Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๘. ปิณฺฑปาติกสุตฺตวณฺณนา

    8. Piṇḍapātikasuttavaṇṇanā

    ๒๘. อฎฺฐเม ปจฺฉาภตฺตนฺติ เอกาสนิกขลุปจฺฉาภตฺติกานํ ปาโตว ภุตฺตานํ อโนฺตมชฺฌนฺหิโกปิ ปจฺฉาภตฺตเมว, อิธ ปน ปกติภตฺตเสฺสว ปจฺฉโต ปจฺฉาภตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโต ปฎิกฺกนฺตานํ, ปิณฺฑปาตํ ปริเยสิตฺวา ภตฺตกิจฺจสฺส นิฎฺฐาปนวเสน ตโต นิวตฺตานํฯ กเรริมณฺฑลมาเฬติ เอตฺถ กเรรีติ วรุณรุกฺขสฺส นามํฯ โส กิร คนฺธกุฎิยา มณฺฑปสฺส สาลาย จ อนฺตเร โหติ, เตน คนฺธกุฎีปิ ‘‘กเรริกุฎิกา’’ติ วุจฺจติ, มณฺฑโปปิ สาลาปิ ‘‘กเรริมณฺฑลมาโฬ’’ติฯ ตสฺมา กเรริรุกฺขสฺส อวิทูเร กเต นิสีทนสาลสงฺขาเต มณฺฑลมาเฬฯ ติณปณฺณจฺฉทนํ อโนวสฺสกํ ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ วทนฺติ, อติมุตฺตกาทิลตามณฺฑโป ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ อปเรฯ

    28. Aṭṭhame pacchābhattanti ekāsanikakhalupacchābhattikānaṃ pātova bhuttānaṃ antomajjhanhikopi pacchābhattameva, idha pana pakatibhattasseva pacchato pacchābhattanti veditabbaṃ. Piṇḍapātapaṭikkantānanti piṇḍapātato paṭikkantānaṃ, piṇḍapātaṃ pariyesitvā bhattakiccassa niṭṭhāpanavasena tato nivattānaṃ. Karerimaṇḍalamāḷeti ettha karerīti varuṇarukkhassa nāmaṃ. So kira gandhakuṭiyā maṇḍapassa sālāya ca antare hoti, tena gandhakuṭīpi ‘‘karerikuṭikā’’ti vuccati, maṇḍapopi sālāpi ‘‘karerimaṇḍalamāḷo’’ti. Tasmā karerirukkhassa avidūre kate nisīdanasālasaṅkhāte maṇḍalamāḷe. Tiṇapaṇṇacchadanaṃ anovassakaṃ ‘‘maṇḍalamāḷo’’ti vadanti, atimuttakādilatāmaṇḍapo ‘‘maṇḍalamāḷo’’ti apare.

    กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเล อนฺตรนฺตรา, ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเยติ อโตฺถฯ มนาปิเกติ มนวฑฺฒเก, ปิยรูเป อิเฎฺฐติ อโตฺถฯ อิฎฺฐานิฎฺฐภาโว จ ปุคฺคลวเสน จ ทฺวารวเสน จ คเหตโพฺพฯ เอกจฺจสฺส หิ อิฎฺฐาภิมโต เอกจฺจสฺส อนิโฎฺฐ โหติ, เอกจฺจสฺส อนิฎฺฐาภิมโต เอกจฺจสฺส อิโฎฺฐ ฯ ตถา เอกสฺส ทฺวารสฺส อิโฎฺฐ อญฺญสฺส อนิโฎฺฐฯ วิปากวเสน ปเนตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ กุสลวิปาโก หิ เอกเนฺตน อิโฎฺฐ, อกุสลวิปาโก อนิโฎฺฐ เอวาติฯ จกฺขุนา รูเป ปสฺสิตุนฺติ คามํ ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ อุปาสเกหิ เคหํ ปเวเสตฺวา ปูชาสกฺการกรณตฺถํ อุปนีเตสุ อาสนวิตานาทีสุ นานาวิราคสมุชฺชลวณฺณสงฺขาเต รชนีเย อเญฺญ จ สวิญฺญาณกรูเป จกฺขุทฺวาริกวิญฺญาเณหิ ปสฺสิตุํฯ สเทฺทติ ตเถว อิสฺสรชนานํ เคหํ ปวิโฎฺฐ เตสํ ปยุเตฺต คีตวาทิตสเทฺท โสตุํฯ คเนฺธติ ตถา เตหิ ปูชาสกฺการวเสน อุปนีเต ปุปฺผธูมาทิคเนฺธ ฆายิตุํฯ รเสติ เตหิ ทินฺนาหารปริโภเค นานคฺครเส สายิตุํฯ โผฎฺฐเพฺพติ มหคฺฆปจฺจตฺถรเณสุ อาสเนสุ นิสินฺนกาเล สุขสมฺผเสฺส โผฎฺฐเพฺพ ผุสิตุํฯ เอวญฺจ ปญฺจทฺวาริกอิฎฺฐารมฺมณปฺปฎิลาภํ กิเตฺตตฺวา อิทานิ มโนทฺวาริกอิฎฺฐารมฺมณปฺปฎิลาภํ ทเสฺสตุํ ‘‘สกฺกโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวฯ

    Kālena kālanti kāle kāle antarantarā, tasmiṃ tasmiṃ samayeti attho. Manāpiketi manavaḍḍhake, piyarūpe iṭṭheti attho. Iṭṭhāniṭṭhabhāvo ca puggalavasena ca dvāravasena ca gahetabbo. Ekaccassa hi iṭṭhābhimato ekaccassa aniṭṭho hoti, ekaccassa aniṭṭhābhimato ekaccassa iṭṭho . Tathā ekassa dvārassa iṭṭho aññassa aniṭṭho. Vipākavasena panettha vinicchayo veditabbo. Kusalavipāko hi ekantena iṭṭho, akusalavipāko aniṭṭho evāti. Cakkhunā rūpe passitunti gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭho upāsakehi gehaṃ pavesetvā pūjāsakkārakaraṇatthaṃ upanītesu āsanavitānādīsu nānāvirāgasamujjalavaṇṇasaṅkhāte rajanīye aññe ca saviññāṇakarūpe cakkhudvārikaviññāṇehi passituṃ. Saddeti tatheva issarajanānaṃ gehaṃ paviṭṭho tesaṃ payutte gītavāditasadde sotuṃ. Gandheti tathā tehi pūjāsakkāravasena upanīte pupphadhūmādigandhe ghāyituṃ. Raseti tehi dinnāhāraparibhoge nānaggarase sāyituṃ. Phoṭṭhabbeti mahagghapaccattharaṇesu āsanesu nisinnakāle sukhasamphasse phoṭṭhabbe phusituṃ. Evañca pañcadvārikaiṭṭhārammaṇappaṭilābhaṃ kittetvā idāni manodvārikaiṭṭhārammaṇappaṭilābhaṃ dassetuṃ ‘‘sakkato’’tiādi vuttaṃ. Taṃ heṭṭhā vuttatthameva.

    กิํ ปน อปิณฺฑปาติกานํ อยํ นโย น ลพฺภตีติ? ลพฺภติฯ เตสมฺปิ หิ นิมนฺตนสลากภตฺตาทิอตฺถํ คามํ คตกาเล อุฬารวิภวา อุปาสกา ตถา สกฺการสมฺมานํ กโรนฺติเยว, ตํ ปน อนิยตํฯ ปิณฺฑปาติกานํ ปน ตทา นิจฺจเมว ตตฺถ ปูชาสกฺการํ กริยมานํ ทิสฺวา, สกฺการครุตาย อนิสฺสรณมเคฺค ฐตฺวา, อโยนิโสมนสิการวเสน เต ภิกฺขู เอวมาหํสุฯ เตเนวาห – ‘‘หนฺทาวุโส, มยมฺปิ ปิณฺฑปาติกา โหมา’’ติอาทิฯ

    Kiṃ pana apiṇḍapātikānaṃ ayaṃ nayo na labbhatīti? Labbhati. Tesampi hi nimantanasalākabhattādiatthaṃ gāmaṃ gatakāle uḷāravibhavā upāsakā tathā sakkārasammānaṃ karontiyeva, taṃ pana aniyataṃ. Piṇḍapātikānaṃ pana tadā niccameva tattha pūjāsakkāraṃ kariyamānaṃ disvā, sakkāragarutāya anissaraṇamagge ṭhatvā, ayonisomanasikāravasena te bhikkhū evamāhaṃsu. Tenevāha – ‘‘handāvuso, mayampi piṇḍapātikā homā’’tiādi.

    ตตฺถ หนฺทาติ โวสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ ลจฺฉามาติ ลภิสฺสามฯ เตนุปสงฺกมีติ ตตฺถ สุรภิคนฺธกุฎิยํ นิสิโนฺน เตสํ ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู มาทิสสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา มยา สทฺธิํ เอกวิหาเร วสนฺตาปิ เอวํ อโยนิโสมนสิการวเสน กถํ ปวเตฺตนฺติ, สเลฺลเข น วตฺตนฺติ, หนฺท เต ตโต นิวาเรตฺวา สเลฺลขวิหาเร นิโยเชสฺสามี’’ติ มณฺฑลมาฬํ อุปสงฺกมิฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Tattha handāti vossaggatthe nipāto. Lacchāmāti labhissāma. Tenupasaṅkamīti tattha surabhigandhakuṭiyaṃ nisinno tesaṃ taṃ kathāsallāpaṃ sutvā ‘‘ime bhikkhū mādisassa nāma buddhassa sāsane pabbajitvā mayā saddhiṃ ekavihāre vasantāpi evaṃ ayonisomanasikāravasena kathaṃ pavattenti, sallekhe na vattanti, handa te tato nivāretvā sallekhavihāre niyojessāmī’’ti maṇḍalamāḷaṃ upasaṅkami. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฎฺฐิตาสเลฺลขานํ วเสน กิเลเส ธุนิตุํ ตณฺหํ วิโสเสตุํ ปฎิปโนฺนติ ปิณฺฑปาติกสฺส สโต เทวา ปิหยนฺติ, ตสฺส ปฎิปตฺติยา อาทรชาตา ปิยายนฺติ, น อิโต อญฺญถา’’ติ อิมมตฺถํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃ viditvāti ‘‘appicchatāsantuṭṭhitāsallekhānaṃ vasena kilese dhunituṃ taṇhaṃ visosetuṃ paṭipannoti piṇḍapātikassa sato devā pihayanti, tassa paṭipattiyā ādarajātā piyāyanti, na ito aññathā’’ti imamatthaṃ viditvā tadatthadīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ โน เจ สทฺทสิโลกนิสฺสิโตติ ‘‘อโห อโยฺย อปฺปิโจฺฉ สนฺตุโฎฺฐ ปรมสเลฺลขวุตฺตี’’ติอาทินา ปเรหิ กิตฺติตพฺพสทฺทสงฺขาตํ สิโลกํฯ ตณฺหาย นิสฺสิโต น โหติ เจติ อโตฺถฯ สโทฺท วา สมฺมุขา วณฺณภณนถุติโฆโส, สิโลโก ปรมฺมุขภูตา ปสํสา ปตฺถฎยสตา วาฯ เสสํ อนนฺตรสุเตฺต วุตฺตนยเมวฯ

    Tattha no ce saddasilokanissitoti ‘‘aho ayyo appiccho santuṭṭho paramasallekhavuttī’’tiādinā parehi kittitabbasaddasaṅkhātaṃ silokaṃ. Taṇhāya nissito na hoti ceti attho. Saddo vā sammukhā vaṇṇabhaṇanathutighoso, siloko parammukhabhūtā pasaṃsā patthaṭayasatā vā. Sesaṃ anantarasutte vuttanayameva.

    อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๘. ปิณฺฑปาติกสุตฺตํ • 8. Piṇḍapātikasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact