Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi

    ๖. ปิณฺฑจาริกวตฺตกถา

    6. Piṇḍacārikavattakathā

    ๓๖๕. เตน โข ปน สมเยน ปิณฺฑจาริกา ภิกฺขู ทุนฺนิวตฺถา ทุปฺปารุตา อนากปฺปสมฺปนฺนา ปิณฺฑาย จรนฺติ, อสลฺลเกฺขตฺวาปิ นิเวสนํ ปวิสนฺติ, อสลฺลเกฺขตฺวาปิ นิกฺขมนฺติ, อติสหสาปิ ปวิสนฺติ, อติสหสาปิ นิกฺขมนฺติ, อติทูเรปิ ติฎฺฐนฺติ, อจฺจาสเนฺนปิ ติฎฺฐนฺติ, อติจิรมฺปิ ติฎฺฐนฺติ, อติลหุมฺปิ นิวตฺตนฺติฯ อญฺญตโรปิ ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ อสลฺลเกฺขตฺวา นิเวสนํ ปาวิสิฯ โส จ ทฺวารํ มญฺญมาโน อญฺญตรํ โอวรกํ ปาวิสิฯ ตสฺมิมฺปิ โอวรเก อิตฺถี นคฺคา อุตฺตานา นิปนฺนา โหติฯ อทฺทสา โข โส ภิกฺขุ ตํ อิตฺถิํ นคฺคํ อุตฺตานํ นิปนฺนํฯ ทิสฺวาน – ‘‘นยิทํ ทฺวารํ, โอวรกํ อิท’’นฺติ ตมฺหา โอวรกา นิกฺขมิฯ อทฺทสา โข ตสฺสา อิตฺถิยา สามิโก ตํ อิตฺถิํ นคฺคํ อุตฺตานํ นิปนฺนํฯ ทิสฺวาน – ‘‘อิมินา เม ภิกฺขุนา ปชาปตี ทูสิตา’’ติ ตํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา อาโกเฎสิฯ อถ โข สา อิตฺถี เตน สเทฺทน ปฎิพุชฺฌิตฺวา ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ, อยฺย, อิมํ ภิกฺขุํ อาโกเฎสี’’ติ? ‘‘อิมินาสิ ตฺวํ ภิกฺขุนา ทูสิตา’’ติ? ‘‘นาหํ, อยฺย, อิมินา ภิกฺขุนา ทูสิตา; อการโก โส ภิกฺขู’’ติ ตํ ภิกฺขุํ มุญฺจาเปสิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ปิณฺฑจาริกา ภิกฺขู ทุนฺนิวตฺถา ทุปฺปารุตา อนากปฺปสมฺปนฺนา ปิณฺฑาย จริสฺสนฺติ, อสลฺลเกฺขตฺวาปิ นิเวสนํ ปวิสิสฺสนฺติ, อสลฺลเกฺขตฺวาปิ นิกฺขมิสฺสนฺติ, อติสหสาปิ ปวิสิสฺสนฺติ, อติสหสาปิ นิกฺขมิสฺสนฺติ, อติทูเรปิ ติฎฺฐิสฺสนฺติ, อจฺจาสเนฺนปิ ติฎฺฐิสฺสนฺติ, อติจิรมฺปิ ติฎฺฐิสฺสนฺติ, อติลหุมฺปิ นิวตฺติสฺสนฺตี’’ติ! อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว…เป.… สจฺจํ ภควาติ…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –

    365. Tena kho pana samayena piṇḍacārikā bhikkhū dunnivatthā duppārutā anākappasampannā piṇḍāya caranti, asallakkhetvāpi nivesanaṃ pavisanti, asallakkhetvāpi nikkhamanti, atisahasāpi pavisanti, atisahasāpi nikkhamanti, atidūrepi tiṭṭhanti, accāsannepi tiṭṭhanti, aticirampi tiṭṭhanti, atilahumpi nivattanti. Aññataropi piṇḍacāriko bhikkhu asallakkhetvā nivesanaṃ pāvisi. So ca dvāraṃ maññamāno aññataraṃ ovarakaṃ pāvisi. Tasmimpi ovarake itthī naggā uttānā nipannā hoti. Addasā kho so bhikkhu taṃ itthiṃ naggaṃ uttānaṃ nipannaṃ. Disvāna – ‘‘nayidaṃ dvāraṃ, ovarakaṃ ida’’nti tamhā ovarakā nikkhami. Addasā kho tassā itthiyā sāmiko taṃ itthiṃ naggaṃ uttānaṃ nipannaṃ. Disvāna – ‘‘iminā me bhikkhunā pajāpatī dūsitā’’ti taṃ bhikkhuṃ gahetvā ākoṭesi. Atha kho sā itthī tena saddena paṭibujjhitvā taṃ purisaṃ etadavoca – ‘‘kissa tvaṃ, ayya, imaṃ bhikkhuṃ ākoṭesī’’ti? ‘‘Imināsi tvaṃ bhikkhunā dūsitā’’ti? ‘‘Nāhaṃ, ayya, iminā bhikkhunā dūsitā; akārako so bhikkhū’’ti taṃ bhikkhuṃ muñcāpesi. Atha kho so bhikkhu ārāmaṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma piṇḍacārikā bhikkhū dunnivatthā duppārutā anākappasampannā piṇḍāya carissanti, asallakkhetvāpi nivesanaṃ pavisissanti, asallakkhetvāpi nikkhamissanti, atisahasāpi pavisissanti, atisahasāpi nikkhamissanti, atidūrepi tiṭṭhissanti, accāsannepi tiṭṭhissanti, aticirampi tiṭṭhissanti, atilahumpi nivattissantī’’ti! Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… saccaṃ kira, bhikkhave…pe… saccaṃ bhagavāti…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi –

    ๓๖๖. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ปิณฺฑจาริกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ปญฺญาเปสฺสามิ ยถา ปิณฺฑจาริเกหิ ภิกฺขูหิ สมฺมา วตฺติตพฺพํฯ ปิณฺฑจาริเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา – ‘อิทานิ คามํ ปวิสิสฺสามี’ติ ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ปารุปิตฺวา คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา โธวิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน คาโม ปวิสิตโพฺพฯ

    366. ‘‘Tena hi, bhikkhave, piṇḍacārikānaṃ bhikkhūnaṃ vattaṃ paññāpessāmi yathā piṇḍacārikehi bhikkhūhi sammā vattitabbaṃ. Piṇḍacārikena, bhikkhave, bhikkhunā – ‘idāni gāmaṃ pavisissāmī’ti timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo pārupitvā gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā dhovitvā pattaṃ gahetvā sādhukaṃ ataramānena gāmo pavisitabbo.

    ‘‘สุปฺปฎิจฺฉเนฺนน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํ ฯ สุสํวุเตน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ โอกฺขิตฺตจกฺขุนา อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น อุกฺขิตฺตกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ อปฺปสเทฺทน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น กายปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น พาหุปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น สีสปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น ขมฺภกเตน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น โอคุณฺฐิเตน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น อุกฺกุฎิกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ

    ‘‘Suppaṭicchannena antaraghare gantabbaṃ . Susaṃvutena antaraghare gantabbaṃ. Okkhittacakkhunā antaraghare gantabbaṃ. Na ukkhittakāya antaraghare gantabbaṃ. Na ujjagghikāya antaraghare gantabbaṃ. Appasaddena antaraghare gantabbaṃ. Na kāyappacālakaṃ antaraghare gantabbaṃ. Na bāhuppacālakaṃ antaraghare gantabbaṃ. Na sīsappacālakaṃ antaraghare gantabbaṃ. Na khambhakatena antaraghare gantabbaṃ. Na oguṇṭhitena antaraghare gantabbaṃ. Na ukkuṭikāya antaraghare gantabbaṃ.

    ‘‘นิเวสนํ ปวิสเนฺตน สลฺลเกฺขตพฺพํ – ‘อิมินา ปวิสิสฺสามิ, อิมินา นิกฺขมิสฺสามี’ติฯ นาติสหสา ปวิสิตพฺพํฯ นาติสหสา นิกฺขมิตพฺพํฯ นาติทูเร ฐาตพฺพํฯ นาจฺจาสเนฺน ฐาตพฺพํฯ นาติจิรํ ฐาตพฺพํฯ นาติลหุํ นิวตฺติตพฺพํฯ ฐิตเกน สลฺลเกฺขตพฺพํ – ‘ภิกฺขํ ทาตุกามา วา อทาตุกามา วา’ติฯ สเจ กมฺมํ วา นิกฺขิปติ, อาสนา วา วุฎฺฐาติ, กฎจฺฉุํ วา ปรามสติ, ภาชนํ วา ปรามสติ, ฐเปติ 1 วา – ทาตุกามสฺสาติ 2 ฐาตพฺพํฯ ภิกฺขาย ทิยฺยมานาย วาเมน หเตฺถน สงฺฆาฎิํ อุจฺจาเรตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน ปตฺตํ ปณาเมตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ ปตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ภิกฺขา ปฎิคฺคเหตพฺพาฯ น จ ภิกฺขาทายิกาย มุขํ อุโลฺลเกตพฺพํ 3ฯ สลฺลเกฺขตพฺพํ – ‘สูปํ ทาตุกามา วา อทาตุกามา วา’ติฯ สเจ กฎจฺฉุํ วา ปรามสติ, ภาชนํ วา ปรามสติ, ฐเปติ วา – ทาตุกามสฺสาติ ฐาตพฺพํฯ ภิกฺขาย ทินฺนาย สงฺฆาฎิยา ปตฺตํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน นิวตฺติตพฺพํฯ

    ‘‘Nivesanaṃ pavisantena sallakkhetabbaṃ – ‘iminā pavisissāmi, iminā nikkhamissāmī’ti. Nātisahasā pavisitabbaṃ. Nātisahasā nikkhamitabbaṃ. Nātidūre ṭhātabbaṃ. Nāccāsanne ṭhātabbaṃ. Nāticiraṃ ṭhātabbaṃ. Nātilahuṃ nivattitabbaṃ. Ṭhitakena sallakkhetabbaṃ – ‘bhikkhaṃ dātukāmā vā adātukāmā vā’ti. Sace kammaṃ vā nikkhipati, āsanā vā vuṭṭhāti, kaṭacchuṃ vā parāmasati, bhājanaṃ vā parāmasati, ṭhapeti 4 vā – dātukāmassāti 5 ṭhātabbaṃ. Bhikkhāya diyyamānāya vāmena hatthena saṅghāṭiṃ uccāretvā dakkhiṇena hatthena pattaṃ paṇāmetvā ubhohi hatthehi pattaṃ paṭiggahetvā bhikkhā paṭiggahetabbā. Na ca bhikkhādāyikāya mukhaṃ ulloketabbaṃ 6. Sallakkhetabbaṃ – ‘sūpaṃ dātukāmā vā adātukāmā vā’ti. Sace kaṭacchuṃ vā parāmasati, bhājanaṃ vā parāmasati, ṭhapeti vā – dātukāmassāti ṭhātabbaṃ. Bhikkhāya dinnāya saṅghāṭiyā pattaṃ paṭicchādetvā sādhukaṃ ataramānena nivattitabbaṃ.

    ‘‘สุปฺปฎิจฺฉเนฺนน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ สุสํวุเตน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ โอกฺขิตฺตจกฺขุนา อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น อุกฺขิตฺตกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ อปฺปสเทฺทน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น กายปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น พาหุปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น สีสปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น ขมฺภกเตน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น โอคุณฺฐิเตน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ น อุกฺกุฎิกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ, เตน อาสนํ ปญฺญเปตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิตพฺพํ, อวกฺการปาติ โธวิตฺวา อุปฎฺฐาเปตพฺพา, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ, ภุญฺชิตพฺพํ ฯ โน เจ อากงฺขติ, อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑตพฺพํ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปตพฺพํฯ เตน อาสนํ อุทฺธริตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมตพฺพํ, อวกฺการปาติ โธวิตฺวา ปฎิสาเมตพฺพา, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฎิสาเมตพฺพํ , ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชิตพฺพํฯ โย ปสฺสติ ปานียฆฎํ วา ปริโภชนียฆฎํ วา วจฺจฆฎํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ เตน อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามเนฺตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฎฺฐาเปตพฺพํ, น จ ตปฺปจฺจยา วาจา ภินฺทิตพฺพาฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, ปิณฺฑจาริกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ยถา ปิณฺฑจาริเกหิ ภิกฺขูหิ สมฺมา วตฺติตพฺพ’’นฺติฯ

    ‘‘Suppaṭicchannena antaraghare gantabbaṃ. Susaṃvutena antaraghare gantabbaṃ. Okkhittacakkhunā antaraghare gantabbaṃ. Na ukkhittakāya antaraghare gantabbaṃ. Na ujjagghikāya antaraghare gantabbaṃ. Appasaddena antaraghare gantabbaṃ. Na kāyappacālakaṃ antaraghare gantabbaṃ. Na bāhuppacālakaṃ antaraghare gantabbaṃ. Na sīsappacālakaṃ antaraghare gantabbaṃ. Na khambhakatena antaraghare gantabbaṃ. Na oguṇṭhitena antaraghare gantabbaṃ. Na ukkuṭikāya antaraghare gantabbaṃ. Yo paṭhamaṃ gāmato piṇḍāya paṭikkamati, tena āsanaṃ paññapetabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipitabbaṃ, avakkārapāti dhovitvā upaṭṭhāpetabbā, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Yo pacchā gāmato piṇḍāya paṭikkamati, sace hoti bhuttāvaseso, sace ākaṅkhati, bhuñjitabbaṃ . No ce ākaṅkhati, appaharite vā chaḍḍetabbaṃ, appāṇake vā udake opilāpetabbaṃ. Tena āsanaṃ uddharitabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmetabbaṃ, avakkārapāti dhovitvā paṭisāmetabbā, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ paṭisāmetabbaṃ , bhattaggaṃ sammajjitabbaṃ. Yo passati pānīyaghaṭaṃ vā paribhojanīyaghaṭaṃ vā vaccaghaṭaṃ vā rittaṃ tucchaṃ tena upaṭṭhāpetabbaṃ. Sacassa hoti avisayhaṃ, hatthavikārena dutiyaṃ āmantetvā hatthavilaṅghakena upaṭṭhāpetabbaṃ, na ca tappaccayā vācā bhinditabbā. Idaṃ kho, bhikkhave, piṇḍacārikānaṃ bhikkhūnaṃ vattaṃ yathā piṇḍacārikehi bhikkhūhi sammā vattitabba’’nti.







    Footnotes:
    1. ฐาเปติ (ก.)
    2. ทาตุกามิยาติ (สฺยา.), ทาตุกามา วิยาติ (สี.)
    3. โอโลเกตพฺพํ (สฺยา.)
    4. ṭhāpeti (ka.)
    5. dātukāmiyāti (syā.), dātukāmā viyāti (sī.)
    6. oloketabbaṃ (syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ปิณฺฑจาริกวตฺตกถา • Piṇḍacārikavattakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปิณฺฑจาริกวตฺตกถาวณฺณนา • Piṇḍacārikavattakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปิณฺฑจาริกวตฺตกถาทิวณฺณนา • Piṇḍacārikavattakathādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๖. ปิณฺฑจาริกวตฺตกถา • 6. Piṇḍacārikavattakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact