Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๓๗] ๗. ปีฐชาตกวณฺณนา
[337] 7. Pīṭhajātakavaṇṇanā
น เต ปีฐมทายิมฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร ชนปทโต เชตวนํ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฎิสาเมตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สามเณรทหเร ปุจฺฉิ ‘‘อาวุโส, สาวตฺถิยํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ เก อุปการกา’’ติ ฯ ‘‘อาวุโส, อนาถปิณฺฑิโก นาม มหาเสฎฺฐิ, วิสาขา นาม มหาอุปาสิกา เอเต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปการกา มาตาปิตุฎฺฐานิยา’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว เอกภิกฺขุสฺสปิ อปวิฎฺฐกาเล อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิฯ ตํ อเวลาย คตตฺตา โกจิ น โอโลเกสิ ฯ โส ตโต กิญฺจิ อลภิตฺวา วิสาขาย ฆรทฺวารํ คโตฯ ตตฺราปิ อติปาโตว คตตฺตา กิญฺจิ น ลภิฯ โส ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา ปุนาคจฺฉโนฺต ยาคุยา นิฎฺฐิตาย คโต, ปุนปิ ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา ภเตฺต นิฎฺฐิเต คโตฯ โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘เทฺวปิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ เอว, อิเม ภิกฺขู ปน ‘สทฺธานิ ปสนฺนานี’ติ กเถนฺตี’’ติ ตานิ กุลานิ ปริภวโนฺต จรติฯ
Na te pīṭhamadāyimhāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira janapadato jetavanaṃ gantvā pattacīvaraṃ paṭisāmetvā satthāraṃ vanditvā sāmaṇeradahare pucchi ‘‘āvuso, sāvatthiyaṃ āgantukabhikkhūnaṃ ke upakārakā’’ti . ‘‘Āvuso, anāthapiṇḍiko nāma mahāseṭṭhi, visākhā nāma mahāupāsikā ete bhikkhusaṅghassa upakārakā mātāpituṭṭhāniyā’’ti. So ‘‘sādhū’’ti punadivase pātova ekabhikkhussapi apaviṭṭhakāle anāthapiṇḍikassa gharadvāraṃ agamāsi. Taṃ avelāya gatattā koci na olokesi . So tato kiñci alabhitvā visākhāya gharadvāraṃ gato. Tatrāpi atipātova gatattā kiñci na labhi. So tattha tattha vicaritvā punāgacchanto yāguyā niṭṭhitāya gato, punapi tattha tattha vicaritvā bhatte niṭṭhite gato. So vihāraṃ gantvā ‘‘dvepi kulāni assaddhāni appasannāni eva, ime bhikkhū pana ‘saddhāni pasannānī’ti kathentī’’ti tāni kulāni paribhavanto carati.
อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ชานปโท ภิกฺขุ อติกาลเสฺสว กุลทฺวารํ คโต ภิกฺขํ อลภิตฺวา กุลานิ ปริภวโนฺต จรตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ตํ ภิกฺขุํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘กสฺมา ตฺวํ ภิกฺขุ กุชฺฌสิ, ปุเพฺพ อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ ตาปสาปิ ตาว กุลทฺวารํ คนฺตฺวา ภิกฺขํ อลภิตฺวา น กุชฺฌิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, asuko kira jānapado bhikkhu atikālasseva kuladvāraṃ gato bhikkhaṃ alabhitvā kulāni paribhavanto caratī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte taṃ bhikkhuṃ pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira bhikkhū’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘kasmā tvaṃ bhikkhu kujjhasi, pubbe anuppanne buddhe tāpasāpi tāva kuladvāraṃ gantvā bhikkhaṃ alabhitvā na kujjhiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวเนฺต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสิํ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปาวิสิฯ ตทา พาราณสิเสฎฺฐิ สโทฺธ โหติ ปสโนฺนฯ โพธิสโตฺต ‘‘กตรํ กุลฆรํ สทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เสฎฺฐิฆร’’นฺติ สุตฺวา เสฎฺฐิโน ฆรทฺวารํ อคมาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ เสฎฺฐิ ราชุปฎฺฐานํ คโต, มนุสฺสาปิ นํ น ปสฺสิํสุ, โส นิวตฺติตฺวา คจฺฉติฯ อถ นํ เสฎฺฐิ ราชกุลโต นิวตฺตโนฺต ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปตฺวา ปาทโธวนเตลมกฺขนยาคุขชฺชกาทีหิ สนฺตเปฺปตฺวา อนฺตราภเตฺต กิญฺจิ การณํ อปุจฺฉิตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ‘‘ภเนฺต, อมฺหากํ ฆรทฺวารํ อาคตา นาม ยาจกา วา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา วา สกฺการสมฺมานํ อลภิตฺวา คตปุพฺพา นาม นตฺถิ, ตุเมฺห ปน อชฺช อมฺหากํ ทารเกหิ อทิฎฺฐตฺตา อาสนํ วา ปานียํ วา ปาทโธวนํ วา ยาคุภตฺตํ วา อลภิตฺวาว คตา, อยํ อมฺหากํ โทโส, ตํ โน ขมิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā aparabhāge tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā himavante ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya bārāṇasiṃ patvā uyyāne vasitvā punadivase nagaraṃ bhikkhāya pāvisi. Tadā bārāṇasiseṭṭhi saddho hoti pasanno. Bodhisatto ‘‘kataraṃ kulagharaṃ saddha’’nti pucchitvā ‘‘seṭṭhighara’’nti sutvā seṭṭhino gharadvāraṃ agamāsi. Tasmiṃ khaṇe seṭṭhi rājupaṭṭhānaṃ gato, manussāpi naṃ na passiṃsu, so nivattitvā gacchati. Atha naṃ seṭṭhi rājakulato nivattanto disvā vanditvā bhikkhābhājanaṃ gahetvā gharaṃ netvā nisīdāpetvā pādadhovanatelamakkhanayāgukhajjakādīhi santappetvā antarābhatte kiñci kāraṇaṃ apucchitvā katabhattakiccaṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno ‘‘bhante, amhākaṃ gharadvāraṃ āgatā nāma yācakā vā dhammikasamaṇabrāhmaṇā vā sakkārasammānaṃ alabhitvā gatapubbā nāma natthi, tumhe pana ajja amhākaṃ dārakehi adiṭṭhattā āsanaṃ vā pānīyaṃ vā pādadhovanaṃ vā yāgubhattaṃ vā alabhitvāva gatā, ayaṃ amhākaṃ doso, taṃ no khamituṃ vaṭṭatī’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๔๕.
145.
‘‘น เต ปีฐมทายิมฺหา, น ปานํ นปิ โภชนํ;
‘‘Na te pīṭhamadāyimhā, na pānaṃ napi bhojanaṃ;
พฺรหฺมจาริ ขมสฺสุ เม, เอตํ ปสฺสามิ อจฺจย’’นฺติฯ
Brahmacāri khamassu me, etaṃ passāmi accaya’’nti.
ตตฺถ น เต ปีฐมทายิมฺหาติ ปีฐมฺปิ เต น ทาปยิมฺหฯ
Tattha na te pīṭhamadāyimhāti pīṭhampi te na dāpayimha.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā bodhisatto dutiyaṃ gāthamāha –
๑๔๖.
146.
‘‘เนวาภิสชฺชามิ น จาปิ กุเปฺป, น จาปิ เม อปฺปิยมาสิ กิญฺจิ;
‘‘Nevābhisajjāmi na cāpi kuppe, na cāpi me appiyamāsi kiñci;
อโถปิ เม อาสิ มโนวิตโกฺก, เอตาทิโส นูน กุลสฺส ธโมฺม’’ติฯ
Athopi me āsi manovitakko, etādiso nūna kulassa dhammo’’ti.
ตตฺถ เนวาภิสชฺชามีติ เนว ลคฺคามิฯ เอตาทิโสติ ‘‘อิมสฺส กุลสฺส เอตาทิโส นูน สภาโว, อทายกวํโส เอส ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ เม มโนวิตโกฺก อุปฺปโนฺนฯ
Tattha nevābhisajjāmīti neva laggāmi. Etādisoti ‘‘imassa kulassa etādiso nūna sabhāvo, adāyakavaṃso esa bhavissatī’’ti evaṃ me manovitakko uppanno.
ตํ สุตฺวา เสฎฺฐิ อิตรา เทฺว คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā seṭṭhi itarā dve gāthā abhāsi –
๑๔๗.
147.
‘‘เอสสฺมากํ กุเล ธโมฺม, ปิตุปิตามโห สทา;
‘‘Esasmākaṃ kule dhammo, pitupitāmaho sadā;
อาสนํ อุทกํ ปชฺชํ, สเพฺพตํ นิปทามเสฯ
Āsanaṃ udakaṃ pajjaṃ, sabbetaṃ nipadāmase.
๑๔๘.
148.
‘‘เอสสฺมากํ กุเล ธโมฺม, ปิตุปิตามโห สทา;
‘‘Esasmākaṃ kule dhammo, pitupitāmaho sadā;
สกฺกจฺจํ อุปติฎฺฐาม, อุตฺตมํ วิย ญาตก’’นฺติฯ
Sakkaccaṃ upatiṭṭhāma, uttamaṃ viya ñātaka’’nti.
ตตฺถ ธโมฺมติ สภาโวฯ ปิตุปิตามโหติ ปิตูนญฺจ ปิตามหานญฺจ สนฺตโกฯ อุทกนฺติ ปาทโธวนอุทกํฯ ปชฺชนฺติ ปาทมกฺขนเตลํฯ สเพฺพตนฺติ สพฺพํ เอตํฯ นิปทามเสติ นิการปการา อุปสคฺคา, ทามเสติ อโตฺถ, ททามาติ วุตฺตํ โหติฯ อิมินา ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา ทายกวํโส อมฺหากํ วํโสติ ทเสฺสติฯ อุตฺตมํ วิย ญาตกนฺติ มาตรํ วิย ปิตรํ วิย จ มยํ ธมฺมิกํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ทิสฺวา สกฺกจฺจํ สหเตฺถน อุปฎฺฐหามาติ อโตฺถฯ
Tattha dhammoti sabhāvo. Pitupitāmahoti pitūnañca pitāmahānañca santako. Udakanti pādadhovanaudakaṃ. Pajjanti pādamakkhanatelaṃ. Sabbetanti sabbaṃ etaṃ. Nipadāmaseti nikārapakārā upasaggā, dāmaseti attho, dadāmāti vuttaṃ hoti. Iminā yāva sattamā kulaparivaṭṭā dāyakavaṃso amhākaṃ vaṃsoti dasseti. Uttamaṃ viya ñātakanti mātaraṃ viya pitaraṃ viya ca mayaṃ dhammikaṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā disvā sakkaccaṃ sahatthena upaṭṭhahāmāti attho.
โพธิสโตฺต ปน กติปาหํ พาราณสิเสฎฺฐิโน ธมฺมํ เทเสโนฺต ตตฺถ วสิตฺวา ปุน หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
Bodhisatto pana katipāhaṃ bārāṇasiseṭṭhino dhammaṃ desento tattha vasitvā puna himavantameva gantvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา พาราณสิเสฎฺฐิ อานโนฺท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so bhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā bārāṇasiseṭṭhi ānando ahosi, tāpaso pana ahameva ahosinti.
ปีฐชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ
Pīṭhajātakavaṇṇanā sattamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๓๗. ปีฐชาตกํ • 337. Pīṭhajātakaṃ