Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๓. เผณปิณฺฑูปมสุตฺตวณฺณนา

    3. Pheṇapiṇḍūpamasuttavaṇṇanā

    ๙๕. เกนจิ การเณน ยุชฺฌิตฺวา คเหตุํ น สกฺกาติ อยุชฺฌา นามฯ นิวตฺตนฎฺฐาเนติ อุทกปฺปวาหสฺส นิวตฺติตฎฺฐาเนฯ

    95. Kenaci kāraṇena yujjhitvā gahetuṃ na sakkāti ayujjhā nāma. Nivattanaṭṭhāneti udakappavāhassa nivattitaṭṭhāne.

    อนุโสตาคมเนติ อนุโสตํ อาคมนเหตุ, ‘‘อนุโสตาคมเนนา’’ติ วา ปาโฐฯ อนุปุเพฺพน ปวฑฺฒิตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ อุฎฺฐิตานํ ขุทฺทกมหนฺตานํ เผณปิณฺฑานํ สํสเคฺคน ปการโต วุทฺธิํ ปตฺวาฯ อาวเหยฺยาติ อาเนตฺวา วเหยฺยฯ การเณน อุปปริเกฺขยฺยาติ ญาเณน วีมํเสยฺยฯ ‘‘สาโร นาม กิํ ภเวยฺยา’’ติ วตฺวา สพฺพโส ตทภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิลียิตฺวา วิทฺธํเสเยฺยวา’’ติ อาหฯ เตน รูปมฺปิ นิสฺสารตาย ภิชฺชเตวาติ ทเสฺสติฯ ยถา หิ อนิจฺจตาย อสารตาสิทฺธิ, เอวํ อสารตายปิ อนิจฺจตาสิทฺธีติ อนิจฺจตาย เอว นิจฺจสารํ ถิรภาวสารํ ธุวสารํ สามีนิวาสีการกภูตสฺส อตฺตโน วเส ปวตฺตนเมฺปตฺถ นตฺถีติ อาห ‘‘รูปมฺปิ…เป.… นิสฺสารเมวา’’ติฯ โสติ เผณปิโณฺฑฯ คหิโตปิ อุปาเยน ตมตฺถํ น สาเธติ อนรหตฺตาฯ อเนกสนฺธิฆฎิโต ตถา ตถา ฆฎิโต หุตฺวาฯ

    Anusotāgamaneti anusotaṃ āgamanahetu, ‘‘anusotāgamanenā’’ti vā pāṭho. Anupubbena pavaḍḍhitvāti tattha tattha uṭṭhitānaṃ khuddakamahantānaṃ pheṇapiṇḍānaṃ saṃsaggena pakārato vuddhiṃ patvā. Āvaheyyāti ānetvā vaheyya. Kāraṇena upaparikkheyyāti ñāṇena vīmaṃseyya. ‘‘Sāro nāma kiṃ bhaveyyā’’ti vatvā sabbaso tadabhāvaṃ dassento ‘‘vilīyitvā viddhaṃseyyevā’’ti āha. Tena rūpampi nissāratāya bhijjatevāti dasseti. Yathā hi aniccatāya asāratāsiddhi, evaṃ asāratāyapi aniccatāsiddhīti aniccatāya eva niccasāraṃ thirabhāvasāraṃ dhuvasāraṃ sāmīnivāsīkārakabhūtassa attano vase pavattanampettha natthīti āha ‘‘rūpampi…pe… nissāramevā’’ti. Soti pheṇapiṇḍo. Gahitopi upāyena tamatthaṃ na sādheti anarahattā. Anekasandhighaṭito tathā tathā ghaṭito hutvā.

    พฺยามมตฺตมฺปิ เอตรหิ มนุสฺสานํ วเสนฯ อวสฺสเมว ภิชฺชติ ตรงฺคพฺภาหตํ หุตฺวาฯ

    Byāmamattampi etarahi manussānaṃ vasena. Avassameva bhijjati taraṅgabbhāhataṃ hutvā.

    ตสฺมิํ ตสฺมิํ อุทกพินฺทุมฺหิ ปติเตฯ อุทกตลนฺติ อุทกปิฎฺฐิํฯ อญฺญโต ปตนฺตํ อุทกพินฺทุํฯ อุทกชลฺลนฺติ สนฺตานกํ หุตฺวา ฐิตํ อุทกมลํฯ ตญฺหิ สํกฑฺฒิตฺวา ตโต อุทกํ ปุฎํ กโรติ, ตสฺมิํ ปุเฎ ปุพฺพุฬสมญฺญาฯ วตฺถุนฺติ จกฺขาทิวตฺถุํฯ อารมฺมณนฺติ รูปาทิอารมฺมณํฯ กิเลสชลฺลนฺติ ปุริมสิทฺธํ, ปฎิลพฺภมานํ วา กิเลสมลํฯ ผสฺสสงฺฆฎฺฎนนฺติ ผสฺสสโมธานํฯ ปุพฺพุฬสทิสา มุหุตฺตรมณียตายฯ ยสฺมา ฆมฺมกาเล สูริยาตปสนฺตาปาภินิพฺพตฺตรสฺมิชาลนิปาเต ตาทิเส ภูมิปเทเส อิโต จิโต สมุคฺคตวาตเวคสมุทฺธฎวิรุฬฺหสงฺขาเตสุ ปริพฺภมเนฺตสุ อณุปรมาณุตชฺชาริปฺปกาเรสุ ภูตสงฺฆาเตสุ มรีจิสมญฺญา, ตสฺมา สพฺพโส สารวิรหิตาติ วุตฺตํ ‘‘สญฺญาปิ อสารกเฎฺฐน มรีจิสทิสา’’ติฯ ยสฺมา จ ปสฺสนฺตานํ เยภุเยฺยน อุทกากาเรน ขายติ, ตสฺมา ‘‘คเหตฺวา ปิวิตุํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นีลาทิอนุภวนตฺถายาติ นีลาทิอารมฺมณสฺส อนุภวนตฺถายฯ ผนฺทตีติ ผนฺทนาการปฺปตฺตา วิย โหติ อปฺปหีนตณฺหสฺส ปุคฺคลสฺสฯ วิปฺปลเมฺภติ อปฺปหีนวิปลฺลาสํ ปุคฺคลํฯ เตนาห ‘‘อิทํ นีลก’’นฺติอาทิฯ สญฺญาวิปลฺลาสโต หิ จิตฺตวิปลฺลาโส, ตโต ทิฎฺฐิวิปลฺลาโสติฯ วิปฺปลมฺภเนนาติ วิปฺปการวเสเนว อารมฺมณสฺส ลมฺภเนนฯ วิปฺปการวเสน หิ เอตํ ลมฺภนํ, ยทิทํ อนุทกเมว อุทกํ กตฺวา ทสฺสนํ อนครเมว นครํ กตฺวา คนฺธพฺพนาฎกาทิทสฺสนํฯ

    Tasmiṃ tasmiṃ udakabindumhi patite. Udakatalanti udakapiṭṭhiṃ. Aññato patantaṃ udakabinduṃ. Udakajallanti santānakaṃ hutvā ṭhitaṃ udakamalaṃ. Tañhi saṃkaḍḍhitvā tato udakaṃ puṭaṃ karoti, tasmiṃ puṭe pubbuḷasamaññā. Vatthunti cakkhādivatthuṃ. Ārammaṇanti rūpādiārammaṇaṃ. Kilesajallanti purimasiddhaṃ, paṭilabbhamānaṃ vā kilesamalaṃ. Phassasaṅghaṭṭananti phassasamodhānaṃ. Pubbuḷasadisā muhuttaramaṇīyatāya. Yasmā ghammakāle sūriyātapasantāpābhinibbattarasmijālanipāte tādise bhūmipadese ito cito samuggatavātavegasamuddhaṭaviruḷhasaṅkhātesu paribbhamantesu aṇuparamāṇutajjārippakāresu bhūtasaṅghātesu marīcisamaññā, tasmā sabbaso sāravirahitāti vuttaṃ ‘‘saññāpi asārakaṭṭhena marīcisadisā’’ti. Yasmā ca passantānaṃ yebhuyyena udakākārena khāyati, tasmā ‘‘gahetvā pivituṃ vā’’tiādi vuttaṃ. Nīlādianubhavanatthāyāti nīlādiārammaṇassa anubhavanatthāya. Phandatīti phandanākārappattā viya hoti appahīnataṇhassa puggalassa. Vippalambheti appahīnavipallāsaṃ puggalaṃ. Tenāha ‘‘idaṃ nīlaka’’ntiādi. Saññāvipallāsato hi cittavipallāso, tato diṭṭhivipallāsoti. Vippalambhanenāti vippakāravaseneva ārammaṇassa lambhanena. Vippakāravasena hi etaṃ lambhanaṃ, yadidaṃ anudakameva udakaṃ katvā dassanaṃ anagarameva nagaraṃ katvā gandhabbanāṭakādidassanaṃ.

    กุกฺกุกํ วุจฺจติ กทลิกฺขนฺธสฺส สพฺพปตฺตวฎฺฎีนํ อพฺภนฺตเร ทณฺฑกนฺติ อาห ‘‘อกุกฺกุกชาตนฺติ อโนฺต อสญฺชาตฆนทณฺฑก’’นฺติฯ น ตถา โหตีติ ยทตฺถาย อุปนีตํ, ตทตฺถาย น โหติฯ นานาลกฺขโณติ นานาสภาโวฯ สงฺขารกฺขโนฺธวาติ เอโก สงฺขารกฺขโนฺธเตฺวว วุจฺจติฯ

    Kukkukaṃ vuccati kadalikkhandhassa sabbapattavaṭṭīnaṃ abbhantare daṇḍakanti āha ‘‘akukkukajātanti anto asañjātaghanadaṇḍaka’’nti. Na tathā hotīti yadatthāya upanītaṃ, tadatthāya na hoti. Nānālakkhaṇoti nānāsabhāvo. Saṅkhārakkhandhovāti eko saṅkhārakkhandhotveva vuccati.

    อสฺสาติ ปุริสสฺสฯ อปคตปฎลปิฬกนฺติ อปคตปฎลโทสเญฺจว อปคตปิฬกโทสญฺจฯ อสารภาวทสฺสนสมตฺถนฺติ อสารสฺส อสารภาวทสฺสนสมตฺถํฯ อิตฺตราติ ปริตฺตกาลา, น จิรฎฺฐิติกาฯ เตนาห ‘‘ลหุปจฺจุปฎฺฐานา’’ติฯ อญฺญเทว จ อาคมนกาเล จิตฺตนฺติ อิทญฺจ โอฬาริกวเสเนว วุตฺตํฯ ตถา หิ เอกจฺฉรกฺขเณ อเนกโกฎิสตสหสฺสสงฺขานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติฯ มายาย ทสฺสิตํ รูปํ มายาติ วุตฺตํฯ ยํกิญฺจิเทว กปาลิฎฺฐกปาสาณวาลิกาทิํฯ วเญฺจตีติ อสุวณฺณเมว สุวณฺณนฺติ, อมุตฺตเมว มุตฺตาติอาทินา วเญฺจติฯ นนุ จ สญฺญาปิ มรีจิ วิย วิปฺปลเมฺภติ วเญฺจติ, อิทมฺปิ วิญฺญาณํ มายา วิย วเญฺจตีติ โก อิเมสํ วิเสโสติ? วจนโตฺถ เนสํ สาธารโณฯ ตถาปิ สญฺญา อนุทกํเยว อุทกํ กตฺวา คาหาเปนฺตี, อปุริสเญฺญว ปุริสํ กตฺวา คาหาเปนฺตี วิปฺปลมฺภนวเสน อปฺปวิสยา, วิญฺญาณํ ปน ยํ กิญฺจิ อตํสภาวํ ตํ กตฺวา ทเสฺสนฺตี มายา วิย มหาวิสยาฯ เตนาห ‘‘ยํกิญฺจิเทวา’’ติอาทิฯ เอวมฺปีติ อติวิย ลหุปริวตฺติภาเวนปิ มายาสทิสนฺติฯ

    Assāti purisassa. Apagatapaṭalapiḷakanti apagatapaṭaladosañceva apagatapiḷakadosañca. Asārabhāvadassanasamatthanti asārassa asārabhāvadassanasamatthaṃ. Ittarāti parittakālā, na ciraṭṭhitikā. Tenāha ‘‘lahupaccupaṭṭhānā’’ti. Aññadeva ca āgamanakāle cittanti idañca oḷārikavaseneva vuttaṃ. Tathā hi ekaccharakkhaṇe anekakoṭisatasahassasaṅkhāni cittāni uppajjitvā nirujjhanti. Māyāya dassitaṃ rūpaṃ māyāti vuttaṃ. Yaṃkiñcideva kapāliṭṭhakapāsāṇavālikādiṃ. Vañcetīti asuvaṇṇameva suvaṇṇanti, amuttameva muttātiādinā vañceti. Nanu ca saññāpi marīci viya vippalambheti vañceti, idampi viññāṇaṃ māyā viya vañcetīti ko imesaṃ visesoti? Vacanattho nesaṃ sādhāraṇo. Tathāpi saññā anudakaṃyeva udakaṃ katvā gāhāpentī, apurisaññeva purisaṃ katvā gāhāpentī vippalambhanavasena appavisayā, viññāṇaṃ pana yaṃ kiñci ataṃsabhāvaṃ taṃ katvā dassentī māyā viya mahāvisayā. Tenāha ‘‘yaṃkiñcidevā’’tiādi. Evampīti ativiya lahuparivattibhāvenapi māyāsadisanti.

    เทสิตาติ เอวํ เทสิตา เผณปิณฺฑาทิอุปมาหิฯ

    Desitāti evaṃ desitā pheṇapiṇḍādiupamāhi.

    ภูริ วุจฺจติ ปถวี, สณฺหเฎฺฐน วิปุลเฎฺฐน จ ภูริสทิสปญฺญตาย ภูริปโญฺญฯ เตนาห ‘‘สณฺหปเญฺญน เจวา’’ติอาทิฯ กิมิคณาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน อเนกคิชฺฌาทิเก สงฺคณฺหาติฯ ปเวณีติ ธมฺมปพโนฺธฯ พาลลาปินี ‘‘อหํ มมา’’ติอาทินาฯ เสสธาตุโย คเหตฺวาว ภิชฺชติ เอกุปฺปาเทกนิโรธตฺตา, วตฺถุรูปนิสฺสยปจฺจยตฺตา ‘‘อย’’นฺติ น วิสุํ คหิตํฯ วธภาวโตติ วธสฺส มรณสฺส อตฺถิภาวโตฯ สรณนฺติ ปฎิสรณํฯ

    Bhūri vuccati pathavī, saṇhaṭṭhena vipulaṭṭhena ca bhūrisadisapaññatāya bhūripañño. Tenāha ‘‘saṇhapaññena cevā’’tiādi. Kimigaṇādīnanti ādi-saddena anekagijjhādike saṅgaṇhāti. Paveṇīti dhammapabandho. Bālalāpinī ‘‘ahaṃ mamā’’tiādinā. Sesadhātuyo gahetvāva bhijjati ekuppādekanirodhattā, vatthurūpanissayapaccayattā ‘‘aya’’nti na visuṃ gahitaṃ. Vadhabhāvatoti vadhassa maraṇassa atthibhāvato. Saraṇanti paṭisaraṇaṃ.

    เผณปิณฺฑูปมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pheṇapiṇḍūpamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. เผณปิณฺฑูปมสุตฺตํ • 3. Pheṇapiṇḍūpamasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. เผณปิณฺฑูปมสุตฺตวณฺณนา • 3. Pheṇapiṇḍūpamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact