Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๓. ผลทายกวิมานวณฺณนา

    3. Phaladāyakavimānavaṇṇanā

    อุจฺจมิทํ มณิถูณนฺติ ผลทายกวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเนฯ เตน สมเยน รโญฺญ พิมฺพิสารสฺส อกาเล อมฺพผลานิ ปริภุญฺชิตุํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชิฯ โส อารามปาลํ อาห – ‘‘มยฺหํ โข, ภเณ, อมฺพผเลสุ อิจฺฉา อุปฺปนฺนา, ตสฺมา อมฺพานิ เม อาเนตฺวา เทหี’’ติฯ ‘‘เทว, นตฺถิ อเมฺพสุ อมฺพผลํ, อปิจาหํ ตถา กโรมิ, สเจ เทโว กิญฺจิ กาลํ อาคเมติ, ยถา อมฺพา น จิรเสฺสว ผลํ คณฺหนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเณ, ตถา กโรหี’’ติฯ อารามปาโล อารามํ คนฺตฺวา อมฺพรุกฺขมูเลสุ ปํสุํ อปเนตฺวา ตาทิสํ ปํสุํ อากิริ, ตาทิสญฺจ อุทกํ อาสิญฺจิ, ยถา น จิรเสฺสว อมฺพรุกฺขา สจฺฉินฺนปตฺตา อเหสุํฯ อถ นํ ปํสุํ อปเนตฺวา ผารุสกกสฎมิสฺสกํ ปากติกํ ปํสุํ อากิริตฺวา สาธุกํ อุทกํ อทาสิฯ ตทา อมฺพรุกฺขา น จิเรเนว โกรกิตา ปลฺลวิตา กุฎมลกชาตา หุตฺวา ปุปฺผิํสุ, อถ สลาฎุกชาตา หุตฺวา ผลานิ คณฺหิํสุฯ ตเตฺถกสฺมิํ อมฺพรุเกฺข ปฐมตรํ จตฺตาริ ผลานิ มโนสิลาจุณฺณปิญฺชรวณฺณานิ สมฺปนฺนคนฺธรสานิ ปริณตานิ อเหสุํฯ

    Uccamidaṃmaṇithūṇanti phaladāyakavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā rājagahe viharati veḷuvane. Tena samayena rañño bimbisārassa akāle ambaphalāni paribhuñjituṃ icchā uppajji. So ārāmapālaṃ āha – ‘‘mayhaṃ kho, bhaṇe, ambaphalesu icchā uppannā, tasmā ambāni me ānetvā dehī’’ti. ‘‘Deva, natthi ambesu ambaphalaṃ, apicāhaṃ tathā karomi, sace devo kiñci kālaṃ āgameti, yathā ambā na cirasseva phalaṃ gaṇhantī’’ti. ‘‘Sādhu, bhaṇe, tathā karohī’’ti. Ārāmapālo ārāmaṃ gantvā ambarukkhamūlesu paṃsuṃ apanetvā tādisaṃ paṃsuṃ ākiri, tādisañca udakaṃ āsiñci, yathā na cirasseva ambarukkhā sacchinnapattā ahesuṃ. Atha naṃ paṃsuṃ apanetvā phārusakakasaṭamissakaṃ pākatikaṃ paṃsuṃ ākiritvā sādhukaṃ udakaṃ adāsi. Tadā ambarukkhā na cireneva korakitā pallavitā kuṭamalakajātā hutvā pupphiṃsu, atha salāṭukajātā hutvā phalāni gaṇhiṃsu. Tatthekasmiṃ ambarukkhe paṭhamataraṃ cattāri phalāni manosilācuṇṇapiñjaravaṇṇāni sampannagandharasāni pariṇatāni ahesuṃ.

    โส ตานิ คเหตฺวา ‘‘รโญฺญ ทสฺสามี’’ติ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ปิณฺฑาย จรมานํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อิมานิ อมฺพานิ อคฺคผลภูตานิ อิมสฺส อยฺยสฺส ทสฺสามิ , กามํ มํ ราชา หนตุ วา ปพฺพาเชตุ วา, รโญฺญ หิ ทิเนฺน ทิฎฺฐธเมฺม ปูชามตฺตํ อปฺปมตฺตกํ ผลํ, อยฺยสฺส ทิเนฺน ปน ทิฎฺฐธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ อปริมาณํ ผลํ ภวิสฺสตี’’ติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา ตานิ ผลานิ เถรสฺส ทตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา รโญฺญ ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา ราชปุริเส อาณาเปสิ ‘‘วีมํสถ ตาว, ภเณ, ยถายํ อาหา’’ติฯ เถโร ปน ตานิ ผลานิ ภควโต อุปนาเมสิฯ ภควา เตสุ เอกํ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส, เอกํ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส, เอกํ มหากสฺสปเตฺถรสฺส ทตฺวา เอกํ อตฺตนา ปริภุญฺชิฯ ปุริสา ตํ ปวตฺติํ รโญฺญ อาโรเจสุํฯ

    So tāni gahetvā ‘‘rañño dassāmī’’ti gacchanto antarāmagge āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ piṇḍāya caramānaṃ disvā cintesi ‘‘imāni ambāni aggaphalabhūtāni imassa ayyassa dassāmi , kāmaṃ maṃ rājā hanatu vā pabbājetu vā, rañño hi dinne diṭṭhadhamme pūjāmattaṃ appamattakaṃ phalaṃ, ayyassa dinne pana diṭṭhadhammikampi samparāyikampi aparimāṇaṃ phalaṃ bhavissatī’’ti. Evaṃ pana cintetvā tāni phalāni therassa datvā rājānaṃ upasaṅkamitvā rañño tamatthaṃ ārocesi. Taṃ sutvā rājā rājapurise āṇāpesi ‘‘vīmaṃsatha tāva, bhaṇe, yathāyaṃ āhā’’ti. Thero pana tāni phalāni bhagavato upanāmesi. Bhagavā tesu ekaṃ sāriputtattherassa, ekaṃ mahāmoggallānattherassa, ekaṃ mahākassapattherassa datvā ekaṃ attanā paribhuñji. Purisā taṃ pavattiṃ rañño ārocesuṃ.

    ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘ธีโร วตายํ ปุริโส, โย อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา ปุญฺญปสุโต อโหสิ, อตฺตโน ปริสฺสมญฺจ ฐานคตเมว อกาสี’’ติ ตุฎฺฐจิโตฺต ตสฺส เอกํ คามวรํ วตฺถาลงฺการาทีนิ จ ทตฺวา ‘‘ยํ ตยา ภเณ อมฺพผลทาเนน ปุญฺญํ ปสุตํ, ตโต เม ปตฺติํ เทหี’’ติ อาหฯ โส ‘‘เทมิ, เทว, ยถาสุขํ ปตฺติํ คณฺหาหี’’ติ อโวจฯ อารามปาโล อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ อุปฺปชฺชิ , ตสฺส โสฬสโยชนิกํ กนกวิมานํ นิพฺพตฺติ สตฺตสตกูฎาคารปฎิมณฺฑิตํฯ ตํ ทิสฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปุจฺฉิ –

    Rājā taṃ sutvā ‘‘dhīro vatāyaṃ puriso, yo attano jīvitampi pariccajitvā puññapasuto ahosi, attano parissamañca ṭhānagatameva akāsī’’ti tuṭṭhacitto tassa ekaṃ gāmavaraṃ vatthālaṅkārādīni ca datvā ‘‘yaṃ tayā bhaṇe ambaphaladānena puññaṃ pasutaṃ, tato me pattiṃ dehī’’ti āha. So ‘‘demi, deva, yathāsukhaṃ pattiṃ gaṇhāhī’’ti avoca. Ārāmapālo aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsesu uppajji , tassa soḷasayojanikaṃ kanakavimānaṃ nibbatti sattasatakūṭāgārapaṭimaṇḍitaṃ. Taṃ disvā āyasmā mahāmoggallāno pucchi –

    ๑๐๖๐.

    1060.

    ‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ, สมนฺตโต โสฬส โยชนานิ;

    ‘‘Uccamidaṃ maṇithūṇaṃ vimānaṃ, samantato soḷasa yojanāni;

    กูฎาคารา สตฺตสตา อุฬารา, เวฬุริยถมฺภา รุจกตฺถตา สุภาฯ

    Kūṭāgārā sattasatā uḷārā, veḷuriyathambhā rucakatthatā subhā.

    ๑๐๖๑.

    1061.

    ‘‘ตตฺถจฺฉสิ ปิวสิ ขาทสิ จ, ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ;

    ‘‘Tatthacchasi pivasi khādasi ca, dibbā ca vīṇā pavadanti vagguṃ;

    อฎฺฐฎฺฐกา สิกฺขิตา สาธุรูปา, ทิพฺพา จ กญฺญา ติทสจรา อุฬารา;

    Aṭṭhaṭṭhakā sikkhitā sādhurūpā, dibbā ca kaññā tidasacarā uḷārā;

    นจฺจนฺติ คายนฺติ ปโมทยนฺติฯ

    Naccanti gāyanti pamodayanti.

    ๑๐๖๒.

    1062.

    ‘‘เทวิทฺธิปโตฺตสิ มหานุภาโว…เป.…

    ‘‘Deviddhipattosi mahānubhāvo…pe…

    วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ

    Vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.

    ๑๐๖๓.

    1063.

    ‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน…เป.… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ

    ‘‘So devaputto attamano…pe… yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.

    ๑๐๖๔.

    1064.

    ‘‘ผลทายี ผลํ วิปุลํ ลภติ, ททมุชุคเตสุ ปสนฺนมานโส;

    ‘‘Phaladāyī phalaṃ vipulaṃ labhati, dadamujugatesu pasannamānaso;

    โส หิ ปโมทติ สคฺคคโต ติทิเว, อนุโภติ จ ปุญฺญผลํ วิปุลํฯ

    So hi pamodati saggagato tidive, anubhoti ca puññaphalaṃ vipulaṃ.

    ๑๐๖๕.

    1065.

    ‘‘ตเววาหํ มหามุนิ, อทาสิํ จตุโร ผเลฯ

    ‘‘Tavevāhaṃ mahāmuni, adāsiṃ caturo phale.

    ๑๐๖๖.

    1066.

    ‘‘ตสฺมา หิ ผลํ อลเมว ทาตุํ, นิจฺจํ มนุเสฺสน สุขตฺถิเกน;

    ‘‘Tasmā hi phalaṃ alameva dātuṃ, niccaṃ manussena sukhatthikena;

    ทิพฺพานิ วา ปตฺถยตา สุขานิ, มนุสฺสโสภคฺคตมิจฺฉตา วาฯ

    Dibbāni vā patthayatā sukhāni, manussasobhaggatamicchatā vā.

    ๑๐๖๗.

    1067.

    ‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ…เป.…

    ‘‘Tena metādiso vaṇṇo…pe…

    วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ – โสปิสฺส พฺยากาสิ;

    Vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti. – sopissa byākāsi;

    ๑๐๖๑. ตตฺถ อฎฺฐฎฺฐกาติ เอเกกสฺมิํ กูฎาคาเร อฎฺฐฎฺฐกา จตุสฎฺฐิปริมาณาฯ สาธุรูปาติ รูปสมฺปตฺติยา จ สีลาจารสมฺปตฺติยา จ สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ สุนฺทรสภาวาฯ ทิพฺพา จ กญฺญาติ เทวจฺฉราโยฯ ติทสจราติ ติทเสสุ สุขาจารา สุขวิหารินิโยฯ อุฬาราติ อุฬารวิภวาฯ

    1061. Tattha aṭṭhaṭṭhakāti ekekasmiṃ kūṭāgāre aṭṭhaṭṭhakā catusaṭṭhiparimāṇā. Sādhurūpāti rūpasampattiyā ca sīlācārasampattiyā ca sikkhāsampattiyā ca sundarasabhāvā. Dibbā ca kaññāti devaccharāyo. Tidasacarāti tidasesu sukhācārā sukhavihāriniyo. Uḷārāti uḷāravibhavā.

    ๑๐๖๔. ผลทายีติ อตฺตนา อมฺพผลสฺส ทินฺนตฺตา อตฺตานํ สนฺธาย วทติฯ ผลนฺติ ปุญฺญผลํฯ วิปุลนฺติ มหนฺตํ ลภติ มนุสฺสโลเก ปติฎฺฐิโตติ อธิปฺปาโยฯ ททนฺติ ททโนฺต ทานเหตุฯ อุชุคเตสูติ อุชุปฎิปเนฺนสุฯ สคฺคคโตติ อุปฺปชฺชนวเสน สคฺคํ คโต, ตตฺถาปิ ติทิเว ตาวติํสภวเน อนุโภติ จ ปุญฺญผลํ วิปุลํ ยถาหํ, เอวํ อโญฺญปีติ อโตฺถฯ

    1064.Phaladāyīti attanā ambaphalassa dinnattā attānaṃ sandhāya vadati. Phalanti puññaphalaṃ. Vipulanti mahantaṃ labhati manussaloke patiṭṭhitoti adhippāyo. Dadanti dadanto dānahetu. Ujugatesūti ujupaṭipannesu. Saggagatoti uppajjanavasena saggaṃ gato, tatthāpi tidive tāvatiṃsabhavane anubhoti ca puññaphalaṃ vipulaṃ yathāhaṃ, evaṃ aññopīti attho.

    ๑๐๖๖. ตสฺมาติ ยสฺมา จตุนฺนํ ผลานํ ทานมเตฺตน อีทิสี สมฺปตฺติ อธิคตา, ตสฺมาฯ อลเมว ยุตฺตเมวฯ นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํฯ ทิพฺพานีติ เทวโลกปริยาปนฺนานิฯ มนุสฺสโสภคฺคตนฺติ มนุเสฺสสุ สุภคภาวํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    1066.Tasmāti yasmā catunnaṃ phalānaṃ dānamattena īdisī sampatti adhigatā, tasmā. Alameva yuttameva. Niccanti sabbakālaṃ. Dibbānīti devalokapariyāpannāni. Manussasobhaggatanti manussesu subhagabhāvaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.

    ผลทายกวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Phaladāyakavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๓. ผลทายกวิมานวตฺถุ • 3. Phaladāyakavimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact