Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. ผคฺคุนสุตฺตํ
2. Phaggunasuttaṃ
๕๖. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ผคฺคุโน 1 อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภเนฺต, ผคฺคุโน อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ สาธุ, ภเนฺต , ภควา เยนายสฺมา ผคฺคุโน เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา ผคฺคุโน เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข อายสฺมา ผคฺคุโน ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน มญฺจเก สมโธสิ 2ฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ผคฺคุนํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ผคฺคุน, มา ตฺวํ มญฺจเก สมโธสิฯ สนฺติมานิ อาสนานิ ปเรหิ ปญฺญตฺตานิ, ตตฺถาหํ นิสีทิสฺสามี’’ติฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ ผคฺคุนํ เอตทโวจ –
56. Tena kho pana samayena āyasmā phagguno 3 ābādhiko hoti dukkhito bāḷhagilāno. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmā, bhante, phagguno ābādhiko dukkhito bāḷhagilāno. Sādhu, bhante , bhagavā yenāyasmā phagguno tenupasaṅkamatu anukampaṃ upādāyā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā phagguno tenupasaṅkami. Addasā kho āyasmā phagguno bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna mañcake samadhosi 4. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ phaggunaṃ etadavoca – ‘‘alaṃ, phagguna, mā tvaṃ mañcake samadhosi. Santimāni āsanāni parehi paññattāni, tatthāhaṃ nisīdissāmī’’ti. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Nisajja kho bhagavā āyasmantaṃ phaggunaṃ etadavoca –
‘‘กจฺจิ เต, ผคฺคุน, ขมนียํ กจฺจิ ยาปนียํ? กจฺจิ เต ทุกฺขา เวทนา ปฎิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ; ปฎิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน อภิกฺกโม’’ติ? ‘‘น เม , ภเนฺต , ขมนียํ น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฎิกฺกมนฺติ; อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฎิกฺกโมฯ
‘‘Kacci te, phagguna, khamanīyaṃ kacci yāpanīyaṃ? Kacci te dukkhā vedanā paṭikkamanti, no abhikkamanti; paṭikkamosānaṃ paññāyati, no abhikkamo’’ti? ‘‘Na me , bhante , khamanīyaṃ na yāpanīyaṃ. Bāḷhā me dukkhā vedanā abhikkamanti, no paṭikkamanti; abhikkamosānaṃ paññāyati, no paṭikkamo.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, พลวา ปุริโส ทเฬฺหน วรตฺตกฺขเณฺฑน สีสเวฐนํ ทเทยฺย; เอวเมวํ โข เม, ภเนฺต, อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนาฯ น เม, ภเนฺต, ขมนียํ น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฎิกฺกมนฺติ; อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฎิกฺกโมฯ
‘‘Seyyathāpi, bhante, balavā puriso daḷhena varattakkhaṇḍena sīsaveṭhanaṃ dadeyya; evamevaṃ kho me, bhante, adhimattā sīse sīsavedanā. Na me, bhante, khamanīyaṃ na yāpanīyaṃ. Bāḷhā me dukkhā vedanā abhikkamanti, no paṭikkamanti; abhikkamosānaṃ paññāyati, no paṭikkamo.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ทโกฺข โคฆาตโก วา โคฆาตกเนฺตวาสี วา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉิํ ปริกเนฺตยฺย; เอวเมวํ โข เม, ภเนฺต, อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉิํ ปริกนฺตนฺติฯ น เม, ภเนฺต, ขมนียํ น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฎิกฺกมนฺติ; อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฎิกฺกโมฯ
‘‘Seyyathāpi, bhante, dakkho goghātako vā goghātakantevāsī vā tiṇhena govikantanena kucchiṃ parikanteyya; evamevaṃ kho me, bhante, adhimattā vātā kucchiṃ parikantanti. Na me, bhante, khamanīyaṃ na yāpanīyaṃ. Bāḷhā me dukkhā vedanā abhikkamanti, no paṭikkamanti; abhikkamosānaṃ paññāyati, no paṭikkamo.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, เทฺว พลวโนฺต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ; เอวเมวํ โข เม, ภเนฺต, อธิมโตฺต กายสฺมิํ ฑาโหฯ น เม, ภเนฺต, ขมนียํ น ยาปนียํฯ พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฎิกฺกมนฺติ; อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ, โน ปฎิกฺกโม’’ติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ผคฺคุนํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
‘‘Seyyathāpi, bhante, dve balavanto purisā dubbalataraṃ purisaṃ nānābāhāsu gahetvā aṅgārakāsuyā santāpeyyuṃ samparitāpeyyuṃ; evamevaṃ kho me, bhante, adhimatto kāyasmiṃ ḍāho. Na me, bhante, khamanīyaṃ na yāpanīyaṃ. Bāḷhā me dukkhā vedanā abhikkamanti, no paṭikkamanti; abhikkamosānaṃ paññāyati, no paṭikkamo’’ti. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ phaggunaṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
อถ โข อายสฺมา ผคฺคุโน อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต กาลมกาสิฯ ตมฺหิ จสฺส สมเย มรณกาเล อินฺทฺริยานิ วิปฺปสีทิํสุฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภเนฺต, ผคฺคุโน อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต กาลมกาสิฯ ตมฺหิ จสฺส สมเย มรณกาเล อินฺทฺริยานิ วิปฺปสีทิํสู’’ติฯ
Atha kho āyasmā phagguno acirapakkantassa bhagavato kālamakāsi. Tamhi cassa samaye maraṇakāle indriyāni vippasīdiṃsu. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmā, bhante, phagguno acirapakkantassa bhagavato kālamakāsi. Tamhi cassa samaye maraṇakāle indriyāni vippasīdiṃsū’’ti.
‘‘กิํ หานนฺท, ผคฺคุนสฺส 11 ภิกฺขุโน อินฺทฺริยานิ น วิปฺปสีทิสฺสนฺติ! ผคฺคุนสฺส, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ อวิมุตฺตํ อโหสิฯ ตสฺส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํฯ
‘‘Kiṃ hānanda, phaggunassa 12 bhikkhuno indriyāni na vippasīdissanti! Phaggunassa, ānanda, bhikkhuno pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ avimuttaṃ ahosi. Tassa taṃ dhammadesanaṃ sutvā pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ vimuttaṃ.
‘‘ฉยิเม, อานนฺท, อานิสํสา กาเลน ธมฺมสฺสวเน 13 กาเลน อตฺถุปปริกฺขายฯ กตเม ฉ? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ อวิมุตฺตํ โหติฯ โส ตมฺหิ สมเย มรณกาเล ลภติ ตถาคตํ ทสฺสนายฯ ตสฺส ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ตสฺส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ อยํ, อานนฺท, ปฐโม อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเนฯ
‘‘Chayime, ānanda, ānisaṃsā kālena dhammassavane 14 kālena atthupaparikkhāya. Katame cha? Idhānanda, bhikkhuno pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ avimuttaṃ hoti. So tamhi samaye maraṇakāle labhati tathāgataṃ dassanāya. Tassa tathāgato dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Tassa taṃ dhammadesanaṃ sutvā pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ vimuccati. Ayaṃ, ānanda, paṭhamo ānisaṃso kālena dhammassavane.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ อวิมุตฺตํ โหติฯ โส ตมฺหิ สมเย มรณกาเล น เหว โข 15 ลภติ ตถาคตํ ทสฺสนาย, อปิ จ โข ตถาคตสาวกํ ลภติ ทสฺสนายฯ ตสฺส ตถาคตสาวโก ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ตสฺส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ อยํ, อานนฺท, ทุติโย อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเนฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ avimuttaṃ hoti. So tamhi samaye maraṇakāle na heva kho 16 labhati tathāgataṃ dassanāya, api ca kho tathāgatasāvakaṃ labhati dassanāya. Tassa tathāgatasāvako dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Tassa taṃ dhammadesanaṃ sutvā pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ vimuccati. Ayaṃ, ānanda, dutiyo ānisaṃso kālena dhammassavane.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ อวิมุตฺตํ โหติฯ โส ตมฺหิ สมเย มรณกาเล น เหว โข ลภติ ตถาคตํ ทสฺสนาย, นปิ ตถาคตสาวกํ ลภติ ทสฺสนาย; อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติฯ ตสฺส ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต มนสานุเปกฺขโต ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ อยํ, อานนฺท, ตติโย อานิสํโส กาเลน อตฺถุปปริกฺขายฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ avimuttaṃ hoti. So tamhi samaye maraṇakāle na heva kho labhati tathāgataṃ dassanāya, napi tathāgatasāvakaṃ labhati dassanāya; api ca kho yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakketi anuvicāreti manasānupekkhati. Tassa yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakkayato anuvicārayato manasānupekkhato pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ vimuccati. Ayaṃ, ānanda, tatiyo ānisaṃso kālena atthupaparikkhāya.
‘‘อิธานนฺท , ภิกฺขุโน ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, อนุตฺตเร จ โข อุปธิสงฺขเย จิตฺตํ อวิมุตฺตํ โหติฯ โส ตมฺหิ สมเย มรณกาเล ลภติ ตถาคตํ ทสฺสนายฯ ตสฺส ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ…เป.… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ตสฺส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ อยํ, อานนฺท, จตุโตฺถ อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเนฯ
‘‘Idhānanda , bhikkhuno pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ vimuttaṃ hoti, anuttare ca kho upadhisaṅkhaye cittaṃ avimuttaṃ hoti. So tamhi samaye maraṇakāle labhati tathāgataṃ dassanāya. Tassa tathāgato dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ…pe… brahmacariyaṃ pakāseti. Tassa taṃ dhammadesanaṃ sutvā anuttare upadhisaṅkhaye cittaṃ vimuccati. Ayaṃ, ānanda, catuttho ānisaṃso kālena dhammassavane.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, อนุตฺตเร จ โข อุปธิสงฺขเย จิตฺตํ อวิมุตฺตํ โหติฯ โส ตมฺหิ สมเย มรณกาเล น เหว โข ลภติ ตถาคตํ ทสฺสนาย, อปิ จ โข ตถาคตสาวกํ ลภติ ทสฺสนายฯ ตสฺส ตถาคตสาวโก ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป.… ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ตสฺส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ อยํ, อานนฺท, ปญฺจโม อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเนฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ vimuttaṃ hoti, anuttare ca kho upadhisaṅkhaye cittaṃ avimuttaṃ hoti. So tamhi samaye maraṇakāle na heva kho labhati tathāgataṃ dassanāya, api ca kho tathāgatasāvakaṃ labhati dassanāya. Tassa tathāgatasāvako dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ…pe… parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Tassa taṃ dhammadesanaṃ sutvā anuttare upadhisaṅkhaye cittaṃ vimuccati. Ayaṃ, ānanda, pañcamo ānisaṃso kālena dhammassavane.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปญฺจหิ โอรมฺภาคิเยหิ สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, อนุตฺตเร จ โข อุปธิสงฺขเย จิตฺตํ อวิมุตฺตํ โหติฯ โส ตมฺหิ สมเย มรณกาเล น เหว โข ลภติ ตถาคตํ ทสฺสนาย, นปิ ตถาคตสาวกํ ลภติ ทสฺสนาย; อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติฯ ตสฺส ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต มนสานุเปกฺขโต อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ อยํ, อานนฺท, ฉโฎฺฐ อานิสํโส กาเลน อตฺถุปปริกฺขายฯ อิเม โข, อานนฺท, ฉ อานิสํสา กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน อตฺถุปปริกฺขายา’’ติฯ ทุติยํฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno pañcahi orambhāgiyehi saṃyojanehi cittaṃ vimuttaṃ hoti, anuttare ca kho upadhisaṅkhaye cittaṃ avimuttaṃ hoti. So tamhi samaye maraṇakāle na heva kho labhati tathāgataṃ dassanāya, napi tathāgatasāvakaṃ labhati dassanāya; api ca kho yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakketi anuvicāreti manasānupekkhati. Tassa yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakkayato anuvicārayato manasānupekkhato anuttare upadhisaṅkhaye cittaṃ vimuccati. Ayaṃ, ānanda, chaṭṭho ānisaṃso kālena atthupaparikkhāya. Ime kho, ānanda, cha ānisaṃsā kālena dhammassavane kālena atthupaparikkhāyā’’ti. Dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา • 2. Phaggunasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. ผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา • 2. Phaggunasuttavaṇṇanā