Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya

    ๑๐. ปายาสิสุตฺตํ

    10. Pāyāsisuttaṃ

    ๔๐๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา กุมารกสฺสโป โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน เสตพฺยา นาม โกสลานํ นครํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ อายสฺมา กุมารกสฺสโป เสตพฺยายํ วิหรติ อุตฺตเรน เสตพฺยํ สิํสปาวเน 1ฯ เตน โข ปน สมเยน ปายาสิ ราชโญฺญ เสตพฺยํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํฯ

    406. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ āyasmā kumārakassapo kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi yena setabyā nāma kosalānaṃ nagaraṃ tadavasari. Tatra sudaṃ āyasmā kumārakassapo setabyāyaṃ viharati uttarena setabyaṃ siṃsapāvane 2. Tena kho pana samayena pāyāsi rājañño setabyaṃ ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ raññā pasenadinā kosalena dinnaṃ rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ.

    ปายาสิราชญฺญวตฺถุ

    Pāyāsirājaññavatthu

    ๔๐๗. เตน โข ปน สมเยน ปายาสิสฺส ราชญฺญสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ 3 กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติฯ อโสฺสสุํ โข เสตพฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ โภ กุมารกสฺสโป สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ เสตพฺยํ อนุปฺปโตฺต เสตพฺยายํ วิหรติ อุตฺตเรน เสตพฺยํ สิํสปาวเนฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ กุมารกสฺสปํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฎิภาโน วุโทฺธ 4 เจว อรหา จฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติฯ อถ โข เสตพฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เสตพฺยาย นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน สิํสปาวนํ 5

    407. Tena kho pana samayena pāyāsissa rājaññassa evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ 6 kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti. Assosuṃ kho setabyakā brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu bho kumārakassapo samaṇassa gotamassa sāvako kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi setabyaṃ anuppatto setabyāyaṃ viharati uttarena setabyaṃ siṃsapāvane. Taṃ kho pana bhavantaṃ kumārakassapaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘paṇḍito byatto medhāvī bahussuto cittakathī kalyāṇapaṭibhāno vuddho 7 ceva arahā ca. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’’ti. Atha kho setabyakā brāhmaṇagahapatikā setabyāya nikkhamitvā saṅghasaṅghī gaṇībhūtā uttarenamukhā gacchanti yena siṃsapāvanaṃ 8.

    ๔๐๘. เตน โข ปน สมเยน ปายาสิ ราชโญฺญ อุปริปาสาเท ทิวาเสยฺยํ อุปคโต โหติฯ อทฺทสา โข ปายาสิ ราชโญฺญ เสตพฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก เสตพฺยาย นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูเต อุตฺตเรนมุเข คจฺฉเนฺต เยน สิํสปาวนํ 9, ทิสฺวา ขตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข, โภ ขเตฺต, เสตพฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เสตพฺยาย นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน สิํสปาวน’’นฺติ 10?

    408. Tena kho pana samayena pāyāsi rājañño uparipāsāde divāseyyaṃ upagato hoti. Addasā kho pāyāsi rājañño setabyake brāhmaṇagahapatike setabyāya nikkhamitvā saṅghasaṅghī gaṇībhūte uttarenamukhe gacchante yena siṃsapāvanaṃ 11, disvā khattaṃ āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho, bho khatte, setabyakā brāhmaṇagahapatikā setabyāya nikkhamitvā saṅghasaṅghī gaṇībhūtā uttarenamukhā gacchanti yena siṃsapāvana’’nti 12?

    ‘‘อตฺถิ โข, โภ, สมโณ กุมารกสฺสโป, สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ เสตพฺยํ อนุปฺปโตฺต เสตพฺยายํ วิหรติ อุตฺตเรน เสตพฺยํ สิํสปาวเนฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ กุมารกสฺสปํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฎิภาโน วุโทฺธ เจว อรหา จา’ติ 13ฯ ตเมเต 14 ภวนฺตํ กุมารกสฺสปํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, โภ ขเตฺต, เยน เสตพฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา เสตพฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก เอวํ วเทหิ – ‘ปายาสิ, โภ, ราชโญฺญ เอวมาห – อาคเมนฺตุ กิร ภวโนฺต, ปายาสิปิ ราชโญฺญ สมณํ กุมารกสฺสปํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’ติฯ ปุรา สมโณ กุมารกสฺสโป เสตพฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก พาเล อพฺยเตฺต สญฺญาเปติ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’ติฯ นตฺถิ หิ, โภ ขเตฺต, ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติฯ ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข โส ขตฺตา ปายาสิสฺส ราชญฺญสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน เสตพฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เสตพฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก เอตทโวจ – ‘‘ปายาสิ, โภ, ราชโญฺญ เอวมาห, อาคเมนฺตุ กิร ภวโนฺต, ปายาสิปิ ราชโญฺญ สมณํ กุมารกสฺสปํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติฯ

    ‘‘Atthi kho, bho, samaṇo kumārakassapo, samaṇassa gotamassa sāvako kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi setabyaṃ anuppatto setabyāyaṃ viharati uttarena setabyaṃ siṃsapāvane. Taṃ kho pana bhavantaṃ kumārakassapaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘paṇḍito byatto medhāvī bahussuto cittakathī kalyāṇapaṭibhāno vuddho ceva arahā cā’ti 15. Tamete 16 bhavantaṃ kumārakassapaṃ dassanāya upasaṅkamantī’’ti. ‘‘Tena hi, bho khatte, yena setabyakā brāhmaṇagahapatikā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā setabyake brāhmaṇagahapatike evaṃ vadehi – ‘pāyāsi, bho, rājañño evamāha – āgamentu kira bhavanto, pāyāsipi rājañño samaṇaṃ kumārakassapaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’ti. Purā samaṇo kumārakassapo setabyake brāhmaṇagahapatike bāle abyatte saññāpeti – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’ti. Natthi hi, bho khatte, paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti. ‘‘Evaṃ bho’’ti kho so khattā pāyāsissa rājaññassa paṭissutvā yena setabyakā brāhmaṇagahapatikā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā setabyake brāhmaṇagahapatike etadavoca – ‘‘pāyāsi, bho, rājañño evamāha, āgamentu kira bhavanto, pāyāsipi rājañño samaṇaṃ kumārakassapaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’ti.

    ๔๐๙. อถ โข ปายาสิ ราชโญฺญ เสตพฺยเกหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต เยน สิํสปาวนํ เยนายสฺมา กุมารกสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา กุมารกสฺสเปน สทฺธิํ สโมฺมทิ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เสตพฺยกาปิ โข พฺราหฺมณคหปติกา อเปฺปกเจฺจ อายสฺมนฺตํ กุมารกสฺสปํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ อายสฺมตา กุมารกสฺสเปน สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ; สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ เยนายสฺมา กุมารกสฺสโป เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ

    409. Atha kho pāyāsi rājañño setabyakehi brāhmaṇagahapatikehi parivuto yena siṃsapāvanaṃ yenāyasmā kumārakassapo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā kumārakassapena saddhiṃ sammodi, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Setabyakāpi kho brāhmaṇagahapatikā appekacce āyasmantaṃ kumārakassapaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce āyasmatā kumārakassapena saddhiṃ sammodiṃsu; sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce yenāyasmā kumārakassapo tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu.

    นตฺถิกวาโท

    Natthikavādo

    ๔๑๐. เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ปายาสิ ราชโญฺญ อายสฺมนฺตํ กุมารกสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘อหญฺหิ, โภ กสฺสป, เอวํวาที เอวํทิฎฺฐี – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘นาหํ, ราชญฺญ, เอวํวาทิํ เอวํทิฎฺฐิํ อทฺทสํ วา อโสฺสสิํ วาฯ กถญฺหิ นาม เอวํ วเทยฺย – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’ติ?

    410. Ekamantaṃ nisinno kho pāyāsi rājañño āyasmantaṃ kumārakassapaṃ etadavoca – ‘‘ahañhi, bho kassapa, evaṃvādī evaṃdiṭṭhī – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Nāhaṃ, rājañña, evaṃvādiṃ evaṃdiṭṭhiṃ addasaṃ vā assosiṃ vā. Kathañhi nāma evaṃ vadeyya – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’ti?

    จนฺทิมสูริยอุปมา

    Candimasūriyaupamā

    ๔๑๑. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, ราชญฺญ, อิเม จนฺทิมสูริยา อิมสฺมิํ วา โลเก ปรสฺมิํ วา, เทวา วา เต มนุสฺสา วา’’ติ? ‘‘อิเม, โภ กสฺสป, จนฺทิมสูริยา ปรสฺมิํ โลเก, น อิมสฺมิํ; เทวา เต น มนุสฺสา’’ติฯ ‘‘อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติฯ

    411. ‘‘Tena hi, rājañña, taññevettha paṭipucchissāmi, yathā te khameyya, tathā naṃ byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi, rājañña, ime candimasūriyā imasmiṃ vā loke parasmiṃ vā, devā vā te manussā vā’’ti? ‘‘Ime, bho kassapa, candimasūriyā parasmiṃ loke, na imasmiṃ; devā te na manussā’’ti. ‘‘Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti.

    ๔๑๒. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย, เยน เต ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติ? ‘‘อตฺถิ , โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ วิย, ราชญฺญา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ กสฺสป, มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐีฯ เต อปเรน สมเยน อาพาธิกา โหนฺติ ทุกฺขิตา พาฬฺหคิลานาฯ ยทาหํ ชานามิ – ‘น ทานิเม อิมมฺหา อาพาธา วุฎฺฐหิสฺสนฺตี’ติ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สนฺติ โข, โภ, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – เย เต ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐี, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺตี’ติฯ ภวโนฺต โข ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐีฯ สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, ภวโนฺต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสนฺติฯ สเจ, โภ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยาถ, เยน เม อาคนฺตฺวา อาโรเจยฺยาถ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’ติ ฯ ภวโนฺต โข ปน เม สทฺธายิกา ปจฺจยิกา, ยํ ภวเนฺตหิ ทิฎฺฐํ, ยถา สามํ ทิฎฺฐํ เอวเมตํ ภวิสฺสตี’ติฯ เต เม ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา เนว อาคนฺตฺวา อาโรเจนฺติ, น ปน ทูตํ ปหิณนฺติฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    412. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo, yena te pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti? ‘‘Atthi , bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ viya, rājaññā’’ti? ‘‘Idha me, bho kassapa, mittāmaccā ñātisālohitā pāṇātipātī adinnādāyī kāmesumicchācārī musāvādī pisuṇavācā pharusavācā samphappalāpī abhijjhālū byāpannacittā micchādiṭṭhī. Te aparena samayena ābādhikā honti dukkhitā bāḷhagilānā. Yadāhaṃ jānāmi – ‘na dānime imamhā ābādhā vuṭṭhahissantī’ti tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘santi kho, bho, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ye te pāṇātipātī adinnādāyī kāmesumicchācārī musāvādī pisuṇavācā pharusavācā samphappalāpī abhijjhālū byāpannacittā micchādiṭṭhī, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjantī’ti. Bhavanto kho pāṇātipātī adinnādāyī kāmesumicchācārī musāvādī pisuṇavācā pharusavācā samphappalāpī abhijjhālū byāpannacittā micchādiṭṭhī. Sace tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ saccaṃ vacanaṃ, bhavanto kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjissanti. Sace, bho, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyyātha, yena me āgantvā āroceyyātha – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’ti . Bhavanto kho pana me saddhāyikā paccayikā, yaṃ bhavantehi diṭṭhaṃ, yathā sāmaṃ diṭṭhaṃ evametaṃ bhavissatī’ti. Te me ‘sādhū’ti paṭissutvā neva āgantvā ārocenti, na pana dūtaṃ pahiṇanti. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    โจรอุปมา

    Coraupamā

    ๔๑๓. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิฯ ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, ราชญฺญ, อิธ เต ปุริสา โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา ทเสฺสยฺยุํ – ‘อยํ เต, ภเนฺต, โจโร อาคุจารี; อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติฯ เต ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมํ ปุริสํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา 17 ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ 18 สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส อาฆาตเน สีสํ ฉินฺทถา’ติฯ เต ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา ตํ ปุริสํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส อาฆาตเน นิสีทาเปยฺยุํฯ ลเภยฺย นุ โข โส โจโร โจรฆาเตสุ – ‘อาคเมนฺตุ ตาว ภวโนฺต โจรฆาตา, อมุกสฺมิํ เม คาเม วา นิคเม วา มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, ยาวาหํ เตสํ อุทฺทิสิตฺวา อาคจฺฉามี’ติ , อุทาหุ วิปฺปลปนฺตเสฺสว โจรฆาตา สีสํ ฉิเนฺทยฺยุ’’นฺติ? ‘‘น หิ โส, โภ กสฺสป, โจโร ลเภยฺย โจรฆาเตสุ – ‘อาคเมนฺตุ ตาว ภวโนฺต โจรฆาตา อมุกสฺมิํ เม คาเม วา นิคเม วา มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, ยาวาหํ เตสํ อุทฺทิสิตฺวา อาคจฺฉามี’ติฯ อถ โข นํ วิปฺปลปนฺตเสฺสว โจรฆาตา สีสํ ฉิเนฺทยฺยุ’’นฺติฯ ‘‘โส หิ นาม, ราชญฺญ, โจโร มนุโสฺส มนุสฺสภูเตสุ โจรฆาเตสุ น ลภิสฺสติ – ‘อาคเมนฺตุ ตาว ภวโนฺต โจรฆาตา, อมุกสฺมิํ เม คาเม วา นิคเม วา มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, ยาวาหํ เตสํ อุทฺทิสิตฺวา อาคจฺฉามี’ติฯ กิํ ปน เต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐี, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา ลภิสฺสนฺติ นิรยปาเลสุ – ‘อาคเมนฺตุ ตาว ภวโนฺต นิรยปาลา, ยาว มยํ ปายาสิสฺส ราชญฺญสฺส คนฺตฺวา อาโรเจม – ‘‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติ? อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    413. ‘‘Tena hi, rājañña, taññevettha paṭipucchissāmi. Yathā te khameyya tathā naṃ byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi, rājañña, idha te purisā coraṃ āgucāriṃ gahetvā dasseyyuṃ – ‘ayaṃ te, bhante, coro āgucārī; imassa yaṃ icchasi, taṃ daṇḍaṃ paṇehī’ti. Te tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tena hi, bho, imaṃ purisaṃ daḷhāya rajjuyā pacchābāhaṃ gāḷhabandhanaṃ bandhitvā khuramuṇḍaṃ karitvā 19 kharassarena paṇavena rathikāya rathikaṃ 20 siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinetvā dakkhiṇena dvārena nikkhamitvā dakkhiṇato nagarassa āghātane sīsaṃ chindathā’ti. Te ‘sādhū’ti paṭissutvā taṃ purisaṃ daḷhāya rajjuyā pacchābāhaṃ gāḷhabandhanaṃ bandhitvā khuramuṇḍaṃ karitvā kharassarena paṇavena rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinetvā dakkhiṇena dvārena nikkhamitvā dakkhiṇato nagarassa āghātane nisīdāpeyyuṃ. Labheyya nu kho so coro coraghātesu – ‘āgamentu tāva bhavanto coraghātā, amukasmiṃ me gāme vā nigame vā mittāmaccā ñātisālohitā, yāvāhaṃ tesaṃ uddisitvā āgacchāmī’ti , udāhu vippalapantasseva coraghātā sīsaṃ chindeyyu’’nti? ‘‘Na hi so, bho kassapa, coro labheyya coraghātesu – ‘āgamentu tāva bhavanto coraghātā amukasmiṃ me gāme vā nigame vā mittāmaccā ñātisālohitā, yāvāhaṃ tesaṃ uddisitvā āgacchāmī’ti. Atha kho naṃ vippalapantasseva coraghātā sīsaṃ chindeyyu’’nti. ‘‘So hi nāma, rājañña, coro manusso manussabhūtesu coraghātesu na labhissati – ‘āgamentu tāva bhavanto coraghātā, amukasmiṃ me gāme vā nigame vā mittāmaccā ñātisālohitā, yāvāhaṃ tesaṃ uddisitvā āgacchāmī’ti. Kiṃ pana te mittāmaccā ñātisālohitā pāṇātipātī adinnādāyī kāmesumicchācārī musāvādī pisuṇavācā pharusavācā samphappalāpī abhijjhālū byāpannacittā micchādiṭṭhī, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannā labhissanti nirayapālesu – ‘āgamentu tāva bhavanto nirayapālā, yāva mayaṃ pāyāsissa rājaññassa gantvā ārocema – ‘‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti? Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    ๔๑๔. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย เยน เต ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติ? ‘‘อตฺถิ, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ วิย, ราชญฺญา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ กสฺสป, มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรตา ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรตา สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรตา อนภิชฺฌาลู อพฺยาปนฺนจิตฺตา สมฺมาทิฎฺฐีฯ เต อปเรน สมเยน อาพาธิกา โหนฺติ ทุกฺขิตา พาฬฺหคิลานาฯ ยทาหํ ชานามิ – ‘น ทานิเม อิมมฺหา อาพาธา วุฎฺฐหิสฺสนฺตี’ติ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สนฺติ โข, โภ, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – เย เต ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรตา ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรตา สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรตา อนภิชฺฌาลู อพฺยาปนฺนจิตฺตา สมฺมาทิฎฺฐี เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตีติ ฯ ภวโนฺต โข ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรตา ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรตา สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรตา อนภิชฺฌาลู อพฺยาปนฺนจิตฺตา สมฺมาทิฎฺฐีฯ สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, ภวโนฺต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสนฺติฯ สเจ, โภ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺยาถ, เยน เม อาคนฺตฺวา อาโรเจยฺยาถ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’ติฯ ภวโนฺต โข ปน เม สทฺธายิกา ปจฺจยิกา, ยํ ภวเนฺตหิ ทิฎฺฐํ, ยถา สามํ ทิฎฺฐํ เอวเมตํ ภวิสฺสตี’ติฯ เต เม ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา เนว อาคนฺตฺวา อาโรเจนฺติ, น ปน ทูตํ ปหิณนฺติฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    414. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti. ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo yena te pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti? ‘‘Atthi, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ viya, rājaññā’’ti? ‘‘Idha me, bho kassapa, mittāmaccā ñātisālohitā pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā pisuṇāya vācāya paṭiviratā pharusāya vācāya paṭiviratā samphappalāpā paṭiviratā anabhijjhālū abyāpannacittā sammādiṭṭhī. Te aparena samayena ābādhikā honti dukkhitā bāḷhagilānā. Yadāhaṃ jānāmi – ‘na dānime imamhā ābādhā vuṭṭhahissantī’ti tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘santi kho, bho, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ye te pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā pisuṇāya vācāya paṭiviratā pharusāya vācāya paṭiviratā samphappalāpā paṭiviratā anabhijjhālū abyāpannacittā sammādiṭṭhī te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjantīti . Bhavanto kho pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā pisuṇāya vācāya paṭiviratā pharusāya vācāya paṭiviratā samphappalāpā paṭiviratā anabhijjhālū abyāpannacittā sammādiṭṭhī. Sace tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ saccaṃ vacanaṃ, bhavanto kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissanti. Sace, bho, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyyātha, yena me āgantvā āroceyyātha – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’ti. Bhavanto kho pana me saddhāyikā paccayikā, yaṃ bhavantehi diṭṭhaṃ, yathā sāmaṃ diṭṭhaṃ evametaṃ bhavissatī’ti. Te me ‘sādhū’ti paṭissutvā neva āgantvā ārocenti, na pana dūtaṃ pahiṇanti. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    คูถกูปปุริสอุปมา

    Gūthakūpapurisaupamā

    ๔๑๕. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย มิเธกเจฺจ 21 วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ เสยฺยถาปิ, ราชญฺญ, ปุริโส คูถกูเป สสีสกํ 22 นิมุโคฺค อสฺสฯ อถ ตฺวํ ปุริเส อาณาเปยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, ตํ ปุริสํ ตมฺหา คูถกูปา อุทฺธรถา’ติฯ เต ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา ตํ ปุริสํ ตมฺหา คูถกูปา อุทฺธเรยฺยุํฯ เต ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, ตสฺส ปุริสสฺส กายา เวฬุเปสิกาหิ คูถํ สุนิมฺมชฺชิตํ นิมฺมชฺชถา’ติฯ เต ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส กายา เวฬุเปสิกาหิ คูถํ สุนิมฺมชฺชิตํ นิมฺมเชฺชยฺยุํฯ เต ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, ตสฺส ปุริสสฺส กายํ ปณฺฑุมตฺติกาย ติกฺขตฺตุํ สุพฺพฎฺฎิตํ อุพฺพเฎฺฎถา’ติ 23ฯ เต ตสฺส ปุริสสฺส กายํ ปณฺฑุมตฺติกาย ติกฺขตฺตุํ สุพฺพฎฺฎิตํ อุพฺพเฎฺฎยฺยุํฯ เต ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, ตํ ปุริสํ เตเลน อพฺภญฺชิตฺวา สุขุเมน จุเณฺณน ติกฺขตฺตุํ สุปฺปโธตํ กโรถา’ติฯ เต ตํ ปุริสํ เตเลน อพฺภญฺชิตฺวา สุขุเมน จุเณฺณน ติกฺขตฺตุํ สุปฺปโธตํ กเรยฺยุํฯ เต ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, ตสฺส ปุริสสฺส เกสมสฺสุํ กเปฺปถา’ติฯ เต ตสฺส ปุริสสฺส เกสมสฺสุํ กเปฺปยฺยุํฯ เต ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, ตสฺส ปุริสสฺส มหคฺฆญฺจ มาลํ มหคฺฆญฺจ วิเลปนํ มหคฺฆานิ จ วตฺถานิ อุปหรถา’ติฯ เต ตสฺส ปุริสสฺส มหคฺฆญฺจ มาลํ มหคฺฆญฺจ วิเลปนํ มหคฺฆานิ จ วตฺถานิ อุปหเรยฺยุํฯ เต ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เตน หิ, โภ, ตํ ปุริสํ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปญฺจกามคุณานิ อุปฎฺฐาเปถา’ติฯ เต ตํ ปุริสํ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปญฺจกามคุณานิ อุปฎฺฐาเปยฺยุํฯ

    415. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi. Upamāya midhekacce 24 viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Seyyathāpi, rājañña, puriso gūthakūpe sasīsakaṃ 25 nimuggo assa. Atha tvaṃ purise āṇāpeyyāsi – ‘tena hi, bho, taṃ purisaṃ tamhā gūthakūpā uddharathā’ti. Te ‘sādhū’ti paṭissutvā taṃ purisaṃ tamhā gūthakūpā uddhareyyuṃ. Te tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tena hi, bho, tassa purisassa kāyā veḷupesikāhi gūthaṃ sunimmajjitaṃ nimmajjathā’ti. Te ‘sādhū’ti paṭissutvā tassa purisassa kāyā veḷupesikāhi gūthaṃ sunimmajjitaṃ nimmajjeyyuṃ. Te tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tena hi, bho, tassa purisassa kāyaṃ paṇḍumattikāya tikkhattuṃ subbaṭṭitaṃ ubbaṭṭethā’ti 26. Te tassa purisassa kāyaṃ paṇḍumattikāya tikkhattuṃ subbaṭṭitaṃ ubbaṭṭeyyuṃ. Te tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tena hi, bho, taṃ purisaṃ telena abbhañjitvā sukhumena cuṇṇena tikkhattuṃ suppadhotaṃ karothā’ti. Te taṃ purisaṃ telena abbhañjitvā sukhumena cuṇṇena tikkhattuṃ suppadhotaṃ kareyyuṃ. Te tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tena hi, bho, tassa purisassa kesamassuṃ kappethā’ti. Te tassa purisassa kesamassuṃ kappeyyuṃ. Te tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tena hi, bho, tassa purisassa mahagghañca mālaṃ mahagghañca vilepanaṃ mahagghāni ca vatthāni upaharathā’ti. Te tassa purisassa mahagghañca mālaṃ mahagghañca vilepanaṃ mahagghāni ca vatthāni upahareyyuṃ. Te tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tena hi, bho, taṃ purisaṃ pāsādaṃ āropetvā pañcakāmaguṇāni upaṭṭhāpethā’ti. Te taṃ purisaṃ pāsādaṃ āropetvā pañcakāmaguṇāni upaṭṭhāpeyyuṃ.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, ราชญฺญ, อปิ นุ ตสฺส ปุริสสฺส สุนฺหาตสฺส สุวิลิตฺตสฺส สุกปฺปิตเกสมสฺสุสฺส อามุกฺกมาลาภรณสฺส โอทาตวตฺถวสนสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตสฺส สมงฺคีภูตสฺส ปริจารยมานสฺส ปุนเทว ตสฺมิํ คูถกูเป นิมุชฺชิตุกามตา 27 อสฺสา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ กสฺสป’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุจิ, โภ กสฺสป, คูถกูโป อสุจิ เจว อสุจิสงฺขาโต จ ทุคฺคโนฺธ จ ทุคฺคนฺธสงฺขาโต จ เชคุโจฺฉ จ เชคุจฺฉสงฺขาโต จ ปฎิกูโล จ ปฎิกูลสงฺขาโต จา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ราชญฺญ, มนุสฺสา เทวานํ อสุจี เจว อสุจิสงฺขาตา จ, ทุคฺคนฺธา จ ทุคฺคนฺธสงฺขาตา จ, เชคุจฺฉา จ เชคุจฺฉสงฺขาตา จ, ปฎิกูลา จ ปฎิกูลสงฺขาตา จฯ โยชนสตํ โข, ราชญฺญ, มนุสฺสคโนฺธ เทเว อุพฺพาธติฯ กิํ ปน เต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรตา ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรตา สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรตา อนภิชฺฌาลู อพฺยาปนฺนจิตฺตา สมฺมาทิฎฺฐี, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา เต อาคนฺตฺวา อาโรเจสฺสนฺติ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’ติ? อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, rājañña, api nu tassa purisassa sunhātassa suvilittassa sukappitakesamassussa āmukkamālābharaṇassa odātavatthavasanassa uparipāsādavaragatassa pañcahi kāmaguṇehi samappitassa samaṅgībhūtassa paricārayamānassa punadeva tasmiṃ gūthakūpe nimujjitukāmatā 28 assā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho kassapa’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Asuci, bho kassapa, gūthakūpo asuci ceva asucisaṅkhāto ca duggandho ca duggandhasaṅkhāto ca jeguccho ca jegucchasaṅkhāto ca paṭikūlo ca paṭikūlasaṅkhāto cā’’ti. ‘‘Evameva kho, rājañña, manussā devānaṃ asucī ceva asucisaṅkhātā ca, duggandhā ca duggandhasaṅkhātā ca, jegucchā ca jegucchasaṅkhātā ca, paṭikūlā ca paṭikūlasaṅkhātā ca. Yojanasataṃ kho, rājañña, manussagandho deve ubbādhati. Kiṃ pana te mittāmaccā ñātisālohitā pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā pisuṇāya vācāya paṭiviratā pharusāya vācāya paṭiviratā samphappalāpā paṭiviratā anabhijjhālū abyāpannacittā sammādiṭṭhī, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā te āgantvā ārocessanti – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’ti? Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    ๔๑๖. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย …เป.… ‘‘อตฺถิ, โภ กสฺสป, ปริยาโย…เป.… ``ยถา กถํ วิย, ราชญฺญาติ? ‘‘อิธ เม, โภ กสฺสป, มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรตา, เต อปเรน สมเยน อาพาธิกา โหนฺติ ทุกฺขิตา พาฬฺหคิลานาฯ ยทาหํ ชานามิ – ‘น ทานิเม อิมมฺหา อาพาธา วุฎฺฐหิสฺสนฺตี’ติ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สนฺติ โข, โภ, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – เย เต ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรตา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตนฺติฯ ภวโนฺต โข ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรตาฯ สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, ภวโนฺต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสนฺติ, เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํฯ สเจ, โภ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺยาถ เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํ, เยน เม อาคนฺตฺวา อาโรเจยฺยาถ – `อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโกติฯ ภวโนฺต โข ปน เม สทฺธายิกา ปจฺจยิกา, ยํ ภวเนฺตหิ ทิฎฺฐํ, ยถา สามํ ทิฎฺฐํ เอวเมตํ ภวิสฺสตีติฯ เต เม ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา เนว อาคนฺตฺวา อาโรเจนฺติ, น ปน ทูตํ ปหิณนฺติฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    416. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo …pe… ‘‘atthi, bho kassapa, pariyāyo…pe… ``yathā kathaṃ viya, rājaññāti? ‘‘Idha me, bho kassapa, mittāmaccā ñātisālohitā pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭiviratā, te aparena samayena ābādhikā honti dukkhitā bāḷhagilānā. Yadāhaṃ jānāmi – ‘na dānime imamhā ābādhā vuṭṭhahissantī’ti tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘santi kho, bho, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ye te pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭiviratā, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyatanti. Bhavanto kho pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭiviratā. Sace tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ saccaṃ vacanaṃ, bhavanto kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissanti, devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ. Sace, bho, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyyātha devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ, yena me āgantvā āroceyyātha – `itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipākoti. Bhavanto kho pana me saddhāyikā paccayikā, yaṃ bhavantehi diṭṭhaṃ, yathā sāmaṃ diṭṭhaṃ evametaṃ bhavissatīti. Te me ‘sādhū’ti paṭissutvā neva āgantvā ārocenti, na pana dūtaṃ pahiṇanti. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    ตาวติํสเทวอุปมา

    Tāvatiṃsadevaupamā

    ๔๑๗. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ยํ โข ปน, ราชญฺญ, มานุสฺสกํ วสฺสสตํ, เทวานํ ตาวติํสานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว 29, ตาย รตฺติยา ติํสรตฺติโย มาโส, เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโร, เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพํ วสฺสสหสฺสํ เทวานํ ตาวติํสานํ อายุปฺปมาณํฯ เย เต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา มุสาวาทา ปฎิวิรตา สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรตา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํฯ สเจ ปน เตสํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ยาว มยํ เทฺว วา ตีณิ วา รตฺตินฺทิวา ทิเพฺพหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรม, อถ มยํ ปายาสิสฺส ราชญฺญสฺส คนฺตฺวา อาโรเจยฺยาม – ‘‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติฯ อปิ นุ เต อาคนฺตฺวา อาโรเจยฺยุํ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ กสฺสปฯ อปิ หิ มยํ, โภ กสฺสป, จิรํ กาลงฺกตาปิ ภเวยฺยามฯ โก ปเนตํ โภโต กสฺสปสฺส อาโรเจติ – ‘อตฺถิ เทวา ตาวติํสา’ติ วา ‘เอวํทีฆายุกา เทวา ตาวติํสา’ติ วาฯ น มยํ โภโต กสฺสปสฺส สทฺทหาม – ‘อตฺถิ เทวา ตาวติํสา’ติ วา ‘เอวํทีฆายุกา เทวา ตาวติํสา’ติ วา’’ติฯ

    417. ‘‘Tena hi, rājañña, taññevettha paṭipucchissāmi; yathā te khameyya, tathā naṃ byākareyyāsi. Yaṃ kho pana, rājañña, mānussakaṃ vassasataṃ, devānaṃ tāvatiṃsānaṃ eso eko rattindivo 30, tāya rattiyā tiṃsarattiyo māso, tena māsena dvādasamāsiyo saṃvaccharo, tena saṃvaccharena dibbaṃ vassasahassaṃ devānaṃ tāvatiṃsānaṃ āyuppamāṇaṃ. Ye te mittāmaccā ñātisālohitā pāṇātipātā paṭiviratā adinnādānā paṭiviratā kāmesumicchācārā paṭiviratā musāvādā paṭiviratā surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭiviratā, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ. Sace pana tesaṃ evaṃ bhavissati – ‘yāva mayaṃ dve vā tīṇi vā rattindivā dibbehi pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricārema, atha mayaṃ pāyāsissa rājaññassa gantvā āroceyyāma – ‘‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti. Api nu te āgantvā āroceyyuṃ – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho kassapa. Api hi mayaṃ, bho kassapa, ciraṃ kālaṅkatāpi bhaveyyāma. Ko panetaṃ bhoto kassapassa āroceti – ‘atthi devā tāvatiṃsā’ti vā ‘evaṃdīghāyukā devā tāvatiṃsā’ti vā. Na mayaṃ bhoto kassapassa saddahāma – ‘atthi devā tāvatiṃsā’ti vā ‘evaṃdīghāyukā devā tāvatiṃsā’ti vā’’ti.

    ชจฺจนฺธอุปมา

    Jaccandhaupamā

    ๔๑๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ราชญฺญ, ชจฺจโนฺธ ปุริโส น ปเสฺสยฺย กณฺห – สุกฺกานิ รูปานิ , น ปเสฺสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย ปีตกานิ 31 รูปานิ, น ปเสฺสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย มญฺชิฎฺฐกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย สมวิสมํ, น ปเสฺสยฺย ตารกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย จนฺทิมสูริเยฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, นตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ นตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, นตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ นตฺถิ ปีตกานิ รูปานิ, นตฺถิ ปีตกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ นตฺถิ โลหิตกานิ รูปานิ, นตฺถิ โลหิตกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ นตฺถิ มญฺชิฎฺฐกานิ รูปานิ, นตฺถิ มญฺชิฎฺฐกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ นตฺถิ สมวิสมํ, นตฺถิ สมวิสมสฺส ทสฺสาวีฯ นตฺถิ ตารกานิ รูปานิ, นตฺถิ ตารกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ นตฺถิ จนฺทิมสูริยา, นตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวีฯ อหเมตํ น ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ, ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติฯ สมฺมา นุ โข โส, ราชญฺญ, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ กสฺสปฯ อตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, อตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ อตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, อตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวี…เป.… อตฺถิ สมวิสมํ, อตฺถิ สมวิสมสฺส ทสฺสาวีฯ อตฺถิ ตารกานิ รูปานิ, อตฺถิ ตารกานํ รูปานํ ทสฺสาวีฯ อตฺถิ จนฺทิมสูริยา, อตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวีฯ ‘อหเมตํ น ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ, ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติฯ น หิ โส, โภ กสฺสป, สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, ราชญฺญ, ชจฺจนฺธูปโม มเญฺญ ปฎิภาสิ ยํ มํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ’’ฯ

    418. ‘‘Seyyathāpi, rājañña, jaccandho puriso na passeyya kaṇha – sukkāni rūpāni , na passeyya nīlakāni rūpāni, na passeyya pītakāni 32 rūpāni, na passeyya lohitakāni rūpāni, na passeyya mañjiṭṭhakāni rūpāni, na passeyya samavisamaṃ, na passeyya tārakāni rūpāni, na passeyya candimasūriye. So evaṃ vadeyya – ‘natthi kaṇhasukkāni rūpāni, natthi kaṇhasukkānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Natthi nīlakāni rūpāni, natthi nīlakānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Natthi pītakāni rūpāni, natthi pītakānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Natthi lohitakāni rūpāni, natthi lohitakānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Natthi mañjiṭṭhakāni rūpāni, natthi mañjiṭṭhakānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Natthi samavisamaṃ, natthi samavisamassa dassāvī. Natthi tārakāni rūpāni, natthi tārakānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Natthi candimasūriyā, natthi candimasūriyānaṃ dassāvī. Ahametaṃ na jānāmi, ahametaṃ na passāmi, tasmā taṃ natthī’ti. Sammā nu kho so, rājañña, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho kassapa. Atthi kaṇhasukkāni rūpāni, atthi kaṇhasukkānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Atthi nīlakāni rūpāni, atthi nīlakānaṃ rūpānaṃ dassāvī…pe… atthi samavisamaṃ, atthi samavisamassa dassāvī. Atthi tārakāni rūpāni, atthi tārakānaṃ rūpānaṃ dassāvī. Atthi candimasūriyā, atthi candimasūriyānaṃ dassāvī. ‘Ahametaṃ na jānāmi, ahametaṃ na passāmi, tasmā taṃ natthī’ti. Na hi so, bho kassapa, sammā vadamāno vadeyyā’’ti. ‘‘Evameva kho tvaṃ, rājañña, jaccandhūpamo maññe paṭibhāsi yaṃ maṃ tvaṃ evaṃ vadesi’’.

    ‘‘โก ปเนตํ โภโต กสฺสปสฺส อาโรเจติ – ‘อตฺถิ เทวา ตาวติํสา’’ติ วา, ‘เอวํทีฆายุกา เทวา ตาวติํสา’ติ วา? น มยํ โภโต กสฺสปสฺส สทฺทหาม – ‘อตฺถิ เทวา ตาวติํสา’ติ วา ‘เอวํทีฆายุกา เทวา ตาวติํสา’ติ วา’’ติฯ ‘‘น โข, ราชญฺญ, เอวํ ปโร โลโก ทฎฺฐโพฺพ, ยถา ตฺวํ มญฺญสิ อิมินา มํสจกฺขุนาฯ เย โข เต ราชญฺญ สมณพฺราหฺมณา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ , เต ตตฺถ อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺติฯ เต ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อิมํ เจว โลกํ ปสฺสนฺติ ปรญฺจ สเตฺต จ โอปปาติเกฯ เอวญฺจ โข, ราชญฺญ, ปโร โลโก ทฎฺฐโพฺพ; นเตฺวว ยถา ตฺวํ มญฺญสิ อิมินา มํสจกฺขุนาฯ อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    ‘‘Ko panetaṃ bhoto kassapassa āroceti – ‘atthi devā tāvatiṃsā’’ti vā, ‘evaṃdīghāyukā devā tāvatiṃsā’ti vā? Na mayaṃ bhoto kassapassa saddahāma – ‘atthi devā tāvatiṃsā’ti vā ‘evaṃdīghāyukā devā tāvatiṃsā’ti vā’’ti. ‘‘Na kho, rājañña, evaṃ paro loko daṭṭhabbo, yathā tvaṃ maññasi iminā maṃsacakkhunā. Ye kho te rājañña samaṇabrāhmaṇā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti , te tattha appamattā ātāpino pahitattā viharantā dibbacakkhuṃ visodhenti. Te dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena imaṃ ceva lokaṃ passanti parañca satte ca opapātike. Evañca kho, rājañña, paro loko daṭṭhabbo; natveva yathā tvaṃ maññasi iminā maṃsacakkhunā. Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    ๔๑๙. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ ฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย…เป.… อตฺถิ, โภ กสฺสป, ปริยาโย…เป.… ยถา กถํ วิย, ราชญฺญา’’ติ? ‘‘อิธาหํ, โภ กสฺสป, ปสฺสามิ สมณพฺราหฺมเณ สีลวเนฺต กลฺยาณธเมฺม ชีวิตุกาเม อมริตุกาเม สุขกาเม ทุกฺขปฎิกูเลฯ ตสฺส มยฺหํ, โภ กสฺสป, เอวํ โหติ – สเจ โข อิเม โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา เอวํ ชาเนยฺยุํ – ‘อิโต โน มตานํ เสโยฺย ภวิสฺสตี’ติฯ อิทานิเม โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา วิสํ วา ขาเทยฺยุํ, สตฺถํ วา อาหเรยฺยุํ, อุพฺพนฺธิตฺวา วา กาลงฺกเรยฺยุํ, ปปาเต วา ปปเตยฺยุํฯ ยสฺมา จ โข อิเม โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา น เอวํ ชานนฺติ – ‘อิโต โน มตานํ เสโยฺย ภวิสฺสตี’ติ, ตสฺมา อิเม โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา ชีวิตุกามา อมริตุกามา สุขกามา ทุกฺขปฎิกูลา อตฺตานํ น มาเรนฺติ 33ฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    419. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti . ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo…pe… atthi, bho kassapa, pariyāyo…pe… yathā kathaṃ viya, rājaññā’’ti? ‘‘Idhāhaṃ, bho kassapa, passāmi samaṇabrāhmaṇe sīlavante kalyāṇadhamme jīvitukāme amaritukāme sukhakāme dukkhapaṭikūle. Tassa mayhaṃ, bho kassapa, evaṃ hoti – sace kho ime bhonto samaṇabrāhmaṇā sīlavanto kalyāṇadhammā evaṃ jāneyyuṃ – ‘ito no matānaṃ seyyo bhavissatī’ti. Idānime bhonto samaṇabrāhmaṇā sīlavanto kalyāṇadhammā visaṃ vā khādeyyuṃ, satthaṃ vā āhareyyuṃ, ubbandhitvā vā kālaṅkareyyuṃ, papāte vā papateyyuṃ. Yasmā ca kho ime bhonto samaṇabrāhmaṇā sīlavanto kalyāṇadhammā na evaṃ jānanti – ‘ito no matānaṃ seyyo bhavissatī’ti, tasmā ime bhonto samaṇabrāhmaṇā sīlavanto kalyāṇadhammā jīvitukāmā amaritukāmā sukhakāmā dukkhapaṭikūlā attānaṃ na mārenti 34. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    คพฺภินีอุปมา

    Gabbhinīupamā

    ๔๒๐. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ราชญฺญ, อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส เทฺว ปชาปติโย อเหสุํฯ เอกิสฺสา ปุโตฺต อโหสิ ทสวสฺสุเทฺทสิโก วา ทฺวาทสวสฺสุเทฺทสิโก วา, เอกา คพฺภินี อุปวิชญฺญาฯ อถ โข โส พฺราหฺมโณ กาลมกาสิฯ อถ โข โส มาณวโก มาตุสปตฺติํ 35 เอตทโวจ – ‘ยมิทํ, โภติ, ธนํ วา ธญฺญํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา, สพฺพํ ตํ มยฺหํ ; นตฺถิ ตุเยฺหตฺถ กิญฺจิฯ ปิตุ เม 36 โภติ, ทายชฺชํ นิยฺยาเทหี’ติ 37ฯ เอวํ วุเตฺต สา พฺราหฺมณี ตํ มาณวกํ เอตทโวจ – ‘อาคเมหิ ตาว, ตาต, ยาว วิชายามิฯ สเจ กุมารโก ภวิสฺสติ, ตสฺสปิ เอกเทโส ภวิสฺสติ; สเจ กุมาริกา ภวิสฺสติ, สาปิ เต โอปโภคฺคา 38 ภวิสฺสตี’ติฯ ทุติยมฺปิ โข โส มาณวโก มาตุสปตฺติํ เอตทโวจ – ‘ยมิทํ, โภติ, ธนํ วา ธญฺญํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา, สพฺพํ ตํ มยฺหํ; นตฺถิ ตุเยฺหตฺถ กิญฺจิฯ ปิตุ เม, โภติ, ทายชฺชํ นิยฺยาเทหี’ติฯ ทุติยมฺปิ โข สา พฺราหฺมณี ตํ มาณวกํ เอตทโวจ – ‘อาคเมหิ ตาว, ตาต, ยาว วิชายามิฯ สเจ กุมารโก ภวิสฺสติ, ตสฺสปิ เอกเทโส ภวิสฺสติ; สเจ กุมาริกา ภวิสฺสติ สาปิ เต โอปโภคฺคา 39 ภวิสฺสตี’ติฯ ตติยมฺปิ โข โส มาณวโก มาตุสปตฺติํ เอตทโวจ – ‘ยมิทํ, โภติ, ธนํ วา ธญฺญํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา , สพฺพํ ตํ มยฺหํ; นตฺถิ ตุเยฺหตฺถ กิญฺจิฯ ปิตุ เม, โภติ, ทายชฺชํ นิยฺยาเทหี’ติฯ

    420. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi. Upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Bhūtapubbaṃ, rājañña, aññatarassa brāhmaṇassa dve pajāpatiyo ahesuṃ. Ekissā putto ahosi dasavassuddesiko vā dvādasavassuddesiko vā, ekā gabbhinī upavijaññā. Atha kho so brāhmaṇo kālamakāsi. Atha kho so māṇavako mātusapattiṃ 40 etadavoca – ‘yamidaṃ, bhoti, dhanaṃ vā dhaññaṃ vā rajataṃ vā jātarūpaṃ vā, sabbaṃ taṃ mayhaṃ ; natthi tuyhettha kiñci. Pitu me 41 bhoti, dāyajjaṃ niyyādehī’ti 42. Evaṃ vutte sā brāhmaṇī taṃ māṇavakaṃ etadavoca – ‘āgamehi tāva, tāta, yāva vijāyāmi. Sace kumārako bhavissati, tassapi ekadeso bhavissati; sace kumārikā bhavissati, sāpi te opabhoggā 43 bhavissatī’ti. Dutiyampi kho so māṇavako mātusapattiṃ etadavoca – ‘yamidaṃ, bhoti, dhanaṃ vā dhaññaṃ vā rajataṃ vā jātarūpaṃ vā, sabbaṃ taṃ mayhaṃ; natthi tuyhettha kiñci. Pitu me, bhoti, dāyajjaṃ niyyādehī’ti. Dutiyampi kho sā brāhmaṇī taṃ māṇavakaṃ etadavoca – ‘āgamehi tāva, tāta, yāva vijāyāmi. Sace kumārako bhavissati, tassapi ekadeso bhavissati; sace kumārikā bhavissati sāpi te opabhoggā 44 bhavissatī’ti. Tatiyampi kho so māṇavako mātusapattiṃ etadavoca – ‘yamidaṃ, bhoti, dhanaṃ vā dhaññaṃ vā rajataṃ vā jātarūpaṃ vā , sabbaṃ taṃ mayhaṃ; natthi tuyhettha kiñci. Pitu me, bhoti, dāyajjaṃ niyyādehī’ti.

    ‘‘อถ โข สา พฺราหฺมณี สตฺถํ คเหตฺวา โอวรกํ ปวิสิตฺวา อุทรํ โอปาเทสิ 45 – ‘ยาว วิชายามิ ยทิ วา กุมารโก ยทิ วา กุมาริกา’ติฯ สา อตฺตานํ เจว ชีวิตญฺจ คพฺภญฺจ สาปเตยฺยญฺจ วินาเสสิฯ ยถา ตํ พาลา อพฺยตฺตา อนยพฺยสนํ อาปนฺนา อโยนิโส ทายชฺชํ คเวสนฺตี, เอวเมว โข ตฺวํ, ราชญฺญ, พาโล อพฺยโตฺต อนยพฺยสนํ อาปชฺชิสฺสสิ อโยนิโส ปรโลกํ คเวสโนฺต ; เสยฺยถาปิ สา พฺราหฺมณี พาลา อพฺยตฺตา อนยพฺยสนํ อาปนฺนา อโยนิโส ทายชฺชํ คเวสนฺตีฯ น โข, ราชญฺญ, สมณพฺราหฺมณา สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา อปกฺกํ ปริปาเจนฺติ; อปิ จ ปริปากํ อาคเมนฺติฯ ปณฺฑิตานํ อโตฺถ หิ, ราชญฺญ, สมณพฺราหฺมณานํ สีลวนฺตานํ กลฺยาณธมฺมานํ ชีวิเตนฯ ยถา ยถา โข, ราชญฺญ, สมณพฺราหฺมณา สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฎฺฐนฺติ, ตถา ตถา พหุํ ปุญฺญํ ปสวนฺติ, พหุชนหิตาย จ ปฎิปชฺชนฺติ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    ‘‘Atha kho sā brāhmaṇī satthaṃ gahetvā ovarakaṃ pavisitvā udaraṃ opādesi 46 – ‘yāva vijāyāmi yadi vā kumārako yadi vā kumārikā’ti. Sā attānaṃ ceva jīvitañca gabbhañca sāpateyyañca vināsesi. Yathā taṃ bālā abyattā anayabyasanaṃ āpannā ayoniso dāyajjaṃ gavesantī, evameva kho tvaṃ, rājañña, bālo abyatto anayabyasanaṃ āpajjissasi ayoniso paralokaṃ gavesanto ; seyyathāpi sā brāhmaṇī bālā abyattā anayabyasanaṃ āpannā ayoniso dāyajjaṃ gavesantī. Na kho, rājañña, samaṇabrāhmaṇā sīlavanto kalyāṇadhammā apakkaṃ paripācenti; api ca paripākaṃ āgamenti. Paṇḍitānaṃ attho hi, rājañña, samaṇabrāhmaṇānaṃ sīlavantānaṃ kalyāṇadhammānaṃ jīvitena. Yathā yathā kho, rājañña, samaṇabrāhmaṇā sīlavanto kalyāṇadhammā ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭhanti, tathā tathā bahuṃ puññaṃ pasavanti, bahujanahitāya ca paṭipajjanti bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    ๔๒๑. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย…เป.… อตฺถิ, โภ กสฺสป, ปริยาโย…เป.… ยถา กถํ วิย, ราชญฺญา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ กสฺสป, ปุริสา โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา ทเสฺสนฺติ – ‘อยํ เต, ภเนฺต, โจโร อาคุจารี; อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมํ ปุริสํ ชีวนฺตํเยว กุมฺภิยา ปกฺขิปิตฺวา มุขํ ปิทหิตฺวา อเลฺลน จเมฺมน โอนนฺธิตฺวา อลฺลาย มตฺติกาย พหลาวเลปนํ 47 กริตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา อคฺคิํ เทถา’ติฯ เต เม ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา ตํ ปุริสํ ชีวนฺตํเยว กุมฺภิยา ปกฺขิปิตฺวา มุขํ ปิทหิตฺวา อเลฺลน จเมฺมน โอนนฺธิตฺวา อลฺลาย มตฺติกาย พหลาวเลปนํ กริตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา อคฺคิํ เทนฺติฯ ยทา มยํ ชานาม ‘กาลงฺกโต โส ปุริโส’ติ, อถ นํ กุมฺภิํ โอโรเปตฺวา อุพฺภินฺทิตฺวา มุขํ วิวริตฺวา สณิกํ นิโลฺลเกม 48 – ‘อเปฺปว นามสฺส ชีวํ นิกฺขมนฺตํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ เนวสฺส มยํ ชีวํ นิกฺขมนฺตํ ปสฺสามฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    421. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo…pe… atthi, bho kassapa, pariyāyo…pe… yathā kathaṃ viya, rājaññā’’ti? ‘‘Idha me, bho kassapa, purisā coraṃ āgucāriṃ gahetvā dassenti – ‘ayaṃ te, bhante, coro āgucārī; imassa yaṃ icchasi, taṃ daṇḍaṃ paṇehī’ti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tena hi, bho, imaṃ purisaṃ jīvantaṃyeva kumbhiyā pakkhipitvā mukhaṃ pidahitvā allena cammena onandhitvā allāya mattikāya bahalāvalepanaṃ 49 karitvā uddhanaṃ āropetvā aggiṃ dethā’ti. Te me ‘sādhū’ti paṭissutvā taṃ purisaṃ jīvantaṃyeva kumbhiyā pakkhipitvā mukhaṃ pidahitvā allena cammena onandhitvā allāya mattikāya bahalāvalepanaṃ karitvā uddhanaṃ āropetvā aggiṃ denti. Yadā mayaṃ jānāma ‘kālaṅkato so puriso’ti, atha naṃ kumbhiṃ oropetvā ubbhinditvā mukhaṃ vivaritvā saṇikaṃ nillokema 50 – ‘appeva nāmassa jīvaṃ nikkhamantaṃ passeyyāmā’ti. Nevassa mayaṃ jīvaṃ nikkhamantaṃ passāma. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    สุปินกอุปมา

    Supinakaupamā

    ๔๒๒. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ อภิชานาสิ โน ตฺวํ, ราชญฺญ, ทิวา เสยฺยํ อุปคโต สุปินกํ ปสฺสิตา อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยก’’นฺติ? ‘‘อภิชานามหํ, โภ กสฺสป, ทิวาเสยฺยํ อุปคโต สุปินกํ ปสฺสิตา อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยก’’นฺติฯ ‘‘รกฺขนฺติ ตํ ตมฺหิ สมเย ขุชฺชาปิ วามนกาปิ เวลาสิกาปิ 51 โกมาริกาปี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ กสฺสป, รกฺขนฺติ มํ ตมฺหิ สมเย ขุชฺชาปิ วามนกาปิ เวลาสิกาปิ 52 โกมาริกาปี’’ติฯ ‘‘อปิ นุ ตา ตุยฺหํ ชีวํ ปสฺสนฺติ ปวิสนฺตํ วา นิกฺขมนฺตํ วา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ กสฺสป’’ฯ ‘‘ตา หิ นาม, ราชญฺญ, ตุยฺหํ ชีวนฺตสฺส ชีวนฺติโย ชีวํ น ปสฺสิสฺสนฺติ ปวิสนฺตํ วา นิกฺขมนฺตํ วาฯ กิํ ปน ตฺวํ กาลงฺกตสฺส ชีวํ ปสฺสิสฺสสิ ปวิสนฺตํ วา นิกฺขมนฺตํ วาฯ อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – ‘‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    422. ‘‘Tena hi, rājañña, taññevettha paṭipucchissāmi, yathā te khameyya, tathā naṃ byākareyyāsi. Abhijānāsi no tvaṃ, rājañña, divā seyyaṃ upagato supinakaṃ passitā ārāmarāmaṇeyyakaṃ vanarāmaṇeyyakaṃ bhūmirāmaṇeyyakaṃ pokkharaṇīrāmaṇeyyaka’’nti? ‘‘Abhijānāmahaṃ, bho kassapa, divāseyyaṃ upagato supinakaṃ passitā ārāmarāmaṇeyyakaṃ vanarāmaṇeyyakaṃ bhūmirāmaṇeyyakaṃ pokkharaṇīrāmaṇeyyaka’’nti. ‘‘Rakkhanti taṃ tamhi samaye khujjāpi vāmanakāpi velāsikāpi 53 komārikāpī’’ti? ‘‘Evaṃ, bho kassapa, rakkhanti maṃ tamhi samaye khujjāpi vāmanakāpi velāsikāpi 54 komārikāpī’’ti. ‘‘Api nu tā tuyhaṃ jīvaṃ passanti pavisantaṃ vā nikkhamantaṃ vā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho kassapa’’. ‘‘Tā hi nāma, rājañña, tuyhaṃ jīvantassa jīvantiyo jīvaṃ na passissanti pavisantaṃ vā nikkhamantaṃ vā. Kiṃ pana tvaṃ kālaṅkatassa jīvaṃ passissasi pavisantaṃ vā nikkhamantaṃ vā. Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – ‘‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    ๔๒๓. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย…เป.… ‘‘อตฺถิ, โภ กสฺสป, ปริยาโย…เป.… ยถา กถํ วิย ราชญฺญา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ กสฺสป, ปุริสา โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา ทเสฺสนฺติ – ‘อยํ เต, ภเนฺต, โจโร อาคุจารี; อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมํ ปุริสํ ชีวนฺตํเยว ตุลาย ตุเลตฺวา ชิยาย อนสฺสาสกํ มาเรตฺวา ปุนเทว ตุลาย ตุเลถา’ติฯ เต เม ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา ตํ ปุริสํ ชีวนฺตํเยว ตุลาย ตุเลตฺวา ชิยาย อนสฺสาสกํ มาเรตฺวา ปุนเทว ตุลาย ตุเลนฺติฯ ยทา โส ชีวติ, ตทา ลหุตโร จ โหติ มุทุตโร จ กมฺมญฺญตโร จฯ ยทา ปน โส กาลงฺกโต โหติ ตทา ครุตโร จ โหติ ปตฺถินฺนตโร จ อกมฺมญฺญตโร จฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    423. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo…pe… ‘‘atthi, bho kassapa, pariyāyo…pe… yathā kathaṃ viya rājaññā’’ti? ‘‘Idha me, bho kassapa, purisā coraṃ āgucāriṃ gahetvā dassenti – ‘ayaṃ te, bhante, coro āgucārī; imassa yaṃ icchasi, taṃ daṇḍaṃ paṇehī’ti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tena hi, bho, imaṃ purisaṃ jīvantaṃyeva tulāya tuletvā jiyāya anassāsakaṃ māretvā punadeva tulāya tulethā’ti. Te me ‘sādhū’ti paṭissutvā taṃ purisaṃ jīvantaṃyeva tulāya tuletvā jiyāya anassāsakaṃ māretvā punadeva tulāya tulenti. Yadā so jīvati, tadā lahutaro ca hoti mudutaro ca kammaññataro ca. Yadā pana so kālaṅkato hoti tadā garutaro ca hoti patthinnataro ca akammaññataro ca. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    สนฺตตฺตอโยคุฬอุปมา

    Santattaayoguḷaupamā

    ๔๒๔. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ เสยฺยถาปิ, ราชญฺญ, ปุริโส ทิวสํ สนฺตตฺตํ อโยคุฬํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ ตุลาย ตุเลยฺยฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน สีตํ นิพฺพุตํ ตุลาย ตุเลยฺยฯ กทา นุ โข โส อโยคุโฬ ลหุตโร วา โหติ มุทุตโร วา กมฺมญฺญตโร วา, ยทา วา อาทิโตฺต สมฺปชฺชลิโต สโชติภูโต, ยทา วา สีโต นิพฺพุโต’’ติ? ‘‘ยทา โส, โภ กสฺสป, อโยคุโฬ เตโชสหคโต จ โหติ วาโยสหคโต จ อาทิโตฺต สมฺปชฺชลิโต สโชติภูโต, ตทา ลหุตโร จ โหติ มุทุตโร จ กมฺมญฺญตโร จฯ ยทา ปน โส อโยคุโฬ เนว เตโชสหคโต โหติ น วาโยสหคโต สีโต นิพฺพุโต, ตทา ครุตโร จ โหติ ปตฺถินฺนตโร จ อกมฺมญฺญตโร จา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ราชญฺญ, ยทายํ กาโย อายุสหคโต จ โหติ อุสฺมาสหคโต จ วิญฺญาณสหคโต จ, ตทา ลหุตโร จ โหติ มุทุตโร จ กมฺมญฺญตโร จฯ ยทา ปนายํ กาโย เนว อายุสหคโต โหติ น อุสฺมาสหคโต น วิญฺญาณสหคโต ตทา ครุตโร จ โหติ ปตฺถินฺนตโร จ อกมฺมญฺญตโร จฯ อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    424. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi. Upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Seyyathāpi, rājañña, puriso divasaṃ santattaṃ ayoguḷaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ tulāya tuleyya. Tamenaṃ aparena samayena sītaṃ nibbutaṃ tulāya tuleyya. Kadā nu kho so ayoguḷo lahutaro vā hoti mudutaro vā kammaññataro vā, yadā vā āditto sampajjalito sajotibhūto, yadā vā sīto nibbuto’’ti? ‘‘Yadā so, bho kassapa, ayoguḷo tejosahagato ca hoti vāyosahagato ca āditto sampajjalito sajotibhūto, tadā lahutaro ca hoti mudutaro ca kammaññataro ca. Yadā pana so ayoguḷo neva tejosahagato hoti na vāyosahagato sīto nibbuto, tadā garutaro ca hoti patthinnataro ca akammaññataro cā’’ti. ‘‘Evameva kho, rājañña, yadāyaṃ kāyo āyusahagato ca hoti usmāsahagato ca viññāṇasahagato ca, tadā lahutaro ca hoti mudutaro ca kammaññataro ca. Yadā panāyaṃ kāyo neva āyusahagato hoti na usmāsahagato na viññāṇasahagato tadā garutaro ca hoti patthinnataro ca akammaññataro ca. Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    ๔๒๕. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย…เป.… อตฺถิ, โภ กสฺสป, ปริยาโย…เป.… ยถา กถํ วิย ราชญฺญา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ กสฺสป, ปุริสา โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา ทเสฺสนฺติ – ‘อยํ เต, ภเนฺต, โจโร อาคุจารี; อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ , ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมํ ปุริสํ อนุปหจฺจ ฉวิญฺจ จมฺมญฺจ มํสญฺจ นฺหารุญฺจ อฎฺฐิญฺจ อฎฺฐิมิญฺชญฺจ ชีวิตา โวโรเปถ, อเปฺปว นามสฺส ชีวํ นิกฺขมนฺตํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ เต เม ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุตฺวา ตํ ปุริสํ อนุปหจฺจ ฉวิญฺจ…เป.… ชีวิตา โวโรเปนฺติฯ ยทา โส อามโต โหติ, ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมํ ปุริสํ อุตฺตานํ นิปาเตถ, อเปฺปว นามสฺส ชีวํ นิกฺขมนฺตํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ เต ตํ ปุริสํ อุตฺตานํ นิปาเตนฺติฯ เนวสฺส มยํ ชีวํ นิกฺขมนฺตํ ปสฺสามฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมํ ปุริสํ อวกุชฺชํ นิปาเตถ… ปเสฺสน นิปาเตถ… ทุติเยน ปเสฺสน นิปาเตถ… อุทฺธํ ฐเปถ… โอมุทฺธกํ ฐเปถ… ปาณินา อาโกเฎถ… เลฑฺฑุนา อาโกเฎถ… ทเณฺฑน อาโกเฎถ… สเตฺถน อาโกเฎถ… โอธุนาถ สนฺธุนาถ นิทฺธุนาถ, อเปฺปว นามสฺส ชีวํ นิกฺขมนฺตํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ เต ตํ ปุริสํ โอธุนนฺติ สนฺธุนนฺติ นิทฺธุนนฺติฯ เนวสฺส มยํ ชีวํ นิกฺขมนฺตํ ปสฺสามฯ ตสฺส ตเทว จกฺขุ โหติ เต รูปา, ตญฺจายตนํ นปฺปฎิสํเวเทติฯ ตเทว โสตํ โหติ เต สทฺทา, ตญฺจายตนํ นปฺปฎิสํเวเทติฯ ตเทว ฆานํ โหติ เต คนฺธา, ตญฺจายตนํ นปฺปฎิสํเวเทติ ฯ สาว ชิวฺหา โหติ เต รสา, ตญฺจายตนํ นปฺปฎิสํเวเทติฯ เสฺวว กาโย โหติ เต โผฎฺฐพฺพา, ตญฺจายตนํ นปฺปฎิสํเวเทติฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    425. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo…pe… atthi, bho kassapa, pariyāyo…pe… yathā kathaṃ viya rājaññā’’ti? ‘‘Idha me, bho kassapa, purisā coraṃ āgucāriṃ gahetvā dassenti – ‘ayaṃ te, bhante, coro āgucārī; imassa yaṃ icchasi , taṃ daṇḍaṃ paṇehī’ti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tena hi, bho, imaṃ purisaṃ anupahacca chaviñca cammañca maṃsañca nhāruñca aṭṭhiñca aṭṭhimiñjañca jīvitā voropetha, appeva nāmassa jīvaṃ nikkhamantaṃ passeyyāmā’ti. Te me ‘sādhū’ti paṭissutvā taṃ purisaṃ anupahacca chaviñca…pe… jīvitā voropenti. Yadā so āmato hoti, tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tena hi, bho, imaṃ purisaṃ uttānaṃ nipātetha, appeva nāmassa jīvaṃ nikkhamantaṃ passeyyāmā’ti. Te taṃ purisaṃ uttānaṃ nipātenti. Nevassa mayaṃ jīvaṃ nikkhamantaṃ passāma. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tena hi, bho, imaṃ purisaṃ avakujjaṃ nipātetha… passena nipātetha… dutiyena passena nipātetha… uddhaṃ ṭhapetha… omuddhakaṃ ṭhapetha… pāṇinā ākoṭetha… leḍḍunā ākoṭetha… daṇḍena ākoṭetha… satthena ākoṭetha… odhunātha sandhunātha niddhunātha, appeva nāmassa jīvaṃ nikkhamantaṃ passeyyāmā’ti. Te taṃ purisaṃ odhunanti sandhunanti niddhunanti. Nevassa mayaṃ jīvaṃ nikkhamantaṃ passāma. Tassa tadeva cakkhu hoti te rūpā, tañcāyatanaṃ nappaṭisaṃvedeti. Tadeva sotaṃ hoti te saddā, tañcāyatanaṃ nappaṭisaṃvedeti. Tadeva ghānaṃ hoti te gandhā, tañcāyatanaṃ nappaṭisaṃvedeti . Sāva jivhā hoti te rasā, tañcāyatanaṃ nappaṭisaṃvedeti. Sveva kāyo hoti te phoṭṭhabbā, tañcāyatanaṃ nappaṭisaṃvedeti. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    สงฺขธมอุปมา

    Saṅkhadhamaupamā

    ๔๒๖. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ราชญฺญ, อญฺญตโร สงฺขธโม สงฺขํ อาทาย ปจฺจนฺติมํ ชนปทํ อคมาสิฯ โส เยน อญฺญตโร คาโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มเชฺฌ คามสฺส ฐิโต ติกฺขตฺตุํ สงฺขํ อุปลาเปตฺวา สงฺขํ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ โข, ราชญฺญ, เตสํ ปจฺจนฺตชนปทานํ 55 มนุสฺสานํ เอตทโหสิ – ‘อโมฺภ กสฺส นุ โข 56 เอโส สโทฺท เอวํรชนีโย เอวํกมนีโย เอวํมทนีโย เอวํพนฺธนีโย เอวํมุจฺฉนีโย’ติฯ สนฺนิปติตฺวา ตํ สงฺขธมํ เอตทโวจุํ – ‘อโมฺภ, กสฺส นุ โข เอโส สโทฺท เอวํรชนีโย เอวํกมนีโย เอวํมทนีโย เอวํพนฺธนีโย เอวํมุจฺฉนีโย’ติฯ ‘เอโส โข, โภ, สโงฺข นาม ยเสฺสโส สโทฺท เอวํรชนีโย เอวํกมนีโย เอวํมทนีโย เอวํพนฺธนีโย เอวํมุจฺฉนีโย’ติฯ เต ตํ สงฺขํ อุตฺตานํ นิปาเตสุํ – ‘วเทหิ, โภ สงฺข, วเทหิ, โภ สงฺขา’ติฯ เนว โส สโงฺข สทฺทมกาสิฯ เต ตํ สงฺขํ อวกุชฺชํ นิปาเตสุํ, ปเสฺสน นิปาเตสุํ, ทุติเยน ปเสฺสน นิปาเตสุํ, อุทฺธํ ฐเปสุํ, โอมุทฺธกํ ฐเปสุํ, ปาณินา อาโกเฎสุํ, เลฑฺฑุนา อาโกเฎสุํ, ทเณฺฑน อาโกเฎสุํ, สเตฺถน อาโกเฎสุํ, โอธุนิํสุ สนฺธุนิํสุ นิทฺธุนิํสุ – ‘วเทหิ, โภ สงฺข, วเทหิ, โภ สงฺขา’ติฯ เนว โส สโงฺข สทฺทมกาสิฯ

    426. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi. Upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Bhūtapubbaṃ, rājañña, aññataro saṅkhadhamo saṅkhaṃ ādāya paccantimaṃ janapadaṃ agamāsi. So yena aññataro gāmo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā majjhe gāmassa ṭhito tikkhattuṃ saṅkhaṃ upalāpetvā saṅkhaṃ bhūmiyaṃ nikkhipitvā ekamantaṃ nisīdi. Atha kho, rājañña, tesaṃ paccantajanapadānaṃ 57 manussānaṃ etadahosi – ‘ambho kassa nu kho 58 eso saddo evaṃrajanīyo evaṃkamanīyo evaṃmadanīyo evaṃbandhanīyo evaṃmucchanīyo’ti. Sannipatitvā taṃ saṅkhadhamaṃ etadavocuṃ – ‘ambho, kassa nu kho eso saddo evaṃrajanīyo evaṃkamanīyo evaṃmadanīyo evaṃbandhanīyo evaṃmucchanīyo’ti. ‘Eso kho, bho, saṅkho nāma yasseso saddo evaṃrajanīyo evaṃkamanīyo evaṃmadanīyo evaṃbandhanīyo evaṃmucchanīyo’ti. Te taṃ saṅkhaṃ uttānaṃ nipātesuṃ – ‘vadehi, bho saṅkha, vadehi, bho saṅkhā’ti. Neva so saṅkho saddamakāsi. Te taṃ saṅkhaṃ avakujjaṃ nipātesuṃ, passena nipātesuṃ, dutiyena passena nipātesuṃ, uddhaṃ ṭhapesuṃ, omuddhakaṃ ṭhapesuṃ, pāṇinā ākoṭesuṃ, leḍḍunā ākoṭesuṃ, daṇḍena ākoṭesuṃ, satthena ākoṭesuṃ, odhuniṃsu sandhuniṃsu niddhuniṃsu – ‘vadehi, bho saṅkha, vadehi, bho saṅkhā’ti. Neva so saṅkho saddamakāsi.

    ‘‘อถ โข, ราชญฺญ, ตสฺส สงฺขธมสฺส เอตทโหสิ – ‘ยาว พาลา อิเม ปจฺจนฺตชนปทามนุสฺสา, กถญฺหิ นาม อโยนิโส สงฺขสทฺทํ คเวสิสฺสนฺตี’ติฯ เตสํ เปกฺขมานานํ สงฺขํ คเหตฺวา ติกฺขตฺตุํ สงฺขํ อุปลาเปตฺวา สงฺขํ อาทาย ปกฺกามิฯ อถ โข, ราชญฺญ, เตสํ ปจฺจนฺตชนปทานํ มนุสฺสานํ เอตทโหสิ – ‘ยทา กิร, โภ, อยํ สโงฺข นาม ปุริสสหคโต จ โหติ วายามสหคโต 59 จ วายุสหคโต จ, ตทายํ สโงฺข สทฺทํ กโรติ, ยทา ปนายํ สโงฺข เนว ปุริสสหคโต โหติ น วายามสหคโต น วายุสหคโต, นายํ สโงฺข สทฺทํ กโรตี’ติ ฯ เอวเมว โข, ราชญฺญ, ยทายํ กาโย อายุสหคโต จ โหติ อุสฺมาสหคโต จ วิญฺญาณสหคโต จ, ตทา อภิกฺกมติปิ ปฎิกฺกมติปิ ติฎฺฐติปิ นิสีทติปิ เสยฺยมฺปิ กเปฺปติ, จกฺขุนาปิ รูปํ ปสฺสติ, โสเตนปิ สทฺทํ สุณาติ, ฆาเนนปิ คนฺธํ ฆายติ, ชิวฺหายปิ รสํ สายติ, กาเยนปิ โผฎฺฐพฺพํ ผุสติ, มนสาปิ ธมฺมํ วิชานาติฯ ยทา ปนายํ กาโย เนว อายุสหคโต โหติ, น อุสฺมาสหคโต, น วิญฺญาณสหคโต, ตทา เนว อภิกฺกมติ น ปฎิกฺกมติ น ติฎฺฐติ น นิสีทติ น เสยฺยํ กเปฺปติ, จกฺขุนาปิ รูปํ น ปสฺสติ, โสเตนปิ สทฺทํ น สุณาติ, ฆาเนนปิ คนฺธํ น ฆายติ, ชิวฺหายปิ รสํ น สายติ, กาเยนปิ โผฎฺฐพฺพํ น ผุสติ, มนสาปิ ธมฺมํ น วิชานาติฯ อิมินาปิ โข เต, ราชญฺญ, ปริยาเยน เอวํ โหตุ – ‘อิติปิ อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’ติ 60

    ‘‘Atha kho, rājañña, tassa saṅkhadhamassa etadahosi – ‘yāva bālā ime paccantajanapadāmanussā, kathañhi nāma ayoniso saṅkhasaddaṃ gavesissantī’ti. Tesaṃ pekkhamānānaṃ saṅkhaṃ gahetvā tikkhattuṃ saṅkhaṃ upalāpetvā saṅkhaṃ ādāya pakkāmi. Atha kho, rājañña, tesaṃ paccantajanapadānaṃ manussānaṃ etadahosi – ‘yadā kira, bho, ayaṃ saṅkho nāma purisasahagato ca hoti vāyāmasahagato 61 ca vāyusahagato ca, tadāyaṃ saṅkho saddaṃ karoti, yadā panāyaṃ saṅkho neva purisasahagato hoti na vāyāmasahagato na vāyusahagato, nāyaṃ saṅkho saddaṃ karotī’ti . Evameva kho, rājañña, yadāyaṃ kāyo āyusahagato ca hoti usmāsahagato ca viññāṇasahagato ca, tadā abhikkamatipi paṭikkamatipi tiṭṭhatipi nisīdatipi seyyampi kappeti, cakkhunāpi rūpaṃ passati, sotenapi saddaṃ suṇāti, ghānenapi gandhaṃ ghāyati, jivhāyapi rasaṃ sāyati, kāyenapi phoṭṭhabbaṃ phusati, manasāpi dhammaṃ vijānāti. Yadā panāyaṃ kāyo neva āyusahagato hoti, na usmāsahagato, na viññāṇasahagato, tadā neva abhikkamati na paṭikkamati na tiṭṭhati na nisīdati na seyyaṃ kappeti, cakkhunāpi rūpaṃ na passati, sotenapi saddaṃ na suṇāti, ghānenapi gandhaṃ na ghāyati, jivhāyapi rasaṃ na sāyati, kāyenapi phoṭṭhabbaṃ na phusati, manasāpi dhammaṃ na vijānāti. Imināpi kho te, rājañña, pariyāyena evaṃ hotu – ‘itipi atthi paro loko, atthi sattā opapātikā, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’ti 62.

    ๔๒๗. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เอวํ เม เอตฺถ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, ราชญฺญ, ปริยาโย…เป.… อตฺถิ, โภ กสฺสป, ปริยาโย…เป.… ยถา กถํ วิย ราชญฺญา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ กสฺสป, ปุริสา โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา ทเสฺสนฺติ – ‘อยํ เต, ภเนฺต, โจโร อาคุจารี, อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมสฺส ปุริสสฺส ฉวิํ ฉินฺทถ , อเปฺปว นามสฺส ชีวํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ เต ตสฺส ปุริสสฺส ฉวิํ ฉินฺทนฺติฯ เนวสฺส มยํ ชีวํ ปสฺสามฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตน หิ, โภ, อิมสฺส ปุริสสฺส จมฺมํ ฉินฺทถ, มํสํ ฉินฺทถ, นฺหารุํ ฉินฺทถ, อฎฺฐิํ ฉินฺทถ, อฎฺฐิมิญฺชํ ฉินฺทถ, อเปฺปว นามสฺส ชีวํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ เต ตสฺส ปุริสสฺส อฎฺฐิมิญฺชํ ฉินฺทนฺติ, เนวสฺส มยํ ชีวํ ปเสฺสยฺยามฯ อยมฺปิ โข, โภ กสฺสป, ปริยาโย, เยน เม ปริยาเยน เอวํ โหติ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติฯ

    427. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho evaṃ me ettha hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti. ‘‘Atthi pana, rājañña, pariyāyo…pe… atthi, bho kassapa, pariyāyo…pe… yathā kathaṃ viya rājaññā’’ti? ‘‘Idha me, bho kassapa, purisā coraṃ āgucāriṃ gahetvā dassenti – ‘ayaṃ te, bhante, coro āgucārī, imassa yaṃ icchasi, taṃ daṇḍaṃ paṇehī’ti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tena hi, bho, imassa purisassa chaviṃ chindatha , appeva nāmassa jīvaṃ passeyyāmā’ti. Te tassa purisassa chaviṃ chindanti. Nevassa mayaṃ jīvaṃ passāma. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tena hi, bho, imassa purisassa cammaṃ chindatha, maṃsaṃ chindatha, nhāruṃ chindatha, aṭṭhiṃ chindatha, aṭṭhimiñjaṃ chindatha, appeva nāmassa jīvaṃ passeyyāmā’ti. Te tassa purisassa aṭṭhimiñjaṃ chindanti, nevassa mayaṃ jīvaṃ passeyyāma. Ayampi kho, bho kassapa, pariyāyo, yena me pariyāyena evaṃ hoti – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti.

    อคฺคิกชฎิลอุปมา

    Aggikajaṭilaupamā

    ๔๒๘. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ราชญฺญ, อญฺญตโร อคฺคิโก ชฎิโล อรญฺญายตเน ปณฺณกุฎิยา สมฺมติ 63ฯ อถ โข, ราชญฺญ, อญฺญตโร ชนปเท สโตฺถ 64 วุฎฺฐาสิฯ อถ โข โส สโตฺถ 65 ตสฺส อคฺคิกสฺส ชฎิลสฺส อสฺสมสฺส สามนฺตา เอกรตฺติํ วสิตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข, ราชญฺญ, ตสฺส อคฺคิกสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ เยน โส สตฺถวาโส เตนุปสงฺกเมยฺยํ, อเปฺปว นาเมตฺถ กิญฺจิ อุปกรณํ อธิคเจฺฉยฺย’นฺติฯ อถ โข โส อคฺคิโก ชฎิโล กาลเสฺสว วุฎฺฐาย เยน โส สตฺถวาโส เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อทฺทส ตสฺมิํ สตฺถวาเส ทหรํ กุมารํ มนฺทํ อุตฺตานเสยฺยกํ ฉฑฺฑิตํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘น โข เม ตํ ปติรูปํ ยํ เม เปกฺขมานสฺส มนุสฺสภูโต กาลงฺกเรยฺย; ยํนูนาหํ อิมํ ทารกํ อสฺสมํ เนตฺวา อาปาเทยฺยํ โปเสยฺยํ วเฑฺฒยฺย’นฺติฯ อถ โข โส อคฺคิโก ชฎิโล ตํ ทารกํ อสฺสมํ เนตฺวา อาปาเทสิ โปเสสิ วเฑฺฒสิฯ ยทา โส ทารโก ทสวสฺสุเทฺทสิโก วา โหติ 66 ทฺวาทสวสฺสุเทฺทสิโก วา, อถ โข ตสฺส อคฺคิกสฺส ชฎิลสฺส ชนปเท กญฺจิเทว กรณียํ อุปฺปชฺชิฯ อถ โข โส อคฺคิโก ชฎิโล ตํ ทารกํ เอตทโวจ – ‘อิจฺฉามหํ, ตาต, ชนปทํ 67 คนฺตุํ; อคฺคิํ, ตาต, ปริจเรยฺยาสิฯ มา จ เต อคฺคิ นิพฺพายิฯ สเจ จ เต อคฺคิ นิพฺพาเยยฺย, อยํ วาสี อิมานิ กฎฺฐานิ อิทํ อรณิสหิตํ, อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา อคฺคิํ ปริจเรยฺยาสี’ติฯ อถ โข โส อคฺคิโก ชฎิโล ตํ ทารกํ เอวํ อนุสาสิตฺวา ชนปทํ อคมาสิฯ ตสฺส ขิฑฺฑาปสุตสฺส อคฺคิ นิพฺพายิฯ

    428. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi. Upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Bhūtapubbaṃ, rājañña, aññataro aggiko jaṭilo araññāyatane paṇṇakuṭiyā sammati 68. Atha kho, rājañña, aññataro janapade sattho 69 vuṭṭhāsi. Atha kho so sattho 70 tassa aggikassa jaṭilassa assamassa sāmantā ekarattiṃ vasitvā pakkāmi. Atha kho, rājañña, tassa aggikassa jaṭilassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ yena so satthavāso tenupasaṅkameyyaṃ, appeva nāmettha kiñci upakaraṇaṃ adhigaccheyya’nti. Atha kho so aggiko jaṭilo kālasseva vuṭṭhāya yena so satthavāso tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā addasa tasmiṃ satthavāse daharaṃ kumāraṃ mandaṃ uttānaseyyakaṃ chaḍḍitaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘na kho me taṃ patirūpaṃ yaṃ me pekkhamānassa manussabhūto kālaṅkareyya; yaṃnūnāhaṃ imaṃ dārakaṃ assamaṃ netvā āpādeyyaṃ poseyyaṃ vaḍḍheyya’nti. Atha kho so aggiko jaṭilo taṃ dārakaṃ assamaṃ netvā āpādesi posesi vaḍḍhesi. Yadā so dārako dasavassuddesiko vā hoti 71 dvādasavassuddesiko vā, atha kho tassa aggikassa jaṭilassa janapade kañcideva karaṇīyaṃ uppajji. Atha kho so aggiko jaṭilo taṃ dārakaṃ etadavoca – ‘icchāmahaṃ, tāta, janapadaṃ 72 gantuṃ; aggiṃ, tāta, paricareyyāsi. Mā ca te aggi nibbāyi. Sace ca te aggi nibbāyeyya, ayaṃ vāsī imāni kaṭṭhāni idaṃ araṇisahitaṃ, aggiṃ nibbattetvā aggiṃ paricareyyāsī’ti. Atha kho so aggiko jaṭilo taṃ dārakaṃ evaṃ anusāsitvā janapadaṃ agamāsi. Tassa khiḍḍāpasutassa aggi nibbāyi.

    ‘‘อถ โข ตสฺส ทารกสฺส เอตทโหสิ – ‘ปิตา โข มํ เอวํ อวจ – ‘‘อคฺคิํ, ตาต, ปริจเรยฺยาสิฯ มา จ เต อคฺคิ นิพฺพายิฯ สเจ จ เต อคฺคิ นิพฺพาเยยฺย, อยํ วาสี อิมานิ กฎฺฐานิ อิทํ อรณิสหิตํ, อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา อคฺคิํ ปริจเรยฺยาสี’’ติฯ ยํนูนาหํ อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา อคฺคิํ ปริจเรยฺย’นฺติฯ อถ โข โส ทารโก อรณิสหิตํ วาสิยา ตจฺฉิ – ‘อเปฺปว นาม อคฺคิํ อธิคเจฺฉยฺย’นฺติฯ เนว โส อคฺคิํ อธิคจฺฉิฯ อรณิสหิตํ ทฺวิธา ผาเลสิ, ติธา ผาเลสิ, จตุธา ผาเลสิ, ปญฺจธา ผาเลสิ, ทสธา ผาเลสิ, สตธา 73 ผาเลสิ, สกลิกํ สกลิกํ อกาสิ, สกลิกํ สกลิกํ กริตฺวา อุทุกฺขเล โกเฎฺฎสิ, อุทุกฺขเล โกเฎฺฎตฺวา มหาวาเต โอปุนิ 74 – ‘อเปฺปว นาม อคฺคิํ อธิคเจฺฉยฺย’นฺติฯ เนว โส อคฺคิํ อธิคจฺฉิฯ

    ‘‘Atha kho tassa dārakassa etadahosi – ‘pitā kho maṃ evaṃ avaca – ‘‘aggiṃ, tāta, paricareyyāsi. Mā ca te aggi nibbāyi. Sace ca te aggi nibbāyeyya, ayaṃ vāsī imāni kaṭṭhāni idaṃ araṇisahitaṃ, aggiṃ nibbattetvā aggiṃ paricareyyāsī’’ti. Yaṃnūnāhaṃ aggiṃ nibbattetvā aggiṃ paricareyya’nti. Atha kho so dārako araṇisahitaṃ vāsiyā tacchi – ‘appeva nāma aggiṃ adhigaccheyya’nti. Neva so aggiṃ adhigacchi. Araṇisahitaṃ dvidhā phālesi, tidhā phālesi, catudhā phālesi, pañcadhā phālesi, dasadhā phālesi, satadhā 75 phālesi, sakalikaṃ sakalikaṃ akāsi, sakalikaṃ sakalikaṃ karitvā udukkhale koṭṭesi, udukkhale koṭṭetvā mahāvāte opuni 76 – ‘appeva nāma aggiṃ adhigaccheyya’nti. Neva so aggiṃ adhigacchi.

    ‘‘อถ โข โส อคฺคิโก ชฎิโล ชนปเท ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา เยน สโก อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ทารกํ เอตทโวจ – ‘กจฺจิ เต, ตาต, อคฺคิ น นิพฺพุโต’ติ? ‘อิธ เม, ตาต, ขิฑฺฑาปสุตสฺส อคฺคิ นิพฺพายิฯ ตสฺส เม เอตทโหสิ – ‘‘ปิตา โข มํ เอวํ อวจ อคฺคิํ, ตาต, ปริจเรยฺยาสิฯ มา จ เต, ตาต, อคฺคิ นิพฺพายิฯ สเจ จ เต อคฺคิ นิพฺพาเยยฺย, อยํ วาสี อิมานิ กฎฺฐานิ อิทํ อรณิสหิตํ, อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา อคฺคิํ ปริจเรยฺยาสีติฯ ยํนูนาหํ อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา อคฺคิํ ปริจเรยฺย’’นฺติฯ อถ ขฺวาหํ, ตาต, อรณิสหิตํ วาสิยา ตจฺฉิํ – ‘‘อเปฺปว นาม อคฺคิํ อธิคเจฺฉยฺย’’นฺติฯ เนวาหํ อคฺคิํ อธิคจฺฉิํฯ อรณิสหิตํ ทฺวิธา ผาเลสิํ, ติธา ผาเลสิํ, จตุธา ผาเลสิํ, ปญฺจธา ผาเลสิํ, ทสธา ผาเลสิํ , สตธา ผาเลสิํ, สกลิกํ สกลิกํ อกาสิํ, สกลิกํ สกลิกํ กริตฺวา อุทุกฺขเล โกเฎฺฎสิํ, อุทุกฺขเล โกเฎฺฎตฺวา มหาวาเต โอปุนิํ – ‘‘อเปฺปว นาม อคฺคิํ อธิคเจฺฉยฺย’’นฺติฯ เนวาหํ อคฺคิํ อธิคจฺฉิ’’’นฺติฯ อถ โข ตสฺส อคฺคิกสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘ยาว พาโล อยํ ทารโก อพฺยโตฺต, กถญฺหิ นาม อโยนิโส อคฺคิํ คเวสิสฺสตี’ติฯ ตสฺส เปกฺขมานสฺส อรณิสหิตํ คเหตฺวา อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ทารกํ เอตทโวจ – ‘เอวํ โข, ตาต, อคฺคิ นิพฺพเตฺตตโพฺพฯ น เตฺวว ยถา ตฺวํ พาโล อพฺยโตฺต อโยนิโส อคฺคิํ คเวสี’ติฯ เอวเมว โข ตฺวํ, ราชญฺญ, พาโล อพฺยโตฺต อโยนิโส ปรโลกํ คเวสิสฺสสิฯ ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ, ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ, มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    ‘‘Atha kho so aggiko jaṭilo janapade taṃ karaṇīyaṃ tīretvā yena sako assamo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ dārakaṃ etadavoca – ‘kacci te, tāta, aggi na nibbuto’ti? ‘Idha me, tāta, khiḍḍāpasutassa aggi nibbāyi. Tassa me etadahosi – ‘‘pitā kho maṃ evaṃ avaca aggiṃ, tāta, paricareyyāsi. Mā ca te, tāta, aggi nibbāyi. Sace ca te aggi nibbāyeyya, ayaṃ vāsī imāni kaṭṭhāni idaṃ araṇisahitaṃ, aggiṃ nibbattetvā aggiṃ paricareyyāsīti. Yaṃnūnāhaṃ aggiṃ nibbattetvā aggiṃ paricareyya’’nti. Atha khvāhaṃ, tāta, araṇisahitaṃ vāsiyā tacchiṃ – ‘‘appeva nāma aggiṃ adhigaccheyya’’nti. Nevāhaṃ aggiṃ adhigacchiṃ. Araṇisahitaṃ dvidhā phālesiṃ, tidhā phālesiṃ, catudhā phālesiṃ, pañcadhā phālesiṃ, dasadhā phālesiṃ , satadhā phālesiṃ, sakalikaṃ sakalikaṃ akāsiṃ, sakalikaṃ sakalikaṃ karitvā udukkhale koṭṭesiṃ, udukkhale koṭṭetvā mahāvāte opuniṃ – ‘‘appeva nāma aggiṃ adhigaccheyya’’nti. Nevāhaṃ aggiṃ adhigacchi’’’nti. Atha kho tassa aggikassa jaṭilassa etadahosi – ‘yāva bālo ayaṃ dārako abyatto, kathañhi nāma ayoniso aggiṃ gavesissatī’ti. Tassa pekkhamānassa araṇisahitaṃ gahetvā aggiṃ nibbattetvā taṃ dārakaṃ etadavoca – ‘evaṃ kho, tāta, aggi nibbattetabbo. Na tveva yathā tvaṃ bālo abyatto ayoniso aggiṃ gavesī’ti. Evameva kho tvaṃ, rājañña, bālo abyatto ayoniso paralokaṃ gavesissasi. Paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ, paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ, mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    ๔๒๙. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เนวาหํ สโกฺกมิ อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิตุํฯ ราชาปิ มํ ปเสนทิ โกสโล ชานาติ ติโรราชาโนปิ – ‘ปายาสิ ราชโญฺญ เอวํวาที เอวํทิฎฺฐี – ‘‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติฯ สจาหํ, โภ กสฺสป, อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘ยาว พาโล ปายาสิ ราชโญฺญ อพฺยโตฺต ทุคฺคหิตคาหี’ติฯ โกเปนปิ นํ หริสฺสามิ, มเกฺขนปิ นํ หริสฺสามิ, ปลาเสนปิ นํ หริสฺสามี’’ติฯ

    429. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho nevāhaṃ sakkomi idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjituṃ. Rājāpi maṃ pasenadi kosalo jānāti tirorājānopi – ‘pāyāsi rājañño evaṃvādī evaṃdiṭṭhī – ‘‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti. Sacāhaṃ, bho kassapa, idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjissāmi, bhavissanti me vattāro – ‘yāva bālo pāyāsi rājañño abyatto duggahitagāhī’ti. Kopenapi naṃ harissāmi, makkhenapi naṃ harissāmi, palāsenapi naṃ harissāmī’’ti.

    เทฺว สตฺถวาหอุปมา

    Dve satthavāhaupamā

    ๔๓๐. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ราชญฺญ, มหาสกฎสโตฺถ สกฎสหสฺสํ ปุรตฺถิมา ชนปทา ปจฺฉิมํ ชนปทํ อคมาสิฯ โส เยน เยน คจฺฉิ, ขิปฺปํเยว ปริยาทิยติ ติณกโฎฺฐทกํ หริตกปณฺณํฯ ตสฺมิํ โข ปน สเตฺถ เทฺว สตฺถวาหา อเหสุํ เอโก ปญฺจนฺนํ สกฎสตานํ, เอโก ปญฺจนฺนํ สกฎสตานํฯ อถ โข เตสํ สตฺถวาหานํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข มหาสกฎสโตฺถ สกฎสหสฺสํ; เต มยํ เยน เยน คจฺฉาม, ขิปฺปเมว ปริยาทิยติ ติณกโฎฺฐทกํ หริตกปณฺณํฯ ยํนูน มยํ อิมํ สตฺถํ ทฺวิธา วิภเชยฺยาม – เอกโต ปญฺจ สกฎสตานิ เอกโต ปญฺจ สกฎสตานี’ติฯ เต ตํ สตฺถํ ทฺวิธา วิภชิํสุ 77 เอกโต ปญฺจ สกฎสตานิ, เอกโต ปญฺจ สกฎสตานิฯ เอโก สตฺถวาโห พหุํ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ อุทกญฺจ อาโรเปตฺวา สตฺถํ ปยาเปสิ 78ฯ ทฺวีหตีหปยาโต โข ปน โส สโตฺถ อทฺทส ปุริสํ กาฬํ โลหิตกฺขํ 79 สนฺนทฺธกลาปํ 80 กุมุทมาลิํ อลฺลวตฺถํ อลฺลเกสํ กทฺทมมกฺขิเตหิ จเกฺกหิ ภเทฺรน รเถน ปฎิปถํ อาคจฺฉนฺตํ’, ทิสฺวา เอตทโวจ – ‘กุโต, โภ, อาคจฺฉสี’ติ? ‘อมุกมฺหา ชนปทา’ติฯ ‘กุหิํ คมิสฺสสี’ติ? ‘อมุกํ นาม ชนปท’นฺติฯ ‘กจฺจิ, โภ, ปุรโต กนฺตาเร มหาเมโฆ อภิปฺปวุโฎฺฐ’ติ? ‘เอวํ, โภ, ปุรโต กนฺตาเร มหาเมโฆ อภิปฺปวุโฎฺฐ, อาสิโตฺตทกานิ วฎุมานิ, พหุ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ อุทกญฺจฯ ฉเฑฺฑถ, โภ, ปุราณานิ ติณานิ กฎฺฐานิ อุทกานิ, ลหุภาเรหิ สกเฎหิ สีฆํ สีฆํ คจฺฉถ, มา โยคฺคานิ กิลมิตฺถา’ติฯ

    430. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi. Upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Bhūtapubbaṃ, rājañña, mahāsakaṭasattho sakaṭasahassaṃ puratthimā janapadā pacchimaṃ janapadaṃ agamāsi. So yena yena gacchi, khippaṃyeva pariyādiyati tiṇakaṭṭhodakaṃ haritakapaṇṇaṃ. Tasmiṃ kho pana satthe dve satthavāhā ahesuṃ eko pañcannaṃ sakaṭasatānaṃ, eko pañcannaṃ sakaṭasatānaṃ. Atha kho tesaṃ satthavāhānaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho mahāsakaṭasattho sakaṭasahassaṃ; te mayaṃ yena yena gacchāma, khippameva pariyādiyati tiṇakaṭṭhodakaṃ haritakapaṇṇaṃ. Yaṃnūna mayaṃ imaṃ satthaṃ dvidhā vibhajeyyāma – ekato pañca sakaṭasatāni ekato pañca sakaṭasatānī’ti. Te taṃ satthaṃ dvidhā vibhajiṃsu 81 ekato pañca sakaṭasatāni, ekato pañca sakaṭasatāni. Eko satthavāho bahuṃ tiṇañca kaṭṭhañca udakañca āropetvā satthaṃ payāpesi 82. Dvīhatīhapayāto kho pana so sattho addasa purisaṃ kāḷaṃ lohitakkhaṃ 83 sannaddhakalāpaṃ 84 kumudamāliṃ allavatthaṃ allakesaṃ kaddamamakkhitehi cakkehi bhadrena rathena paṭipathaṃ āgacchantaṃ’, disvā etadavoca – ‘kuto, bho, āgacchasī’ti? ‘Amukamhā janapadā’ti. ‘Kuhiṃ gamissasī’ti? ‘Amukaṃ nāma janapada’nti. ‘Kacci, bho, purato kantāre mahāmegho abhippavuṭṭho’ti? ‘Evaṃ, bho, purato kantāre mahāmegho abhippavuṭṭho, āsittodakāni vaṭumāni, bahu tiṇañca kaṭṭhañca udakañca. Chaḍḍetha, bho, purāṇāni tiṇāni kaṭṭhāni udakāni, lahubhārehi sakaṭehi sīghaṃ sīghaṃ gacchatha, mā yoggāni kilamitthā’ti.

    ‘‘อถ โข โส สตฺถวาโห สตฺถิเก อามเนฺตสิ – ‘อยํ, โภ, ปุริโส เอวมาห – ‘‘ปุรโต กนฺตาเร มหาเมโฆ อภิปฺปวุโฎฺฐ, อาสิโตฺตทกานิ วฎุมานิ, พหุ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ อุทกญฺจฯ ฉเฑฺฑถ, โภ, ปุราณานิ ติณานิ กฎฺฐานิ อุทกานิ, ลหุภาเรหิ สกเฎหิ สีฆํ สีฆํ คจฺฉถ, มา โยคฺคานิ กิลมิตฺถา’’ติฯ ฉเฑฺฑถ, โภ, ปุราณานิ ติณานิ กฎฺฐานิ อุทกานิ, ลหุภาเรหิ สกเฎหิ สตฺถํ ปยาเปถา’ติฯ ‘เอวํ, โภ’ติ โข เต สตฺถิกา ตสฺส สตฺถวาหสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ฉเฑฺฑตฺวา ปุราณานิ ติณานิ กฎฺฐานิ อุทกานิ ลหุภาเรหิ สกเฎหิ สตฺถํ ปยาเปสุํฯ เต ปฐเมปิ สตฺถวาเส น อทฺทสํสุ ติณํ วา กฎฺฐํ วา อุทกํ วาฯ ทุติเยปิ สตฺถวาเส… ตติเยปิ สตฺถวาเส… จตุเตฺถปิ สตฺถวาเส… ปญฺจเมปิ สตฺถวาเส… ฉเฎฺฐปิ สตฺถวาเส… สตฺตเมปิ สตฺถวาเส น อทฺทสํสุ ติณํ วา กฎฺฐํ วา อุทกํ วาฯ สเพฺพว อนยพฺยสนํ อาปชฺชิํสุฯ เย จ ตสฺมิํ สเตฺถ อเหสุํ มนุสฺสา วา ปสู วา, สเพฺพ โส ยโกฺข อมนุโสฺส ภเกฺขสิฯ อฎฺฐิกาเนว เสสานิฯ

    ‘‘Atha kho so satthavāho satthike āmantesi – ‘ayaṃ, bho, puriso evamāha – ‘‘purato kantāre mahāmegho abhippavuṭṭho, āsittodakāni vaṭumāni, bahu tiṇañca kaṭṭhañca udakañca. Chaḍḍetha, bho, purāṇāni tiṇāni kaṭṭhāni udakāni, lahubhārehi sakaṭehi sīghaṃ sīghaṃ gacchatha, mā yoggāni kilamitthā’’ti. Chaḍḍetha, bho, purāṇāni tiṇāni kaṭṭhāni udakāni, lahubhārehi sakaṭehi satthaṃ payāpethā’ti. ‘Evaṃ, bho’ti kho te satthikā tassa satthavāhassa paṭissutvā chaḍḍetvā purāṇāni tiṇāni kaṭṭhāni udakāni lahubhārehi sakaṭehi satthaṃ payāpesuṃ. Te paṭhamepi satthavāse na addasaṃsu tiṇaṃ vā kaṭṭhaṃ vā udakaṃ vā. Dutiyepi satthavāse… tatiyepi satthavāse… catutthepi satthavāse… pañcamepi satthavāse… chaṭṭhepi satthavāse… sattamepi satthavāse na addasaṃsu tiṇaṃ vā kaṭṭhaṃ vā udakaṃ vā. Sabbeva anayabyasanaṃ āpajjiṃsu. Ye ca tasmiṃ satthe ahesuṃ manussā vā pasū vā, sabbe so yakkho amanusso bhakkhesi. Aṭṭhikāneva sesāni.

    ‘‘ยทา อญฺญาสิ ทุติโย สตฺถวาโห – ‘พหุนิกฺขโนฺต โข, โภ, ทานิ โส สโตฺถ’ติ พหุํ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ อุทกญฺจ อาโรเปตฺวา สตฺถํ ปยาเปสิฯ ทฺวีหตีหปยาโต โข ปน โส สโตฺถ อทฺทส ปุริสํ กาฬํ โลหิตกฺขํ สนฺนทฺธกลาปํ กุมุทมาลิํ อลฺลวตฺถํ อลฺลเกสํ กทฺทมมกฺขิเตหิ จเกฺกหิ ภเทฺรน รเถน ปฎิปถํ อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวา เอตทโวจ – ‘กุโต, โภ, อาคจฺฉสี’ติ? ‘อมุกมฺหา ชนปทา’ติฯ ‘กุหิํ คมิสฺสสี’ติ? ‘อมุกํ นาม ชนปท’นฺติฯ ‘กจฺจิ, โภ, ปุรโต กนฺตาเร มหาเมโฆ อภิปฺปวุโฎฺฐ’ติ? ‘เอวํ, โภ, ปุรโต กนฺตาเร มหาเมโฆ อภิปฺปวุโฎฺฐฯ อาสิโตฺตทกานิ วฎุมานิ, พหุ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ อุทกญฺจฯ ฉเฑฺฑถ , โภ, ปุราณานิ ติณานิ กฎฺฐานิ อุทกานิ, ลหุภาเรหิ สกเฎหิ สีฆํ สีฆํ คจฺฉถ, มา โยคฺคานิ กิลมิตฺถา’ติฯ

    ‘‘Yadā aññāsi dutiyo satthavāho – ‘bahunikkhanto kho, bho, dāni so sattho’ti bahuṃ tiṇañca kaṭṭhañca udakañca āropetvā satthaṃ payāpesi. Dvīhatīhapayāto kho pana so sattho addasa purisaṃ kāḷaṃ lohitakkhaṃ sannaddhakalāpaṃ kumudamāliṃ allavatthaṃ allakesaṃ kaddamamakkhitehi cakkehi bhadrena rathena paṭipathaṃ āgacchantaṃ, disvā etadavoca – ‘kuto, bho, āgacchasī’ti? ‘Amukamhā janapadā’ti. ‘Kuhiṃ gamissasī’ti? ‘Amukaṃ nāma janapada’nti. ‘Kacci, bho, purato kantāre mahāmegho abhippavuṭṭho’ti? ‘Evaṃ, bho, purato kantāre mahāmegho abhippavuṭṭho. Āsittodakāni vaṭumāni, bahu tiṇañca kaṭṭhañca udakañca. Chaḍḍetha , bho, purāṇāni tiṇāni kaṭṭhāni udakāni, lahubhārehi sakaṭehi sīghaṃ sīghaṃ gacchatha, mā yoggāni kilamitthā’ti.

