Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๔. ปิฎฺฐธีตลิกเปตวตฺถุวณฺณนา
4. Piṭṭhadhītalikapetavatthuvaṇṇanā
ยํ กิญฺจารมฺมณํ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรโนฺต อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน ทานํ อารพฺภ กเถสิฯ อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร คหปติโน ธีตุ ธีตาย ทาริกาย ธาติ ปิฎฺฐธีตลิกํ อทาสิ ‘‘อยํ เต ธีตา, อิมํ คเหตฺวา กีฬสฺสู’’ติฯ สา ตตฺถ ธีตุสญฺญํ อุปฺปาเทสิฯ อถสฺสา เอกทิวสํ ตํ คเหตฺวา กีฬนฺติยา ปมาเทน ปติตฺวา ภิชฺชิฯ ตโต ทาริกา ‘‘มม ธีตา มตา’’ติ ปโรทิฯ ตํ โรทนฺติํ โกจิปิ เคหชโน สญฺญาเปตุํ นาสกฺขิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย สตฺถา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน เคเห ปญฺญเตฺต อาสเน นิสิโนฺน โหติ, มหาเสฎฺฐิ จ ภควโต สมีเป นิสิโนฺน อโหสิฯ ธาติ ตํ ทาริกํ คเหตฺวา เสฎฺฐิสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ เสฎฺฐิ ตํ ทิสฺวา ‘‘กิสฺสายํ ทาริกา โรทตี’’ติ อาหฯ ธาติ ตํ ปวตฺติํ เสฎฺฐิสฺส อาโรเจสิฯ เสฎฺฐิ ตํ ทาริกํ อเงฺก นิสีทาเปตฺวา ‘‘ตว ธีตุทานํ ทสฺสามี’’ติ สญฺญาเปตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘ภเนฺต, มม นตฺตุธีตรํ ปิฎฺฐธีตลิกํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทาตุกาโม, ตํ เม ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ สฺวาตนาย อธิวาเสถา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
Yaṃ kiñcārammaṇaṃ katvāti idaṃ satthā sāvatthiyaṃ jetavane viharanto anāthapiṇḍikassa gahapatino dānaṃ ārabbha kathesi. Anāthapiṇḍikassa kira gahapatino dhītu dhītāya dārikāya dhāti piṭṭhadhītalikaṃ adāsi ‘‘ayaṃ te dhītā, imaṃ gahetvā kīḷassū’’ti. Sā tattha dhītusaññaṃ uppādesi. Athassā ekadivasaṃ taṃ gahetvā kīḷantiyā pamādena patitvā bhijji. Tato dārikā ‘‘mama dhītā matā’’ti parodi. Taṃ rodantiṃ kocipi gehajano saññāpetuṃ nāsakkhi. Tasmiñca samaye satthā anāthapiṇḍikassa gahapatino gehe paññatte āsane nisinno hoti, mahāseṭṭhi ca bhagavato samīpe nisinno ahosi. Dhāti taṃ dārikaṃ gahetvā seṭṭhissa santikaṃ agamāsi. Seṭṭhi taṃ disvā ‘‘kissāyaṃ dārikā rodatī’’ti āha. Dhāti taṃ pavattiṃ seṭṭhissa ārocesi. Seṭṭhi taṃ dārikaṃ aṅke nisīdāpetvā ‘‘tava dhītudānaṃ dassāmī’’ti saññāpetvā satthu ārocesi – ‘‘bhante, mama nattudhītaraṃ piṭṭhadhītalikaṃ uddissa dānaṃ dātukāmo, taṃ me pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ svātanāya adhivāsethā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.
อถ ภควา ทุติยทิวเส ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ เสฎฺฐิสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อนุโมทนํ กโรโนฺต –
Atha bhagavā dutiyadivase pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ seṭṭhissa gharaṃ gantvā bhattakiccaṃ katvā anumodanaṃ karonto –
๑๐.
10.
‘‘ยํ กิญฺจารมฺมณํ กตฺวา, ทชฺชา ทานํ อมจฺฉรี;
‘‘Yaṃ kiñcārammaṇaṃ katvā, dajjā dānaṃ amaccharī;
ปุพฺพเปเต จ อารพฺภ, อถ วา วตฺถุเทวตาฯ
Pubbapete ca ārabbha, atha vā vatthudevatā.
๑๑.
11.
‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช, โลกปาเล ยสสฺสิเน;
‘‘Cattāro ca mahārāje, lokapāle yasassine;
กุเวรํ ธตรฎฺฐญฺจ, วิรูปกฺขํ วิรูฬฺหกํ;
Kuveraṃ dhataraṭṭhañca, virūpakkhaṃ virūḷhakaṃ;
เต เจว ปูชิตา โหนฺติ, ทายกา จ อนิปฺผลาฯ
Te ceva pūjitā honti, dāyakā ca anipphalā.
๑๒.
12.
‘‘น หิ รุณฺณํ วา โสโก วา, ยา จญฺญา ปริเทวนา;
‘‘Na hi ruṇṇaṃ vā soko vā, yā caññā paridevanā;
น ตํ เปตสฺส อตฺถาย, เอวํ ติฎฺฐนฺติ ญาตโยฯ
Na taṃ petassa atthāya, evaṃ tiṭṭhanti ñātayo.
๑๓.
13.
‘‘อยญฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฎฺฐิตา;
‘‘Ayañca kho dakkhiṇā dinnā, saṅghamhi suppatiṭṭhitā;
ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, ฐานโส อุปกปฺปตี’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Dīgharattaṃ hitāyassa, ṭhānaso upakappatī’’ti. – imā gāthā abhāsi;
๑๐. ตตฺถ ยํ กิญฺจารมฺมณํ กตฺวาติ มงฺคลาทีสุ อญฺญตรํ ยํ กิญฺจิ อารพฺภ อุทฺทิสฺสฯ ทชฺชาติ ทเทยฺยฯ อมจฺฉรีติ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวาสหนลกฺขณสฺส มเจฺฉรสฺส อภาวโต อมจฺฉรี, ปริจฺจาคสีโล มจฺฉริยโลภาทิจิตฺตมลํ ทูรโต กตฺวา ทานํ ทเทยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ ปุพฺพเปเต จ อารพฺภาติ ปุพฺพเกปิ เปเต อุทฺทิสฺสฯ วตฺถุเทวตาติ ฆรวตฺถุอาทีสุ อธิวตฺถา เทวตา อารพฺภาติ โยชนาฯ อถ วาติ อิมินา อเญฺญปิ เทวมนุสฺสาทิเก เย เกจิ อารพฺภ ทานํ ทเทยฺยาติ ทเสฺสติฯ
10. Tattha yaṃ kiñcārammaṇaṃ katvāti maṅgalādīsu aññataraṃ yaṃ kiñci ārabbha uddissa. Dajjāti dadeyya. Amaccharīti attano sampattiyā parehi sādhāraṇabhāvāsahanalakkhaṇassa maccherassa abhāvato amaccharī, pariccāgasīlo macchariyalobhādicittamalaṃ dūrato katvā dānaṃ dadeyyāti adhippāyo. Pubbapete ca ārabbhāti pubbakepi pete uddissa. Vatthudevatāti gharavatthuādīsu adhivatthā devatā ārabbhāti yojanā. Atha vāti iminā aññepi devamanussādike ye keci ārabbha dānaṃ dadeyyāti dasseti.
๑๑. ตตฺถ เทเวสุ ตาว เอกเจฺจ ปากเฎ เทเว ทเสฺสโนฺต ‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช’’ติ วตฺวา ปุน เต นามโต คณฺหโนฺต ‘‘กุเวร’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ กุเวรนฺติ เวสฺสวณํฯ ธตรฎฺฐนฺติอาทีนิ เสสานํ ติณฺณํ โลกปาลานํ นามานิฯ เต เจว ปูชิตา โหนฺตีติ เต จ มหาราชาโน ปุพฺพเปตวตฺถุเทวตาโย จ อุทฺทิสนกิริยาย ปฎิมานิกา โหนฺติฯ ทายกา จ อนิปฺผลาติ เย ทานํ เทนฺติ, เต ทายกา จ ปเรสํ อุทฺทิสนมเตฺตน น นิปฺผลา, อตฺตโน ทานผลสฺส ภาคิโน เอว โหนฺติฯ
11. Tattha devesu tāva ekacce pākaṭe deve dassento ‘‘cattāro ca mahārāje’’ti vatvā puna te nāmato gaṇhanto ‘‘kuvera’’ntiādimāha. Tattha kuveranti vessavaṇaṃ. Dhataraṭṭhantiādīni sesānaṃ tiṇṇaṃ lokapālānaṃ nāmāni. Te ceva pūjitā hontīti te ca mahārājāno pubbapetavatthudevatāyo ca uddisanakiriyāya paṭimānikā honti. Dāyakā ca anipphalāti ye dānaṃ denti, te dāyakā ca paresaṃ uddisanamattena na nipphalā, attano dānaphalassa bhāgino eva honti.
๑๒. อิทานิ ‘‘เย อตฺตโน ญาตีนํ มรเณน โรทนฺติ ปริเทวนฺติ โสจนฺติ, เตสํ ตํ นิรตฺถกํ, อตฺตปริตาปนมตฺตเมวา’’ติ ทเสฺสตุํ ‘‘น หิ รุณฺณํ วา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ รุณฺณนฺติ รุทิตํ อสฺสุโมจนํ น หิ กาตพฺพนฺติ วจนเสโสฯ โสโกติ โสจนํ จิตฺตสนฺตาโป, อโนฺตนิชฺฌานนฺติ อโตฺถฯ ยา จญฺญา ปริเทวนาติ ยา จ รุณฺณโสกโต อญฺญา ปริเทวนา, ‘‘กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทิวาจาวิปฺปลาโป, โสปิ น กาตโพฺพติ อโตฺถฯ สพฺพตฺถ วา-สโทฺท วิกปฺปนโตฺถ ฯ น ตํ เปตสฺส อตฺถายาติ ยสฺมา รุณฺณํ วา โสโก วา ปริเทวนา วาติ สพฺพมฺปิ ตํ เปตสฺส กาลกตสฺส อตฺถาย อุปการาย น โหติ, ตสฺมา น หิ ตํ กาตพฺพํ, ตถาปิ เอวํ ติฎฺฐนฺติ ญาตโย อวิทฺทสุโนติ อธิปฺปาโยฯ
12. Idāni ‘‘ye attano ñātīnaṃ maraṇena rodanti paridevanti socanti, tesaṃ taṃ niratthakaṃ, attaparitāpanamattamevā’’ti dassetuṃ ‘‘na hi ruṇṇaṃ vā’’ti gāthamāha. Tattha ruṇṇanti ruditaṃ assumocanaṃ na hi kātabbanti vacanaseso. Sokoti socanaṃ cittasantāpo, antonijjhānanti attho. Yā caññā paridevanāti yā ca ruṇṇasokato aññā paridevanā, ‘‘kahaṃ ekaputtakā’’tiādivācāvippalāpo, sopi na kātabboti attho. Sabbattha vā-saddo vikappanattho . Na taṃ petassa atthāyāti yasmā ruṇṇaṃ vā soko vā paridevanā vāti sabbampi taṃ petassa kālakatassa atthāya upakārāya na hoti, tasmā na hi taṃ kātabbaṃ, tathāpi evaṃ tiṭṭhanti ñātayo aviddasunoti adhippāyo.
๑๓. เอวํ รุณฺณาทีนํ นิรตฺถกภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ยา ปุพฺพเปตาทิเก อารพฺภ ทายเกน สงฺฆสฺส ทกฺขิณา ทินฺนา, ตสฺสา สาตฺถกภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อยญฺจ โข ทกฺขิณา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ อยนฺติ ทายเกน ตํ ทินฺนํ ทานํ ปจฺจกฺขโต ทเสฺสโนฺต วทติฯ จ-สโทฺท พฺยติเรกโตฺถ, เตน ยถา รุณฺณาทิ เปตสฺส น กสฺสจิ อตฺถาย โหติ, น เอวมยํ, อยํ ปน ทกฺขิณา ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส โหตีติ วกฺขมานเมว วิเสสํ โชเตติฯ โขติ อวธารเณฯ ทกฺขิณาติ ทานํฯ สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฎฺฐิตาติ อนุตฺตเร ปุญฺญเกฺขเตฺต สเงฺฆ สุฎฺฐุ ปติฎฺฐิตาฯ ทีฆรตฺตํ หิตายสฺสาติ อสฺส เปตสฺส จิรกาลํ หิตาย อตฺถายฯ ฐานโส อุปกปฺปตีติ ตงฺขณเญฺญว นิปฺผชฺชติ, น กาลนฺตเรติ อโตฺถฯ อยญฺหิ ตตฺถ ธมฺมตา – ยํ เปเต อุทฺทิสฺส ทาเน ทิเนฺน เปตา เจ อนุโมทนฺติ, ตาวเทว ตสฺส ผเลน เปตา ปริมุจฺจนฺตีติฯ
13. Evaṃ ruṇṇādīnaṃ niratthakabhāvaṃ dassetvā idāni yā pubbapetādike ārabbha dāyakena saṅghassa dakkhiṇā dinnā, tassā sātthakabhāvaṃ dassento ‘‘ayañca kho dakkhiṇā’’ti gāthamāha. Tattha ayanti dāyakena taṃ dinnaṃ dānaṃ paccakkhato dassento vadati. Ca-saddo byatirekattho, tena yathā ruṇṇādi petassa na kassaci atthāya hoti, na evamayaṃ, ayaṃ pana dakkhiṇā dīgharattaṃ hitāyassa hotīti vakkhamānameva visesaṃ joteti. Khoti avadhāraṇe. Dakkhiṇāti dānaṃ. Saṅghamhi suppatiṭṭhitāti anuttare puññakkhette saṅghe suṭṭhu patiṭṭhitā. Dīgharattaṃ hitāyassāti assa petassa cirakālaṃ hitāya atthāya. Ṭhānaso upakappatīti taṅkhaṇaññeva nipphajjati, na kālantareti attho. Ayañhi tattha dhammatā – yaṃ pete uddissa dāne dinne petā ce anumodanti, tāvadeva tassa phalena petā parimuccantīti.
เอวํ ภควา ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ เปเต อุทฺทิสฺส ทานาภิรตมานสํ กตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ ปุนทิวเส เสฎฺฐิภริยา อวเสสา จ ญาตกา เสฎฺฐิํ อนุวตฺตนฺตา เอวํ เตมาสมตฺตํ มหาทานํ ปวเตฺตสุํฯ อถ ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, ภิกฺขู มาสมตฺตํ มม ฆรํ นาคมิํสู’’ติ ปุจฺฉิฯ สตฺถารา ตสฺมิํ การเณ กถิเต ราชาปิ เสฎฺฐิํ อนุวตฺตโนฺต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวเตฺตสิ, ตํ ทิสฺวา นาครา ราชานํ อนุวตฺตนฺตา มาสมตฺตํ มหาทานํ ปวเตฺตสุํฯ เอวํ มาสทฺวยํ ปิฎฺฐธีตลิกมูลกํ มหาทานํ ปวเตฺตสุนฺติฯ
Evaṃ bhagavā dhammaṃ desetvā mahājanaṃ pete uddissa dānābhiratamānasaṃ katvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Punadivase seṭṭhibhariyā avasesā ca ñātakā seṭṭhiṃ anuvattantā evaṃ temāsamattaṃ mahādānaṃ pavattesuṃ. Atha rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ‘‘kasmā, bhante, bhikkhū māsamattaṃ mama gharaṃ nāgamiṃsū’’ti pucchi. Satthārā tasmiṃ kāraṇe kathite rājāpi seṭṭhiṃ anuvattanto buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ pavattesi, taṃ disvā nāgarā rājānaṃ anuvattantā māsamattaṃ mahādānaṃ pavattesuṃ. Evaṃ māsadvayaṃ piṭṭhadhītalikamūlakaṃ mahādānaṃ pavattesunti.
ปิฎฺฐธีตลิกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Piṭṭhadhītalikapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๔. ปิฎฺฐธีตลิกเปตวตฺถุ • 4. Piṭṭhadhītalikapetavatthu