Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    ปวารณกฺขนฺธกกถาวณฺณนา

    Pavāraṇakkhandhakakathāvaṇṇanā

    ๒๖๓๓. ‘‘ปวารณา’’ติ อิทํ ‘‘จาตุทฺทสี’’ติอาทีหิ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ทิเน กาตพฺพา ปวารณา อเภโทปจาเรน ตถา วุตฺตาฯ สามคฺคี อุโปสถกฺขนฺธกกถาวณฺณนาย วุตฺตสรูปาวฯ สามคฺคิปวารณํ กโรเนฺตหิ จ ปฐมํ ปวารณํ ฐเปตฺวา ปาฎิปทโต ปฎฺฐาย ยาว กตฺติกจาตุมาสิปุณฺณมา เอตฺถนฺตเร กาตพฺพา, ตโต ปจฺฉา วา ปุเร วา น วฎฺฎติฯ เตวาจี เทฺวกวาจีติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต…เป.… เตวาจิกํ ปวาเรยฺย, เทฺววาจิกํ ปวาเรยฺย, เอกวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ ตํ ตํ ญตฺติํ ฐเปตฺวา กาตพฺพา ปวารณา วุจฺจติฯ

    2633.‘‘Pavāraṇā’’ti idaṃ ‘‘cātuddasī’’tiādīhi paccekaṃ yojetabbaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ dine kātabbā pavāraṇā abhedopacārena tathā vuttā. Sāmaggī uposathakkhandhakakathāvaṇṇanāya vuttasarūpāva. Sāmaggipavāraṇaṃ karontehi ca paṭhamaṃ pavāraṇaṃ ṭhapetvā pāṭipadato paṭṭhāya yāva kattikacātumāsipuṇṇamā etthantare kātabbā, tato pacchā vā pure vā na vaṭṭati. Tevācī dvekavācīti ‘‘suṇātu me, bhante…pe… tevācikaṃ pavāreyya, dvevācikaṃ pavāreyya, ekavācikaṃ pavāreyyā’’ti taṃ taṃ ñattiṃ ṭhapetvā kātabbā pavāraṇā vuccati.

    ๒๖๓๔. ตีณิ กมฺมานิ มุญฺจิตฺวา, อเนฺตเนว ปวารเยติ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ปวารณกมฺมานิ, อธเมฺมน วคฺคํ ปวารณกมฺมํ…เป.… ธเมฺมน สมคฺคํ ปวารณกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๑๒) วตฺวา ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว , ยทิทํ อธเมฺมน วคฺคํ ปวารณกมฺมํ, น, ภิกฺขเว, เอวรูปํ ปวารณกมฺมํ กาตพฺพํ…เป.… ตตฺร, ภิกฺขเว, ยทิทํ ธเมฺมน สมคฺคํ ปวารณกมฺมํ, เอวรูปํ, ภิกฺขเว, ปวารณกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๒๑๒) ตีณิ อกตฺตพฺพานิ ปวารณกมฺมานิ มุญฺจิตฺวา กาตุํ อนุญฺญาเตน จตุเตฺถน ปวารณกเมฺมน ปวาเรยฺยาติ อโตฺถฯ ตสฺส วิภาเคกเทสํ ‘‘ปญฺจ ยสฺมิํ ปนาวาเส’’ติอาทินา วกฺขติฯ

    2634.Tīṇi kammāni muñcitvā, anteneva pavārayeti ‘‘cattārimāni, bhikkhave, pavāraṇakammāni, adhammena vaggaṃ pavāraṇakammaṃ…pe… dhammena samaggaṃ pavāraṇakamma’’nti (mahāva. 212) vatvā ‘‘tatra, bhikkhave , yadidaṃ adhammena vaggaṃ pavāraṇakammaṃ, na, bhikkhave, evarūpaṃ pavāraṇakammaṃ kātabbaṃ…pe… tatra, bhikkhave, yadidaṃ dhammena samaggaṃ pavāraṇakammaṃ, evarūpaṃ, bhikkhave, pavāraṇakammaṃ kātabba’’ntiādivacanato (mahāva. 212) tīṇi akattabbāni pavāraṇakammāni muñcitvā kātuṃ anuññātena catutthena pavāraṇakammena pavāreyyāti attho. Tassa vibhāgekadesaṃ ‘‘pañca yasmiṃ panāvāse’’tiādinā vakkhati.

    ๒๖๓๕. ปุพฺพกิจฺจํ สมาเปตฺวาติ –

    2635.Pubbakiccaṃ samāpetvāti –

    ‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;

    ‘‘Sammajjanī padīpo ca, udakaṃ āsanena ca;

    ปวารณาย เอตานิ, ‘ปุพฺพกรณ’นฺติ วุจฺจติฯ

    Pavāraṇāya etāni, ‘pubbakaraṇa’nti vuccati.

    ‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;

    ‘‘Chandapārisuddhiutukkhānaṃ, bhikkhugaṇanā ca ovādo;

    ปวารณาย เอตานิ, ‘ปุพฺพกิจฺจ’นฺติ วุจฺจตี’’ติฯ –

    Pavāraṇāya etāni, ‘pubbakicca’nti vuccatī’’ti. –

    วุตฺตํ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวาฯ

    Vuttaṃ navavidhaṃ pubbakiccaṃ niṭṭhāpetvā.

    ปตฺตกเลฺล สมานิเตติ –

    Pattakalle samāniteti –

    ‘‘ปวารณา ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา,

    ‘‘Pavāraṇā yāvatikā ca bhikkhū kammappattā,

    สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;

    Sabhāgāpattiyo ca na vijjanti;

    วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมิํ น โหนฺติ,

    Vajjanīyā ca puggalā tasmiṃ na honti,

    ‘ปตฺตกลฺล’นฺติ วุจฺจตี’’ติฯ –

    ‘Pattakalla’nti vuccatī’’ti. –

    วุเตฺต จตุพฺพิเธ ปตฺตกเลฺล สโมธานิเต ปริสมาปิเตฯ

    Vutte catubbidhe pattakalle samodhānite parisamāpite.

    ญตฺติํ ฐเปตฺวาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, อชฺช ปวารณา, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ ปวาเรยฺยา’’ติ (มหาว. ๒๑๐) เอวํ สพฺพสงฺคาหิกวเสน จ ‘‘เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ จ ทานาทิกรเณน เยภุเยฺยน รตฺติยา เขปิตาย จ ราชาทิอนฺตราเย สติ จ ตทนุรูปโต ‘‘เทฺววาจิกํ, เอกวาจิกํ, สมานวสฺสิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ จ ญตฺติํ ฐเปตฺวา , ตาสํ วิเสโส อฎฺฐกถายํ ทสฺสิโตเยวฯ ยถาห –

    Ñattiṃ ṭhapetvāti ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, ajja pavāraṇā, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho pavāreyyā’’ti (mahāva. 210) evaṃ sabbasaṅgāhikavasena ca ‘‘tevācikaṃ pavāreyyā’’ti ca dānādikaraṇena yebhuyyena rattiyā khepitāya ca rājādiantarāye sati ca tadanurūpato ‘‘dvevācikaṃ, ekavācikaṃ, samānavassikaṃ pavāreyyā’’ti ca ñattiṃ ṭhapetvā , tāsaṃ viseso aṭṭhakathāyaṃ dassitoyeva. Yathāha –

    ‘‘เอวญฺหิ วุเตฺต เตวาจิกญฺจ เทฺววาจิกญฺจ เอกวาจิกญฺจ ปวาเรตุํ วฎฺฎติ, สมานวสฺสิกํ น วฎฺฎติฯ ‘เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’ติ วุเตฺต ปน เตวาจิกเมว วฎฺฎติ, อญฺญํ น วฎฺฎติ, ‘เทฺววาจิกํ ปวาเรยฺยา’ติ วุเตฺต เทฺววาจิกญฺจ เตวาจิกญฺจ วฎฺฎติ, เอกวาจิกญฺจ สมานวสฺสิกญฺจ น วฎฺฎติฯ ‘เอกวาจิกํ ปวาเรยฺยา’ติ วุเตฺต ปน เอกวาจิกเทฺววาจิกเตวาจิกานิ วฎฺฎนฺติ, สมานวสฺสิกเมว น วฎฺฎติฯ ‘สมานวสฺสิก’นฺติ วุเตฺต สพฺพํ วฎฺฎตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๑๐)ฯ

    ‘‘Evañhi vutte tevācikañca dvevācikañca ekavācikañca pavāretuṃ vaṭṭati, samānavassikaṃ na vaṭṭati. ‘Tevācikaṃ pavāreyyā’ti vutte pana tevācikameva vaṭṭati, aññaṃ na vaṭṭati, ‘dvevācikaṃ pavāreyyā’ti vutte dvevācikañca tevācikañca vaṭṭati, ekavācikañca samānavassikañca na vaṭṭati. ‘Ekavācikaṃ pavāreyyā’ti vutte pana ekavācikadvevācikatevācikāni vaṭṭanti, samānavassikameva na vaṭṭati. ‘Samānavassika’nti vutte sabbaṃ vaṭṭatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 210).

    กาตพฺพาติ เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘‘สงฺฆํ, อาวุโส, ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา…เป.… ตติยมฺปิ อาวุโส, สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา…เป.… ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๒๑๐) วุตฺตนเยน กาตพฺพาฯ นวเกน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา…เป.… ตติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา…เป.… ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามีติ (มหาว. ๒๑๐) วุตฺตนเยน กาตพฺพาฯ

    Kātabbāti therena bhikkhunā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo ‘‘saṅghaṃ, āvuso, pavāremi diṭṭhena vā…pe… tatiyampi āvuso, saṅghaṃ pavāremi diṭṭhena vā…pe… passanto paṭikarissāmī’’ti (mahāva. 210) vuttanayena kātabbā. Navakena bhikkhunā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā…pe… tatiyampi, bhante, saṅghaṃ pavāremi diṭṭhena vā…pe… passanto paṭikarissāmīti (mahāva. 210) vuttanayena kātabbā.

    ๒๖๓๖. เถเรสุ ปวาเรเนฺตสุ โย ปน นโว, โส สยํ ยาว ปวาเรติ, ตาว อุกฺกุฎิกํ นิสีเทยฺยาติ โยชนาฯ

    2636. Theresu pavārentesu yo pana navo, so sayaṃ yāva pavāreti, tāva ukkuṭikaṃ nisīdeyyāti yojanā.

    ๒๖๓๗. จตฺตาโร วา ตโยปิ วา เอกาวาเส เอกสีมายํ วสนฺติ เจ, ญตฺติํ วตฺวา ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมโนฺต, อชฺช ปวารณา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, มยํ อญฺญมญฺญํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๑๖) คณญตฺติํ ฐเปตฺวา ปวาเรยฺยุนฺติ โยชนาฯ

    2637. Cattāro vā tayopi vā ekāvāse ekasīmāyaṃ vasanti ce, ñattiṃ vatvā ‘‘suṇantu me, āyasmanto, ajja pavāraṇā, yadāyasmantānaṃ pattakallaṃ, mayaṃ aññamaññaṃ pavāreyyāmā’’ti (mahāva. 216) gaṇañattiṃ ṭhapetvā pavāreyyunti yojanā.

    ปวาเรยฺยุนฺติ เอตฺถ เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เต ตโย วา เทฺว วา ภิกฺขู เอวมสฺสุ วจนียา ‘‘อหํ, อาวุโส, อายสฺมเนฺต ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามิฯ ทุติยมฺปิ…เป.… ตติยมฺปิ อหํ, อาวุโส, อายสฺมเนฺต ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๒๑๖) ปวาเรตพฺพํฯ นเวนปิ ‘‘อหํ, ภเนฺต, อายสฺมเนฺต ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทาย , ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามิฯ ทุติยมฺปิ…เป.… ตติยมฺปิ อหํ, ภเนฺต, อายสฺมเนฺต ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามี’’ติ ปวาเรตพฺพํฯ

    Pavāreyyunti ettha therena bhikkhunā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ katvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā te tayo vā dve vā bhikkhū evamassu vacanīyā ‘‘ahaṃ, āvuso, āyasmante pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissāmi. Dutiyampi…pe… tatiyampi ahaṃ, āvuso, āyasmante pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissāmī’’ti (mahāva. 216) pavāretabbaṃ. Navenapi ‘‘ahaṃ, bhante, āyasmante pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya , passanto paṭikarissāmi. Dutiyampi…pe… tatiyampi ahaṃ, bhante, āyasmante pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissāmī’’ti pavāretabbaṃ.

    ๒๖๓๘. อญฺญมญฺญํ ปวาเรยฺยุํ, วินา ญตฺติํ ทุเว ชนาฯ เตสุ เถเรน ‘‘อหํ, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตุ มํ อายสฺมา อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามิฯ ทุติยมฺปิ…เป.… ตติยมฺปิ อหํ, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ…เป.… ปฎิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๒๑๗) ปวาเรตพฺพํฯ นเวนปิ ‘‘อหํ, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ…เป.… วทตุ มํ อายสฺมา อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามิฯ ทุติยมฺปิ…เป.… ตติยมฺปิ อหํ, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ ปวาเรมิ…เป.… ปฎิกริสฺสามี’’ติ ปวาเรตพฺพํฯ

    2638.Aññamaññaṃ pavāreyyuṃ, vinā ñattiṃ duve janā. Tesu therena ‘‘ahaṃ, āvuso, āyasmantaṃ pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadatu maṃ āyasmā anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissāmi. Dutiyampi…pe… tatiyampi ahaṃ, āvuso, āyasmantaṃ pavāremi…pe… paṭikarissāmī’’ti (mahāva. 217) pavāretabbaṃ. Navenapi ‘‘ahaṃ, bhante, āyasmantaṃ pavāremi…pe… vadatu maṃ āyasmā anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissāmi. Dutiyampi…pe… tatiyampi ahaṃ, bhante, āyasmantaṃ pavāremi…pe… paṭikarissāmī’’ti pavāretabbaṃ.

    อธิเฎฺฐยฺยาติ ปุพฺพกิจฺจํ สมาเปตฺวา ‘‘อชฺช เม ปวารณา จาตุทฺทสี’’ติ วา ‘‘ปนฺนรสี’’ติ วา วตฺวา ‘‘อธิฎฺฐามี’’ติ อธิเฎฺฐยฺย ฯ ยถาห ‘‘อชฺช เม ปวารณาติ เอตฺถ สเจ จาตุทฺทสิกา โหติ, ‘อชฺช เม ปวารณา จาตุทฺทสี’ติ, สเจ ปนฺนรสิกา, ‘อชฺช เม ปวารณา ปนฺนรสี’ติ เอวํ อธิฎฺฐาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๑๘), อิมินา สพฺพสงฺคาหาทิญตฺตีสุ จ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ทิวเส โส โส โวหาโร กาตโพฺพติ ทีปิตเมวฯ

    Adhiṭṭheyyāti pubbakiccaṃ samāpetvā ‘‘ajja me pavāraṇā cātuddasī’’ti vā ‘‘pannarasī’’ti vā vatvā ‘‘adhiṭṭhāmī’’ti adhiṭṭheyya . Yathāha ‘‘ajja me pavāraṇāti ettha sace cātuddasikā hoti, ‘ajja me pavāraṇā cātuddasī’ti, sace pannarasikā, ‘ajja me pavāraṇā pannarasī’ti evaṃ adhiṭṭhātabba’’nti (mahāva. aṭṭha. 218), iminā sabbasaṅgāhādiñattīsu ca tasmiṃ tasmiṃ divase so so vohāro kātabboti dīpitameva.

    เสสา สงฺฆปวารณาติ ปญฺจหิ, อติเรเกหิ วา ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพา ปวารณา สงฺฆปวารณาฯ

    Sesā saṅghapavāraṇāti pañcahi, atirekehi vā bhikkhūhi kattabbā pavāraṇā saṅghapavāraṇā.

    ๒๖๓๙. ปวาริเตติ ปฐมปวารณาย ปวาริเตฯ อนาคโตติ เกนจิ อนฺตราเยน ปุริมิกาย จ ปจฺฉิมิกาย จ วสฺสูปนายิกาย วสฺสํ อนุปคโตฯ อวุโตฺถติ ปจฺฉิมิกาย อุปคโตฯ วุตฺตญฺหิ ขุทฺทสิกฺขาวณฺณนาย ‘‘อวุโตฺถติ ปจฺฉิมิกาย อุปคโต อปรินิฎฺฐิตตฺตา ‘อวุโตฺถ’ติ วุจฺจตี’’ติฯ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กเรยฺยาติ โยชนาฯ เอตฺถ ‘‘เตสํ สนฺติเก’’ติ เสโสฯ

    2639.Pavāriteti paṭhamapavāraṇāya pavārite. Anāgatoti kenaci antarāyena purimikāya ca pacchimikāya ca vassūpanāyikāya vassaṃ anupagato. Avutthoti pacchimikāya upagato. Vuttañhi khuddasikkhāvaṇṇanāya ‘‘avutthoti pacchimikāya upagato apariniṭṭhitattā ‘avuttho’ti vuccatī’’ti. Pārisuddhiuposathaṃ kareyyāti yojanā. Ettha ‘‘tesaṃ santike’’ti seso.

    ๒๖๔๐-๑. ยสฺมิํ ปนาวาเส ปญฺจ วา จตฺตาโร วา ตโย วา สมณา วสนฺติ, เต ตตฺถ เอเกกสฺส ปวารณํ หริตฺวาน สเจ อญฺญมญฺญํ ปวาเรนฺติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ

    2640-1. Yasmiṃ panāvāse pañca vā cattāro vā tayo vā samaṇā vasanti, te tattha ekekassa pavāraṇaṃ haritvāna sace aññamaññaṃ pavārenti, āpatti dukkaṭanti yojanā.

    เสสนฺติ ‘‘อธเมฺมน สมคฺค’’นฺติอาทิกํ วินิจฺฉยํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ ปวารณาธิกาเรฯ พุโธติ วินยธโรฯ อุโปสเถ วุตฺตนเยนาติ อุโปสถวินิจฺฉเย วุตฺตกฺกเมนฯ นเยติ ชาเนยฺยฯ

    Sesanti ‘‘adhammena samagga’’ntiādikaṃ vinicchayaṃ. Idhāti imasmiṃ pavāraṇādhikāre. Budhoti vinayadharo. Uposathe vuttanayenāti uposathavinicchaye vuttakkamena. Nayeti jāneyya.

    ๒๖๔๒. สมฺปาเทตตฺตโน สุจินฺติ อตฺตโน อุโปสถํ สมฺปาเทติฯ สพฺพํ สาเธตีติ อุโปสถาทิสพฺพํ กมฺมํ นิปฺผาเทติฯ นตฺตโนติ อตฺตโน อุโปสถํ น นิปฺผาเทติฯ

    2642.Sampādetattano sucinti attano uposathaṃ sampādeti. Sabbaṃ sādhetīti uposathādisabbaṃ kammaṃ nipphādeti. Nattanoti attano uposathaṃ na nipphādeti.

    ๒๖๔๓. ตสฺมาติ ยสฺมา อตฺตโน สุจิํ น สาเธติ, ตสฺมาฯ อุภินฺนนฺติ อตฺตโน จ สงฺฆสฺส จฯ กิจฺจสิทฺธตฺถเมวิธาติ อุโปสถาทิกมฺมนิปฺปชฺชนตฺถํ อิธ อิมสฺมิํ อุโปสถกมฺมาทิปกรเณฯ ปาริสุทฺธิปีติ เอตฺถ ปิ-สเทฺทน ปวารณา สงฺคหิตาฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘ฉนฺทํ วา ปาริสุทฺธิํ วา, คเหตฺวา วา ปวารณ’’นฺติฯ

    2643.Tasmāti yasmā attano suciṃ na sādheti, tasmā. Ubhinnanti attano ca saṅghassa ca. Kiccasiddhatthamevidhāti uposathādikammanippajjanatthaṃ idha imasmiṃ uposathakammādipakaraṇe. Pārisuddhipīti ettha pi-saddena pavāraṇā saṅgahitā. Teneva vakkhati ‘‘chandaṃ vā pārisuddhiṃ vā, gahetvā vā pavāraṇa’’nti.

    ฉนฺทปาริสุทฺธิปวารณํ เทเนฺตน สเจ สาปตฺติโก โหติ, อาปตฺติํ เทเสตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ฉนฺทาทิหารโก ภิกฺขุ วตฺตโพฺพ ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมิ, ฉนฺทํ เม หร, ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๕), ‘‘ปาริสุทฺธิํ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธิํ เม หร, ปาริสุทฺธิํ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๔), ‘‘ปวารณํ ทมฺมิ, ปวารณํ เม หร, ปวารณํ เม อาโรเจหิ, มมตฺถาย ปวาเรหี’’ติ (มหาว. ๒๑๓)ฯ

    Chandapārisuddhipavāraṇaṃ dentena sace sāpattiko hoti, āpattiṃ desetvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ katvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā chandādihārako bhikkhu vattabbo ‘‘chandaṃ dammi, chandaṃ me hara, chandaṃ me ārocehī’’ti (mahāva. 165), ‘‘pārisuddhiṃ dammi, pārisuddhiṃ me hara, pārisuddhiṃ me ārocehī’’ti (mahāva. 164), ‘‘pavāraṇaṃ dammi, pavāraṇaṃ me hara, pavāraṇaṃ me ārocehi, mamatthāya pavārehī’’ti (mahāva. 213).

    ๒๖๔๔. ‘‘ฉโนฺท เอเกนา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ เอเกน พหูนมฺปิ ฉโนฺท หาตโพฺพ, ตถา ปาริสุทฺธิ หาตพฺพาฯ ปิ-สเทฺทน ปวารณา หาตพฺพาติ โยชนาฯ ปรมฺปราหโฎ ฉโนฺทติ พหูนํ วา เอกสฺส วา ฉนฺทาทิหารกสฺส หตฺถโต อนฺตรา อเญฺญน คหิตา ฉนฺทปาริสุทฺธิปวารณาฯ วิสุทฺธิยา น คจฺฉติ อนวชฺชภาวาย น ปาปุณาติ พิฬาลสงฺขลิกฉนฺทาทีนํ สงฺฆมชฺฌํ อคมเนน วคฺคภาวกรณโตฯ

    2644. ‘‘Chando ekenā’’ti padacchedo. Ekena bahūnampi chando hātabbo, tathā pārisuddhi hātabbā. Pi-saddena pavāraṇā hātabbāti yojanā. Paramparāhaṭo chandoti bahūnaṃ vā ekassa vā chandādihārakassa hatthato antarā aññena gahitā chandapārisuddhipavāraṇā. Visuddhiyā na gacchati anavajjabhāvāya na pāpuṇāti biḷālasaṅkhalikachandādīnaṃ saṅghamajjhaṃ agamanena vaggabhāvakaraṇato.

    เอตฺถ จ ยถา พิฬาลสงฺขลิกาย ปฐมวลยํ ทุติยวลยํ ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมิเมปิ ฉนฺทาทโย ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อญฺญตฺถ น คจฺฉตีติ พิฬาลสงฺขลิกาสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตาฯ พิฬาลสงฺขลิกาคฺคหณเญฺจตฺถ ยาสํ กาสญฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Ettha ca yathā biḷālasaṅkhalikāya paṭhamavalayaṃ dutiyavalayaṃ pāpuṇāti, na tatiyaṃ, evamimepi chandādayo dāyakena yassa dinnā, tato aññattha na gacchatīti biḷālasaṅkhalikāsadisattā ‘‘biḷālasaṅkhalikā’’ti vuttā. Biḷālasaṅkhalikāggahaṇañcettha yāsaṃ kāsañci saṅkhalikānaṃ upalakkhaṇamattanti daṭṭhabbaṃ.

    ๒๖๔๕-๖. ฉนฺทํ วา ปาริสุทฺธิํ วา ปวารณํ วา คเหตฺวา ฉนฺทาทิหารโก สงฺฆมปฺปตฺวา สเจ สามเณราทิภาวํ ปฎิชาเนยฺย วา วิพฺภเมยฺย วา มเรยฺย วา, ตํ สพฺพํ ฉนฺทาทิภาวํ นาหฎํ โหติ, สงฺฆํ ปตฺวา เอวํ สิยา สามเณราทิภาวํ ปฎิชานโนฺต, วิพฺภโนฺต, กาลกโต วา ภเวยฺย, ตํ สพฺพํ หฎํ อานีตํ โหตีติ โยชนาฯ

    2645-6. Chandaṃ vā pārisuddhiṃ vā pavāraṇaṃ vā gahetvā chandādihārako saṅghamappatvā sace sāmaṇerādibhāvaṃ paṭijāneyya vā vibbhameyya vā mareyya vā, taṃ sabbaṃ chandādibhāvaṃ nāhaṭaṃ hoti, saṅghaṃ patvā evaṃ siyā sāmaṇerādibhāvaṃ paṭijānanto, vibbhanto, kālakato vā bhaveyya, taṃ sabbaṃ haṭaṃ ānītaṃ hotīti yojanā.

    ตตฺถ สามเณราทิภาวํ วา ปฎิชาเนยฺยาติ ‘‘อหํ สามเณโร’’ติอาทินา ภูตํ สามเณราทิภาวํ กเถยฺย, ปจฺฉา สามเณรภูมิยํ ปติฎฺฐเหยฺยาติ อโตฺถฯ อาทิ-สเทฺทน อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปโนฺน คหิโตฯ

    Tattha sāmaṇerādibhāvaṃ vā paṭijāneyyāti ‘‘ahaṃ sāmaṇero’’tiādinā bhūtaṃ sāmaṇerādibhāvaṃ katheyya, pacchā sāmaṇerabhūmiyaṃ patiṭṭhaheyyāti attho. Ādi-saddena antimavatthuṃ ajjhāpanno gahito.

    ๒๖๔๗. สงฺฆํ ปตฺวาติ อนฺตมโส ตํตํกมฺมปฺปตฺตสฺส จตุวคฺคาทิสงฺฆสฺส หตฺถปาสํ ปตฺวาติ อโตฺถฯ ปมโตฺตติ ปมาทํ สติสโมฺมสํ ปโตฺตฯ สุโตฺตติ นิทฺทูปคโตฯ ขิตฺตจิตฺตโกติ ยกฺขาทีหิ วิเกฺขปมาปาทิตจิโตฺตฯ นาโรเจตีติ อตฺตโน ฉนฺทาทีนํ อาหฎภาวํ เอกสฺสาปิ ภิกฺขุโน น กเถติฯ สญฺจิจฺจาติ สเญฺจเตตฺวา ชานโนฺตเยว อนาทริโย นาโรเจติ, ทุกฺกฎํ โหติฯ

    2647.Saṅghaṃ patvāti antamaso taṃtaṃkammappattassa catuvaggādisaṅghassa hatthapāsaṃ patvāti attho. Pamattoti pamādaṃ satisammosaṃ patto. Suttoti niddūpagato. Khittacittakoti yakkhādīhi vikkhepamāpāditacitto. Nārocetīti attano chandādīnaṃ āhaṭabhāvaṃ ekassāpi bhikkhuno na katheti. Sañciccāti sañcetetvā jānantoyeva anādariyo nāroceti, dukkaṭaṃ hoti.

    ๒๖๔๘. เย เตติ เย เต ภิกฺขู เถรา วา นวา วา มชฺฌิมา วาฯ วิปสฺสนาติ สหจริเยน สมโถปิ คยฺหติฯ สมถวิปสฺสนา จ อิธ ตรุณาเยว อธิเปฺปตา, ตสฺมา วิปสฺสนายุตฺตาติ เอตฺถ ตรุณาหิ สมถวิปสฺสนาหิ สมนฺนาคตาติ อโตฺถฯ รตฺตินฺทิวนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ อตนฺทิตาติ อนลสาฯ

    2648.Ye teti ye te bhikkhū therā vā navā vā majjhimā vā. Vipassanāti sahacariyena samathopi gayhati. Samathavipassanā ca idha taruṇāyeva adhippetā, tasmā vipassanāyuttāti ettha taruṇāhi samathavipassanāhi samannāgatāti attho. Rattindivanti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Atanditāti analasā.

    ‘‘รตฺตินฺทิว’’นฺติ เอตฺถ รตฺติ-สเทฺทน รตฺติยาเยว คหณํ, อุทาหุ เอกเทสสฺสาติ อาห ‘‘ปุพฺพรตฺตาปรรตฺต’’นฺติฯ ปุพฺพา จ สา รตฺติ จาติ ปุพฺพรตฺติ, ปฐมยาโม, อปรา จ สา รตฺติ จาติ อปรรตฺติ, ปจฺฉิมยาโม, ปุพฺพรตฺติ จ อปรรตฺติ จาติ สมาหารทฺวเนฺท สมาสเนฺต อ-การปจฺจยํ กตฺวา ‘‘ปุพฺพรตฺตาปรรตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ อิธาปิ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ มชฺฌิมยาเม กายทรถวูปสมนตฺถาย สุปนํ อนุญฺญาตนฺติ ตํ วเชฺชตฺวา ปุริมปจฺฉิมยาเมสุ นิรนฺตรภาวนานุโยโค กาตโพฺพติ ทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํฯ วิปสฺสนา ปรายนา สมถวิปสฺสนาว ปรํ อยนํ ปติฎฺฐา เอเตสนฺติ วิปสฺสนาปรายนา, สมถวิปสฺสนาย ยุตฺตปยุตฺตา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    ‘‘Rattindiva’’nti ettha ratti-saddena rattiyāyeva gahaṇaṃ, udāhu ekadesassāti āha ‘‘pubbarattāpararatta’’nti. Pubbā ca sā ratti cāti pubbaratti, paṭhamayāmo, aparā ca sā ratti cāti apararatti, pacchimayāmo, pubbaratti ca apararatti cāti samāhāradvande samāsante a-kārapaccayaṃ katvā ‘‘pubbarattāpararatta’’nti vuttaṃ. Idhāpi accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Majjhimayāme kāyadarathavūpasamanatthāya supanaṃ anuññātanti taṃ vajjetvā purimapacchimayāmesu nirantarabhāvanānuyogo kātabboti dassanatthameva vuttaṃ. Vipassanā parāyanā samathavipassanāva paraṃ ayanaṃ patiṭṭhā etesanti vipassanāparāyanā, samathavipassanāya yuttapayuttā hontīti vuttaṃ hoti.

    ๒๖๔๙. ลโทฺธ ผาสุวิหาโร เยหิ เต ลทฺธผาสุวิหารา, เตสํฯ ผาสุวิหาโรติ จ สุขวิหารสฺส มูลการณตฺตา ตรุณา สมถวิปสฺสนา อธิเปฺปตา, ปฎิลทฺธตรุณสมถวิปสฺสนานนฺติ อโตฺถฯ สิยา น ปริหานิติ ปริหานิ นาม เอวํ กเต น ภเวยฺยฯ

    2649. Laddho phāsuvihāro yehi te laddhaphāsuvihārā, tesaṃ. Phāsuvihāroti ca sukhavihārassa mūlakāraṇattā taruṇā samathavipassanā adhippetā, paṭiladdhataruṇasamathavipassanānanti attho. Siyā na parihāniti parihāni nāma evaṃ kate na bhaveyya.

    กตฺติกมาสเกติ จีวรมาสสงฺขาเต กตฺติกมาเส ปวารณาย สงฺคโห วุโตฺตติ โยชนาฯ คาถาพนฺธวเสน ‘‘สงฺคาโห’’ติ ทีโฆ กโต, ปวารณาสงฺคโห วุโตฺตติ อโตฺถฯ ยถาห –

    Kattikamāsaketi cīvaramāsasaṅkhāte kattikamāse pavāraṇāya saṅgaho vuttoti yojanā. Gāthābandhavasena ‘‘saṅgāho’’ti dīgho kato, pavāraṇāsaṅgaho vuttoti attho. Yathāha –

    ‘‘ปวารณาสงฺคโห จ นามายํ วิสฺสฎฺฐกมฺมฎฺฐานานํ ถามคตสมถวิปสฺสนานํ โสตาปนฺนาทีนญฺจ น ทาตโพฺพฯ ตรุณสมถวิปสฺสนาลาภิโน ปน สเพฺพ วา โหนฺตุ, อุปฑฺฒา วา, เอกปุคฺคโล วา, เอกสฺสปิ วเสน ทาตโพฺพเยวฯ ทิเนฺน ปวารณาสงฺคเห อโนฺตวเสฺส ปริหาโรว โหติ, อาคนฺตุกา เตสํ เสนาสนํ คเหตุํ น ลภนฺติฯ เตหิปิ ฉินฺนวเสฺสหิ น ภวิตพฺพํ, ปวาเรตฺวา ปน อนฺตราปิ จาริกํ ปกฺกมิตุํ ลภนฺตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๔๑)ฯ

    ‘‘Pavāraṇāsaṅgaho ca nāmāyaṃ vissaṭṭhakammaṭṭhānānaṃ thāmagatasamathavipassanānaṃ sotāpannādīnañca na dātabbo. Taruṇasamathavipassanālābhino pana sabbe vā hontu, upaḍḍhā vā, ekapuggalo vā, ekassapi vasena dātabboyeva. Dinne pavāraṇāsaṅgahe antovasse parihārova hoti, āgantukā tesaṃ senāsanaṃ gahetuṃ na labhanti. Tehipi chinnavassehi na bhavitabbaṃ, pavāretvā pana antarāpi cārikaṃ pakkamituṃ labhantī’’ti (mahāva. aṭṭha. 241).

    ปวารณาสงฺคหสฺส ทานปฺปกาโร ปน ปาฬิโต คเหตโพฺพฯ

    Pavāraṇāsaṅgahassa dānappakāro pana pāḷito gahetabbo.

    ปวารณกฺขนฺธกกถาวณฺณนาฯ

    Pavāraṇakkhandhakakathāvaṇṇanā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact