Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๒. ปิโณฺฑลภารทฺวาชเตฺถรคาถาวณฺณนา

    2. Piṇḍolabhāradvājattheragāthāvaṇṇanā

    นยิทํ อนเยนาติอาทิกา อายสฺมโต ปิโณฺฑลภารทฺวาชเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปพฺพตคุหายํ วิหรติฯ ภควา ตสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล สยนคุหํ ปวิสิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิฯ สีโห โคจรํ คเหตฺวา นิวโตฺต คุหาทฺวาเร ภควนฺตํ ทิสฺวา หฎฺฐตุโฎฺฐ ชลชถลชปุเปฺผหิ ปูชํ กตฺวา จิตฺตํ ปสาเทโนฺต ภควโต อารกฺขตฺถาย อรเญฺญ วาฬมิเค อปเนตุํ ตีสุ เวลาสุ สีหนาทํ นทโนฺต พุทฺธคตาย สติยา อฎฺฐาสิฯ ยถา ปฐมทิวสํ, เอวํ สตฺตาหํ ปูเชสิฯ ภควา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฎฺฐหิตฺวา ‘‘วตฺติสฺสติ อิมสฺส เอตฺตโก อุปนิสฺสโย’’ติ ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อากาสํ ปกฺขนฺทิตฺวา วิหารเมว คโตฯ สีโห ปาลิเลยฺยกหตฺถี วิย พุทฺธวิโยคทุกฺขํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต กาลํ กตฺวา หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต นครวาสีหิ สทฺธิํ วิหารํ คโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ ภควโต กาเล โกสมฺพิยํ รโญฺญ อุเตนสฺส ปุโรหิตปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ ภารทฺวาโช นาม นาเมนฯ โส วยปฺปโตฺต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ปญฺจ มาณวกสตานิ มเนฺต วาเจโนฺต มหคฺฆสภาเวน อนนุรูปาจารตฺตา เตหิ ปริจฺจชฺชโนฺต ราชคหํ คนฺตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ลาภสกฺการํ ทิสฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา โภชเน อมตฺตญฺญู หุตฺวา วิจรโนฺต สตฺถารา อุปาเยน มตฺตญฺญุตาย ปติฎฺฐาปิโต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๐๔-๑๐๙) –

    Nayidaṃanayenātiādikā āyasmato piṇḍolabhāradvājattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle sīhayoniyaṃ nibbattitvā pabbataguhāyaṃ viharati. Bhagavā tassa anuggahaṃ kātuṃ gocarāya pakkantakāle sayanaguhaṃ pavisitvā nirodhaṃ samāpajjitvā nisīdi. Sīho gocaraṃ gahetvā nivatto guhādvāre bhagavantaṃ disvā haṭṭhatuṭṭho jalajathalajapupphehi pūjaṃ katvā cittaṃ pasādento bhagavato ārakkhatthāya araññe vāḷamige apanetuṃ tīsu velāsu sīhanādaṃ nadanto buddhagatāya satiyā aṭṭhāsi. Yathā paṭhamadivasaṃ, evaṃ sattāhaṃ pūjesi. Bhagavā sattāhaccayena nirodhā vuṭṭhahitvā ‘‘vattissati imassa ettako upanissayo’’ti tassa passantasseva ākāsaṃ pakkhanditvā vihārameva gato. Sīho pālileyyakahatthī viya buddhaviyogadukkhaṃ adhivāsetuṃ asakkonto kālaṃ katvā haṃsavatīnagare mahābhogakule nibbattitvā vayappatto nagaravāsīhi saddhiṃ vihāraṃ gato dhammadesanaṃ sutvā sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā yāvajīvaṃ puññāni katvā aparāparaṃ devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bhagavato kāle kosambiyaṃ rañño utenassa purohitaputto hutvā nibbatti bhāradvājo nāma nāmena. So vayappatto tayo vede uggahetvā pañca māṇavakasatāni mante vācento mahagghasabhāvena ananurūpācārattā tehi pariccajjanto rājagahaṃ gantvā bhagavato bhikkhusaṅghassa ca lābhasakkāraṃ disvā sāsane pabbajitvā bhojane amattaññū hutvā vicaranto satthārā upāyena mattaññutāya patiṭṭhāpito vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.50.104-109) –

    ‘‘มิคลุโทฺท ปุเร อาสิํ, วิปิเน วิจรํ ตทา;

    ‘‘Migaluddo pure āsiṃ, vipine vicaraṃ tadā;

    อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํฯ

    Addasaṃ virajaṃ buddhaṃ, sabbadhammāna pāraguṃ.

    ‘‘ปิยาลผลมาทาย, พุทฺธเสฎฺฐสฺสทาสหํ;

    ‘‘Piyālaphalamādāya, buddhaseṭṭhassadāsahaṃ;

    ปุญฺญเกฺขตฺตสฺส วีรสฺส, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิฯ

    Puññakkhettassa vīrassa, pasanno sehi pāṇibhi.

    ‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ผลํ อททิํ ตทา;

    ‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ phalaṃ adadiṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, phaladānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา ‘‘ภควโต สมฺมุขา ยํ สาวเกหิ ปตฺตพฺพํ, ตํ มยา ปตฺต’’นฺติ, ภิกฺขุสเงฺฆ จ ‘‘ยสฺส มเคฺค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทิฯ เตน ตํ ภควา, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สีหนาทิกานํ ยทิทํ ปิโณฺฑลภารทฺวาโช’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๕) เอตทเคฺค ฐเปสิฯ โส เอกทิวสํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตํ คิหิกาเล สหายภูตํ มจฺฉริํ มิจฺฉาทิฎฺฐิพฺราหฺมณํ อนุกมฺปมาโน ตสฺส ทานกถํ กเถตฺวา เตน จ ‘‘อยํ มม ธนํ วินาเสตุกาโม’’ติ ภกุฎิํ กตฺวาปิ ‘‘ตุยฺหํ เอกภตฺตํ เทมี’’ติ วุเตฺต, ‘‘ตํ สงฺฆสฺส เทหิ มา มยฺห’’นฺติ สงฺฆสฺส ปริณาเมสิฯ ปุน พฺราหฺมเณน ‘‘อยํ มํ พหูนํ ทาเปตุกาโม’’ติ อปฺปจฺจเย ปกาสิเต ทุติยทิวสํ ธมฺมเสนาปตินา สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย มหปฺผลภาวปฺปกาสเนน ตํ ปสาเทตฺวา, ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ‘อาหารเคเธน มํ ทาเน นีโยเชสี’ติ มญฺญติ, อาหารสฺส ปน มยา สพฺพโส ปริญฺญาตภาวํ น ชานาติ, หนฺท นํ ชานาเปมี’’ติ –

    Chaḷabhiñño pana hutvā ‘‘bhagavato sammukhā yaṃ sāvakehi pattabbaṃ, taṃ mayā patta’’nti, bhikkhusaṅghe ca ‘‘yassa magge vā phale vā kaṅkhā atthi, so maṃ pucchatū’’ti sīhanādaṃ nadi. Tena taṃ bhagavā, ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ sīhanādikānaṃ yadidaṃ piṇḍolabhāradvājo’’ti (a. ni. 1.188, 195) etadagge ṭhapesi. So ekadivasaṃ attano santikaṃ upagataṃ gihikāle sahāyabhūtaṃ macchariṃ micchādiṭṭhibrāhmaṇaṃ anukampamāno tassa dānakathaṃ kathetvā tena ca ‘‘ayaṃ mama dhanaṃ vināsetukāmo’’ti bhakuṭiṃ katvāpi ‘‘tuyhaṃ ekabhattaṃ demī’’ti vutte, ‘‘taṃ saṅghassa dehi mā mayha’’nti saṅghassa pariṇāmesi. Puna brāhmaṇena ‘‘ayaṃ maṃ bahūnaṃ dāpetukāmo’’ti appaccaye pakāsite dutiyadivasaṃ dhammasenāpatinā saṅghagatāya dakkhiṇāya mahapphalabhāvappakāsanena taṃ pasādetvā, ‘‘ayaṃ brāhmaṇo ‘āhāragedhena maṃ dāne nīyojesī’ti maññati, āhārassa pana mayā sabbaso pariññātabhāvaṃ na jānāti, handa naṃ jānāpemī’’ti –

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘นยิทํ อนเยน ชีวิตํ, นาหาโร หทยสฺส สนฺติโก;

    ‘‘Nayidaṃ anayena jīvitaṃ, nāhāro hadayassa santiko;

    อาหารฎฺฐิติโก สมุสฺสโย, อิติ ทิสฺวาน จรามิ เอสนํฯ

    Āhāraṭṭhitiko samussayo, iti disvāna carāmi esanaṃ.

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘ปโงฺกติ หิ นํ อเวทยุํ, ยายํ วนฺทนปูชนา กุเลสุ;

    ‘‘Paṅkoti hi naṃ avedayuṃ, yāyaṃ vandanapūjanā kulesu;

    สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํ, สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห’’ติฯ –

    Sukhumaṃ sallaṃ durubbahaṃ, sakkāro kāpurisena dujjaho’’ti. –

    คาถาทฺวยํ อภาสิฯ

    Gāthādvayaṃ abhāsi.

    ตตฺถ นยิทํ อนเยน ชีวิตนฺติ อิทํ มม ชีวิตํ อนเยน อญาเยน เวฬุทานปุปฺผทานาทิอเนสนาย น โหติ ชีวิตนิกนฺติยา อภาวโตฯ นาหาโร หทยสฺส สนฺติโกติ อาหาโร จ อาหริยมาโน มคฺคผลญาณํ วิย หทยสฺส จิตฺตสฺส สนฺติกโร น โหติ, เกวลํ ปน สชฺชุกํ ขุทาปฎิฆาตมตฺตํ กโรตีติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา นาหาโร หทยสฺส สนฺติโกติ อาหาโร รสตณฺหาวตฺถุ เม หทยสฺส สนฺติโก อาสโตฺต น โหติ รสตณฺหาย เอว อภาวโตฯ ‘‘สนฺติเก’’ติปิ ปฐนฺติฯ โย หิ อาหารคิโทฺธ ลาภสกฺการปฺปสุโต วิจรติ, ตสฺส อาหาโร หทยสฺส สนฺติเก นาม อภิณฺหํ มนสิกาตพฺพโตฯ โย ปน ปริญฺญาตาหาโร, โส ตตฺถ ปหีนจฺฉนฺทราโค, น ตสฺสาหาโร หทยสฺส สนฺติเก นาม – ‘‘กถํ นุ โข ลเภยฺย’’นฺติอาทิมนสิกรณเสฺสว อภาวโตฯ ยทิ หิ ชีวิตนิกนฺติ อาหารรสตณฺหา จ นตฺถิ, อถ กสฺมา ปิณฺฑาย จรสีติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อาหารฎฺฐิติโก สมุสฺสโย, อิติ ทิสฺวาน จรามิ เอสน’’นฺติฯ อาหาโร โภชนํ ฐิติ ฐานํ ปจฺจโย เอตสฺสาติ อาหารฎฺฐิติโกฯ ‘‘อาหารปฎิพทฺธวุตฺติโก สมุสฺสโย กาโย’’อิติ ทิสฺวาน เอวํ ญตฺวา อิมมตฺถํ พุทฺธิยํ ฐเปตฺวา จรามิ เอสนํ, ภิกฺขาปริเยสนํ กโรมีติ อโตฺถฯ

    Tattha nayidaṃ anayena jīvitanti idaṃ mama jīvitaṃ anayena añāyena veḷudānapupphadānādianesanāya na hoti jīvitanikantiyā abhāvato. Nāhāro hadayassa santikoti āhāro ca āhariyamāno maggaphalañāṇaṃ viya hadayassa cittassa santikaro na hoti, kevalaṃ pana sajjukaṃ khudāpaṭighātamattaṃ karotīti adhippāyo. Atha vā nāhāro hadayassa santikoti āhāro rasataṇhāvatthu me hadayassa santiko āsatto na hoti rasataṇhāya eva abhāvato. ‘‘Santike’’tipi paṭhanti. Yo hi āhāragiddho lābhasakkārappasuto vicarati, tassa āhāro hadayassa santike nāma abhiṇhaṃ manasikātabbato. Yo pana pariññātāhāro, so tattha pahīnacchandarāgo, na tassāhāro hadayassa santike nāma – ‘‘kathaṃ nu kho labheyya’’ntiādimanasikaraṇasseva abhāvato. Yadi hi jīvitanikanti āhārarasataṇhā ca natthi, atha kasmā piṇḍāya carasīti anuyogaṃ manasi katvā āha ‘‘āhāraṭṭhitiko samussayo, iti disvāna carāmi esana’’nti. Āhāro bhojanaṃ ṭhiti ṭhānaṃ paccayo etassāti āhāraṭṭhitiko. ‘‘Āhārapaṭibaddhavuttiko samussayo kāyo’’iti disvāna evaṃ ñatvā imamatthaṃ buddhiyaṃ ṭhapetvā carāmi esanaṃ, bhikkhāpariyesanaṃ karomīti attho.

    ปจฺจยนิมิตฺตํ กุลานิ อุปสงฺกมโนฺต ตตฺถ วนฺทนปูชนาหิ ลาภสกฺกาเรหิ จ พชฺฌตีติ เอวํ มาทิเสสุ น จิเนฺตตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปโงฺก’’ติคาถํ อภาสิฯ ตสฺสโตฺถ – ยา อยํ ปจฺจยนิมิตฺตํ อุปคตานํ ปพฺพชิตานํ กุเลสุ เคหวาสีสุ ปวตฺติสฺสติ คุณสมฺภาวนา ปูชนา จ, ยสฺมา ตํ อภาวิตตฺตานํ โอสีทาปนเฎฺฐน มลีนภาวกรเณน จ ปโงฺก กทฺทโมติ พุทฺธาทโย อเวทยุํ อพฺภญฺญาสุํ ปเวเทสุํ วา, ตสฺมา สา สปฺปุริสานํ พนฺธาย น โหติ สกฺการาสาย ปเคว ปหีนตฺตาฯ อสปฺปุริสสฺส ปน สกฺการาสา ทุวิเญฺญยฺยสภาวตาย ปีฬาชนนโต อโนฺต ตุทนโต อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยโต จ สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํฯ ตโต เอว เตน สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห ทุรุพฺพเหโยฺย ตสฺส ปหานปฎิปตฺติยา อปฺปฎิปชฺชนโต, สกฺการาสาปหาเนน ปหีโน โหตีติฯ ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ เถเร อภิปฺปสโนฺน อโหสิฯ

    Paccayanimittaṃ kulāni upasaṅkamanto tattha vandanapūjanāhi lābhasakkārehi ca bajjhatīti evaṃ mādisesu na cintetabbanti dassento ‘‘paṅko’’tigāthaṃ abhāsi. Tassattho – yā ayaṃ paccayanimittaṃ upagatānaṃ pabbajitānaṃ kulesu gehavāsīsu pavattissati guṇasambhāvanā pūjanā ca, yasmā taṃ abhāvitattānaṃ osīdāpanaṭṭhena malīnabhāvakaraṇena ca paṅko kaddamoti buddhādayo avedayuṃ abbhaññāsuṃ pavedesuṃ vā, tasmā sā sappurisānaṃ bandhāya na hoti sakkārāsāya pageva pahīnattā. Asappurisassa pana sakkārāsā duviññeyyasabhāvatāya pīḷājananato anto tudanato uddharituṃ asakkuṇeyyato ca sukhumaṃ sallaṃ durubbahaṃ. Tato eva tena sakkāro kāpurisena dujjaho durubbaheyyo tassa pahānapaṭipattiyā appaṭipajjanato, sakkārāsāpahānena pahīno hotīti. Taṃ sutvā brāhmaṇo there abhippasanno ahosi.

    ปิโณฺฑลภารทฺวาชเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Piṇḍolabhāradvājattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. ปิโณฺฑลภารทฺวาชเตฺถรคาถา • 2. Piṇḍolabhāradvājattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact