Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi |
๑๔๑. ปวารณาฐปนํ
141. Pavāraṇāṭhapanaṃ
๒๓๕. เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สาปตฺติกา ปวาเรนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปวาเรตพฺพํฯ โย ปวาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โย สาปตฺติโก ปวาเรติ, ตสฺส โอกาสํ การาเปตฺวา อาปตฺติยา โจเทตุนฺติฯ
235. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū sāpattikā pavārenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, sāpattikena pavāretabbaṃ. Yo pavāreyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, yo sāpattiko pavāreti, tassa okāsaṃ kārāpetvā āpattiyā codetunti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู โอกาสํ การาปิยมานา น อิจฺฉนฺติ โอกาสํ กาตุํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอกาสํ อกโรนฺตสฺส ปวารณํ ฐเปตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ฐเปตพฺพาฯ ตทหุ ปวารณาย จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา ตสฺมิํ ปุคฺคเล สมฺมุขีภูเต สงฺฆมเชฺฌ อุทาหริตพฺพํ – ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิตฺถนฺนาโม ปุคฺคโล สาปตฺติโก ฯ ตสฺส ปวารณํ ฐเปมิฯ น ตสฺมิํ สมฺมุขีภูเต ปวาเรตพฺพ’’นฺติฯ ฐปิตา โหติ ปวารณาติฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū okāsaṃ kārāpiyamānā na icchanti okāsaṃ kātuṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, okāsaṃ akarontassa pavāraṇaṃ ṭhapetuṃ. Evañca pana, bhikkhave, ṭhapetabbā. Tadahu pavāraṇāya cātuddase vā pannarase vā tasmiṃ puggale sammukhībhūte saṅghamajjhe udāharitabbaṃ – ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho. Itthannāmo puggalo sāpattiko . Tassa pavāraṇaṃ ṭhapemi. Na tasmiṃ sammukhībhūte pavāretabba’’nti. Ṭhapitā hoti pavāraṇāti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู – ปุรมฺหากํ เปสลา ภิกฺขู ปวารณํ ฐเปนฺตีติ – ปฎิกเจฺจว สุทฺธานํ ภิกฺขูนํ อนาปตฺติกานํ อวตฺถุสฺมิํ อการเณ ปวารณํ ฐเปนฺติ, ปวาริตานมฺปิ ปวารณํ ฐเปนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, สุทฺธานํ ภิกฺขูนํ อนาปตฺติกานํ อวตฺถุสฺมิํ อการเณ ปวารณา ฐเปตพฺพาฯ โย ฐเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ น, ภิกฺขเว, ปวาริตานมฺปิ ปวารณา ฐเปตพฺพาฯ โย ฐเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū – puramhākaṃ pesalā bhikkhū pavāraṇaṃ ṭhapentīti – paṭikacceva suddhānaṃ bhikkhūnaṃ anāpattikānaṃ avatthusmiṃ akāraṇe pavāraṇaṃ ṭhapenti, pavāritānampi pavāraṇaṃ ṭhapenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, suddhānaṃ bhikkhūnaṃ anāpattikānaṃ avatthusmiṃ akāraṇe pavāraṇā ṭhapetabbā. Yo ṭhapeyya, āpatti dukkaṭassa. Na, bhikkhave, pavāritānampi pavāraṇā ṭhapetabbā. Yo ṭhapeyya, āpatti dukkaṭassa.
๒๓๖. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ฐปิตา โหติ ปวารณา, เอวํ อฎฺฐปิตาฯ กถญฺจ, ภิกฺขเว, อฎฺฐปิตา โหติ ปวารณา? เตวาจิกาย เจ, ภิกฺขเว, ปวารณาย ภาสิตาย ลปิตาย ปริโยสิตาย ปวารณํ ฐเปติ, อฎฺฐปิตา โหติ ปวารณาฯ เทฺววาจิกาย เจ, ภิกฺขเว,… เอกวาจิกาย เจ, ภิกฺขเว,… สมานวสฺสิกาย เจ, ภิกฺขเว, ปวารณาย ภาสิตาย ลปิตาย ปริโยสิตาย ปวารณํ ฐเปติ , อฎฺฐปิตา โหติ ปวารณาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐปิตา โหติ ปวารณาฯ
236. Evaṃ kho, bhikkhave, ṭhapitā hoti pavāraṇā, evaṃ aṭṭhapitā. Kathañca, bhikkhave, aṭṭhapitā hoti pavāraṇā? Tevācikāya ce, bhikkhave, pavāraṇāya bhāsitāya lapitāya pariyositāya pavāraṇaṃ ṭhapeti, aṭṭhapitā hoti pavāraṇā. Dvevācikāya ce, bhikkhave,… ekavācikāya ce, bhikkhave,… samānavassikāya ce, bhikkhave, pavāraṇāya bhāsitāya lapitāya pariyositāya pavāraṇaṃ ṭhapeti , aṭṭhapitā hoti pavāraṇā. Evaṃ kho, bhikkhave, aṭṭhapitā hoti pavāraṇā.
กถญฺจ, ภิกฺขเว, ฐปิตา โหติ ปวารณา? เตวาจิกาย, เจ, ภิกฺขเว, ปวารณาย ภาสิตาย ลปิตาย อปริโยสิตาย ปวารณํ ฐเปติ, ฐปิตา โหติ ปวารณาฯ เทฺววาจิกาย เจ, ภิกฺขเว,… เอกวาจิกาย เจ, ภิกฺขเว,… สมานวสฺสิกาย เจ, ภิกฺขเว, ปวารณาย ภาสิตาย ลปิตาย อปริโยสิตาย ปวารณํ ฐเปติ, ฐปิตา โหติ ปวารณาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ฐปิตา โหติ ปวารณาฯ
Kathañca, bhikkhave, ṭhapitā hoti pavāraṇā? Tevācikāya, ce, bhikkhave, pavāraṇāya bhāsitāya lapitāya apariyositāya pavāraṇaṃ ṭhapeti, ṭhapitā hoti pavāraṇā. Dvevācikāya ce, bhikkhave,… ekavācikāya ce, bhikkhave,… samānavassikāya ce, bhikkhave, pavāraṇāya bhāsitāya lapitāya apariyositāya pavāraṇaṃ ṭhapeti, ṭhapitā hoti pavāraṇā. Evaṃ kho, bhikkhave, ṭhapitā hoti pavāraṇā.
๒๓๗. อิธ ปน, ภิกฺขเว, ตทหุ ปวารณาย ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ปวารณํ ฐเปติฯ ตํ เจ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชานนฺติ, ‘‘อยํ โข อายสฺมา อปริสุทฺธกายสมาจาโร, อปริสุทฺธวจีสมาจาโร, อปริสุทฺธาชีโว, พาโล, อพฺยโตฺต, น ปฎิพโล อนุยุญฺชียมาโน อนุโยคํ ทาตุ’’นฺติ, ‘อลํ, ภิกฺขุ, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาท’นฺติ โอมทฺทิตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ
237. Idha pana, bhikkhave, tadahu pavāraṇāya bhikkhu bhikkhussa pavāraṇaṃ ṭhapeti. Taṃ ce bhikkhuṃ aññe bhikkhū jānanti, ‘‘ayaṃ kho āyasmā aparisuddhakāyasamācāro, aparisuddhavacīsamācāro, aparisuddhājīvo, bālo, abyatto, na paṭibalo anuyuñjīyamāno anuyogaṃ dātu’’nti, ‘alaṃ, bhikkhu, mā bhaṇḍanaṃ, mā kalahaṃ, mā viggahaṃ, mā vivāda’nti omadditvā saṅghena pavāretabbaṃ.
อิธ ปน, ภิกฺขเว, ตทหุ ปวารณาย ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ปวารณํ ฐเปติฯ ตํ เจ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชานนฺติ, ‘‘อยํ โข อายสฺมา ปริสุทฺธกายสมาจาโร, อปริสุทฺธวจีสมาจาโร, อปริสุทฺธาชีโว, พาโล, อพฺยโตฺต, น ปฎิพโล อนุยุญฺชียมาโน อนุโยคํ ทาตุ’’นฺติ, ‘อลํ, ภิกฺขุ, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาท’นฺติ โอมทฺทิตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ
Idha pana, bhikkhave, tadahu pavāraṇāya bhikkhu bhikkhussa pavāraṇaṃ ṭhapeti. Taṃ ce bhikkhuṃ aññe bhikkhū jānanti, ‘‘ayaṃ kho āyasmā parisuddhakāyasamācāro, aparisuddhavacīsamācāro, aparisuddhājīvo, bālo, abyatto, na paṭibalo anuyuñjīyamāno anuyogaṃ dātu’’nti, ‘alaṃ, bhikkhu, mā bhaṇḍanaṃ, mā kalahaṃ, mā viggahaṃ, mā vivāda’nti omadditvā saṅghena pavāretabbaṃ.
อิธ ปน, ภิกฺขเว, ตทหุ ปวารณาย ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ปวารณํ ฐเปติฯ ตํ เจ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชานนฺติ, ‘‘อยํ โข อายสฺมา ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, อปริสุทฺธาชีโว, พาโล, อพฺยโตฺต, น ปฎิพโล อนุยุญฺชียมาโน อนุโยคํ ทาตุ’’นฺติ, ‘อลํ, ภิกฺขุ, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาท’นฺติ โอมทฺทิตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ
Idha pana, bhikkhave, tadahu pavāraṇāya bhikkhu bhikkhussa pavāraṇaṃ ṭhapeti. Taṃ ce bhikkhuṃ aññe bhikkhū jānanti, ‘‘ayaṃ kho āyasmā parisuddhakāyasamācāro, parisuddhavacīsamācāro, aparisuddhājīvo, bālo, abyatto, na paṭibalo anuyuñjīyamāno anuyogaṃ dātu’’nti, ‘alaṃ, bhikkhu, mā bhaṇḍanaṃ, mā kalahaṃ, mā viggahaṃ, mā vivāda’nti omadditvā saṅghena pavāretabbaṃ.
อิธ ปน, ภิกฺขเว, ตทหุ ปวารณาย ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ปวารณํ ฐเปติฯ ตํ เจ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชานนฺติ, ‘‘อยํ โข อายสฺมา ปริสุทฺธกายสมาจาโร , ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ปริสุทฺธาชีโว, พาโล, อพฺยโตฺต , น ปฎิพโล อนุยุญฺชียมาโน อนุโยคํ ทาตุ’’นฺติ, ‘อลํ, ภิกฺขุ, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาท’นฺติ โอมทฺทิตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ
Idha pana, bhikkhave, tadahu pavāraṇāya bhikkhu bhikkhussa pavāraṇaṃ ṭhapeti. Taṃ ce bhikkhuṃ aññe bhikkhū jānanti, ‘‘ayaṃ kho āyasmā parisuddhakāyasamācāro , parisuddhavacīsamācāro, parisuddhājīvo, bālo, abyatto , na paṭibalo anuyuñjīyamāno anuyogaṃ dātu’’nti, ‘alaṃ, bhikkhu, mā bhaṇḍanaṃ, mā kalahaṃ, mā viggahaṃ, mā vivāda’nti omadditvā saṅghena pavāretabbaṃ.
อิธ ปน, ภิกฺขเว, ตทหุ ปวารณาย ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ปวารณํ ฐเปติฯ ตํ เจ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชานนฺติ, ‘‘อยํ โข อายสฺมา ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ปริสุทฺธาชีโว, ปณฺฑิโต, พฺยโตฺต, ปฎิพโล อนุยุญฺชียมาโน อนุโยคํ ทาตุ’’นฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย, ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปวารณํ ฐเปสิ, กิมฺหิ นํ ฐเปสิ, สีลวิปตฺติยา วา ฐเปสิ, อาจารวิปตฺติยา วา ฐเปสิ, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา ฐเปสี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘สีลวิปตฺติยา วา ฐเปมิ, อาจารวิปตฺติยา วา ฐเปมิ, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ชานาสิ ปนายสฺมา สีลวิปตฺติํ, ชานาสิ อาจารวิปตฺติํ, ชานาสิ ทิฎฺฐิวิปตฺติ’’นฺติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘ชานามิ โข อหํ, อาวุโส, สีลวิปตฺติํ, ชานามิ อาจารวิปตฺติํ, ชานามิ ทิฎฺฐิวิปตฺติ’’นฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘กตมา ปนาวุโส, สีลวิปตฺติ, กตมา อาจารวิปตฺติ, กตมา ทิฎฺฐิวิปตฺตี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ, เตรส สงฺฆาทิเสสา, อยํ สีลวิปตฺติ; ถุลฺลจฺจยํ, ปาจิตฺติยํ, ปาฎิเทสนียํ, ทุกฺกฎํ, ทุพฺภาสิตํ, อยํ อาจารวิปตฺติ; มิจฺฉาทิฎฺฐิ, อนฺตคฺคาหิกาทิฎฺฐิ, อยํ ทิฎฺฐิวิปตฺตี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ , อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปวารณํ ฐเปสิ, ทิเฎฺฐน วา ฐเปสิ, สุเตน วา ฐเปสิ, ปริสงฺกาย วา ฐเปสี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘ทิเฎฺฐน วา ฐเปมิ, สุเตน วา ฐเปมิ, ปริสงฺกาย วา ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ทิเฎฺฐน ปวารณํ ฐเปสิ, กิํ เต ทิฎฺฐํ, กินฺติ เต ทิฎฺฐํ, กทา เต ทิฎฺฐํ, กตฺถ เต ทิฎฺฐํ, ปาราชิกํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ, สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ, ถุลฺลจฺจยํ… ปาจิตฺติยํ… ปาฎิเทสนียํ… ทุกฺกฎํ… ทุพฺภาสิตํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ, กตฺถ จ ตฺวํ อโหสิ, กตฺถ จายํ ภิกฺขุ อโหสิ, กิญฺจ ตฺวํ กโรสิ, กิญฺจายํ ภิกฺขุ กโรตี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ทิเฎฺฐน ปวารณํ ฐเปมิ, อปิจ สุเตน ปวารณํ ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน สุเตน ปวารณํ ฐเปสิ, กิํ เต สุตํ, กินฺติ เต สุตํ, กทา เต สุตํ, กตฺถ เต สุตํ, ปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺนติ สุตํ, สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปโนฺนติ สุตํ, ถุลฺลจฺจยํ… ปาจิตฺติยํ… ปาฎิเทสนียํ… ทุกฺกฎํ… ทุพฺภาสิตํ อชฺฌาปโนฺนติ สุตํ, ภิกฺขุสฺส สุตํ, ภิกฺขุนิยา สุตํ, สิกฺขมานาย สุตํ, สามเณรสฺส สุตํ, สามเณริยา สุตํ, อุปาสกสฺส สุตํ, อุปาสิกาย สุตํ, ราชูนํ สุตํ, ราชมหามตฺตานํ สุตํ, ติตฺถิยานํ สุตํ, ติตฺถิยสาวกานํ สุต’’นฺติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน สุเตน ปวารณํ ฐเปมิ , อปิจ ปริสงฺกาย ปวารณํ ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปริสงฺกาย ปวารณํ ฐเปสิ, กิํ ปริสงฺกสิ, กินฺติ ปริสงฺกสิ, กทา ปริสงฺกสิ, กตฺถ ปริสงฺกสิ, ปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺนติ ปริสงฺกสิ, สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปโนฺนติ ปริสงฺกสิ, ถุลฺลจฺจยํ… ปาจิตฺติยํ… ปาฎิเทสนียํ… ทุกฺกฎํ… ทุพฺภาสิตํ อชฺฌาปโนฺนติ ปริสงฺกสิ, ภิกฺขุสฺส สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ภิกฺขุนิยา สุตฺวา ปริสงฺกสิ, สิกฺขมานาย สุตฺวา ปริสงฺกสิ, สามเณรสฺส สุตฺวา ปริสงฺกสิ, สามเณริยา สุตฺวา ปริสงฺกสิ, อุปาสกสฺส สุตฺวา ปริสงฺกสิ, อุปาสิกาย สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ราชูนํ สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ราชมหามตฺตานํ สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ติตฺถิยานํ สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ติตฺถิยสาวกานํ สุตฺวา ปริสงฺกสี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปริสงฺกาย ปวารณํ ฐเปมิ, อปิ จ อหมฺปิ น ชานามิ เกน ปนาหํ อิมสฺส ภิกฺขุโน ปวารณํ ฐเปมี’’ติฯ โส เจ, ภิกฺขเว, โจทโก ภิกฺขุ อนุโยเคน วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ จิตฺตํ น อาราเธติ, อนนุวาโท จุทิโต ภิกฺขูติ อลํ วจนายฯ โส เจ, ภิกฺขเว, โจทโก ภิกฺขุ อนุโยเคน วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ จิตฺตํ อาราเธติ, สานุวาโท จุทิโต ภิกฺขูติ อลํ วจนายฯ โส เจ, ภิกฺขเว, โจทโก ภิกฺขุ อมูลเกน ปาราชิเกน อนุทฺธํสิตํ ปฎิชานาติ, สงฺฆาทิเสสํ อาโรเปตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ โส เจ, ภิกฺขเว, โจทโก ภิกฺขุ อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํสิตํ ปฎิชานาติ, ยถาธมฺมํ การาเปตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ โส เจ, ภิกฺขเว, โจทโก, ภิกฺขุ อมูลเกน ถุลฺลจฺจเยน… ปาจิตฺติเยน… ปาฎิเทสนีเยน… ทุกฺกเฎน… ทุพฺภาสิเตน อนุทฺธํสิตํ ปฎิชานาติ, ยถาธมฺมํ การาเปตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ โส เจ, ภิกฺขเว, จุทิโต ภิกฺขุ ปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺนติ ปฎิชานาติ, นาเสตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ โส เจ, ภิกฺขเว, จุทิโต ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปโนฺนติ ปฎิชานาติ, สงฺฆาทิเสสํ อาโรเปตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ โส เจ, ภิกฺขเว, จุทิโต ภิกฺขุ ถุลฺลจฺจยํ… ปาจิตฺติยํ… ปาฎิเทสนียํ… ทุกฺกฎํ… ทุพฺภาสิตํ อชฺฌาปโนฺนติ ปฎิชานาติ, ยถาธมฺมํ การาเปตฺวา สเงฺฆน ปวาเรตพฺพํฯ
Idha pana, bhikkhave, tadahu pavāraṇāya bhikkhu bhikkhussa pavāraṇaṃ ṭhapeti. Taṃ ce bhikkhuṃ aññe bhikkhū jānanti, ‘‘ayaṃ kho āyasmā parisuddhakāyasamācāro, parisuddhavacīsamācāro, parisuddhājīvo, paṇḍito, byatto, paṭibalo anuyuñjīyamāno anuyogaṃ dātu’’nti, so evamassa vacanīyo, ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno pavāraṇaṃ ṭhapesi, kimhi naṃ ṭhapesi, sīlavipattiyā vā ṭhapesi, ācāravipattiyā vā ṭhapesi, diṭṭhivipattiyā vā ṭhapesī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘sīlavipattiyā vā ṭhapemi, ācāravipattiyā vā ṭhapemi, diṭṭhivipattiyā vā ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘jānāsi panāyasmā sīlavipattiṃ, jānāsi ācāravipattiṃ, jānāsi diṭṭhivipatti’’nti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘jānāmi kho ahaṃ, āvuso, sīlavipattiṃ, jānāmi ācāravipattiṃ, jānāmi diṭṭhivipatti’’nti, so evamassa vacanīyo – ‘‘katamā panāvuso, sīlavipatti, katamā ācāravipatti, katamā diṭṭhivipattī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘cattāri pārājikāni, terasa saṅghādisesā, ayaṃ sīlavipatti; thullaccayaṃ, pācittiyaṃ, pāṭidesanīyaṃ, dukkaṭaṃ, dubbhāsitaṃ, ayaṃ ācāravipatti; micchādiṭṭhi, antaggāhikādiṭṭhi, ayaṃ diṭṭhivipattī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ , āvuso, imassa bhikkhuno pavāraṇaṃ ṭhapesi, diṭṭhena vā ṭhapesi, sutena vā ṭhapesi, parisaṅkāya vā ṭhapesī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘diṭṭhena vā ṭhapemi, sutena vā ṭhapemi, parisaṅkāya vā ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno diṭṭhena pavāraṇaṃ ṭhapesi, kiṃ te diṭṭhaṃ, kinti te diṭṭhaṃ, kadā te diṭṭhaṃ, kattha te diṭṭhaṃ, pārājikaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho, saṅghādisesaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho, thullaccayaṃ… pācittiyaṃ… pāṭidesanīyaṃ… dukkaṭaṃ… dubbhāsitaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho, kattha ca tvaṃ ahosi, kattha cāyaṃ bhikkhu ahosi, kiñca tvaṃ karosi, kiñcāyaṃ bhikkhu karotī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘na kho ahaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno diṭṭhena pavāraṇaṃ ṭhapemi, apica sutena pavāraṇaṃ ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno sutena pavāraṇaṃ ṭhapesi, kiṃ te sutaṃ, kinti te sutaṃ, kadā te sutaṃ, kattha te sutaṃ, pārājikaṃ ajjhāpannoti sutaṃ, saṅghādisesaṃ ajjhāpannoti sutaṃ, thullaccayaṃ… pācittiyaṃ… pāṭidesanīyaṃ… dukkaṭaṃ… dubbhāsitaṃ ajjhāpannoti sutaṃ, bhikkhussa sutaṃ, bhikkhuniyā sutaṃ, sikkhamānāya sutaṃ, sāmaṇerassa sutaṃ, sāmaṇeriyā sutaṃ, upāsakassa sutaṃ, upāsikāya sutaṃ, rājūnaṃ sutaṃ, rājamahāmattānaṃ sutaṃ, titthiyānaṃ sutaṃ, titthiyasāvakānaṃ suta’’nti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘na kho ahaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno sutena pavāraṇaṃ ṭhapemi , apica parisaṅkāya pavāraṇaṃ ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno parisaṅkāya pavāraṇaṃ ṭhapesi, kiṃ parisaṅkasi, kinti parisaṅkasi, kadā parisaṅkasi, kattha parisaṅkasi, pārājikaṃ ajjhāpannoti parisaṅkasi, saṅghādisesaṃ ajjhāpannoti parisaṅkasi, thullaccayaṃ… pācittiyaṃ… pāṭidesanīyaṃ… dukkaṭaṃ… dubbhāsitaṃ ajjhāpannoti parisaṅkasi, bhikkhussa sutvā parisaṅkasi, bhikkhuniyā sutvā parisaṅkasi, sikkhamānāya sutvā parisaṅkasi, sāmaṇerassa sutvā parisaṅkasi, sāmaṇeriyā sutvā parisaṅkasi, upāsakassa sutvā parisaṅkasi, upāsikāya sutvā parisaṅkasi, rājūnaṃ sutvā parisaṅkasi, rājamahāmattānaṃ sutvā parisaṅkasi, titthiyānaṃ sutvā parisaṅkasi, titthiyasāvakānaṃ sutvā parisaṅkasī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘na kho ahaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno parisaṅkāya pavāraṇaṃ ṭhapemi, api ca ahampi na jānāmi kena panāhaṃ imassa bhikkhuno pavāraṇaṃ ṭhapemī’’ti. So ce, bhikkhave, codako bhikkhu anuyogena viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ cittaṃ na ārādheti, ananuvādo cudito bhikkhūti alaṃ vacanāya. So ce, bhikkhave, codako bhikkhu anuyogena viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ cittaṃ ārādheti, sānuvādo cudito bhikkhūti alaṃ vacanāya. So ce, bhikkhave, codako bhikkhu amūlakena pārājikena anuddhaṃsitaṃ paṭijānāti, saṅghādisesaṃ āropetvā saṅghena pavāretabbaṃ. So ce, bhikkhave, codako bhikkhu amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃsitaṃ paṭijānāti, yathādhammaṃ kārāpetvā saṅghena pavāretabbaṃ. So ce, bhikkhave, codako, bhikkhu amūlakena thullaccayena… pācittiyena… pāṭidesanīyena… dukkaṭena… dubbhāsitena anuddhaṃsitaṃ paṭijānāti, yathādhammaṃ kārāpetvā saṅghena pavāretabbaṃ. So ce, bhikkhave, cudito bhikkhu pārājikaṃ ajjhāpannoti paṭijānāti, nāsetvā saṅghena pavāretabbaṃ. So ce, bhikkhave, cudito bhikkhu saṅghādisesaṃ ajjhāpannoti paṭijānāti, saṅghādisesaṃ āropetvā saṅghena pavāretabbaṃ. So ce, bhikkhave, cudito bhikkhu thullaccayaṃ… pācittiyaṃ… pāṭidesanīyaṃ… dukkaṭaṃ… dubbhāsitaṃ ajjhāpannoti paṭijānāti, yathādhammaṃ kārāpetvā saṅghena pavāretabbaṃ.
ปวารณาฐปนํ นิฎฺฐิตํฯ
Pavāraṇāṭhapanaṃ niṭṭhitaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ปวารณาฐปนกถา • Pavāraṇāṭhapanakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปวารณาฐปนกถาวณฺณนา • Pavāraṇāṭhapanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา • Anāpattipannarasakādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อผาสุวิหารกถาทิวณฺณนา • Aphāsuvihārakathādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๔๑. ปวารณาฎฺฐปนกถา • 141. Pavāraṇāṭṭhapanakathā