Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๑๐. ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนา

    10. Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanā

    ๔๐๖. ภควตา เอวํ คหิตนามตฺตาติ โยชนาฯ ยสฺมา ราชปุตฺตา โลเก ‘‘กุมาโร’’ติ โวหรียนฺติฯ อยญฺจ รโญฺญ กิตฺติมปุโตฺต, ตสฺมา อาห ‘‘รโญฺญ…เป.… สญฺชานิํสู’’ติฯ

    406. Bhagavatā evaṃ gahitanāmattāti yojanā. Yasmā rājaputtā loke ‘‘kumāro’’ti voharīyanti. Ayañca rañño kittimaputto, tasmā āha ‘‘rañño…pe… sañjāniṃsū’’ti.

    อสฺสาติ เถรสฺสฯ ปุญฺญานิ กโรโนฺต กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ เจว มนุเสฺสสุ จ อุปฺปชฺชิตฺวา วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ นาสกฺขิ อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตฺตาฯ ตติยทิวเสติ ปพฺพตํ อารุฬฺหทิวสโต ตติเย ทิวเสฯ

    Assāti therassa. Puññāni karonto kappasatasahassaṃ devesu ceva manussesu ca uppajjitvā visesaṃ nibbattetuṃ nāsakkhi indriyānaṃ aparipakkattā. Tatiyadivaseti pabbataṃ āruḷhadivasato tatiye divase.

    เตสํ สาวกโพธิยา นิยตตาย, ปุญฺญสมฺภารสฺส จ สาติสยตฺตา วินิปาตํ อคนฺตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ…เป.… อนุภวนฺตานํฯ เทวตายาติ ปุเพฺพ สหธมฺมจารินิยา สุทฺธาวาสเทวตายฯ

    Tesaṃ sāvakabodhiyā niyatatāya, puññasambhārassa ca sātisayattā vinipātaṃ agantvā ekaṃ buddhantaraṃ…pe… anubhavantānaṃ. Devatāyāti pubbe sahadhammacāriniyā suddhāvāsadevatāya.

    ‘‘กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปโนฺน’’ติ วตฺวา ตํ เอวสฺส อุปฺปนฺนภาวํ มูลโต ปฎฺฐาย ทเสฺสตุํ ‘‘สา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สาติ กุลทาริกาฯ -สโทฺท พฺยติเรกโตฺถ, เตน วุจฺจมานํ วิเสสํ โชเตติฯ กุลฆรนฺติ ปติกุลเคหํฯ คพฺภนิมิตฺตนฺติ คพฺภสฺส สณฺฐิตภาวนิมิตฺตํฯ สติปิ วิสาขาย จ สาวตฺถิวาสิกุลปริยาปนฺนเตฺต ตสฺสา ตตฺถ ปธานภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘วิสาขญฺจา’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา วาสิโฎฺฐปิ อาคโต’’ติฯ เทวตาติ อิธปิ สา เอว สุทฺธาวาสเทวตาฯ ปเญฺหติ ‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขุ อยํ วมฺมิโก’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔๙) อาคเต ปนฺนรสปเญฺหฯ

    ‘‘Kuladārikāya kucchimhi uppanno’’ti vatvā taṃ evassa uppannabhāvaṃ mūlato paṭṭhāya dassetuṃ ‘‘sā cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ti kuladārikā. Ca-saddo byatirekattho, tena vuccamānaṃ visesaṃ joteti. Kulagharanti patikulagehaṃ. Gabbhanimittanti gabbhassa saṇṭhitabhāvanimittaṃ. Satipi visākhāya ca sāvatthivāsikulapariyāpannatte tassā tattha padhānabhāvadassanatthaṃ ‘‘visākhañcā’’ti vuttaṃ yathā ‘‘brāhmaṇā āgatā vāsiṭṭhopi āgato’’ti. Devatāti idhapi sā eva suddhāvāsadevatā. Pañheti ‘‘bhikkhu bhikkhu ayaṃ vammiko’’tiādinā (ma. ni. 1.249) āgate pannarasapañhe.

    เสตพฺยาติ อิตฺถิลิงฺควเสน ตสฺส นครสฺส นามํฯ อุตฺตเรนาติ เอน-สทฺทโยเคน ‘‘เสตพฺย’’นฺติ อุปโยควจนํ ปาฬิยํ วุตฺตํฯ อตฺถวจเนน ปน อุตฺตรสทฺทํ อเปกฺขิตฺวา เสตพฺยโตติ นิสฺสกฺกปฺปโยโค กโตฯ อนภิสิตฺตกราชาติ ขตฺติยชาติโก อภิเสกํ อปฺปโตฺตฯ

    Setabyāti itthiliṅgavasena tassa nagarassa nāmaṃ.Uttarenāti ena-saddayogena ‘‘setabya’’nti upayogavacanaṃ pāḷiyaṃ vuttaṃ. Atthavacanena pana uttarasaddaṃ apekkhitvā setabyatoti nissakkappayogo kato. Anabhisittakarājāti khattiyajātiko abhisekaṃ appatto.

    ปายาสิราชญฺญวตฺถุวณฺณนา

    Pāyāsirājaññavatthuvaṇṇanā

    ๔๐๗. ทิฎฺฐิเยว ทิฎฺฐิคตนฺติ คต-สเทฺทน ปทวฑฺฒนมาห, ทิฎฺฐิยา วา คตมตฺตํ ทิฎฺฐิคตํ, อยาถาวคฺคาหิตาย คนฺตพฺพาภาวโต ทิฎฺฐิยา คหณมตฺตํ, เกวโล มิจฺฉาภินิเวโสติ อโตฺถ, ตํ ปน ทิฎฺฐิคตํ ตสฺส อโยนิโสมนสิการาทิวเสน อุปฺปชฺชิตฺวา ปฎิปกฺขสมฺมุขีภาวาภาวโต, อนุรูปาหารลาภโต จ สมุทาจารปฺปตฺตํ ชาตนฺติ ปาฬิยํ ‘‘อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ วุตฺตํฯ ตํ ตํ การณํ อปทิสิตฺวาติ ตโต อิธาคจฺฉนกสฺส, อิโต ตตฺถ คจฺฉนกสฺส จ อปทิสนโต ‘‘ตตฺถ ตเตฺถว สตฺตานํ อุจฺฉิชฺชนโต’’ติ เอวมาทิ ตํ ตํ การณํ ปฎิรูปกํ อปทิสิตฺวาฯ

    407.Diṭṭhiyevadiṭṭhigatanti gata-saddena padavaḍḍhanamāha, diṭṭhiyā vā gatamattaṃ diṭṭhigataṃ, ayāthāvaggāhitāya gantabbābhāvato diṭṭhiyā gahaṇamattaṃ, kevalo micchābhinivesoti attho, taṃ pana diṭṭhigataṃ tassa ayonisomanasikārādivasena uppajjitvā paṭipakkhasammukhībhāvābhāvato, anurūpāhāralābhato ca samudācārappattaṃ jātanti pāḷiyaṃ ‘‘uppannaṃ hotī’’ti vuttaṃ. Taṃ taṃ kāraṇaṃ apadisitvāti tato idhāgacchanakassa, ito tattha gacchanakassa ca apadisanato ‘‘tattha tattheva sattānaṃ ucchijjanato’’ti evamādi taṃ taṃ kāraṇaṃ paṭirūpakaṃ apadisitvā.

    ๔๐๘. อาปนฺนานธิเปฺปตตฺถวิสเย อยํ ปุรา-สทฺทปโยโคติ อาห ‘‘ปุรา…เป.… สญฺญาเปตีติ ยาว น สญฺญาเปตี’’ติฯ

    408. Āpannānadhippetatthavisaye ayaṃ purā-saddapayogoti āha ‘‘purā…pe… saññāpetīti yāva na saññāpetī’’ti.

    จนฺทิมสูริยอุปมาวณฺณนา

    Candimasūriyaupamāvaṇṇanā

    ๔๑๑. ยถา จนฺทิมสูริยา อุฬารวิปุโลภาสตาย อเญฺญน โอภาเสน อนภิภวนียา, เอวมยมฺปิ ปญฺญาโอภาเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘จนฺทิม…เป.… อเญฺญนา’’ติอาทิมาหฯ อาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘กิตฺตเก ฐาเน เอเต ปวเตฺตนฺติ, กิตฺตกญฺจ ฐานํ เนสํ อาภา ผรตี’’ติ เอวมาทิมฺปิ โจทนํ สงฺคณฺหาติฯ ปลิเวเฐสฺสตีติ อาพนฺธิสฺสติ, อนุยุญฺชิสฺสตีติ อโตฺถฯ นิเพฺพเฐตุํ ตํ วิสฺสเชฺชตุํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ยถาวุตฺตํ โจทนํ นิเพฺพเฐตุํ น สโกฺกติ, ตสฺมาฯ อตฺตโน อนิจฺฉิตํ สงฺฆาตนํ ปกฺขํ ปฎิชานโนฺต ‘‘ปรสฺมิํ โลเก, น อิมสฺมิ’’นฺติอาทิมาหฯ

    411. Yathā candimasūriyā uḷāravipulobhāsatāya aññena obhāsena anabhibhavanīyā, evamayampi paññāobhāsenāti dassento ‘‘candima…pe… aññenā’’tiādimāha. Ādīhīti ādi-saddena ‘‘kittake ṭhāne ete pavattenti, kittakañca ṭhānaṃ nesaṃ ābhā pharatī’’ti evamādimpi codanaṃ saṅgaṇhāti. Paliveṭhessatīti ābandhissati, anuyuñjissatīti attho. Nibbeṭhetuṃ taṃ vissajjetuṃ. Tasmāti yasmā yathāvuttaṃ codanaṃ nibbeṭhetuṃ na sakkoti, tasmā. Attano anicchitaṃ saṅghātanaṃ pakkhaṃ paṭijānanto ‘‘parasmiṃ loke, na imasmi’’ntiādimāha.

    กถํ ปนายํ นตฺถิกทิฎฺฐิ ‘‘เทโว’’ติ ปฎิชานาตีติ ตตฺถ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เทวาปิ เทวตฺตภาเวเนว อุจฺฉิชฺชนฺติ, มนุสฺสาปิ มนุสฺสตฺตภาเวเนว อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ เอวํ วา อสฺส ทิฎฺฐิ, เอวญฺจ กตฺวา ‘‘เทวา เต, น มนุสฺสา’’ติ วจนญฺจ น วิรุชฺฌติฯ เอวํ จเนฺทติ จนฺทวิมาเน, น จ จเนฺท วา กถิยเนฺตฯ

    Kathaṃ panāyaṃ natthikadiṭṭhi ‘‘devo’’ti paṭijānātīti tattha kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘bhagavā panā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Devāpi devattabhāveneva ucchijjanti, manussāpi manussattabhāveneva ucchijjantī’’ti evaṃ vā assa diṭṭhi, evañca katvā ‘‘devā te, na manussā’’ti vacanañca na virujjhati. Evaṃ candeti candavimāne, na ca cande vā kathiyante.

    ๔๑๒. อาพาโธ เอเตสํ อตฺถีติ อาพาธิกาฯ ทุกฺขํ สญฺชาตํ เอเตสนฺติ ทุกฺขิตาฯ สทฺธาย อยิตพฺพา สทฺธายิกา, สทฺธาย ปวตฺติฎฺฐานภูตาฯ เตนาห ‘‘อหํ ตุเมฺห’’ติอาทิฯ ปจฺจโย ปตฺติยายนํ เอเตสุ อตฺถีติ ปจฺจยิกาฯ

    412. Ābādho etesaṃ atthīti ābādhikā. Dukkhaṃ sañjātaṃ etesanti dukkhitā. Saddhāya ayitabbā saddhāyikā, saddhāya pavattiṭṭhānabhūtā. Tenāha ‘‘ahaṃ tumhe’’tiādi. Paccayo pattiyāyanaṃ etesu atthīti paccayikā.

    โจรอุปมาวณฺณนา

    Coraupamāvaṇṇanā

    ๔๑๓. อุทฺทิสิตฺวาติ อุเปจฺจ ทเสฺสตฺวาฯ กมฺมการณิกสเตฺตสูติ เนรยิกานํ สงฺฆาตนกสเตฺตสุฯ กมฺมเมวาติ เตหิ เตหิ เนรยิเกหิ กตกมฺมเมวฯ กมฺมการณํ กโรตีติ อายูหนานุรูปํ ตํ ตํ การณํ กโรติ, ตถา ทุกฺขํ อุปฺปาเทตีติ อโตฺถฯ นิรยปาลาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, เตน ตตฺถ สพฺพํ นิรยกณฺฑปาฬิํ (ม. นิ. ๓.๒๕๙) สงฺคณฺหาติฯ เอวํ สุตฺตโต (ม. นิ. ๓.๒๕๙) นิรยปาลานํ อตฺถิภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ยุตฺติโตปิ ทเสฺสตุํ ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เนรยิเก นิรเย ปาเลนฺติ ตโต นิคฺคนฺตุํ อปฺปทานวเสน รกฺขนฺตีติ นิรยปาลาฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปปญฺจสูทนีฎีกายํ คเหตพฺพํฯ

    413.Uddisitvāti upecca dassetvā. Kammakāraṇikasattesūti nerayikānaṃ saṅghātanakasattesu. Kammamevāti tehi tehi nerayikehi katakammameva. Kammakāraṇaṃ karotīti āyūhanānurūpaṃ taṃ taṃ kāraṇaṃ karoti, tathā dukkhaṃ uppādetīti attho. Nirayapālāti ettha iti-saddo ādiattho, tena tattha sabbaṃ nirayakaṇḍapāḷiṃ (ma. ni. 3.259) saṅgaṇhāti. Evaṃ suttato (ma. ni. 3.259) nirayapālānaṃ atthibhāvaṃ dassetvā idāni yuttitopi dassetuṃ ‘‘manussaloke’’tiādi vuttaṃ. Tattha nerayike niraye pālenti tato niggantuṃ appadānavasena rakkhantīti nirayapālā. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ papañcasūdanīṭīkāyaṃ gahetabbaṃ.

    คูถกูปปุริสอุปมาวณฺณนา

    Gūthakūpapurisaupamāvaṇṇanā

    ๔๑๕. นิมฺมชฺชถาติ นิรวเสสโต มชฺชถ โสเธถฯ ตํ ปน ตสฺส ตสฺส คูถสฺส ตถา โสธนํ อปนยนํ โหตีติ อาห ‘‘อปเนถา’’ติฯ

    415.Nimmajjathāti niravasesato majjatha sodhetha. Taṃ pana tassa tassa gūthassa tathā sodhanaṃ apanayanaṃ hotīti āha ‘‘apanethā’’ti.

    อสุจีติ อสุโทฺธ, โส ปน ยสฺมา มนวฑฺฒนโก มโนหโร น โหติ, ตสฺมา อาห ‘‘อมนาโป’’ติฯ อสุจิสงฺขาตํ อสุจิภาคตํ อตฺตโน สภาวตํ คโต ปโตฺตติ อสุจิสงฺขาโตติ อาห ‘‘อสุจิโกฎฺฐาสภูโต’’ติฯ ทุคฺคโนฺธติ ทุฎฺฐคโนฺธ อนิฎฺฐคโนฺธ, โส ปน น โย โกจิ, อถ โข ปูติคโนฺธติ อาห ‘‘กุณปคโนฺธ’’ติฯ ชิคุจฺฉิตพฺพยุโตฺตติ หีฬิตพฺพยุโตฺตฯ ปฎิกูโล ฆานินฺทฺริยสฺส ปฎิกูลรูโปฯ อุพฺพาธตีติ อุปรูปริ พาธติฯ มนุสฺสานํ คโนฺธ…เป.… พาธติ อติวิย อสุจิสภาวตฺตา, อสุจิมฺหิเยว ชาตสํวทฺธนภาวโต, เทวานญฺจ ฆานปสาทสฺส ติกฺขวิสทภาวโตฯ

    Asucīti asuddho, so pana yasmā manavaḍḍhanako manoharo na hoti, tasmā āha ‘‘amanāpo’’ti. Asucisaṅkhātaṃ asucibhāgataṃ attano sabhāvataṃ gato pattoti asucisaṅkhātoti āha ‘‘asucikoṭṭhāsabhūto’’ti. Duggandhoti duṭṭhagandho aniṭṭhagandho, so pana na yo koci, atha kho pūtigandhoti āha ‘‘kuṇapagandho’’ti. Jigucchitabbayuttoti hīḷitabbayutto. Paṭikūlo ghānindriyassa paṭikūlarūpo. Ubbādhatīti uparūpari bādhati. Manussānaṃ gandho…pe… bādhati ativiya asucisabhāvattā, asucimhiyeva jātasaṃvaddhanabhāvato, devānañca ghānapasādassa tikkhavisadabhāvato.

    ๔๑๖. ทูเร นิพฺพตฺตา ปรนิมฺมิตวสวตฺติอาทโยฯ

    416.Dūre nibbattā paranimmitavasavattiādayo.

    ๔๑๙. สุนฺทรธเมฺมติ โสภนคุเณฯ สุคติสุขนฺติ สุคติ เจว ตปฺปริยาปนฺนํ สุขญฺจฯ

    419.Sundaradhammeti sobhanaguṇe. Sugatisukhanti sugati ceva tappariyāpannaṃ sukhañca.

    คพฺภินีอุปมาวณฺณนา

    Gabbhinīupamāvaṇṇanā

    ๔๒๐. ปุญฺญกมฺมโต เอติ อุปฺปชฺชตีติ อโย, สุขํฯ ตปฺปฎิปกฺขโต อนโย, ทุกฺขํ ฯ อปกฺกนฺติ น สิทฺธํ น นิฎฺฐานปฺปตฺตํฯ น ปริปาเจนฺติ น นิฎฺฐานํ ปาเปนฺติฯ น อุปจฺฉินฺทนฺติ อตฺตวินิปาตสฺส สาวชฺชภาวโตฯ อาคเมนฺตีติ อุทิกฺขนฺติฯ นิพฺพิสนฺติ ยสฺส ปน ตํ กมฺมผลํ นิพฺพิสโนฺต นิยุญฺชโนฺต, นิพฺพิสนฺติ วา นิเพฺพสํ เวตนํ ปฎิกงฺขโนฺต ภตปุริโส ยถาฯ

    420. Puññakammato eti uppajjatīti ayo, sukhaṃ. Tappaṭipakkhato anayo, dukkhaṃ . Apakkanti na siddhaṃ na niṭṭhānappattaṃ. Na paripācenti na niṭṭhānaṃ pāpenti. Na upacchindanti attavinipātassa sāvajjabhāvato. Āgamentīti udikkhanti. Nibbisanti yassa pana taṃ kammaphalaṃ nibbisanto niyuñjanto, nibbisanti vā nibbesaṃ vetanaṃ paṭikaṅkhanto bhatapuriso yathā.

    ๔๒๑. อุพฺภินฺทิตฺวาติ อุปสเคฺคน ปทวฑฺฒนมตฺตนฺติ อาห ‘‘ภินฺทิตฺวา’’ติฯ

    421.Ubbhinditvāti upasaggena padavaḍḍhanamattanti āha ‘‘bhinditvā’’ti.

    สุปินกอุปมาวณฺณนา

    Supinakaupamāvaṇṇanā

    ๔๒๒. ‘‘นิกฺขมนฺตํ วา ปวิสนฺตํ วา ชีว’’นฺติ อิทํ ตสฺส อชฺฌาสยวเสน วุตฺตํฯ โส หิ ‘‘สตฺตานํ สุปินทสฺสนกาเล อตฺตภาวโต ชีโว พหิ นิกฺขมิตฺวา ตํตํอารามรามเณยฺยกทสฺสนาทิวเสน อิโต จิโต จ ปริพฺภมิตฺวา ปุนเทว อตฺตภาวํ อนุปวิสตี’’ติ เอวํ ปวตฺตมิจฺฉาคาหวิปลฺลตฺตจิโตฺตฯ อถสฺส เถโร ขุทฺทกาย อาณิยา วิปุลํ อาณิํ นีหรโนฺต วิย ชีวสมญฺญามุเขน อุเจฺฉททิฎฺฐิํ นีหริตุกาโม ‘‘อปิ นุ ตา ตุยฺหํ ชีวํ ปสฺสนฺติ ปวิสนฺตํ วา นิกฺขมนฺตํ วา’’ติ อาหฯ ยตฺถ ปน ตถารูปา ชีวสมญฺญา, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จิตฺตาจารํ ชีวนฺติ คเหตฺวา อาหา’’ติ วุตฺตํฯ

    422.‘‘Nikkhamantaṃ vā pavisantaṃ vā jīva’’nti idaṃ tassa ajjhāsayavasena vuttaṃ. So hi ‘‘sattānaṃ supinadassanakāle attabhāvato jīvo bahi nikkhamitvā taṃtaṃārāmarāmaṇeyyakadassanādivasena ito cito ca paribbhamitvā punadeva attabhāvaṃ anupavisatī’’ti evaṃ pavattamicchāgāhavipallattacitto. Athassa thero khuddakāya āṇiyā vipulaṃ āṇiṃ nīharanto viya jīvasamaññāmukhena ucchedadiṭṭhiṃ nīharitukāmo ‘‘api nu tā tuyhaṃ jīvaṃ passanti pavisantaṃ vā nikkhamantaṃ vā’’ti āha. Yattha pana tathārūpā jīvasamaññā, taṃ dassento ‘‘cittācāraṃ jīvanti gahetvā āhā’’ti vuttaṃ.

    ๔๒๓. เวเฐตฺวาติ เวขทานสเงฺขเปน เวเฐตฺวาฯ จวนกาเลติ จวนสฺส จุติยา ปตฺตกาเล, น จวมานกาเลฯ รูปกฺขนฺธมตฺตเมวาติ กติปยรูปธมฺมสงฺฆาตมตฺตเมวฯ อุตุสมุฎฺฐานรูปธมฺมสมูหมตฺตเมว หิ ตทา ลพฺภติ, มตฺต-สโทฺท วา วิเสสนิวตฺติอโตฺถ, เตน กมฺมชาทิติสนฺตติรูปวิเสสํ นิวเตฺตติฯ อปฺปวตฺตา โหนฺตีติ อปฺปวตฺติกา โหนฺติ, น อุปลพฺภตีติ อโตฺถฯ วิญฺญาเณ ปน ชีวสญฺญี, ตสฺมา ‘‘วิญฺญาณกฺขโนฺธ คจฺฉตี’’ติ อาห, ตตฺถ อนุปลพฺภนโตติ อธิปฺปาโยฯ

    423.Veṭhetvāti vekhadānasaṅkhepena veṭhetvā. Cavanakāleti cavanassa cutiyā pattakāle, na cavamānakāle. Rūpakkhandhamattamevāti katipayarūpadhammasaṅghātamattameva. Utusamuṭṭhānarūpadhammasamūhamattameva hi tadā labbhati, matta-saddo vā visesanivattiattho, tena kammajāditisantatirūpavisesaṃ nivatteti. Appavattā hontīti appavattikā honti, na upalabbhatīti attho. Viññāṇe pana jīvasaññī, tasmā ‘‘viññāṇakkhandho gacchatī’’ti āha, tattha anupalabbhanatoti adhippāyo.

    สนฺตตฺตอโยคุฬอุปมาวณฺณนา

    Santattaayoguḷaupamāvaṇṇanā

    ๔๒๔. วูปสนฺตเตชนฺติ วิคตุสฺมํฯ

    424.Vūpasantatejanti vigatusmaṃ.

    ๔๒๕. อามโตติ เอตฺถ อา-สโทฺท อามิส-สโทฺท วิย อุปฑฺฒปริยาโยติ อาห ‘‘อทฺธมโต’’ติ, อามโตติ วา อีสํ ทรเถน อุสฺมนา ยุตฺตมรโณ มรโนฺตติ อโตฺถฯ มียมาโน หิ อวิคตุโสฺม โหติ, น มโต วิย วิคตุโสฺมฯ เตนาห ‘‘มริตุํ อารโทฺธ โหตี’’ติฯ ตถา รูปสฺส โอธุนนํ นามสฺส โอรโต ปริวตฺตนเมวาติ อาห ‘‘โอรโต กโรถา’’ติฯ โอรโต กาตุกามสฺส ปน สํปริวตฺตนํ สนฺธุนนํ, ตํ ปน ปรโต กรณนฺติ อาห ‘‘ปรโต กโรถา’’ติฯ ปรมุขํ กตสฺส อิโต จิโต ปริวตฺตนํ นิทฺธุนนนฺติ อาห ‘‘อปราปรํ กโรถา’’ติฯ อินฺทฺริยานิ อปริภินฺนานีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตญฺจายตนํ น ปฎิสํเวเทตี’’ติ วุตฺตํฯ

    425.Āmatoti ettha ā-saddo āmisa-saddo viya upaḍḍhapariyāyoti āha ‘‘addhamato’’ti, āmatoti vā īsaṃ darathena usmanā yuttamaraṇo marantoti attho. Mīyamāno hi avigatusmo hoti, na mato viya vigatusmo. Tenāha ‘‘marituṃ āraddho hotī’’ti. Tathā rūpassa odhunanaṃ nāmassa orato parivattanamevāti āha ‘‘orato karothā’’ti. Orato kātukāmassa pana saṃparivattanaṃ sandhunanaṃ, taṃ pana parato karaṇanti āha ‘‘parato karothā’’ti. Paramukhaṃ katassa ito cito parivattanaṃ niddhunananti āha ‘‘aparāparaṃ karothā’’ti. Indriyāni aparibhinnānīti adhippāyena ‘‘tañcāyatanaṃ na paṭisaṃvedetī’’ti vuttaṃ.

    สงฺขธมอุปมาวณฺณนา

    Saṅkhadhamaupamāvaṇṇanā

    ๔๒๖. สงฺขํ ธมติ, ธมาเปตีติ วา สงฺขธโมฯ อุปลาเปตฺวาติ อุปรูปริ สทฺทโยควเสน สลฺลาเปตฺวา, สทฺทยุตฺตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ ตํ ปน อตฺถโต ธมนเมวาติ อาห ‘‘ธมิตฺวา’’ติฯ

    426. Saṅkhaṃ dhamati, dhamāpetīti vā saṅkhadhamo. Upalāpetvāti uparūpari saddayogavasena sallāpetvā, saddayuttaṃ katvāti attho. Taṃ pana atthato dhamanamevāti āha ‘‘dhamitvā’’ti.

    อคฺคิกชฎิลอุปมาวณฺณนา

    Aggikajaṭilaupamāvaṇṇanā

    ๔๒๘. อาหิโต อคฺคิ เอตสฺส อตฺถีติ อคฺคิโก, สฺวาสฺส อคฺคิกภาโว ยสฺมา อคฺคิหุตมาลาเวทิสมฺปาทเนหิ เจว อินฺธนธูมพริหิสสปฺปิเตลูปหรเณหิ พลิปุปฺผธูมคนฺธาทิอุปหาเรหิ จ ตสฺส ปยิรุปาสนาย อิจฺฉิโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อคฺคิปริจารโก’’ติฯ อายุํ ปาปุณาเปยฺยนฺติ ยถา จิรชีวี โหติ, เอวํ อายุํ ปจฺฉิมวยํ ปาเปยฺยํฯ วฑฺฒิํ คเมยฺยนฺติ สรีราวยเว, คุณาวยเว จ ผาติํ ปาเปยฺยํฯ อรณี ยุคฬนฺติ อุตฺตรารณี, อธรารณีติ อรณีทฺวยํฯ

    428. Āhito aggi etassa atthīti aggiko, svāssa aggikabhāvo yasmā aggihutamālāvedisampādanehi ceva indhanadhūmabarihisasappitelūpaharaṇehi balipupphadhūmagandhādiupahārehi ca tassa payirupāsanāya icchito, tasmā vuttaṃ ‘‘aggiparicārako’’ti. Āyuṃ pāpuṇāpeyyanti yathā cirajīvī hoti, evaṃ āyuṃ pacchimavayaṃ pāpeyyaṃ. Vaḍḍhiṃ gameyyanti sarīrāvayave, guṇāvayave ca phātiṃ pāpeyyaṃ. Araṇī yugaḷanti uttarāraṇī, adharāraṇīti araṇīdvayaṃ.

    ๔๒๙. เอวนฺติ ‘‘พาโล ปายาสิราชโญฺญ’’ติอาทิปฺปกาเรนฯ ตยาติ เถรํ สนฺธาย วทติฯ วุตฺตยุตฺตการณมกฺขลกฺขเณนาติ วุตฺตยุตฺตการณสฺส มกฺขนสภาเวนฯ ยุคคฺคาหลกฺขเณนาติ สมธุรคฺคหณลกฺขเณนฯ ปลาเสนาติ ปลาเสตีติ ปลาโส, ปรสฺส คุเณ อุตฺตริตเร ฑํสิตฺวา วิย ฉเฑฺฑโนฺต อตฺตโน คุเณหิ สเม กโรตีติ อโตฺถฯ สมกรณรโส หิ ปลาโส, เตน ปลาเสนฯ

    429.Evanti ‘‘bālo pāyāsirājañño’’tiādippakārena. Tayāti theraṃ sandhāya vadati. Vuttayuttakāraṇamakkhalakkhaṇenāti vuttayuttakāraṇassa makkhanasabhāvena. Yugaggāhalakkhaṇenāti samadhuraggahaṇalakkhaṇena. Palāsenāti palāsetīti palāso, parassa guṇe uttaritare ḍaṃsitvā viya chaḍḍento attano guṇehi same karotīti attho. Samakaraṇaraso hi palāso, tena palāsena.

    เทฺวสตฺถวาหอุปมาวณฺณนา

    Dvesatthavāhaupamāvaṇṇanā

    ๔๓๐. หริตกปตฺตนฺติ หริตพฺพปตฺตํ, อปฺปปตฺตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิฯ สนฺนทฺธธนุกลาปนฺติ เอตฺถ กลาปนฺติ ตูณีรมาห, ตญฺจ สนฺนยฺหโต ธนุนา วินา น สนฺนยฺหตีติ อาห ‘‘สนฺนทฺธธนุกลาป’’นฺติฯ อาสิโตฺตทกานิ วฎุมานีติ คมนมคฺคา เจว ตํตํอุทกมคฺคา จ สมฺมเทว เทเวน ผุฎฺฐตฺตา ตหํ ตหํ ปคฺฆริตอุทก สนฺทมานอุทกาฯ เตนาห ‘‘ปริปุณฺณสลิลา มคฺคา จ กนฺทรา จา’’ติฯ

    430.Haritakapattanti haritabbapattaṃ, appapattanti attho. Tenāha ‘‘antamaso’’tiādi. Sannaddhadhanukalāpanti ettha kalāpanti tūṇīramāha, tañca sannayhato dhanunā vinā na sannayhatīti āha ‘‘sannaddhadhanukalāpa’’nti. Āsittodakāni vaṭumānīti gamanamaggā ceva taṃtaṃudakamaggā ca sammadeva devena phuṭṭhattā tahaṃ tahaṃ paggharitaudaka sandamānaudakā. Tenāha ‘‘paripuṇṇasalilā maggā ca kandarā cā’’ti.

    ยถาภเตนาติ สกเฎสุ ยถาฐปิเตน, ยถา ‘‘อมฺม อิโต กโรหี’’ติ วุเตฺต ฐเปสีติ อโตฺถ กรณกิริยาย กิริยาสามญฺญวาจีภาวโตฯ ตสฺมา ยถาโรปิเตน, ยถาคหิเตนาติ อโตฺถ วุโตฺตฯ

    Yathābhatenāti sakaṭesu yathāṭhapitena, yathā ‘‘amma ito karohī’’ti vutte ṭhapesīti attho karaṇakiriyāya kiriyāsāmaññavācībhāvato. Tasmā yathāropitena, yathāgahitenāti attho vutto.

    อกฺขธุตฺตกอุปมาวณฺณนา

    Akkhadhuttakaupamāvaṇṇanā

    ๔๓๔. ปราชยคุฬนฺติ เยน คุเฬน, ยาย สลากาย ฐิตาย จ ปราชโย โหติ, ตํ อทสฺสนํ คเมโนฺต คิลติฯ ปโชฺชหนนฺติ ปกาเรหิ ชุหนกมฺมํฯ ตํ ปน พลิทานวเสน กรียตีติ อาห ‘‘พลิกมฺม’’นฺติฯ

    434.Parājayaguḷanti yena guḷena, yāya salākāya ṭhitāya ca parājayo hoti, taṃ adassanaṃ gamento gilati.Pajjohananti pakārehi juhanakammaṃ. Taṃ pana balidānavasena karīyatīti āha ‘‘balikamma’’nti.

    สาณภาริกอุปมาวณฺณนา

    Sāṇabhārikaupamāvaṇṇanā

    ๔๓๖. คามปตฺตนฺติ คาโม เอว หุตฺวา อาปชฺชิตพฺพํ, สุญฺญภาเวน อนาวสิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘วุฎฺฐิตคามปเทโส’’ติฯ คามปทนฺติ ยถา ปุริสสฺส ปาทนิกฺขิตฺตฎฺฐานํ อธิคตปริเจฺฉทํ ‘‘ปท’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ คามวาสีหิ อาวสิตฎฺฐานํ อธิคตนิวุตฺถาคารํ ‘‘คามปท’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อยเมวโตฺถ’’ติฯ สุสนฺนโทฺธติ สุเขน คเหตฺวา คมนโยคฺยตาวเสน สุฎฺฐุ สชฺชิโตฯ ตํ ปน สุสชฺชนํ สุฎฺฐุ พนฺธนวเสเนวาติ อาห ‘‘สุพโทฺธ’’ติฯ

    436.Gāmapattanti gāmo eva hutvā āpajjitabbaṃ, suññabhāvena anāvasitabbaṃ. Tenāha ‘‘vuṭṭhitagāmapadeso’’ti. Gāmapadanti yathā purisassa pādanikkhittaṭṭhānaṃ adhigataparicchedaṃ ‘‘pada’’nti vuccati, evaṃ gāmavāsīhi āvasitaṭṭhānaṃ adhigatanivutthāgāraṃ ‘‘gāmapada’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘ayamevattho’’ti. Susannaddhoti sukhena gahetvā gamanayogyatāvasena suṭṭhu sajjito. Taṃ pana susajjanaṃ suṭṭhu bandhanavasenevāti āha ‘‘subaddho’’ti.

    อยาทีนมฺปิ โลหภาเว สติปิ โลห-สโทฺท สาสเน ตมฺพโลเห นิรุโฬฺหติ อาห ‘‘โลหนฺติ ตมฺพโลห’’นฺติฯ

    Ayādīnampi lohabhāve satipi loha-saddo sāsane tambalohe niruḷhoti āha ‘‘lohanti tambaloha’’nti.

    สรณคมนวณฺณนา

    Saraṇagamanavaṇṇanā

    ๔๓๗. อภิรโทฺธติ อาราธิตจิโตฺต, สาสนสฺส อาราธิตจิตฺตตา ปสีทนวเสนาติ อาห ‘‘อภิปฺปสโนฺน’’ติฯ ปญฺหุปฎฺฐานานีติ ปเญฺหสุ อุปฎฺฐานานิ มยา ปุจฺฉิตเตฺถสุ ตุมฺหากํ วิสฺสชฺชนวเสน ญาณุปฎฺฐานานิฯ

    437.Abhiraddhoti ārādhitacitto, sāsanassa ārādhitacittatā pasīdanavasenāti āha ‘‘abhippasanno’’ti. Pañhupaṭṭhānānīti pañhesu upaṭṭhānāni mayā pucchitatthesu tumhākaṃ vissajjanavasena ñāṇupaṭṭhānāni.

    ยญฺญกถาวณฺณนา

    Yaññakathāvaṇṇanā

    ๔๓๘. สงฺฆาตนฺติ สํ-สโทฺท ปทวฑฺฒนมตฺตนฺติ อาห ‘‘ฆาต’’นฺติฯ วิปากผเลนาติ สทิสผเลนฯ มหปฺผโล น โหติ ควาทิปาณฆาเตน อุปกฺกิลิฎฺฐภาวโตฯ คุณานิสํเสนาติ อุทฺทยผเลนฯ อานุภาวชุติยาติ ปฎิปกฺขวิคมนชนิเตน สภาวสงฺขาเตน เตเชนฯ น มหาชุติโก โหติ อปริสุทฺธภาวโตฯ วิปากวิปฺผารตายาติ วิปากผลสฺส วิปุลตาย, ปาริปูริยาติ อโตฺถฯ ทุฎฺฐุเขเตฺตติ อุสภาทิโทเสหิ ทูสิตเขเตฺต, ตํ ปน วปฺปาภาวโต อสารํ โหตีติ อาห ‘‘นิสฺสารเขเตฺต’’ติฯ ทุพฺภูเมติ กุจฺฉิตภูมิภาเค, สฺวาสฺส กุจฺฉิตภาโว อสารตาย วา สิยา นินฺนตาทิโทสวเสน วาฯ ตตฺถ ปฐโม ปโกฺข ปฐมปเทน ทสฺสิโตติ อิตรํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิสมภูมิภาเค’’ติ อาหฯ ทณฺฑาภิฆาตาทินา ฉินฺนภินฺนานิฯ ปูตีนีติ โคมยเลปทานาทิสุเขน อสุกฺขาปิตตฺตา ปูติภาวํ คตานิฯ ตานิ ปน ยสฺมา สารวนฺตานิ น โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นิสฺสารานี’’ติฯ วาตาตปหตานีติ วาเตน จ อาตเปน จ วินฎฺฐพีชสามตฺถิยานิฯ เตนาห ‘‘ปริยาทินฺนเตชานี’’ติฯ ยํ ยถาชาตวีหิอาทิคเตน ตณฺฑุเลน องฺกุรุปฺปาทนโยคฺยพีชสามตฺถิยํ, ตํ ตณฺฑุลสาโร, ตสฺส อาทานํ คหณํ ตถาอุปฺปชฺชนเมวฯ เอตานิ ปน พีชานิ น ตาทิสานิ ขณฺฑาทิโทสวนฺตตายฯ ธาราย เขเตฺต อนุปฺปเวสนํ นาม วสฺสนเมว, ตํ ปฎิเกฺขปวเสน ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น สมฺมา วเสฺสยฺยา’’ติฯ องฺกุรมูลปตฺตาทีหีติ เจตฺถ องฺกุรกนฺทาทีหิ อุทฺธํ วุทฺธิํ, มูลชฎาทีหิ เหฎฺฐา วิรุฬฺหิํ, ปตฺตปุปฺผาทีหิ สมนฺตโต จ เวปุลฺลนฺติ โยชนาฯ

    438.Saṅghātanti saṃ-saddo padavaḍḍhanamattanti āha ‘‘ghāta’’nti. Vipākaphalenāti sadisaphalena. Mahapphalo na hoti gavādipāṇaghātena upakkiliṭṭhabhāvato. Guṇānisaṃsenāti uddayaphalena. Ānubhāvajutiyāti paṭipakkhavigamanajanitena sabhāvasaṅkhātena tejena. Na mahājutiko hoti aparisuddhabhāvato. Vipākavipphāratāyāti vipākaphalassa vipulatāya, pāripūriyāti attho. Duṭṭhukhetteti usabhādidosehi dūsitakhette, taṃ pana vappābhāvato asāraṃ hotīti āha ‘‘nissārakhette’’ti. Dubbhūmeti kucchitabhūmibhāge, svāssa kucchitabhāvo asāratāya vā siyā ninnatādidosavasena vā. Tattha paṭhamo pakkho paṭhamapadena dassitoti itaraṃ dassento ‘‘visamabhūmibhāge’’ti āha. Daṇḍābhighātādinā chinnabhinnāni. Pūtīnīti gomayalepadānādisukhena asukkhāpitattā pūtibhāvaṃ gatāni. Tāni pana yasmā sāravantāni na honti, tasmā vuttaṃ ‘‘nissārānī’’ti. Vātātapahatānīti vātena ca ātapena ca vinaṭṭhabījasāmatthiyāni. Tenāha ‘‘pariyādinnatejānī’’ti. Yaṃ yathājātavīhiādigatena taṇḍulena aṅkuruppādanayogyabījasāmatthiyaṃ, taṃ taṇḍulasāro, tassa ādānaṃ gahaṇaṃ tathāuppajjanameva. Etāni pana bījāni na tādisāni khaṇḍādidosavantatāya. Dhārāya khette anuppavesanaṃ nāma vassanameva, taṃ paṭikkhepavasena dassento āha ‘‘na sammā vasseyyā’’ti. Aṅkuramūlapattādīhīti cettha aṅkurakandādīhi uddhaṃ vuddhiṃ, mūlajaṭādīhi heṭṭhā viruḷhiṃ, pattapupphādīhi samantato ca vepullanti yojanā.

    อปรูปฆาเตนาติ ปเรสํ วิพาธเนนฯ อุปฺปนฺนปจฺจยโตติ นิพฺพตฺติตฆาสจฺฉาทนาทิเทยฺยธมฺมโตฯ ควาทิฆาเตนปิ หิ ตตฺถ ปฎิคฺคาหกานํ ฆาโส สงฺกียติฯ ‘‘อปรูปฆาติตายา’’ติ อิทํ สีลวนฺตตาย การณวจนํ ฯ คุณาติเรกนฺติ คุณาติริตฺตํ, สีลาทิโลกุตฺตรคุเณหิ วิสิฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ วิปุลาติ สทฺธาสมฺปทาทิวเสน อุฬาราฯ

    Aparūpaghātenāti paresaṃ vibādhanena. Uppannapaccayatoti nibbattitaghāsacchādanādideyyadhammato. Gavādighātenapi hi tattha paṭiggāhakānaṃ ghāso saṅkīyati. ‘‘Aparūpaghātitāyā’’ti idaṃ sīlavantatāya kāraṇavacanaṃ . Guṇātirekanti guṇātirittaṃ, sīlādilokuttaraguṇehi visiṭṭhanti attho. Vipulāti saddhāsampadādivasena uḷārā.

    อุตฺตรมาณววตฺถุวณฺณนา

    Uttaramāṇavavatthuvaṇṇanā

    ๔๓๙. อถ โข เตหิ สกุณฺฑเกหิ ตณฺฑุเลหิ สิทฺธํภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลเมว โหตีติ อาห ‘‘อุตฺตณฺฑุลภตฺต’’นฺติฯ พิลงฺคํ วุจฺจติ อารนาลํ พิลงฺคโต นิพฺพตฺตนโต, ตเทว กญฺชิยโต ชาตนฺติ กญฺชิยํ, ตํ ทุติยํ เอตสฺสาติ พิลงฺคทุติยํ, ตํ ‘‘กญฺชิกทุติย’’นฺติ จ วุตฺตํฯ โธรกานีติ โธวิยานิฯ ยสฺมา ถูลตรานิปิ ‘‘ถูลานี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ, ตสฺมา ‘‘ถูลานิ จา’’ติ วุตฺตํฯ คุฬทสานีติ สุตฺตานํ ถูลตาย, กญฺชิกสฺส พหลตาย จ ปิณฺฑิตทสานิฯ เตนาห ‘‘ปุญฺชปุญฺช…เป.… ทสานี’’ติฯ อนุทฺทิสตีติ อนุ อนุ กเถติฯ

    439. Atha kho tehi sakuṇḍakehi taṇḍulehi siddhaṃbhattaṃ uttaṇḍulameva hotīti āha ‘‘uttaṇḍulabhatta’’nti. Bilaṅgaṃ vuccati āranālaṃ bilaṅgato nibbattanato, tadeva kañjiyato jātanti kañjiyaṃ, taṃ dutiyaṃ etassāti bilaṅgadutiyaṃ, taṃ ‘‘kañjikadutiya’’nti ca vuttaṃ. Dhorakānīti dhoviyāni. Yasmā thūlatarānipi ‘‘thūlānī’’ti vattabbataṃ arahanti, tasmā ‘‘thūlānicā’’ti vuttaṃ. Guḷadasānīti suttānaṃ thūlatāya, kañjikassa bahalatāya ca piṇḍitadasāni. Tenāha ‘‘puñjapuñja…pe… dasānī’’ti. Anuddisatīti anu anu katheti.

    ๔๔๐. อสกฺกจฺจนฺติ น สกฺกจฺจํ อนาทรการํ, ตํ ปน กมฺมผลสทฺธาย อภาเวน โหตีติ อาห ‘‘สทฺธาวิรหิต’’นฺติฯ อจิตฺตีกตนฺติ จิตฺตีการปจฺจุปฎฺฐาปนวเสน น จิตฺตีกตํฯ เตนาห ‘‘จิตฺตีการวิรหิต’’นฺติอาทิฯ จิตฺตีการรหิตํ วา อจิตฺตีกตํ, ยถา กตํ ปเรสํ วิมฺหยาวหํ โหติ, ตถา อกตํฯ จิตฺตสฺส อุฬารปณีตภาโว ปน อสกฺกจฺจทาเนเนว พาธิโตฯ อปวิทฺธนฺติ ฉฑฺฑนียธมฺมํ วิย อปวิทฺธํ กตฺวา, เอเตน ตสฺมิํ ทาเน คารวากรณํ วทติฯ เสรีสกํ นามาติ ‘‘เสรีสก’’นฺติ เอวํ นามกํฯ ตุจฺฉนฺติ ปริชนปริเจฺฉทวิรหโต ริตฺตํฯ

    440.Asakkaccanti na sakkaccaṃ anādarakāraṃ, taṃ pana kammaphalasaddhāya abhāvena hotīti āha ‘‘saddhāvirahita’’nti. Acittīkatanti cittīkārapaccupaṭṭhāpanavasena na cittīkataṃ. Tenāha ‘‘cittīkāravirahita’’ntiādi. Cittīkārarahitaṃ vā acittīkataṃ, yathā kataṃ paresaṃ vimhayāvahaṃ hoti, tathā akataṃ. Cittassa uḷārapaṇītabhāvo pana asakkaccadāneneva bādhito. Apaviddhanti chaḍḍanīyadhammaṃ viya apaviddhaṃ katvā, etena tasmiṃ dāne gāravākaraṇaṃ vadati. Serīsakaṃ nāmāti ‘‘serīsaka’’nti evaṃ nāmakaṃ. Tucchanti parijanaparicchedavirahato rittaṃ.

    ปายาสิเทวปุตฺตวณฺณนา

    Pāyāsidevaputtavaṇṇanā

    ๔๔๑. ตสฺสานุภาเวนาติ ตสฺส ทานสฺส อานุภาเวนฯ สิรีสรุโกฺขติ ปภสฺสรขนฺธวิฎปสาขาปลาสสมฺปโนฺน มนุญฺญทสฺสโน ทิโพฺพ สิรีสรุโกฺขฯ อฎฺฐาสีติ ผลสฺส กมฺมสริกฺขตํ ทเสฺสโนฺต วิมานทฺวาเร นิพฺพตฺติตฺวา อฎฺฐาสิฯ ปุพฺพาจิณฺณวเสนาติ ปุริมชาติยํ ตตฺถ นิวาสปริจยนวเสนฯ น เกวลํ ปุพฺพาจิณฺณวเสเนว, อถ โข อุตุสุขุมวเสน ปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ กิรสฺส อุตุสุขํ โหตี’’ติ อาหฯ

    441.Tassānubhāvenāti tassa dānassa ānubhāvena. Sirīsarukkhoti pabhassarakhandhaviṭapasākhāpalāsasampanno manuññadassano dibbo sirīsarukkho. Aṭṭhāsīti phalassa kammasarikkhataṃ dassento vimānadvāre nibbattitvā aṭṭhāsi. Pubbāciṇṇavasenāti purimajātiyaṃ tattha nivāsaparicayanavasena. Na kevalaṃ pubbāciṇṇavaseneva, atha kho utusukhumavasena pīti dassento ‘‘tattha kirassa utusukhaṃ hotī’’ti āha.

    โสติ อุตฺตโร มาณโวฯ ยทิ อสกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา ปายาสิ ตตฺถ นิพฺพโตฺต, ปายาสิสฺส ปริจาริกา สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา กถํ ตตฺถ นิพฺพตฺตาติ อาห ‘‘ปายาสิสฺส ปนา’’ติฯ นิกนฺติวเสนาติ ปายาสิมฺหิ สาเปกฺขาวเสน, ปุเพฺพปิ วา ตตฺถ นิวุตฺถปุพฺพตายฯ ทิสาจาริกวิมานนฺติ อากาสฎฺฐํ หุตฺวา ทิสาสุ วิจรณกวิมานํ, น รุกฺขปพฺพตสิขราทิสมฺพนฺธํฯ วฎฺฎนิอฎวิยนฺติ วิมานวีถิยนฺติฯ

    Soti uttaro māṇavo. Yadi asakkaccaṃ dānaṃ datvā pāyāsi tattha nibbatto, pāyāsissa paricārikā sakkaccaṃ dānaṃ datvā kathaṃ tattha nibbattāti āha ‘‘pāyāsissa panā’’ti. Nikantivasenāti pāyāsimhi sāpekkhāvasena, pubbepi vā tattha nivutthapubbatāya. Disācārikavimānanti ākāsaṭṭhaṃ hutvā disāsu vicaraṇakavimānaṃ, na rukkhapabbatasikharādisambandhaṃ. Vaṭṭaniaṭaviyanti vimānavīthiyanti.

    ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.

    นิฎฺฐิตา จ มหาวคฺคฎฺฐกถาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Niṭṭhitā ca mahāvaggaṭṭhakathāya līnatthappakāsanā.

    มหาวคฺคฎีกา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāvaggaṭīkā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑๐. ปายาสิสุตฺตํ • 10. Pāyāsisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนา • 10. Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact