Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๗. เปสวตีวิมานวณฺณนา

    7. Pesavatīvimānavaṇṇanā

    ผลิกรชตเหมชาลฉนฺนนฺติ เปสวตีวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน มคเธสุ นาลกคาเม เอกสฺมิํ คหปติมหาสารกุเล เปสวตี นาม กุลสุณฺหา อโหสิฯ สา กิร กสฺสปสฺส ภควโต โยชนิเก กนกถูเป กยิรมาเน ทาริกา หุตฺวา มาตรา สทฺธิํ เจติยฎฺฐานํ คนฺตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘กิํ อิเม, อมฺม, กโรนฺตี’’ติ? ‘‘เจติยํ กาตุํ สุวณฺณิฎฺฐกา กโรนฺตี’’ติฯ ตํ สุตฺวา ทาริกา ปสนฺนมานสา มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, มม คีวาย อิทํ โสวณฺณมยํ ขุทฺทกปิฬนฺธนํ อตฺถิ, อิมาหํ เจติยตฺถาย เทมี’’ติฯ มาตา ‘‘สาธุ เทหี’’ติ วตฺวา ตํ คีวโต โอมุญฺจิตฺวา สุวณฺณการสฺส หเตฺถ อทาสิ ‘‘อิทํ อิมาย ทาริกาย ปริจฺจชิตํ, อิมมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา อิฎฺฐกํ กโรหี’’ติฯ สุวณฺณกาโร ตถา อกาสิฯ สา ทาริกา อปรภาเค กาลํ กตฺวา เตเนว ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สุคติยํเยว อปราปรํ สํสรนฺตี อมฺหากํ ภควโต กาเล นาลกคาเม นิพฺพตฺตา อนุกฺกเมน ทฺวาทสวสฺสิกา ชาตาฯ

    Phalikarajatahemajālachannanti pesavatīvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena magadhesu nālakagāme ekasmiṃ gahapatimahāsārakule pesavatī nāma kulasuṇhā ahosi. Sā kira kassapassa bhagavato yojanike kanakathūpe kayiramāne dārikā hutvā mātarā saddhiṃ cetiyaṭṭhānaṃ gantvā mātaraṃ pucchi ‘‘kiṃ ime, amma, karontī’’ti? ‘‘Cetiyaṃ kātuṃ suvaṇṇiṭṭhakā karontī’’ti. Taṃ sutvā dārikā pasannamānasā mātaraṃ āha – ‘‘amma, mama gīvāya idaṃ sovaṇṇamayaṃ khuddakapiḷandhanaṃ atthi, imāhaṃ cetiyatthāya demī’’ti. Mātā ‘‘sādhu dehī’’ti vatvā taṃ gīvato omuñcitvā suvaṇṇakārassa hatthe adāsi ‘‘idaṃ imāya dārikāya pariccajitaṃ, imampi pakkhipitvā iṭṭhakaṃ karohī’’ti. Suvaṇṇakāro tathā akāsi. Sā dārikā aparabhāge kālaṃ katvā teneva puññakammena devaloke nibbattitvā sugatiyaṃyeva aparāparaṃ saṃsarantī amhākaṃ bhagavato kāle nālakagāme nibbattā anukkamena dvādasavassikā jātā.

    สา เอกทิวสํ มาตรา เปสิตํ มูลํ คเหตฺวา เตลตฺถาย อญฺญตรํ อาปณํ อคมาสิฯ ตสฺมิญฺจ อาปเณ อญฺญตโร กุฎุมฺพิยปุโตฺต ปิตรา นิทหิตฺวา ฐปิตํ พหุํ หิรญฺญสุวณฺณํ มุตฺตามณิรตนานิ จ คเหตุํ อุทฺธรโนฺต อาปณิโก กมฺมพเลน กถลปาสาณสกฺขรรูเปน อุปฎฺฐหนฺตานิ ทิสฺวา ตโต เอกเทสํ ‘‘ปุญฺญวนฺตานํ วเสน หิรญฺญสุวณฺณาทิ ภวิสฺสตี’’ติ วีมํสิตุํ ราสิํ กตฺวา ฐเปสิฯ อถ นํ สา ทาริกา ทิสฺวา ‘‘กสฺมา อาปเณ รตนานิ เอวํ ฐปิตานิ, นนุ นาม สมฺมเทว ปฎิสาเมตพฺพานี’’ติ อาหฯ อาปณิโก ตํ สุตฺวา ‘‘มหาปุญฺญา อยํ ทาริกา, อิมิสฺสา วเสน สพฺพมิทํ หิรญฺญาทิ เอว หุตฺวา อมฺหากํ วินิโยคํ คมิสฺสติ, สงฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ตสฺสา มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ ทาริกํ มยฺหํ ปุตฺตสฺสตฺถาย เทหี’’ติ วาเรตฺวา พหุธนํ ทตฺวา อาวาหวิวาหํ กตฺวา ตํ อตฺตโน เคหํ อาเนสิฯ อถสฺสา สีลาจารํ ญตฺวา ภณฺฑาคารํ วิวริตฺวา ‘‘กิํ เอตฺถ ปสฺสสี’’ติ วตฺวา ตาย ‘‘หิรญฺญสุวณฺณมณิเมว ราสิกตํ ปสฺสามี’’ติ วุเตฺต ‘‘เอตานิ อมฺหากํ กมฺมพเลน อนฺตรธายนฺตานิ ตว ปุญฺญวิเสเสน ปุน วิเสสานิ ชาตานิ, ตสฺมา อิโต ปฎฺฐาย อิมสฺมิํ เคเห สพฺพํ ตฺวํเยว วิจาเรหิ , ตยา ทินฺนเมว มยํ ปริภุญฺชิสฺสามา’’ติ วตฺวา ตโต ปภุติ ตํ ‘‘เปสวตี’’ติ โวหริํสุฯ

    Sā ekadivasaṃ mātarā pesitaṃ mūlaṃ gahetvā telatthāya aññataraṃ āpaṇaṃ agamāsi. Tasmiñca āpaṇe aññataro kuṭumbiyaputto pitarā nidahitvā ṭhapitaṃ bahuṃ hiraññasuvaṇṇaṃ muttāmaṇiratanāni ca gahetuṃ uddharanto āpaṇiko kammabalena kathalapāsāṇasakkhararūpena upaṭṭhahantāni disvā tato ekadesaṃ ‘‘puññavantānaṃ vasena hiraññasuvaṇṇādi bhavissatī’’ti vīmaṃsituṃ rāsiṃ katvā ṭhapesi. Atha naṃ sā dārikā disvā ‘‘kasmā āpaṇe ratanāni evaṃ ṭhapitāni, nanu nāma sammadeva paṭisāmetabbānī’’ti āha. Āpaṇiko taṃ sutvā ‘‘mahāpuññā ayaṃ dārikā, imissā vasena sabbamidaṃ hiraññādi eva hutvā amhākaṃ viniyogaṃ gamissati, saṅgaṇhissāmi na’’nti cintetvā tassā mātu santikaṃ gantvā ‘‘imaṃ dārikaṃ mayhaṃ puttassatthāya dehī’’ti vāretvā bahudhanaṃ datvā āvāhavivāhaṃ katvā taṃ attano gehaṃ ānesi. Athassā sīlācāraṃ ñatvā bhaṇḍāgāraṃ vivaritvā ‘‘kiṃ ettha passasī’’ti vatvā tāya ‘‘hiraññasuvaṇṇamaṇimeva rāsikataṃ passāmī’’ti vutte ‘‘etāni amhākaṃ kammabalena antaradhāyantāni tava puññavisesena puna visesāni jātāni, tasmā ito paṭṭhāya imasmiṃ gehe sabbaṃ tvaṃyeva vicārehi , tayā dinnameva mayaṃ paribhuñjissāmā’’ti vatvā tato pabhuti taṃ ‘‘pesavatī’’ti vohariṃsu.

    เตน จ สมเยน อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อายุสงฺขารานํ ปริกฺขีณภาวํ ญตฺวา ‘‘มยฺหํ มาตุยา รูปสาริพฺราหฺมณิยา โปสาวนิกมูลํ ทตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ อาณาย มหนฺตํ ปาฎิหาริยํ ทเสฺสตฺวา อเนเกหิ ถุติสหเสฺสหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวา ยาว ทสฺสนวิสยาติกฺกมา อภิมุโขว อปกฺกมิตฺวา ปุน วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต วิหารา นิกฺขมฺม ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทํ ทตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สมสฺสาเสตฺวา จตโสฺสปิ ปริสา นิวเตฺตตฺวา อนุกฺกเมน นาลกคามํ ปตฺวา มาตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา ปจฺจูสสมเย ชาโตวรเก ปรินิพฺพายิฯ ปรินิพฺพุตสฺส จสฺส สรีรสกฺการกรณวเสน เทวา เจว มนุสฺสา จ สตฺตาหํ วีตินาเมสุํ, อครุจนฺทนาทีหิ หตฺถสตุเพฺพธํ จิตกมกํสุฯ

    Tena ca samayena āyasmā dhammasenāpati attano āyusaṅkhārānaṃ parikkhīṇabhāvaṃ ñatvā ‘‘mayhaṃ mātuyā rūpasāribrāhmaṇiyā posāvanikamūlaṃ datvā parinibbāyissāmī’’ti cintetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā parinibbānaṃ anujānāpetvā satthu āṇāya mahantaṃ pāṭihāriyaṃ dassetvā anekehi thutisahassehi bhagavantaṃ thometvā yāva dassanavisayātikkamā abhimukhova apakkamitvā puna vanditvā bhikkhusaṅghaparivuto vihārā nikkhamma bhikkhusaṅghassa ovādaṃ datvā āyasmantaṃ ānandaṃ samassāsetvā catassopi parisā nivattetvā anukkamena nālakagāmaṃ patvā mātaraṃ sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā paccūsasamaye jātovarake parinibbāyi. Parinibbutassa cassa sarīrasakkārakaraṇavasena devā ceva manussā ca sattāhaṃ vītināmesuṃ, agarucandanādīhi hatthasatubbedhaṃ citakamakaṃsu.

    เปสวตีปิ เถรสฺส ปรินิพฺพานํ สุตฺวา ‘‘คนฺตา ปูเชสฺสามี’’ติ สุวณฺณปุเปฺผหิ คนฺธชาเตหิ จ ปูริตานิ จโงฺกฎกานิ คาหาเปตฺวา คนฺตุกามา สสุรํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘ตฺวํ ครุภารา, ตตฺถ จ มหาชนสมฺมโทฺท, ปุปฺผคนฺธานิ เปเสตฺวา อิเธว โหหี’’ติ วุตฺตาปิ สทฺธาชาตา ‘‘ยทิปิ เม ตตฺถ ชีวิตนฺตราโย สิยา, คนฺตาว ปูชาสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ ตํ วจนํ อคฺคเหตฺวา สปริวารา ตตฺถ คนฺตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา กตญฺชลี อฎฺฐาสิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย เถรํ ปูเชตุํ อาคตานํ ราชปริสานํ หตฺถี มโตฺต หุตฺวา ตํ ปเทสํ อุปคญฺฉิฯ ตํ ทิสฺวา มรณภยภีเตสุ มนุเสฺสสุ ปลายเนฺตสุ ชนสมฺมเทฺทน ปติตํ เปสวติํ มหาชโน อกฺกมิตฺวา มาเรสิฯ สา ปูชาสกฺการํ กตฺวา เถรคตาย สทฺธาย สมฺปนฺนจิตฺตา เอว กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสญฺจสฺสา ปริวาโร อโหสิฯ

    Pesavatīpi therassa parinibbānaṃ sutvā ‘‘gantā pūjessāmī’’ti suvaṇṇapupphehi gandhajātehi ca pūritāni caṅkoṭakāni gāhāpetvā gantukāmā sasuraṃ āpucchitvā tena ‘‘tvaṃ garubhārā, tattha ca mahājanasammaddo, pupphagandhāni pesetvā idheva hohī’’ti vuttāpi saddhājātā ‘‘yadipi me tattha jīvitantarāyo siyā, gantāva pūjāsakkāraṃ karissāmī’’ti taṃ vacanaṃ aggahetvā saparivārā tattha gantvā gandhapupphādīhi pūjetvā katañjalī aṭṭhāsi. Tasmiñca samaye theraṃ pūjetuṃ āgatānaṃ rājaparisānaṃ hatthī matto hutvā taṃ padesaṃ upagañchi. Taṃ disvā maraṇabhayabhītesu manussesu palāyantesu janasammaddena patitaṃ pesavatiṃ mahājano akkamitvā māresi. Sā pūjāsakkāraṃ katvā theragatāya saddhāya sampannacittā eva kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbatti, accharāsahassañcassā parivāro ahosi.

    สา ตาวเทว อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺติํ โอโลเกตฺวา ‘‘กีทิเสน นุ โข ปุเญฺญน มยา เอสา ลทฺธา’’ติ, ตสฺสา เหตุํ อุปธาเรนฺตี เถรํ อุทฺทิสฺส กตํ ปูชาสกฺการํ ทิสฺวา, รตนตฺตเย อภิปฺปสนฺนมานสา สตฺถารํ วนฺทิตุํ อจฺฉราสหสฺสปริวุตา สฎฺฐิสกฎภาราลงฺการปฎิมณฺฑิตตฺตภาวา สุมหติยา เทวิทฺธิยา จโนฺท วิย จ สูริโย วิย จ ทส ทิสา โอภาสยมานา สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ เตน จ สมเยน อายสฺมา วงฺคีโส ภควโต สมีเป นิสิโนฺน ภควนฺตํ เอวมาห ‘‘ปฎิภาติ มํ ภควา อิมิสฺสา เทวตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิตุ’’นฺติฯ ‘‘ปฎิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจฯ อถ อายสฺมา วงฺคีโส ตาย เทวตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิตุกาโม ปฐมํ ตาวสฺสา วิมานํ สํวเณฺณโนฺต อาห –

    Sā tāvadeva attano dibbasampattiṃ oloketvā ‘‘kīdisena nu kho puññena mayā esā laddhā’’ti, tassā hetuṃ upadhārentī theraṃ uddissa kataṃ pūjāsakkāraṃ disvā, ratanattaye abhippasannamānasā satthāraṃ vandituṃ accharāsahassaparivutā saṭṭhisakaṭabhārālaṅkārapaṭimaṇḍitattabhāvā sumahatiyā deviddhiyā cando viya ca sūriyo viya ca dasa disā obhāsayamānā saha vimānena āgantvā vimānato oruyha bhagavantaṃ vanditvā añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Tena ca samayena āyasmā vaṅgīso bhagavato samīpe nisinno bhagavantaṃ evamāha ‘‘paṭibhāti maṃ bhagavā imissā devatāya katakammaṃ pucchitu’’nti. ‘‘Paṭibhātu taṃ, vaṅgīsā’’ti bhagavā avoca. Atha āyasmā vaṅgīso tāya devatāya katakammaṃ pucchitukāmo paṭhamaṃ tāvassā vimānaṃ saṃvaṇṇento āha –

    ๖๔๖.

    646.

    ‘‘ผลิกรชตเหมชาลฉนฺนํ, วิวิธจิตฺรตลมทฺทสํ สุรมฺมํ;

    ‘‘Phalikarajatahemajālachannaṃ, vividhacitratalamaddasaṃ surammaṃ;

    พฺยมฺหํ สุนิมฺมิตํ โตรณูปปนฺนํ, รุจกุปกิณฺณมิทํ สุภํ วิมานํฯ

    Byamhaṃ sunimmitaṃ toraṇūpapannaṃ, rucakupakiṇṇamidaṃ subhaṃ vimānaṃ.

    ๖๔๗.

    647.

    ‘‘ภาติ จ ทส ทิสา นเภว สุริโย, สรเท ตโมนุโท สหสฺสรํสี;

    ‘‘Bhāti ca dasa disā nabheva suriyo, sarade tamonudo sahassaraṃsī;

    ตถา ตปติ มิทํ ตว วิมานํ, ชลมิว ธูมสิโข นิเส นภเคฺคฯ

    Tathā tapati midaṃ tava vimānaṃ, jalamiva dhūmasikho nise nabhagge.

    ๖๔๘.

    648.

    ‘‘มุสตีว นยนํ สเตรตาว, อากาเส ฐปิตมิทํ มนุญฺญํ;

    ‘‘Musatīva nayanaṃ sateratāva, ākāse ṭhapitamidaṃ manuññaṃ;

    วีณามุรชสมฺมตาฬฆุฎฺฐํ, อิทฺธํ อินฺทปุรํ ยถา ตเวทํฯ

    Vīṇāmurajasammatāḷaghuṭṭhaṃ, iddhaṃ indapuraṃ yathā tavedaṃ.

    ๖๔๙.

    649.

    ‘‘ปทุมกุมุทุปฺปลกุวลยํ , โยธิกพนฺธุกโนชกา จ สนฺติ;

    ‘‘Padumakumuduppalakuvalayaṃ , yodhikabandhukanojakā ca santi;

    สาลกุสุมิตปุปฺผิตา อโสกา, วิวิธทุมคฺคสุคนฺธเสวิตมิทํฯ

    Sālakusumitapupphitā asokā, vividhadumaggasugandhasevitamidaṃ.

    ๖๕๐.

    650.

    ‘‘สฬลลพุชภุชกสํยุตฺตา, กุสกสุผุลฺลิตลตาวลมฺพินีหิ;

    ‘‘Saḷalalabujabhujakasaṃyuttā, kusakasuphullitalatāvalambinīhi;

    มณิชาลสทิสา ยสสฺสินี, รมฺมา โปกฺขรณี อุปฎฺฐิตา เตฯ

    Maṇijālasadisā yasassinī, rammā pokkharaṇī upaṭṭhitā te.

    ๖๕๑.

    651.

    ‘‘อุทกรุหา จ เยตฺถิ ปุปฺผชาตา, ถลชา เย จ สนฺติ รุกฺขชาตา;

    ‘‘Udakaruhā ca yetthi pupphajātā, thalajā ye ca santi rukkhajātā;

    มานุสกามานุสฺสกา จ ทิพฺพา, สเพฺพ ตุยฺหํ นิเวสนมฺหิ ชาตาฯ

    Mānusakāmānussakā ca dibbā, sabbe tuyhaṃ nivesanamhi jātā.

    ๖๕๒.

    652.

    ‘‘กิสฺส สํยมทมสฺสยํ วิปาโก, เกนาสิ กมฺมผเลนิธูปปนฺนา;

    ‘‘Kissa saṃyamadamassayaṃ vipāko, kenāsi kammaphalenidhūpapannā;

    ยถา จ เต อธิคตมิทํ วิมานํ, ตทนุปทํ อวจาสิฬารปเมฺห’’ติฯ

    Yathā ca te adhigatamidaṃ vimānaṃ, tadanupadaṃ avacāsiḷārapamhe’’ti.

    ๖๔๖. ตตฺถ ผลิกรชตเหมชาลฉนฺนนฺติ ผลิกมณีหิ รชตเหมชาเลหิ จ ฉาทิตํ, ผลิกมณิมยาหิ ภิตฺตีหิ รชตเหมมเยหิ ชาเลหิ จ สมนฺตโต เหฎฺฐา จ อุปริ จ ฉาทิตํ, วิวิธวณฺณานํ วิจิตฺตสนฺนิเวสานญฺจ ตลานํ ภูมีนํ วเสน วิวิธจิตฺรตลํ อทฺทสํ ปสฺสิํฯ สุรมฺมนฺติ สุฎฺฐุ รมณียํฯ วิหริตุกามา วสนฺติ เอตฺถาติ พฺยมฺหํ, ภวนํฯ โตรณูปปนฺนนฺติ วิวิธมาลากมฺมาทิวิจิเตฺตน สตฺตรตนมเยน โตรเณน อุเปตํฯ โตรณนฺติ วา ทฺวารโกฎฺฐกปาสาทสฺส นามํ, เตน จ อเนกภูมเกน วิจิตฺตากาเรน ตํ วิมานํ อุเปตํฯ รุจกุปติณฺณนฺติ สุวณฺณวาลิกาหิ โอกิณฺณงฺคณํฯ วาลิกสทิสา หิ สุวณฺณขณฺฑา รุจา นาม, รุจเมว รุจกนฺติ วุตฺตํฯ สุภนฺติ โสภติ, สุฎฺฐุ ภาตีติ วา สุภํฯ วิมานนฺติ วิสิฎฺฐมานํ, ปมาณโต มหนฺตนฺติ อโตฺถฯ

    646. Tattha phalikarajatahemajālachannanti phalikamaṇīhi rajatahemajālehi ca chāditaṃ, phalikamaṇimayāhi bhittīhi rajatahemamayehi jālehi ca samantato heṭṭhā ca upari ca chāditaṃ, vividhavaṇṇānaṃ vicittasannivesānañca talānaṃ bhūmīnaṃ vasena vividhacitratalaṃ addasaṃ passiṃ. Surammanti suṭṭhu ramaṇīyaṃ. Viharitukāmā vasanti etthāti byamhaṃ, bhavanaṃ. Toraṇūpapannanti vividhamālākammādivicittena sattaratanamayena toraṇena upetaṃ. Toraṇanti vā dvārakoṭṭhakapāsādassa nāmaṃ, tena ca anekabhūmakena vicittākārena taṃ vimānaṃ upetaṃ. Rucakupatiṇṇanti suvaṇṇavālikāhi okiṇṇaṅgaṇaṃ. Vālikasadisā hi suvaṇṇakhaṇḍā rucā nāma, rucameva rucakanti vuttaṃ. Subhanti sobhati, suṭṭhu bhātīti vā subhaṃ. Vimānanti visiṭṭhamānaṃ, pamāṇato mahantanti attho.

    ๖๔๗. ภาตีติ โชตติ อุชฺชลติฯ นเภว สุริโยติ อากาเส อาทิโจฺจ วิยฯ สรเทติ สรทสมเยฯ ตโมนุโทติ อนฺธการวิทฺธํสโนฯ ตถา ตปติ มิทนฺติ ยถา สรทกาเล สหสฺสรํสี สูริโย, ตถา ตปติ ทิพฺพติ อิทํ ตว วิมานํ, ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ ชลมิว ธูมสิโขติ ชลโนฺต อคฺคิ วิยฯ อคฺคิ หิ ตสฺส อคฺคโต ธูโม ปญฺญายตีติ ‘‘ธูมสิโข ธูมเกตู’’ติ จ วุจฺจติฯ นิเสติ นิสติ, รตฺติยนฺติ อโตฺถฯ นภเคฺคติ นภโกฎฺฐาเส, อากาสปเทเสติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘นคเคฺค’’ติ วา ปาโฐ, ปพฺพตสิขเรติ อโตฺถฯ อิทํ ตว วิมานนฺติ โยชนาฯ

    647.Bhātīti jotati ujjalati. Nabheva suriyoti ākāse ādicco viya. Saradeti saradasamaye. Tamonudoti andhakāraviddhaṃsano. Tathā tapati midanti yathā saradakāle sahassaraṃsī sūriyo, tathā tapati dibbati idaṃ tava vimānaṃ, ma-kāro padasandhikaro. Jalamiva dhūmasikhoti jalanto aggi viya. Aggi hi tassa aggato dhūmo paññāyatīti ‘‘dhūmasikho dhūmaketū’’ti ca vuccati. Niseti nisati, rattiyanti attho. Nabhaggeti nabhakoṭṭhāse, ākāsapadeseti vuttaṃ hoti. ‘‘Nagagge’’ti vā pāṭho, pabbatasikhareti attho. Idaṃ tava vimānanti yojanā.

    ๖๔๘. มุสตีว นยนนฺติ อติวิย อตฺตโน ปภสฺสรตาย ปฎิหนนฺตํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ อเทนฺตํ โอโลเกนฺตานํ จกฺขุํ มุสติ วิยฯ เตนาห ‘‘สเตรตาวา’’ติ, วิชฺชุลตา วิยาติ อโตฺถฯ วีณามุรชสมฺมตาฬฆุฎฺฐนฺติ มหตีอาทิวีณานํ เภริอาทิปฎหานํ หตฺถตาฬกํสตาฬานญฺจ สเทฺทหิ โฆสิตํ เอกนินฺนาทํฯ อิทฺธนฺติ เทวปุเตฺตหิ เทวธีตาหิ ทิพฺพสมฺปตฺติยา จ สมิทฺธํฯ อินฺทปุรํ ยถาติ สุทสฺสนนครํ วิยฯ

    648.Musatīvanayananti ativiya attano pabhassaratāya paṭihanantaṃ dassanakiccaṃ kātuṃ adentaṃ olokentānaṃ cakkhuṃ musati viya. Tenāha ‘‘sateratāvā’’ti, vijjulatā viyāti attho. Vīṇāmurajasammatāḷaghuṭṭhanti mahatīādivīṇānaṃ bheriādipaṭahānaṃ hatthatāḷakaṃsatāḷānañca saddehi ghositaṃ ekaninnādaṃ. Iddhanti devaputtehi devadhītāhi dibbasampattiyā ca samiddhaṃ. Indapuraṃ yathāti sudassananagaraṃ viya.

    ๖๔๙. ปทุมานิ จ กุมุทานิ จ อุปฺปลานิ จ กุวลยานิ จ ปทุมกุมุทุปฺปลกุวลยนฺติ เอกตฺตวเสน วุตฺตํฯ อตฺถีติ วจนํ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ ปทุมคฺคหเณน ปุณฺฑรีกมฺปิ คหิตํ, กุมุทคฺคหเณน เสตรตฺตเภทานิ สพฺพานิ กุมุทานิ, อุปฺปลคฺคหเณน รตฺตอุปฺปลํ สพฺพา วา อุปฺปลชาติ, กุวลยคฺคหเณน นีลุปฺปลเมว คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ โยธิกพนฺธุกโนชกา จ สนฺตีติ จ-กาโร นิปาตมตฺตํ, โยธิกพนฺธุชีวกอโนชกรุกฺขา จ สนฺตีติ อโตฺถฯ เกจิ ‘‘อโนชกาปิ สนฺตี’’ติ ปาฐํ วตฺวา ‘‘อโนชกาปีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ สาลกุสุมิตปุปฺผิตา อโสกาติ สาลา กุสุมิตา ปุปฺผิตา อโสกาติ โยเชตพฺพํ ฯ วิวิธทุมคฺคสุคนฺธเสวิตมิทนฺติ นานาวิธานํ อุตฺตมรุกฺขานํ โสภเนหิ คเนฺธหิ เสวิตํ ปริภาวิตํ อิทํ เต วิมานนฺติ อโตฺถฯ

    649. Padumāni ca kumudāni ca uppalāni ca kuvalayāni ca padumakumuduppalakuvalayanti ekattavasena vuttaṃ. Atthīti vacanaṃ pariṇāmetvā yojetabbaṃ. Tattha padumaggahaṇena puṇḍarīkampi gahitaṃ, kumudaggahaṇena setarattabhedāni sabbāni kumudāni, uppalaggahaṇena rattauppalaṃ sabbā vā uppalajāti, kuvalayaggahaṇena nīluppalameva gahitanti veditabbaṃ. Yodhikabandhukanojakā ca santīti ca-kāro nipātamattaṃ, yodhikabandhujīvakaanojakarukkhā ca santīti attho. Keci ‘‘anojakāpi santī’’ti pāṭhaṃ vatvā ‘‘anojakāpīti vuttaṃ hotī’’ti atthaṃ vadanti. Sālakusumitapupphitā asokāti sālā kusumitā pupphitā asokāti yojetabbaṃ . Vividhadumaggasugandhasevitamidanti nānāvidhānaṃ uttamarukkhānaṃ sobhanehi gandhehi sevitaṃ paribhāvitaṃ idaṃ te vimānanti attho.

    ๖๕๐. สฬลลพุชภุชกสํยุตฺตาติ ตีเร ฐิเตหิ สฬเลหิ ลพุเชหิ ภุชกรุเกฺขหิ จ สหิตาฯ ภุชโก นาม เอโก สุคนฺธรุโกฺข เทวโลเก จ คนฺธมาทเน จ อตฺถิ, อญฺญตฺถ นตฺถีติ วทนฺติฯ กุสกสุผุลฺลิตลตาวลมฺพินีหีติ กุสเกหิ ตาลนาฬิเกราทีหิ ติณชาตีหิ โอลมฺพมานาหิ สนฺตานกวลฺลิอาทีหิ สุฎฺฐุ กุสุมิตลตาหิ จ สํยุตฺตาติ โยชนาฯ มณิชาลสทิสาติ มณิชาลสทิสชลาฯ ‘‘มณิชลสทิสา’’ติปิ ปาฬิ, มณิสทิสชลาติ อโตฺถฯ ยสสฺสินีติ เทวตาย อาลปนํฯ อุปฎฺฐิตา เตติ ยถาวุตฺตคุณา รมณียา โปกฺขรณี ตว วิมานสมีเป ฐิตาฯ

    650.Saḷalalabujabhujakasaṃyuttāti tīre ṭhitehi saḷalehi labujehi bhujakarukkhehi ca sahitā. Bhujako nāma eko sugandharukkho devaloke ca gandhamādane ca atthi, aññattha natthīti vadanti. Kusakasuphullitalatāvalambinīhīti kusakehi tālanāḷikerādīhi tiṇajātīhi olambamānāhi santānakavalliādīhi suṭṭhu kusumitalatāhi ca saṃyuttāti yojanā. Maṇijālasadisāti maṇijālasadisajalā. ‘‘Maṇijalasadisā’’tipi pāḷi, maṇisadisajalāti attho. Yasassinīti devatāya ālapanaṃ. Upaṭṭhitā teti yathāvuttaguṇā ramaṇīyā pokkharaṇī tava vimānasamīpe ṭhitā.

    ๖๕๑. อุทกรุหาติ ยถาวุเตฺต ปทุมาทิเก สนฺธาย วทติฯ เยตฺถีติ เย อตฺถิฯ ถลชาติ โยธิกาทิกาฯ เย จ สนฺตีติ เย อเญฺญปิ รุกฺขชาตา ปุปฺผูปคา จ ผลูปคา จ, เตปิ ตว วิมานสมีเป สนฺติเยวฯ

    651.Udakaruhāti yathāvutte padumādike sandhāya vadati. Yetthīti ye atthi. Thalajāti yodhikādikā. Ye ca santīti ye aññepi rukkhajātā pupphūpagā ca phalūpagā ca, tepi tava vimānasamīpe santiyeva.

    ๖๕๒. กิสฺส สํยมทมสฺสยํ วิปาโกติ กายสํยมาทีสุ กีทิสสฺส สํยมสฺส, อินฺทฺริยทมนาทีสุ กีทิสสฺส ทมสฺส อยํ วิปาโกฯ เกนาสีติ อญฺญเมว อุปปตฺตินิพฺพตฺตกํ, อญฺญํ อุปโภคสุขนิพฺพตฺตกํ โหตีติ ‘‘เกนาสิ กมฺมผเลนิธูปปนฺนา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ยถา จ เต อธิคตมิทํ วิมาน’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ กมฺมผเลนาติ กมฺมผเลน วิปจฺจิตุํ อารเทฺธนาติ วจนเสโส, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํฯ ตทนุปทํ อวจาสีติ ตํ กมฺมํ มยา วุตฺตปทสฺส อนุปทํ อนุรูปปทํ กตฺวา กเถยฺยาสิฯ อฬารปเมฺหติ พหลสํหตปขุเม, โคปขุเมติ อธิปฺปาโยฯ

    652.Kissa saṃyamadamassayaṃ vipākoti kāyasaṃyamādīsu kīdisassa saṃyamassa, indriyadamanādīsu kīdisassa damassa ayaṃ vipāko. Kenāsīti aññameva upapattinibbattakaṃ, aññaṃ upabhogasukhanibbattakaṃ hotīti ‘‘kenāsi kammaphalenidhūpapannā’’ti vatvā puna ‘‘yathā ca te adhigatamidaṃ vimāna’’nti āha. Tattha kammaphalenāti kammaphalena vipaccituṃ āraddhenāti vacanaseso, itthambhūtalakkhaṇe cetaṃ karaṇavacanaṃ. Tadanupadaṃ avacāsīti taṃ kammaṃ mayā vuttapadassa anupadaṃ anurūpapadaṃ katvā katheyyāsi. Aḷārapamheti bahalasaṃhatapakhume, gopakhumeti adhippāyo.

    อถ เทวตา อาห –

    Atha devatā āha –

    ๖๕๓.

    653.

    ‘‘ยถา จ เม อธิคตมิทํ วิมานํ, โกญฺจมยูรจโกร สงฺฆจริตํ;

    ‘‘Yathā ca me adhigatamidaṃ vimānaṃ, koñcamayūracakora saṅghacaritaṃ;

    ทิพฺยปิลวหํสราชจิณฺณํ, ทิชการณฺฑวโกกิลาภินทิตํฯ

    Dibyapilavahaṃsarājaciṇṇaṃ, dijakāraṇḍavakokilābhinaditaṃ.

    ๖๕๔.

    654.

    ‘‘นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธา , ปาฎลิชมฺพุอโสกรุกฺขวนฺตํ;

    ‘‘Nānāsantānakapuppharukkhavividhā , pāṭalijambuasokarukkhavantaṃ;

    ยถา จ เม อธิคตมิทํ วิมานํ, ตํ เต ปเวทยามิ สุโณหิ ภเนฺตฯ

    Yathā ca me adhigatamidaṃ vimānaṃ, taṃ te pavedayāmi suṇohi bhante.

    ๖๕๕.

    655.

    ‘‘มคธวรปุรตฺถิเมน, นาลกคาโม นาม อตฺถิ ภเนฺต;

    ‘‘Magadhavarapuratthimena, nālakagāmo nāma atthi bhante;

    ตตฺถ อโหสิํ ปุเร สุณิสา, เปสวตีติ ตตฺถ ชานิํสุ มมํฯ

    Tattha ahosiṃ pure suṇisā, pesavatīti tattha jāniṃsu mamaṃ.

    ๖๕๖.

    656.

    ‘‘สาหมปจิตตฺถธมฺมกุสลํ, เทวมนุสฺสปูชิตํ มหนฺตํ;

    ‘‘Sāhamapacitatthadhammakusalaṃ, devamanussapūjitaṃ mahantaṃ;

    อุปติสฺสํ นิพฺพุตมปฺปเมยฺยํ, มุทิตมนา กุสุเมหิ อพฺภุกิริํฯ

    Upatissaṃ nibbutamappameyyaṃ, muditamanā kusumehi abbhukiriṃ.

    ๖๕๗.

    657.

    ‘‘ปรมคติคตญฺจ ปูชยิตฺวา, อนฺติมเทหธรํ อิสิํ อุฬารํ;

    ‘‘Paramagatigatañca pūjayitvā, antimadehadharaṃ isiṃ uḷāraṃ;

    ปหาย มานุสกํ สมุสฺสยํ, ติทสคตา อิธ มาวสามิ ฐาน’’นฺติฯ

    Pahāya mānusakaṃ samussayaṃ, tidasagatā idha māvasāmi ṭhāna’’nti.

    ๖๕๓. ตตฺถ โกญฺจมยูรจโกรสงฺฆจริตนฺติ สารสสิขณฺฑิกุมฺภการกุกฺกุฎคเณหิ ตตฺถ ตตฺถ วิจริตํฯ ทิพฺยปิลวหํสราชจิณฺณนฺติ อุทเก ปิลวิตฺวา วิจรณโต ‘‘ปิลวา’’ติ ลทฺธนาเมหิ อุทกสกุเณหิ หํสราเชหิ จ ตหิํ ตหิํ วิจริตํฯ ทิชการณฺฑวโกกิลาภินทิตนฺติ การณฺฑเวหิ กาทเมฺพหิ โกกิเลหิ อเญฺญหิ จ ทิเชหิ อภินาทิตํฯ

    653. Tattha koñcamayūracakorasaṅghacaritanti sārasasikhaṇḍikumbhakārakukkuṭagaṇehi tattha tattha vicaritaṃ. Dibyapilavahaṃsarājaciṇṇanti udake pilavitvā vicaraṇato ‘‘pilavā’’ti laddhanāmehi udakasakuṇehi haṃsarājehi ca tahiṃ tahiṃ vicaritaṃ. Dijakāraṇḍavakokilābhinaditanti kāraṇḍavehi kādambehi kokilehi aññehi ca dijehi abhināditaṃ.

    ๖๕๔. นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธาติ นานาวิธสาขาปสาขวนฺตา นานาปุปฺผรุกฺขา นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขา , เตหิ วิวิธํ จิตฺตาการํ วิจิตฺตสนฺนิเวสํ นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธา ฯ ‘‘วิวิธ’’นฺติ หิ วตฺตเพฺพ ‘‘วิวิธา’’ติ วุตฺตํฯ สนฺตานกาติ หิ กามวลฺลิโย, นานาวิธปุปฺผรุกฺขา จ วิวิธา เอตฺถ สนฺติ , เตหิ วา วิวิธนฺติ นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธาฯ ‘‘นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธํ, ปาฎลิชมฺพุอโสกรุกฺขวนฺต’’นฺติ จ เกจิ ปฐนฺติฯ เตหิ ‘‘ปุปฺผรุกฺขา สนฺตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ‘‘ปุปฺผรุกฺขา’’ติ วา อวิภตฺติกนิเทฺทโส, ปุปฺผรกฺขนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    654.Nānāsantānakapuppharukkhavividhāti nānāvidhasākhāpasākhavantā nānāpuppharukkhā nānāsantānakapuppharukkhā , tehi vividhaṃ cittākāraṃ vicittasannivesaṃ nānāsantānakapuppharukkhavividhā . ‘‘Vividha’’nti hi vattabbe ‘‘vividhā’’ti vuttaṃ. Santānakāti hi kāmavalliyo, nānāvidhapuppharukkhā ca vividhā ettha santi , tehi vā vividhanti nānāsantānakapuppharukkhavividhā. ‘‘Nānāsantānakapuppharukkhavividhaṃ, pāṭalijambuasokarukkhavanta’’nti ca keci paṭhanti. Tehi ‘‘puppharukkhā santī’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. ‘‘Puppharukkhā’’ti vā avibhattikaniddeso, puppharakkhanti vuttaṃ hoti.

    ๖๕๕. มคธวรปุรตฺถิเมนาติ มคธวเร ปุรตฺถิเมน, อภิสโมฺพธิฎฺฐานตาย อุตฺตเม มคธรเฎฺฐ ปุรตฺถิมทิสายฯ ตตฺถ อโหสิํ ปุเร สุณิสาติ ปุเพฺพ อหํ ตสฺมิํ นาลกคาเม เอกสฺมิํ คหปติกุเล สุณิสา สุณฺหา อโหสิํฯ

    655.Magadhavarapuratthimenāti magadhavare puratthimena, abhisambodhiṭṭhānatāya uttame magadharaṭṭhe puratthimadisāya. Tattha ahosiṃ pure suṇisāti pubbe ahaṃ tasmiṃ nālakagāme ekasmiṃ gahapatikule suṇisā suṇhā ahosiṃ.

    ๖๕๖. สาติ สยํฯ อเตฺถ จ ธเมฺม จ กุสโลติ อตฺถธมฺมกุสโล, ภควาฯ อปจิโต อตฺถธมฺมกุสโล เอเตนาติ อปจิตตฺถธมฺมกุสโล, ธมฺมเสนาปติ, ตํฯ อปจิตํ วา อปจโย, นิพฺพานํ, ตสฺมิํ อวสิฎฺฐอตฺถธเมฺม จ กุสลํ, อปจิเต วา ปูชนีเย อเตฺถ ธเมฺม นิโรเธ มเคฺค จ กุสลํฯ มหเนฺตหิ อุฬาเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺตํฯ กุสุเมหีติ รตนมเยหิ อิตเรหิ จ กุสุเมหิฯ

    656.ti sayaṃ. Atthe ca dhamme ca kusaloti atthadhammakusalo, bhagavā. Apacito atthadhammakusalo etenāti apacitatthadhammakusalo, dhammasenāpati, taṃ. Apacitaṃ vā apacayo, nibbānaṃ, tasmiṃ avasiṭṭhaatthadhamme ca kusalaṃ, apacite vā pūjanīye atthe dhamme nirodhe magge ca kusalaṃ. Mahantehi uḷārehi sīlakkhandhādīhi samannāgatattā mahantaṃ. Kusumehīti ratanamayehi itarehi ca kusumehi.

    ๖๕๗. ปรมคติคตนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ปตฺตํฯ สมุสฺสยนฺติ สรีรํฯ ติทสคตาติ ติทสภวนํ คตา, ตาวติํสํ เทวนิกายํ อุปปนฺนาฯ อิธาติ อิมสฺมิํ เทวโลเกฯ อาวสามิ ฐานนฺติ อิมํ วิมานํ อธิวสามิฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    657.Paramagatigatanti anupādisesanibbānaṃ pattaṃ. Samussayanti sarīraṃ. Tidasagatāti tidasabhavanaṃ gatā, tāvatiṃsaṃ devanikāyaṃ upapannā. Idhāti imasmiṃ devaloke. Āvasāmi ṭhānanti imaṃ vimānaṃ adhivasāmi. Sesaṃ vuttanayameva.

    เอวํ อายสฺมตา วงฺคีเสน เทวตาย จ กถิตกถามคฺคํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา ภควา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Evaṃ āyasmatā vaṅgīsena devatāya ca kathitakathāmaggaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā bhagavā sampattaparisāya vitthārena dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    เปสวตีวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pesavatīvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๗. เปสวตีวิมานวตฺถุ • 7. Pesavatīvimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact