Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๓. ปตฺตวโคฺค

    3. Pattavaggo

    ๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Pattasikkhāpadavaṇṇanā

    ๕๙๘. เตน สมเยนาติ ปตฺตสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ ปตฺตวาณิชฺชนฺติ คามนิคมาทีสุ วิจรนฺตา ปตฺตวาณิชฺชํ วา กริสฺสนฺติฯ อามตฺติกาปณํ วาติ อมตฺตานิ วุจฺจนฺติ ภาชนานิ, ตานิ เยสํ ภณฺฑํ เต อามตฺติกา, เตสํ อามตฺติกานํ อาปณํ อามตฺติกาปณํ, กุลาลภณฺฑวาณิชกาปณนฺติ อโตฺถฯ

    598.Tena samayenāti pattasikkhāpadaṃ. Tattha pattavāṇijjanti gāmanigamādīsu vicarantā pattavāṇijjaṃ vā karissanti. Āmattikāpaṇaṃ vāti amattāni vuccanti bhājanāni, tāni yesaṃ bhaṇḍaṃ te āmattikā, tesaṃ āmattikānaṃ āpaṇaṃ āmattikāpaṇaṃ, kulālabhaṇḍavāṇijakāpaṇanti attho.

    ๖๐๒. ตโย ปตฺตสฺส วณฺณาติ ตีณิ ปตฺตสฺส ปมาณานิฯ อฑฺฒาฬฺหโกทนํ คณฺหาตีติ มคธนาฬิยา ทฺวินฺนํ ตณฺฑุลนาฬีนํ โอทนํ คณฺหาติฯ มคธนาฬิ นาม อฑฺฒเตรสปลา โหตีติ อนฺธกฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ สีหฬทีเป ปกตินาฬิ มหนฺตา, ทมิฬนาฬิ ขุทฺทกา, มคธนาฬิ ปมาณยุตฺตา, ตาย มคธนาฬิยา ทิยฑฺฒนาฬิ เอกา สีหฬนาฬิ โหตีติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ จตุภาคํ ขาทนนฺติ โอทนสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณํ ขาทนํ, ตํ หตฺถหาริยสฺส มุคฺคสูปสฺส วเสน เวทิตพฺพํฯ ตทุปิยํ พฺยญฺชนนฺติ ตสฺส โอทนสฺส อนุรูปํ มจฺฉมํสสากผลกฬีราทิพฺยญฺชนํฯ

    602.Tayopattassa vaṇṇāti tīṇi pattassa pamāṇāni. Aḍḍhāḷhakodanaṃ gaṇhātīti magadhanāḷiyā dvinnaṃ taṇḍulanāḷīnaṃ odanaṃ gaṇhāti. Magadhanāḷi nāma aḍḍhaterasapalā hotīti andhakaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Sīhaḷadīpe pakatināḷi mahantā, damiḷanāḷi khuddakā, magadhanāḷi pamāṇayuttā, tāya magadhanāḷiyā diyaḍḍhanāḷi ekā sīhaḷanāḷi hotīti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Catubhāgaṃ khādananti odanassa catutthabhāgappamāṇaṃ khādanaṃ, taṃ hatthahāriyassa muggasūpassa vasena veditabbaṃ. Tadupiyaṃ byañjananti tassa odanassa anurūpaṃ macchamaṃsasākaphalakaḷīrādibyañjanaṃ.

    ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – อนุปหตปุราณสาลิตณฺฑุลานํ สุโกฎฺฎิตปริสุทฺธานํ เทฺว มคธนาฬิโย คเหตฺวา เตหิ ตณฺฑุเลหิ อนุตฺตณฺฑุลํ อกิลินฺนํ อปิณฺฑิตํ สุวิสทํ กุนฺทมกุฬราสิสทิสํ อวสฺสาวิโตทนํ ปจิตฺวา นิรวเสสํ ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา ตสฺส โอทนสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาโณ นาติฆโน นาติตนุโก หตฺถหาริโย สพฺพสมฺภารสงฺขโต มุคฺคสูโป ปกฺขิปิตโพฺพฯ ตโต อาโลปสฺส อาโลปสฺส อนุรูปํ ยาวจริมาโลปปฺปโหนกํ มจฺฉมํสาทิพฺยญฺชนํ ปกฺขิปิตพฺพํ, สปฺปิเตลตกฺกรสกญฺชิกาทีนิ ปน คณนูปคานิ น โหนฺติ, ตานิ หิ โอทนคติกาเนว, เนว หาเปตุํ น วเฑฺฒตุํ สโกฺกนฺติฯ เอวเมตํ สพฺพมฺปิ ปกฺขิตฺตํ สเจ ปตฺตสฺส มุขวฎฺฎิยา เหฎฺฐิมราชิสมํ ติฎฺฐติ, สุเตฺตน วา หีเรน วา ฉินฺทนฺตสฺส สุตฺตสฺส วา หีรสฺส วา เหฎฺฐิมนฺตํ ผุสติ, อยํ อุกฺกโฎฺฐ นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ อติกฺกมฺม ถูปีกตํ ติฎฺฐติ, อยํ อุกฺกโฎฺฐมโก นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ น สมฺปาปุณาติ, อโนฺตคตเมว โหติ, อยํ อุกฺกฎฺฐุกฺกโฎฺฐ นาม ปโตฺตฯ

    Tatrāyaṃ vinicchayo – anupahatapurāṇasālitaṇḍulānaṃ sukoṭṭitaparisuddhānaṃ dve magadhanāḷiyo gahetvā tehi taṇḍulehi anuttaṇḍulaṃ akilinnaṃ apiṇḍitaṃ suvisadaṃ kundamakuḷarāsisadisaṃ avassāvitodanaṃ pacitvā niravasesaṃ patte pakkhipitvā tassa odanassa catutthabhāgappamāṇo nātighano nātitanuko hatthahāriyo sabbasambhārasaṅkhato muggasūpo pakkhipitabbo. Tato ālopassa ālopassa anurūpaṃ yāvacarimālopappahonakaṃ macchamaṃsādibyañjanaṃ pakkhipitabbaṃ, sappitelatakkarasakañjikādīni pana gaṇanūpagāni na honti, tāni hi odanagatikāneva, neva hāpetuṃ na vaḍḍhetuṃ sakkonti. Evametaṃ sabbampi pakkhittaṃ sace pattassa mukhavaṭṭiyā heṭṭhimarājisamaṃ tiṭṭhati, suttena vā hīrena vā chindantassa suttassa vā hīrassa vā heṭṭhimantaṃ phusati, ayaṃ ukkaṭṭho nāma patto. Sace taṃ rājiṃ atikkamma thūpīkataṃ tiṭṭhati, ayaṃ ukkaṭṭhomako nāma patto. Sace taṃ rājiṃ na sampāpuṇāti, antogatameva hoti, ayaṃ ukkaṭṭhukkaṭṭho nāma patto.

    นาฬิโกทนนฺติ มคธนาฬิยา เอกาย ตณฺฑุลนาฬิยา โอทนํฯ ปโตฺถทนนฺติ มคธนาฬิยา อุปฑฺฒนาฬิโกทนํฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อยํ ปน นามมเตฺต วิเสโส – สเจ นาฬิโกทนาทิ สพฺพมฺปิ ปกฺขิตฺตํ วุตฺตนเยเนว เหฎฺฐิมราชิสมํ ติฎฺฐติ, อยํ มชฺฌิโม นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ อติกฺกมฺม ถูปีกตํ ติฎฺฐติ, อยํ มชฺฌิโมมโก นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ น สมฺปาปุณาติ อโนฺตคตเมว โหติ, อยํ มชฺฌิมุกฺกโฎฺฐ นาม ปโตฺตฯ สเจ ปโตฺถทนาทิ สพฺพมฺปิ ปกฺขิตฺตํ เหฎฺฐิมราชิสมํ ติฎฺฐติ, อยํ โอมโก นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ อติกฺกมฺม ถูปีกตํ ติฎฺฐติ, อยํ โอมโกมโก นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ น ปาปุณาติ อโนฺตคตเมว โหติ, อยํ โอมกุกฺกโฎฺฐ นาม ปโตฺตติ เอวเมเต นว ปตฺตาฯ เตสุ เทฺว อปตฺตา อุกฺกฎฺฐุกฺกโฎฺฐ จ โอมโกมโก จฯ ‘‘ตโต อุกฺกโฎฺฐ อปโตฺต โอมโก อปโตฺต’’ติ อิทญฺหิ เอเต สนฺธาย วุตฺตํฯ อุกฺกฎฺฐุกฺกโฎฺฐ หิ เอตฺถ อุกฺกฎฺฐโต อุกฺกฎฺฐตฺตา ‘‘ตโต อุกฺกโฎฺฐ อปโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ โอมโกมโก จ โอมกโต โอมกตฺตา ตโต โอมโก อปโตฺตติ วุโตฺตฯ ตสฺมา เอเต ภาชนปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพา, น อธิฎฺฐานุปคา, น วิกปฺปนุปคาฯ อิตเร ปน สตฺต อธิฎฺฐหิตฺวา วา วิกเปฺปตฺวา วา ปริภุญฺชิตพฺพา, เอวํ อกตฺวา ตํ ทสาหํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ ตํ สตฺตวิธมฺปิ ปตฺตํ ทสาหปรมํ กาลํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    Nāḷikodananti magadhanāḷiyā ekāya taṇḍulanāḷiyā odanaṃ. Patthodananti magadhanāḷiyā upaḍḍhanāḷikodanaṃ. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Ayaṃ pana nāmamatte viseso – sace nāḷikodanādi sabbampi pakkhittaṃ vuttanayeneva heṭṭhimarājisamaṃ tiṭṭhati, ayaṃ majjhimo nāma patto. Sace taṃ rājiṃ atikkamma thūpīkataṃ tiṭṭhati, ayaṃ majjhimomako nāma patto. Sace taṃ rājiṃ na sampāpuṇāti antogatameva hoti, ayaṃ majjhimukkaṭṭho nāma patto. Sace patthodanādi sabbampi pakkhittaṃ heṭṭhimarājisamaṃ tiṭṭhati, ayaṃ omako nāma patto. Sace taṃ rājiṃ atikkamma thūpīkataṃ tiṭṭhati, ayaṃ omakomako nāma patto. Sace taṃ rājiṃ na pāpuṇāti antogatameva hoti, ayaṃ omakukkaṭṭho nāma pattoti evamete nava pattā. Tesu dve apattā ukkaṭṭhukkaṭṭho ca omakomako ca. ‘‘Tato ukkaṭṭho apatto omako apatto’’ti idañhi ete sandhāya vuttaṃ. Ukkaṭṭhukkaṭṭho hi ettha ukkaṭṭhato ukkaṭṭhattā ‘‘tato ukkaṭṭho apatto’’ti vutto. Omakomako ca omakato omakattā tato omako apattoti vutto. Tasmā ete bhājanaparibhogena paribhuñjitabbā, na adhiṭṭhānupagā, na vikappanupagā. Itare pana satta adhiṭṭhahitvā vā vikappetvā vā paribhuñjitabbā, evaṃ akatvā taṃ dasāhaṃ atikkāmayato nissaggiyaṃ pācittiyanti taṃ sattavidhampi pattaṃ dasāhaparamaṃ kālaṃ atikkāmayato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ๖๐๗. นิสฺสคฺคิยํ ปตฺตํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ปริภุญฺชตีติ ยาคุํ ปิวิตฺวา โธเต ทุกฺกฎํ, ขญฺชกํ ขาทิตฺวา ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา โธเต ทุกฺกฎนฺติ เอวํ ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ

    607.Nissaggiyaṃ pattaṃ anissajjitvā paribhuñjatīti yāguṃ pivitvā dhote dukkaṭaṃ, khañjakaṃ khāditvā bhattaṃ bhuñjitvā dhote dukkaṭanti evaṃ payoge payoge dukkaṭaṃ.

    ๖๐๘. อนาปตฺติ อโนฺตทสาหํ อธิเฎฺฐติ วิกเปฺปตีติ เอตฺถ ปน ปมาณยุตฺตสฺสปิ อธิฎฺฐานวิกปฺปนุปคตฺตํ เอวํ เวทิตพฺพํ – อโยปโตฺต ปญฺจหิ ปาเกหิ มตฺติกาปโตฺต ทฺวีหิ ปาเกหิ ปโกฺก อธิฎฺฐานุปโค, อุโภปิ ยํ มูลํ ทาตพฺพํ, ตสฺมิํ ทิเนฺนเยวฯ สเจ เอโกปิ ปาโก อูโน โหติ, กากณิกมตฺตมฺปิ วา มูลํ อทินฺนํ, น อธิฎฺฐานุปโคฯ สเจปิ ปตฺตสามิโก วทติ ‘‘ยทา ตุมฺหากํ มูลํ ภวิสฺสติ, ตทา ทสฺสถ, อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชถา’’ติ เนว อธิฎฺฐานุปโค โหติ, ปากสฺส หิ อูนตฺตา ปตฺตสงฺขํ น คจฺฉติ, มูลสฺส สกลสฺส วา เอกเทสสฺส วา อทินฺนตฺตา สกภาวํ น อุเปติ, อญฺญเสฺสว สนฺตโก โหติ, ตสฺมา ปาเก จ มูเล จ นิฎฺฐิเตเยว อธิฎฺฐานุปโค โหติฯ โย อธิฎฺฐานุปโค, เสฺวว วิกปฺปนุปโค, โส หตฺถํ อาคโตปิ อนาคโตปิ อธิฎฺฐาตโพฺพ วิกเปฺปตโพฺพ วาฯ ยทิ หิ ปตฺตการโก มูลํ ลภิตฺวา สยํ วา ทาตุกาโม หุตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ กตฺวา อสุกทิวเส นาม ปจิตฺวา ฐเปสฺสามี’’ติ วทติ, ภิกฺขุ จ เตน ปริจฺฉินฺนทิวสโต ทสาหํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน ปตฺตการโก ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ปตฺตํ กตฺวา ปจิตฺวา สาสนํ เปเสสฺสามี’’ติ วตฺวา ตเถว กโรติ, เตน เปสิตภิกฺขุ ปน ตสฺส ภิกฺขุโน น อาโรเจติ, อโญฺญ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา ‘‘ตุมฺหากํ, ภเนฺต, ปโตฺต นิฎฺฐิโต’’ติ อาโรเจติ, เอตสฺส อาโรจนํ นปมาณํฯ ยทา ปน เตน เปสิโตเยว อาโรเจติ, ตสฺส วจนํ สุตทิวสโต ปฎฺฐาย ทสาหํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปตฺตการโก ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ปตฺตํ กตฺวา ปจิตฺวา กสฺสจิ หเตฺถ ปหิณิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตเถว กโรติ, ปตฺตํ คเหตฺวา อาคตภิกฺขุ ปน อตฺตโน ปริเวเณ ฐเปตฺวา ตสฺส น อาโรเจติ, อโญฺญ โกจิ ภณติ ‘‘อปิ, ภเนฺต, อธุนา อาภโต ปโตฺต สุนฺทโร’’ติ! ‘‘กุหิํ, อาวุโส, ปโตฺต’’ติ? ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส หเตฺถ เปสิโต’’ติฯ เอตสฺสปิ วจนํ น ปมาณํฯ ยทา ปน โส ภิกฺขุ ปตฺตํ เทติ , ลทฺธทิวสโต ปฎฺฐาย ทสาหํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ตสฺมา ทสาหํ อนติกฺกาเมตฺวาว อธิฎฺฐาตโพฺพ วิกเปฺปตโพฺพ วาฯ

    608.Anāpatti antodasāhaṃ adhiṭṭheti vikappetīti ettha pana pamāṇayuttassapi adhiṭṭhānavikappanupagattaṃ evaṃ veditabbaṃ – ayopatto pañcahi pākehi mattikāpatto dvīhi pākehi pakko adhiṭṭhānupago, ubhopi yaṃ mūlaṃ dātabbaṃ, tasmiṃ dinneyeva. Sace ekopi pāko ūno hoti, kākaṇikamattampi vā mūlaṃ adinnaṃ, na adhiṭṭhānupago. Sacepi pattasāmiko vadati ‘‘yadā tumhākaṃ mūlaṃ bhavissati, tadā dassatha, adhiṭṭhahitvā paribhuñjathā’’ti neva adhiṭṭhānupago hoti, pākassa hi ūnattā pattasaṅkhaṃ na gacchati, mūlassa sakalassa vā ekadesassa vā adinnattā sakabhāvaṃ na upeti, aññasseva santako hoti, tasmā pāke ca mūle ca niṭṭhiteyeva adhiṭṭhānupago hoti. Yo adhiṭṭhānupago, sveva vikappanupago, so hatthaṃ āgatopi anāgatopi adhiṭṭhātabbo vikappetabbo vā. Yadi hi pattakārako mūlaṃ labhitvā sayaṃ vā dātukāmo hutvā ‘‘ahaṃ, bhante, tumhākaṃ pattaṃ katvā asukadivase nāma pacitvā ṭhapessāmī’’ti vadati, bhikkhu ca tena paricchinnadivasato dasāhaṃ atikkāmeti, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Sace pana pattakārako ‘‘ahaṃ tumhākaṃ pattaṃ katvā pacitvā sāsanaṃ pesessāmī’’ti vatvā tatheva karoti, tena pesitabhikkhu pana tassa bhikkhuno na āroceti, añño disvā vā sutvā vā ‘‘tumhākaṃ, bhante, patto niṭṭhito’’ti āroceti, etassa ārocanaṃ napamāṇaṃ. Yadā pana tena pesitoyeva āroceti, tassa vacanaṃ sutadivasato paṭṭhāya dasāhaṃ atikkāmayato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Sace pattakārako ‘‘ahaṃ tumhākaṃ pattaṃ katvā pacitvā kassaci hatthe pahiṇissāmī’’ti vatvā tatheva karoti, pattaṃ gahetvā āgatabhikkhu pana attano pariveṇe ṭhapetvā tassa na āroceti, añño koci bhaṇati ‘‘api, bhante, adhunā ābhato patto sundaro’’ti! ‘‘Kuhiṃ, āvuso, patto’’ti? ‘‘Itthannāmassa hatthe pesito’’ti. Etassapi vacanaṃ na pamāṇaṃ. Yadā pana so bhikkhu pattaṃ deti , laddhadivasato paṭṭhāya dasāhaṃ atikkāmayato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Tasmā dasāhaṃ anatikkāmetvāva adhiṭṭhātabbo vikappetabbo vā.

    ตตฺถ เทฺว ปตฺตสฺส อธิฎฺฐานา – กาเยน วา อธิฎฺฐาติ, วาจาย วา อธิฎฺฐาติฯ เตสํ วเสน อธิฎฺฐหเนฺตน จ ‘‘อิมํ ปตฺตํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วา ‘‘เอตํ ปตฺตํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วา เอวํ สมฺมุเข วา ปรมฺมุเข วา ฐิตํ ปุราณปตฺตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อญฺญสฺส วา ทตฺวา นวํ ปตฺตํ ยตฺถ กตฺถจิ ฐิตํ หเตฺถน ปรามสิตฺวา ‘‘อิมํ ปตฺตํ อธิฎฺฐามี’’ติ จิเตฺตน อาโภคํ กตฺวา กายวิการํ กโรเนฺตน กาเยน วา อธิฎฺฐาตโพฺพ, วจีเภทํ กตฺวา วาจาย วา อธิฎฺฐาตโพฺพฯ ตตฺร ทุวิธํ อธิฎฺฐานํ – สเจ หตฺถปาเส โหติ ‘‘อิมํ ปตฺตํ อธิฎฺฐามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาฯ อถ อโนฺตคเพฺภ วา อุปริปาสาเท วา สามนฺตวิหาเร วา โหติ, ฐปิตฎฺฐานํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘เอตํ ปตฺตํ อธิฎฺฐามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาฯ

    Tattha dve pattassa adhiṭṭhānā – kāyena vā adhiṭṭhāti, vācāya vā adhiṭṭhāti. Tesaṃ vasena adhiṭṭhahantena ca ‘‘imaṃ pattaṃ paccuddharāmī’’ti vā ‘‘etaṃ pattaṃ paccuddharāmī’’ti vā evaṃ sammukhe vā parammukhe vā ṭhitaṃ purāṇapattaṃ paccuddharitvā aññassa vā datvā navaṃ pattaṃ yattha katthaci ṭhitaṃ hatthena parāmasitvā ‘‘imaṃ pattaṃ adhiṭṭhāmī’’ti cittena ābhogaṃ katvā kāyavikāraṃ karontena kāyena vā adhiṭṭhātabbo, vacībhedaṃ katvā vācāya vā adhiṭṭhātabbo. Tatra duvidhaṃ adhiṭṭhānaṃ – sace hatthapāse hoti ‘‘imaṃ pattaṃ adhiṭṭhāmī’’ti vācā bhinditabbā. Atha antogabbhe vā uparipāsāde vā sāmantavihāre vā hoti, ṭhapitaṭṭhānaṃ sallakkhetvā ‘‘etaṃ pattaṃ adhiṭṭhāmī’’ti vācā bhinditabbā.

    อธิฎฺฐหเนฺตน ปน เอกเกน อธิฎฺฐาตุมฺปิ วฎฺฎติ, อญฺญสฺส สนฺติเก อธิฎฺฐาตุมฺปิ วฎฺฎติฯ อญฺญสฺส สนฺติเก อยมานิสํโส – สจสฺส ‘‘อธิฎฺฐิโต นุ โข เม, โน’’ติ วิมติ อุปฺปชฺชติ, อิตโร สาเรตฺวา วิมติํ ฉินฺทิสฺสตีติฯ สเจ โกจิ ทส ปเตฺต ลภิตฺวา สเพฺพว อตฺตนาว ปริภุญฺชิตุกาโม โหติ, น สเพฺพ อธิฎฺฐาตพฺพาฯ เอกํ ปตฺตํ อธิฎฺฐาย ปุนทิวเส ตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อโญฺญ อธิฎฺฐาตโพฺพฯ เอเตนุปาเยน วสฺสสตมฺปิ ปริหริตุํ สกฺกาฯ

    Adhiṭṭhahantena pana ekakena adhiṭṭhātumpi vaṭṭati, aññassa santike adhiṭṭhātumpi vaṭṭati. Aññassa santike ayamānisaṃso – sacassa ‘‘adhiṭṭhito nu kho me, no’’ti vimati uppajjati, itaro sāretvā vimatiṃ chindissatīti. Sace koci dasa patte labhitvā sabbeva attanāva paribhuñjitukāmo hoti, na sabbe adhiṭṭhātabbā. Ekaṃ pattaṃ adhiṭṭhāya punadivase taṃ paccuddharitvā añño adhiṭṭhātabbo. Etenupāyena vassasatampi pariharituṃ sakkā.

    เอวํ อปฺปมตฺตสฺส ภิกฺขุโน สิยา อธิฎฺฐานวิชหนนฺติ? สิยาฯ สเจ หิ อยํ ปตฺตํ อญฺญสฺส วา เทติ, วิพฺภมติ วา สิกฺขํ วา ปจฺจกฺขาติ, กาลํ วา กโรติ, ลิงฺคํ วาสฺส ปริวตฺตติ, ปจฺจุทฺธรติ วา, ปเตฺต วา ฉิทฺทํ โหติ, อธิฎฺฐานํ วิชหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Evaṃ appamattassa bhikkhuno siyā adhiṭṭhānavijahananti? Siyā. Sace hi ayaṃ pattaṃ aññassa vā deti, vibbhamati vā sikkhaṃ vā paccakkhāti, kālaṃ vā karoti, liṅgaṃ vāssa parivattati, paccuddharati vā, patte vā chiddaṃ hoti, adhiṭṭhānaṃ vijahati. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ทินฺนวิพฺภนฺตปจฺจกฺขา , กาลํกิริยกเตน จ;

    ‘‘Dinnavibbhantapaccakkhā , kālaṃkiriyakatena ca;

    ลิงฺคปจฺจุทฺธรา เจว, ฉิเทฺทน ภวติ สตฺตม’’นฺติฯ

    Liṅgapaccuddharā ceva, chiddena bhavati sattama’’nti.

    โจรหรณวิสฺสาสคฺคาเหหิปิ วิชหติเยวฯ กิตฺตเกน ฉิเทฺทน อธิฎฺฐานํ ภิชฺชติ? เยน กงฺคุสิตฺถํ นิกฺขมติ เจว ปวิสติ จฯ อิทญฺหิ สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ ลามกธญฺญสิตฺถํ, ตสฺมิํ อยจุเณฺณน วา อาณิยา วา ปฎิปากติเก กเต ทสาหพฺภนฺตเร ปุน อธิฎฺฐาตโพฺพฯ อยํ ตาว ‘‘อโนฺตทสาหํ อธิเฎฺฐติ วิกเปฺปตี’’ติ เอตฺถ อธิฎฺฐาเน วินิจฺฉโยฯ

    Coraharaṇavissāsaggāhehipi vijahatiyeva. Kittakena chiddena adhiṭṭhānaṃ bhijjati? Yena kaṅgusitthaṃ nikkhamati ceva pavisati ca. Idañhi sattannaṃ dhaññānaṃ lāmakadhaññasitthaṃ, tasmiṃ ayacuṇṇena vā āṇiyā vā paṭipākatike kate dasāhabbhantare puna adhiṭṭhātabbo. Ayaṃ tāva ‘‘antodasāhaṃ adhiṭṭheti vikappetī’’ti ettha adhiṭṭhāne vinicchayo.

    วิกปฺปเน ปน เทฺว วิกปฺปนา – สมฺมุขาวิกปฺปนา จ ปรมฺมุขาวิกปฺปนา จฯ กถํ สมฺมุขาวิกปฺปนา โหติ? ปตฺตานํ เอกพหุภาวํ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวญฺจ ญตฺวา ‘‘อิมํ ปตฺต’’นฺติ วา ‘‘อิเม ปเตฺต’’ติ วา ‘‘เอตํ ปตฺต’’นฺติ วา ‘‘เอเต ปเตฺต’’ติ วา วตฺวา ‘‘ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติ วตฺตพฺพํฯ อยเมกา สมฺมุขาวิกปฺปนาฯ เอตฺตาวตา นิเธตุํ วฎฺฎติ, ปริภุญฺชิตุํ วา วิสฺสเชฺชตุํ วา อธิฎฺฐาตุํ วา น วฎฺฎติฯ ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ปริภุญฺช วา วิสฺสเชฺชหิ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ เอวํ ปน วุเตฺต ปจฺจุทฺธาโร นาม โหติ, ตโตปภุติ ปริโภคาทโยปิ วฎฺฎนฺติฯ

    Vikappane pana dve vikappanā – sammukhāvikappanā ca parammukhāvikappanā ca. Kathaṃ sammukhāvikappanā hoti? Pattānaṃ ekabahubhāvaṃ sannihitāsannihitabhāvañca ñatvā ‘‘imaṃ patta’’nti vā ‘‘ime patte’’ti vā ‘‘etaṃ patta’’nti vā ‘‘ete patte’’ti vā vatvā ‘‘tuyhaṃ vikappemī’’ti vattabbaṃ. Ayamekā sammukhāvikappanā. Ettāvatā nidhetuṃ vaṭṭati, paribhuñjituṃ vā vissajjetuṃ vā adhiṭṭhātuṃ vā na vaṭṭati. ‘‘Mayhaṃ santakaṃ paribhuñja vā vissajjehi vā yathāpaccayaṃ vā karohī’’ti evaṃ pana vutte paccuddhāro nāma hoti, tatopabhuti paribhogādayopi vaṭṭanti.

    อปโร นโย – ตเถว ปตฺตานํ เอกพหุภาวํ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวญฺจ ญตฺวา ตเสฺสว ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘อิมํ ปตฺต’’นฺติ วา ‘‘อิเม ปเตฺต’’ติ วา ‘‘เอตํ ปตฺต’’นฺติ วา ‘‘เอเต ปเตฺต’’ติ วา วตฺวา ปญฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อญฺญตรสฺส อตฺตนา อภิรุจิตสฺส ยสฺส กสฺสจิ นามํ คเหตฺวา ‘‘ติสฺสสฺส ภิกฺขุโน วิกเปฺปมี’’ติ วา ‘‘ติสฺสาย ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส ติสฺสาย สามเณริยา วิกเปฺปมี’’ติ วา วตฺตพฺพํ, อยํ อปราปิ สมฺมุขาวิกปฺปนาฯ เอตฺตาวตา นิเธตุํ วฎฺฎติ, ปริโภคาทีสุ ปน เอกมฺปิ น วฎฺฎติฯ เตน ปน ภิกฺขุนา ‘‘ติสฺสสฺส ภิกฺขุโน สนฺตกํ…เป.… ติสฺสาย สามเณริยา สนฺตกํ ปริภุญฺช วา วิสฺสเชฺชหิ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ วุเตฺต ปจฺจุทฺธาโร นาม โหติฯ ตโตปภุติ ปริโภคาทโยปิ วฎฺฎนฺติฯ

    Aparo nayo – tatheva pattānaṃ ekabahubhāvaṃ sannihitāsannihitabhāvañca ñatvā tasseva bhikkhuno santike ‘‘imaṃ patta’’nti vā ‘‘ime patte’’ti vā ‘‘etaṃ patta’’nti vā ‘‘ete patte’’ti vā vatvā pañcasu sahadhammikesu aññatarassa attanā abhirucitassa yassa kassaci nāmaṃ gahetvā ‘‘tissassa bhikkhuno vikappemī’’ti vā ‘‘tissāya bhikkhuniyā sikkhamānāya sāmaṇerassa tissāya sāmaṇeriyā vikappemī’’ti vā vattabbaṃ, ayaṃ aparāpi sammukhāvikappanā. Ettāvatā nidhetuṃ vaṭṭati, paribhogādīsu pana ekampi na vaṭṭati. Tena pana bhikkhunā ‘‘tissassa bhikkhuno santakaṃ…pe… tissāya sāmaṇeriyā santakaṃ paribhuñja vā vissajjehi vā yathāpaccayaṃ vā karohī’’ti vutte paccuddhāro nāma hoti. Tatopabhuti paribhogādayopi vaṭṭanti.

    กถํ ปรมฺมุขาวิกปฺปนา โหติ? ปตฺตานํ ตเถว เอกพหุภาวํ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวญฺจ ญตฺวา ‘‘อิมํ ปตฺต’’นฺติ วา ‘‘อิเม ปเตฺต’’ติ วา ‘‘เอตํ ปตฺต’’นฺติ วา ‘‘เอเต ปเตฺต’’ติ วา วตฺวา ‘‘ตุยฺหํ วิกปฺปนตฺถาย ทมฺมี’’ติ วตฺตพฺพํฯ เตน วตฺตโพฺพ – ‘‘โก เต มิโตฺต วา สนฺทิโฎฺฐ วา’’ติ? ตโต อิตเรน ปุริมนเยเนว ‘‘ติโสฺส ภิกฺขูติ วา…เป.… ติสฺสา สามเณรี’’ติ วา วตฺตพฺพํฯ ปุน เตน ภิกฺขุนา ‘‘อหํ ติสฺสสฺส ภิกฺขุโน ทมฺมี’’ติ วา…เป.… ‘‘ติสฺสาย สามเณริยา ทมฺมี’’ติ วา วตฺตพฺพํ, อยํ ปรมฺมุขาวิกปฺปนาฯ เอตฺตาวตฺตา นิเธตุํ วฎฺฎติ, ปริโภคาทีสุ ปน เอกมฺปิ น วฎฺฎติฯ เตน ปน ภิกฺขุนา ทุติยสมฺมุขาวิกปฺปนายํ วุตฺตนเยเนว ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส สนฺตกํ ปริภุญฺช วา วิสฺสเชฺชหิ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ วุเตฺต ปจฺจุทฺธาโร นาม โหติฯ ตโตปภุติ ปริโภคาทโยปิ วฎฺฎนฺติฯ

    Kathaṃ parammukhāvikappanā hoti? Pattānaṃ tatheva ekabahubhāvaṃ sannihitāsannihitabhāvañca ñatvā ‘‘imaṃ patta’’nti vā ‘‘ime patte’’ti vā ‘‘etaṃ patta’’nti vā ‘‘ete patte’’ti vā vatvā ‘‘tuyhaṃ vikappanatthāya dammī’’ti vattabbaṃ. Tena vattabbo – ‘‘ko te mitto vā sandiṭṭho vā’’ti? Tato itarena purimanayeneva ‘‘tisso bhikkhūti vā…pe… tissā sāmaṇerī’’ti vā vattabbaṃ. Puna tena bhikkhunā ‘‘ahaṃ tissassa bhikkhuno dammī’’ti vā…pe… ‘‘tissāya sāmaṇeriyā dammī’’ti vā vattabbaṃ, ayaṃ parammukhāvikappanā. Ettāvattā nidhetuṃ vaṭṭati, paribhogādīsu pana ekampi na vaṭṭati. Tena pana bhikkhunā dutiyasammukhāvikappanāyaṃ vuttanayeneva ‘‘itthannāmassa santakaṃ paribhuñja vā vissajjehi vā yathāpaccayaṃ vā karohī’’ti vutte paccuddhāro nāma hoti. Tatopabhuti paribhogādayopi vaṭṭanti.

    อิมาสํ ปน ทฺวินฺนํ วิกปฺปนานํ นานากรณํ, อวเสโส จ วจนกฺกโม สโพฺพ ปฐมกถินสิกฺขาปทวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ สทฺธิํ สมุฎฺฐานาทีหีติฯ

    Imāsaṃ pana dvinnaṃ vikappanānaṃ nānākaraṇaṃ, avaseso ca vacanakkamo sabbo paṭhamakathinasikkhāpadavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbo saddhiṃ samuṭṭhānādīhīti.

    ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pattasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปตฺตสิกฺขาปทํ • 1. Pattasikkhāpadaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Pattasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Pattasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Pattasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact