Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๖. ปิลินฺทวจฺฉสุตฺตวณฺณนา

    6. Pilindavacchasuttavaṇṇanā

    ๒๖. ฉเฎฺฐ ปิลินฺทวโจฺฉติ ปิลินฺทาติสฺส นามํ, วโจฺฉติ โคตฺตวเสน เถรํ สญฺชานนฺติฯ วสลวาเทน สมุทาจรตีติ ‘‘เอหิ, วสล, อเปหิ, วสลา’’ติอาทินา ภิกฺขู วสลวาเทน โวหรติ อาลปติฯ สมฺพหุลา ภิกฺขูติ พหู ภิกฺขูฯ เต เถรํ ตถา สมุทาจรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อรหาว สมาโน อปฺปหีนวาสนตฺตา เอวํ ภณตี’’ติ อชานนฺตา ‘‘โทสนฺตโร มเญฺญ อยํ เถโร เอวํ สมุทาจรตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อุลฺลปนาธิปฺปายา ตํ ตโต วุฎฺฐาเปตุํ ภควโต อาโรเจสุํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมา, ภเนฺต, ปิลินฺทวโจฺฉ ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรตี’’ติฯ เกจิ ปนาหุ – ‘‘อิมํ เถรํ ภิกฺขู ‘อรหา’ติ สญฺชานนฺติ, อยญฺจ ภิกฺขู ผรุสวจเนน เอวํ สมุทาจรติ, ‘อภูโต เอว นุ โข อิมสฺมิํ อุตฺตริมนุสฺสธโมฺม’ติ วาสนาวเสน ตสฺส ตถา สมุทาจารํ อชานนฺตา อริยภาวญฺจสฺส อสทฺทหนฺตา อุชฺฌานสญฺญิโน ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติฯ ภควา เถรสฺส โทสนฺตราภาวํ ปกาเสตุกาโม เอเกน ภิกฺขุนา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา สมฺมุขา ตสฺส ‘‘ปุพฺพาจิณฺณวเสนายํ ตถา สมุทาจรติ, น ผรุสวจนาธิปฺปาโย’’ติ อาหฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสี’’ติอาทิฯ

    26. Chaṭṭhe pilindavacchoti pilindātissa nāmaṃ, vacchoti gottavasena theraṃ sañjānanti. Vasalavādena samudācaratīti ‘‘ehi, vasala, apehi, vasalā’’tiādinā bhikkhū vasalavādena voharati ālapati. Sambahulā bhikkhūti bahū bhikkhū. Te theraṃ tathā samudācarantaṃ disvā ‘‘arahāva samāno appahīnavāsanattā evaṃ bhaṇatī’’ti ajānantā ‘‘dosantaro maññe ayaṃ thero evaṃ samudācaratī’’ti cintetvā ullapanādhippāyā taṃ tato vuṭṭhāpetuṃ bhagavato ārocesuṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘āyasmā, bhante, pilindavaccho bhikkhū vasalavādena samudācaratī’’ti. Keci panāhu – ‘‘imaṃ theraṃ bhikkhū ‘arahā’ti sañjānanti, ayañca bhikkhū pharusavacanena evaṃ samudācarati, ‘abhūto eva nu kho imasmiṃ uttarimanussadhammo’ti vāsanāvasena tassa tathā samudācāraṃ ajānantā ariyabhāvañcassa asaddahantā ujjhānasaññino bhagavato tamatthaṃ ārocesu’’nti. Bhagavā therassa dosantarābhāvaṃ pakāsetukāmo ekena bhikkhunā taṃ pakkosāpetvā sammukhā tassa ‘‘pubbāciṇṇavasenāyaṃ tathā samudācarati, na pharusavacanādhippāyo’’ti āha. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesī’’tiādi.

    ตตฺถ ปุเพฺพนิวาสํ มนสิ กริตฺวาติ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, วจฺฉ, ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรสี’’ติ เถรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘อยํ วโจฺฉ กิเลสวาสนาย วสลวาทํ น ปริจฺจชติ, กิํ นุ โข อตีเตสุปิ อตฺตภาเวสุ พฺราหฺมณชาติโก อโหสี’’ติ อาวเชฺชโนฺต ปุเพฺพนิวาสญาเณน สพฺพญฺญุตญฺญาเณน วา ตสฺส ปุเพฺพนิวาสํ อตีตาสุ ชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ มนสิ กริตฺวา หตฺถตเล ฐปิตํ อามลกํ วิย ปจฺจกฺขกรณวเสน อตฺตโน มนสิ กตฺวาฯ ภิกฺขู อามเนฺตสีติ เต ภิกฺขู สญฺญาเปตุํ อาลปิ, อภาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มา โข ตุเมฺห, ภิกฺขเว’’ติอาทิฯ

    Tattha pubbenivāsaṃ manasi karitvāti satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, vaccha, bhikkhū vasalavādena samudācarasī’’ti theraṃ pucchitvā tena ‘‘evaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘ayaṃ vaccho kilesavāsanāya vasalavādaṃ na pariccajati, kiṃ nu kho atītesupi attabhāvesu brāhmaṇajātiko ahosī’’ti āvajjento pubbenivāsañāṇena sabbaññutaññāṇena vā tassa pubbenivāsaṃ atītāsu jātīsu nivutthakkhandhasantānaṃ manasi karitvā hatthatale ṭhapitaṃ āmalakaṃ viya paccakkhakaraṇavasena attano manasi katvā. Bhikkhū āmantesīti te bhikkhū saññāpetuṃ ālapi, abhāsi. Tena vuttaṃ ‘‘mā kho tumhe, bhikkhave’’tiādi.

    ตตฺถ มาติ ปฎิเสเธ นิปาโต, ตสฺส ‘‘อุชฺฌายิตฺถา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ มา อุชฺฌายิตฺถาติ มา เหฎฺฐา กตฺวา จินฺตยิตฺถ, โอโลกยิตฺถาติ อโตฺถฯ วจฺฉสฺส ภิกฺขุโนติ จ อุชฺฌายนสฺส อุสูยนตฺถตฺตา สมฺปทานวจนํฯ อิทานิสฺส อนุชฺฌายิตเพฺพ การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, วโจฺฉ โทสนฺตโร ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรตี’’ติ อาหฯ ตสฺสโตฺถ – ภิกฺขเว, อยํ วโจฺฉ โทสนฺตโร โทสจิโตฺต โทเสน พฺยาปาเทน ทูสิตจิโตฺต หุตฺวา ภิกฺขู วสลวาเทน น สมุทาจรติ , มเคฺคเนว จสฺส พฺยาปาโท สมุคฺฆาติโตฯ เอวํ อโทสนฺตรเตฺตปิ ตสฺส ตถา สมุทาจารสฺส ปุริมชาติสิทฺธํ การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วจฺฉสฺส, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ

    Tattha ti paṭisedhe nipāto, tassa ‘‘ujjhāyitthā’’ti iminā sambandho. Mā ujjhāyitthāti mā heṭṭhā katvā cintayittha, olokayitthāti attho. Vacchassa bhikkhunoti ca ujjhāyanassa usūyanatthattā sampadānavacanaṃ. Idānissa anujjhāyitabbe kāraṇaṃ dassento ‘‘na, bhikkhave, vaccho dosantaro bhikkhū vasalavādena samudācaratī’’ti āha. Tassattho – bhikkhave, ayaṃ vaccho dosantaro dosacitto dosena byāpādena dūsitacitto hutvā bhikkhū vasalavādena na samudācarati , maggeneva cassa byāpādo samugghātito. Evaṃ adosantarattepi tassa tathā samudācārassa purimajātisiddhaṃ kāraṇaṃ dassento ‘‘vacchassa, bhikkhave’’tiādimāha.

    ตตฺถ อโพฺพกิณฺณานีติ ขตฺติยาทิชาติอนฺตเรหิ อโวมิสฺสานิ อนนฺตริตานิฯ ปญฺจ ชาติสตานิ พฺราหฺมณกุเล ปจฺจาชาตานีติ สพฺพานิ ตานิ วจฺฉสฺส ปญฺจ ชาติสตานิ ปฎิปาฎิยา พฺราหฺมณกุเล เอว ชาตานิ, อเหสุนฺติ อโตฺถฯ โส ตสฺส วสลวาโท ทีฆรตฺตํ สมุทาจิโณฺณติ โย เอตรหิ ขีณาสเวนปิ สตา ปวตฺติยติ, โส ตสฺส วจฺฉสฺส ภิกฺขุโน วสลวาโท ทีฆรตฺตํ อิโต ชาติโต ปฎฺฐาย อุทฺธํ อาโรหนวเสน ปญฺจชาติสตมตฺตํ กาลํ พฺราหฺมณชาติกตฺตา สมุทาจิโณฺณ สมุทาจริโต อโหสิฯ พฺราหฺมณา หิ ชาติสิเทฺธน มาเนน ถทฺธา อญฺญํ วสลวาเทน สมุทาจรนฺติฯ ‘‘อชฺฌาจิโณฺณ’’ติปิ ปฐนฺติ, โส เอว อโตฺถฯ เตนาติ เตน ทีฆรตฺตํ ตถา สมุทาจิณฺณภาเวน, เอเตนสฺส ตถา สมุทาจารสฺส การณํ วาสนาติ ทเสฺสติฯ กา ปนายํ วาสนา นาม? ยํ กิเลสรหิตสฺสาปิ สนฺตาเน อปฺปหีนกิเลสานํ สมาจารสทิสสมาจารเหตุภูตํ, อนาทิกาลภาวิเตหิ กิเลเสหิ อาหิตํ สามตฺถิยมตฺตํ, ตถารูปา อธิมุตฺตีติ วทนฺติฯ ตํ ปเนตํ อภินีหารสมฺปตฺติยา เญยฺยาวรณปฺปหานวเสน ยตฺถ กิเลสา ปหีนา, ตตฺถ ภควโต สนฺตาเน นตฺถิฯ ยตฺถ ปน ตถา กิเลสา น ปหีนา, ตตฺถ สาวกานํ ปเจฺจกพุทฺธานญฺจ สนฺตาเน อตฺถิ, ตโต ตถาคโตว อนาวรณญาณทสฺสโนฯ

    Tattha abbokiṇṇānīti khattiyādijātiantarehi avomissāni anantaritāni. Pañca jātisatāni brāhmaṇakule paccājātānīti sabbāni tāni vacchassa pañca jātisatāni paṭipāṭiyā brāhmaṇakule eva jātāni, ahesunti attho. So tassa vasalavādo dīgharattaṃ samudāciṇṇoti yo etarahi khīṇāsavenapi satā pavattiyati, so tassa vacchassa bhikkhuno vasalavādo dīgharattaṃ ito jātito paṭṭhāya uddhaṃ ārohanavasena pañcajātisatamattaṃ kālaṃ brāhmaṇajātikattā samudāciṇṇo samudācarito ahosi. Brāhmaṇā hi jātisiddhena mānena thaddhā aññaṃ vasalavādena samudācaranti. ‘‘Ajjhāciṇṇo’’tipi paṭhanti, so eva attho. Tenāti tena dīgharattaṃ tathā samudāciṇṇabhāvena, etenassa tathā samudācārassa kāraṇaṃ vāsanāti dasseti. Kā panāyaṃ vāsanā nāma? Yaṃ kilesarahitassāpi santāne appahīnakilesānaṃ samācārasadisasamācārahetubhūtaṃ, anādikālabhāvitehi kilesehi āhitaṃ sāmatthiyamattaṃ, tathārūpā adhimuttīti vadanti. Taṃ panetaṃ abhinīhārasampattiyā ñeyyāvaraṇappahānavasena yattha kilesā pahīnā, tattha bhagavato santāne natthi. Yattha pana tathā kilesā na pahīnā, tattha sāvakānaṃ paccekabuddhānañca santāne atthi, tato tathāgatova anāvaraṇañāṇadassano.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส สติปิ วสลสมุทาจาเร โทสนฺตราภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ ตสฺส อคฺคผลาธิคมวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃ viditvāti etaṃ āyasmato pilindavacchassa satipi vasalasamudācāre dosantarābhāvasaṅkhātaṃ atthaṃ viditvā. Imaṃ udānanti tassa aggaphalādhigamavibhāvanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ ยมฺหิ น มายา วสติ น มาโนติ ยสฺมิํ อริยปุคฺคเล สนฺตโทสปฺปฎิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินา สมฺปคฺคหวเสน ปวโตฺต อุณฺณติลกฺขโณ มาโน จ น วสติ, มเคฺคน สมุคฺฆาติตตฺตา น ปวตฺตติ น อุปฺปชฺชติฯ โย วีตโลโภ อมโม นิราโสติ โย จ ราคาทิปริยายวเสน ปวตฺตสฺส อารมฺมณคฺคหณลกฺขณสฺส โลภสฺส สพฺพถา วิคตตฺตา วีตโลโภ, ตโต เอว รูปาทีสุ กตฺถจิ มมายนาภาวโต อมโม อปริคฺคโห, อนาคตานมฺปิ ภวาทีนํ อนาสีสนโต นิราโสฯ ปนุณฺณโกโธติ กุชฺฌนลกฺขณสฺส โกธสฺส อนาคามิมเคฺคน สพฺพโส ปหีนตฺตา ปนุณฺณโกโธ สมุจฺฉินฺนาฆาโตฯ อภินิพฺพุตโตฺตติ โย เอวํ มายามานโลภโกธานํ สมุคฺฆาเตน ตเทกฎฺฐตาย สพฺพสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สุปฺปหีนตฺตา สพฺพโส กิเลสปรินิพฺพาเนน อภินิพฺพุตจิโตฺต สีติภูโตฯ โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขูติ โส เอวรูโป ขีณาสโว สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, โส เอว สมิตปาปตฺตา สมจริยาย จ สมโณ, โส เอว จ สพฺพโส ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขุ นามฯ เอวํภูโต จ, ภิกฺขเว, วโจฺฉ โส กถํ โทสนฺตโร กิญฺจิ กายกมฺมาทิํ ปวเตฺตยฺย, เกวลํ ปน วาสนาย อปฺปหีนตฺตา วสลวาเทน สมุทาจรตีติฯ

    Tattha yamhi na māyā vasati na mānoti yasmiṃ ariyapuggale santadosappaṭicchādanalakkhaṇā māyā, ‘‘seyyohamasmī’’tiādinā sampaggahavasena pavatto uṇṇatilakkhaṇo māno ca na vasati, maggena samugghātitattā na pavattati na uppajjati. Yo vītalobho amamo nirāsoti yo ca rāgādipariyāyavasena pavattassa ārammaṇaggahaṇalakkhaṇassa lobhassa sabbathā vigatattā vītalobho, tato eva rūpādīsu katthaci mamāyanābhāvato amamo apariggaho, anāgatānampi bhavādīnaṃ anāsīsanato nirāso. Panuṇṇakodhoti kujjhanalakkhaṇassa kodhassa anāgāmimaggena sabbaso pahīnattā panuṇṇakodho samucchinnāghāto. Abhinibbutattoti yo evaṃ māyāmānalobhakodhānaṃ samugghātena tadekaṭṭhatāya sabbassa saṃkilesapakkhassa suppahīnattā sabbaso kilesaparinibbānena abhinibbutacitto sītibhūto. So brāhmaṇoso samaṇo sa bhikkhūti so evarūpo khīṇāsavo sabbaso bāhitapāpattā brāhmaṇo, so eva samitapāpattā samacariyāya ca samaṇo, so eva ca sabbaso bhinnakilesattā bhikkhu nāma. Evaṃbhūto ca, bhikkhave, vaccho so kathaṃ dosantaro kiñci kāyakammādiṃ pavatteyya, kevalaṃ pana vāsanāya appahīnattā vasalavādena samudācaratīti.

    ฉฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chaṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๖. ปิลินฺทวจฺฉสุตฺตํ • 6. Pilindavacchasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact