Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนา
10. Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanā
๔๐๖. เอวํ เม สุตนฺติ ปายาสิราชญฺญสุตฺตํฯ ตตฺรายมปุพฺพปทวณฺณนา – อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํฯ กุมารกสฺสโปติ ตสฺส นามํฯ กุมารกาเล ปพฺพชิตตฺตา ปน ภควตา ‘‘กสฺสปํ ปโกฺกสถ, อิทํ ผลํ วา ขาทนียํ วา กสฺสปสฺส เทถา’’ติ วุเตฺต ‘‘กตรกสฺสปสฺสา’’ติฯ ‘‘กุมารกสฺสปสฺสา’’ติ เอวํ คหิตนามตฺตา ตโต ปฎฺฐาย วุฑฺฒกาเลปิ ‘‘กุมารกสฺสโป’’ เตฺวว วุจฺจติฯ อปิจ รโญฺญ โปสาวนิกปุตฺตตฺตาปิ ตํ กุมารกสฺสโปติ สญฺชานิํสุฯ
406.Evaṃme sutanti pāyāsirājaññasuttaṃ. Tatrāyamapubbapadavaṇṇanā – āyasmāti piyavacanametaṃ. Kumārakassapoti tassa nāmaṃ. Kumārakāle pabbajitattā pana bhagavatā ‘‘kassapaṃ pakkosatha, idaṃ phalaṃ vā khādanīyaṃ vā kassapassa dethā’’ti vutte ‘‘katarakassapassā’’ti. ‘‘Kumārakassapassā’’ti evaṃ gahitanāmattā tato paṭṭhāya vuḍḍhakālepi ‘‘kumārakassapo’’ tveva vuccati. Apica rañño posāvanikaputtattāpi taṃ kumārakassapoti sañjāniṃsu.
อยํ ปนสฺส ปุพฺพโยคโต ปฎฺฐาย อาวิภาวกถา – เถโร กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล เสฎฺฐิปุโตฺต อโหสิฯ อเถกทิวสํ ภควนฺตํ จิตฺรกถิํ เอกํ อตฺตโน สาวกํ เอตทเคฺค ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ภควโต สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา ‘‘อหมฺปิ ภควา อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อยํ เถโร วิย จิตฺรกถี สาวโก ภวามี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ปุญฺญานิ กโรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ ตทา กิร ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต สาสเน โอสกฺกเนฺต ปญฺจ ภิกฺขู นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อารุยฺห สมณธมฺมํ อกํสุฯ สงฺฆเตฺถโร ตติยทิวเส อรหตฺตํ ปโตฺต, อนุเถโร จตุตฺถทิวเส อนาคามี อโหสิ, อิตเร ตโย วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตา เทวโลเก นิพฺพตฺตาฯ
Ayaṃ panassa pubbayogato paṭṭhāya āvibhāvakathā – thero kira padumuttarassa bhagavato kāle seṭṭhiputto ahosi. Athekadivasaṃ bhagavantaṃ citrakathiṃ ekaṃ attano sāvakaṃ etadagge ṭhapentaṃ disvā bhagavato sattāhaṃ dānaṃ datvā ‘‘ahampi bhagavā anāgate ekassa buddhassa ayaṃ thero viya citrakathī sāvako bhavāmī’’ti patthanaṃ katvā puññāni karonto kassapassa bhagavato sāsane pabbajitvā visesaṃ nibbattetuṃ nāsakkhi. Tadā kira parinibbutassa bhagavato sāsane osakkante pañca bhikkhū nisseṇiṃ bandhitvā pabbataṃ āruyha samaṇadhammaṃ akaṃsu. Saṅghatthero tatiyadivase arahattaṃ patto, anuthero catutthadivase anāgāmī ahosi, itare tayo visesaṃ nibbattetuṃ asakkontā devaloke nibbattā.
เตสํ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ สมฺปตฺติํ อนุภวนฺตานํ เอโก ตกฺกสิลายํ ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปกฺกุสาติ นาม ราชา หุตฺวา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตฺวา ราชคหํ อุทฺทิสฺส อาคจฺฉโนฺต กุมฺภการสาลายํ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อนาคามิผลํ ปโตฺตฯ เอโก เอกสฺมิํ สมุทฺทปฎฺฎเน กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา นาวํ อารุยฺห ภินฺนนาโว ทารุจีรานิ นิวาเสตฺวา ลาภสมฺปตฺติํ ปโตฺต ‘‘อหํ อรหา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘น ตฺวํ อรหา, คจฺฉ, สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉา’’ติ อตฺถกามาย เทวตาย โจทิโต ตถา กตฺวา อรหตฺตผลํ ปโตฺตฯ
Tesaṃ ekaṃ buddhantaraṃ devesu ca manussesu ca sampattiṃ anubhavantānaṃ eko takkasilāyaṃ rājakule nibbattitvā pakkusāti nāma rājā hutvā bhagavantaṃ uddissa pabbajitvā rājagahaṃ uddissa āgacchanto kumbhakārasālāyaṃ bhagavato dhammadesanaṃ sutvā anāgāmiphalaṃ patto. Eko ekasmiṃ samuddapaṭṭane kulaghare nibbattitvā nāvaṃ āruyha bhinnanāvo dārucīrāni nivāsetvā lābhasampattiṃ patto ‘‘ahaṃ arahā’’ti cittaṃ uppādetvā ‘‘na tvaṃ arahā, gaccha, satthāraṃ upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchā’’ti atthakāmāya devatāya codito tathā katvā arahattaphalaṃ patto.
เอโก ราชคเห เอกิสฺสา กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปโนฺนฯ สา จ ปฐมํ มาตาปิตโร ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชํ อลภมานา กุลฆรํ คนฺตฺวา คพฺภํ คณฺหิ ฯ คพฺภสณฺฐิตมฺปิ อชานนฺติ สามิกํ อาราเธตฺวา เตน อนุญฺญาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา, ตสฺสา คพฺภนิมิตฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตํ ปุจฺฉิํสุฯ โส ‘‘อสฺสมณี’’ติ อาหฯ ทสพลํ ปุจฺฉิํสุฯ สตฺถา อุปาลิเตฺถรํ สมฺปฎิจฺฉาเปสิฯ เถโร สาวตฺถินครวาสีนิ กุลานิ วิสาขญฺจ อุปาสิกํ ปโกฺกสาเปตฺวา โสเธโนฺต ‘‘ปุเร ลโทฺธ คโพฺภ, ปพฺพชฺชา อโรคา’’ติ อาหฯ สตฺถา ‘‘สุวินิจฺฉิตํ อธิกรณ’’นฺติ เถรสฺส สาธุการมทาสิฯ สา ภิกฺขุนี สุวณฺณพิมฺพสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิฯ ตํ คเหตฺวา ราชา ปเสนทิ โกสโล โปสาเปสิฯ ‘‘กสฺสโป’’ติ จสฺส นามํ กตฺวา อปรภาเค อลงฺกริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิฯ อิติ นํ รโญฺญ โปสาวนิกปุตฺตตฺตาปิ ‘‘กุมารกสฺสโป’’ติ สญฺชานิํสูติฯ ตํ เอกทิวสํ อนฺธวเน สมณธมฺมํ กโรนฺตํ อตฺถกามา เทวตา ปเญฺห อุคฺคหาเปตฺวา ‘‘อิเม ปเญฺห ภควนฺตํ ปุจฺฉา’’ติ อาหฯ เถโร ปเญฺห ปุจฺฉิตฺวา ปญฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ภควาปิ ตํ จิตฺรกถิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ
Eko rājagahe ekissā kuladārikāya kucchimhi uppanno. Sā ca paṭhamaṃ mātāpitaro yācitvā pabbajjaṃ alabhamānā kulagharaṃ gantvā gabbhaṃ gaṇhi . Gabbhasaṇṭhitampi ajānanti sāmikaṃ ārādhetvā tena anuññātā bhikkhunīsu pabbajitā, tassā gabbhanimittaṃ disvā bhikkhuniyo devadattaṃ pucchiṃsu. So ‘‘assamaṇī’’ti āha. Dasabalaṃ pucchiṃsu. Satthā upālittheraṃ sampaṭicchāpesi. Thero sāvatthinagaravāsīni kulāni visākhañca upāsikaṃ pakkosāpetvā sodhento ‘‘pure laddho gabbho, pabbajjā arogā’’ti āha. Satthā ‘‘suvinicchitaṃ adhikaraṇa’’nti therassa sādhukāramadāsi. Sā bhikkhunī suvaṇṇabimbasadisaṃ puttaṃ vijāyi. Taṃ gahetvā rājā pasenadi kosalo posāpesi. ‘‘Kassapo’’ti cassa nāmaṃ katvā aparabhāge alaṅkaritvā satthu santikaṃ netvā pabbājesi. Iti naṃ rañño posāvanikaputtattāpi ‘‘kumārakassapo’’ti sañjāniṃsūti. Taṃ ekadivasaṃ andhavane samaṇadhammaṃ karontaṃ atthakāmā devatā pañhe uggahāpetvā ‘‘ime pañhe bhagavantaṃ pucchā’’ti āha. Thero pañhe pucchitvā pañhavissajjanāvasāne arahattaṃ pāpuṇi. Bhagavāpi taṃ citrakathikānaṃ bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi.
เสตพฺยาติ ตสฺส นครสฺส นามํฯ อุตฺตเรน เสตพฺยนฺติ เสตพฺยโต อุตฺตรทิสายฯ ราชโญฺญติ อนภิสิตฺตกราชาฯ ทิฎฺฐิคตนฺติ ทิฎฺฐิเยวฯ ยถา คูถคตํ มุตฺตคตนฺติ วุเตฺต น คูถาทิโต อญฺญํ อตฺถิ, เอวํ ทิฎฺฐิเยว ทิฎฺฐิคตํฯ อิติปิ นตฺถีติ ตํ ตํ การณํ อปทิสิตฺวา เอวมฺปิ นตฺถีติ วทติฯ ปุรา…เป.… สญฺญาเปตีติ ยาว น สญฺญาเปติฯ
Setabyāti tassa nagarassa nāmaṃ. Uttarena setabyanti setabyato uttaradisāya. Rājaññoti anabhisittakarājā. Diṭṭhigatanti diṭṭhiyeva. Yathā gūthagataṃ muttagatanti vutte na gūthādito aññaṃ atthi, evaṃ diṭṭhiyeva diṭṭhigataṃ. Itipi natthīti taṃ taṃ kāraṇaṃ apadisitvā evampi natthīti vadati. Purā…pe… saññāpetīti yāva na saññāpeti.
จนฺทิมสูริยอุปมาวณฺณนา
Candimasūriyaupamāvaṇṇanā
๔๑๑. อิเม โภ, กสฺสป, จนฺทิมสูริยาติ โส กิร เถเรน ปุจฺฉิโต จิเนฺตสิ ‘‘อยํ สมโณ ปฐมํ จนฺทิมสูริเย อุปมํ อาหริ, จนฺทิมสูริยสทิโส ภวิสฺสติ ปญฺญาย, อนภิภวนีโย อเญฺญน, สเจ ปนาหํ ‘จนฺทิมสูริยา อิมสฺมิํ โลเก’ติ ภณิสฺสามิ, ‘กิํ นิสฺสิตา เอเต, กิตฺตกปมาณา, กิตฺตกํ อุจฺจา’ติอาทีหิ ปลิเวเฐสฺสติฯ อหํ โข ปเนตํ นิเพฺพเฐตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ‘ปรสฺมิํ โลเก’ อิเจฺจวสฺส กเถสฺสามี’’ติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ
411.Ime bho, kassapa, candimasūriyāti so kira therena pucchito cintesi ‘‘ayaṃ samaṇo paṭhamaṃ candimasūriye upamaṃ āhari, candimasūriyasadiso bhavissati paññāya, anabhibhavanīyo aññena, sace panāhaṃ ‘candimasūriyā imasmiṃ loke’ti bhaṇissāmi, ‘kiṃ nissitā ete, kittakapamāṇā, kittakaṃ uccā’tiādīhi paliveṭhessati. Ahaṃ kho panetaṃ nibbeṭhetuṃ na sakkhissāmi, ‘parasmiṃ loke’ iccevassa kathessāmī’’ti. Tasmā evamāha.
ภควา ปน ตโต ปุเพฺพ น จิรเสฺสว สุธาโภชนียชาตกํ กเถสิฯ ตตฺถ ‘‘จเนฺท จโนฺท เทวปุโตฺต, สูริเย สูริโย เทวปุโตฺต’’ติ อาคตํฯ ภควตา จ กถิตํ ชาตกํ วา สุตฺตนฺตํ วา สกลชมฺพุทีเป ปตฺถฎํ โหติ, เตน โส ‘‘เอตฺถ นิวาสิโน เทวปุตฺตา นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ จิเนฺตตฺวา เทวา เต น มนุสฺสาติ อาหฯ
Bhagavā pana tato pubbe na cirasseva sudhābhojanīyajātakaṃ kathesi. Tattha ‘‘cande cando devaputto, sūriye sūriyo devaputto’’ti āgataṃ. Bhagavatā ca kathitaṃ jātakaṃ vā suttantaṃ vā sakalajambudīpe patthaṭaṃ hoti, tena so ‘‘ettha nivāsino devaputtā natthī’’ti na sakkā vattunti cintetvā devā te na manussāti āha.
๔๑๒. อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโยติ อตฺถิ ปน การณนฺติ ปุจฺฉติฯ อาพาธิกาติ วิสภาคเวทนาสงฺขาเตน อาพาเธน สมนฺนาคตาฯ ทุกฺขิตาติ ทุกฺขปฺปตฺตาฯ พาฬฺหคิลานาติ อธิมตฺตคิลานาฯ สทฺธายิกาติ อหํ ตุเมฺห สทฺทหามิ, ตุเมฺห มยฺหํ สทฺธายิกา สทฺธายิตพฺพวจนาติ อโตฺถฯ ปจฺจยิกาติ อหํ ตุเมฺห ปตฺติยามิ, ตุเมฺห มยฺหํ ปจฺจยิกา ปตฺติยายิตพฺพาติ อโตฺถฯ
412.Atthi pana, rājañña, pariyāyoti atthi pana kāraṇanti pucchati. Ābādhikāti visabhāgavedanāsaṅkhātena ābādhena samannāgatā. Dukkhitāti dukkhappattā. Bāḷhagilānāti adhimattagilānā. Saddhāyikāti ahaṃ tumhe saddahāmi, tumhe mayhaṃ saddhāyikā saddhāyitabbavacanāti attho. Paccayikāti ahaṃ tumhe pattiyāmi, tumhe mayhaṃ paccayikā pattiyāyitabbāti attho.
โจราทิอุปมาวณฺณนา
Corādiupamāvaṇṇanā
๔๑๓. อุทฺทิสิตฺวาติ เตสํ อตฺตานญฺจ ปฎิสามิตภณฺฑกญฺจ ทเสฺสตฺวา, สมฺปฎิจฺฉาเปตฺวาติ อโตฺถฯ วิปฺปลปนฺตสฺสาติ ‘‘ปุโตฺต เม, ธีตา เม, ธนํ เม’’ติ วิวิธํ ปลปนฺตสฺสฯ นิรยปาเลสูติ นิรเย กมฺมการณิกสเตฺตสุฯ เย ปน ‘‘กมฺมเมว กมฺมการณํ กโรติ, นตฺถิ นิรยปาลา’’ติ วทนฺติฯ เต ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา’’ติ เทวทูตสุตฺตํ ปฎิพาหนฺติฯ มนุสฺสโลเก ราชกุเลสุ การณิกมนุสฺสา วิย หิ นิรเย นิรยปาลา โหนฺติฯ
413.Uddisitvāti tesaṃ attānañca paṭisāmitabhaṇḍakañca dassetvā, sampaṭicchāpetvāti attho. Vippalapantassāti ‘‘putto me, dhītā me, dhanaṃ me’’ti vividhaṃ palapantassa. Nirayapālesūti niraye kammakāraṇikasattesu. Ye pana ‘‘kammameva kammakāraṇaṃ karoti, natthi nirayapālā’’ti vadanti. Te ‘‘tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā’’ti devadūtasuttaṃ paṭibāhanti. Manussaloke rājakulesu kāraṇikamanussā viya hi niraye nirayapālā honti.
๔๑๕. เวฬุเปสิกาหีติ เวฬุวิลีเวหิฯ สุนิมฺมชฺชถาติ ยถา สุฎฺฐุ นิมฺมชฺชิตํ โหติ, เอวํ นิมฺมชฺชถ, อปเนถาติ อโตฺถฯ
415.Veḷupesikāhīti veḷuvilīvehi. Sunimmajjathāti yathā suṭṭhu nimmajjitaṃ hoti, evaṃ nimmajjatha, apanethāti attho.
อสุจีติ อมนาโปฯ อสุจิสงฺขาโตติ อสุจิโกฎฺฐาสภูโต อสุจีติ ญาโต วาฯ ทุคฺคโนฺธติ กุณปคโนฺธฯ เชคุโจฺฉติ ชิคุจฺฉิตพฺพยุโตฺตฯ ปฎิกูโลติ ทสฺสเนเนว ปฎิฆาวโหฯ อุพฺพาธตีติ ทิวสสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ นฺหตฺวา ติกฺขตฺตุํ วตฺถานิ ปริวเตฺตตฺวา อลงฺกตปฎิมณฺฑิตานํ จกฺกวตฺติอาทีนมฺปิ มนุสฺสานํ คโนฺธ โยชนสเต ฐิตานํ เทวตานํ กเณฺฐ อาสตฺตกุณปํ วิย พาธติฯ
Asucīti amanāpo. Asucisaṅkhātoti asucikoṭṭhāsabhūto asucīti ñāto vā. Duggandhoti kuṇapagandho. Jegucchoti jigucchitabbayutto. Paṭikūloti dassaneneva paṭighāvaho. Ubbādhatīti divasassa dvikkhattuṃ nhatvā tikkhattuṃ vatthāni parivattetvā alaṅkatapaṭimaṇḍitānaṃ cakkavattiādīnampi manussānaṃ gandho yojanasate ṭhitānaṃ devatānaṃ kaṇṭhe āsattakuṇapaṃ viya bādhati.
๔๑๖. ปุน ปาณาติปาตาทิปญฺจสีลานิ สมาทายวเตฺตนฺตานํ วเสน วทติฯ ตาวติํสานนฺติ อิทญฺจ ทูเร นิพฺพตฺตา ตาว มา อาคจฺฉนฺตุ, อิเม กสฺมา น เอนฺตีติ วทติฯ
416. Puna pāṇātipātādipañcasīlāni samādāyavattentānaṃ vasena vadati. Tāvatiṃsānanti idañca dūre nibbattā tāva mā āgacchantu, ime kasmā na entīti vadati.
๔๑๘. ชจฺจนฺธูปโม มเญฺญ ปฎิภาสีติ ชจฺจโนฺธ วิย อุปฎฺฐาสิฯ อรญฺญวนปตฺถานีติ อรญฺญกงฺคยุตฺตตาย อรญฺญานิ, มหาวนสณฺฑตาย วนปตฺถานิฯ ปนฺตานีติ ทูรานิฯ
418.Jaccandhūpamomaññe paṭibhāsīti jaccandho viya upaṭṭhāsi. Araññavanapatthānīti araññakaṅgayuttatāya araññāni, mahāvanasaṇḍatāya vanapatthāni. Pantānīti dūrāni.
๔๑๙. กลฺยาณธเมฺมติ เตเนว สีเลน สุนฺทรธเมฺมฯ ทุกฺขปฎิกูเลติ ทุกฺขํ อปเตฺถเนฺตฯ เสโยฺย ภวิสฺสตีติ ปรโลเก สุคติสุขํ ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ
419.Kalyāṇadhammeti teneva sīlena sundaradhamme. Dukkhapaṭikūleti dukkhaṃ apatthente. Seyyo bhavissatīti paraloke sugatisukhaṃ bhavissatīti adhippāyo.
๔๒๐. อุปวิชญฺญาติ อุปคตวิชายนกาลา, ปริปกฺกคพฺภา น จิรเสฺสว วิชายิสฺสตีติ อโตฺถฯ โอปโภคฺคา ภวิสฺสตีติ ปาทปริจาริกา ภวิสฺสติฯ อนยพฺยสนนฺติ มหาทุกฺขํฯ อโยติ สุขํ, น อโย อนโย, ทุกฺขํฯ ตเทตํ สพฺพโส สุขํ พฺยสติ วิกฺขิปตีติ พฺยสนํฯ อิติ อนโยว พฺยสนํ อนยพฺยสนํ, มหาทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ อโยนิโสติ อนุปาเยนฯ อปกฺกํ น ปริปาเจนฺตีติ อปริณตํ อขีณํ อายุํ อนฺตราว น อุปจฺฉินฺทนฺติฯ ปริปากํ อาคเมนฺตีติ อายุปริปากกาลํ อาคเมนฺติฯ ธมฺมเสนาปตินาเปตํ วุตฺตํ –
420.Upavijaññāti upagatavijāyanakālā, paripakkagabbhā na cirasseva vijāyissatīti attho. Opabhoggā bhavissatīti pādaparicārikā bhavissati. Anayabyasananti mahādukkhaṃ. Ayoti sukhaṃ, na ayo anayo, dukkhaṃ. Tadetaṃ sabbaso sukhaṃ byasati vikkhipatīti byasanaṃ. Iti anayova byasanaṃ anayabyasanaṃ, mahādukkhanti attho. Ayonisoti anupāyena. Apakkaṃ na paripācentīti apariṇataṃ akhīṇaṃ āyuṃ antarāva na upacchindanti. Paripākaṃ āgamentīti āyuparipākakālaṃ āgamenti. Dhammasenāpatināpetaṃ vuttaṃ –
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;
กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถาติฯ (เถรคา. ๑๐๐๑)
Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathāti. (theragā. 1001)
๔๒๑. อุพฺภินฺทิตฺวาติ มตฺติกาเลปํ ภินฺทิตฺวาฯ
421.Ubbhinditvāti mattikālepaṃ bhinditvā.
๔๒๒. รามเณยฺยกนฺติ รมณียภาวํฯ เวลาสิกาติ ขิฑฺฑาปราธิกาฯ โกมาริกาติ ตรุณทาริกาฯ ตุยฺหํ ชีวนฺติ สุปินทสฺสนกาเล นิกฺขมนฺตํ วา ปวิสนฺตํ วา ชีวํ อปิ นุ ปสฺสนฺติฯ อิธ จิตฺตาจารํ ‘‘ชีว’’นฺติ คเหตฺวา อาหฯ โส หิ ตตฺถ ชีวสญฺญีติฯ
422.Rāmaṇeyyakanti ramaṇīyabhāvaṃ. Velāsikāti khiḍḍāparādhikā. Komārikāti taruṇadārikā. Tuyhaṃ jīvanti supinadassanakāle nikkhamantaṃ vā pavisantaṃ vā jīvaṃ api nu passanti. Idha cittācāraṃ ‘‘jīva’’nti gahetvā āha. So hi tattha jīvasaññīti.
๔๒๓. ชิยายาติ ธนุชิยาย, คีวํ เวเฐตฺวาติ อโตฺถฯ ปตฺถินฺนตโรติ ถทฺธตโรฯ อิมินา กิํ ทเสฺสติ? ตุเมฺห ชีวกาเล สตฺตสฺส ปญฺจกฺขนฺธาติ วทนฺติ, จวนกาเล ปน รูปกฺขนฺธมตฺตเมว อวสิสฺสติ, ตโย ขนฺธา อปฺปวตฺตา โหนฺติ, วิญฺญาณกฺขโนฺธ คจฺฉติฯ อวสิเฎฺฐน รูปกฺขเนฺธน ลหุตเรน ภวิตพฺพํ, ครุกตโร จ โหติฯ ตสฺมา นตฺถิ โกจิ กุหิํ คนฺตาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ
423.Jiyāyāti dhanujiyāya, gīvaṃ veṭhetvāti attho. Patthinnataroti thaddhataro. Iminā kiṃ dasseti? Tumhe jīvakāle sattassa pañcakkhandhāti vadanti, cavanakāle pana rūpakkhandhamattameva avasissati, tayo khandhā appavattā honti, viññāṇakkhandho gacchati. Avasiṭṭhena rūpakkhandhena lahutarena bhavitabbaṃ, garukataro ca hoti. Tasmā natthi koci kuhiṃ gantāti imamatthaṃ dasseti.
๔๒๔. นิพฺพุตนฺติ วูปสนฺตเตชํฯ
424.Nibbutanti vūpasantatejaṃ.
๔๒๕. อนุปหจฺจาติ อวินาเสตฺวาฯ อามโต โหตีติ อทฺธมโต มริตุํ อารโทฺธ โหติฯ โอธุนาถาติ โอรโต กโรถฯ สนฺธุนาถาติ ปรโต กโรถฯ นิทฺธุนาถาติ อปราปรํ กโรถฯ ตญฺจายตนํ น ปฎิสํเวเทตีติ เตน จกฺขุนา ตํ รูปายตนํ น วิภาเวติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
425.Anupahaccāti avināsetvā. Āmato hotīti addhamato marituṃ āraddho hoti. Odhunāthāti orato karotha. Sandhunāthāti parato karotha. Niddhunāthāti aparāparaṃ karotha. Tañcāyatanaṃ na paṭisaṃvedetīti tena cakkhunā taṃ rūpāyatanaṃ na vibhāveti. Esa nayo sabbattha.
๔๒๖. สงฺขธโมติ สงฺขธมโกฯ อุปลาเปตฺวาติ ธมิตฺวาฯ
426.Saṅkhadhamoti saṅkhadhamako. Upalāpetvāti dhamitvā.
๔๒๘. อคฺคิโกติ อคฺคิปริจารโกฯ อาปาเทยฺยนฺติ นิปฺผาเทยฺยํ, อายุํ วา ปาปุณาเปยฺยํฯ โปเสยฺยนฺติ โภชนาทีหิ ภเรยฺยํฯ วเฑฺฒยฺยนฺติ วฑฺฒิํ คเมยฺยํฯ อรณีสหิตนฺติ อรณียุคฬํฯ
428.Aggikoti aggiparicārako. Āpādeyyanti nipphādeyyaṃ, āyuṃ vā pāpuṇāpeyyaṃ. Poseyyanti bhojanādīhi bhareyyaṃ. Vaḍḍheyyanti vaḍḍhiṃ gameyyaṃ. Araṇīsahitanti araṇīyugaḷaṃ.
๔๒๙. ติโรราชาโนปีติ ติโรรเฎฺฐ อญฺญสฺมิมฺปิ ชนปเท ราชาโน ชานนฺติฯ อพฺยโตฺตติ อวิสโท อเฉโกฯ โกเปนปีติ เย มํ เอวํ วกฺขนฺติ, เตสุ อุปฺปชฺชนเกน โกเปนปิ เอตํ ทิฎฺฐิคตํ หริสฺสามิ ปริหริสฺสามีติ คเหตฺวา วิจริสฺสามิฯ มเกฺขนาติ ตยา วุตฺตยุตฺตการณมกฺขลกฺขเณน มเกฺขนาปิฯ ปลาเสนาติ ตยา สทฺธิํ ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปลาเสนาปิฯ
429.Tirorājānopīti tiroraṭṭhe aññasmimpi janapade rājāno jānanti. Abyattoti avisado acheko. Kopenapīti ye maṃ evaṃ vakkhanti, tesu uppajjanakena kopenapi etaṃ diṭṭhigataṃ harissāmi pariharissāmīti gahetvā vicarissāmi. Makkhenāti tayā vuttayuttakāraṇamakkhalakkhaṇena makkhenāpi. Palāsenāti tayā saddhiṃ yugaggāhalakkhaṇena palāsenāpi.
๔๓๐. หริตกปณฺณนฺติ ยํ กิญฺจิ หริตกํ, อนฺตมโส อลฺลติณปณฺณมฺปิ น โหตีติ อโตฺถฯ สนฺนทฺธกลาปนฺติ สนฺนทฺธธนุกลาปํฯ อาสิโตฺตทกานิ วฎุมานีติ ปริปุณฺณสลิลา มคฺคา จ กนฺทรา จฯ โยคฺคานีติ พลิพเทฺทฯ
430.Haritakapaṇṇanti yaṃ kiñci haritakaṃ, antamaso allatiṇapaṇṇampi na hotīti attho. Sannaddhakalāpanti sannaddhadhanukalāpaṃ. Āsittodakāni vaṭumānīti paripuṇṇasalilā maggā ca kandarā ca. Yoggānīti balibadde.
พหุนิกฺขนฺตโรติ พหุนิกฺขโนฺต จิรนิกฺขโนฺตติ อโตฺถฯ ยถาภเตน ภเณฺฑนาติ ยํ โว ติณกโฎฺฐทกภณฺฑกํ อาโรปิตํ, เตน ยถาภเตน ยถาโรปิเตน, ยถาคหิเตนาติ อโตฺถฯ
Bahunikkhantaroti bahunikkhanto ciranikkhantoti attho. Yathābhatena bhaṇḍenāti yaṃ vo tiṇakaṭṭhodakabhaṇḍakaṃ āropitaṃ, tena yathābhatena yathāropitena, yathāgahitenāti attho.
อปฺปสารานีติ อปฺปคฺฆานิฯ ปณิยานีติ ภณฺฑานิฯ
Appasārānīti appagghāni. Paṇiyānīti bhaṇḍāni.
คูถภาริกาทิอุปมาวณฺณนา
Gūthabhārikādiupamāvaṇṇanā
๔๓๒. มม จ สูกรภตฺตนฺติ มม จ สูกรานํ อิทํ ภตฺตํฯ อุคฺฆรนฺตนฺติ อุปริ ฆรนฺตํฯ ปคฺฆรนฺตนฺติ เหฎฺฐา ปริสฺสวนฺตํฯ ตุเมฺห เขฺวตฺถ ภเณติ ตุเมฺห โข เอตฺถ ภเณฯ อยเมว วา ปาโฐฯ ตถา หิ ปน เม สูกรภตฺตนฺติ ตถา หิ ปน เม อยํ คูโถ สูกรานํ ภตฺตํฯ
432.Mamaca sūkarabhattanti mama ca sūkarānaṃ idaṃ bhattaṃ. Uggharantanti upari gharantaṃ. Paggharantanti heṭṭhā parissavantaṃ. Tumhe khvettha bhaṇeti tumhe kho ettha bhaṇe. Ayameva vā pāṭho. Tathā hi pana me sūkarabhattanti tathā hi pana me ayaṃ gūtho sūkarānaṃ bhattaṃ.
๔๓๔. อาคตาคตํ กลิํ คิลตีติ อาคตาคตํ ปราชยคุฬํ คิลติฯ ปโชฺชหิสฺสามีติ ปโชฺชหนํ กริสฺสามิ, พลิกมฺมํ กริสฺสามีติ อโตฺถฯ อเกฺขหิ ทิพฺพิสฺสามาติ คุเฬหิ กีฬิสฺสามฯ ลิตฺตํ ปรเมน เตชสาติ ปรมเตเชน วิเสน ลิตฺตํฯ
434.Āgatāgataṃ kaliṃ gilatīti āgatāgataṃ parājayaguḷaṃ gilati. Pajjohissāmīti pajjohanaṃ karissāmi, balikammaṃ karissāmīti attho. Akkhehi dibbissāmāti guḷehi kīḷissāma. Littaṃ paramena tejasāti paramatejena visena littaṃ.
๔๓๖. คามปฎฺฎนฺติ วุฎฺฐิตคามปเทโส วุจฺจติฯ ‘‘คามปท’’นฺติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ สาณภารนฺติ สาณวากภารํฯ สุสนฺนโทฺธติ สุพโทฺธฯ ตฺวํ ปชานาหีติ ตฺวํ ชานฯ สเจ คณฺหิตุกาโมสิ, คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติฯ
436.Gāmapaṭṭanti vuṭṭhitagāmapadeso vuccati. ‘‘Gāmapada’’ntipi pāṭho, ayamevattho. Sāṇabhāranti sāṇavākabhāraṃ. Susannaddhoti subaddho. Tvaṃ pajānāhīti tvaṃ jāna. Sace gaṇhitukāmosi, gaṇhāhīti vuttaṃ hoti.
โขมนฺติ โขมวากํฯ อยนฺติ กาฬโลหํฯ โลหนฺติ ตมฺพโลหํฯ สชฺฌนฺติ รชตํฯ สุวณฺณนฺติ สุวณฺณมาสกํฯ อภินนฺทิํสูติ ตุสฺสิํสุฯ
Khomanti khomavākaṃ. Ayanti kāḷalohaṃ. Lohanti tambalohaṃ. Sajjhanti rajataṃ. Suvaṇṇanti suvaṇṇamāsakaṃ. Abhinandiṃsūti tussiṃsu.
๔๓๗. อตฺตมโนติ สกมโน ตุฎฺฐจิโตฺตฯ อภิรโทฺธติ อภิปฺปสโนฺนฯ ปญฺหาปฎิภานานีติ ปญฺหุปฎฺฐานานิฯ ปจฺจนีกํ กตฺตพฺพนฺติ ปจฺจนีกํ ปฎิวิรุทฺธํ วิย กตฺตพฺพํ อมญฺญิสฺสํ, ปฎิโลมคาหํ คเหตฺวา อฎฺฐาสินฺติ อโตฺถฯ
437.Attamanoti sakamano tuṭṭhacitto. Abhiraddhoti abhippasanno. Pañhāpaṭibhānānīti pañhupaṭṭhānāni. Paccanīkaṃ kattabbanti paccanīkaṃ paṭiviruddhaṃ viya kattabbaṃ amaññissaṃ, paṭilomagāhaṃ gahetvā aṭṭhāsinti attho.
๔๓๘. สงฺฆาตํ อาปชฺชนฺตีติ สงฺฆาตํ วินาสํ มรณํ อาปชฺชนฺติฯ น มหปฺผโลติ วิปากผเลน น มหปฺผโล โหติฯ น มหานิสํโสติ คุณานิสํเสน มหานิสํโส น โหติฯ น มหาชุติโกติ อานุภาวชุติยา มหาชุติโก น โหติฯ น มหาวิปฺผาโรติ วิปากวิปฺผารตาย มหาวิปฺผาโร น โหติฯ พีชนงฺคลนฺติ พีชญฺจ นงฺคลญฺจฯ ทุเกฺขเตฺตติ ทุฎฺฐุเขเตฺต นิสฺสารเขเตฺตฯ ทุพฺภูเมติ วิสมภูมิภาเคฯ ปติฎฺฐาเปยฺยาติ ฐเปยฺยฯ ขณฺฑานีติ ฉินฺนภินฺนานิฯ ปูตีนีติ นิสฺสารานิฯ วาตาตปหตานีติ วาเตน จ อาตเปน จ หตานิ ปริยาทินฺนเตชานิฯ อสาราทานีติ ตณฺฑุลสาราทานรหิตานิ ปลาลานิฯ อสุขสยิตานีติ ยานิ สุกฺขาเปตฺวา โกเฎฺฐ อากิริตฺวา ฐปิตานิ, ตานิ สุขสยิตานิ นามฯ เอตานิ ปน น ตาทิสานิฯ อนุปฺปเวเจฺฉยฺยาติ อนุปเวเสยฺย, น สมฺมา วเสฺสยฺย, อนฺวทฺธมาสํ อนุทสาหํ อนุปญฺจาหํ น วเสฺสยฺยาติ อโตฺถฯ อปิ นุ ตานีติ อปิ นุ เอวํ เขตฺตพีชวุฎฺฐิโทเส สติ ตานิ พีชานิ องฺกุรมูลปตฺตาทีหิ อุทฺธํ วุทฺธิํ เหฎฺฐา วิรูฬฺหิํ สมนฺตโต จ เวปุลฺลํ อาปเชฺชยฺยุนฺติ ฯ เอวรูโป โข ราชญฺญ ยโญฺญติ เอวรูปํ ราชญฺญ ทานํ ปรูปฆาเตน อุปฺปาทิตปจฺจยโตปิ ทายกโตปิ ปริคฺคาหกโตปิ อวิสุทฺธตฺตา น มหปฺผลํ โหติฯ
438.Saṅghātaṃ āpajjantīti saṅghātaṃ vināsaṃ maraṇaṃ āpajjanti. Na mahapphaloti vipākaphalena na mahapphalo hoti. Na mahānisaṃsoti guṇānisaṃsena mahānisaṃso na hoti. Na mahājutikoti ānubhāvajutiyā mahājutiko na hoti. Na mahāvipphāroti vipākavipphāratāya mahāvipphāro na hoti. Bījanaṅgalanti bījañca naṅgalañca. Dukkhetteti duṭṭhukhette nissārakhette. Dubbhūmeti visamabhūmibhāge. Patiṭṭhāpeyyāti ṭhapeyya. Khaṇḍānīti chinnabhinnāni. Pūtīnīti nissārāni. Vātātapahatānīti vātena ca ātapena ca hatāni pariyādinnatejāni. Asārādānīti taṇḍulasārādānarahitāni palālāni. Asukhasayitānīti yāni sukkhāpetvā koṭṭhe ākiritvā ṭhapitāni, tāni sukhasayitāni nāma. Etāni pana na tādisāni. Anuppaveccheyyāti anupaveseyya, na sammā vasseyya, anvaddhamāsaṃ anudasāhaṃ anupañcāhaṃ na vasseyyāti attho. Api nu tānīti api nu evaṃ khettabījavuṭṭhidose sati tāni bījāni aṅkuramūlapattādīhi uddhaṃ vuddhiṃ heṭṭhā virūḷhiṃ samantato ca vepullaṃ āpajjeyyunti . Evarūpo kho rājañña yaññoti evarūpaṃ rājañña dānaṃ parūpaghātena uppāditapaccayatopi dāyakatopi pariggāhakatopi avisuddhattā na mahapphalaṃ hoti.
เอวรูโป โข ราชญฺญ ยโญฺญติ เอวรูปํ ราชญฺญทานํ อปรูปฆาเตน อุปฺปนฺนปจฺจยโตปิ อปรูปฆาติตาย สีลวนฺตทายกโตปิ สมฺมาทิฎฺฐิอาทิคุณสมฺปนฺนปฎิคฺคาหกโตปิ มหปฺผลํ โหติฯ สเจ ปน คุณาติเรกํ นิโรธา วุฎฺฐิตํ ปฎิคฺคาหกํ ลภติ, เจตนา จ วิปุลา โหติ, ทิเฎฺฐว ธเมฺม วิปากํ เทตีติฯ
Evarūpo kho rājañña yaññoti evarūpaṃ rājaññadānaṃ aparūpaghātena uppannapaccayatopi aparūpaghātitāya sīlavantadāyakatopi sammādiṭṭhiādiguṇasampannapaṭiggāhakatopi mahapphalaṃ hoti. Sace pana guṇātirekaṃ nirodhā vuṭṭhitaṃ paṭiggāhakaṃ labhati, cetanā ca vipulā hoti, diṭṭheva dhamme vipākaṃ detīti.
๔๓๙. อิมํ ปน เถรสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปายาสิราชโญฺญ เถรํ นิมเนฺตตฺวา สตฺตาหํ เถรสฺส มหาทานํ ทตฺวา ตโต ปฎฺฐาย มหาชนสฺส ทานํ ปฎฺฐเปสิฯ ตํ สนฺธาย อถ โข ปายาสิ ราชโญฺญติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กณาชกนฺติ สกุณฺฑกํ อุตฺตณฺฑุลภตฺตํฯ พิลงฺคทุติยนฺติ กญฺชิกทุติยํฯ โธรกานิ จ วตฺถานีติ ถูลานิ จ วตฺถานิฯ คุฬวาลกานีติ คุฬทสานิ, ปุญฺชปุญฺชวเสน ฐิตมหนฺตทสานีติ อโตฺถฯ เอวํ อนุทฺทิสตีติ เอวํ อุปทิสติฯ ปาทาปีติ ปาเทนปิฯ
439. Imaṃ pana therassa dhammakathaṃ sutvā pāyāsirājañño theraṃ nimantetvā sattāhaṃ therassa mahādānaṃ datvā tato paṭṭhāya mahājanassa dānaṃ paṭṭhapesi. Taṃ sandhāya atha kho pāyāsi rājaññotiādi vuttaṃ. Tattha kaṇājakanti sakuṇḍakaṃ uttaṇḍulabhattaṃ. Bilaṅgadutiyanti kañjikadutiyaṃ. Dhorakāni ca vatthānīti thūlāni ca vatthāni. Guḷavālakānīti guḷadasāni, puñjapuñjavasena ṭhitamahantadasānīti attho. Evaṃ anuddisatīti evaṃ upadisati. Pādāpīti pādenapi.
๔๔๐. อสกฺกจฺจนฺติ สทฺธาวิรหิตํ อสฺสทฺธทานํฯ อสหตฺถาติ น สหเตฺถนฯ อจิตฺตีกตนฺติ จิตฺตีการวิรหิตํ, น จิตฺตีการมฺปิ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา น ปณีตจิตฺตํ กตฺวา อทาสิฯ อปวิทฺธนฺติ ฉฑฺฑิตํ วิปฺปติตํฯ สุญฺญํ เสรีสกนฺติ เสรีสกํ นาม เอกํ ตุจฺฉํ รชตวิมานํ อุปคโตฯ ตสฺส กิร ทฺวาเร มหาสิรีสรุโกฺข, เตน ตํ ‘‘เสรีสก’’นฺติ วุจฺจติฯ
440.Asakkaccanti saddhāvirahitaṃ assaddhadānaṃ. Asahatthāti na sahatthena. Acittīkatanti cittīkāravirahitaṃ, na cittīkārampi paccupaṭṭhāpetvā na paṇītacittaṃ katvā adāsi. Apaviddhanti chaḍḍitaṃ vippatitaṃ. Suññaṃ serīsakanti serīsakaṃ nāma ekaṃ tucchaṃ rajatavimānaṃ upagato. Tassa kira dvāre mahāsirīsarukkho, tena taṃ ‘‘serīsaka’’nti vuccati.
๔๔๑. อายสฺมา ควํปตีติ เถโร กิร ปุเพฺพ มนุสฺสกาเล โคปาลทารกานํ เชฎฺฐโก หุตฺวา มหโต สิรีสสฺส มูลํ โสเธตฺวา วาลิกํ โอกิริตฺวา เอกํ ปิณฺฑปาติกเตฺถรํ รุกฺขมูเล นิสีทาเปตฺวา อตฺตนา ลทฺธํ อาหารํ ทตฺวา ตโต จุโต ตสฺสานุภาเวน ตสฺมิํ รชตวิมาเน นิพฺพตฺติฯ สิรีสรุโกฺข วิมานทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ โส ปญฺญาสาย วเสฺสหิ ผลติ, ตโต ปญฺญาส วสฺสานิ คตานีติ เทวปุโตฺต สํเวคํ อาปชฺชติฯ โส อปเรน สมเยน อมฺหากํ ภควโต กาเล มนุเสฺสสุ นิพฺพตฺติตฺวา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺตฯ ปุพฺพาจิณฺณวเสน ปน ทิวาวิหารตฺถาย ตเทว วิมานํ อภิณฺหํ คจฺฉติ, ตํ กิรสฺส อุตุสุขํ โหติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ควํปตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
441.Āyasmāgavaṃpatīti thero kira pubbe manussakāle gopāladārakānaṃ jeṭṭhako hutvā mahato sirīsassa mūlaṃ sodhetvā vālikaṃ okiritvā ekaṃ piṇḍapātikattheraṃ rukkhamūle nisīdāpetvā attanā laddhaṃ āhāraṃ datvā tato cuto tassānubhāvena tasmiṃ rajatavimāne nibbatti. Sirīsarukkho vimānadvāre aṭṭhāsi. So paññāsāya vassehi phalati, tato paññāsa vassāni gatānīti devaputto saṃvegaṃ āpajjati. So aparena samayena amhākaṃ bhagavato kāle manussesu nibbattitvā satthu dhammakathaṃ sutvā arahattaṃ patto. Pubbāciṇṇavasena pana divāvihāratthāya tadeva vimānaṃ abhiṇhaṃ gacchati, taṃ kirassa utusukhaṃ hoti. Taṃ sandhāya ‘‘tena kho pana samayena āyasmā gavaṃpatī’’tiādi vuttaṃ.
โส สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวาติ โส ปรสฺส สนฺตกมฺปิ ทานํ สกฺกจฺจํ ทตฺวาฯ เอวมาโรเจสีติ ‘‘สกฺกจฺจํ ทานํ เทถา’’ติอาทินา นเยน อาโรเจสิฯ ตญฺจ ปน เถรสฺส อาโรจนํ สุตฺวา มหาชโน สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา เทวโลเก นิพฺพโตฺตฯ ปายาสิสฺส ปน ราชญฺญสฺส ปริจารกา สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวาปิ นิกนฺติวเสน คนฺตฺวา ตเสฺสว สนฺติเก นิพฺพตฺตาฯ ตํ กิร ทิสาจาริกวิมานํ วฎฺฎนิอฎวิยํ อโหสิฯ ปายาสิเทวปุโตฺต จ เอกทิวสํ วาณิชกานํ ทเสฺสตฺวา อตฺตโน กตกมฺมํ กเถสีติฯ
Sosakkaccaṃ dānaṃ datvāti so parassa santakampi dānaṃ sakkaccaṃ datvā. Evamārocesīti ‘‘sakkaccaṃ dānaṃ dethā’’tiādinā nayena ārocesi. Tañca pana therassa ārocanaṃ sutvā mahājano sakkaccaṃ dānaṃ datvā devaloke nibbatto. Pāyāsissa pana rājaññassa paricārakā sakkaccaṃ dānaṃ datvāpi nikantivasena gantvā tasseva santike nibbattā. Taṃ kira disācārikavimānaṃ vaṭṭaniaṭaviyaṃ ahosi. Pāyāsidevaputto ca ekadivasaṃ vāṇijakānaṃ dassetvā attano katakammaṃ kathesīti.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ
Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ
ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิตา จ มหาวคฺคสฺสตฺถวณฺณนาฯ
Niṭṭhitā ca mahāvaggassatthavaṇṇanā.
มหาวคฺคฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāvaggaṭṭhakathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑๐. ปายาสิสุตฺตํ • 10. Pāyāsisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนา • 10. Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanā