaromī’ti! Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro assājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyo bhadro assājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย น เหว โข ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ นาปิ โลมเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ นาปิ จมฺมเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ, อปิ จ โข อฎฺฐิเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กิํ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ ปฎิกโรมี’ติ ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร อสฺสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, จตุโตฺถ ภโทฺร อสฺสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ภทฺรา อสฺสาชานียา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco bhadro assājānīyo na heva kho patodacchāyaṃ disvā saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati nāpi lomavedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati nāpi cammavedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati, api ca kho aṭṭhivedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati – ‘kiṃ nu kho maṃ ajja assadammasārathi kāraṇaṃ kāressati, kimassāhaṃ paṭikaromī’ti ! Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro assājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, catuttho bhadro assājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ. Ime kho, bhikkhave, cattāro bhadrā assājānīyā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ.

    ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโรเม ภทฺรา ปุริสาชานียา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย สุณาติ – ‘อมุกสฺมิํ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต 3 วา’ติฯ โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติฯ สํวิโคฺค โยนิโส ปทหติฯ ปหิตโตฺต กาเยน เจว ปรมสจฺจํ 4 สจฺฉิกโรติ, ปญฺญาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติฯ เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภโทฺร อสฺสาชานีโย ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐโม ภโทฺร ปุริสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ

    ‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, cattārome bhadrā purisājānīyā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame cattāro? Idha, bhikkhave, ekacco bhadro purisājānīyo suṇāti – ‘amukasmiṃ nāma gāme vā nigame vā itthī vā puriso vā dukkhito vā kālaṅkato 5 vā’ti. So tena saṃvijjati, saṃvegaṃ āpajjati. Saṃviggo yoniso padahati. Pahitatto kāyena ceva paramasaccaṃ 6 sacchikaroti, paññāya ca ativijjha passati. Seyyathāpi so, bhikkhave, bhadro assājānīyo patodacchāyaṃ disvā saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ bhadraṃ purisājānīyaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro purisājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamo bhadro purisājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมิํ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต วา’ติ, อปิ จ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา ทุกฺขิตํ วา กาลงฺกตํ วาฯ โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติฯ สํวิโคฺค โยนิโส ปทหติฯ ปหิตโตฺต กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปญฺญาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติฯ เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภโทฺร อสฺสาชานีโย โลมเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ภโทฺร ปุริสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco bhadro purisājānīyo na heva kho suṇāti – ‘amukasmiṃ nāma gāme vā nigame vā itthī vā puriso vā dukkhito vā kālaṅkato vā’ti, api ca kho sāmaṃ passati itthiṃ vā purisaṃ vā dukkhitaṃ vā kālaṅkataṃ vā. So tena saṃvijjati, saṃvegaṃ āpajjati. Saṃviggo yoniso padahati. Pahitatto kāyena ceva paramasaccaṃ sacchikaroti, paññāya ca ativijjha passati. Seyyathāpi so, bhikkhave, bhadro assājānīyo lomavedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ bhadraṃ purisājānīyaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro purisājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyo bhadro purisājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมิํ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต วา’ติ, นาปิ สามํ ปสฺสติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา ทุกฺขิตํ วา กาลงฺกตํ วา, อปิ จ ขฺวสฺส ญาติ วา สาโลหิโต วา ทุกฺขิโต วา โหติ กาลงฺกโต วาฯ โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติฯ สํวิโคฺค โยนิโส ปทหติฯ ปหิตโตฺต กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปญฺญาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติฯ เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภโทฺร อสฺสาชานีโย จมฺมเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ภโทฺร ปุริสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco bhadro purisājānīyo na heva kho suṇāti – ‘amukasmiṃ nāma gāme vā nigame vā itthī vā puriso vā dukkhito vā kālaṅkato vā’ti, nāpi sāmaṃ passati itthiṃ vā purisaṃ vā dukkhitaṃ vā kālaṅkataṃ vā, api ca khvassa ñāti vā sālohito vā dukkhito vā hoti kālaṅkato vā. So tena saṃvijjati, saṃvegaṃ āpajjati. Saṃviggo yoniso padahati. Pahitatto kāyena ceva paramasaccaṃ sacchikaroti, paññāya ca ativijjha passati. Seyyathāpi so, bhikkhave, bhadro assājānīyo cammavedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ bhadraṃ purisājānīyaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro purisājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyo bhadro purisājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมิํ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต วา’ติ, นาปิ สามํ ปสฺสติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา ทุกฺขิตํ วา กาลงฺกตํ วา, นาปิสฺส ญาติ วา สาโลหิโต วา ทุกฺขิโต วา โหติ กาลงฺกโต วา, อปิ จ โข สามเญฺญว ผุโฎฺฐ โหติ สารีริกาหิ เวทนาหิ ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ 7 ขราหิ กฎุกาหิ อสาตาหิ อมนาปาหิ ปาณหราหิฯ โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติฯ สํวิโคฺค โยนิโส ปทหติฯ ปหิตโตฺต กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปญฺญาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติฯ เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภโทฺร อสฺสาชานีโย อฎฺฐิเวธวิโทฺธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิฯ เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภโทฺร ปุริสาชานีโย โหติฯ อยํ, ภิกฺขเว, จตุโตฺถ ภโทฺร ปุริสาชานีโย สโนฺต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมิํฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ภทฺรา ปุริสาชานียา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติฯ ตติยํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco bhadro purisājānīyo na heva kho suṇāti – ‘amukasmiṃ nāma gāme vā nigame vā itthī vā puriso vā dukkhito vā kālaṅkato vā’ti, nāpi sāmaṃ passati itthiṃ vā purisaṃ vā dukkhitaṃ vā kālaṅkataṃ vā, nāpissa ñāti vā sālohito vā dukkhito vā hoti kālaṅkato vā, api ca kho sāmaññeva phuṭṭho hoti sārīrikāhi vedanāhi dukkhāhi tibbāhi 8 kharāhi kaṭukāhi asātāhi amanāpāhi pāṇaharāhi. So tena saṃvijjati, saṃvegaṃ āpajjati. Saṃviggo yoniso padahati. Pahitatto kāyena ceva paramasaccaṃ sacchikaroti, paññāya ca ativijjha passati. Seyyathāpi so, bhikkhave, bhadro assājānīyo aṭṭhivedhaviddho saṃvijjati saṃvegaṃ āpajjati; tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ bhadraṃ purisājānīyaṃ vadāmi. Evarūpopi, bhikkhave, idhekacco bhadro purisājānīyo hoti. Ayaṃ, bhikkhave, catuttho bhadro purisājānīyo santo saṃvijjamāno lokasmiṃ. Ime kho, bhikkhave, cattāro bhadrā purisājānīyā santo saṃvijjamānā lokasmi’’nti. Tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. กถมสฺสาหํ (ก.)
    2. kathamassāhaṃ (ka.)
    3. กาลกโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    4. ปรมตฺถสจฺจํ (ก.) ม. นิ. ๒.๑๘๓ ปสฺสิตพฺพํ
    5. kālakato (sī. syā. kaṃ. pī.)
    6. paramatthasaccaṃ (ka.) ma. ni. 2.183 passitabbaṃ
    7. ติปฺปาหิ (สี. ปี.)
    8. tippāhi (sī. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ปโตทสุตฺตวณฺณนา • 3. Patodasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๗. เกสิสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-7. Kesisuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact