Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๘. ปิโณฺฑลฺยสุตฺตํ
8. Piṇḍolyasuttaṃ
๘๐. เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข ภควา กิสฺมิญฺจิเทว ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณาเมตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ กปิลวตฺถุสฺมิํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย ฯ มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา เพลุวลฎฺฐิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ
80. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho bhagavā kismiñcideva pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ paṇāmetvā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kapilavatthuṃ piṇḍāya pāvisi. Kapilavatthusmiṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena mahāvanaṃ tenupasaṅkami divāvihārāya . Mahāvanaṃ ajjhogāhetvā beluvalaṭṭhikāya mūle divāvihāraṃ nisīdi.
อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘มยา โข ภิกฺขุสโงฺฆ ปพาโฬฺหฯ สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํฯ เตสํ มมํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ นาม วจฺฉสฺส ตรุณสฺส มาตรํ อปสฺสนฺตสฺส สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโม, เอวเมว สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ เตสํ มมํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ นาม พีชานํ ตรุณานํ อุทกํ อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโม, เอวเมว สเนฺตตฺถ…เป.… เตสํ มมํ อลภนฺตานํ ทสฺสนาย สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโมฯ ยํนูนาหํ ยเถว มยา ปุเพฺพ ภิกฺขุสโงฺฆ อนุคฺคหิโต, เอวเมว เอตรหิ อนุคฺคเณฺหยฺยํ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติฯ
Atha kho bhagavato rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘mayā kho bhikkhusaṅgho pabāḷho. Santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ. Tesaṃ mamaṃ apassantānaṃ siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi nāma vacchassa taruṇassa mātaraṃ apassantassa siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo, evameva santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ tesaṃ mamaṃ apassantānaṃ siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi nāma bījānaṃ taruṇānaṃ udakaṃ alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo, evameva santettha…pe… tesaṃ mamaṃ alabhantānaṃ dassanāya siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo. Yaṃnūnāhaṃ yatheva mayā pubbe bhikkhusaṅgho anuggahito, evameva etarahi anuggaṇheyyaṃ bhikkhusaṅgha’’nti.
อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ 1 วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมตํ, ภควา; เอวเมตํ, สุคต ! ภควโต, ภเนฺต, ภิกฺขุสโงฺฆ ปพาโฬฺหฯ สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํฯ เตสํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ นาม วจฺฉสฺส ตรุณสฺส มาตรํ อปสฺสนฺตสฺส สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโม, เอวเมว สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ เตสํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ นาม พีชานํ ตรุณานํ อุทกํ อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโม, เอวเมว สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ อลภนฺตานํ ทสฺสนาย สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโมฯ อภินนฺทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํฯ ยเถว ภควตา ปุเพฺพ ภิกฺขุสโงฺฆ อนุคฺคหิโต, เอวเมว เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติฯ
Atha kho brahmā sahampati bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ 2 vā bāhaṃ pasāreyya pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya evameva – brahmaloke antarahito bhagavato purato pāturahosi. Atha kho brahmā sahampati ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘evametaṃ, bhagavā; evametaṃ, sugata ! Bhagavato, bhante, bhikkhusaṅgho pabāḷho. Santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ. Tesaṃ bhagavantaṃ apassantānaṃ siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi nāma vacchassa taruṇassa mātaraṃ apassantassa siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo, evameva santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ tesaṃ bhagavantaṃ apassantānaṃ siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi nāma bījānaṃ taruṇānaṃ udakaṃ alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo, evameva santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ, tesaṃ bhagavantaṃ alabhantānaṃ dassanāya siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo. Abhinandatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ; abhivadatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ. Yatheva bhagavatā pubbe bhikkhusaṅgho anuggahito, evameva etarahi anuggaṇhātu bhikkhusaṅgha’’nti.
อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ
Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho brahmā sahampati bhagavato adhivāsanaṃ viditvā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tatthevantaradhāyi.
อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน นิโคฺรธาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ 3 ยถา เต ภิกฺขู (เอกทฺวีหิกาย สารชฺชมานรูปา เยนาหํ 4 เตนุปสงฺกเมยฺยุํฯ เตปิ ภิกฺขู ) 5 เอกทฺวีหิกาย สารชฺชมานรูปา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข เต ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ –
Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena nigrodhārāmo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāsi 6 yathā te bhikkhū (ekadvīhikāya sārajjamānarūpā yenāhaṃ 7 tenupasaṅkameyyuṃ. Tepi bhikkhū ) 8 ekadvīhikāya sārajjamānarūpā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho te bhikkhū bhagavā etadavoca –
‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ ยทิทํ ปิโณฺฑลฺยํฯ อภิสาโปยํ, ภิกฺขเว, โลกสฺมิํ ปิโณฺฑโล วิจรสิ ปตฺตปาณีติฯ ตญฺจ โข เอตํ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตา อุเปนฺติ อตฺถวสิกา, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ; เนว ราชาภินีตา, น โจราภินีตา, น อิณฎฺฎา, น ภยฎฺฎา, น อาชีวิกาปกตา; อปิ จ โข โอติณฺณามฺห ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ ทุโกฺขติณฺณา ทุกฺขปเรตา อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถาติฯ
‘‘Antamidaṃ, bhikkhave, jīvikānaṃ yadidaṃ piṇḍolyaṃ. Abhisāpoyaṃ, bhikkhave, lokasmiṃ piṇḍolo vicarasi pattapāṇīti. Tañca kho etaṃ, bhikkhave, kulaputtā upenti atthavasikā, atthavasaṃ paṭicca; neva rājābhinītā, na corābhinītā, na iṇaṭṭā, na bhayaṭṭā, na ājīvikāpakatā; api ca kho otiṇṇāmha jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi dukkhotiṇṇā dukkhaparetā appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethāti.
‘‘เอวํ ปพฺพชิโต จายํ, ภิกฺขเว, กุลปุโตฺตฯ โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิโตฺต ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป มุฎฺฐสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิโตฺต ปากตินฺทฺริโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว , ฉวาลาตํ อุภโตปทิตฺตํ มเชฺฌ คูถคตํ, เนว คาเม กฎฺฐตฺถํ ผรติ, นารเญฺญ กฎฺฐตฺถํ ผรติฯ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ คิหิโภคา จ ปริหีโน, สามญฺญตฺถญฺจ น ปริปูเรติฯ
‘‘Evaṃ pabbajito cāyaṃ, bhikkhave, kulaputto. So ca hoti abhijjhālu kāmesu tibbasārāgo byāpannacitto paduṭṭhamanasaṅkappo muṭṭhassati asampajāno asamāhito vibbhantacitto pākatindriyo. Seyyathāpi, bhikkhave , chavālātaṃ ubhatopadittaṃ majjhe gūthagataṃ, neva gāme kaṭṭhatthaṃ pharati, nāraññe kaṭṭhatthaṃ pharati. Tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ puggalaṃ vadāmi gihibhogā ca parihīno, sāmaññatthañca na paripūreti.
‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อกุสลวิตกฺกา – กามวิตโกฺก, พฺยาปาทวิตโกฺก, วิหิํสาวิตโกฺกฯ อิเม จ ภิกฺขเว, ตโย อกุสลวิตกฺกา กฺว อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ? จตูสุ วา สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตสฺส วิหรโต อนิมิตฺตํ วา สมาธิํ ภาวยโตฯ ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, อลเมว อนิมิโตฺต สมาธิ ภาเวตุํฯ อนิมิโตฺต, ภิกฺขเว, สมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ
‘‘Tayome, bhikkhave, akusalavitakkā – kāmavitakko, byāpādavitakko, vihiṃsāvitakko. Ime ca bhikkhave, tayo akusalavitakkā kva aparisesā nirujjhanti? Catūsu vā satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittassa viharato animittaṃ vā samādhiṃ bhāvayato. Yāvañcidaṃ, bhikkhave, alameva animitto samādhi bhāvetuṃ. Animitto, bhikkhave, samādhi bhāvito bahulīkato mahapphalo hoti mahānisaṃso.
‘‘เทฺวมา, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิโย – ภวทิฎฺฐิ จ วิภวทิฎฺฐิ จฯ ตตฺร โข, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อตฺถิ นุ โข ตํ กิญฺจิ โลกสฺมิํ ยมหํ อุปาทิยมาโน น วชฺชวา อสฺส’นฺติ? โส เอวํ ปชานาติ – ‘นตฺถิ นุ โข ตํ กิญฺจิ โลกสฺมิํ ยมหํ อุปาทิยมาโน น วชฺชวา อสฺสํฯ อหญฺหิ รูปเญฺญว อุปาทิยมาโน อุปาทิเยยฺยํ เวทนเญฺญว… สญฺญเญฺญว… สงฺขาเรเยว วิญฺญาณเญฺญว อุปาทิยมาโน อุปาทิเยยฺยํฯ ตสฺส เม อสฺส 9 อุปาทานปจฺจยา ภโว; ภวปจฺจยา ชาติ; ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภเวยฺยุํฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย อสฺสา’’’ติฯ
‘‘Dvemā, bhikkhave, diṭṭhiyo – bhavadiṭṭhi ca vibhavadiṭṭhi ca. Tatra kho, bhikkhave, sutavā ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘atthi nu kho taṃ kiñci lokasmiṃ yamahaṃ upādiyamāno na vajjavā assa’nti? So evaṃ pajānāti – ‘natthi nu kho taṃ kiñci lokasmiṃ yamahaṃ upādiyamāno na vajjavā assaṃ. Ahañhi rūpaññeva upādiyamāno upādiyeyyaṃ vedanaññeva… saññaññeva… saṅkhāreyeva viññāṇaññeva upādiyamāno upādiyeyyaṃ. Tassa me assa 10 upādānapaccayā bhavo; bhavapaccayā jāti; jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhaveyyuṃ. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo assā’’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ…เป.… ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ ปสฺสํ… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติฯ อฎฺฐมํฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ…pe… tasmātiha, bhikkhave, evaṃ passaṃ… nāparaṃ itthattāyāti pajānātī’’ti. Aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ปิโณฺฑลฺยสุตฺตวณฺณนา • 8. Piṇḍolyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. ปิโณฺฑลฺยสุตฺตวณฺณนา • 8. Piṇḍolyasuttavaṇṇanā