    ‘‘อถ โข โส สตฺถวาโห สตฺถิเก อามเนฺตสิ – ‘อยํ, โภ, ‘‘ปุริโส เอวมาห – ปุรโต กนฺตาเร มหาเมโฆ อภิปฺปวุโฎฺฐ, อาสิโตฺตทกานิ วฎุมานิ, พหุ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ อุทกญฺจฯ ฉเฑฺฑถ, โภ, ปุราณานิ ติณานิ กฎฺฐานิ อุทกานิ, ลหุภาเรหิ สกเฎหิ สีฆํ สีฆํ คจฺฉถ; มา โยคฺคานิ กิลมิตฺถา’’ติฯ อยํ โภ ปุริโส เนว อมฺหากํ มิโตฺต, น ญาติสาโลหิโต, กถํ มยํ อิมสฺส สทฺธาย คมิสฺสามฯ น โว ฉเฑฺฑตพฺพานิ ปุราณานิ ติณานิ กฎฺฐานิ อุทกานิ, ยถาภเตน ภเณฺฑน สตฺถํ ปยาเปถฯ น โน ปุราณํ ฉเฑฺฑสฺสามา’ติฯ ‘เอวํ, โภ’ติ โข เต สตฺถิกา ตสฺส สตฺถวาหสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ยถาภเตน ภเณฺฑน สตฺถํ ปยาเปสุํฯ เต ปฐเมปิ สตฺถวาเส น อทฺทสํสุ ติณํ วา กฎฺฐํ วา อุทกํ วาฯ ทุติเยปิ สตฺถวาเส… ตติเยปิ สตฺถวาเส… จตุเตฺถปิ สตฺถวาเส… ปญฺจเมปิ สตฺถวาเส… ฉเฎฺฐปิ สตฺถวาเส… สตฺตเมปิ สตฺถวาเส น อทฺทสํสุ ติณํ วา กฎฺฐํ วา อุทกํ วาฯ ตญฺจ สตฺถํ อทฺทสํสุ อนยพฺยสนํ อาปนฺนํฯ เย จ ตสฺมิํ สเตฺถปิ อเหสุํ มนุสฺสา วา ปสู วา, เตสญฺจ อฎฺฐิกาเนว อทฺทสํสุ เตน ยเกฺขน อมนุเสฺสน ภกฺขิตานํฯ

    ‘‘Atha kho so satthavāho satthike āmantesi – ‘ayaṃ, bho, ‘‘puriso evamāha – purato kantāre mahāmegho abhippavuṭṭho, āsittodakāni vaṭumāni, bahu tiṇañca kaṭṭhañca udakañca. Chaḍḍetha, bho, purāṇāni tiṇāni kaṭṭhāni udakāni, lahubhārehi sakaṭehi sīghaṃ sīghaṃ gacchatha; mā yoggāni kilamitthā’’ti. Ayaṃ bho puriso neva amhākaṃ mitto, na ñātisālohito, kathaṃ mayaṃ imassa saddhāya gamissāma. Na vo chaḍḍetabbāni purāṇāni tiṇāni kaṭṭhāni udakāni, yathābhatena bhaṇḍena satthaṃ payāpetha. Na no purāṇaṃ chaḍḍessāmā’ti. ‘Evaṃ, bho’ti kho te satthikā tassa satthavāhassa paṭissutvā yathābhatena bhaṇḍena satthaṃ payāpesuṃ. Te paṭhamepi satthavāse na addasaṃsu tiṇaṃ vā kaṭṭhaṃ vā udakaṃ vā. Dutiyepi satthavāse… tatiyepi satthavāse… catutthepi satthavāse… pañcamepi satthavāse… chaṭṭhepi satthavāse… sattamepi satthavāse na addasaṃsu tiṇaṃ vā kaṭṭhaṃ vā udakaṃ vā. Tañca satthaṃ addasaṃsu anayabyasanaṃ āpannaṃ. Ye ca tasmiṃ satthepi ahesuṃ manussā vā pasū vā, tesañca aṭṭhikāneva addasaṃsu tena yakkhena amanussena bhakkhitānaṃ.

    ‘‘อถ โข โส สตฺถวาโห สตฺถิเก อามเนฺตสิ – ‘อยํ โข, โภ, สโตฺถ อนยพฺยสนํ อาปโนฺน, ยถา ตํ เตน พาเลน สตฺถวาเหน ปริณายเกนฯ เตน หิ, โภ, ยานมฺหากํ สเตฺถ อปฺปสารานิ ปณิยานิ, ตานิ ฉเฑฺฑตฺวา, ยานิ อิมสฺมิํ สเตฺถ มหาสารานิ ปณิยานิ, ตานิ อาทิยถา’ติฯ ‘เอวํ, โภ’ติ โข เต สตฺถิกา ตสฺส สตฺถวาหสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ยานิ สกสฺมิํ สเตฺถ อปฺปสารานิ ปณิยานิ, ตานิ ฉเฑฺฑตฺวา ยานิ ตสฺมิํ สเตฺถ มหาสารานิ ปณิยานิ, ตานิ อาทิยิตฺวา โสตฺถินา ตํ กนฺตารํ นิตฺถริํสุ, ยถา ตํ ปณฺฑิเตน สตฺถวาเหน ปริณายเกนฯ เอวเมว โข ตฺวํ, ราชญฺญ, พาโล อพฺยโตฺต อนยพฺยสนํ อาปชฺชิสฺสสิ อโยนิโส ปรโลกํ คเวสโนฺต เสยฺยถาปิ โส ปุริโม สตฺถวาโหฯ เยปิ ตว 85 โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ 86 มญฺญิสฺสนฺติ, เตปิ อนยพฺยสนํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, เสยฺยถาปิ เต สตฺถิกาฯ ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ , ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ; ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    ‘‘Atha kho so satthavāho satthike āmantesi – ‘ayaṃ kho, bho, sattho anayabyasanaṃ āpanno, yathā taṃ tena bālena satthavāhena pariṇāyakena. Tena hi, bho, yānamhākaṃ satthe appasārāni paṇiyāni, tāni chaḍḍetvā, yāni imasmiṃ satthe mahāsārāni paṇiyāni, tāni ādiyathā’ti. ‘Evaṃ, bho’ti kho te satthikā tassa satthavāhassa paṭissutvā yāni sakasmiṃ satthe appasārāni paṇiyāni, tāni chaḍḍetvā yāni tasmiṃ satthe mahāsārāni paṇiyāni, tāni ādiyitvā sotthinā taṃ kantāraṃ nitthariṃsu, yathā taṃ paṇḍitena satthavāhena pariṇāyakena. Evameva kho tvaṃ, rājañña, bālo abyatto anayabyasanaṃ āpajjissasi ayoniso paralokaṃ gavesanto seyyathāpi so purimo satthavāho. Yepi tava 87 sotabbaṃ saddhātabbaṃ 88 maññissanti, tepi anayabyasanaṃ āpajjissanti, seyyathāpi te satthikā. Paṭinissajjetaṃ, rājañña , pāpakaṃ diṭṭhigataṃ; paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ. Mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    ๔๓๑. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เนวาหํ สโกฺกมิ อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิตุํฯ ราชาปิ มํ ปเสนทิ โกสโล ชานาติ ติโรราชาโนปิ – ‘ปายาสิ ราชโญฺญ เอวํวาที เอวํทิฎฺฐี – ‘‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก…เป.… วิปาโก’’’ติฯ สจาหํ, โภ กสฺสป, อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘ยาว พาโล ปายาสิ ราชโญฺญ, อพฺยโตฺต ทุคฺคหิตคาหี’ติฯ โกเปนปิ นํ หริสฺสามิ, มเกฺขนปิ นํ หริสฺสามิ, ปลาเสนปิ นํ หริสฺสามี’’ติฯ

    431. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho nevāhaṃ sakkomi idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjituṃ. Rājāpi maṃ pasenadi kosalo jānāti tirorājānopi – ‘pāyāsi rājañño evaṃvādī evaṃdiṭṭhī – ‘‘itipi natthi paro loko…pe… vipāko’’’ti. Sacāhaṃ, bho kassapa, idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjissāmi, bhavissanti me vattāro – ‘yāva bālo pāyāsi rājañño, abyatto duggahitagāhī’ti. Kopenapi naṃ harissāmi, makkhenapi naṃ harissāmi, palāsenapi naṃ harissāmī’’ti.

    คูถภาริกอุปมา

    Gūthabhārikaupamā

    ๔๓๒. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ราชญฺญ, อญฺญตโร สูกรโปสโก ปุริโส สกมฺหา คามา อญฺญํ คามํ อคมาสิฯ ตตฺถ อทฺทส ปหูตํ สุกฺขคูถํ ฉฑฺฑิตํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘อยํ โข ปหุโต สุกฺขคูโถ ฉฑฺฑิโต, มม จ สูกรภตฺตํ 89; ยํนูนาหํ อิโต สุกฺขคูถํ หเรยฺย’นฺติฯ โส อุตฺตราสงฺคํ ปตฺถริตฺวา ปหูตํ สุกฺขคูถํ อากิริตฺวา ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา สีเส อุพฺพาเหตฺวา 90 อคมาสิฯ ตสฺส อนฺตรามเคฺค มหาอกาลเมโฆ ปาวสฺสิฯ โส อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ ยาว อคฺคนขา คูเถน มกฺขิโต คูถภารํ อาทาย อคมาสิฯ ตเมนํ มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กจฺจิ โน ตฺวํ, ภเณ, อุมฺมโตฺต, กจฺจิ วิเจโต, กถญฺหิ นาม อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ ยาว อคฺคนขา คูเถน มกฺขิโต คูถภารํ หริสฺสสี’ติฯ ‘ตุเมฺห เขฺวตฺถ, ภเณ, อุมฺมตฺตา, ตุเมฺห วิเจตา, ตถา หิ ปน เม สูกรภตฺต’นฺติฯ เอวเมว โข ตฺวํ, ราชญฺญ, คูถภาริกูปโม 91 มเญฺญ ปฎิภาสิฯ ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํฯ ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    432. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi. Upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Bhūtapubbaṃ, rājañña, aññataro sūkaraposako puriso sakamhā gāmā aññaṃ gāmaṃ agamāsi. Tattha addasa pahūtaṃ sukkhagūthaṃ chaḍḍitaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘ayaṃ kho pahuto sukkhagūtho chaḍḍito, mama ca sūkarabhattaṃ 92; yaṃnūnāhaṃ ito sukkhagūthaṃ hareyya’nti. So uttarāsaṅgaṃ pattharitvā pahūtaṃ sukkhagūthaṃ ākiritvā bhaṇḍikaṃ bandhitvā sīse ubbāhetvā 93 agamāsi. Tassa antarāmagge mahāakālamegho pāvassi. So uggharantaṃ paggharantaṃ yāva agganakhā gūthena makkhito gūthabhāraṃ ādāya agamāsi. Tamenaṃ manussā disvā evamāhaṃsu – ‘kacci no tvaṃ, bhaṇe, ummatto, kacci viceto, kathañhi nāma uggharantaṃ paggharantaṃ yāva agganakhā gūthena makkhito gūthabhāraṃ harissasī’ti. ‘Tumhe khvettha, bhaṇe, ummattā, tumhe vicetā, tathā hi pana me sūkarabhatta’nti. Evameva kho tvaṃ, rājañña, gūthabhārikūpamo 94 maññe paṭibhāsi. Paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ. Paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ. Mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    ๔๓๓. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เนวาหํ สโกฺกมิ อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิตุํฯ ราชาปิ มํ ปเสนทิ โกสโล ชานาติ ติโรราชาโนปิ – ‘ปายาสิ ราชโญฺญ เอวํวาที เอวํทิฎฺฐี – ‘‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก…เป.… วิปาโก’’ติฯ สจาหํ, โภ กสฺสป, อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘ยาว พาโล ปายาสิ ราชโญฺญ อพฺยโตฺต ทุคฺคหิตคาหี’ติฯ โกเปนปิ นํ หริสฺสามิ, มเกฺขนปิ นํ หริสฺสามิ, ปลาเสนปิ นํ หริสฺสามี’’ติฯ

    433. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho nevāhaṃ sakkomi idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjituṃ. Rājāpi maṃ pasenadi kosalo jānāti tirorājānopi – ‘pāyāsi rājañño evaṃvādī evaṃdiṭṭhī – ‘‘itipi natthi paro loko…pe… vipāko’’ti. Sacāhaṃ, bho kassapa, idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjissāmi, bhavissanti me vattāro – ‘yāva bālo pāyāsi rājañño abyatto duggahitagāhī’ti. Kopenapi naṃ harissāmi, makkhenapi naṃ harissāmi, palāsenapi naṃ harissāmī’’ti.

    อกฺขธุตฺตกอุปมา

    Akkhadhuttakaupamā

    ๔๓๔. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิ, อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ราชญฺญ, เทฺว อกฺขธุตฺตา อเกฺขหิ ทิพฺพิํสุฯ เอโก อกฺขธุโตฺต อาคตาคตํ กลิํ คิลติฯ อทฺทสา โข ทุติโย อกฺขธุโตฺต ตํ อกฺขธุตฺตํ อาคตาคตํ กลิํ คิลนฺตํ, ทิสฺวา ตํ อกฺขธุตฺตํ เอตทโวจ – ‘ตฺวํ โข, สมฺม, เอกนฺติเกน ชินาสิ, เทหิ เม, สมฺม, อเกฺข ปโชหิสฺสามี’ติฯ ‘เอวํ สมฺมา’ติ โข โส อกฺขธุโตฺต ตสฺส อกฺขธุตฺตสฺส อเกฺข ปาทาสิฯ อถ โข โส อกฺขธุโตฺต อเกฺข วิเสน ปริภาเวตฺวา ตํ อกฺขธุตฺตํ เอตทโวจ – ‘เอหิ โข, สมฺม, อเกฺขหิ ทิพฺพิสฺสามา’ติฯ ‘เอวํ สมฺมา’ติ โข โส อกฺขธุโตฺต ตสฺส อกฺขธุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ ทุติยมฺปิ โข เต อกฺขธุตฺตา อเกฺขหิ ทิพฺพิํสุฯ ทุติยมฺปิ โข โส อกฺขธุโตฺต อาคตาคตํ กลิํ คิลติฯ อทฺทสา โข ทุติโย อกฺขธุโตฺต ตํ อกฺขธุตฺตํ ทุติยมฺปิ อาคตาคตํ กลิํ คิลนฺตํ, ทิสฺวา ตํ อกฺขธุตฺตํ เอตทโวจ –

    434. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi, upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Bhūtapubbaṃ, rājañña, dve akkhadhuttā akkhehi dibbiṃsu. Eko akkhadhutto āgatāgataṃ kaliṃ gilati. Addasā kho dutiyo akkhadhutto taṃ akkhadhuttaṃ āgatāgataṃ kaliṃ gilantaṃ, disvā taṃ akkhadhuttaṃ etadavoca – ‘tvaṃ kho, samma, ekantikena jināsi, dehi me, samma, akkhe pajohissāmī’ti. ‘Evaṃ sammā’ti kho so akkhadhutto tassa akkhadhuttassa akkhe pādāsi. Atha kho so akkhadhutto akkhe visena paribhāvetvā taṃ akkhadhuttaṃ etadavoca – ‘ehi kho, samma, akkhehi dibbissāmā’ti. ‘Evaṃ sammā’ti kho so akkhadhutto tassa akkhadhuttassa paccassosi. Dutiyampi kho te akkhadhuttā akkhehi dibbiṃsu. Dutiyampi kho so akkhadhutto āgatāgataṃ kaliṃ gilati. Addasā kho dutiyo akkhadhutto taṃ akkhadhuttaṃ dutiyampi āgatāgataṃ kaliṃ gilantaṃ, disvā taṃ akkhadhuttaṃ etadavoca –

    ‘‘ลิตฺตํ ปรเมน เตชสา, คิลมกฺขํ ปุริโส น พุชฺฌติ;

    ‘‘Littaṃ paramena tejasā, gilamakkhaṃ puriso na bujjhati;

    คิล เร คิล ปาปธุตฺตก 95, ปจฺฉา เต กฎุกํ ภวิสฺสตีติฯ

    Gila re gila pāpadhuttaka 96, pacchā te kaṭukaṃ bhavissatīti.

    ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, ราชญฺญ, อกฺขธุตฺตกูปโม มเญฺญ ปฎิภาสิฯ ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ; ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    ‘‘Evameva kho tvaṃ, rājañña, akkhadhuttakūpamo maññe paṭibhāsi. Paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ; paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ. Mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    ๔๓๕. ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ กสฺสโป เอวมาห, อถ โข เนวาหํ สโกฺกมิ อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิตุํฯ ราชาปิ มํ ปเสนทิ โกสโล ชานาติ ติโรราชาโนปิ – ‘ปายาสิ ราชโญฺญ เอวํวาที เอวํทิฎฺฐี – ‘‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก…เป.… วิปาโก’’ติฯ สจาหํ, โภ กสฺสป, อิทํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปฎินิสฺสชฺชิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘ยาว พาโล ปายาสิ ราชโญฺญ อพฺยโตฺต ทุคฺคหิตคาหี’ติฯ โกเปนปิ นํ หริสฺสามิ, มเกฺขนปิ นํ หริสฺสามิ, ปลาเสนปิ นํ หริสฺสามี’’ติฯ

    435. ‘‘Kiñcāpi bhavaṃ kassapo evamāha, atha kho nevāhaṃ sakkomi idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjituṃ. Rājāpi maṃ pasenadi kosalo jānāti tirorājānopi – ‘pāyāsi rājañño evaṃvādī evaṃdiṭṭhī – ‘‘itipi natthi paro loko…pe… vipāko’’ti. Sacāhaṃ, bho kassapa, idaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ paṭinissajjissāmi, bhavissanti me vattāro – ‘yāva bālo pāyāsi rājañño abyatto duggahitagāhī’ti. Kopenapi naṃ harissāmi, makkhenapi naṃ harissāmi, palāsenapi naṃ harissāmī’’ti.

    สาณภาริกอุปมา

    Sāṇabhārikaupamā

    ๔๓๖. ‘‘เตน หิ, ราชญฺญ, อุปมํ เต กริสฺสามิ, อุปมาย มิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ราชญฺญ, อญฺญตโร ชนปโท วุฎฺฐาสิฯ อถ โข สหายโก สหายกํ อามเนฺตสิ – ‘อายาม, สมฺม, เยน โส ชนปโท เตนุปสงฺกมิสฺสาม, อเปฺปว นาเมตฺถ กิญฺจิ ธนํ อธิคเจฺฉยฺยามา’ติฯ ‘เอวํ สมฺมา’ติ โข สหายโก สหายกสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ เต เยน โส ชนปโท, เยน อญฺญตรํ คามปฎฺฎํ 97 เตนุปสงฺกมิํสุ , ตตฺถ อทฺทสํสุ ปหูตํ สาณํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา สหายโก สหายกํ อามเนฺตสิ – ‘อิทํ โข, สมฺม, ปหูตํ สาณํ ฉฑฺฑิตํ, เตน หิ, สมฺม, ตฺวญฺจ สาณภารํ พนฺธ, อหญฺจ สาณภารํ พนฺธิสฺสามิ, อุโภ สาณภารํ อาทาย คมิสฺสามา’ติฯ ‘เอวํ สมฺมา’ติ โข สหายโก สหายกสฺส ปฎิสฺสุตฺวา สาณภารํ พนฺธิตฺวา เต อุโภ สาณภารํ อาทาย เยน อญฺญตรํ คามปฎฺฎํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ ตตฺถ อทฺทสํสุ ปหูตํ สาณสุตฺตํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา สหายโก สหายกํ อามเนฺตสิ – ‘ยสฺส โข, สมฺม, อตฺถาย อิเจฺฉยฺยาม สาณํ, อิทํ ปหูตํ สาณสุตฺตํ ฉฑฺฑิตํฯ เตน หิ, สมฺม, ตฺวญฺจ สาณภารํ ฉเฑฺฑหิ, อหญฺจ สาณภารํ ฉเฑฺฑสฺสามิ, อุโภ สาณสุตฺตภารํ อาทาย คมิสฺสามา’ติฯ ‘อยํ โข เม, สมฺม, สาณภาโร ทูราภโต จ สุสนฺนโทฺธ จ, อลํ เม ตฺวํ ปชานาหี’ติฯ อถ โข โส สหายโก สาณภารํ ฉเฑฺฑตฺวา สาณสุตฺตภารํ อาทิยิฯ

    436. ‘‘Tena hi, rājañña, upamaṃ te karissāmi, upamāya midhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Bhūtapubbaṃ, rājañña, aññataro janapado vuṭṭhāsi. Atha kho sahāyako sahāyakaṃ āmantesi – ‘āyāma, samma, yena so janapado tenupasaṅkamissāma, appeva nāmettha kiñci dhanaṃ adhigaccheyyāmā’ti. ‘Evaṃ sammā’ti kho sahāyako sahāyakassa paccassosi. Te yena so janapado, yena aññataraṃ gāmapaṭṭaṃ 98 tenupasaṅkamiṃsu , tattha addasaṃsu pahūtaṃ sāṇaṃ chaḍḍitaṃ, disvā sahāyako sahāyakaṃ āmantesi – ‘idaṃ kho, samma, pahūtaṃ sāṇaṃ chaḍḍitaṃ, tena hi, samma, tvañca sāṇabhāraṃ bandha, ahañca sāṇabhāraṃ bandhissāmi, ubho sāṇabhāraṃ ādāya gamissāmā’ti. ‘Evaṃ sammā’ti kho sahāyako sahāyakassa paṭissutvā sāṇabhāraṃ bandhitvā te ubho sāṇabhāraṃ ādāya yena aññataraṃ gāmapaṭṭaṃ tenupasaṅkamiṃsu. Tattha addasaṃsu pahūtaṃ sāṇasuttaṃ chaḍḍitaṃ, disvā sahāyako sahāyakaṃ āmantesi – ‘yassa kho, samma, atthāya iccheyyāma sāṇaṃ, idaṃ pahūtaṃ sāṇasuttaṃ chaḍḍitaṃ. Tena hi, samma, tvañca sāṇabhāraṃ chaḍḍehi, ahañca sāṇabhāraṃ chaḍḍessāmi, ubho sāṇasuttabhāraṃ ādāya gamissāmā’ti. ‘Ayaṃ kho me, samma, sāṇabhāro dūrābhato ca susannaddho ca, alaṃ me tvaṃ pajānāhī’ti. Atha kho so sahāyako sāṇabhāraṃ chaḍḍetvā sāṇasuttabhāraṃ ādiyi.

    ‘‘เต เยน อญฺญตรํ คามปฎฺฎํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ ตตฺถ อทฺทสํสุ ปหูตา สาณิโย ฉฑฺฑิตา, ทิสฺวา สหายโก สหายกํ อามเนฺตสิ – ‘ยสฺส โข , สมฺม, อตฺถาย อิเจฺฉยฺยาม สาณํ วา สาณสุตฺตํ วา, อิมา ปหูตา สาณิโย ฉฑฺฑิตาฯ เตน หิ, สมฺม, ตฺวญฺจ สาณภารํ ฉเฑฺฑหิ, อหญฺจ สาณสุตฺตภารํ ฉเฑฺฑสฺสามิ, อุโภ สาณิภารํ อาทาย คมิสฺสามา’ติ ฯ ‘อยํ โข เม, สมฺม, สาณภาโร ทูราภโต จ สุสนฺนโทฺธ จ, อลํ เม, ตฺวํ ปชานาหี’ติฯ อถ โข โส สหายโก สาณสุตฺตภารํ ฉเฑฺฑตฺวา สาณิภารํ อาทิยิฯ

    ‘‘Te yena aññataraṃ gāmapaṭṭaṃ tenupasaṅkamiṃsu. Tattha addasaṃsu pahūtā sāṇiyo chaḍḍitā, disvā sahāyako sahāyakaṃ āmantesi – ‘yassa kho , samma, atthāya iccheyyāma sāṇaṃ vā sāṇasuttaṃ vā, imā pahūtā sāṇiyo chaḍḍitā. Tena hi, samma, tvañca sāṇabhāraṃ chaḍḍehi, ahañca sāṇasuttabhāraṃ chaḍḍessāmi, ubho sāṇibhāraṃ ādāya gamissāmā’ti . ‘Ayaṃ kho me, samma, sāṇabhāro dūrābhato ca susannaddho ca, alaṃ me, tvaṃ pajānāhī’ti. Atha kho so sahāyako sāṇasuttabhāraṃ chaḍḍetvā sāṇibhāraṃ ādiyi.

    ‘‘เต เยน อญฺญตรํ คามปฎฺฎํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ ตตฺถ อทฺทสํสุ ปหูตํ โขมํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา…เป.… ปหูตํ โขมสุตฺตํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ โขมทุสฺสํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ กปฺปาสํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ กปฺปาสิกสุตฺตํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ กปฺปาสิกทุสฺสํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ อยํ 99 ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ โลหํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ ติปุํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ สีสํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ สชฺฌํ 100 ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา… ปหูตํ สุวณฺณํ ฉฑฺฑิตํ, ทิสฺวา สหายโก สหายกํ อามเนฺตสิ – ‘ยสฺส โข, สมฺม, อตฺถาย อิเจฺฉยฺยาม สาณํ วา สาณสุตฺตํ วา สาณิโย วา โขมํ วา โขมสุตฺตํ วา โขมทุสฺสํ วา กปฺปาสํ วา กปฺปาสิกสุตฺตํ วา กปฺปาสิกทุสฺสํ วา อยํ วา โลหํ วา ติปุํ วา สีสํ วา สชฺฌํ วา, อิทํ ปหูตํ สุวณฺณํ ฉฑฺฑิตํฯ เตน หิ, สมฺม, ตฺวญฺจ สาณภารํ ฉเฑฺฑหิ, อหญฺจ สชฺฌภารํ 101 ฉเฑฺฑสฺสามิ, อุโภ สุวณฺณภารํ อาทาย คมิสฺสามา’ติฯ ‘อยํ โข เม, สมฺม, สาณภาโร ทูราภโต จ สุสนฺนโทฺธ จ, อลํ เม ตฺวํ ปชานาหี’ติฯ อถ โข โส สหายโก สชฺฌภารํ ฉเฑฺฑตฺวา สุวณฺณภารํ อาทิยิฯ

    ‘‘Te yena aññataraṃ gāmapaṭṭaṃ tenupasaṅkamiṃsu. Tattha addasaṃsu pahūtaṃ khomaṃ chaḍḍitaṃ, disvā…pe… pahūtaṃ khomasuttaṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ khomadussaṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ kappāsaṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ kappāsikasuttaṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ kappāsikadussaṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ ayaṃ 102 chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ lohaṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ tipuṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ sīsaṃ chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ sajjhaṃ 103 chaḍḍitaṃ, disvā… pahūtaṃ suvaṇṇaṃ chaḍḍitaṃ, disvā sahāyako sahāyakaṃ āmantesi – ‘yassa kho, samma, atthāya iccheyyāma sāṇaṃ vā sāṇasuttaṃ vā sāṇiyo vā khomaṃ vā khomasuttaṃ vā khomadussaṃ vā kappāsaṃ vā kappāsikasuttaṃ vā kappāsikadussaṃ vā ayaṃ vā lohaṃ vā tipuṃ vā sīsaṃ vā sajjhaṃ vā, idaṃ pahūtaṃ suvaṇṇaṃ chaḍḍitaṃ. Tena hi, samma, tvañca sāṇabhāraṃ chaḍḍehi, ahañca sajjhabhāraṃ 104 chaḍḍessāmi, ubho suvaṇṇabhāraṃ ādāya gamissāmā’ti. ‘Ayaṃ kho me, samma, sāṇabhāro dūrābhato ca susannaddho ca, alaṃ me tvaṃ pajānāhī’ti. Atha kho so sahāyako sajjhabhāraṃ chaḍḍetvā suvaṇṇabhāraṃ ādiyi.

    ‘‘เต เยน สโก คาโม เตนุปสงฺกมิํสุฯ ตตฺถ โย โส สหายโก สาณภารํ อาทาย อคมาสิ, ตสฺส เนว มาตาปิตโร อภินนฺทิํสุ, น ปุตฺตทารา อภินนฺทิํสุ, น มิตฺตามจฺจา อภินนฺทิํสุ, น จ ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ อธิคจฺฉิฯ โย ปน โส สหายโก สุวณฺณภารํ อาทาย อคมาสิ, ตสฺส มาตาปิตโรปิ อภินนฺทิํสุ, ปุตฺตทาราปิ อภินนฺทิํสุ, มิตฺตามจฺจาปิ อภินนฺทิํสุ, ตโตนิทานญฺจ สุขํ โสมนสฺสํ อธิคจฺฉิฯ ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, ราชญฺญ, สาณภาริกูปโม มเญฺญ ปฎิภาสิฯ ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ; ปฎินิสฺสเชฺชตํ, ราชญฺญ, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    ‘‘Te yena sako gāmo tenupasaṅkamiṃsu. Tattha yo so sahāyako sāṇabhāraṃ ādāya agamāsi, tassa neva mātāpitaro abhinandiṃsu, na puttadārā abhinandiṃsu, na mittāmaccā abhinandiṃsu, na ca tatonidānaṃ sukhaṃ somanassaṃ adhigacchi. Yo pana so sahāyako suvaṇṇabhāraṃ ādāya agamāsi, tassa mātāpitaropi abhinandiṃsu, puttadārāpi abhinandiṃsu, mittāmaccāpi abhinandiṃsu, tatonidānañca sukhaṃ somanassaṃ adhigacchi. ‘‘Evameva kho tvaṃ, rājañña, sāṇabhārikūpamo maññe paṭibhāsi. Paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ; paṭinissajjetaṃ, rājañña, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ. Mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    สรณคมนํ

    Saraṇagamanaṃ

    ๔๓๗. ‘‘ปุริเมเนว อหํ โอปเมฺมน โภโต กสฺสปสฺส อตฺตมโน อภิรโทฺธฯ อปิ จาหํ อิมานิ วิจิตฺรานิ ปญฺหาปฎิภานานิ โสตุกาโม เอวาหํ ภวนฺตํ กสฺสปํ ปจฺจนีกํ กาตพฺพํ อมญฺญิสฺสํฯ อภิกฺกนฺตํ, โภ กสฺสป, อภิกฺกนฺตํ, โภ กสฺสปฯ เสยฺยถาปิ, โภ กสฺสป, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ เอวเมวํ โภตา กสฺสเปน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, โภ กสฺสป, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมญฺจ, ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภวํ กสฺสโป ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตํฯ

    437. ‘‘Purimeneva ahaṃ opammena bhoto kassapassa attamano abhiraddho. Api cāhaṃ imāni vicitrāni pañhāpaṭibhānāni sotukāmo evāhaṃ bhavantaṃ kassapaṃ paccanīkaṃ kātabbaṃ amaññissaṃ. Abhikkantaṃ, bho kassapa, abhikkantaṃ, bho kassapa. Seyyathāpi, bho kassapa, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti evamevaṃ bhotā kassapena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bho kassapa, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi, dhammañca, bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhavaṃ kassapo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gataṃ.

    ‘‘อิจฺฉามิ จาหํ, โภ กสฺสป, มหายญฺญํ ยชิตุํ, อนุสาสตุ มํ ภวํ กสฺสโป, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ

    ‘‘Icchāmi cāhaṃ, bho kassapa, mahāyaññaṃ yajituṃ, anusāsatu maṃ bhavaṃ kassapo, yaṃ mamassa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.

    ยญฺญกถา

    Yaññakathā

    ๔๓๘. ‘‘ยถารูเป โข, ราชญฺญ, ยเญฺญ คาโว วา หญฺญนฺติ อเชฬกา วา หญฺญนฺติ, กุกฺกุฎสูกรา วา หญฺญนฺติ, วิวิธา วา ปาณา สํฆาตํ อาปชฺชนฺติ, ปฎิคฺคาหกา จ โหนฺติ มิจฺฉาทิฎฺฐี มิจฺฉาสงฺกปฺปา มิจฺฉาวาจา มิจฺฉากมฺมนฺตา มิจฺฉาอาชีวา มิจฺฉาวายามา มิจฺฉาสตี มิจฺฉาสมาธี, เอวรูโป โข, ราชญฺญ, ยโญฺญ น มหปฺผโล โหติ น มหานิสํโส น มหาชุติโก น มหาวิปฺผาโรฯ เสยฺยถาปิ, ราชญฺญ, กสฺสโก พีชนงฺคลํ อาทาย วนํ ปวิเสยฺยฯ โส ตตฺถ ทุเกฺขเตฺต ทุพฺภูเม อวิหตขาณุกณฺฎเก พีชานิ ปติฎฺฐาเปยฺย ขณฺฑานิ ปูตีนิ วาตาตปหตานิ อสารทานิ อสุขสยิตานิฯ เทโว จ น กาเลน กาลํ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวเจฺฉยฺยฯ อปิ นุ ตานิ พีชานิ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ 105 เวปุลฺลํ อาปเชฺชยฺยุํ, กสฺสโก วา วิปุลํ ผลํ อธิคเจฺฉยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ 106 โภ กสฺสป’’ฯ ‘‘เอวเมว โข, ราชญฺญ, ยถารูเป ยเญฺญ คาโว วา หญฺญนฺติ, อเชฬกา วา หญฺญนฺติ, กุกฺกุฎสูกรา วา หญฺญนฺติ, วิวิธา วา ปาณา สํฆาตํ อาปชฺชนฺติ, ปฎิคฺคาหกา จ โหนฺติ มิจฺฉาทิฎฺฐี มิจฺฉาสงฺกปฺปา มิจฺฉาวาจา มิจฺฉากมฺมนฺตา มิจฺฉาอาชีวา มิจฺฉาวายามา มิจฺฉาสตี มิจฺฉาสมาธี, เอวรูโป โข , ราชญฺญ, ยโญฺญ น มหปฺผโล โหติ น มหานิสํโส น มหาชุติโก น มหาวิปฺผาโรฯ

    438. ‘‘Yathārūpe kho, rājañña, yaññe gāvo vā haññanti ajeḷakā vā haññanti, kukkuṭasūkarā vā haññanti, vividhā vā pāṇā saṃghātaṃ āpajjanti, paṭiggāhakā ca honti micchādiṭṭhī micchāsaṅkappā micchāvācā micchākammantā micchāājīvā micchāvāyāmā micchāsatī micchāsamādhī, evarūpo kho, rājañña, yañño na mahapphalo hoti na mahānisaṃso na mahājutiko na mahāvipphāro. Seyyathāpi, rājañña, kassako bījanaṅgalaṃ ādāya vanaṃ paviseyya. So tattha dukkhette dubbhūme avihatakhāṇukaṇṭake bījāni patiṭṭhāpeyya khaṇḍāni pūtīni vātātapahatāni asāradāni asukhasayitāni. Devo ca na kālena kālaṃ sammādhāraṃ anuppaveccheyya. Api nu tāni bījāni vuddhiṃ virūḷhiṃ 107 vepullaṃ āpajjeyyuṃ, kassako vā vipulaṃ phalaṃ adhigaccheyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ 108 bho kassapa’’. ‘‘Evameva kho, rājañña, yathārūpe yaññe gāvo vā haññanti, ajeḷakā vā haññanti, kukkuṭasūkarā vā haññanti, vividhā vā pāṇā saṃghātaṃ āpajjanti, paṭiggāhakā ca honti micchādiṭṭhī micchāsaṅkappā micchāvācā micchākammantā micchāājīvā micchāvāyāmā micchāsatī micchāsamādhī, evarūpo kho , rājañña, yañño na mahapphalo hoti na mahānisaṃso na mahājutiko na mahāvipphāro.

    ‘‘ยถารูเป จ โข, ราชญฺญ, ยเญฺญ เนว คาโว หญฺญนฺติ, น อเชฬกา หญฺญนฺติ, น กุกฺกุฎสูกรา หญฺญนฺติ, น วิวิธา วา ปาณา สํฆาตํ อาปชฺชนฺติ, ปฎิคฺคาหกา จ โหนฺติ สมฺมาทิฎฺฐี สมฺมาสงฺกปฺปา สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺตา สมฺมาอาชีวา สมฺมาวายามา สมฺมาสตี สมฺมาสมาธี, เอวรูโป โข, ราชญฺญ, ยโญฺญ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส มหาชุติโก มหาวิปฺผาโรฯ เสยฺยถาปิ, ราชญฺญ, กสฺสโก พีชนงฺคลํ อาทาย วนํ ปวิเสยฺยฯ โส ตตฺถ สุเขเตฺต สุภูเม สุวิหตขาณุกณฺฎเก พีชานิ ปติฎฺฐเปยฺย อขณฺฑานิ อปูตีนิ อวาตาตปหตานิ สารทานิ สุขสยิตานิฯ เทโว จ กาเลน กาลํ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวเจฺฉยฺยฯ อปิ นุ ตานิ พีชานิ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปเชฺชยฺยุํ, กสฺสโก วา วิปุลํ ผลํ อธิคเจฺฉยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ กสฺสป’’ฯ ‘‘เอวเมว โข, ราชญฺญ, ยถารูเป ยเญฺญ เนว คาโว หญฺญนฺติ, น อเชฬกา หญฺญนฺติ, น กุกฺกุฎสูกรา หญฺญนฺติ, น วิวิธา วา ปาณา สํฆาตํ อาปชฺชนฺติ, ปฎิคฺคาหกา จ โหนฺติ สมฺมาทิฎฺฐี สมฺมาสงฺกปฺปา สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺตา สมฺมาอาชีวา สมฺมาวายามา สมฺมาสตี สมฺมาสมาธี, เอวรูโป โข, ราชญฺญ, ยโญฺญ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส มหาชุติโก มหาวิปฺผาโร’’ติฯ

    ‘‘Yathārūpe ca kho, rājañña, yaññe neva gāvo haññanti, na ajeḷakā haññanti, na kukkuṭasūkarā haññanti, na vividhā vā pāṇā saṃghātaṃ āpajjanti, paṭiggāhakā ca honti sammādiṭṭhī sammāsaṅkappā sammāvācā sammākammantā sammāājīvā sammāvāyāmā sammāsatī sammāsamādhī, evarūpo kho, rājañña, yañño mahapphalo hoti mahānisaṃso mahājutiko mahāvipphāro. Seyyathāpi, rājañña, kassako bījanaṅgalaṃ ādāya vanaṃ paviseyya. So tattha sukhette subhūme suvihatakhāṇukaṇṭake bījāni patiṭṭhapeyya akhaṇḍāni apūtīni avātātapahatāni sāradāni sukhasayitāni. Devo ca kālena kālaṃ sammādhāraṃ anuppaveccheyya. Api nu tāni bījāni vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjeyyuṃ, kassako vā vipulaṃ phalaṃ adhigaccheyyā’’ti? ‘‘Evaṃ, bho kassapa’’. ‘‘Evameva kho, rājañña, yathārūpe yaññe neva gāvo haññanti, na ajeḷakā haññanti, na kukkuṭasūkarā haññanti, na vividhā vā pāṇā saṃghātaṃ āpajjanti, paṭiggāhakā ca honti sammādiṭṭhī sammāsaṅkappā sammāvācā sammākammantā sammāājīvā sammāvāyāmā sammāsatī sammāsamādhī, evarūpo kho, rājañña, yañño mahapphalo hoti mahānisaṃso mahājutiko mahāvipphāro’’ti.

    อุตฺตรมาณววตฺถุ

    Uttaramāṇavavatthu

    ๔๓๙. อถ โข ปายาสิ ราชโญฺญ ทานํ ปฎฺฐเปสิ สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ ฯ ตสฺมิํ โข ปน ทาเน เอวรูปํ โภชนํ ทียติ กณาชกํ พิลงฺคทุติยํ, โธรกานิ 109 จ วตฺถานิ คุฬวาลกานิ 110ฯ ตสฺมิํ โข ปน ทาเน อุตฺตโร นาม มาณโว วาวโฎ 111 อโหสิฯ โส ทานํ ทตฺวา เอวํ อนุทฺทิสติ – ‘‘อิมินาหํ ทาเนน ปายาสิํ ราชญฺญเมว อิมสฺมิํ โลเก สมาคจฺฉิํ, มา ปรสฺมิ’’นฺติฯ อโสฺสสิ โข ปายาสิ ราชโญฺญ – ‘‘อุตฺตโร กิร มาณโว ทานํ ทตฺวา เอวํ อนุทฺทิสติ – ‘อิมินาหํ ทาเนน ปายาสิํ ราชญฺญเมว อิมสฺมิํ โลเก สมาคจฺฉิํ, มา ปรสฺมิ’’’นฺติฯ อถ โข ปายาสิ ราชโญฺญ อุตฺตรํ มาณวํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ตาต อุตฺตร, ทานํ ทตฺวา เอวํ อนุทฺทิสสิ – ‘อิมินาหํ ทาเนน ปายาสิํ ราชญฺญเมว อิมสฺมิํ โลเก สมาคจฺฉิํ, มา ปรสฺมิ’’’นฺติ? ‘‘เอวํ, โภ’’ฯ ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ, ตาต อุตฺตร, ทานํ ทตฺวา เอวํ อนุทฺทิสสิ – ‘อิมินาหํ ทาเนน ปายาสิํ ราชญฺญเมว อิมสฺมิํ โลเก สมาคจฺฉิํ, มา ปรสฺมิ’นฺติ? นนุ มยํ, ตาต อุตฺตร, ปุญฺญตฺถิกา ทานเสฺสว ผลํ ปาฎิกงฺขิโน’’ติ? ‘‘โภโต โข ทาเน เอวรูปํ โภชนํ ทียติ กณาชกํ พิลงฺคทุติยํ, ยํ ภวํ ปาทาปิ 112 น อิเจฺฉยฺย สมฺผุสิตุํ 113, กุโต ภุญฺชิตุํ, โธรกานิ จ วตฺถานิ คุฬวาลกานิ, ยานิ ภวํ ปาทาปิ 114 น อิเจฺฉยฺย สมฺผุสิตุํ, กุโต ปริทหิตุํฯ ภวํ โข ปนมฺหากํ ปิโย มนาโป, กถํ มยํ มนาปํ อมนาเปน สํโยเชมา’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ตาต อุตฺตร, ยาทิสาหํ โภชนํ ภุญฺชามิ, ตาทิสํ โภชนํ ปฎฺฐเปหิฯ ยาทิสานิ จาหํ วตฺถานิ ปริทหามิ, ตาทิสานิ จ วตฺถานิ ปฎฺฐเปหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข อุตฺตโร มาณโว ปายาสิสฺส ราชญฺญสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ยาทิสํ โภชนํ ปายาสิ ราชโญฺญ ภุญฺชติ, ตาทิสํ โภชนํ ปฎฺฐเปสิฯ ยาทิสานิ จ วตฺถานิ ปายาสิ ราชโญฺญ ปริทหติ, ตาทิสานิ จ วตฺถานิ ปฎฺฐเปสิฯ

    439. Atha kho pāyāsi rājañño dānaṃ paṭṭhapesi samaṇabrāhmaṇakapaṇaddhikavaṇibbakayācakānaṃ . Tasmiṃ kho pana dāne evarūpaṃ bhojanaṃ dīyati kaṇājakaṃ bilaṅgadutiyaṃ, dhorakāni 115 ca vatthāni guḷavālakāni 116. Tasmiṃ kho pana dāne uttaro nāma māṇavo vāvaṭo 117 ahosi. So dānaṃ datvā evaṃ anuddisati – ‘‘imināhaṃ dānena pāyāsiṃ rājaññameva imasmiṃ loke samāgacchiṃ, mā parasmi’’nti. Assosi kho pāyāsi rājañño – ‘‘uttaro kira māṇavo dānaṃ datvā evaṃ anuddisati – ‘imināhaṃ dānena pāyāsiṃ rājaññameva imasmiṃ loke samāgacchiṃ, mā parasmi’’’nti. Atha kho pāyāsi rājañño uttaraṃ māṇavaṃ āmantāpetvā etadavoca – ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, tāta uttara, dānaṃ datvā evaṃ anuddisasi – ‘imināhaṃ dānena pāyāsiṃ rājaññameva imasmiṃ loke samāgacchiṃ, mā parasmi’’’nti? ‘‘Evaṃ, bho’’. ‘‘Kissa pana tvaṃ, tāta uttara, dānaṃ datvā evaṃ anuddisasi – ‘imināhaṃ dānena pāyāsiṃ rājaññameva imasmiṃ loke samāgacchiṃ, mā parasmi’nti? Nanu mayaṃ, tāta uttara, puññatthikā dānasseva phalaṃ pāṭikaṅkhino’’ti? ‘‘Bhoto kho dāne evarūpaṃ bhojanaṃ dīyati kaṇājakaṃ bilaṅgadutiyaṃ, yaṃ bhavaṃ pādāpi 118 na iccheyya samphusituṃ 119, kuto bhuñjituṃ, dhorakāni ca vatthāni guḷavālakāni, yāni bhavaṃ pādāpi 120 na iccheyya samphusituṃ, kuto paridahituṃ. Bhavaṃ kho panamhākaṃ piyo manāpo, kathaṃ mayaṃ manāpaṃ amanāpena saṃyojemā’’ti? ‘‘Tena hi tvaṃ, tāta uttara, yādisāhaṃ bhojanaṃ bhuñjāmi, tādisaṃ bhojanaṃ paṭṭhapehi. Yādisāni cāhaṃ vatthāni paridahāmi, tādisāni ca vatthāni paṭṭhapehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho uttaro māṇavo pāyāsissa rājaññassa paṭissutvā yādisaṃ bhojanaṃ pāyāsi rājañño bhuñjati, tādisaṃ bhojanaṃ paṭṭhapesi. Yādisāni ca vatthāni pāyāsi rājañño paridahati, tādisāni ca vatthāni paṭṭhapesi.

    ๔๔๐. อถ โข ปายาสิ ราชโญฺญ อสกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา อสหตฺถา ทานํ ทตฺวา อจิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิ สุญฺญํ เสรีสกํ วิมานํฯ โย ปน ตสฺส ทาเน วาวโฎ อโหสิ อุตฺตโร นาม มาณโวฯ โส สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา สหตฺถา ทานํ ทตฺวา จิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อนปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิ เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํฯ

    440. Atha kho pāyāsi rājañño asakkaccaṃ dānaṃ datvā asahatthā dānaṃ datvā acittīkataṃ dānaṃ datvā apaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajji suññaṃ serīsakaṃ vimānaṃ. Yo pana tassa dāne vāvaṭo ahosi uttaro nāma māṇavo. So sakkaccaṃ dānaṃ datvā sahatthā dānaṃ datvā cittīkataṃ dānaṃ datvā anapaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajji devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ.

    ปายาสิเทวปุโตฺต

    Pāyāsidevaputto

    ๔๔๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ควมฺปติ อภิกฺขณํ สุญฺญํ เสรีสกํ วิมานํ ทิวาวิหารํ คจฺฉติฯ อถ โข ปายาสิ เทวปุโตฺต เยนายสฺมา ควมฺปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ ควมฺปติํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตํ โข ปายาสิํ เทวปุตฺตํ อายสฺมา ควมฺปติ เอตทโวจ – ‘‘โกสิ ตฺวํ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภเนฺต, ปายาสิ ราชโญฺญ’’ติฯ ‘‘นนุ ตฺวํ, อาวุโส, เอวํทิฎฺฐิโก อโหสิ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’’ติ? ‘‘สจฺจาหํ, ภเนฺต, เอวํทิฎฺฐิโก อโหสิํ – ‘อิติปิ นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’ติฯ อปิ จาหํ อเยฺยน กุมารกสฺสเปน เอตสฺมา ปาปกา ทิฎฺฐิคตา วิเวจิโต’’ติฯ ‘‘โย ปน เต, อาวุโส, ทาเน วาวโฎ อโหสิ อุตฺตโร นาม มาณโว, โส กุหิํ อุปปโนฺน’’ติ? ‘‘โย เม, ภเนฺต, ทาเน วาวโฎ อโหสิ อุตฺตโร นาม มาณโว, โส สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา สหตฺถา ทานํ ทตฺวา จิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อนปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปโนฺน เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํฯ อหํ ปน, ภเนฺต, อสกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา อสหตฺถา ทานํ ทตฺวา อจิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปโนฺน สุญฺญํ เสรีสกํ วิมานํฯ เตน หิ, ภเนฺต ควมฺปติ, มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา เอวมาโรเจหิ – ‘สกฺกจฺจํ ทานํ เทถ, สหตฺถา ทานํ เทถ, จิตฺตีกตํ ทานํ เทถ, อนปวิทฺธํ ทานํ เทถฯ ปายาสิ ราชโญฺญ อสกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา อสหตฺถา ทานํ ทตฺวา อจิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปโนฺน สุญฺญํ เสรีสกํ วิมานํฯ โย ปน ตสฺส ทาเน วาวโฎ อโหสิ อุตฺตโร นาม มาณโว, โส สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา สหตฺถา ทานํ ทตฺวา จิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อนปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปโนฺน เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยต’’’นฺติฯ

    441. Tena kho pana samayena āyasmā gavampati abhikkhaṇaṃ suññaṃ serīsakaṃ vimānaṃ divāvihāraṃ gacchati. Atha kho pāyāsi devaputto yenāyasmā gavampati tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ gavampatiṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitaṃ kho pāyāsiṃ devaputtaṃ āyasmā gavampati etadavoca – ‘‘kosi tvaṃ, āvuso’’ti? ‘‘Ahaṃ, bhante, pāyāsi rājañño’’ti. ‘‘Nanu tvaṃ, āvuso, evaṃdiṭṭhiko ahosi – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’’ti? ‘‘Saccāhaṃ, bhante, evaṃdiṭṭhiko ahosiṃ – ‘itipi natthi paro loko, natthi sattā opapātikā, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’ti. Api cāhaṃ ayyena kumārakassapena etasmā pāpakā diṭṭhigatā vivecito’’ti. ‘‘Yo pana te, āvuso, dāne vāvaṭo ahosi uttaro nāma māṇavo, so kuhiṃ upapanno’’ti? ‘‘Yo me, bhante, dāne vāvaṭo ahosi uttaro nāma māṇavo, so sakkaccaṃ dānaṃ datvā sahatthā dānaṃ datvā cittīkataṃ dānaṃ datvā anapaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanno devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ. Ahaṃ pana, bhante, asakkaccaṃ dānaṃ datvā asahatthā dānaṃ datvā acittīkataṃ dānaṃ datvā apaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapanno suññaṃ serīsakaṃ vimānaṃ. Tena hi, bhante gavampati, manussalokaṃ gantvā evamārocehi – ‘sakkaccaṃ dānaṃ detha, sahatthā dānaṃ detha, cittīkataṃ dānaṃ detha, anapaviddhaṃ dānaṃ detha. Pāyāsi rājañño asakkaccaṃ dānaṃ datvā asahatthā dānaṃ datvā acittīkataṃ dānaṃ datvā apaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapanno suññaṃ serīsakaṃ vimānaṃ. Yo pana tassa dāne vāvaṭo ahosi uttaro nāma māṇavo, so sakkaccaṃ dānaṃ datvā sahatthā dānaṃ datvā cittīkataṃ dānaṃ datvā anapaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanno devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyata’’’nti.

    อถ โข อายสฺมา ควมฺปติ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา เอวมาโรเจสิ – ‘‘สกฺกจฺจํ ทานํ เทถ, สหตฺถา ทานํ เทถ, จิตฺตีกตํ ทานํ เทถ, อนปวิทฺธํ ทานํ เทถฯ ปายาสิ ราชโญฺญ อสกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา อสหตฺถา ทานํ ทตฺวา อจิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปโนฺน สุญฺญํ เสรีสกํ วิมานํฯ โย ปน ตสฺส ทาเน วาวโฎ อโหสิ อุตฺตโร นาม มาณโว, โส สกฺกจฺจํ ทานํ ทตฺวา สหตฺถา ทานํ ทตฺวา จิตฺตีกตํ ทานํ ทตฺวา อนปวิทฺธํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปโนฺน เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยต’’นฺติฯ

    Atha kho āyasmā gavampati manussalokaṃ āgantvā evamārocesi – ‘‘sakkaccaṃ dānaṃ detha, sahatthā dānaṃ detha, cittīkataṃ dānaṃ detha, anapaviddhaṃ dānaṃ detha. Pāyāsi rājañño asakkaccaṃ dānaṃ datvā asahatthā dānaṃ datvā acittīkataṃ dānaṃ datvā apaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapanno suññaṃ serīsakaṃ vimānaṃ. Yo pana tassa dāne vāvaṭo ahosi uttaro nāma māṇavo, so sakkaccaṃ dānaṃ datvā sahatthā dānaṃ datvā cittīkataṃ dānaṃ datvā anapaviddhaṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanno devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyata’’nti.

    ปายาสิสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ

    Pāyāsisuttaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.

    มหาวโคฺค นิฎฺฐิโตฯ

    Mahāvaggo niṭṭhito.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    มหาปทาน นิทานํ, นิพฺพานญฺจ สุทสฺสนํ;

    Mahāpadāna nidānaṃ, nibbānañca sudassanaṃ;

    ชนวสภ โควินฺทํ, สมยํ สกฺกปญฺหกํ;

    Janavasabha govindaṃ, samayaṃ sakkapañhakaṃ;

    มหาสติปฎฺฐานญฺจ, ปายาสิ ทสมํ ภเว 121

    Mahāsatipaṭṭhānañca, pāyāsi dasamaṃ bhave 122.

    มหาวคฺคปาฬิ นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāvaggapāḷi niṭṭhitā.







    Footnotes:
    1. สีสปาวเน (สฺยา.)
    2. sīsapāvane (syā.)
    3. สุกฎกฺกฎานํ (สี. ปี.)
    4. พุโทฺธ (สฺยา. ก.)
    5. เยน สิํสปาวนํ, เตนุปสงฺกมนฺติ (สี. ปี.)
    6. sukaṭakkaṭānaṃ (sī. pī.)
    7. buddho (syā. ka.)
    8. yena siṃsapāvanaṃ, tenupasaṅkamanti (sī. pī.)
    9. เยน สิํสปาวนํ, เตนุปสงฺกมเนฺต (สี. ปี.)
    10. เอตฺถ ปน สพฺพตฺถปิ เอวเมว ทิสฺสติ, นตฺถิ ปาฐนฺตรํ
    11. yena siṃsapāvanaṃ, tenupasaṅkamante (sī. pī.)
    12. ettha pana sabbatthapi evameva dissati, natthi pāṭhantaraṃ
    13. อรหา จ (สฺยา. ก.)
    14. ตเมนํ เต (สี. ก.), ตเมนํ (ปี.)
    15. arahā ca (syā. ka.)
    16. tamenaṃ te (sī. ka.), tamenaṃ (pī.)
    17. กาเรตฺวา (สฺยา. ก.)
    18. รถิยาย รถิยํ (พหูสู)
    19. kāretvā (syā. ka.)
    20. rathiyāya rathiyaṃ (bahūsū)
    21. อุปมายปิเธกเจฺจ (สี. สฺยา.), อุปมายปิอิเธกเจฺจ (ปี.)
    22. สสีสโก (สฺยา.)
    23. สุปฺปฎฺฎิตํ อุปฺปเฎฺฎถาติ (ก.)
    24. upamāyapidhekacce (sī. syā.), upamāyapiidhekacce (pī.)
    25. sasīsako (syā.)
    26. suppaṭṭitaṃ uppaṭṭethāti (ka.)
    27. นิมุชฺชิตุกามฺยตา (สฺยา. ก.)
    28. nimujjitukāmyatā (syā. ka.)
    29. รตฺติทิโว (ก.)
    30. rattidivo (ka.)
    31. มเญฺชฎฺฐกานิ (สฺยา.)
    32. mañjeṭṭhakāni (syā.)
    33. ( ) นตฺถิ (สฺยา. ปี.)
    34. ( ) natthi (syā. pī.)
    35. มาตุสปติํ (สฺยา.)
    36. ปิตุ เม สนฺตโก (สฺยา.)
    37. นียฺยาเตหีติ (สี. ปี.)
    38. อุปโภคฺคา (สฺยา.)
    39. อุปโภคฺคา (สฺยา.)
    40. mātusapatiṃ (syā.)
    41. pitu me santako (syā.)
    42. nīyyātehīti (sī. pī.)
    43. upabhoggā (syā.)
    44. upabhoggā (syā.)
    45. อุปฺปาเตสิ (สฺยา.)
    46. uppātesi (syā.)
    47. พหลวิเลปนํ (สฺยา. ก.)
    48. วิโลเกม (สฺยา.)
    49. bahalavilepanaṃ (syā. ka.)
    50. vilokema (syā.)
    51. เจลาวิกาปิ (สฺยา.), เกฬายิกาปิ (สี.)
    52. เจลาวิกาปิ (สฺยา.), เกฬายิกาปิ (สี.)
    53. celāvikāpi (syā.), keḷāyikāpi (sī.)
    54. celāvikāpi (syā.), keḷāyikāpi (sī.)
    55. ปจฺจนฺตชานํ (สี.)
    56. เอตทโหสิ ‘‘กิสฺส ทุโข (ปี.)
    57. paccantajānaṃ (sī.)
    58. etadahosi ‘‘kissa dukho (pī.)
    59. วาโยสหคโต (สฺยา.)
    60. วิปาโกติ, ปฐมภาณวารํ (สฺยา.)
    61. vāyosahagato (syā.)
    62. vipākoti, paṭhamabhāṇavāraṃ (syā.)
    63. วสติ (สี. ปี.)
    64. สโตฺถ ชนปทปเทสา (สี.), ชนปโท สตฺถวาโส (สฺยา.), ชนปทปเทโส (ปี.)
    65. สตฺถวาโส (สฺยา.)
    66. อโหสิ (?)
    67. นครํ (ก.)
    68. vasati (sī. pī.)
    69. sattho janapadapadesā (sī.), janapado satthavāso (syā.), janapadapadeso (pī.)
    70. satthavāso (syā.)
    71. ahosi (?)
    72. nagaraṃ (ka.)
    73. วีสติธา (สฺยา.)
    74. โอผุนิ (สฺยา. ก.)
    75. vīsatidhā (syā.)
    76. ophuni (syā. ka.)
    77. วิภเชสุํ (ก.)
    78. ปายาเปสิ (สี. ปี.)
    79. โลหิตกฺขิํ (สฺยา.)
    80. อาสนฺนทฺธกลาปํ (สฺยา.)
    81. vibhajesuṃ (ka.)
    82. pāyāpesi (sī. pī.)
    83. lohitakkhiṃ (syā.)
    84. āsannaddhakalāpaṃ (syā.)
    85. เต (ก.)
    86. สทฺทหาตพฺพํ (ปี. ก.)
    87. te (ka.)
    88. saddahātabbaṃ (pī. ka.)
    89. สูกรานํ ภโกฺข (สฺยา.)
    90. อุจฺจาโรเปตฺวา (ก. สี. ก.)
    91. คูถหาริกูปโม (สี. ปี.)
    92. sūkarānaṃ bhakkho (syā.)
    93. uccāropetvā (ka. sī. ka.)
    94. gūthahārikūpamo (sī. pī.)
    95. คิลิ เร ปาปธุตฺตก (ก.)
    96. gili re pāpadhuttaka (ka.)
    97. คามปชฺชํ (สฺยา.), คามปตฺตํ (สี.)
    98. gāmapajjaṃ (syā.), gāmapattaṃ (sī.)
    99. อยสํ (สฺยา.)
    100. สชฺฌุํ (สี. สฺยา. ปี.)
    101. สชฺฌุภารํ (สี. สฺยา. ปี.)
    102. ayasaṃ (syā.)
    103. sajjhuṃ (sī. syā. pī.)
    104. sajjhubhāraṃ (sī. syā. pī.)
    105. วิรุฬฺหิํ (โมคฺคลาเน)
    106. น เอวํ (สฺยา. ก.)
    107. viruḷhiṃ (moggalāne)
    108. na evaṃ (syā. ka.)
    109. โถรกานิ (สี. ปี.), โจรกานิ (สฺยา.)
    110. คุฬคาฬกานิ (ก.)
    111. พฺยาวโฎ (สี. ปี.)
    112. ปาทาสิ (ก.)
    113. ฉุปิตุํ (ปี. ก.)
    114. อจิตฺติกตํ (ก.)
    115. thorakāni (sī. pī.), corakāni (syā.)
    116. guḷagāḷakāni (ka.)
    117. byāvaṭo (sī. pī.)
    118. pādāsi (ka.)
    119. chupituṃ (pī. ka.)
    120. acittikataṃ (ka.)
    121. สติปฎฺฐานปายาสิ, มหาวคฺคสฺส สงฺคโห (สี. ปี.) สติปฎฺฐานปายาสิ, มหาวโคฺคติ วุจฺจตีติ (สฺยา.)
    122. satipaṭṭhānapāyāsi, mahāvaggassa saṅgaho (sī. pī.) satipaṭṭhānapāyāsi, mahāvaggoti vuccatīti (syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนา • 10. Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ปายาสิราชญฺญสุตฺตวณฺณนา • 10. Pāyāsirājaññasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact