Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
๓. ปตฺตวโคฺค
3. Pattavaggo
๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Pattasikkhāpadavaṇṇanā
ปตฺตวคฺคสฺส ปฐเม อติเรกปโตฺตติ อนธิฎฺฐิโต จ อวิกปฺปิโต จ, โส จ โข อุกฺกฎฺฐมชฺฌิโมมกานํ อญฺญตโร ปมาณยุโตฺตว, ตสฺส ปมาณํ ‘‘อฑฺฒาฬฺหโกทนํ คณฺหาตี’’ติอาทินา (ปารา ๖๐๒) นเยน ปาฬิยํ วุตฺตํฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – อนุปหตปุราณสาลิตณฺฑุลานํ สุโกฎฺฎิตปริสุทฺธานํ เทฺว มคธนาฬิโย คเหตฺวา เตหิ ตณฺฑุเลหิ อนุตฺตณฺฑุลมกิลินฺนมปิณฺฑิกํ สุวิสทํ กุนฺทมกุฬราสิสทิสํ อวสฺสาวิโตทนํ ปจิตฺวา นิรวเสสํ ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา ตสฺส โอทนสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาโณ นาติฆโน นาติตนุโก หตฺถหาริโย สพฺพสมฺภารสงฺขโต มุคฺคสูโป ปกฺขิปิตโพฺพ, ตโต อาโลปสฺส อนุรูปํ ยาวจริมาโลปปฺปโหนกํ มจฺฉมํสาทิพฺยญฺชนํ ปกฺขิปิตพฺพํ, สปฺปิเตลตกฺกรสกญฺชิยาทีนิ ปน คณนูปคานิ น โหนฺติฯ ตานิ หิ โอทนคติกาเนว, เนว หาเปตุํ, น วเฑฺฒตุํ สโกฺกนฺติ, เอวเมตํ สพฺพมฺปิ ปกฺขิตฺตํ สเจ ปตฺตสฺส มุขวฎฺฎิยา เหฎฺฐิมราชิสมํ ติฎฺฐติ, สุเตฺตน วา หีเรน วา ฉินฺทนฺตสฺส สุตฺตสฺส วา หีรสฺส วา เหฎฺฐิมนฺตํ ผุสติ, อยํ อุกฺกโฎฺฐ นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ อติกฺกมฺม ถูปีกตํ ติฎฺฐติ, อยํ อุกฺกโฎฺฐมโก นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ น สมฺปาปุณาติ, อโนฺตคธเมว โหติ, อยํ อุกฺกฎฺฐุกฺกโฎฺฐ นาม ปโตฺตฯ อุกฺกฎฺฐโต อุปฑฺฒปฺปมาโณ มชฺฌิโมฯ มชฺฌิมปตฺตโต อุปฑฺฒปฺปมาโณ โอมโกฯ เตสมฺปิ วุตฺตนเยเนว เภโท เวทิตโพฺพฯ อิเจฺจเตสุ นวสุ อุกฺกฎฺฐุกฺกโฎฺฐ จ โอมโกมโก จาติ เทฺว อปตฺตา, เสสา สตฺต ปตฺตา ปมาณยุตฺตา นาม, อยเมตฺถสเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๙๘ อาทโย) วุโตฺต, ตสฺมา เอวํ ปมาณยุตฺตํ สมณสารุเปฺปน ปกฺกํ อโยปตฺตํ วา มตฺติกาปตฺตํ วา ลภิตฺวา ปุราณปตฺตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อโนฺตทสาเห อธิฎฺฐาตโพฺพฯ สเจ ปนสฺส มูลโต กากณิกมตฺตมฺปิ ทาตพฺพํ อวสิฎฺฐํ โหติ, อธิฎฺฐานุปโค น โหติ, อปฺปจฺจุทฺธรเนฺตน วิกเปฺปตโพฺพฯ ตตฺถ ปจฺจุทฺธรณาธิฎฺฐานลกฺขณํ จีวรวเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, วิกปฺปนลกฺขณํ ปรโต วกฺขามฯ สเจ ปน โกจิ อปตฺตโก ภิกฺขุ ทส ปเตฺต ลภิตฺวา สเพฺพ อตฺตนาว ปริภุญฺชิตุกาโม โหติ, เอกํ ปตฺตํ อธิฎฺฐาย ปุน ทิวเส ตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อโญฺญ อธิฎฺฐาตโพฺพ, เอเตนุปาเยน วสฺสสตมฺปิ ปริหริตุํ สกฺกาฯ โย ปนสฺส ปโตฺต มุขวฎฺฎิโต เหฎฺฐา ทฺวงฺคุลมโตฺตกาสโต ปฎฺฐาย ยตฺถกตฺถจิ กงฺคุสิตฺถนิกฺขมนมเตฺตน ฉิเทฺทน ฉิโทฺท โหติ, โส อธิฎฺฐานุปโค น โหติฯ ปุน ฉิเทฺท ปากติเก กเต อธิฎฺฐาตโพฺพ, เสสํ อธิฎฺฐานวิชหนํ ติจีวเร วุตฺตนยเมวฯ
Pattavaggassa paṭhame atirekapattoti anadhiṭṭhito ca avikappito ca, so ca kho ukkaṭṭhamajjhimomakānaṃ aññataro pamāṇayuttova, tassa pamāṇaṃ ‘‘aḍḍhāḷhakodanaṃ gaṇhātī’’tiādinā (pārā 602) nayena pāḷiyaṃ vuttaṃ. Tatrāyaṃ vinicchayo – anupahatapurāṇasālitaṇḍulānaṃ sukoṭṭitaparisuddhānaṃ dve magadhanāḷiyo gahetvā tehi taṇḍulehi anuttaṇḍulamakilinnamapiṇḍikaṃ suvisadaṃ kundamakuḷarāsisadisaṃ avassāvitodanaṃ pacitvā niravasesaṃ patte pakkhipitvā tassa odanassa catutthabhāgappamāṇo nātighano nātitanuko hatthahāriyo sabbasambhārasaṅkhato muggasūpo pakkhipitabbo, tato ālopassa anurūpaṃ yāvacarimālopappahonakaṃ macchamaṃsādibyañjanaṃ pakkhipitabbaṃ, sappitelatakkarasakañjiyādīni pana gaṇanūpagāni na honti. Tāni hi odanagatikāneva, neva hāpetuṃ, na vaḍḍhetuṃ sakkonti, evametaṃ sabbampi pakkhittaṃ sace pattassa mukhavaṭṭiyā heṭṭhimarājisamaṃ tiṭṭhati, suttena vā hīrena vā chindantassa suttassa vā hīrassa vā heṭṭhimantaṃ phusati, ayaṃ ukkaṭṭho nāma patto. Sace taṃ rājiṃ atikkamma thūpīkataṃ tiṭṭhati, ayaṃ ukkaṭṭhomako nāma patto. Sace taṃ rājiṃ na sampāpuṇāti, antogadhameva hoti, ayaṃ ukkaṭṭhukkaṭṭho nāma patto. Ukkaṭṭhato upaḍḍhappamāṇo majjhimo. Majjhimapattato upaḍḍhappamāṇo omako. Tesampi vuttanayeneva bhedo veditabbo. Iccetesu navasu ukkaṭṭhukkaṭṭho ca omakomako cāti dve apattā, sesā satta pattā pamāṇayuttā nāma, ayametthasaṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.598 ādayo) vutto, tasmā evaṃ pamāṇayuttaṃ samaṇasāruppena pakkaṃ ayopattaṃ vā mattikāpattaṃ vā labhitvā purāṇapattaṃ paccuddharitvā antodasāhe adhiṭṭhātabbo. Sace panassa mūlato kākaṇikamattampi dātabbaṃ avasiṭṭhaṃ hoti, adhiṭṭhānupago na hoti, appaccuddharantena vikappetabbo. Tattha paccuddharaṇādhiṭṭhānalakkhaṇaṃ cīvaravagge vuttanayeneva veditabbaṃ, vikappanalakkhaṇaṃ parato vakkhāma. Sace pana koci apattako bhikkhu dasa patte labhitvā sabbe attanāva paribhuñjitukāmo hoti, ekaṃ pattaṃ adhiṭṭhāya puna divase taṃ paccuddharitvā añño adhiṭṭhātabbo, etenupāyena vassasatampi pariharituṃ sakkā. Yo panassa patto mukhavaṭṭito heṭṭhā dvaṅgulamattokāsato paṭṭhāya yatthakatthaci kaṅgusitthanikkhamanamattena chiddena chiddo hoti, so adhiṭṭhānupago na hoti. Puna chidde pākatike kate adhiṭṭhātabbo, sesaṃ adhiṭṭhānavijahanaṃ ticīvare vuttanayameva.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ อติเรกปตฺตธารณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, เสสวณฺณนากฺกโม จีวรวคฺคสฺส ปฐมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha atirekapattadhāraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, sesavaṇṇanākkamo cīvaravaggassa paṭhamasikkhāpade vuttanayeneva veditabboti.
ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pattasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อูนปญฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Ūnapañcabandhanasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย อูนานิ ปญฺจ พนฺธนานิ อสฺสาติ อูนปญฺจพนฺธโน, นาสฺส ปญฺจ พนฺธนานิ ปูเรนฺตีติ อโตฺถ, เตน อูนปญฺจพนฺธเนน, อิตฺถมฺภูตสฺส ลกฺขเณ กรณวจนํฯ ตตฺถ ยสฺมา อพนฺธนสฺสาปิ ปญฺจ พนฺธนานิ น ปูเรนฺติ สพฺพโส นตฺถิตาย, เตนสฺส ปทภาชเน ‘‘อูนปญฺจพนฺธโน นาม ปโตฺต อพนฺธโน วา เอกพนฺธโน วา’’ติอาทิ (ปารา. ๖๑๓) วุตฺตํฯ ‘‘อูนปญฺจพนฺธเนนา’’ติ จ วุตฺตตฺตา ยสฺส ปญฺจพนฺธโน ปโตฺต โหติ ปญฺจพนฺธโนกาโส วา, ตสฺส โส อปโตฺต, ตสฺมา อญฺญํ วิญฺญาเปตุํ วฎฺฎติฯ ยสฺมิํ ปน ปเตฺต มุขวฎฺฎิโต เหฎฺฐา ภฎฺฐา ทฺวงฺคุลปฺปมาณา เอกาปิ ราชิ โหติ, ตํ ตสฺสา ราชิยา เหฎฺฐิมปริยเนฺต ปตฺตเวธเกน วิชฺฌิตฺวา ปจิตฺวา สุตฺตรชฺชุกมกจิรชฺชุกาทีหิ วา ติปุสุตฺตเกน วา พนฺธิตฺวา ตํ พนฺธนํ อามิสสฺส อลคฺคนตฺถํ ติปุปฎฺฎเกน วา เกนจิ พทฺธสิเลสาทินา วา ปฎิจฺฉาเทตพฺพํ, โส จ ปโตฺต อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชิตโพฺพ, สุขุมํ วา ฉิทฺทํ กตฺวา พนฺธิตโพฺพ, ผาณิตํ ฌาเปตฺวา ปาสาณจุเณฺณน พนฺธิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ ยสฺส ปน เทฺว ราชิโย วา เอกาเยว วา จตุรงฺคุลา, ตสฺส เทฺว พนฺธนานิ ทาตพฺพานิฯ ยสฺส ติโสฺส วา เอกาเยว วา ฉฬงฺคุลา, ตสฺส ตีณิฯ ยสฺส จตโสฺส วา เอกาเยว วา อฎฺฐงฺคุลา, ตสฺส จตฺตาริฯ ยสฺส ปญฺจ วา เอกาเยว วา ทสงฺคุลา, โส พโทฺธปิ อพโทฺธปิ อปโตฺตเยว, อโญฺญ วิญฺญาเปตโพฺพ, เอส ตาว มตฺติกาปเตฺต วินิจฺฉโยฯ
Dutiye ūnāni pañca bandhanāni assāti ūnapañcabandhano, nāssa pañca bandhanāni pūrentīti attho, tena ūnapañcabandhanena, itthambhūtassa lakkhaṇe karaṇavacanaṃ. Tattha yasmā abandhanassāpi pañca bandhanāni na pūrenti sabbaso natthitāya, tenassa padabhājane ‘‘ūnapañcabandhano nāma patto abandhano vā ekabandhano vā’’tiādi (pārā. 613) vuttaṃ. ‘‘Ūnapañcabandhanenā’’ti ca vuttattā yassa pañcabandhano patto hoti pañcabandhanokāso vā, tassa so apatto, tasmā aññaṃ viññāpetuṃ vaṭṭati. Yasmiṃ pana patte mukhavaṭṭito heṭṭhā bhaṭṭhā dvaṅgulappamāṇā ekāpi rāji hoti, taṃ tassā rājiyā heṭṭhimapariyante pattavedhakena vijjhitvā pacitvā suttarajjukamakacirajjukādīhi vā tipusuttakena vā bandhitvā taṃ bandhanaṃ āmisassa alagganatthaṃ tipupaṭṭakena vā kenaci baddhasilesādinā vā paṭicchādetabbaṃ, so ca patto adhiṭṭhahitvā paribhuñjitabbo, sukhumaṃ vā chiddaṃ katvā bandhitabbo, phāṇitaṃ jhāpetvā pāsāṇacuṇṇena bandhitumpi vaṭṭati. Yassa pana dve rājiyo vā ekāyeva vā caturaṅgulā, tassa dve bandhanāni dātabbāni. Yassa tisso vā ekāyeva vā chaḷaṅgulā, tassa tīṇi. Yassa catasso vā ekāyeva vā aṭṭhaṅgulā, tassa cattāri. Yassa pañca vā ekāyeva vā dasaṅgulā, so baddhopi abaddhopi apattoyeva, añño viññāpetabbo, esa tāva mattikāpatte vinicchayo.
อโยปเตฺต ปน สเจปิ ปญฺจ วา อติเรกานิ วา ฉิทฺทานิ โหนฺติ, ตานิ เจ อยจุเณฺณน วา อาณิยา วา โลหมณฺฑเลน วา พทฺธานิ มฎฺฐานิ โหนฺติ, เสฺวว ปริภุญฺชิตโพฺพ, อโญฺญ น วิญฺญาเปตโพฺพฯ อถ ปน เอกมฺปิ ฉิทฺทํ มหนฺตํ โหติ, โลหมณฺฑเลน พทฺธมฺปิ มฎฺฐํ น โหติ, ปเตฺต อามิสํ ลคฺคติ, อกปฺปิโย โหติ อยํ ปโตฺต, อโญฺญ วิญฺญาเปตโพฺพฯ โย ปน เอวํ ปตฺตสเงฺขปคเต วา อโยปเตฺต, อูนปญฺจพนฺธเน วา มตฺติกาปเตฺต สติ อญฺญํ วิญฺญาเปติ, ปโยเค ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิโย โหติ, นิสฺสชฺชิตโพฺพฯ นิสฺสชฺชเนฺตน สงฺฆมเชฺฌ เอว นิสฺสชฺชิตโพฺพ, เตน วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุปริสาย นิสฺสชฺชิตโพฺพ’’ติฯ โย จ ตสฺสา ภิกฺขุปริสายาติเอตฺถ เตหิ ภิกฺขูหิ ปกติยา เอว อตฺตโน อตฺตโน อธิฎฺฐิตํ ปตฺตํ คเหตฺวา สนฺนิปติตพฺพํ, ตโต สมฺมเตน ปตฺตคฺคาหาปเกน ปตฺตสฺส วิชฺชมานคุณํ วตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมํ คณฺหถา’’ติ เถโร วตฺตโพฺพฯ สเจ เถรสฺส โส ปโตฺต น รุจฺจติ, อปฺปิจฺฉตาย วา น คณฺหาติ, วฎฺฎติฯ ตสฺมิํ ปน อนุกมฺปาย อคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ สเจ ปน คณฺหาติ, เถรสฺส ปตฺตํ ทุติยเตฺถรํ คาหาเปตฺวา เอเตเนว อุปาเยน ยาว สงฺฆนวกา คาหาเปตโพฺพ, เตน ปริจฺจตฺตปโตฺต ปน ปตฺตปริยโนฺต นาม, โส ตสฺส ภิกฺขุโน ปทาตโพฺพฯ เตนาปิ โส ยถา วิญฺญาเปตฺวา คหิตปโตฺต, เอวเมว สกฺกจฺจํ ปริภุญฺชิตโพฺพฯ สเจ ปน ตํ ชิคุจฺฉโนฺต อเทเส วา นิกฺขิปติ, อปริโภเคน วา ปริภุญฺชติ, วิสฺสเชฺชติ วา, ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ
Ayopatte pana sacepi pañca vā atirekāni vā chiddāni honti, tāni ce ayacuṇṇena vā āṇiyā vā lohamaṇḍalena vā baddhāni maṭṭhāni honti, sveva paribhuñjitabbo, añño na viññāpetabbo. Atha pana ekampi chiddaṃ mahantaṃ hoti, lohamaṇḍalena baddhampi maṭṭhaṃ na hoti, patte āmisaṃ laggati, akappiyo hoti ayaṃ patto, añño viññāpetabbo. Yo pana evaṃ pattasaṅkhepagate vā ayopatte, ūnapañcabandhane vā mattikāpatte sati aññaṃ viññāpeti, payoge dukkaṭaṃ, paṭilābhena nissaggiyo hoti, nissajjitabbo. Nissajjantena saṅghamajjhe eva nissajjitabbo, tena vuttaṃ ‘‘bhikkhuparisāya nissajjitabbo’’ti. Yo ca tassā bhikkhuparisāyātiettha tehi bhikkhūhi pakatiyā eva attano attano adhiṭṭhitaṃ pattaṃ gahetvā sannipatitabbaṃ, tato sammatena pattaggāhāpakena pattassa vijjamānaguṇaṃ vatvā ‘‘bhante, imaṃ gaṇhathā’’ti thero vattabbo. Sace therassa so patto na ruccati, appicchatāya vā na gaṇhāti, vaṭṭati. Tasmiṃ pana anukampāya agaṇhantassa dukkaṭaṃ. Sace pana gaṇhāti, therassa pattaṃ dutiyattheraṃ gāhāpetvā eteneva upāyena yāva saṅghanavakā gāhāpetabbo, tena pariccattapatto pana pattapariyanto nāma, so tassa bhikkhuno padātabbo. Tenāpi so yathā viññāpetvā gahitapatto, evameva sakkaccaṃ paribhuñjitabbo. Sace pana taṃ jigucchanto adese vā nikkhipati, aparibhogena vā paribhuñjati, vissajjeti vā, dukkaṭaṃ āpajjati.
สเกฺกสุ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ พหู ปเตฺต วิญฺญาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ , อพนฺธเนน อพนฺธนํ, เอกพนฺธนํ, ทุพนฺธนํ, ติพนฺธนํ, จตุพฺพนฺธนํ, อพนฺธโนกาสํ, เอกทฺวิติจตุพฺพนฺธโนกาสํ เจตาเปติ, เอวํ เอเกเกน ปเตฺตน ทสธา ทสวิธํ ปตฺตํฯ เจตาปนวเสน ปน เอกํ นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสตํ โหติฯ นฎฺฐปตฺตสฺส, ภินฺนปตฺตสฺส, อตฺตโน ญาตกปฺปวาริเต, อญฺญสฺส จ ญาตกปฺปวาริเต, ตเสฺสวตฺถาย วิญฺญาเปนฺตสฺส, อตฺตโน ธเนน คณฺหโต, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อธิฎฺฐานุปคปตฺตสฺส อูนปญฺจพนฺธนตา, อตฺตุเทฺทสิกตา, อกตวิญฺญตฺติ , ตาย จ ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ โธวาปนสิกฺขาปเท วุตฺตนยาเนวาติฯ
Sakkesu chabbaggiye ārabbha bahū patte viññāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ , abandhanena abandhanaṃ, ekabandhanaṃ, dubandhanaṃ, tibandhanaṃ, catubbandhanaṃ, abandhanokāsaṃ, ekadviticatubbandhanokāsaṃ cetāpeti, evaṃ ekekena pattena dasadhā dasavidhaṃ pattaṃ. Cetāpanavasena pana ekaṃ nissaggiyapācittiyasataṃ hoti. Naṭṭhapattassa, bhinnapattassa, attano ñātakappavārite, aññassa ca ñātakappavārite, tassevatthāya viññāpentassa, attano dhanena gaṇhato, ummattakādīnañca anāpatti. Adhiṭṭhānupagapattassa ūnapañcabandhanatā, attuddesikatā, akataviññatti , tāya ca paṭilābhoti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni dhovāpanasikkhāpade vuttanayānevāti.
อูนปญฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ūnapañcabandhanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย ปฎิสายนียานีติ ปฎิสายิตพฺพานิ, ปริภุญฺชิตพฺพานีติ อโตฺถฯ เอเตน สยํ อุคฺคเหตฺวา นิกฺขิตฺตานํ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติํ ทเสฺสติ, ตานิ หิ ปฎิสายิตุํ น วฎฺฎนฺติฯ เภสชฺชานีติ เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา, มา วา, เอวํ ลทฺธโวหารานิฯ สปฺปิ นาม ควาทีนํ สปฺปิ, เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปิฯ ตถา นวนีตํฯ เตลํ นาม ติลสาสปมธูกเอรณฺฑกวสาทีหิ นิพฺพตฺติตํฯ มธุ นาม มกฺขิกามธุเมวฯ ผาณิตํ นาม อุจฺฉุรสํ อุปาทาย ปน อปกฺกา วา อวตฺถุกปกฺกา วา สพฺพาปิ อุจฺฉุวิกติ ‘‘ผาณิต’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวาติ ตานิ เภสชฺชานิ ปฎิคฺคเหตฺวา, น เตสํ วตฺถูนิฯ เอเตน ฐเปตฺวา วสาเตลํ ยาเนตฺถ ยาวกาลิกวตฺถุกานิ, เตสํ วตฺถูนิ ปฎิคฺคเหตฺวา กตานิ สปฺปิอาทีนิ สตฺตาหํ อติกฺกามยโตปิ อนาปตฺติํ ทเสฺสติฯ วสาเตลํ ปน กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุํ อนุญฺญาตํ, ตสฺมา ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ อญฺญํ ยํกญฺจิ วสํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา สามํ ปจิตฺวา นิพฺพตฺติตเตลมฺปิ สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคน วฎฺฎติฯ อนุปสมฺปเนฺนน ปจิตฺวา ทินฺนํ ปน ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, อเญฺญสํ ยาวกาลิกวตฺถูนํ วตฺถุํ ปจิตุํ น วฎฺฎติเยวฯ นิพฺพตฺติตสปฺปิ วา นวนีตํ วา ปจิตุํ วฎฺฎติ, ตํ ปน ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ สามิสํ ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตขีราทิโต อนุปสมฺปเนฺนน ปจิตฺวา กตสปฺปิอาทีนิ ปน ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสานิปิ วฎฺฎนฺติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย อนโชฺฌหรณียานิ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ สนฺนิธิการกํ ปริภุญฺชิตพฺพานีติ สนฺนิธิํ กตฺวา นิทหิตฺวา ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตานิ ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสปริโภเคนาปิ วฎฺฎนฺติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย ปน ตานิ จ, ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตานิ จ สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพานีติ อโตฺถฯ ‘‘ปริภุญฺชิตพฺพานี’’ติ จ วจนโต อโนฺตสตฺตาเห อพฺภญฺชนาทีนํ อตฺถาย อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิเตสุ อนาปตฺติ, ยาวชีวิกานิ สาสปมธูกเอรณฺฑกอฎฺฐีนิ เตลกรณตฺถํ ปฎิคฺคเหตฺวา ตทเหว กตเตลํ สตฺตาหกาลิกํ, ทุติยทิวเส กตํ ฉาหํ วฎฺฎติ, ตติยทิวเส กตํ ปญฺจาหํ, จตุตฺถปญฺจมฉฎฺฐสตฺตมทิวเส กตํ ตทเหว วฎฺฎติฯ สเจ ยาว อรุณสฺส อุคฺคมนา ติฎฺฐติ, นิสฺสคฺคิยํ โหติ, อฎฺฐมทิวเส กตํ อนโชฺฌหรณียํ, อนิสฺสคฺคิยตฺตา ปน พาหิรปริโภเคน วฎฺฎติฯ สเจปิ น กโรติ, เตลตฺถาย ปฎิคฺคหิตสาสปาทีนํ ปน ปาฬิยํ อนาคตสปฺปิอาทีนญฺจ สตฺตาหาติกฺกเม ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ สีตุทเกน กตมธูกปุปฺผผาณิตํ ปน ผาณิตคติกเมว, อมฺพผาณิตาทีนิ ยาวกาลิกานิฯ ยํ ปเนตฺถ สตฺตาหกาลิกํ, ตํ นิสฺสฎฺฐํ ปฎิลภิตฺวาปิ อรุอาทีนิ วา มเกฺขตุํ, อโชฺฌหริตุํ วา น วฎฺฎติฯ ปทีเป กาฬวเณฺณ วา อุปเนตพฺพํ, อญฺญสฺส ภิกฺขุโน กายิกปริโภคํ วฎฺฎติฯ ยํ ปน นิรเปโกฺข ปริจฺจชิตฺวา ปุน ลภติ, ตํ อโชฺฌหริตุมฺปิ วฎฺฎติฯ วิสุํ ฐปิตสปฺปิอาทีสุ, เอกภาชเน วา อมิสฺสิเตสุ วตฺถุคณนาย อาปตฺติโยฯ
Tatiye paṭisāyanīyānīti paṭisāyitabbāni, paribhuñjitabbānīti attho. Etena sayaṃ uggahetvā nikkhittānaṃ sattāhātikkamepi anāpattiṃ dasseti, tāni hi paṭisāyituṃ na vaṭṭanti. Bhesajjānīti bhesajjakiccaṃ karontu vā, mā vā, evaṃ laddhavohārāni. Sappi nāma gavādīnaṃ sappi, yesaṃ maṃsaṃ kappati, tesaṃ sappi. Tathā navanītaṃ. Telaṃ nāma tilasāsapamadhūkaeraṇḍakavasādīhi nibbattitaṃ. Madhu nāma makkhikāmadhumeva. Phāṇitaṃ nāma ucchurasaṃ upādāya pana apakkā vā avatthukapakkā vā sabbāpi ucchuvikati ‘‘phāṇita’’nti veditabbaṃ. Tāni paṭiggahetvāti tāni bhesajjāni paṭiggahetvā, na tesaṃ vatthūni. Etena ṭhapetvā vasātelaṃ yānettha yāvakālikavatthukāni, tesaṃ vatthūni paṭiggahetvā katāni sappiādīni sattāhaṃ atikkāmayatopi anāpattiṃ dasseti. Vasātelaṃ pana kāle paṭiggahitaṃ kāle nipakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjituṃ anuññātaṃ, tasmā ṭhapetvā manussavasaṃ aññaṃ yaṃkañci vasaṃ purebhattaṃ paṭiggahetvā sāmaṃ pacitvā nibbattitatelampi sattāhaṃ nirāmisaparibhogena vaṭṭati. Anupasampannena pacitvā dinnaṃ pana tadahupurebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, aññesaṃ yāvakālikavatthūnaṃ vatthuṃ pacituṃ na vaṭṭatiyeva. Nibbattitasappi vā navanītaṃ vā pacituṃ vaṭṭati, taṃ pana tadahupurebhattampi sāmisaṃ paribhuñjituṃ na vaṭṭati. Purebhattaṃ paṭiggahitakhīrādito anupasampannena pacitvā katasappiādīni pana tadahupurebhattaṃ sāmisānipi vaṭṭanti, pacchābhattato paṭṭhāya anajjhoharaṇīyāni, sattāhātikkamepi anāpatti. Sannidhikārakaṃ paribhuñjitabbānīti sannidhiṃ katvā nidahitvā purebhattaṃ paṭiggahitāni tadahupurebhattaṃ sāmisaparibhogenāpi vaṭṭanti, pacchābhattato paṭṭhāya pana tāni ca, pacchābhattaṃ paṭiggahitāni ca sattāhaṃ nirāmisaparibhogena paribhuñjitabbānīti attho. ‘‘Paribhuñjitabbānī’’ti ca vacanato antosattāhe abbhañjanādīnaṃ atthāya adhiṭṭhahitvā ṭhapitesu anāpatti, yāvajīvikāni sāsapamadhūkaeraṇḍakaaṭṭhīni telakaraṇatthaṃ paṭiggahetvā tadaheva katatelaṃ sattāhakālikaṃ, dutiyadivase kataṃ chāhaṃ vaṭṭati, tatiyadivase kataṃ pañcāhaṃ, catutthapañcamachaṭṭhasattamadivase kataṃ tadaheva vaṭṭati. Sace yāva aruṇassa uggamanā tiṭṭhati, nissaggiyaṃ hoti, aṭṭhamadivase kataṃ anajjhoharaṇīyaṃ, anissaggiyattā pana bāhiraparibhogena vaṭṭati. Sacepi na karoti, telatthāya paṭiggahitasāsapādīnaṃ pana pāḷiyaṃ anāgatasappiādīnañca sattāhātikkame dukkaṭaṃ āpajjati. Sītudakena katamadhūkapupphaphāṇitaṃ pana phāṇitagatikameva, ambaphāṇitādīni yāvakālikāni. Yaṃ panettha sattāhakālikaṃ, taṃ nissaṭṭhaṃ paṭilabhitvāpi aruādīni vā makkhetuṃ, ajjhoharituṃ vā na vaṭṭati. Padīpe kāḷavaṇṇe vā upanetabbaṃ, aññassa bhikkhuno kāyikaparibhogaṃ vaṭṭati. Yaṃ pana nirapekkho pariccajitvā puna labhati, taṃ ajjhoharitumpi vaṭṭati. Visuṃ ṭhapitasappiādīsu, ekabhājane vā amissitesu vatthugaṇanāya āpattiyo.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ สตฺตาหํ อติกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสํ จีวรวคฺคสฺส ปฐมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha sattāhaṃ atikkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesaṃ cīvaravaggassa paṭhamasikkhāpade vuttanayeneva veditabbanti.
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ จตุนฺนํ คิมฺหมาสานํ เอโก ปจฺฉิมมาโส เสโสฯ ปริเยสิตพฺพนฺติ คิมฺหานํ ปจฺฉิมมาสสฺส ปฐมทิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กตฺติกมาสสฺส ปจฺฉิมทิวโส, ตาว ‘‘กาโล วสฺสิกสาฎิกายา’’ติอาทินา สตุปฺปาทกรเณน, สงฺฆสฺส ปวาริตฎฺฐานโต, อตฺตโน ญาตกปฺปวาริตฎฺฐานโต ปน ‘‘เทถ เม วสฺสิกสาฎิกจีวร’’นฺติอาทิกาย วิญฺญตฺติยาปิ ปริเยสิตพฺพํฯ อญฺญาตกอปฺปวาริตฎฺฐาเน สตุปฺปาทํ กโรนฺตสฺส วตฺตเภเท ทุกฺกฎํ, ยถา วา ตถา วา ‘‘เทถ เม’’ติอาทิวจเนน วิญฺญาเปนฺตสฺส อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ กตฺวา นิวาเสตพฺพนฺติ คิมฺหานํ ปจฺฉิมทฺธมาสสฺส ปฐมทิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กตฺติกมาสสฺส ปจฺฉิมทิวโส, ตาว สูจิกมฺมนิฎฺฐาเนน สกิมฺปิ วณฺณเภทมตฺตรชเนน กปฺปพินฺทุกรเณน จ กตฺวา ปริทหิตพฺพาฯ เอตฺตาวตา คิมฺหานํ ปจฺฉิโม มาโส ปริเยสนเกฺขตฺตํ , ปจฺฉิโม อทฺธมาโส กรณนิวาสนเกฺขตฺตมฺปิ, วสฺสานสฺส จตูสุ มาเสสุ สพฺพมฺปิ ตํ วฎฺฎตีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ โย จายํ คิมฺหานํ ปจฺฉิโม มาโส อนุญฺญาโต, เอตฺถ กตปริเยสิตมฺปิ วสฺสิกสาฎิกํ อธิฎฺฐาตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ตสฺมิํ มาเส อติกฺกเนฺต วสฺสํ อุกฺกฑฺฒิยติ, ปุน มาสปริหารํ ลภติ, โธวิตฺวา ปน นิกฺขิปิตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส อธิฎฺฐาตพฺพาฯ สเจ สติสโมฺมเสน วา อปฺปโหนกภาเวน วา อกตา โหติฯ เต จ เทฺว มาเส วสฺสานสฺส จตุมาสนฺติ ฉ มาเส ปริหารํ ลภติฯ สเจ ปน กตฺติกมาเส กถินํ อตฺถริยติ, อปเรปิ จตฺตาโร มาเส ลภติ, เอวํ ทส มาสา โหนฺติฯ ตโต ปรมฺปิ สติยา ปจฺจาสาย ตํ มูลจีวรํ กตฺวา ฐเปนฺตสฺส เอกมาสนฺติ เอวํ เอกาทส มาเส ปริหารํ ลภติ, อิโต ปรํ เอกาหมฺปิ น ลภติฯ
Catutthe māso seso gimhānanti catunnaṃ gimhamāsānaṃ eko pacchimamāso seso. Pariyesitabbanti gimhānaṃ pacchimamāsassa paṭhamadivasato paṭṭhāya yāva kattikamāsassa pacchimadivaso, tāva ‘‘kālo vassikasāṭikāyā’’tiādinā satuppādakaraṇena, saṅghassa pavāritaṭṭhānato, attano ñātakappavāritaṭṭhānato pana ‘‘detha me vassikasāṭikacīvara’’ntiādikāya viññattiyāpi pariyesitabbaṃ. Aññātakaappavāritaṭṭhāne satuppādaṃ karontassa vattabhede dukkaṭaṃ, yathā vā tathā vā ‘‘detha me’’tiādivacanena viññāpentassa aññātakaviññattisikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Katvā nivāsetabbanti gimhānaṃ pacchimaddhamāsassa paṭhamadivasato paṭṭhāya yāva kattikamāsassa pacchimadivaso, tāva sūcikammaniṭṭhānena sakimpi vaṇṇabhedamattarajanena kappabindukaraṇena ca katvā paridahitabbā. Ettāvatā gimhānaṃ pacchimo māso pariyesanakkhettaṃ , pacchimo addhamāso karaṇanivāsanakkhettampi, vassānassa catūsu māsesu sabbampi taṃ vaṭṭatīti ayamattho dassito hoti. Yo cāyaṃ gimhānaṃ pacchimo māso anuññāto, ettha katapariyesitampi vassikasāṭikaṃ adhiṭṭhātuṃ na vaṭṭati. Sace tasmiṃ māse atikkante vassaṃ ukkaḍḍhiyati, puna māsaparihāraṃ labhati, dhovitvā pana nikkhipitvā vassūpanāyikadivase adhiṭṭhātabbā. Sace satisammosena vā appahonakabhāvena vā akatā hoti. Te ca dve māse vassānassa catumāsanti cha māse parihāraṃ labhati. Sace pana kattikamāse kathinaṃ atthariyati, aparepi cattāro māse labhati, evaṃ dasa māsā honti. Tato parampi satiyā paccāsāya taṃ mūlacīvaraṃ katvā ṭhapentassa ekamāsanti evaṃ ekādasa māse parihāraṃ labhati, ito paraṃ ekāhampi na labhati.
โอเรน เจ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ คิมฺหานํ ปจฺฉิมมาสสฺส โอริมภาเค ยาว เหมนฺตสฺส ปฐมทิวโส, ตาวาติ อโตฺถฯ ปริเยเสยฺยาติ เอเตสุ สตฺตสุ ปิฎฺฐิสมยมาเสสุ อญฺญาตกอปฺปวาริตฎฺฐานโต สตุปฺปาทกรเณน ปริเยสนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, วิญฺญาเปนฺตสฺส อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ญาตกปฺปวาริเต วิญฺญาเปนฺตสฺส เตน สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, สตุปฺปาทํ กโรนฺตสฺส อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติฯ โอเรนทฺธมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ คิมฺหานสฺส ปจฺฉิมทฺธมาสโต โอริมภาเค เอกสฺมิํ อทฺธมาเสฯ กตฺวา นิวาเสยฺยาติ เอตฺถนฺตเร ธเมฺมน อุปฺปนฺนมฺปิ กตฺวา นิวาเสนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ
Orena ce māsoseso gimhānanti gimhānaṃ pacchimamāsassa orimabhāge yāva hemantassa paṭhamadivaso, tāvāti attho. Pariyeseyyāti etesu sattasu piṭṭhisamayamāsesu aññātakaappavāritaṭṭhānato satuppādakaraṇena pariyesantassa nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, viññāpentassa aññātakaviññattisikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, ñātakappavārite viññāpentassa tena sikkhāpadena anāpatti, satuppādaṃ karontassa iminā sikkhāpadena āpatti. Orenaddhamāso seso gimhānanti gimhānassa pacchimaddhamāsato orimabhāge ekasmiṃ addhamāse. Katvā nivāseyyāti etthantare dhammena uppannampi katvā nivāsentassa nissaggiyaṃ hoti.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ วสฺสิกสาฎิกปริเยสนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อูนกมาสทฺธมาเสสุ อติเรกสญฺญิโน เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํ, ตถา สติยา วสฺสิกสาฎิกาย นคฺคสฺส กายํ โอวสฺสาปยโตฯ โปกฺขรณิยาทีสุ ปน นฺหายนฺตสฺส วา อจฺฉินฺนจีวรสฺส วา นฎฺฐจีวรสฺส วา ‘‘อนิวตฺถํ โจรา หรนฺตี’’ติ เอวํ อาปทาสุ วา นิวาสยโต อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ เอตฺถ จ วสฺสิกสาฎิกาย อตฺตุเทฺทสิกตา, อสมเย ปริเยสนตา, ตาย จ ปฎิลาโภติ อิมานิ ตาว ปริเยสนาปตฺติยา ตีณิ องฺคานิ ฯ สจีวรตา, อาปทาภาโว, วสฺสิกสาฎิกาย สกภาโว, อสมเย นิวาสนนฺติ อิมานิ นิวาสนาปตฺติยา จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ โธวาปนสิกฺขาปเท วุตฺตนยาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha vassikasāṭikapariyesanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, ūnakamāsaddhamāsesu atirekasaññino vematikassa vā dukkaṭaṃ, tathā satiyā vassikasāṭikāya naggassa kāyaṃ ovassāpayato. Pokkharaṇiyādīsu pana nhāyantassa vā acchinnacīvarassa vā naṭṭhacīvarassa vā ‘‘anivatthaṃ corā harantī’’ti evaṃ āpadāsu vā nivāsayato ummattakādīnañca anāpatti. Ettha ca vassikasāṭikāya attuddesikatā, asamaye pariyesanatā, tāya ca paṭilābhoti imāni tāva pariyesanāpattiyā tīṇi aṅgāni . Sacīvaratā, āpadābhāvo, vassikasāṭikāya sakabhāvo, asamaye nivāsananti imāni nivāsanāpattiyā cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni dhovāpanasikkhāpade vuttanayānevāti.
วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Cīvaraacchindanasikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม สามํ จีวรํ ทตฺวาติ เวยฺยาวจฺจาทีนิ ปจฺจาสิสมาโน สยเมว ทตฺวาฯ อจฺฉิเนฺทยฺยาติ เวยฺยาวจฺจาทีนิ อกโรนฺตํ ทิสฺวา สกสญฺญาย อจฺฉินฺทนฺตสฺส วตฺถุคณนาย อาปตฺติโยฯ อจฺฉินฺทาเปยฺยาติเอตฺถ ปน ‘‘อจฺฉินฺทา’’ติ อาณตฺติยา ทุกฺกฎํ, อจฺฉิเนฺทสุ ยตฺตกานิ อาณตฺตานิ, เตสํ คณนาย อาปตฺติโยฯ
Pañcame sāmaṃ cīvaraṃ datvāti veyyāvaccādīni paccāsisamāno sayameva datvā. Acchindeyyāti veyyāvaccādīni akarontaṃ disvā sakasaññāya acchindantassa vatthugaṇanāya āpattiyo. Acchindāpeyyātiettha pana ‘‘acchindā’’ti āṇattiyā dukkaṭaṃ, acchindesu yattakāni āṇattāni, tesaṃ gaṇanāya āpattiyo.
สาวตฺถิยํ อุปนนฺทํ อารพฺภ จีวรอจฺฉินฺทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญิโน, เวมติกสฺส, อนุปสมฺปนฺนสญฺญิโน วา, อุปสมฺปนฺนสฺสาปิ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรํ ฐเปตฺวา อญฺญํ ปริกฺขารํ, อนุปสมฺปนฺนสฺส จ ยํกิญฺจิ อจฺฉินฺทโต วา ทุกฺกฎํฯ เตน ตุเฎฺฐน วา กุปิเตน วา ทินฺนํ ปน ตสฺส วิสฺสาสํ วา คณฺหนฺตสฺส อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรตา, สามํ ทินฺนตา, สกสญฺญิตา, อุปสมฺปนฺนตา, โกธวเสน อจฺฉินฺทนํ วา อจฺฉินฺทาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ อญฺญตฺร เวทนายฯ เวทนา ปน อิธ ทุกฺขเวทนาเยวาติฯ
Sāvatthiyaṃ upanandaṃ ārabbha cīvaraacchindanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ. Anupasampanne upasampannasaññino, vematikassa, anupasampannasaññino vā, upasampannassāpi vikappanupagapacchimacīvaraṃ ṭhapetvā aññaṃ parikkhāraṃ, anupasampannassa ca yaṃkiñci acchindato vā dukkaṭaṃ. Tena tuṭṭhena vā kupitena vā dinnaṃ pana tassa vissāsaṃ vā gaṇhantassa ummattakādīnañca anāpatti. Vikappanupagapacchimacīvaratā, sāmaṃ dinnatā, sakasaññitā, upasampannatā, kodhavasena acchindanaṃ vā acchindāpanaṃ vāti imānettha pañca aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni aññatra vedanāya. Vedanā pana idha dukkhavedanāyevāti.
จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvaraacchindanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. สุตฺตวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Suttaviññattisikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ สุตฺตนฺติ ฉพฺพิธํ โขมสุตฺตาทิํ วา เตสํ อนุโลมํ วาฯ วิญฺญาเปตฺวาติ จีวรตฺถาย ยาจิตฺวาฯ วายาเปยฺยาติ ‘‘จีวรํ เม, อาวุโส, วายถา’’ติ อกปฺปิยาย วิญฺญตฺติยา วายาเปยฺยฯ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอวํ วายาเปนฺตสฺส โย ตนฺตวาโย จีวรวายนตฺถํ ตุริเวมสชฺชนาทิเก ปโยเค กโรติ, ตสฺส สพฺพปฺปโยเคสุ ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ
Chaṭṭhe suttanti chabbidhaṃ khomasuttādiṃ vā tesaṃ anulomaṃ vā. Viññāpetvāti cīvaratthāya yācitvā. Vāyāpeyyāti ‘‘cīvaraṃ me, āvuso, vāyathā’’ti akappiyāya viññattiyā vāyāpeyya. Nissaggiyanti evaṃ vāyāpentassa yo tantavāyo cīvaravāyanatthaṃ turivemasajjanādike payoge karoti, tassa sabbappayogesu dukkaṭaṃ, paṭilābhena nissaggiyaṃ hoti.
ราชคเห ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ จีวรวายาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, วิญฺญาปิตสุตฺตํ วิญฺญาปิตตนฺตวาเยน วายาเปนฺตสฺส ทีฆโต วิทตฺถิมเตฺต ติริยญฺจ หตฺถมเตฺต วีเต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ อิติ ยาว จีวรํ วฑฺฒติ, ตาว อิมินา ปมาเณน อาปตฺติโย วฑฺฒนฺติฯ เตเนว ปน อวิญฺญตฺติยา ลทฺธสุตฺตํ วายาเปนฺตสฺส ยถา ปุเพฺพ นิสฺสคฺคิยํ , เอวํ อิธ ทุกฺกฎํฯ เตเนว วิญฺญตฺตญฺจ อวิญฺญตฺตญฺจ วายาเปนฺตสฺส สเจ วุตฺตปฺปมาเณน เกทารพทฺธํ วิย จีวรํ โหติ, อกปฺปิยสุตฺตมเย ปริเจฺฉเท ปาจิตฺติยํ, อิตรสฺมิํ ตเถว ทุกฺกฎํฯ ตโต เจ อูนตรา ปริเจฺฉทา, สพฺพปริเจฺฉเทสุ ทุกฺกฎาเนวฯ อถ เอกนฺตริเกน วา สุเตฺตน ทีฆโต วา กปฺปิยํ ติริยํ อกปฺปิยํ กตฺวา วีตํ โหติ, ปุเพฺพ วุตฺตปฺปมาณคณนาย ทุกฺกฎานิฯ เอเตเนว อุปาเยน กปฺปิยตนฺตวาเยน อกปฺปิยสุเตฺต, กปฺปิยากปฺปิเยหิ ตนฺตวาเยหิ สุเตฺตปิ กปฺปิเย อกปฺปิเย กปฺปิยากปฺปิเย จ อาปตฺติเภโท เวทิตโพฺพฯ ติกปาจิตฺติยํ, อวายาปิเต วายาปิตสญฺญิโน เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ จีวรสิพฺพนอาโยคกายพนฺธนอํสพทฺธกปตฺตตฺถวิกปริสฺสาวนานํ อตฺถาย สุตฺตํ วิญฺญาเปนฺตสฺส, ญาตกปฺปวาริเตหิ กปฺปิยสุตฺตํ วายาเปนฺตสฺส, อญฺญสฺสตฺถาย, อตฺตโน ธเนน, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติ, จีวรตฺถาย วิญฺญาปิตสุตฺตํ, อตฺตุเทฺทสิกตา, อกปฺปิยตนฺตวาเยน อกปฺปิยวิญฺญตฺติยา วายาปนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ โธวาปนสิกฺขาปเท วุตฺตนยาเนวาติฯ
Rājagahe chabbaggiye bhikkhū ārabbha cīvaravāyāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, viññāpitasuttaṃ viññāpitatantavāyena vāyāpentassa dīghato vidatthimatte tiriyañca hatthamatte vīte nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Iti yāva cīvaraṃ vaḍḍhati, tāva iminā pamāṇena āpattiyo vaḍḍhanti. Teneva pana aviññattiyā laddhasuttaṃ vāyāpentassa yathā pubbe nissaggiyaṃ , evaṃ idha dukkaṭaṃ. Teneva viññattañca aviññattañca vāyāpentassa sace vuttappamāṇena kedārabaddhaṃ viya cīvaraṃ hoti, akappiyasuttamaye paricchede pācittiyaṃ, itarasmiṃ tatheva dukkaṭaṃ. Tato ce ūnatarā paricchedā, sabbaparicchedesu dukkaṭāneva. Atha ekantarikena vā suttena dīghato vā kappiyaṃ tiriyaṃ akappiyaṃ katvā vītaṃ hoti, pubbe vuttappamāṇagaṇanāya dukkaṭāni. Eteneva upāyena kappiyatantavāyena akappiyasutte, kappiyākappiyehi tantavāyehi suttepi kappiye akappiye kappiyākappiye ca āpattibhedo veditabbo. Tikapācittiyaṃ, avāyāpite vāyāpitasaññino vematikassa vā dukkaṭaṃ. Cīvarasibbanaāyogakāyabandhanaaṃsabaddhakapattatthavikaparissāvanānaṃ atthāya suttaṃ viññāpentassa, ñātakappavāritehi kappiyasuttaṃ vāyāpentassa, aññassatthāya, attano dhanena, ummattakādīnañca anāpatti, cīvaratthāya viññāpitasuttaṃ, attuddesikatā, akappiyatantavāyena akappiyaviññattiyā vāyāpananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni dhovāpanasikkhāpade vuttanayānevāti.
สุตฺตวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttaviññattisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Mahāpesakārasikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตเม ตตฺร เจ โส ภิกฺขูติ ยตฺร คาเม วา นิคเม วา ตนฺตวายา, ตตฺรฯ ปุเพฺพ อปฺปวาริโตติ จีวรสามิเกหิ อปฺปวาริโต หุตฺวา ฯ วิกปฺปํ อาปเชฺชยฺยาติ วิสิฎฺฐกปฺปํ อธิกวิธานํ อาปเชฺชยฺยฯ อิทานิ เยนากาเรน วิกปฺปํ อาปโนฺน โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ อิทํ โข, อาวุโสติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อายตนฺติ ทีฆํฯ วิตฺถตนฺติ ปุถุลํฯ อปฺปิตนฺติ ฆนํฯ สุวีตนฺติ สุฎฺฐุ วีตํ, สพฺพฎฺฐาเนสุ สมํ กตฺวา วีตํฯ สุปฺปวายิตนฺติ สุฎฺฐุ ปวายิตํ, สพฺพฎฺฐาเนสุ สมํ กตฺวา ตเนฺต ปสาริตํฯ สุวิเลขิตนฺติ เลขนิยา สุฎฺฐุ วิเลขิตํฯ สุวิตจฺฉิตนฺติ โกเจฺฉน สุฎฺฐุ วิตจฺฉิตํ, สุฎฺฐุ นิโทฺธตนฺติ อโตฺถฯ ปิณฺฑปาตมตฺตมฺปีติ เอตฺถ จ น ภิกฺขุโน ปิณฺฑปาตทานมเตฺตน ตํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, สเจ ปน เต ตสฺส วจเนน จีวรสามิกานํ หตฺถโต สุตฺตํ คเหตฺวา อีสกมฺปิ อายตํ วา วิตฺถตํ วา อปฺปิตํ วา กโรนฺติ, อถ เตสํ ปโยเค ภิกฺขุโน ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ
Sattame tatra ce so bhikkhūti yatra gāme vā nigame vā tantavāyā, tatra. Pubbe appavāritoti cīvarasāmikehi appavārito hutvā . Vikappaṃ āpajjeyyāti visiṭṭhakappaṃ adhikavidhānaṃ āpajjeyya. Idāni yenākārena vikappaṃ āpanno hoti, taṃ dassetuṃ idaṃ kho, āvusotiādi vuttaṃ. Tattha āyatanti dīghaṃ. Vitthatanti puthulaṃ. Appitanti ghanaṃ. Suvītanti suṭṭhu vītaṃ, sabbaṭṭhānesu samaṃ katvā vītaṃ. Suppavāyitanti suṭṭhu pavāyitaṃ, sabbaṭṭhānesu samaṃ katvā tante pasāritaṃ. Suvilekhitanti lekhaniyā suṭṭhu vilekhitaṃ. Suvitacchitanti kocchena suṭṭhu vitacchitaṃ, suṭṭhu niddhotanti attho. Piṇḍapātamattampīti ettha ca na bhikkhuno piṇḍapātadānamattena taṃ nissaggiyaṃ hoti, sace pana te tassa vacanena cīvarasāmikānaṃ hatthato suttaṃ gahetvā īsakampi āyataṃ vā vitthataṃ vā appitaṃ vā karonti, atha tesaṃ payoge bhikkhuno dukkaṭaṃ, paṭilābhena nissaggiyaṃ hoti.
สาวตฺถิยํ อุปนนฺทํ อารพฺภ จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ญาตเก อญฺญาตกสญฺญิโน เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ ญาตกปฺปวาริตานํ ตนฺตวาเยหิ, อญฺญสฺส วา อตฺถาย, อตฺตโน วา ธเนน, มหคฺฆํ วายาเปตุกามํ อปฺปคฺฆํ วายาเปนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อญฺญาตกอปฺปวาริตานํ ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา วิกปฺปมาปชฺชนตา, จีวรสฺส อตฺตุเทฺทสิกตา, ตสฺส วจเนน สุตฺตวฑฺฒนํ, จีวรปฺปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ โธวาปนสิกฺขาปเท วุตฺตนยาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ upanandaṃ ārabbha cīvare vikappaṃ āpajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, ñātake aññātakasaññino vematikassa vā dukkaṭaṃ. Ñātakappavāritānaṃ tantavāyehi, aññassa vā atthāya, attano vā dhanena, mahagghaṃ vāyāpetukāmaṃ appagghaṃ vāyāpentassa, ummattakādīnañca anāpatti. Aññātakaappavāritānaṃ tantavāye upasaṅkamitvā vikappamāpajjanatā, cīvarassa attuddesikatā, tassa vacanena suttavaḍḍhanaṃ, cīvarappaṭilābhoti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni dhovāpanasikkhāpade vuttanayānevāti.
มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāpesakārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Accekacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐเม ทสาหานาคตนฺติ ทส อหานิ ทสาหํ, เตน ทสาเหน อนาคตา ทสาหานาคตา, ทสาเหน อสมฺปตฺตาติ อโตฺถ, ตํ ทสาหานาคตํ, อจฺจนฺตสํโยควเสน ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํฯ กตฺติกเตมาสิกปุณฺณมนฺติ ปฐมกตฺติกปุณฺณมํ, อิธาปิ ปฐมปทสฺส อนุปโยคตา ปุริมนเยเนว ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยโต ปฎฺฐาย ปฐมปฺปวารณา ‘‘ทสาหานาคตา’’ติ วุจฺจติ, สเจปิ ตานิ ทิวสานิ อจฺจนฺตเมว ภิกฺขุโน อเจฺจกจีวรํ อุปฺปเชฺชยฺย, ‘‘อเจฺจกํ อิท’’นฺติ ชานมาเนน ภิกฺขุนา สพฺพมฺปิ ปฎิคฺคเหตพฺพนฺติฯ เตน ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขปญฺจมิโต ปฎฺฐาย อุปฺปนฺนสฺส จีวรสฺส นิธานกาโล ทสฺสิโต โหติฯ กามเญฺจส ‘‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติอิมินาว สิโทฺธ, อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทเสฺสตฺวา สิกฺขาปทํ ฐปิตํฯ อเจฺจกจีวรนฺติ คมิกคิลานคพฺภินิอภินวุปฺปนฺนสทฺธานํ ปุคฺคลานํ อญฺญตเรน ‘‘วสฺสาวาสิกํ ทสฺสามี’’ติ เอวํ อาโรเจตฺวา ทินฺนํฯ สเจ ตํ ปุเร ปวารณาย วิภชิตํ, เยน คหิตํ, เตน วสฺสเจฺฉโท น กาตโพฺพ, กโรติ เจ, ตํ จีวรํ สงฺฆิกํ โหติฯ ยาว จีวรกาลสมยนฺติ อนตฺถเต กถิเน ยาว วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส, อตฺถเต กถิเน ยาว ปญฺจ มาสา, ตาว นิกฺขิปิตพฺพํฯ
Aṭṭhame dasāhānāgatanti dasa ahāni dasāhaṃ, tena dasāhena anāgatā dasāhānāgatā, dasāhena asampattāti attho, taṃ dasāhānāgataṃ, accantasaṃyogavasena bhummatthe upayogavacanaṃ. Kattikatemāsikapuṇṇamanti paṭhamakattikapuṇṇamaṃ, idhāpi paṭhamapadassa anupayogatā purimanayeneva bhummatthe upayogavacanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yato paṭṭhāya paṭhamappavāraṇā ‘‘dasāhānāgatā’’ti vuccati, sacepi tāni divasāni accantameva bhikkhuno accekacīvaraṃ uppajjeyya, ‘‘accekaṃ ida’’nti jānamānena bhikkhunā sabbampi paṭiggahetabbanti. Tena pavāraṇāmāsassa juṇhapakkhapañcamito paṭṭhāya uppannassa cīvarassa nidhānakālo dassito hoti. Kāmañcesa ‘‘dasāhaparamaṃ atirekacīvaraṃ dhāretabba’’ntiimināva siddho, aṭṭhuppattivasena pana apubbaṃ viya atthaṃ dassetvā sikkhāpadaṃ ṭhapitaṃ. Accekacīvaranti gamikagilānagabbhiniabhinavuppannasaddhānaṃ puggalānaṃ aññatarena ‘‘vassāvāsikaṃ dassāmī’’ti evaṃ ārocetvā dinnaṃ. Sace taṃ pure pavāraṇāya vibhajitaṃ, yena gahitaṃ, tena vassacchedo na kātabbo, karoti ce, taṃ cīvaraṃ saṅghikaṃ hoti. Yāva cīvarakālasamayanti anatthate kathine yāva vassānassa pacchimo māso, atthate kathine yāva pañca māsā, tāva nikkhipitabbaṃ.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ อเจฺจกจีวรสฺส จีวรกาลสมยํ อติกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถ จีวรวคฺคสฺส ปฐมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha accekacīvarassa cīvarakālasamayaṃ atikkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesamettha cīvaravaggassa paṭhamasikkhāpade vuttanayeneva veditabbanti.
อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Accekacīvarasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Sāsaṅkasikkhāpadavaṇṇanā
นวเม อุปวสฺสํ โข ปนาติ เอตฺถ อุปวสฺสนฺติ อุปวสฺส, อุปวสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, อุปสมฺปชฺชนฺติอาทีสุ (วิภ. ๕๗๐) วิย เหตฺถ อนุนาสิโก ทฎฺฐโพฺพ, วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสิตฺวา จาติ อโตฺถฯ อิมสฺส จ ปทสฺส ‘‘ตถารูเปสุ ภิกฺขุ เสนาสเนสุ วิหรโนฺต’’ติอิมินา สมฺพโนฺธ, อิทํ วุตฺตํ โหติ – วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสิตฺวา จ ตโต ปรํ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมปริโยสานกาลํ ยานิ โข ปน ตานิ อารญฺญกานิ…เป.… อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติฯ ตตฺถ อารญฺญกานีติ สพฺพปจฺฉิมานิ อาโรปิเตน อาจริยธนุนา คามสฺส อินฺทขีลโต ปฎฺฐาย ปญฺจธนุสตปฺปมาเณ ปเทเส กตเสนาสนานิฯ สเจ ปน อปริกฺขิโตฺต คาโม โหติ, ปริเกฺขปารหฎฺฐานโต ปฎฺฐาย มิเนตพฺพํฯ สเจ วิหารสฺส ปริเกฺขโป วา อปริกฺขิตฺตสฺส ยํ คามโต สพฺพปฐมํ เสนาสนํ วา เจติยํ วา โพธิ วา ธุวสนฺนิปาตฎฺฐานํ วา ยาว , ตํ ตาว ปกติมเคฺคน มิเนตพฺพํ, อญฺญํ มคฺคํ กาตุํ, อมเคฺคน วา มิเนตุํ น วฎฺฎติฯ สาสงฺกสมฺมตานีติ โจราทีนํ นิวิโฎฺฐกาสาทิทสฺสเนน ‘‘สาสงฺกานี’’ติ สมฺมตานิ, เอวํ สญฺญาตานีติ อโตฺถฯ สห ปฎิภเยน สปฺปฎิภยานิ, โจเรหิ มนุสฺสานํ หตวิลุตฺตาโกฎิตภาวทสฺสนโต สนฺนิหิตพลวภยานีติ อโตฺถฯ
Navame upavassaṃ kho panāti ettha upavassanti upavassa, upavasitvāti vuttaṃ hoti, upasampajjantiādīsu (vibha. 570) viya hettha anunāsiko daṭṭhabbo, vassaṃ upagantvā vasitvā cāti attho. Imassa ca padassa ‘‘tathārūpesu bhikkhu senāsanesu viharanto’’tiiminā sambandho, idaṃ vuttaṃ hoti – vassaṃ upagantvā vasitvā ca tato paraṃ pacchimakattikapuṇṇamapariyosānakālaṃ yāni kho pana tāni āraññakāni…pe… antaraghare nikkhipeyyāti. Tattha āraññakānīti sabbapacchimāni āropitena ācariyadhanunā gāmassa indakhīlato paṭṭhāya pañcadhanusatappamāṇe padese katasenāsanāni. Sace pana aparikkhitto gāmo hoti, parikkhepārahaṭṭhānato paṭṭhāya minetabbaṃ. Sace vihārassa parikkhepo vā aparikkhittassa yaṃ gāmato sabbapaṭhamaṃ senāsanaṃ vā cetiyaṃ vā bodhi vā dhuvasannipātaṭṭhānaṃ vā yāva , taṃ tāva pakatimaggena minetabbaṃ, aññaṃ maggaṃ kātuṃ, amaggena vā minetuṃ na vaṭṭati. Sāsaṅkasammatānīti corādīnaṃ niviṭṭhokāsādidassanena ‘‘sāsaṅkānī’’ti sammatāni, evaṃ saññātānīti attho. Saha paṭibhayena sappaṭibhayāni, corehi manussānaṃ hataviluttākoṭitabhāvadassanato sannihitabalavabhayānīti attho.
อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติ อารญฺญกสฺส เสนาสนสฺส สมนฺตา สพฺพทิสาภาเคสุ อตฺตนา อภิรุจิเต โคจรคาเม นิกฺขิเปยฺยฯ ตญฺจ โข สติยา องฺคสมฺปตฺติยา, ตตฺรายํ องฺคสมฺปตฺติ – ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา มหาปวารณาย ปวาริโต โหติ, อิทเมกํ องฺคํฯ กตฺติกมาโสเยว โหติ, อิทํ ทุติยํ องฺคํฯ ปญฺจธนุสติกปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺตํ เสนาสนํ โหติ, อิทํ ตติยํ องฺคํฯ อูนปฺปมาเณ วา คาวุตโต อติเรกปฺปมาเณ วา น ลภติ, ยตฺร หิ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุตฺตเวลายเมว ปุน วิหารํ สกฺกา อาคนฺตุํ, ตเทว อิธาธิเปฺปตํฯ สาสงฺกสปฺปฎิภยเมว โหติ, อิทํ จตุตฺถํ องฺคํ โหตีติฯ โกจิเทว ปจฺจโยติ กิญฺจิเทว การณํฯ เตน จีวเรนาติ เตน อนฺตรฆเร นิกฺขิตฺตจีวเรนฯ วิปฺปวาสายาติ วิโยควาสายฯ ตโต เจ อุตฺตริ วิปฺปวเสยฺยาติ ฉารตฺตโต อุตฺตริ ตสฺมิํ เสนาสเน สตฺตมํ อรุณํ อุฎฺฐาเปยฺยาติ อโตฺถ, ตถา อสโกฺกเนฺตน ปน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา สภายํ วา ยตฺถ กตฺถจิ วา วสิตฺวา จีวรปฺปวตฺติํ ญตฺวา ปกฺกมิตุํ วฎฺฎติฯ อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยาติ ยํ สโงฺฆ คิลานสฺส ภิกฺขุโน จีวเรน วิปฺปวาสสมฺมุติํ เทติ, ตํ ฐเปตฺวา อลทฺธสมฺมุติกสฺส อติเรกฉารตฺตํ วิปฺปวสโต นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ
Antaraghare nikkhipeyyāti āraññakassa senāsanassa samantā sabbadisābhāgesu attanā abhirucite gocaragāme nikkhipeyya. Tañca kho satiyā aṅgasampattiyā, tatrāyaṃ aṅgasampatti – purimikāya upagantvā mahāpavāraṇāya pavārito hoti, idamekaṃ aṅgaṃ. Kattikamāsoyeva hoti, idaṃ dutiyaṃ aṅgaṃ. Pañcadhanusatikapacchimappamāṇayuttaṃ senāsanaṃ hoti, idaṃ tatiyaṃ aṅgaṃ. Ūnappamāṇe vā gāvutato atirekappamāṇe vā na labhati, yatra hi piṇḍāya caritvā bhuttavelāyameva puna vihāraṃ sakkā āgantuṃ, tadeva idhādhippetaṃ. Sāsaṅkasappaṭibhayameva hoti, idaṃ catutthaṃ aṅgaṃ hotīti. Kocideva paccayoti kiñcideva kāraṇaṃ. Tena cīvarenāti tena antaraghare nikkhittacīvarena. Vippavāsāyāti viyogavāsāya. Tato ce uttari vippavaseyyāti chārattato uttari tasmiṃ senāsane sattamaṃ aruṇaṃ uṭṭhāpeyyāti attho, tathā asakkontena pana gāmasīmaṃ okkamitvā sabhāyaṃ vā yattha katthaci vā vasitvā cīvarappavattiṃ ñatvā pakkamituṃ vaṭṭati. Aññatra bhikkhusammutiyāti yaṃ saṅgho gilānassa bhikkhuno cīvarena vippavāsasammutiṃ deti, taṃ ṭhapetvā aladdhasammutikassa atirekachārattaṃ vippavasato nissaggiyaṃ hoti.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ จีวรวิปฺปวาสวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถ จีวรวคฺคสฺส ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha cīvaravippavāsavatthusmiṃ paññattaṃ, sesamettha cīvaravaggassa dutiyasikkhāpade vuttanayeneva veditabbanti.
สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sāsaṅkasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Pariṇatasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม สงฺฆิกนฺติ สงฺฆสฺส สนฺตกํฯ โส หิ สงฺฆสฺส ปริณตตฺตา หเตฺถ อนารุโฬฺหปิ เอเกน ปริยาเยน สงฺฆสนฺตโก โหติฯ ลาภนฺติ ลภิตพฺพํ จีวราทิวตฺถุํฯ ปริณตนฺติ ‘‘ทสฺสาม กริสฺสามา’’ติ วจีเภเทน วา หตฺถมุทฺทาย วา สงฺฆสฺส นินฺนํ หุตฺวา ฐิตํฯ อตฺตโน ปริณาเมยฺยาติ ‘‘อิทํ มยฺหํ เทถา’’ติอาทีนิ วทโนฺต อตฺตนินฺนํ กเรยฺยฯ สเจ ปน สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหติ, ตํ คเหตุํ น วฎฺฎติ, สงฺฆเสฺสว ทาตพฺพํฯ ปริณตํ ปน สหธมฺมิกานํ วา คิหีนํ วา อนฺตมโส มาตุสนฺตกมฺปิ อตฺตโน ปริณาเมนฺตสฺส ปโยเค ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ
Dasame saṅghikanti saṅghassa santakaṃ. So hi saṅghassa pariṇatattā hatthe anāruḷhopi ekena pariyāyena saṅghasantako hoti. Lābhanti labhitabbaṃ cīvarādivatthuṃ. Pariṇatanti ‘‘dassāma karissāmā’’ti vacībhedena vā hatthamuddāya vā saṅghassa ninnaṃ hutvā ṭhitaṃ. Attano pariṇāmeyyāti ‘‘idaṃ mayhaṃ dethā’’tiādīni vadanto attaninnaṃ kareyya. Sace pana saṅghassa dinnaṃ hoti, taṃ gahetuṃ na vaṭṭati, saṅghasseva dātabbaṃ. Pariṇataṃ pana sahadhammikānaṃ vā gihīnaṃ vā antamaso mātusantakampi attano pariṇāmentassa payoge dukkaṭaṃ, paṭilābhena nissaggiyaṃ hoti.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ ปริณามนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ปริณเต เวมติกสฺส, อปริณเต ปริณตสญฺญิโน เจว เวมติกสฺส จ, สงฺฆเจติยปุคฺคเลสุ ยสฺส กสฺสจิ ปริณตํ อญฺญสงฺฆาทีนํ ปริณาเมนฺตสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อปริณตสญฺญิโน, ‘‘กตฺถ เทมา’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘ยตฺถ ตุมฺหากํ จิตฺตํ ปสีทติ, ตตฺถ เทถ, ตุมฺหากํ เทยฺยธโมฺม ปริโภคํ วา ลเภยฺยา’’ติอาทีนิ วทนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สเงฺฆ ปริณตภาโว, ตํ ญตฺวา อตฺตโน ปริณามนํ, ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha pariṇāmanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, pariṇate vematikassa, apariṇate pariṇatasaññino ceva vematikassa ca, saṅghacetiyapuggalesu yassa kassaci pariṇataṃ aññasaṅghādīnaṃ pariṇāmentassa ca dukkaṭaṃ. Apariṇatasaññino, ‘‘kattha demā’’ti pucchite ‘‘yattha tumhākaṃ cittaṃ pasīdati, tattha detha, tumhākaṃ deyyadhammo paribhogaṃ vā labheyyā’’tiādīni vadantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Saṅghe pariṇatabhāvo, taṃ ñatvā attano pariṇāmanaṃ, paṭilābhoti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisānīti.
ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pariṇatasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปตฺตวโคฺค ตติโยฯ
Pattavaggo tatiyo.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
Iti kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya
นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nissaggiyapācittiyavaṇṇanā niṭṭhitā.