Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๓. เผณปิณฺฑูปมสุตฺตวณฺณนา

    3. Pheṇapiṇḍūpamasuttavaṇṇanā

    ๙๕. ตติเย คงฺคาย นทิยา ตีเรติ อยุชฺฌปุรวาสิโน อปริมาณภิกฺขุปริวารํ จาริกํ จรมานํ ตถาคตํ อตฺตโน นครํ สมฺปตฺตํ ทิสฺวา เอกสฺมิํ คงฺคาย นิวตฺตนฎฺฐาเน มหาวนสณฺฑมณฺฑิตปฺปเทเส สตฺถุ วิหารํ กตฺวา อทํสุฯ ภควา ตตฺถ วิหรติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘คงฺคาย นทิยา ตีเร’’ติฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสีติ ตสฺมิํ วิหาเร วสโนฺต ภควา สายนฺหสมยํ คนฺธกุฎิโต นิกฺขมิตฺวา คงฺคาตีเร ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน คงฺคาย นทิยา อาคจฺฉนฺตํ มหนฺตํ เผณปิณฺฑํ ทิสฺวา, ‘‘มม สาสเน ปญฺจกฺขนฺธนิสฺสิตํ เอกํ ธมฺมํ กเถสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสิเนฺน ภิกฺขู อามเนฺตสิฯ

    95. Tatiye gaṅgāya nadiyā tīreti ayujjhapuravāsino aparimāṇabhikkhuparivāraṃ cārikaṃ caramānaṃ tathāgataṃ attano nagaraṃ sampattaṃ disvā ekasmiṃ gaṅgāya nivattanaṭṭhāne mahāvanasaṇḍamaṇḍitappadese satthu vihāraṃ katvā adaṃsu. Bhagavā tattha viharati. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘gaṅgāya nadiyā tīre’’ti. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesīti tasmiṃ vihāre vasanto bhagavā sāyanhasamayaṃ gandhakuṭito nikkhamitvā gaṅgātīre paññattavarabuddhāsane nisinno gaṅgāya nadiyā āgacchantaṃ mahantaṃ pheṇapiṇḍaṃ disvā, ‘‘mama sāsane pañcakkhandhanissitaṃ ekaṃ dhammaṃ kathessāmī’’ti cintetvā parivāretvā nisinne bhikkhū āmantesi.

    มหนฺตํ เผณปิณฺฑนฺติ อุฎฺฐานุฎฺฐาเน พทรปกฺกปฺปมาณโต ปฎฺฐาย อนุโสตาคมเนน อนุปุเพฺพน ปวฑฺฒิตฺวา ปพฺพตกูฎมตฺตํ ชาตํ, ยตฺถ อุทกสปฺปาทโย อเนกปาณโย นิวสนฺติ, เอวรูปํ มหนฺตํ เผณปิณฺฑํฯ อาวเหยฺยาติ อาหเรยฺยฯ โส ปนายํ เผณปิโณฺฑ อุฎฺฐิตฎฺฐาเนปิ ภิชฺชติ , โถกํ คนฺตฺวาปิ, เอกทฺวิโยชนาทิวเสน ทูรํ คนฺตฺวาปิ, อนฺตรา ปน อภิชฺชโนฺตปิ มหาสมุทฺทํ ปตฺวา อวสฺสเมว ภิชฺชติฯ นิชฺฌาเยยฺยาติ โอโลเกยฺยฯ โยนิโส อุปปริเกฺขยฺยาติ การเณน อุปปริเกฺขยฺยฯ กิญฺหิ สิยา, ภิกฺขเว, เผณปิเณฺฑ สาโรติ, ภิกฺขเว, เผณปิณฺฑมฺหิ สาโร นาม กิํ ภเวยฺย? วิลียิตฺวา วิทฺธํเสเยฺยวฯ

    Mahantaṃpheṇapiṇḍanti uṭṭhānuṭṭhāne badarapakkappamāṇato paṭṭhāya anusotāgamanena anupubbena pavaḍḍhitvā pabbatakūṭamattaṃ jātaṃ, yattha udakasappādayo anekapāṇayo nivasanti, evarūpaṃ mahantaṃ pheṇapiṇḍaṃ. Āvaheyyāti āhareyya. So panāyaṃ pheṇapiṇḍo uṭṭhitaṭṭhānepi bhijjati , thokaṃ gantvāpi, ekadviyojanādivasena dūraṃ gantvāpi, antarā pana abhijjantopi mahāsamuddaṃ patvā avassameva bhijjati. Nijjhāyeyyāti olokeyya. Yoniso upaparikkheyyāti kāraṇena upaparikkheyya. Kiñhi siyā, bhikkhave, pheṇapiṇḍe sāroti, bhikkhave, pheṇapiṇḍamhi sāro nāma kiṃ bhaveyya? Vilīyitvā viddhaṃseyyeva.

    เอวเมว โขติ ยถา เผณปิโณฺฑ นิสฺสาโร, เอวํ รูปมฺปิ นิจฺจสารธุวสารอตฺตสารวิรเหน นิสฺสารเมวฯ ยถา จ โส ‘‘อิมินา ปตฺตํ วา ถาลกํ วา กริสฺสามี’’ติ คเหตุํ น สกฺกา, คหิโตปิ ตมตฺถํ น สาเธติ, ภิชฺชติ เอว, เอวํ รูปมฺปิ นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา อหนฺติ วา มมนฺติ วา คเหตุํ น สกฺกา, คหิตมฺปิ น ตถา ติฎฺฐติ, อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อสุภเญฺญว โหตีติ เอวํ เผณปิณฺฑสทิสเมว โหติฯ ยถา วา ปน เผณปิโณฺฑ ฉิทฺทาวฉิโทฺท อเนกสนฺธิฆฎิโต พหูนํ อุทกสปฺปาทีนํ ปาณานํ อาวาโส, เอวํ รูปมฺปิ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ อเนกสนฺธิฆฎิตํ, กุลวเสเนเวตฺถ อสีติ กิมิกุลานิ วสนฺติ, ตเทว เตสํ สูติฆรมฺปิ วจฺจกุฎิปิ คิลานสาลาปิ สุสานมฺปิ, น เต อญฺญตฺถ คนฺตฺวา คพฺภวุฎฺฐานาทีนิ กโรนฺติ, เอวมฺปิ เผณปิณฺฑสทิสํฯ

    Evamevakhoti yathā pheṇapiṇḍo nissāro, evaṃ rūpampi niccasāradhuvasāraattasāravirahena nissārameva. Yathā ca so ‘‘iminā pattaṃ vā thālakaṃ vā karissāmī’’ti gahetuṃ na sakkā, gahitopi tamatthaṃ na sādheti, bhijjati eva, evaṃ rūpampi niccanti vā dhuvanti vā ahanti vā mamanti vā gahetuṃ na sakkā, gahitampi na tathā tiṭṭhati, aniccaṃ dukkhaṃ anattā asubhaññeva hotīti evaṃ pheṇapiṇḍasadisameva hoti. Yathā vā pana pheṇapiṇḍo chiddāvachiddo anekasandhighaṭito bahūnaṃ udakasappādīnaṃ pāṇānaṃ āvāso, evaṃ rūpampi chiddāvachiddaṃ anekasandhighaṭitaṃ, kulavasenevettha asīti kimikulāni vasanti, tadeva tesaṃ sūtigharampi vaccakuṭipi gilānasālāpi susānampi, na te aññattha gantvā gabbhavuṭṭhānādīni karonti, evampi pheṇapiṇḍasadisaṃ.

    ยถา จ เผณปิโณฺฑ อาทิโต พทรปกฺกมโตฺต หุตฺวา อนุปุเพฺพน ปพฺพตกูฎมโตฺตปิ โหติ, เอวํ รูปมฺปิ อาทิโต กลลมตฺตํ หุตฺวา อนุปุเพฺพน พฺยามมตฺตมฺปิ โคมหิํสหตฺถิอาทีนํ วเสน ปพฺพตกูฎาทิมตฺตํ โหติ มจฺฉกจฺฉปาทีนํ วเสน อเนกโยชนสตปมาณมฺปิ, เอวมฺปิ เผณปิณฺฑสทิสํฯ ยถา จ เผณปิโณฺฑ อุฎฺฐิตมโตฺตปิ ภิชฺชติ, โถกํ คนฺตฺวาปิ, ทูรํ คนฺตฺวาปิ, สมุทฺทํ ปตฺวา ปน อวสฺสเมว ภิชฺชติ, เอวเมวํ รูปมฺปิ กลลภาเวปิ ภิชฺชติ อพฺพุทาทิภาเวปิ, อนฺตรา ปน อภิชฺชมานมฺปิ วสฺสสตายุกานํ วสฺสสตํ ปตฺวา อวสฺสเมว ภิชฺชติ, มรณมุเข จุณฺณวิจุณฺณํ โหติ, เอวมฺปิ เผณปิณฺฑสทิสํฯ

    Yathā ca pheṇapiṇḍo ādito badarapakkamatto hutvā anupubbena pabbatakūṭamattopi hoti, evaṃ rūpampi ādito kalalamattaṃ hutvā anupubbena byāmamattampi gomahiṃsahatthiādīnaṃ vasena pabbatakūṭādimattaṃ hoti macchakacchapādīnaṃ vasena anekayojanasatapamāṇampi, evampi pheṇapiṇḍasadisaṃ. Yathā ca pheṇapiṇḍo uṭṭhitamattopi bhijjati, thokaṃ gantvāpi, dūraṃ gantvāpi, samuddaṃ patvā pana avassameva bhijjati, evamevaṃ rūpampi kalalabhāvepi bhijjati abbudādibhāvepi, antarā pana abhijjamānampi vassasatāyukānaṃ vassasataṃ patvā avassameva bhijjati, maraṇamukhe cuṇṇavicuṇṇaṃ hoti, evampi pheṇapiṇḍasadisaṃ.

    กิญฺหิ สิยา, ภิกฺขเว, เวทนาย สาโรติอาทีสุ เวทนาทีนํ ปุพฺพุฬาทีหิ เอวํ สทิสตา เวทิตพฺพาฯ ยถา หิ ปุพฺพุโฬ อสาโร เอวํ เวทนาปิฯ ยถา จ โส อพโล อคยฺหูปโค, น สกฺกา ตํ คเหตฺวา ผลกํ วา อาสนํ วา กาตุํ, คหิโตปิ ภิชฺชเตว, เอวํ เวทนาปิ อพลา อคยฺหูปคา, น สกฺกา นิจฺจาติ วา ธุวาติ วา คเหตุํ, คหิตาปิ น ตถา ติฎฺฐติ, เอวํ อคยฺหูปคตายปิ เวทนา ปุพฺพุฬสทิสาฯ ยถา ปน ตสฺมิํ ตสฺมิํ อุทกพินฺทุมฺหิ ปุพฺพุโฬ อุปฺปชฺชติ เจว ภิชฺชติ จ, น จิรฎฺฐิติโก โหติ, เอวํ เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ เจว ภิชฺชติ จ, น จิรฎฺฐิติกา โหติฯ เอกจฺฉรกฺขเณ โกฎิสตสหสฺสสงฺขา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติฯ ยถา จ ปุพฺพุโฬ อุทกตลํ, อุทกพินฺทุํ, อุทกชลฺลํ, สงฺกฑฺฒิตฺวา ปุฎํ กตฺวา คหณวาตญฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ, เอวํ เวทนาปิ วตฺถุํ อารมฺมณํ กิเลสชลฺลํ ผสฺสสงฺฆฎฺฎนญฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติฯ เอวมฺปิ เวทนา ปุพฺพุฬสทิสาฯ

    Kiñhisiyā, bhikkhave, vedanāya sārotiādīsu vedanādīnaṃ pubbuḷādīhi evaṃ sadisatā veditabbā. Yathā hi pubbuḷo asāro evaṃ vedanāpi. Yathā ca so abalo agayhūpago, na sakkā taṃ gahetvā phalakaṃ vā āsanaṃ vā kātuṃ, gahitopi bhijjateva, evaṃ vedanāpi abalā agayhūpagā, na sakkā niccāti vā dhuvāti vā gahetuṃ, gahitāpi na tathā tiṭṭhati, evaṃ agayhūpagatāyapi vedanā pubbuḷasadisā. Yathā pana tasmiṃ tasmiṃ udakabindumhi pubbuḷo uppajjati ceva bhijjati ca, na ciraṭṭhitiko hoti, evaṃ vedanāpi uppajjati ceva bhijjati ca, na ciraṭṭhitikā hoti. Ekaccharakkhaṇe koṭisatasahassasaṅkhā uppajjitvā nirujjhati. Yathā ca pubbuḷo udakatalaṃ, udakabinduṃ, udakajallaṃ, saṅkaḍḍhitvā puṭaṃ katvā gahaṇavātañcāti cattāri kāraṇāni paṭicca uppajjati, evaṃ vedanāpi vatthuṃ ārammaṇaṃ kilesajallaṃ phassasaṅghaṭṭanañcāti cattāri kāraṇāni paṭicca uppajjati. Evampi vedanā pubbuḷasadisā.

    สญฺญาปิ อสารกเฎฺฐน มรีจิสทิสาฯ ตถา อคยฺหูปคเฎฺฐนฯ น หิ สกฺกา ตํ คเหตฺวา ปิวิตุํ วา นฺหายิตุํ วา ภาชนํ วา ปูเรตุํฯ อปิจ ยถา มรีจิ วิปฺผนฺทติ, สญฺชาตูมิเวคา วิย ขายติ, เอวํ นีลสญฺญาทิเภทา สญฺญาปิ นีลาทิอนุภวนตฺถาย ผนฺทติ วิปฺผนฺทติฯ ยถา จ มรีจิ มหาชนํ วิปฺปลเมฺภติ ‘‘ปุณฺณวาปิ วิย ปุณฺณนที วิย ทิสฺสตี’’ติ วทาเปติ, เอวํ สญฺญาปิ วิปฺปลเมฺภติ, ‘‘อิทํ นีลกํ สุภํ สุขํ นิจฺจ’’นฺติ วทาเปติฯ ปีตกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ สญฺญา วิปฺปลมฺภเนนาปิ มรีจิสทิสาฯ

    Saññāpi asārakaṭṭhena marīcisadisā. Tathā agayhūpagaṭṭhena. Na hi sakkā taṃ gahetvā pivituṃ vā nhāyituṃ vā bhājanaṃ vā pūretuṃ. Apica yathā marīci vipphandati, sañjātūmivegā viya khāyati, evaṃ nīlasaññādibhedā saññāpi nīlādianubhavanatthāya phandati vipphandati. Yathā ca marīci mahājanaṃ vippalambheti ‘‘puṇṇavāpi viya puṇṇanadī viya dissatī’’ti vadāpeti, evaṃ saññāpi vippalambheti, ‘‘idaṃ nīlakaṃ subhaṃ sukhaṃ nicca’’nti vadāpeti. Pītakādīsupi eseva nayo. Evaṃ saññā vippalambhanenāpi marīcisadisā.

    อกุกฺกุกชาตนฺติ อโนฺต อสญฺชาตฆนทณฺฑกํฯ สงฺขาราปิ อสารกเฎฺฐน กทลิกฺขนฺธสทิสา, ตถา อคยฺหูปคเฎฺฐน ฯ ยเถว หิ กทลิกฺขนฺธโต กิญฺจิ คเหตฺวา น สกฺกา โคปานสิอาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ, อุปนีตมฺปิ น ตถา โหติ, เอวํ สงฺขาราปิ น สกฺกา นิจฺจาทิวเสน คเหตุํ, คหิตาปิ น ตถา โหนฺติฯ ยถา จ กทลิกฺขโนฺธ พหุปตฺตวฎฺฎิสโมธาโน โหติ, เอวํ สงฺขารกฺขโนฺธ พหุธมฺมสโมธาโนฯ ยถา จ กทลิกฺขโนฺธ นานาลกฺขโณฯ อโญฺญเยว หิ พาหิราย ปตฺตวฎฺฎิยา วโณฺณ, อโญฺญ ตโต อพฺภนฺตรอพฺภนฺตรานํ, เอวเมว สงฺขารกฺขเนฺธปิ อญฺญเทว ผสฺสสฺส ลกฺขณํ, อญฺญา เจตนาทีนํ, สโมธาเนตฺวา ปน สงฺขารกฺขโนฺธว วุจฺจตีติ เอวมฺปิ สงฺขารกฺขโนฺธ กทลิกฺขนฺธสทิโสฯ

    Akukkukajātanti anto asañjātaghanadaṇḍakaṃ. Saṅkhārāpi asārakaṭṭhena kadalikkhandhasadisā, tathā agayhūpagaṭṭhena . Yatheva hi kadalikkhandhato kiñci gahetvā na sakkā gopānasiādīnaṃ atthāya upanetuṃ, upanītampi na tathā hoti, evaṃ saṅkhārāpi na sakkā niccādivasena gahetuṃ, gahitāpi na tathā honti. Yathā ca kadalikkhandho bahupattavaṭṭisamodhāno hoti, evaṃ saṅkhārakkhandho bahudhammasamodhāno. Yathā ca kadalikkhandho nānālakkhaṇo. Aññoyeva hi bāhirāya pattavaṭṭiyā vaṇṇo, añño tato abbhantaraabbhantarānaṃ, evameva saṅkhārakkhandhepi aññadeva phassassa lakkhaṇaṃ, aññā cetanādīnaṃ, samodhānetvā pana saṅkhārakkhandhova vuccatīti evampi saṅkhārakkhandho kadalikkhandhasadiso.

    จกฺขุมา ปุริโสติ มํสจกฺขุนา เจว ปญฺญาจกฺขุนา จาติ ทฺวีหิ จกฺขูหิ จกฺขุมาฯ มํสจกฺขุมฺปิ หิสฺส ปริสุทฺธํ วฎฺฎติ อปคตปฎลปิฬกํ, ปญฺญาจกฺขุมฺปิ อสารภาวทสฺสนสมตฺถํฯ วิญฺญาณมฺปิ อสารกเฎฺฐน มายาสทิสํ, ตถา อคยฺหูปคเฎฺฐนฯ ยถา จ มายา อิตฺตรา ลหุปจฺจุปฎฺฐานา, เอวํ วิญฺญาณํฯ ตญฺหิ ตโตปิ อิตฺตรตรเญฺจว ลหุปจฺจุปฎฺฐานตรญฺจฯ เตเนว หิ จิเตฺตน ปุริโส อาคโต วิย คโต วิย ฐิโต วิย นิสิโนฺน วิย โหติฯ อญฺญเทว จ อาคมนกาเล จิตฺตํ, อญฺญํ คมนกาลาทีสุฯ เอวมฺปิ วิญฺญาณํ มายาสทิสํฯ มายา จ มหาชนํ วเญฺจติ, ยํกิญฺจิเทว ‘‘อิทํ สุวณฺณํ รชตํ มุตฺตา’’ติ คาหาเปติ, วิญฺญาณมฺปิ มหาชนํ วเญฺจติฯ เตเนว หิ จิเตฺตน อาคจฺฉนฺตํ วิย คจฺฉนฺตํ วิย ฐิตํ วิย นิสินฺนํ วิย กตฺวา คาหาเปติฯ อญฺญเทว จ อาคมเน จิตฺตํ, อญฺญํ คมนาทีสุฯ เอวมฺปิ วิญฺญาณํ มายาสทิสํฯ

    Cakkhumā purisoti maṃsacakkhunā ceva paññācakkhunā cāti dvīhi cakkhūhi cakkhumā. Maṃsacakkhumpi hissa parisuddhaṃ vaṭṭati apagatapaṭalapiḷakaṃ, paññācakkhumpi asārabhāvadassanasamatthaṃ. Viññāṇampi asārakaṭṭhena māyāsadisaṃ, tathā agayhūpagaṭṭhena. Yathā ca māyā ittarā lahupaccupaṭṭhānā, evaṃ viññāṇaṃ. Tañhi tatopi ittaratarañceva lahupaccupaṭṭhānatarañca. Teneva hi cittena puriso āgato viya gato viya ṭhito viya nisinno viya hoti. Aññadeva ca āgamanakāle cittaṃ, aññaṃ gamanakālādīsu. Evampi viññāṇaṃ māyāsadisaṃ. Māyā ca mahājanaṃ vañceti, yaṃkiñcideva ‘‘idaṃ suvaṇṇaṃ rajataṃ muttā’’ti gāhāpeti, viññāṇampi mahājanaṃ vañceti. Teneva hi cittena āgacchantaṃ viya gacchantaṃ viya ṭhitaṃ viya nisinnaṃ viya katvā gāhāpeti. Aññadeva ca āgamane cittaṃ, aññaṃ gamanādīsu. Evampi viññāṇaṃ māyāsadisaṃ.

    ภูริปเญฺญนาติ สณฺหปเญฺญน เจว วิปุลวิตฺถตปเญฺญน จฯ อายูติ ชีวิตินฺทฺริยํฯ อุสฺมาติ กมฺมชเตโชธาตุฯ ปรภตฺตนฺติ นานาวิธานํ กิมิคณาทีนํ ภตฺตํ หุตฺวาฯ เอตาทิสายํ สนฺตาโนติ เอตาทิสี อยํ ปเวณี มตกสฺส ยาว สุสานา ฆฎฺฎียตีติฯ มายายํ พาลลาปินีติ ยฺวายํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ นาม, อยํ พาลมหาชนลปาปนิกมายา นามฯ วธโกติ ทฺวีหิ การเณหิ อยํ ขนฺธสงฺขาโต วธโก อญฺญมญฺญฆาตเนนปิ, ขเนฺธสุ สติ วโธ ปญฺญายตีติปิฯ เอกา หิ ปถวีธาตุ ภิชฺชมานา เสสธาตุโย คเหตฺวาว ภิชฺชติ, ตถา อาโปธาตุอาทโยฯ รูปกฺขโนฺธ จ ภิชฺชมาโน อรูปกฺขเนฺธ คเหตฺวาว ภิชฺชติ, ตถา อรูปกฺขเนฺธสุ เวทนาทโย สญฺญาทิเกฯ จตฺตาโรปิ เจเต วตฺถุรูปนฺติ เอวํ อญฺญมญฺญวธเนเนตฺถ วธกตา เวทิตพฺพาฯ ขเนฺธสุ ปน สติ วธพนฺธนเจฺฉทาทีนิ สมฺภวนฺติ, เอวํ เอเตสุ สติ วธภาวโตปิ วธกตา เวทิตพฺพาฯ สพฺพสํโยคนฺติ สพฺพํ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํฯ อจฺจุตํ ปทนฺติ นิพฺพานํฯ ตติยํฯ

    Bhūripaññenāti saṇhapaññena ceva vipulavitthatapaññena ca. Āyūti jīvitindriyaṃ. Usmāti kammajatejodhātu. Parabhattanti nānāvidhānaṃ kimigaṇādīnaṃ bhattaṃ hutvā. Etādisāyaṃ santānoti etādisī ayaṃ paveṇī matakassa yāva susānā ghaṭṭīyatīti. Māyāyaṃ bālalāpinīti yvāyaṃ viññāṇakkhandho nāma, ayaṃ bālamahājanalapāpanikamāyā nāma. Vadhakoti dvīhi kāraṇehi ayaṃ khandhasaṅkhāto vadhako aññamaññaghātanenapi, khandhesu sati vadho paññāyatītipi. Ekā hi pathavīdhātu bhijjamānā sesadhātuyo gahetvāva bhijjati, tathā āpodhātuādayo. Rūpakkhandho ca bhijjamāno arūpakkhandhe gahetvāva bhijjati, tathā arūpakkhandhesu vedanādayo saññādike. Cattāropi cete vatthurūpanti evaṃ aññamaññavadhanenettha vadhakatā veditabbā. Khandhesu pana sati vadhabandhanacchedādīni sambhavanti, evaṃ etesu sati vadhabhāvatopi vadhakatā veditabbā. Sabbasaṃyoganti sabbaṃ dasavidhampi saṃyojanaṃ. Accutaṃ padanti nibbānaṃ. Tatiyaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. เผณปิณฺฑูปมสุตฺตํ • 3. Pheṇapiṇḍūpamasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. เผณปิณฺฑูปมสุตฺตวณฺณนา • 3. Pheṇapiṇḍūpamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact