Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๙. ปีตวิมานวณฺณนา
9. Pītavimānavaṇṇanā
ปีตวเตฺถ ปีตธเชติ ปีตวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ ปรินิพฺพุเต รญฺญา อชาตสตฺตุนา อตฺตนา ปฎิลทฺธา ภควโต สรีรธาตุโย คเหตฺวา ถูเป จ มเห จ กเต ราชคหวาสินี อญฺญตรา อุปาสิกา ปาโตว กตสรีรปฎิชคฺคนา ‘‘สตฺถุ ถูปํ ปูเชสฺสามี’’ติ ยถาลทฺธานิ จตฺตาริ โกสาตกีปุปฺผานิ คเหตฺวา สทฺธาเวเคน สมุสฺสาหิตมานสา มคฺคปริสฺสยํ อนุปธาเรตฺวาว ถูปาภิมุขี คจฺฉติฯ อถ นํ ตรุณวจฺฉา คาวี อภิธาวนฺตี เวเคน อาปติตฺวา สิเงฺคน ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ สา ตาวเทว ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺตนฺตี สกฺกสฺส เทวรโญฺญ อุยฺยานกีฬาย คจฺฉนฺตสฺส ปริวารภูตานํ อฑฺฒติยานํ นาฎกโกฎีนํ มเชฺฌ อตฺตโน สรีรปภาย ตา สพฺพา อภิภวนฺตี สห รเถน ปาตุรโหสิฯ ตํ ทิสฺวา สโกฺก เทวราชา วิมฺหิตจิโตฺต อจฺฉริยพฺภุตชาโต ‘‘กีทิเสน นุ โข โอฬาริเกน กมฺมุนา อยํ เอทิสิํ สุมหติํ เทวิทฺธิมุปาคตา’’ติ ตํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –
Pītavatthepītadhajeti pītavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavati parinibbute raññā ajātasattunā attanā paṭiladdhā bhagavato sarīradhātuyo gahetvā thūpe ca mahe ca kate rājagahavāsinī aññatarā upāsikā pātova katasarīrapaṭijagganā ‘‘satthu thūpaṃ pūjessāmī’’ti yathāladdhāni cattāri kosātakīpupphāni gahetvā saddhāvegena samussāhitamānasā maggaparissayaṃ anupadhāretvāva thūpābhimukhī gacchati. Atha naṃ taruṇavacchā gāvī abhidhāvantī vegena āpatitvā siṅgena paharitvā jīvitakkhayaṃ pāpesi. Sā tāvadeva tāvatiṃsabhavane nibbattantī sakkassa devarañño uyyānakīḷāya gacchantassa parivārabhūtānaṃ aḍḍhatiyānaṃ nāṭakakoṭīnaṃ majjhe attano sarīrapabhāya tā sabbā abhibhavantī saha rathena pāturahosi. Taṃ disvā sakko devarājā vimhitacitto acchariyabbhutajāto ‘‘kīdisena nu kho oḷārikena kammunā ayaṃ edisiṃ sumahatiṃ deviddhimupāgatā’’ti taṃ imāhi gāthāhi pucchi –
๗๙๕.
795.
‘‘ปีตวเตฺถ ปีตธเช, ปีตาลงฺการภูสิเต;
‘‘Pītavatthe pītadhaje, pītālaṅkārabhūsite;
ปีตจนฺทนลิตฺตเงฺค, ปีตอุปฺปลมาลินีฯ
Pītacandanalittaṅge, pītauppalamālinī.
๗๙๖.
796.
‘‘ปีตปาสาทสยเน, ปีตาสเน ปีตภาชเน;
‘‘Pītapāsādasayane, pītāsane pītabhājane;
ปีตฉเตฺต ปีตรเถ, ปีตเสฺส ปีตพีชเนฯ
Pītachatte pītarathe, pītasse pītabījane.
๗๙๗.
797.
‘‘กิํ กมฺมมกรี ภเทฺท, ปุเพฺพ มานุสเก ภเว;
‘‘Kiṃ kammamakarī bhadde, pubbe mānusake bhave;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ
Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti.
สาปิสฺส อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –
Sāpissa imāhi gāthāhi byākāsi –
๗๙๘.
798.
‘‘โกสาตกี นาม ลตตฺถิ ภเนฺต, ติตฺติกา อนภิจฺฉิตา;
‘‘Kosātakī nāma latatthi bhante, tittikā anabhicchitā;
ตสฺสา จตฺตาริ ปุปฺผานิ, ถูปํ อภิหริํ อหํฯ
Tassā cattāri pupphāni, thūpaṃ abhihariṃ ahaṃ.
๗๙๙.
799.
‘‘สตฺถุ สรีรมุทฺทิสฺส, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;
‘‘Satthu sarīramuddissa, vippasannena cetasā;
นาสฺส มคฺคํ อเวกฺขิสฺสํ, น ตคฺคมนสา สตีฯ
Nāssa maggaṃ avekkhissaṃ, na taggamanasā satī.
๘๐๐.
800.
‘‘ตโต มํ อวธี คาวี, ถูปํ อปตฺตมานสํ;
‘‘Tato maṃ avadhī gāvī, thūpaṃ apattamānasaṃ;
ตญฺจาหํ อภิสเญฺจยฺยํ, ภิโยฺย นูน อิโต สิยาฯ
Tañcāhaṃ abhisañceyyaṃ, bhiyyo nūna ito siyā.
๘๐๑.
801.
‘‘เตน กเมฺมน เทวินฺท, มฆวา เทวกุญฺชร;
‘‘Tena kammena devinda, maghavā devakuñjara;
ปหาย มานุสํ เทหํ, ตว สหพฺยมาคตา’’ติฯ
Pahāya mānusaṃ dehaṃ, tava sahabyamāgatā’’ti.
๗๙๕-๖. ตตฺถ ปีตจนฺทนลิตฺตเงฺคติ สุวณฺณวเณฺณน จนฺทเนน อนุลิตฺตสรีเรฯ ปีตปาสาทสยเนติ สพฺพโสวณฺณมเยน ปาสาเทน สุวณฺณปริกฺขิเตฺตหิ สยเนหิ จ สมนฺนาคเตฯ เอวํ สพฺพตฺถ เหฎฺฐา อุปริ จ ปีตสเทฺทน สุวณฺณเมว คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
795-6. Tattha pītacandanalittaṅgeti suvaṇṇavaṇṇena candanena anulittasarīre. Pītapāsādasayaneti sabbasovaṇṇamayena pāsādena suvaṇṇaparikkhittehi sayanehi ca samannāgate. Evaṃ sabbattha heṭṭhā upari ca pītasaddena suvaṇṇameva gahitanti daṭṭhabbaṃ.
๗๙๘. ลตตฺถีติ ลตา อตฺถิฯ ภเนฺตติ สกฺกํ เทวราชานํ คารเวน อาลปติฯ อนภิจฺฉิตาติ น อภิกงฺขิตาฯ
798.Latatthīti latā atthi. Bhanteti sakkaṃ devarājānaṃ gāravena ālapati. Anabhicchitāti na abhikaṅkhitā.
๗๙๙. สรีรนฺติ สรีรภูตํ ธาตุํฯ อวยเว จายํ สมุทายโวหาโร ยถา ‘‘ปโฎ ฑโฑฺฒ, สมุโทฺท ทิโฎฺฐ’’ติ จฯ อสฺสาติ โครูปสฺสฯ มคฺคนฺติ อาคมนมคฺคํฯ น อเวกฺขิสฺสนฺติ น โอโลกยิํฯ กสฺมา? น ตคฺคมนสา สตีติ, ตสฺสํ คาวิยํ คตมนา ฐปิตมนา น โหนฺตี, อญฺญทตฺถุ ภควโต ถูปคตมนา เอว สมานาติ อโตฺถฯ ‘‘ตทงฺคมนสา สตี’’ติ จ ปาโฐ, ตทเงฺค ตสฺส ภควโต ธาตุยา อเงฺค มโน เอติสฺสาติ ตทงฺคมนสาฯ เอวํภูตา อหํ ตทา ตสฺสา มคฺคํ นาเวกฺขิสฺสนฺติ ทเสฺสติฯ
799.Sarīranti sarīrabhūtaṃ dhātuṃ. Avayave cāyaṃ samudāyavohāro yathā ‘‘paṭo ḍaḍḍho, samuddo diṭṭho’’ti ca. Assāti gorūpassa. Magganti āgamanamaggaṃ. Na avekkhissanti na olokayiṃ. Kasmā? Na taggamanasā satīti, tassaṃ gāviyaṃ gatamanā ṭhapitamanā na hontī, aññadatthu bhagavato thūpagatamanā eva samānāti attho. ‘‘Tadaṅgamanasā satī’’ti ca pāṭho, tadaṅge tassa bhagavato dhātuyā aṅge mano etissāti tadaṅgamanasā. Evaṃbhūtā ahaṃ tadā tassā maggaṃ nāvekkhissanti dasseti.
๘๐๐. ถูปํ อปตฺตมานสนฺติ ถูปํ เจติยํ อสมฺปตฺตอชฺฌาสยํ, มนสิ ภโวติ หิ มานโส, อชฺฌาสโย มโนรโถฯ ‘‘ถูปํ อุปคนฺตฺวา ปุเปฺผหิ ปูเชสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนมโนรถสฺส อสมฺปุณฺณตาย เอวํ วุตฺตํฯ ถูปํ เจติยํ ปน ปุเปฺผหิ ปูชนจิตฺตํ สิทฺธเมว, เยน สา เทวโลเก อุปฺปนฺนฯ ตญฺจาหํ อภิสเญฺจยฺยนฺติ ตเญฺจ อหํ อภิสญฺจิเนยฺยํ, ปุปฺผปูชเนน หิ ปุญฺญํ อหํ ถูปํ อภิคนฺตฺวา ยถาธิปฺปายํ ปูชเนน สมฺมเทว จิเนยฺยํ อุปจิเนยฺยนฺติ อโตฺถฯ ภิโยฺย นูน อิโต สิยาติ อิโต ยถาลทฺธสมฺปตฺติโตปิ ภิโยฺย อุปริ อุตฺตริตรา สมฺปตฺติ สิยาติ มเญฺญติ อโตฺถฯ
800.Thūpaṃ apattamānasanti thūpaṃ cetiyaṃ asampattaajjhāsayaṃ, manasi bhavoti hi mānaso, ajjhāsayo manoratho. ‘‘Thūpaṃ upagantvā pupphehi pūjessāmī’’ti uppannamanorathassa asampuṇṇatāya evaṃ vuttaṃ. Thūpaṃ cetiyaṃ pana pupphehi pūjanacittaṃ siddhameva, yena sā devaloke uppanna. Tañcāhaṃ abhisañceyyanti tañce ahaṃ abhisañcineyyaṃ, pupphapūjanena hi puññaṃ ahaṃ thūpaṃ abhigantvā yathādhippāyaṃ pūjanena sammadeva cineyyaṃ upacineyyanti attho. Bhiyyo nūna ito siyāti ito yathāladdhasampattitopi bhiyyo upari uttaritarā sampatti siyāti maññeti attho.
๘๐๑. มฆวา เทวกุญฺชราติ อาลปนํฯ ตตฺถ เทวกุญฺชราติ สพฺพพลปรกฺกมาทิวิเสเสหิ เทเวสุ กุญฺชรสทิโสฯ สหพฺยนฺติ สหภาวํฯ
801.Maghavādevakuñjarāti ālapanaṃ. Tattha devakuñjarāti sabbabalaparakkamādivisesehi devesu kuñjarasadiso. Sahabyanti sahabhāvaṃ.
๘๐๒.
802.
‘‘อิทํ สุตฺวา ติทสาธิปติ, มฆวา เทวกุญฺชโร;
‘‘Idaṃ sutvā tidasādhipati, maghavā devakuñjaro;
ตาวติํเส ปสาเทโนฺต, มาตลิํ เอตทพฺรวี’’ติฯ –
Tāvatiṃse pasādento, mātaliṃ etadabravī’’ti. –
อิทํ ธมฺมสงฺคาหกวจนํฯ ตโต สโกฺก มาตลิปมุขสฺส เทวคณสฺส อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ –
Idaṃ dhammasaṅgāhakavacanaṃ. Tato sakko mātalipamukhassa devagaṇassa imāhi gāthāhi dhammaṃ desesi –
๘๐๓.
803.
‘‘ปสฺส มาตลิ อเจฺฉรํ, จิตฺตํ กมฺมผลํ อิทํ;
‘‘Passa mātali accheraṃ, cittaṃ kammaphalaṃ idaṃ;
อปฺปกมฺปิ กตํ เทยฺยํ, ปุญฺญํ โหติ มหปฺผลํฯ
Appakampi kataṃ deyyaṃ, puññaṃ hoti mahapphalaṃ.
๘๐๔.
804.
‘‘นตฺถิ จิเตฺต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;
‘‘Natthi citte pasannamhi, appakā nāma dakkhiṇā;
ตถาคเต วา สมฺพุเทฺธ, อถ วา ตสฺส สาวเกฯ
Tathāgate vā sambuddhe, atha vā tassa sāvake.
๘๐๕.
805.
‘‘เอหิ มาตลิ อเมฺหปิ, ภิโยฺย ภิโยฺย มเหมเส;
‘‘Ehi mātali amhepi, bhiyyo bhiyyo mahemase;
ตถาคตสฺส ธาตุโย, สุโข ปุญฺญานมุจฺจโยฯ
Tathāgatassa dhātuyo, sukho puññānamuccayo.
๘๐๖.
806.
‘‘ติฎฺฐเนฺต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิเตฺต สมํ ผลํ;
‘‘Tiṭṭhante nibbute cāpi, same citte samaṃ phalaṃ;
เจโตปณิธิเหตุหิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติํฯ
Cetopaṇidhihetuhi, sattā gacchanti suggatiṃ.
๘๐๗.
807.
‘‘พหูนํ วต อตฺถาย, อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา;
‘‘Bahūnaṃ vata atthāya, uppajjanti tathāgatā;
ยตฺถ การํ กริตฺวาน, สคฺคํ คจฺฉนฺติ ทายกา’’ติฯ
Yattha kāraṃ karitvāna, saggaṃ gacchanti dāyakā’’ti.
๘๐๒. ตตฺถ ปสาเทโนฺตติ ปสเนฺน กโรโนฺต, รตนตฺตเย สทฺธํ อุปฺปาเทโนฺตติ อโตฺถฯ
802. Tattha pasādentoti pasanne karonto, ratanattaye saddhaṃ uppādentoti attho.
๘๐๓. จิตฺตนฺติ วิจิตฺตํ อจิเนฺตยฺยํฯ กมฺมผลนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อนุฬารเตฺตปิ เขตฺตสมฺปตฺติยา จ จิตฺตสมฺปตฺติยา จ อุฬารสฺส ปุญฺญกมฺมสฺส ผลํ ปสฺสาติ โยชนาฯ อปฺปกมฺปิ กตํ เทยฺยํ, ปุญฺญํ โหติ มหปฺผลนฺติ เอตฺถ กตนฺติ การวเสน สกฺการวเสน อายตเน วินิยุตฺตํฯ เทยฺยนฺติ ทาตพฺพวตฺถุํฯ ปุญฺญนฺติ ตถาปวตฺตํ ปุญฺญกมฺมํฯ
803.Cittanti vicittaṃ acinteyyaṃ. Kammaphalanti deyyadhammassa anuḷārattepi khettasampattiyā ca cittasampattiyā ca uḷārassa puññakammassa phalaṃ passāti yojanā. Appakampi kataṃ deyyaṃ, puññaṃ hoti mahapphalanti ettha katanti kāravasena sakkāravasena āyatane viniyuttaṃ. Deyyanti dātabbavatthuṃ. Puññanti tathāpavattaṃ puññakammaṃ.
๘๐๔. อิทานิ ยตฺถ อปฺปกมฺปิ กตํ ปุญฺญํ มหปฺผลํ โหติ, ตํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘นตฺถิ จิเตฺต ปสนฺนมฺหี’’ติ คาถมาหฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
804. Idāni yattha appakampi kataṃ puññaṃ mahapphalaṃ hoti, taṃ pākaṭaṃ katvā dassento ‘‘natthi citte pasannamhī’’ti gāthamāha. Taṃ suviññeyyameva.
๘๐๕-๖. อเมฺหปีติ มยมฺปิฯ มเหมเสติ มหามเส ปูชามเสฯ เจโตปณิธิเหตุ หีติ อตฺตโน จิตฺตสฺส สมฺมเทว ฐปนนิมิตฺตํ, อตฺตสมฺมาปณิธาเนนาติ อโตฺถฯ เตนาห ภควา –
805-6.Amhepīti mayampi. Mahemaseti mahāmase pūjāmase. Cetopaṇidhihetu hīti attano cittassa sammadeva ṭhapananimittaṃ, attasammāpaṇidhānenāti attho. Tenāha bhagavā –
‘‘น ตํ มาตาปิตา กยิรา, อเญฺญ วาปิ จ ญาตกา;
‘‘Na taṃ mātāpitā kayirā, aññe vāpi ca ñātakā;
สมฺมา ปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติฯ (ธ. ป. ๔๓);
Sammā paṇihitaṃ cittaṃ, seyyaso naṃ tato kare’’ti. (dha. pa. 43);
เอวญฺจ ปน วตฺวา สโกฺก เทวานมิโนฺท อุยฺยานกีฬาย อุสฺสาหํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภตฺวา ตโตว ปฎินิวตฺติตฺวา อตฺตนา อภิณฺหํ ปูชเนยฺยฎฺฐานภูเต จูฬามณิเจติเย สตฺตาหํ ปูชํ อกาสิฯ อถ อปเรน สมเยน เทวจาริกํ คตสฺส อายสฺมโต นารทเตฺถรสฺส ตํ ปวตฺติํ คาถาเหว กเถสิ, เถโร ธมฺมสงฺคาหกานํ อาโรเจสิ, เต ตถา นํ สงฺคหํ อาโรเปสุนฺติฯ
Evañca pana vatvā sakko devānamindo uyyānakīḷāya ussāhaṃ paṭippassambhetvā tatova paṭinivattitvā attanā abhiṇhaṃ pūjaneyyaṭṭhānabhūte cūḷāmaṇicetiye sattāhaṃ pūjaṃ akāsi. Atha aparena samayena devacārikaṃ gatassa āyasmato nāradattherassa taṃ pavattiṃ gāthāheva kathesi, thero dhammasaṅgāhakānaṃ ārocesi, te tathā naṃ saṅgahaṃ āropesunti.
ปีตวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pītavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๙. ปีตวิมานวตฺถุ • 9. Pītavimānavatthu