Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๑๗. ติํสนิปาโต

    17. Tiṃsanipāto

    ๑. ผุสฺสเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Phussattheragāthāvaṇṇanā

    ติํสนิปาเต ปาสาทิเก พหู ทิสฺวาติอาทิกา อายสฺมโต ผุสฺสเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท เอกสฺส มณฺฑลิกรโญฺญ ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ผุโสฺสติ นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต ขตฺติยกุมาเรหิ สิกฺขิตพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คโตฯ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา กาเมสุ อลคฺคจิโตฺต อญฺญตรสฺส มหาเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยุญฺชโนฺต ฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ อเถกทิวสํ ปณฺฑรโคโตฺต นาม เอโก ตาปโส ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา นิสิโนฺน สมฺพหุเล ภิกฺขู สีลาจารสมฺปเนฺน สุสํวุตินฺทฺริเย ภาวิตกาเย ภาวิตจิเตฺต ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต ‘‘สาธุ วตายํ ปฎิปตฺติ โลเก จิรํ ติเฎฺฐยฺยา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กถํ นุ โข, ภเนฺต, อนาคตมทฺธานํ ภิกฺขูนํ ปฎิปตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ เถรํ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต สงฺคีติการา –

    Tiṃsanipāte pāsādike bahū disvātiādikā āyasmato phussattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde ekassa maṇḍalikarañño putto hutvā nibbatti, phussoti nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto khattiyakumārehi sikkhitabbasippesu nipphattiṃ gato. Upanissayasampannattā kāmesu alaggacitto aññatarassa mahātherassa santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā cariyānukūlaṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvā bhāvanaṃ anuyuñjanto jhānāni nibbattetvā jhānapādakaṃ vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. Athekadivasaṃ paṇḍaragotto nāma eko tāpaso tassa santike dhammaṃ sutvā nisinno sambahule bhikkhū sīlācārasampanne susaṃvutindriye bhāvitakāye bhāvitacitte disvā pasannacitto ‘‘sādhu vatāyaṃ paṭipatti loke ciraṃ tiṭṭheyyā’’ti cintetvā ‘‘kathaṃ nu kho, bhante, anāgatamaddhānaṃ bhikkhūnaṃ paṭipatti bhavissatī’’ti theraṃ pucchi. Tamatthaṃ dassento saṅgītikārā –

    ๙๔๙.

    949.

    ‘‘ปาสาทิเก พหู ทิสฺวา, ภาวิตเตฺต สุสํวุเต;

    ‘‘Pāsādike bahū disvā, bhāvitatte susaṃvute;

    อิสิ ปณฺฑรสโคโตฺต, อปุจฺฉิ ผุสฺสสวฺหย’’นฺติฯ – คาถํ อาทิโต ฐเปสุํ;

    Isi paṇḍarasagotto, apucchi phussasavhaya’’nti. – gāthaṃ ādito ṭhapesuṃ;

    ตตฺถ ปาสาทิเกติ อตฺตโน ปฎิปตฺติยา ปสาทารเหฯ พหูติ สมฺพหุเลฯ ภาวิตเตฺตติ สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ ภาวิตจิเตฺตฯ สุสํวุเตติ สุฎฺฐุ สํวุตินฺทฺริเยฯ อิสีติ ตาปโสฯ ปณฺฑรสโคโตฺตติ ปณฺฑรสฺส นาม อิสิโน วํเส ชาตตฺตา เตน สมานโคโตฺตฯ ผุสฺสสวฺหยนฺติ ผุสฺสสเทฺทน อวฺหาตพฺพํ, ผุสฺสนามกนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha pāsādiketi attano paṭipattiyā pasādārahe. Bahūti sambahule. Bhāvitatteti samathavipassanābhāvanāhi bhāvitacitte. Susaṃvuteti suṭṭhu saṃvutindriye. Isīti tāpaso. Paṇḍarasagottoti paṇḍarassa nāma isino vaṃse jātattā tena samānagotto. Phussasavhayanti phussasaddena avhātabbaṃ, phussanāmakanti attho.

    ๙๕๐.

    950.

    ‘‘กิํ ฉนฺทา กิมธิปฺปายา, กิมากปฺปา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Kiṃ chandā kimadhippāyā, kimākappā bhavissare;

    อนาคตมฺหิ กาลมฺหิ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ –

    Anāgatamhi kālamhi, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti. –

    อยํ ตสฺส อิสิโน ปุจฺฉาคาถาฯ

    Ayaṃ tassa isino pucchāgāthā.

    ตตฺถ กิํ ฉนฺทาติ อิมสฺมิํ สาสเน อนาคเต ภิกฺขู กีทิสจฺฉนฺทา กีทิสาธิมุตฺติกา, กิํ หีนาธิมุตฺติกา, อุทาหุ ปณีตาธิมุตฺติกาติ อโตฺถฯ กิมธิปฺปายาติ กีทิสาธิปฺปายา กีทิสชฺฌาสยา, กิํ สํกิเลสชฺฌาสยา, อุทาหุ โวทานชฺฌาสยาติ อโตฺถฯ อถ วา ฉนฺทา นาม กตฺตุกมฺยตา, ตสฺมา กีทิสี เตสํ กตฺตุกมฺยตาติ อโตฺถฯ อธิปฺปาโย อชฺฌาสโยเยวฯ กิมากปฺปาติ กีทิสากปฺปาฯ อากปฺปาติ จ เวสคหณาทิวาริตฺตจาริตฺตวโนฺตติ อโตฺถฯ ภวิสฺสเรติ ภวิสฺสนฺติฯ ตํ เมติ ตํ อนาคเต ภิกฺขูนํ ฉนฺทาธิปฺปายากปฺปเภทํ ปุจฺฉิโต มยฺหํ อกฺขาหิ กเถหีติ เถรํ อเชฺฌสติฯ ตสฺส เถโร ตมตฺถํ อาจิกฺขโนฺต สกฺกจฺจสวเน ตาว นิโยเชตุํ –

    Tattha kiṃ chandāti imasmiṃ sāsane anāgate bhikkhū kīdisacchandā kīdisādhimuttikā, kiṃ hīnādhimuttikā, udāhu paṇītādhimuttikāti attho. Kimadhippāyāti kīdisādhippāyā kīdisajjhāsayā, kiṃ saṃkilesajjhāsayā, udāhu vodānajjhāsayāti attho. Atha vā chandā nāma kattukamyatā, tasmā kīdisī tesaṃ kattukamyatāti attho. Adhippāyo ajjhāsayoyeva. Kimākappāti kīdisākappā. Ākappāti ca vesagahaṇādivārittacārittavantoti attho. Bhavissareti bhavissanti. Taṃ meti taṃ anāgate bhikkhūnaṃ chandādhippāyākappabhedaṃ pucchito mayhaṃ akkhāhi kathehīti theraṃ ajjhesati. Tassa thero tamatthaṃ ācikkhanto sakkaccasavane tāva niyojetuṃ –

    ๙๕๑.

    951.

    ‘‘สุโณหิ วจนํ มยฺหํ, อิสิ ปณฺฑรสวฺหย;

    ‘‘Suṇohi vacanaṃ mayhaṃ, isi paṇḍarasavhaya;

    สกฺกจฺจํ อุปธาเรหิ, อาจิกฺขิสฺสามฺยนาคต’’นฺติฯ – คาถมาห;

    Sakkaccaṃ upadhārehi, ācikkhissāmyanāgata’’nti. – gāthamāha;

    ตสฺสโตฺถ – โภ ปณฺฑรนาม อิสิ, ยํ ตฺวํ มํ ปุจฺฉสิ, ตํ เต อนาคตํ อาจิกฺขิสฺสามิ, อาจิกฺขโต ปน มม วจนํ สุณาหิ อนาคตตฺถทีปนโต สํเวคาวหโต จ สกฺกจฺจํ อุปธาเรหีติฯ

    Tassattho – bho paṇḍaranāma isi, yaṃ tvaṃ maṃ pucchasi, taṃ te anāgataṃ ācikkhissāmi, ācikkhato pana mama vacanaṃ suṇāhi anāgatatthadīpanato saṃvegāvahato ca sakkaccaṃ upadhārehīti.

    อถ เถโร อนาคตํสญาเณน ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนญฺจ ภาวินิํ ปวตฺติํ ยถาภูตํ ทิสฺวา ตสฺส อาจิกฺขโนฺต –

    Atha thero anāgataṃsañāṇena bhikkhūnaṃ bhikkhunīnañca bhāviniṃ pavattiṃ yathābhūtaṃ disvā tassa ācikkhanto –

    ๙๕๒.

    952.

    ‘‘โกธนา อุปนาหี จ, มกฺขี ถมฺภี สฐา พหู;

    ‘‘Kodhanā upanāhī ca, makkhī thambhī saṭhā bahū;

    อิสฺสุกี นานาวาทา จ, ภวิสฺสนฺติ อนาคเตฯ

    Issukī nānāvādā ca, bhavissanti anāgate.

    ๙๕๓.

    953.

    ‘‘อญฺญาตมานิโน ธเมฺม, คมฺภีเร ตีรโคจรา;

    ‘‘Aññātamānino dhamme, gambhīre tīragocarā;

    ลหุกา อครู ธเมฺม, อญฺญมญฺญมคารวาฯ

    Lahukā agarū dhamme, aññamaññamagāravā.

    ๙๕๔.

    954.

    ‘‘พหู อาทีนวา โลเก, อุปฺปชฺชิสฺสนฺตฺยนาคเต;

    ‘‘Bahū ādīnavā loke, uppajjissantyanāgate;

    สุเทสิตํ อิมํ ธมฺมํ, กิเลสิสฺสนฺติ ทุมฺมตีฯ

    Sudesitaṃ imaṃ dhammaṃ, kilesissanti dummatī.

    ๙๕๕.

    955.

    ‘‘คุณหีนาปิ สงฺฆมฺหิ, โวหรนฺตา วิสารทา;

    ‘‘Guṇahīnāpi saṅghamhi, voharantā visāradā;

    พลวโนฺต ภวิสฺสนฺติ, มุขรา อสฺสุตาวิโนฯ

    Balavanto bhavissanti, mukharā assutāvino.

    ๙๕๖.

    956.

    ‘‘คุณวโนฺตปิ สงฺฆมฺหิ, โวหรนฺตา ยถาตฺถโต;

    ‘‘Guṇavantopi saṅghamhi, voharantā yathātthato;

    ทุพฺพลา เต ภวิสฺสนฺติ, หิรีมนา อนตฺถิกาฯ

    Dubbalā te bhavissanti, hirīmanā anatthikā.

    ๙๕๗.

    957.

    ‘‘รชตํ ชาตรูปญฺจ, เขตฺตํ วตฺถุมเชฬกํฯ

    ‘‘Rajataṃ jātarūpañca, khettaṃ vatthumajeḷakaṃ.

    ทาสิทาสญฺจ ทุเมฺมธา, สาทิยิสฺสนฺตฺยนาคเตฯ

    Dāsidāsañca dummedhā, sādiyissantyanāgate.

    ๙๕๘.

    958.

    ‘‘อุชฺฌานสญฺญิโน พาลา, สีเลสุ อสมาหิตา;

    ‘‘Ujjhānasaññino bālā, sīlesu asamāhitā;

    อุนฺนฬา วิจริสฺสนฺติ, กลหาภิรตา มคาฯ

    Unnaḷā vicarissanti, kalahābhiratā magā.

    ๙๕๙.

    959.

    ‘‘อุทฺธตา จ ภวิสฺสนฺติ, นีลจีวรปารุตา;

    ‘‘Uddhatā ca bhavissanti, nīlacīvarapārutā;

    กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี, จริสฺสนฺตฺยริยา วิยฯ

    Kuhā thaddhā lapā siṅgī, carissantyariyā viya.

    ๙๖๐.

    960.

    ‘‘เตลสเณฺฐหิ เกเสหิ, จปลา อญฺชนกฺขิกา;

    ‘‘Telasaṇṭhehi kesehi, capalā añjanakkhikā;

    รถิยาย คมิสฺสนฺติ, ทนฺตวณฺณิกปารุตาฯ

    Rathiyāya gamissanti, dantavaṇṇikapārutā.

    ๙๖๑.

    961.

    ‘‘อเชคุจฺฉํ วิมุเตฺตหิ, สุรตฺตํ อรหทฺธชํ;

    ‘‘Ajegucchaṃ vimuttehi, surattaṃ arahaddhajaṃ;

    ชิคุจฺฉิสฺสนฺติ กาสาวํ, โอทาเตสุ สมุจฺฉิตาฯ

    Jigucchissanti kāsāvaṃ, odātesu samucchitā.

    ๙๖๒.

    962.

    ‘‘ลาภกามา ภวิสฺสนฺติ, กุสีตา หีนวีริยา;

    ‘‘Lābhakāmā bhavissanti, kusītā hīnavīriyā;

    กิจฺฉนฺตา วนปตฺถานิ, คามเนฺตสุ วสิสฺสเรฯ

    Kicchantā vanapatthāni, gāmantesu vasissare.

    ๙๖๓.

    963.

    ‘‘เย เย ลาภํ ลภิสฺสนฺติ, มิจฺฉาชีวรตา สทา;

    ‘‘Ye ye lābhaṃ labhissanti, micchājīvaratā sadā;

    เต เตว อนุสิกฺขนฺตา, ภชิสฺสนฺติ อสํยตาฯ

    Te teva anusikkhantā, bhajissanti asaṃyatā.

    ๙๖๔.

    964.

    ‘‘เย เย อลาภิโน ลาภํ, น เต ปุชฺชา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Ye ye alābhino lābhaṃ, na te pujjā bhavissare;

    สุเปสเลปิ เต ธีเร, เสวิสฺสนฺติ น เต ตทาฯ

    Supesalepi te dhīre, sevissanti na te tadā.

    ๙๖๕.

    965.

    ‘‘มิลกฺขุรชนํ รตฺตํ, ครหนฺตา สกํ ธชํ;

    ‘‘Milakkhurajanaṃ rattaṃ, garahantā sakaṃ dhajaṃ;

    ติตฺถิยานํ ธชํ เกจิ, ธาริสฺสนฺตฺยวทาตกํฯ

    Titthiyānaṃ dhajaṃ keci, dhārissantyavadātakaṃ.

    ๙๖๖.

    966.

    ‘‘อคารโว จ กาสาเว, ตทา เตสํ ภวิสฺสติ;

    ‘‘Agāravo ca kāsāve, tadā tesaṃ bhavissati;

    ปฎิสงฺขา จ กาสาเว, ภิกฺขูนํ น ภวิสฺสติฯ

    Paṭisaṅkhā ca kāsāve, bhikkhūnaṃ na bhavissati.

    ๙๖๗.

    967.

    ‘‘อภิภูตสฺส ทุเกฺขน, สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต;

    ‘‘Abhibhūtassa dukkhena, sallaviddhassa ruppato;

    ปฎิสงฺขา มหาโฆรา, นาคสฺสาสิ อจินฺติยาฯ

    Paṭisaṅkhā mahāghorā, nāgassāsi acintiyā.

    ๙๖๘.

    968.

    ‘‘ฉทฺทโนฺต หิ ตทา ทิสฺวา, สุรตฺตํ อรหทฺธชํ;

    ‘‘Chaddanto hi tadā disvā, surattaṃ arahaddhajaṃ;

    ตาวเทวภณี คาถา, คโช อโตฺถปสํหิตาฯ

    Tāvadevabhaṇī gāthā, gajo atthopasaṃhitā.

    ๙๖๙.

    969.

    ‘‘อนิกฺกสาโว กาสาวํ, โย วตฺถํ ปริธสฺสติ;

    ‘‘Anikkasāvo kāsāvaṃ, yo vatthaṃ paridhassati;

    อเปโต ทมสเจฺจน, น โส กาสาวมรหติฯ

    Apeto damasaccena, na so kāsāvamarahati.

    ๙๗๐.

    970.

    ‘‘โย จ วนฺตกสาวสฺส, สีเลสุ สุสมาหิโต;

    ‘‘Yo ca vantakasāvassa, sīlesu susamāhito;

    อุเปโต ทมสเจฺจน, ส เว กาสาวมรหติฯ

    Upeto damasaccena, sa ve kāsāvamarahati.

    ๙๗๑.

    971.

    ‘‘วิปนฺนสีโล ทุเมฺมโธ, ปากโฎ กามการิโย;

    ‘‘Vipannasīlo dummedho, pākaṭo kāmakāriyo;

    วิพฺภนฺตจิโตฺต นิสฺสุโกฺก, น โส กาสาวมรหติฯ

    Vibbhantacitto nissukko, na so kāsāvamarahati.

    ๙๗๒.

    972.

    ‘‘โย จ สีเลน สมฺปโนฺน, วีตราโค สมาหิโต;

    ‘‘Yo ca sīlena sampanno, vītarāgo samāhito;

    โอทาตมนสงฺกโปฺป, ส เว กาสาวมรหติฯ

    Odātamanasaṅkappo, sa ve kāsāvamarahati.

    ๙๗๓.

    973.

    ‘‘อุทฺธโต อุนฺนโฬ พาโล, สีลํ ยสฺส น วิชฺชติ;

    ‘‘Uddhato unnaḷo bālo, sīlaṃ yassa na vijjati;

    โอทาตกํ อรหติ, กาสาวํ กิํ กริสฺสติฯ

    Odātakaṃ arahati, kāsāvaṃ kiṃ karissati.

    ๙๗๔.

    974.

    ‘‘ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ, ทุฎฺฐจิตฺตา อนาทรา;

    ‘‘Bhikkhū ca bhikkhuniyo ca, duṭṭhacittā anādarā;

    ตาทีนํ เมตฺตจิตฺตานํ, นิคฺคณฺหิสฺสนฺตฺยนาคเตฯ

    Tādīnaṃ mettacittānaṃ, niggaṇhissantyanāgate.

    ๙๗๕.

    975.

    ‘‘สิกฺขาเปนฺตาปิ เถเรหิ, พาลา จีวรธารณํ;

    ‘‘Sikkhāpentāpi therehi, bālā cīvaradhāraṇaṃ;

    น สุณิสฺสนฺติ ทุเมฺมธา, ปากฎา กามการิยาฯ

    Na suṇissanti dummedhā, pākaṭā kāmakāriyā.

    ๙๗๖.

    976.

    ‘‘เต ตถา สิกฺขิตา พาลา, อญฺญมญฺญํ อคารวา;

    ‘‘Te tathā sikkhitā bālā, aññamaññaṃ agāravā;

    นาทิยิสฺสนฺตุปชฺฌาเย, ขฬุโงฺก วิย สารถิํฯ

    Nādiyissantupajjhāye, khaḷuṅko viya sārathiṃ.

    ๙๗๗.

    977.

    ‘‘เอวํ อนาคตทฺธานํ, ปฎิปตฺติ ภวิสฺสติ;

    ‘‘Evaṃ anāgataddhānaṃ, paṭipatti bhavissati;

    ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนญฺจ, ปเตฺต กาลมฺหิ ปจฺฉิเมฯ

    Bhikkhūnaṃ bhikkhunīnañca, patte kālamhi pacchime.

    ๙๗๘.

    978.

    ‘‘ปุรา อาคจฺฉเต เอตํ, อนาคตํ มหพฺภยํ;

    ‘‘Purā āgacchate etaṃ, anāgataṃ mahabbhayaṃ;

    สุพฺพจา โหถ สขิลา, อญฺญมญฺญํ สคารวาฯ

    Subbacā hotha sakhilā, aññamaññaṃ sagāravā.

    ๙๗๙.

    979.

    ‘‘เมตฺตจิตฺตา การุณิกา, โหถ สีเลสุ สํวุตา;

    ‘‘Mettacittā kāruṇikā, hotha sīlesu saṃvutā;

    อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมาฯ

    Āraddhavīriyā pahitattā, niccaṃ daḷhaparakkamā.

    ๙๘๐.

    980.

    ‘‘ปมาทํ ภยโต ทิสฺวา, อปฺปมาทญฺจ เขมโต;

    ‘‘Pamādaṃ bhayato disvā, appamādañca khemato;

    ภาเวถฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ผุสนฺตา อมตํ ปท’’นฺติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;

    Bhāvethaṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, phusantā amataṃ pada’’nti. – imā gāthā abhāsi;

    ตตฺถ โกธนาติ กุชฺฌนสีลาฯ ภวิสฺสนฺติ อนาคเตติ สมฺพโนฺธฯ กิํ เถรสฺส กาเล ตถา นาเหสุนฺติ? น นาเหสุํฯ ตทา ปน กลฺยาณมิตฺตพหุลตาย โอวาทเกสุ วิญฺญาปเกสุ สพฺรหฺมจารีสุ พหูสุ วิชฺชมาเนสุ กิเลเสสุ พลวเนฺตสุ ปฎิสงฺขานพหุลตาย จ เยภุเยฺยน ภิกฺขู อโกฺกธนา อเหสุํ, อายติํ ตพฺพิปริยาเย อติโกธนา ภวิสฺสนฺติ, ตสฺมา ‘‘อนาคเต’’ติ วุตฺตํฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อุปนาหีติ อาฆาตวตฺถูสุ อาฆาตสฺส อุปนยฺหนสีลา อุปนาหสมฺภวโต วา อุปนาหีฯ ตตฺถ ปุริมกาลิโก พฺยาปาโท โกโธ, อปรกาลิโก อุปนาโหฯ สกิํ ปวโตฺต วา โทโส โกโธ, อเนกกฺขตฺตุํ ปวโตฺต อุปนาโหฯ ปเรสํ วิชฺชมาเน คุเณ มกฺขนฺติ ปุญฺชนฺติ, เตสํ วา อุทกปุญฺชนิยา วิย อุทกสฺส มโกฺข มกฺขนํ ปุญฺชนํ เอเตสํ อตฺถีติ มกฺขีฯ อติมานลกฺขโณ ถโมฺภ เอเตสํ อตฺถีติ ถมฺภีฯ สฐาติ อสนฺตคุณวิภาวนลกฺขเณน สาเฐเยฺยน สมนฺนาคตาฯ อิสฺสุกีติ ปรสมฺปตฺติขิยฺยนลกฺขณาย อิสฺสาย สมนฺนาคตาฯ นานาวาทาติ อญฺญมญฺญํ วิรุทฺธวาทา วิรุทฺธทิฎฺฐิกา, กลหการกา จาติ อโตฺถฯ

    Tattha kodhanāti kujjhanasīlā. Bhavissanti anāgateti sambandho. Kiṃ therassa kāle tathā nāhesunti? Na nāhesuṃ. Tadā pana kalyāṇamittabahulatāya ovādakesu viññāpakesu sabrahmacārīsu bahūsu vijjamānesu kilesesu balavantesu paṭisaṅkhānabahulatāya ca yebhuyyena bhikkhū akkodhanā ahesuṃ, āyatiṃ tabbipariyāye atikodhanā bhavissanti, tasmā ‘‘anāgate’’ti vuttaṃ. Sesapadesupi eseva nayo. Upanāhīti āghātavatthūsu āghātassa upanayhanasīlā upanāhasambhavato vā upanāhī. Tattha purimakāliko byāpādo kodho, aparakāliko upanāho. Sakiṃ pavatto vā doso kodho, anekakkhattuṃ pavatto upanāho. Paresaṃ vijjamāne guṇe makkhanti puñjanti, tesaṃ vā udakapuñjaniyā viya udakassa makkho makkhanaṃ puñjanaṃ etesaṃ atthīti makkhī. Atimānalakkhaṇo thambho etesaṃ atthīti thambhī. Saṭhāti asantaguṇavibhāvanalakkhaṇena sāṭheyyena samannāgatā. Issukīti parasampattikhiyyanalakkhaṇāya issāya samannāgatā. Nānāvādāti aññamaññaṃ viruddhavādā viruddhadiṭṭhikā, kalahakārakā cāti attho.

    อญฺญาตมานิโน ธเมฺม, คมฺภีเร ตีรโคจราติ คมฺภีเร ทุโรภาเส สทฺธเมฺม อญฺญาเต เอว ‘‘ญาโตติ, ทิโฎฺฐ’’ติ เอวํ มานิโน, ตโต เอว ตสฺส โอรภาเค ปวตฺติตาย โอริมตีรโคจราฯ ลหุกาติ ลหุสภาวา จปลาฯ อครู ธเมฺมติ สทฺธเมฺม คารวรหิตาฯ อญฺญมญฺญมคารวาติ อญฺญมญฺญสฺมิํ อปฺปติสฺสา, สเงฺฆ สพฺรหฺมจารีสุ จ ครุคารววิรหิตาฯ พหู อาทีนวาติ วุตฺตปฺปการา, วกฺขมานา จ พหู อเนกโทสา อนฺตรายา ฯ โลเกติ สตฺตโลเกฯ อุปฺปชฺชิสฺสนฺตฺยนาคเตติ อนาคเต ปาตุ ภวิสฺสนฺติฯ สุเทสิตํ อิมํ ธมฺมนฺติ, สมฺมาสมฺพุเทฺธน สุฎฺฐุ อวิปรีตํ อาทิกลฺยาณาทิปฺปกาเรน เทสิตํ อิมํ อาคมสทฺธมฺมํฯ กิเลสิสฺสนฺตีติ กิลิฎฺฐํ กิเลสทูสิตํ กริสฺสนฺติ, ‘‘อาปตฺติํ ‘อนาปตฺตี’ติ ครุกาปตฺติํ ‘ลหุกาปตฺตี’’’ติอาทินา ทุจฺจริตสํกิเลเสน อสทฺธเมฺมน สณฺหสุขุมํ รูปารูปธมฺมํ ปฎิกฺขิปิสฺสนฺติ, ทิฎฺฐิสํกิเลเสน อุภยตฺราปิ ตณฺหาสํกิเลเสน สํกิเลสิสฺสนฺติ มลินํ กริสฺสนฺติฯ ทุมฺมตีติ นิปฺปญฺญาฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘ภวิสฺสนฺติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ…เป.… อภิธมฺมกถํ เวทลฺลกถํ กเถนฺตา กณฺหธมฺมํ โอกฺกมมานา น พุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๗๙)ฯ

    Aññātamānino dhamme, gambhīre tīragocarāti gambhīre durobhāse saddhamme aññāte eva ‘‘ñātoti, diṭṭho’’ti evaṃ mānino, tato eva tassa orabhāge pavattitāya orimatīragocarā. Lahukāti lahusabhāvā capalā. Agarū dhammeti saddhamme gāravarahitā. Aññamaññamagāravāti aññamaññasmiṃ appatissā, saṅghe sabrahmacārīsu ca garugāravavirahitā. Bahū ādīnavāti vuttappakārā, vakkhamānā ca bahū anekadosā antarāyā . Loketi sattaloke. Uppajjissantyanāgateti anāgate pātu bhavissanti. Sudesitaṃ imaṃ dhammanti, sammāsambuddhena suṭṭhu aviparītaṃ ādikalyāṇādippakārena desitaṃ imaṃ āgamasaddhammaṃ. Kilesissantīti kiliṭṭhaṃ kilesadūsitaṃ karissanti, ‘‘āpattiṃ ‘anāpattī’ti garukāpattiṃ ‘lahukāpattī’’’tiādinā duccaritasaṃkilesena asaddhammena saṇhasukhumaṃ rūpārūpadhammaṃ paṭikkhipissanti, diṭṭhisaṃkilesena ubhayatrāpi taṇhāsaṃkilesena saṃkilesissanti malinaṃ karissanti. Dummatīti nippaññā. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘bhavissanti, bhikkhave, bhikkhū anāgatamaddhānaṃ…pe… abhidhammakathaṃ vedallakathaṃ kathentā kaṇhadhammaṃ okkamamānā na bujjhissantī’’ti (a. ni. 5.79).

    คุณหีนาติ สีลาทิคุณวิรหิตา ทุสฺสีลา, อลชฺชิโน จฯ อถ วา คุณหีนาติ วินยวาริตฺตาทิคุเณน หีนา ธมฺมวินเย อปฺปกตญฺญุโนฯ สงฺฆมฺหีติ สงฺฆมเชฺฌฯ โวหรนฺตาติ กเถนฺตา, สเงฺฆ วินิจฺฉยกถาย วตฺตมานาย ยํกิญฺจิ ภณนฺตาฯ วิสารทาติ นิพฺภยา ปคพฺภาฯ พลวโนฺตติ ปกฺขพเลน พลวโนฺตฯ มุขราติ มุขขรา ขรวาทิโนฯ อสฺสุตาวิโนติ น สุตวโนฺต, เกวลํ ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสเยน คุณธรา หุตฺวา ‘‘ธมฺมํ ‘อธโมฺม’ติ, อธมฺมญฺจ ‘ธโมฺม’ติ, วินยํ ‘อวินโย’ติ, อวินยญฺจ ‘วินโย’’’ติ เอวํ อตฺตนา ยถิจฺฉิตมตฺถํ สงฺฆมเชฺฌ ปติฎฺฐเปนฺตา พลวโนฺต ภวิสฺสนฺติฯ

    Guṇahīnāti sīlādiguṇavirahitā dussīlā, alajjino ca. Atha vā guṇahīnāti vinayavārittādiguṇena hīnā dhammavinaye appakataññuno. Saṅghamhīti saṅghamajjhe. Voharantāti kathentā, saṅghe vinicchayakathāya vattamānāya yaṃkiñci bhaṇantā. Visāradāti nibbhayā pagabbhā. Balavantoti pakkhabalena balavanto. Mukharāti mukhakharā kharavādino. Assutāvinoti na sutavanto, kevalaṃ lābhasakkārasilokasannissayena guṇadharā hutvā ‘‘dhammaṃ ‘adhammo’ti, adhammañca ‘dhammo’ti, vinayaṃ ‘avinayo’ti, avinayañca ‘vinayo’’’ti evaṃ attanā yathicchitamatthaṃ saṅghamajjhe patiṭṭhapentā balavanto bhavissanti.

    คุณวโนฺตติ สีลาทิคุณสมฺปนฺนาฯ โวหรนฺตา ยถาตฺถโตติ อตฺถานุรูปํ, อวิปรีตตฺถํ ‘‘ธมฺมํ ‘ธโมฺม’ติ, อธมฺมํ ‘อธโมฺม’ติ, วินยํ ‘วินโย’ติ อวินยํ ‘อวินโย’’’ติ เอวํ ทีเปนฺตาฯ ทุพฺพลา เต ภวิสฺสนฺตีติ ปริสายํ อลชฺชุสฺสนฺนตาย พลวิรหิตา เต ภวิสฺสนฺติ, เตสํ วจนํ น ติฎฺฐิสฺสติฯ หิรีมนา อนตฺถิกาติ หิรีมโนฺต เกนจิ อนตฺถิกาฯ เต หิ ธเมฺมน วตฺตุํ สมตฺถาปิ ปาปชิคุจฺฉตาย อปฺปกิจฺจตาย จ เกหิจิ วิโรธํ อกโรนฺตา อตฺตโน วาทํ ปติฎฺฐาเปตุํ น วายมนฺตา ทิฎฺฐาวิกมฺมํ วา อธิฎฺฐานํ วา อกตฺวา ตุณฺหี โหนฺติฯ

    Guṇavantoti sīlādiguṇasampannā. Voharantā yathātthatoti atthānurūpaṃ, aviparītatthaṃ ‘‘dhammaṃ ‘dhammo’ti, adhammaṃ ‘adhammo’ti, vinayaṃ ‘vinayo’ti avinayaṃ ‘avinayo’’’ti evaṃ dīpentā. Dubbalā te bhavissantīti parisāyaṃ alajjussannatāya balavirahitā te bhavissanti, tesaṃ vacanaṃ na tiṭṭhissati. Hirīmanā anatthikāti hirīmanto kenaci anatthikā. Te hi dhammena vattuṃ samatthāpi pāpajigucchatāya appakiccatāya ca kehici virodhaṃ akarontā attano vādaṃ patiṭṭhāpetuṃ na vāyamantā diṭṭhāvikammaṃ vā adhiṭṭhānaṃ vā akatvā tuṇhī honti.

    รชตนฺติ รูปิยํ, เตน กหาปณโลหมาสกาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ, เตน มณิมุตฺตาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ วา-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถ ‘‘อปทา วา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐) วิยฯ ‘‘รชตชาตรูปญฺจา’’ติ วา ปาโฐฯ เขตฺตนฺติ ยตฺถ ปุพฺพณฺณาปรณฺณํ รุหติ, ตํ เขตฺตํฯ ตทตฺถํ อกตภูมิภาโค วตฺถุฯ อเชฬกนฺติ เอฬกา นาม อชาเยว, เต ฐเปตฺวา อวเสสา ปสุชาตี อชา นามฯ อเชฬกคฺคหเณเนว เหตฺถ โคมหิํสาทีนมฺปิ สงฺคโห กโตฯ ทาสิทาสญฺจาติ ทาสิโย จ ทาเส จฯ ทุเมฺมธาติ อวิทฺทสุโน , กปฺปิยากปฺปิยํ สารุปฺปาสารุปฺปํ อชานนฺตา อตฺตโน อตฺถาย สาทิยิสฺสนฺติ สมฺปฎิจฺฉิสฺสนฺติฯ

    Rajatanti rūpiyaṃ, tena kahāpaṇalohamāsakādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo. Jātarūpanti suvaṇṇaṃ, tena maṇimuttādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo. Vā-saddo samuccayattho ‘‘apadā vā’’tiādīsu (a. ni. 4.34; 5.32; itivu. 90) viya. ‘‘Rajatajātarūpañcā’’ti vā pāṭho. Khettanti yattha pubbaṇṇāparaṇṇaṃ ruhati, taṃ khettaṃ. Tadatthaṃ akatabhūmibhāgo vatthu. Ajeḷakanti eḷakā nāma ajāyeva, te ṭhapetvā avasesā pasujātī ajā nāma. Ajeḷakaggahaṇeneva hettha gomahiṃsādīnampi saṅgaho kato. Dāsidāsañcāti dāsiyo ca dāse ca. Dummedhāti aviddasuno , kappiyākappiyaṃ sāruppāsāruppaṃ ajānantā attano atthāya sādiyissanti sampaṭicchissanti.

    อุชฺฌานสญฺญิโนติ ปเร เหฎฺฐโต กตฺวา โอโลกนจิตฺตา, อนุชฺฌายิตพฺพฎฺฐาเนปิ วา อุชฺฌานสีลาฯ พาลาติ ทุจฺจินฺติตจินฺตนาทินา พาลลกฺขเณน สมนฺนาคตา, ตโต เอว สีเลสุ อสมาหิตา จตุปาริสุทฺธิสีเลสุ น สมาหิตจิตฺตาฯ อุนฺนฬาติ, สมุสฺสิตตุจฺฉมานาฯ วิจริสฺสนฺตีติ มานทฺธชํ อุกฺขิปิตฺวา วิจริสฺสนฺติฯ กลหาภิรตา มคาติ สารมฺภพหุลตาย กรณุตฺตริยปสุตา กลเห เอว อภิรตา มคสทิสา มิคา วิย อตฺตหิตาเปกฺขา ฆาเสสนาภิรตา ทุพฺพลวิเหสปราติ อโตฺถฯ

    Ujjhānasaññinoti pare heṭṭhato katvā olokanacittā, anujjhāyitabbaṭṭhānepi vā ujjhānasīlā. Bālāti duccintitacintanādinā bālalakkhaṇena samannāgatā, tato eva sīlesu asamāhitā catupārisuddhisīlesu na samāhitacittā. Unnaḷāti, samussitatucchamānā. Vicarissantīti mānaddhajaṃ ukkhipitvā vicarissanti. Kalahābhiratā magāti sārambhabahulatāya karaṇuttariyapasutā kalahe eva abhiratā magasadisā migā viya attahitāpekkhā ghāsesanābhiratā dubbalavihesaparāti attho.

    อุทฺธตาติ อุทฺธเจฺจน สมนฺนาคตา จิเตฺตกคฺคตารหิตาฯ นีลจีวรปารุตาติ อกปฺปิยรชนรเตฺตน นีลวเณฺณน จีวเรน ปารุตา, ตาทิสํ จีวรํ นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ วิจรณกาฯ กุหาติ สามนฺตชปฺปนาทินา กุหนวตฺถุนา กุหกา, อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย โกหญฺญํ กตฺวา ปเรสํ วิมฺหาปยาฯ ถทฺธาติ โกเธน มาเนน จ ถทฺธมานสา กกฺขฬหทยาฯ ลปาติ ลปนกา กุหนวุตฺติกา, ปสนฺนมานเสหิ มนุเสฺสหิ ‘‘เกน, ภเนฺต, อยฺยสฺส อโตฺถ’’ติ ปจฺจยทายกานํ วทาปนกา, ปยุตฺตวาจาวเสน, นิเปฺปสิกตาวเสน จ ปจฺจยตฺถํ ลปกาติ วา อโตฺถฯ สิงฺคีติ ‘‘ตตฺถ กตมํ สิงฺคํ? ยํ สิงฺคํ สิงฺคารตา จาตุรตา จาตุริยํ ปริกฺขตตา ปาริกฺขติย’’นฺติ (วิภ. ๘๕๒) เอวํ วุเตฺตหิ สิงฺคสทิเสหิ ปากฎกิเลเสหิ สมนฺนาคตา, สิงฺคารจริตาติ อโตฺถฯ ‘‘อริยา วิยา’’ติ อิทํ ‘‘กุหา’’ติ เอตเสฺสว อตฺถทสฺสนํฯ กุหกานญฺหิ อริยานมิว ฐิตภาวํ ทเสฺสโนฺต อริยา วิย วิจรนฺตีติ อาหฯ

    Uddhatāti uddhaccena samannāgatā cittekaggatārahitā. Nīlacīvarapārutāti akappiyarajanarattena nīlavaṇṇena cīvarena pārutā, tādisaṃ cīvaraṃ nivāsetvā ceva pārupitvā ca vicaraṇakā. Kuhāti sāmantajappanādinā kuhanavatthunā kuhakā, asantaguṇasambhāvanicchāya kohaññaṃ katvā paresaṃ vimhāpayā. Thaddhāti kodhena mānena ca thaddhamānasā kakkhaḷahadayā. Lapāti lapanakā kuhanavuttikā, pasannamānasehi manussehi ‘‘kena, bhante, ayyassa attho’’ti paccayadāyakānaṃ vadāpanakā, payuttavācāvasena, nippesikatāvasena ca paccayatthaṃ lapakāti vā attho. Siṅgīti ‘‘tattha katamaṃ siṅgaṃ? Yaṃ siṅgaṃ siṅgāratā cāturatā cāturiyaṃ parikkhatatā pārikkhatiya’’nti (vibha. 852) evaṃ vuttehi siṅgasadisehi pākaṭakilesehi samannāgatā, siṅgāracaritāti attho. ‘‘Ariyā viyā’’ti idaṃ ‘‘kuhā’’ti etasseva atthadassanaṃ. Kuhakānañhi ariyānamiva ṭhitabhāvaṃ dassento ariyā viya vicarantīti āha.

    เตลสเณฺฐหีติ สิตฺถกเตเลน วา อุทกเตเลน วา โอสณฺฐิเตหิฯ จปลาติ กายมณฺฑนปริกฺขารมณฺฑนาทินา จาปเลฺลน ยุตฺตาฯ อญฺชนกฺขิกาติ อลงฺการญฺชเนน อญฺชิตเนตฺตาฯ รถิยาย คมิสฺสนฺตีติ ภิกฺขาจริยาย กุลูปสงฺกมนาปเทเสหิ, มหารจฺฉาย อิโต จิโต จ ปริพฺภมิสฺสนฺติฯ ทนฺตวณฺณิกปารุตาติ ทนฺตวณฺณรเตฺตน จีวเรน ปารุตสรีราฯ

    Telasaṇṭhehīti sitthakatelena vā udakatelena vā osaṇṭhitehi. Capalāti kāyamaṇḍanaparikkhāramaṇḍanādinā cāpallena yuttā. Añjanakkhikāti alaṅkārañjanena añjitanettā. Rathiyāya gamissantīti bhikkhācariyāya kulūpasaṅkamanāpadesehi, mahāracchāya ito cito ca paribbhamissanti. Dantavaṇṇikapārutāti dantavaṇṇarattena cīvarena pārutasarīrā.

    อเชคุจฺฉนฺติ อชิคุจฺฉิตพฺพํฯ วิมุเตฺตหีติ อริเยหิฯ สุรตฺตนฺติ กปฺปิยรชเนน สุฎฺฐุ รตฺตํ, อรหนฺตานํ พุทฺธาทีนํ จิณฺณตาย อรหทฺธชํ ชิคุจฺฉิสฺสนฺติ กาสาวํฯ กสฺมา? โอทาเตสุ สมุจฺฉิตา เคธํ อาปนฺนาฯ ทนฺตวณฺณปารุปนสฺส หิ อิทํ การณวจนํฯ เต หิ เสตกํ สมฺภาเวนฺตา ‘‘สเพฺพน สพฺพํ เสตเก คหิเต ลิงฺคปริจฺจาโค เอว สิยา’’ติ ทนฺตวณฺณํ ปารุปนฺติฯ

    Ajegucchanti ajigucchitabbaṃ. Vimuttehīti ariyehi. Surattanti kappiyarajanena suṭṭhu rattaṃ, arahantānaṃ buddhādīnaṃ ciṇṇatāya arahaddhajaṃ jigucchissanti kāsāvaṃ. Kasmā? Odātesu samucchitā gedhaṃ āpannā. Dantavaṇṇapārupanassa hi idaṃ kāraṇavacanaṃ. Te hi setakaṃ sambhāventā ‘‘sabbena sabbaṃ setake gahite liṅgapariccāgo eva siyā’’ti dantavaṇṇaṃ pārupanti.

    ลาภกามาติ ลาภคิทฺธาฯ ภิกฺขาจริยาสุปิ โกสชฺชโยคโต กุสีตาฯ สมณธมฺมํ กาตุํ จิตฺตสฺส อุสฺสาหาภาเวน หีนวีริยาฯ กิจฺฉนฺตาติ, กิลมนฺตา, วนปเตฺถสุ วสิตุํ กิจฺฉนฺตา กิลนฺตจิตฺตาติ อโตฺถฯ คามเนฺตสูติ คามนฺตเสนาสเนสุ คามสมีเปสุ เสนาสเนสุ, คามทฺวาเรสุ วา เสนาสเนสุฯ วสิสฺสเรติ วสิสฺสนฺติฯ

    Lābhakāmāti lābhagiddhā. Bhikkhācariyāsupi kosajjayogato kusītā. Samaṇadhammaṃ kātuṃ cittassa ussāhābhāvena hīnavīriyā. Kicchantāti, kilamantā, vanapatthesu vasituṃ kicchantā kilantacittāti attho. Gāmantesūti gāmantasenāsanesu gāmasamīpesu senāsanesu, gāmadvāresu vā senāsanesu. Vasissareti vasissanti.

    เต เตว อนุสิกฺขนฺตาติ เย เย มิจฺฉาชีวปฺปโยเคน ลทฺธลาภา, เต เต เอว ปุคฺคเล อนุสิกฺขนฺตา ภมิสฺสนฺติฯ ภมิสฺสนฺตีติ สยมฺปิ เต วิย มิจฺฉาชีเวน ลาภํ อุปฺปาเทตุํ ราชกุลาทีนิ เสวนฺตา ปริพฺภมิสฺสนฺติฯ ‘‘ภชิสฺสนฺตี’’ติ วา ปาโฐ, เสวิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อสํยตาติ สีลสํยมรหิตาฯ

    Te teva anusikkhantāti ye ye micchājīvappayogena laddhalābhā, te te eva puggale anusikkhantā bhamissanti. Bhamissantīti sayampi te viya micchājīvena lābhaṃ uppādetuṃ rājakulādīni sevantā paribbhamissanti. ‘‘Bhajissantī’’ti vā pāṭho, sevissantīti attho. Asaṃyatāti sīlasaṃyamarahitā.

    เย เย อลาภิโน ลาภนฺติ เย เย ภิกฺขู มิจฺฉาชีวปริวชฺชเนน อปฺปปุญฺญตาย จ ลาภสฺส ปจฺจยสฺส น ลาภิโน, เต ปุชฺชา ปูชนียา ปาสํสา ตทา อนาคเต กาเล น ภวิสฺสนฺติฯ สุเปสเลปิ เต ธีเรติ ธิติสมฺปนฺนตาย ธีเร สุฎฺฐุ เปสเลปิ เต ภิกฺขู น เสวิสฺสนฺติ, ตทา อนาคเต เต ลาภิโน ลาภกามาว ภิกฺขูติ อโตฺถฯ

    Ye ye alābhino lābhanti ye ye bhikkhū micchājīvaparivajjanena appapuññatāya ca lābhassa paccayassa na lābhino, te pujjā pūjanīyā pāsaṃsā tadā anāgate kāle na bhavissanti. Supesalepi te dhīreti dhitisampannatāya dhīre suṭṭhu pesalepi te bhikkhū na sevissanti, tadā anāgate te lābhino lābhakāmāva bhikkhūti attho.

    มิลกฺขุรชนํ รตฺตนฺติ กาลกจฺฉกรชเนน รตฺตํฯ สมาสปทเญฺหตํ, คาถาสุขตฺถํ สานุนาสิกนิเทฺทโสฯ ครหนฺตา สกํ ธชนฺติ อตฺตโน ธชภูตํ กาสาวํ ชิคุจฺฉนฺตาฯ สาสเน ปพฺพชิตานญฺหิ กาสาโว ธโช นามฯ ติตฺถิยานํ ธชํ เกจีติ เกจิ สกฺยปุตฺติยภาวํ ปฎิชานนฺตา เอว ติตฺถิยานํ เสตวตฺถิกานํ ธชภูตํ อวทาตกํ เสตวตฺถํ ธาเรสฺสนฺติฯ

    Milakkhurajanaṃ rattanti kālakacchakarajanena rattaṃ. Samāsapadañhetaṃ, gāthāsukhatthaṃ sānunāsikaniddeso. Garahantā sakaṃ dhajanti attano dhajabhūtaṃ kāsāvaṃ jigucchantā. Sāsane pabbajitānañhi kāsāvo dhajo nāma. Titthiyānaṃ dhajaṃ kecīti keci sakyaputtiyabhāvaṃ paṭijānantā eva titthiyānaṃ setavatthikānaṃ dhajabhūtaṃ avadātakaṃ setavatthaṃ dhāressanti.

    อคารโว จ กาสาเวติ อรหทฺธชภูเต กาสาเว อคารโว อพหุมานํ ตทา อนาคเต เตสํ ภวิสฺสติฯ ปฎิสงฺขา จ กาสาเวติ ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฎิเสวามี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ปจฺจเวกฺขณมตฺตมฺปิ กาสาวปริโภเค น ภวิสฺสติฯ

    Agāravoca kāsāveti arahaddhajabhūte kāsāve agāravo abahumānaṃ tadā anāgate tesaṃ bhavissati. Paṭisaṅkhā ca kāsāveti ‘‘paṭisaṅkhā yoniso cīvaraṃ paṭisevāmī’’tiādinā (ma. ni. 1.23; a. ni. 6.58) nayena paccavekkhaṇamattampi kāsāvaparibhoge na bhavissati.

    กาสาวํ ธาเรเนฺตน กาสาวํ พหุมาเนน ‘‘ทุจฺจริตโต โอรมิตพฺพ’’นฺติ กาสาวสฺส ครุกาตพฺพภาเว ฉทฺทนฺตชาตกมุทาหรโนฺต ‘‘อภิภูตสฺส ทุเกฺขนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สลฺลวิทฺธสฺสาติ ปุถุนา สวิเสน สเลฺลน วิทฺธสฺส, ตโต เอว มหตา ทุเกฺขน อภิภูตสฺสฯ รุปฺปโตติ สรีรวิการํ อาปชฺชโตฯ มหาโฆราติ สรีรชีวิเตสุ นิรเปกฺขตาย ภิมฺมา ครุตรา ปฎิสงฺขา อเญฺญหิ อจินฺติยา จินฺตามเตฺตน ปวเตฺตตุํ อสกฺกุเณยฺยา ฉทฺทนฺตมหานาคสฺสอาสิ, อโหสิฯ ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล หิ โพธิสโตฺต โสณุตฺตเรน นาม เนสาเทน ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน ฐตฺวา วิสปีเตน สเลฺลน วิโทฺธ มหตา ทุเกฺขน อภิภูโต ตํ คเหตฺวา ปริทหิตํ กาสาวํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อริยทฺธเชน ปฎิจฺฉโนฺน, น มยา หิํสิตโพฺพ’’ติ ตตฺถ เมตฺตจิตฺตเมว ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา อุปริธมฺมํ เทเสสิฯ ยถาห –

    Kāsāvaṃ dhārentena kāsāvaṃ bahumānena ‘‘duccaritato oramitabba’’nti kāsāvassa garukātabbabhāve chaddantajātakamudāharanto ‘‘abhibhūtassa dukkhenā’’tiādimāha. Tattha sallaviddhassāti puthunā savisena sallena viddhassa, tato eva mahatā dukkhena abhibhūtassa. Ruppatoti sarīravikāraṃ āpajjato. Mahāghorāti sarīrajīvitesu nirapekkhatāya bhimmā garutarā paṭisaṅkhā aññehi acintiyā cintāmattena pavattetuṃ asakkuṇeyyā chaddantamahānāgassaāsi, ahosi. Chaddantanāgarājakāle hi bodhisatto soṇuttarena nāma nesādena paṭicchannaṭṭhāne ṭhatvā visapītena sallena viddho mahatā dukkhena abhibhūto taṃ gahetvā paridahitaṃ kāsāvaṃ disvā ‘‘ayaṃ ariyaddhajena paṭicchanno, na mayā hiṃsitabbo’’ti tattha mettacittameva paccupaṭṭhapetvā uparidhammaṃ desesi. Yathāha –

    ‘‘สมปฺปิโต ปุถุสเลฺลน นาโค,

    ‘‘Samappito puthusallena nāgo,

    อทุฎฺฐจิโตฺต ลุทฺทกมชฺฌภาสิ;

    Aduṭṭhacitto luddakamajjhabhāsi;

    กิมตฺถยํ กิสฺส วา สมฺม เหตุ,

    Kimatthayaṃ kissa vā samma hetu,

    มมํ วธี กสฺส วายํ ปโยโค’’ติอาทิฯ (ชา. ๑.๑๖.๑๒๔);

    Mamaṃ vadhī kassa vāyaṃ payogo’’tiādi. (jā. 1.16.124);

    อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต เถโร ‘‘ฉทฺทโนฺต หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุรตฺตํ อรหทฺธชนฺติ โสณุตฺตเรน ปริทหิตกาสาวํ สนฺธายาหฯ อภณีติ อภาสิฯ คาถาติ คาถาโยฯ คโชติ ฉทฺทโนฺต นาคราชาฯ อโตฺถปสํหิตาติ อตฺถสนฺนิสฺสิตา หิตา, หิตยุตฺตาติ อโตฺถฯ

    Imamatthaṃ dassento thero ‘‘chaddanto hī’’tiādimāha. Tattha surattaṃ arahaddhajanti soṇuttarena paridahitakāsāvaṃ sandhāyāha. Abhaṇīti abhāsi. Gāthāti gāthāyo. Gajoti chaddanto nāgarājā. Atthopasaṃhitāti atthasannissitā hitā, hitayuttāti attho.

    ฉทฺทนฺตนาคราเชน วุตฺตคาถาสุ อนิกฺกสาโวติ ราคาทีหิ กสาเวหิ กสาโว, ปริทหิสฺสตีติ นิวาสนปารุปนอตฺถรณวเสน ปริภุญฺชิสฺสติฯ ‘‘ปริธสฺสตี’’ติ วา ปาโฐฯ อเปโต ทมสเจฺจนาติ อินฺทฺริยทเมน เจว ปรมตฺถสจฺจปกฺขิเกน วจีสเจฺจน จ อเปโต, วิยุโตฺต ปริจฺจโตฺตติ อโตฺถฯ น โสติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล กาสาวํ ปริทหิตุํ นารหติฯ

    Chaddantanāgarājena vuttagāthāsu anikkasāvoti rāgādīhi kasāvehi kasāvo, paridahissatīti nivāsanapārupanaattharaṇavasena paribhuñjissati. ‘‘Paridhassatī’’ti vā pāṭho. Apeto damasaccenāti indriyadamena ceva paramatthasaccapakkhikena vacīsaccena ca apeto, viyutto pariccattoti attho. Na soti so evarūpo puggalo kāsāvaṃ paridahituṃ nārahati.

    วนฺตกสาวสฺสาติ จตูหิ มเคฺคหิ วนฺตกสาโว ฉฑฺฑิตกสาโว ปหีนกสาโว อสฺส ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ สีเลสูติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุฯ สุสมาหิโตติ สุฎฺฐุ สมาหิโตฯ อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน เจว วุตฺตปฺปกาเรน สเจฺจน จ อุปคโต สมนฺนาคโตฯ ส เวติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล ตํ คนฺธกาสาววตฺถํ เอกเนฺตน อรหตีติ อโตฺถฯ

    Vantakasāvassāti catūhi maggehi vantakasāvo chaḍḍitakasāvo pahīnakasāvo assa bhaveyyāti attho. Sīlesūti catupārisuddhisīlesu. Susamāhitoti suṭṭhu samāhito. Upetoti indriyadamena ceva vuttappakārena saccena ca upagato samannāgato. Sa veti so evarūpo puggalo taṃ gandhakāsāvavatthaṃ ekantena arahatīti attho.

    วิปนฺนสีโลติ ภินฺนสีโลฯ ทุเมฺมโธติ นิปฺปโญฺญ สีลวิโสธนปญฺญาย วิรหิโตฯ ปากโฎติ ‘‘ทุสฺสีโล อย’’นฺติ ปากโฎ ปกาโส, วิกฺขิตฺตินฺทฺริยตาย วา ปากโฎ ปากฎินฺทฺริโยติ อโตฺถฯ กามการิโยติ ภินฺนสํวรตาย ยถิจฺฉิตการโก, กามสฺส วา มารสฺส ยถากามกรณีโยฯ วิพฺภนฺตจิโตฺตติ รูปาทีสุ วิสเยสุ วิกฺขิตฺตจิโตฺตฯ นิสฺสุโกฺกติ อสุโกฺก สุกฺกธมฺมรหิโต หิโรตฺตปฺปวิวชฺชิโต, กุสลธมฺมสมฺปาทนอุสฺสุกฺกรหิโต วาฯ

    Vipannasīloti bhinnasīlo. Dummedhoti nippañño sīlavisodhanapaññāya virahito. Pākaṭoti ‘‘dussīlo aya’’nti pākaṭo pakāso, vikkhittindriyatāya vā pākaṭo pākaṭindriyoti attho. Kāmakāriyoti bhinnasaṃvaratāya yathicchitakārako, kāmassa vā mārassa yathākāmakaraṇīyo. Vibbhantacittoti rūpādīsu visayesu vikkhittacitto. Nissukkoti asukko sukkadhammarahito hirottappavivajjito, kusaladhammasampādanaussukkarahito vā.

    วีตราโคติ วิคตจฺฉนฺทราโคฯ โอทาตมนสงฺกโปฺปติ สุวิสุทฺธมโนวิตโกฺก, อนาวิลสงฺกโปฺป วาฯ

    Vītarāgoti vigatacchandarāgo. Odātamanasaṅkappoti suvisuddhamanovitakko, anāvilasaṅkappo vā.

    กาสาวํ กิํ กริสฺสตีติ ยสฺส สีลํ นตฺถิ, ตสฺส กาสาวํ กิํ นาม ปโยชนํ สาเธสฺสติ, จิตฺตกตสทิสํ ตสฺส ปพฺพชิตลิงฺคนฺติ อโตฺถฯ

    Kāsāvaṃ kiṃ karissatīti yassa sīlaṃ natthi, tassa kāsāvaṃ kiṃ nāma payojanaṃ sādhessati, cittakatasadisaṃ tassa pabbajitaliṅganti attho.

    ทุฎฺฐจิตฺตาติ ราคาทิโทเสหิ ทูสิตจิตฺตาฯ อนาทราติ สตฺถริ ธเมฺม อญฺญมญฺญญฺจ อาทรรหิตา อคารวาฯ ตาทีนํ เมตฺตจิตฺตานนฺติ เมตฺตาภาวนาย สมฺปยุตฺตหทเย เตเนว อรหตฺตาธิคเมน อิฎฺฐาทีสุ ตาทิภาวปฺปเตฺต อุฬารคุเณฯ อุปโยคเตฺถ หิ อิทํ สามิวจนํฯ นิคฺคณฺหิสฺสนฺตีติ ‘‘สีลาทิสมฺปเนฺน ทิสฺวา เต สมฺภาเวนฺตา วิปนฺนสีเล อเมฺห น พหุํ มญฺญิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตนิ อคารวภเยน ยถา เต อุพฺพาฬฺหา ปกฺกมิสฺสนฺติ, ตถา พาธิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ

    Duṭṭhacittāti rāgādidosehi dūsitacittā. Anādarāti satthari dhamme aññamaññañca ādararahitā agāravā. Tādīnaṃ mettacittānanti mettābhāvanāya sampayuttahadaye teneva arahattādhigamena iṭṭhādīsu tādibhāvappatte uḷāraguṇe. Upayogatthe hi idaṃ sāmivacanaṃ. Niggaṇhissantīti ‘‘sīlādisampanne disvā te sambhāventā vipannasīle amhe na bahuṃ maññissantī’’ti attani agāravabhayena yathā te ubbāḷhā pakkamissanti, tathā bādhissantīti attho.

    สิกฺขาเปนฺตาปีติ สิกฺขาปิยมานาปิฯ กมฺมเตฺถ หิ อยํ กตฺตุนิเทฺทโสฯ เถเรหีติ อตฺตโน อาจริยุปชฺฌาเยหิฯ จีวรธารณนฺติ อิทํ สมณปฎิปตฺติยา นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺมา ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฎิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา (อ. นิ. ๔.๑๒๒) สิกฺขาปิยมานาปีติ อโตฺถฯ น สุณิสฺสนฺตีติ โอวาทํ น คณฺหิสฺสนฺติฯ

    Sikkhāpentāpīti sikkhāpiyamānāpi. Kammatthe hi ayaṃ kattuniddeso. Therehīti attano ācariyupajjhāyehi. Cīvaradhāraṇanti idaṃ samaṇapaṭipattiyā nidassanamattaṃ, tasmā ‘‘evaṃ te abhikkamitabbaṃ, evaṃ te paṭikkamitabba’’ntiādinā (a. ni. 4.122) sikkhāpiyamānāpīti attho. Na suṇissantīti ovādaṃ na gaṇhissanti.

    เต ตถา สิกฺขิตา พาลาติ เต อนฺธพาลา อาจริยุปชฺฌาเยหิ สิกฺขาปิยมานาปิ อนาทรตาย อสิกฺขิตาติฯ นาทิยิสฺสนฺตุปชฺฌาเยติ อุปชฺฌาเย อาจริเย จ อาทรํ น กโรนฺติ, เตสํ อนุสาสนิยํ น ติฎฺฐนฺติฯ ยถา กิํ? ขฬุโงฺก วิย สารถิํ ยถา ขฬุโงฺก ทุฎฺฐโสฺส อสฺสทมกํ นาทิยติ น ตสฺส อุปเทเส ติฎฺฐติ, เอวํ เตปิ อุปชฺฌายาจริเย น ภายนฺติ น สารชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ

    Te tathā sikkhitā bālāti te andhabālā ācariyupajjhāyehi sikkhāpiyamānāpi anādaratāya asikkhitāti. Nādiyissantupajjhāyeti upajjhāye ācariye ca ādaraṃ na karonti, tesaṃ anusāsaniyaṃ na tiṭṭhanti. Yathā kiṃ? Khaḷuṅko viya sārathiṃ yathā khaḷuṅko duṭṭhasso assadamakaṃ nādiyati na tassa upadese tiṭṭhati, evaṃ tepi upajjhāyācariye na bhāyanti na sārajjantīti attho.

    ‘‘เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส นิคมนํฯ ตตฺถ เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรนฯ อนาคตทฺธานนฺติ อนาคตมทฺธานํ, อนาคเต กาเลติ อโตฺถฯ ตํเยว สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘ปเตฺต กาลมฺหิ ปจฺฉิเม’’ติ อาหฯ ตตฺถ กตโม ปจฺฉิมกาโล? ‘‘ตติยสงฺคีติโต ปฎฺฐาย ปจฺฉิมกาโล’’ติ เกจิ, ตํ เอเก นานุชานนฺติฯ สาสนสฺส หิ ปญฺจยุคานิ วิมุตฺติยุคํ, สมาธิยุคํ, สีลยุคํ, สุตยุคํ, ทานยุคนฺติฯ เตสุ ปฐมํ วิมุตฺติยุคํ, ตสฺมิํ อนฺตรหิเต สมาธิยุคํ วตฺตติ, ตสฺมิมฺปิ อนฺตรหิเต สีลยุคํ วตฺตติ, ตสฺมิมฺปิ อนฺตรหิเต สุตยุคํ วตฺตเตวฯ อปริสุทฺธสีโล หิ เอกเทเสน ปริยตฺติพาหุสจฺจํ ปคฺคยฺห ติฎฺฐติ ลาภาทิกามตายฯ ยทา ปน มาติกาปริโยสานา ปริยตฺติ สพฺพโส อนฺตรธายติ, ตโต ปฎฺฐาย ลิงฺคมตฺตเมว อวสิสฺสติ, ตทา ยถา ตถา ธนํ สํหริตฺวา ทานมุเขน วิสฺสเชฺชนฺติ, สา กิร เนสํ จริมา สมฺมาปฎิปตฺติฯ ตตฺถ สุตยุคโต ปฎฺฐาย ปจฺฉิมกาโล, ‘‘สีลยุคโต ปฎฺฐายา’’ติ อปเรฯ

    ‘‘Eva’’ntiādi vuttassevatthassa nigamanaṃ. Tattha evanti vuttappakārena. Anāgataddhānanti anāgatamaddhānaṃ, anāgate kāleti attho. Taṃyeva sarūpato dassento ‘‘patte kālamhi pacchime’’ti āha. Tattha katamo pacchimakālo? ‘‘Tatiyasaṅgītito paṭṭhāya pacchimakālo’’ti keci, taṃ eke nānujānanti. Sāsanassa hi pañcayugāni vimuttiyugaṃ, samādhiyugaṃ, sīlayugaṃ, sutayugaṃ, dānayuganti. Tesu paṭhamaṃ vimuttiyugaṃ, tasmiṃ antarahite samādhiyugaṃ vattati, tasmimpi antarahite sīlayugaṃ vattati, tasmimpi antarahite sutayugaṃ vattateva. Aparisuddhasīlo hi ekadesena pariyattibāhusaccaṃ paggayha tiṭṭhati lābhādikāmatāya. Yadā pana mātikāpariyosānā pariyatti sabbaso antaradhāyati, tato paṭṭhāya liṅgamattameva avasissati, tadā yathā tathā dhanaṃ saṃharitvā dānamukhena vissajjenti, sā kira nesaṃ carimā sammāpaṭipatti. Tattha sutayugato paṭṭhāya pacchimakālo, ‘‘sīlayugato paṭṭhāyā’’ti apare.

    เอวํ เถโร ปจฺฉิเม กาเล อุปฺปชฺชนกํ มหาภยํ ทเสฺสตฺวา ปุน ตตฺถ สนฺนิปติตภิกฺขูนํ โอวาทํ ททโนฺต ‘‘ปุรา อาคจฺฉเต’’ติอาทินา ติโสฺส คาถา อภาสิฯ ตตฺถ ปุรา อาคจฺฉเต เอตนฺติ เอตํ มยา ตุมฺหากํ วุตฺตํ ปฎิปตฺติอนฺตรายกรํ อนาคตํ มหาภยํ อาคจฺฉติ ปุรา, ยาว อาคมิสฺสติ, ตาวเทวาติ อโตฺถฯ สุพฺพจาติ วจนกฺขมา โสวจสฺสการเกหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตา, ครูนํ อนุสาสนิโย ปทกฺขิณคฺคาหิโน โหถาติ อโตฺถฯ สขิลาติ มุทุหทยาฯ

    Evaṃ thero pacchime kāle uppajjanakaṃ mahābhayaṃ dassetvā puna tattha sannipatitabhikkhūnaṃ ovādaṃ dadanto ‘‘purā āgacchate’’tiādinā tisso gāthā abhāsi. Tattha purā āgacchate etanti etaṃ mayā tumhākaṃ vuttaṃ paṭipattiantarāyakaraṃ anāgataṃ mahābhayaṃ āgacchati purā, yāva āgamissati, tāvadevāti attho. Subbacāti vacanakkhamā sovacassakārakehi dhammehi samannāgatā, garūnaṃ anusāsaniyo padakkhiṇaggāhino hothāti attho. Sakhilāti muduhadayā.

    เมตฺตจิตฺตาติ สพฺพสเตฺตสุ หิตูปสํหารลกฺขณาย เมตฺตาย สมฺปยุตฺตจิตฺตาฯ การุณิกาติ กรุณาย นิยุตฺตา ปเรสํ ทุกฺขาปนยนาการวุตฺติยา กรุณาย สมนฺนาคตาฯ อารทฺธวีริยาติ อกุสลานํ ปหานาย กุสลานํ อุปสมฺปทาย ปคฺคหิตวีริยาฯ ปหิตตฺตาติ นิพฺพานํ ปฎิเปสิตจิตฺตาฯ นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํฯ ทฬฺหปรกฺกมาติ ถิรวีริยาฯ

    Mettacittāti sabbasattesu hitūpasaṃhāralakkhaṇāya mettāya sampayuttacittā. Kāruṇikāti karuṇāya niyuttā paresaṃ dukkhāpanayanākāravuttiyā karuṇāya samannāgatā. Āraddhavīriyāti akusalānaṃ pahānāya kusalānaṃ upasampadāya paggahitavīriyā. Pahitattāti nibbānaṃ paṭipesitacittā. Niccanti sabbakālaṃ. Daḷhaparakkamāti thiravīriyā.

    ปมาทนฺติ ปมชฺชนํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อนนุฎฺฐานํ, อกุสเลสุ จ ธเมฺมสุ จิตฺตโวสฺสโคฺคฯ วุตฺตญฺหิ –

    Pamādanti pamajjanaṃ, kusalānaṃ dhammānaṃ ananuṭṭhānaṃ, akusalesu ca dhammesu cittavossaggo. Vuttañhi –

    ‘‘ตตฺถ กตโม ปมาโท? กายทุจฺจริเต วา วจีทุจฺจริเต วา มโนทุจฺจริเต วา ปญฺจสุ วา กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสฺสโคฺค โวสฺสคฺคานุปฺปทานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา’’ติอาทิ (วิภ. ๙๓๐)ฯ

    ‘‘Tattha katamo pamādo? Kāyaduccarite vā vacīduccarite vā manoduccarite vā pañcasu vā kāmaguṇesu cittassa vossaggo vossaggānuppadānaṃ, kusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya asakkaccakiriyatā’’tiādi (vibha. 930).

    อปฺปมาทนฺติ อปฺปมชฺชนํ, โส ปมาทสฺส ปฎิปกฺขโต เวทิตโพฺพฯ อตฺถโต หิ อปฺปมาโท นาม สติยา อวิปฺปวาโส, อุปฎฺฐิตาย สติยา เอว เจตํ นามํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยสฺมา ปมาทมูลกา สเพฺพ อนตฺถา, อปฺปมาทมูลกา จ สเพฺพ อตฺถา, ตสฺมา ปมาทํ ภยโต อุปทฺทวโต ทิสฺวา อปฺปมาทญฺจ เขมโต อนุปทฺทวโต ทิสฺวา อปฺปมาทปฎิปตฺติยา สิขาภูตํ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคหํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ อฎฺฐนฺนํ องฺคานํ วเสน อฎฺฐงฺคิกํ อริยมคฺคํ ภาเวถ, อมตํ นิพฺพานํ ผุสนฺตา สจฺฉิกโรนฺตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทถ, ทสฺสนมคฺคมเตฺต อฎฺฐตฺวา อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ อุปฺปาทนวเสน วเฑฺฒถ, เอวํ โว อปฺปมาทภาวนา สิขาปตฺตา ภวิสฺสตีติฯ

    Appamādanti appamajjanaṃ, so pamādassa paṭipakkhato veditabbo. Atthato hi appamādo nāma satiyā avippavāso, upaṭṭhitāya satiyā eva cetaṃ nāmaṃ. Ayañhettha attho – yasmā pamādamūlakā sabbe anatthā, appamādamūlakā ca sabbe atthā, tasmā pamādaṃ bhayato upaddavato disvā appamādañca khemato anupaddavato disvā appamādapaṭipattiyā sikhābhūtaṃ sīlādikkhandhattayasaṅgahaṃ sammādiṭṭhiādīnaṃ aṭṭhannaṃ aṅgānaṃ vasena aṭṭhaṅgikaṃ ariyamaggaṃ bhāvetha, amataṃ nibbānaṃ phusantā sacchikarontā attano santāne uppādetha, dassanamaggamatte aṭṭhatvā upari tiṇṇaṃ maggānaṃ uppādanavasena vaḍḍhetha, evaṃ vo appamādabhāvanā sikhāpattā bhavissatīti.

    เอวํ เถโร สมฺปตฺตปริสํ โอวทติฯ อิมา เอว จิมสฺส เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณคาถา อเหสุนฺติฯ

    Evaṃ thero sampattaparisaṃ ovadati. Imā eva cimassa therassa aññābyākaraṇagāthā ahesunti.

    ผุสฺสเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Phussattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. ผุสฺสเตฺถรคาถา • 1. Phussattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact