Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๔. ผรุสวาจาภาวปโญฺห

    4. Pharusavācābhāvapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ เถเรน สาริปุเตฺตน ธมฺมเสนาปตินา ‘ปริสุทฺธวจีสมาจาโร อาวุโส ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รเกฺขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อญฺญาสี’ติฯ ปุน จ ตถาคโต เถรสฺส สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ ปาราชิกํ ปญฺญเปโนฺต ผรุสาหิ วาจาหิ โมฆปุริสวาเทน สมุทาจริ, เตน จ โส เถโร โมฆปุริสวาเทน มงฺกุจิตฺตวเสน รุนฺธิตตฺตา วิปฺปฎิสารี นาสกฺขิ อริยมคฺคํ ปฎิวิชฺฌิตุํฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, เตน หิ ตถาคเตน เถรสฺส สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ โมฆปุริสวาเทน สมุทาจิณฺณนฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ภควตา เถรสฺส สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ โมฆปุริสวาเทน สมุทาจิณฺณํ, เตน หิ ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตนฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ

    4. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ therena sāriputtena dhammasenāpatinā ‘parisuddhavacīsamācāro āvuso tathāgato, natthi tathāgatassa vacīduccaritaṃ, yaṃ tathāgato rakkheyya ‘mā me idaṃ paro aññāsī’ti. Puna ca tathāgato therassa sudinnassa kalandaputtassa aparādhe pārājikaṃ paññapento pharusāhi vācāhi moghapurisavādena samudācari, tena ca so thero moghapurisavādena maṅkucittavasena rundhitattā vippaṭisārī nāsakkhi ariyamaggaṃ paṭivijjhituṃ. Yadi, bhante nāgasena, parisuddhavacīsamācāro tathāgato, natthi tathāgatassa vacīduccaritaṃ, tena hi tathāgatena therassa sudinnassa kalandaputtassa aparādhe moghapurisavādena samudāciṇṇanti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi bhagavatā therassa sudinnassa kalandaputtassa aparādhe moghapurisavādena samudāciṇṇaṃ, tena hi parisuddhavacīsamācāro tathāgato, natthi tathāgatassa vacīduccaritanti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.

    ‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, เถเรน สาริปุเตฺตน ธมฺมเสนาปตินา ‘ปริสุทฺธวจีสมาจาโร อาวุโส ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รเกฺขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อญฺญาสี’ติฯ อายสฺมโต จ สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ ปาราชิกํ ปญฺญเปเนฺตน ภควตา โมฆปุริสวาเทน สมุทาจิณฺณํ, ตญฺจ ปน อทุฎฺฐจิเตฺตน อสารเมฺภน ยาถาวลกฺขเณนฯ กิญฺจ ตตฺถ ยาถาวลกฺขณํ, ยสฺส, มหาราช, ปุคฺคลสฺส อิมสฺมิํ อตฺตภาเว จตุสจฺจาภิสมโย น โหติ, ตสฺส ปุริสตฺตนํ โมฆํ อญฺญํ กยิรมานํ อเญฺญน สมฺภวติ, เตน วุจฺจติ ‘โมฆปุริโส’ติฯ อิติ, มหาราช, ภควตา อายสฺมโต สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส สตาววจเนน สมุทาจิณฺณํ, โน อภูตวาเทนา’’ติฯ

    ‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, therena sāriputtena dhammasenāpatinā ‘parisuddhavacīsamācāro āvuso tathāgato, natthi tathāgatassa vacīduccaritaṃ, yaṃ tathāgato rakkheyya ‘mā me idaṃ paro aññāsī’ti. Āyasmato ca sudinnassa kalandaputtassa aparādhe pārājikaṃ paññapentena bhagavatā moghapurisavādena samudāciṇṇaṃ, tañca pana aduṭṭhacittena asārambhena yāthāvalakkhaṇena. Kiñca tattha yāthāvalakkhaṇaṃ, yassa, mahārāja, puggalassa imasmiṃ attabhāve catusaccābhisamayo na hoti, tassa purisattanaṃ moghaṃ aññaṃ kayiramānaṃ aññena sambhavati, tena vuccati ‘moghapuriso’ti. Iti, mahārāja, bhagavatā āyasmato sudinnassa kalandaputtassa satāvavacanena samudāciṇṇaṃ, no abhūtavādenā’’ti.

    ‘‘สภาวมฺปิ, ภเนฺต นาคเสน, โย อโกฺกสโนฺต ภณติ, ตสฺส มยํ กหาปณํ ทณฺฑํ ธาเรม, อปราโธ เยว โส วตฺถุํ นิสฺสาย วิสุํ โวหารํ อาจรโนฺต อโกฺกสตี’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน, มหาราช, สุตปุพฺพํ ตยา ขลิตสฺส อภิวาทนํ วา ปจฺจุฎฺฐานํ วา สกฺการํ วา อุปายนานุปฺปทานํ วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ยโต กุโตจิ ยตฺถ กตฺถจิ ขลิโต, โส ปริภาสนารโห โหติ ตชฺชนารโห, อุตฺตมงฺคมฺปิสฺส ฉินฺทนฺติ หนนฺติปิ พนฺธนฺติปิ ฆาเตนฺติปิ ฌาเปนฺติปี’’ติ 1ฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ภควตา กิริยา เยว กตา, โน อกิริยา’’ติฯ

    ‘‘Sabhāvampi, bhante nāgasena, yo akkosanto bhaṇati, tassa mayaṃ kahāpaṇaṃ daṇḍaṃ dhārema, aparādho yeva so vatthuṃ nissāya visuṃ vohāraṃ ācaranto akkosatī’’ti. ‘‘Atthi pana, mahārāja, sutapubbaṃ tayā khalitassa abhivādanaṃ vā paccuṭṭhānaṃ vā sakkāraṃ vā upāyanānuppadānaṃ vā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, yato kutoci yattha katthaci khalito, so paribhāsanāraho hoti tajjanāraho, uttamaṅgampissa chindanti hanantipi bandhantipi ghātentipi jhāpentipī’’ti 2. ‘‘Tena hi, mahārāja, bhagavatā kiriyā yeva katā, no akiriyā’’ti.

    ‘‘กิริยมฺปิ, ภเนฺต นาคเสน, กุรุมาเนน ปติรูเปน กาตพฺพํ อนุจฺฉวิเกน, สวเนนปิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคตสฺส สเทวโก โลโก โอตฺตปฺปติ หิริยติ ภิโยฺย ทสฺสเนน ตตุตฺตริํ อุปสงฺกมเนน ปยิรุปาสเนนา’’ติฯ ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, ติกิจฺฉโก อภิสเนฺน กาเย กุปิเต โทเส สิเนหนียานิ เภสชฺชานิ เทตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ติณฺหานิ เลขนียานิ เภสชฺชานิ เทตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สพฺพกิเลสพฺยาธิวูปสมาย อนุสิฎฺฐิํ เทติ, ผรุสาปิ, มหาราช, ตถาคตสฺส วาจา สเตฺต สิเนหยติ, มุทุเก กโรติฯ ยถา, มหาราช, อุณฺหมฺปิ อุทกํ ยํ กิญฺจิ สิเนหนียํ สิเนหยติ, มุทุกํ กโรติ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา อตฺถวตี โหติ กรุณาสหคตาฯ ยถา, มหาราช, ปิตุวจนํ ปุตฺตานํ อตฺถวนฺตํ โหติ กรุณาสหคตํ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา อตฺถวตี โหติ กรุณาสหคตาฯ ผรุสาปิ, มหาราช, ตถาคตสฺส วาจา สตฺตานํ กิเลสปฺปหานา 3 โหติฯ ยถา, มหาราช, ทุคฺคนฺธมฺปิ โคมุตฺตํ ปีตํ วิรสมฺปิ อคทํ ขายิตํ สตฺตานํ พฺยาธิํ หนติ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา อตฺถวตี กรุณาสหคตาฯ ยถา, มหาราช, มหโนฺตปิ ตูลปุโญฺช 4 ปรสฺส กาเย นิปติตฺวา รุชํ น กโรติ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา น กสฺสจิ ทุกฺขํ อุปฺปาเทตี’’ติฯ ‘‘สุวินิจฺฉิโต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห พหูหิ การเณหิ, สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Kiriyampi, bhante nāgasena, kurumānena patirūpena kātabbaṃ anucchavikena, savanenapi, bhante nāgasena, tathāgatassa sadevako loko ottappati hiriyati bhiyyo dassanena tatuttariṃ upasaṅkamanena payirupāsanenā’’ti. ‘‘Api nu kho, mahārāja, tikicchako abhisanne kāye kupite dose sinehanīyāni bhesajjāni detī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, tiṇhāni lekhanīyāni bhesajjāni detī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, tathāgato sabbakilesabyādhivūpasamāya anusiṭṭhiṃ deti, pharusāpi, mahārāja, tathāgatassa vācā satte sinehayati, muduke karoti. Yathā, mahārāja, uṇhampi udakaṃ yaṃ kiñci sinehanīyaṃ sinehayati, mudukaṃ karoti, evameva kho, mahārāja, pharusāpi tathāgatassa vācā atthavatī hoti karuṇāsahagatā. Yathā, mahārāja, pituvacanaṃ puttānaṃ atthavantaṃ hoti karuṇāsahagataṃ, evameva kho, mahārāja, pharusāpi tathāgatassa vācā atthavatī hoti karuṇāsahagatā. Pharusāpi, mahārāja, tathāgatassa vācā sattānaṃ kilesappahānā 5 hoti. Yathā, mahārāja, duggandhampi gomuttaṃ pītaṃ virasampi agadaṃ khāyitaṃ sattānaṃ byādhiṃ hanati, evameva kho, mahārāja, pharusāpi tathāgatassa vācā atthavatī karuṇāsahagatā. Yathā, mahārāja, mahantopi tūlapuñjo 6 parassa kāye nipatitvā rujaṃ na karoti, evameva kho, mahārāja, pharusāpi tathāgatassa vācā na kassaci dukkhaṃ uppādetī’’ti. ‘‘Suvinicchito, bhante nāgasena, pañho bahūhi kāraṇehi, sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    ผรุสวาจาภาวปโญฺห จตุโตฺถฯ

    Pharusavācābhāvapañho catuttho.







    Footnotes:
    1. ชาเปนฺติปีติ (สี. ปี.)
    2. jāpentipīti (sī. pī.)
    3. กิเลสปฺปหานาย (สี.)
    4. ตูลปิจุ (สี. สฺยา.)
    5. kilesappahānāya (sī.)
    6. tūlapicu (sī. syā.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact