Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๑๕. ปิยทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา

    15. Piyadassībuddhavaṃsavaṇṇanā

    สุชาตสฺส ปน อปรภาเค อิโต อฎฺฐกปฺปสตาธิกสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกสฺมิํ กเปฺป ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุฯ ตตฺถ ปิยทสฺสี นาม ภควา ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา สุธญฺญวตีนคเร สุทตฺตสฺส นาม รโญฺญ อคฺคมเหสิยา จนฺทสทิสวทนาย จนฺทาเทวิยา นาม กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน วรุณุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ ตสฺส ปน นามคฺคหณทิวเส โลกสฺส ปิยานํ ปาฎิหาริยวิเสสานํ ทสฺสิตตฺตา ‘‘ปิยทสฺสี’’เตฺวว นามมกํสุฯ โส นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ ตสฺส กิร สุนิมฺมลวิมลคิริพฺรหานามกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ วิมลามหาเทวิปฺปมุขานิ เตตฺติํส อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ

    Sujātassa pana aparabhāge ito aṭṭhakappasatādhikasahassakappamatthake ekasmiṃ kappe piyadassī, atthadassī, dhammadassīti tayo buddhā nibbattiṃsu. Tattha piyadassī nāma bhagavā pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā sudhaññavatīnagare sudattassa nāma rañño aggamahesiyā candasadisavadanāya candādeviyā nāma kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasannaṃ māsānaṃ accayena varuṇuyyāne mātukucchito nikkhami. Tassa pana nāmaggahaṇadivase lokassa piyānaṃ pāṭihāriyavisesānaṃ dassitattā ‘‘piyadassī’’tveva nāmamakaṃsu. So navavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Tassa kira sunimmalavimalagiribrahānāmakā tayo pāsādā ahesuṃ. Vimalāmahādevippamukhāni tettiṃsa itthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.

    โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา วิมลาเทวิยา กญฺจนเวเฬ นาม ปุเตฺต อุปฺปเนฺน อาชญฺญรเถน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ เอกา จ นํ ปุริสโกฎิ อนุปพฺพชิฯ โส เตหิ ปริวุโต มหาปุริโส ฉ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย วรุณพฺราหฺมณคาเม วสภพฺราหฺมณสฺส ธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สุชาตาชีวเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา กกุธโพธิํ อุปสงฺกมิตฺวา เตปญฺญาสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา ตเตฺถว สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ อริยธมฺมปฎิเวธสมตฺถตํ ญตฺวา อากาเสน ตตฺถ คนฺตฺวา อุสภวตีนครสมีเป อุสภวตุยฺยาเน โอตริตฺวา ภิกฺขุโกฎิปริวุโต ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา โกฎิสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ปฐโม อภิสมโยฯ

    So cattāri nimittāni disvā vimalādeviyā kañcanaveḷe nāma putte uppanne ājaññarathena mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Ekā ca naṃ purisakoṭi anupabbaji. So tehi parivuto mahāpuriso cha māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya varuṇabrāhmaṇagāme vasabhabrāhmaṇassa dhītāya dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā sālavane divāvihāraṃ vītināmetvā sujātājīvakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā kakudhabodhiṃ upasaṅkamitvā tepaññāsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhitvā ‘‘anekajātisaṃsāra’’nti udānaṃ udānetvā tattheva sattasattāhaṃ vītināmetvā attanā saha pabbajitānaṃ ariyadhammapaṭivedhasamatthataṃ ñatvā ākāsena tattha gantvā usabhavatīnagarasamīpe usabhavatuyyāne otaritvā bhikkhukoṭiparivuto dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā koṭisatasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ paṭhamo abhisamayo.

    ปุน อุสภวติยา นาม นครสฺส อวิทูเร สุทสฺสนปพฺพเต สุทสฺสโน นาม เทวราชา ปฎิวสติฯ โส มิจฺฉาทิฎฺฐิโก อโหสิฯ สกลชมฺพุทีเป ปน มนุสฺสา ตสฺส อนุสํวจฺฉรํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ พลิํ อุปสํหรนฺติฯ โส สุทสฺสโน เทวราชา นรราเชน สทฺธิํ เอกาสเน นิสีทิตฺวา พลิํ สมฺปฎิจฺฉติฯ อถ ปิยทสฺสี ภควา ‘‘ตสฺส สุทสฺสนสฺส เทวราชสฺส ตํ ทิฎฺฐิคตํ วิโนเทสฺสามี’’ติ ตสฺมิํ เทวราเช ยกฺขสมาคมํ คเต ตสฺส ภวนํ ปวิสิตฺวา สิริสยนํ อารุหิตฺวา ฉพฺพณฺณรํสิโย มุญฺจโนฺต ยุคนฺธรปพฺพเต สรทสมเย สูริโย วิย นิสีทิฯ ตสฺส ปริวารปริจาริกา เทวตาโย มาลาคนฺธวิเลปนาทีหิ ทสพลํ ปูเชตฺวา ปริวาเรตฺวา อฎฺฐํสุฯ

    Puna usabhavatiyā nāma nagarassa avidūre sudassanapabbate sudassano nāma devarājā paṭivasati. So micchādiṭṭhiko ahosi. Sakalajambudīpe pana manussā tassa anusaṃvaccharaṃ satasahassagghanikaṃ baliṃ upasaṃharanti. So sudassano devarājā nararājena saddhiṃ ekāsane nisīditvā baliṃ sampaṭicchati. Atha piyadassī bhagavā ‘‘tassa sudassanassa devarājassa taṃ diṭṭhigataṃ vinodessāmī’’ti tasmiṃ devarāje yakkhasamāgamaṃ gate tassa bhavanaṃ pavisitvā sirisayanaṃ āruhitvā chabbaṇṇaraṃsiyo muñcanto yugandharapabbate saradasamaye sūriyo viya nisīdi. Tassa parivāraparicārikā devatāyo mālāgandhavilepanādīhi dasabalaṃ pūjetvā parivāretvā aṭṭhaṃsu.

    สุทสฺสโนปิ เทวราชา ยกฺขสมาคมโต อาคจฺฉโนฺต อตฺตโน ภวนโต ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิจฺฉรเนฺต ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อเญฺญสุ ปน ทิวเสสุ มม ภวนสฺส เอทิสี อเนกรํสิชาลสมุชฺชลวิภูติ น ทิฎฺฐปุพฺพาฯ โก นุ โข อิธ ปวิโฎฺฐ เทโว วา มนุโสฺส วา’’ติ โอโลเกโนฺต อุทยคิริสิขรมตฺถเก สรทสมยทิวสกรมิว ฉพฺพณฺณรํสิชาเลน อภิชฺชลนฺตํ นิสินฺนํ ภควนฺตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ มุณฺฑกสมโณ มม ปริวาเรน ปริชเนน ปริวุโต วรสยเน นิสิโนฺน’’ติ โกธาภิภูตมานโส – ‘‘หนฺทาหํ อิมสฺส อตฺตโน พลํ ทเสฺสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา สกลํ ตํ ปพฺพตํ เอกชาลมกาสิฯ ‘‘อิมินา อคฺคิชาเลน ฉาริกาภูโต มุณฺฑกสมโณ’’ติ โอโลเกโนฺต อเนกรํสิชาลวิสรวิปฺผุริตวรสรีรํ ปสนฺนวทนวณฺณโสภํ วิปฺปสนฺนจฺฉวิราคํ ทสพลมภิชฺชลนฺตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ สมโณ อคฺคิทาหํ สหติ, หนฺทาหํ อิมํ สมณํ อุทโกเฆน โอสาเทตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อติคมฺภีรํ อุทโกฆํ วิมานาภิมุขํ ปวเตฺตสิฯ

    Sudassanopi devarājā yakkhasamāgamato āgacchanto attano bhavanato chabbaṇṇarasmiyo niccharante disvā cintesi – ‘‘aññesu pana divasesu mama bhavanassa edisī anekaraṃsijālasamujjalavibhūti na diṭṭhapubbā. Ko nu kho idha paviṭṭho devo vā manusso vā’’ti olokento udayagirisikharamatthake saradasamayadivasakaramiva chabbaṇṇaraṃsijālena abhijjalantaṃ nisinnaṃ bhagavantaṃ disvā cintesi – ‘‘ayaṃ muṇḍakasamaṇo mama parivārena parijanena parivuto varasayane nisinno’’ti kodhābhibhūtamānaso – ‘‘handāhaṃ imassa attano balaṃ dassessāmī’’ti cintetvā sakalaṃ taṃ pabbataṃ ekajālamakāsi. ‘‘Iminā aggijālena chārikābhūto muṇḍakasamaṇo’’ti olokento anekaraṃsijālavisaravipphuritavarasarīraṃ pasannavadanavaṇṇasobhaṃ vippasannacchavirāgaṃ dasabalamabhijjalantaṃ disvā cintesi – ‘‘ayaṃ samaṇo aggidāhaṃ sahati, handāhaṃ imaṃ samaṇaṃ udakoghena osādetvā māressāmī’’ti atigambhīraṃ udakoghaṃ vimānābhimukhaṃ pavattesi.

    ตโต อุทโกเฆน ปุเณฺณ ตสฺมิํ วิมาเน นิสินฺนสฺส ตสฺส ภควโต จีวเร อํสุมตฺตํ วา สรีเร โลมมตฺตํ วา น เตมิตฺถฯ ตโต สุทสฺสโน เทวราชา – ‘‘อิมินา สมโณ นิรสฺสาโส มโต ภวิสฺสตี’’ติ มนฺตฺวา อุทกํ สงฺขิปิตฺวา โอโลเกโนฺต ภควนฺตํ อสิตชลธรวิวรคตํ สรทสมยรชนิกรมิว วิวิธรํสิชาลวิสเรน วิโรจมานํ สกปริสปริวุตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อตฺตโน มกฺขํ อสหมาโน – ‘‘หนฺท มาเรสฺสามิ น’’นฺติ โกเธน นววิธอาวุธวสฺสํ วเสฺสสิฯ อถสฺส ภควโต อานุภาเวน สพฺพาวุธานิ นานาวิธปรมรุจิรทสฺสนา สุรภิกุสุมมาลา หุตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล นิปติํสุฯ

    Tato udakoghena puṇṇe tasmiṃ vimāne nisinnassa tassa bhagavato cīvare aṃsumattaṃ vā sarīre lomamattaṃ vā na temittha. Tato sudassano devarājā – ‘‘iminā samaṇo nirassāso mato bhavissatī’’ti mantvā udakaṃ saṅkhipitvā olokento bhagavantaṃ asitajaladharavivaragataṃ saradasamayarajanikaramiva vividharaṃsijālavisarena virocamānaṃ sakaparisaparivutaṃ nisinnaṃ disvā attano makkhaṃ asahamāno – ‘‘handa māressāmi na’’nti kodhena navavidhaāvudhavassaṃ vassesi. Athassa bhagavato ānubhāvena sabbāvudhāni nānāvidhaparamaruciradassanā surabhikusumamālā hutvā dasabalassa pādamūle nipatiṃsu.

    ตโต ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา สุทสฺสโน เทวราชา ปรมกุปิตมานโส ภควนฺตํ อุโภหิ หเตฺถหิ ปาเทสุ คเหตฺวา อตฺตโน ภวนโต นีหริตุกาโม อุกฺขิปิตฺวา มหาสมุทฺทํ อติกฺกมิตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตํ คนฺตฺวา – ‘‘กิํ นุ โข สมโณ ชีวติ วา มโต วา’’ติ โอโลเกโนฺต ตสฺมิํเยว อาสเน นิสินฺนํ ทิสฺวา – ‘‘อโห มหานุภาโว อยํ สมโณ, นาหํ อิมํ สมณํ อิโต นิกฺกฑฺฒิตุํ สโกฺกมิฯ ยทิ หิ มํ โกจิ ชานิสฺสติ, อนปฺปโก เม อยโส ภวิสฺสติฯ ยาวิมํ โกจิ น ปสฺสติ, ตาว นํ วิสฺสเชฺชตฺวา คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ

    Tato taṃ acchariyaṃ disvā sudassano devarājā paramakupitamānaso bhagavantaṃ ubhohi hatthehi pādesu gahetvā attano bhavanato nīharitukāmo ukkhipitvā mahāsamuddaṃ atikkamitvā cakkavāḷapabbataṃ gantvā – ‘‘kiṃ nu kho samaṇo jīvati vā mato vā’’ti olokento tasmiṃyeva āsane nisinnaṃ disvā – ‘‘aho mahānubhāvo ayaṃ samaṇo, nāhaṃ imaṃ samaṇaṃ ito nikkaḍḍhituṃ sakkomi. Yadi hi maṃ koci jānissati, anappako me ayaso bhavissati. Yāvimaṃ koci na passati, tāva naṃ vissajjetvā gamissāmī’’ti cintesi.

    อถ ทสพโล ตสฺส จิตฺตาจารํ ญตฺวา ตถา อธิฎฺฐาสิ, ยถา นํ สเพฺพ เทวมนุสฺสา ปสฺสนฺติฯ ตสฺมิญฺจ ทิวเส สกลชมฺพุทีเป เอกสตราชาโน ตเสฺสว อุปหารทานตฺถาย สนฺนิปติํสุฯ เต ภควโต ปาเท คเหตฺวา นิสินฺนํ สุทสฺสนํ เทวราชานํ นรราชาโน ทิสฺวา – ‘‘อมฺหากํ เทวราชา มุนิราชสฺส ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน ปาทปริจริยํ กโรติ, อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, อโห พุทฺธคุณา วิสิฎฺฐา’’ติ ภควติ, ปสนฺนจิตฺตา สเพฺพ ภควนฺตํ นมสฺสมานา สิรสฺมิํ อญฺชลิํ กตฺวา อฎฺฐํสุฯ ตตฺถ ปิยทสฺสี ภควา ตํ สุทสฺสนํ เทวราชานํ ปมุขํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสิฯ ตทา เทวมนุสฺสานํ นวุติโกฎิสหสฺสานิ อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ โส ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ

    Atha dasabalo tassa cittācāraṃ ñatvā tathā adhiṭṭhāsi, yathā naṃ sabbe devamanussā passanti. Tasmiñca divase sakalajambudīpe ekasatarājāno tasseva upahāradānatthāya sannipatiṃsu. Te bhagavato pāde gahetvā nisinnaṃ sudassanaṃ devarājānaṃ nararājāno disvā – ‘‘amhākaṃ devarājā munirājassa piyadassissa satthuno pādaparicariyaṃ karoti, aho buddhā nāma acchariyā, aho buddhaguṇā visiṭṭhā’’ti bhagavati, pasannacittā sabbe bhagavantaṃ namassamānā sirasmiṃ añjaliṃ katvā aṭṭhaṃsu. Tattha piyadassī bhagavā taṃ sudassanaṃ devarājānaṃ pamukhaṃ katvā dhammaṃ desesi. Tadā devamanussānaṃ navutikoṭisahassāni arahattaṃ pāpuṇiṃsu. So dutiyo abhisamayo ahosi.

    ยทา ปน นวโยชนปฺปมาเณ กุมุทนคเร พุทฺธปจฺจตฺถิโก เทวทโตฺต วิย โสณเตฺถโร นาม มหาปทุมกุมาเรน สทฺธิํ มเนฺตตฺวา ตสฺส ปิตรํ ฆาเตตฺวา ปุน ปิยทสฺสีพุทฺธสฺส วธาย นานปฺปการํ ปโยคํ กตฺวาปิ ฆาเตตุํ อสโกฺกโนฺต โส โทณมุขนาคราชาโรหํ ปโกฺกสาเปตฺวา ตํ ปโลเภตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘‘ยทา ปนายํ สมโณ ปิยทสฺสี อิมํ นครํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, ตทา โทณมุขํ นาม คชวรํ วิสฺสเชฺชตฺวา ปิยทสฺสีสมณํ มาเรหี’’ติฯ

    Yadā pana navayojanappamāṇe kumudanagare buddhapaccatthiko devadatto viya soṇatthero nāma mahāpadumakumārena saddhiṃ mantetvā tassa pitaraṃ ghātetvā puna piyadassībuddhassa vadhāya nānappakāraṃ payogaṃ katvāpi ghātetuṃ asakkonto so doṇamukhanāgarājārohaṃ pakkosāpetvā taṃ palobhetvā tamatthaṃ ārocesi – ‘‘yadā panāyaṃ samaṇo piyadassī imaṃ nagaraṃ piṇḍāya pavisati, tadā doṇamukhaṃ nāma gajavaraṃ vissajjetvā piyadassīsamaṇaṃ mārehī’’ti.

    อถ โส อาโรโห หิตาหิตวิจารณรหิโต ราชวลฺลโภ – ‘‘อยํ สมโณ ฐานนฺตราปิ มํ จาเวยฺยา’’ติ มนฺตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ทุติยทิวเส ทสพลสฺส นครปฺปเวสนสมยํ สลฺลเกฺขตฺวา สุชาตมตฺถกปิณฺฑกุมฺภนลาฎํ ธนุสทิสทีฆสุณฺฑตฎํ สุวิปุลมุทุกณฺณํ มธุปิงฺคลนยนํ สุนฺทรกฺขนฺธาสนํ อนุวฎฺฎฆนชฆนํ นิจิตคูฬฺหชาณุอนฺตรํ อีสาสทิสรุจิรทนฺตํ สุวาลธิํ อปจิตเมจกํ สพฺพลกฺขณสมฺปนฺนํ อสิตชลธรสทิสจารุทสฺสนํ สีหวิกฺกนฺตลลิตคามินํ ชงฺคมมิว ธราธรํ สตฺตปฺปติฎฺฐํ สตฺตธา ปภินฺนํ สพฺพโส วิสฺสวนฺตํ วิคฺคหวนฺตมิว อนฺตกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิณฺฑกพฬญฺชนธูปเลปาทิวิเสเสหิ ภิโยฺยปิ มตฺตปฺปมตฺตํ กตฺวา อริวารณวารณํ เอราวณวารณมิว อริชนวารณํ มุนิวารณํ มารณตฺถาย เปเสสิฯ อถ โส ทฺวิรทวโร มุตฺตมโตฺตว คชมหิํสตุรงฺคนรนาริโย หนฺตฺวา หตรุธิรปริรญฺชิตสทนฺตกรสรีโร อนฺตชาลปริโยนทฺธนยโน สกฎกวาฎกูฎาคารทฺวารโตรณาทีนิ ภญฺชิตฺวา กาก-กุลล-คิชฺฌาทีหิ อนุปริยายมาโน หตมหิํสนรตุรงฺคทิรทาทีนํ องฺคานิ อาลุมฺปิตฺวา มนุสฺสภโกฺข ยโกฺข วิย ภกฺขยโนฺต ทูรโตว ทสพลํ สิสฺสคณปริวุตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อนิลครุฬสทิสเวโค เวเคน ภควนฺตมภิคญฺฉิฯ

    Atha so āroho hitāhitavicāraṇarahito rājavallabho – ‘‘ayaṃ samaṇo ṭhānantarāpi maṃ cāveyyā’’ti mantvā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā dutiyadivase dasabalassa nagarappavesanasamayaṃ sallakkhetvā sujātamatthakapiṇḍakumbhanalāṭaṃ dhanusadisadīghasuṇḍataṭaṃ suvipulamudukaṇṇaṃ madhupiṅgalanayanaṃ sundarakkhandhāsanaṃ anuvaṭṭaghanajaghanaṃ nicitagūḷhajāṇuantaraṃ īsāsadisaruciradantaṃ suvāladhiṃ apacitamecakaṃ sabbalakkhaṇasampannaṃ asitajaladharasadisacārudassanaṃ sīhavikkantalalitagāminaṃ jaṅgamamiva dharādharaṃ sattappatiṭṭhaṃ sattadhā pabhinnaṃ sabbaso vissavantaṃ viggahavantamiva antakaṃ upasaṅkamitvā piṇḍakabaḷañjanadhūpalepādivisesehi bhiyyopi mattappamattaṃ katvā arivāraṇavāraṇaṃ erāvaṇavāraṇamiva arijanavāraṇaṃ munivāraṇaṃ māraṇatthāya pesesi. Atha so dviradavaro muttamattova gajamahiṃsaturaṅganaranāriyo hantvā hatarudhiraparirañjitasadantakarasarīro antajālapariyonaddhanayano sakaṭakavāṭakūṭāgāradvāratoraṇādīni bhañjitvā kāka-kulala-gijjhādīhi anupariyāyamāno hatamahiṃsanaraturaṅgadiradādīnaṃ aṅgāni ālumpitvā manussabhakkho yakkho viya bhakkhayanto dūratova dasabalaṃ sissagaṇaparivutaṃ āgacchantaṃ disvā anilagaruḷasadisavego vegena bhagavantamabhigañchi.

    อถ ปุรวาสิโน ปน ชนา ภยสนฺตาปปริปูริตมานสา ปาสาทปาการจยตรูปคตา ตถาคตาภิมุขมภิธาวนฺตํ ทิสฺวา หาหาการสทฺทมกํสุฯ เกจิ ปน อุปาสกา ตํ นานปฺปกาเรหิ นเยหิ นิวารยิตุมารภิํสุฯ อถ โส พุทฺธนาโค หตฺถินาคมายนฺตโมโลเกตฺวา กรุณาวิปฺผารสีตลหทโย เมตฺตาย ตํ ผริฯ ตโต โส หตฺถินาโค เมตฺตาผรเณน มุทุกตหทยสนฺตาโน อตฺตโน โทสาปราธํ ญตฺวา ลชฺชาย ภควโต ปุรโต ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ปถวิยํ ปวิสโนฺต วิย สิรสา ภควโต ปาเทสุ นิปติฯ เอวํ นิปโนฺน ปน โส ติมิรนิกรสทิสสรีโร สญฺฉาปฺปภานุรญฺชิตวรกนกคิริสิขรสมีปมุปคโต อสิตสลิลธรนิกโร วิย วิโรจิตฺถฯ

    Atha puravāsino pana janā bhayasantāpaparipūritamānasā pāsādapākāracayatarūpagatā tathāgatābhimukhamabhidhāvantaṃ disvā hāhākārasaddamakaṃsu. Keci pana upāsakā taṃ nānappakārehi nayehi nivārayitumārabhiṃsu. Atha so buddhanāgo hatthināgamāyantamoloketvā karuṇāvipphārasītalahadayo mettāya taṃ phari. Tato so hatthināgo mettāpharaṇena mudukatahadayasantāno attano dosāparādhaṃ ñatvā lajjāya bhagavato purato ṭhātuṃ asakkonto pathaviyaṃ pavisanto viya sirasā bhagavato pādesu nipati. Evaṃ nipanno pana so timiranikarasadisasarīro sañchāppabhānurañjitavarakanakagirisikharasamīpamupagato asitasaliladharanikaro viya virocittha.

    อเถวํ มุนิราชปาทมูเล กริราชานํ สิรสา นิปตนฺตํ ทิสฺวา นาครชนา ปรมปีติปูริตหทยา สาธุการสีหนาทํ อุกฺกุฎฺฐิสทฺทํ ปวตฺตยิํสุฯ สุรภิกุสุมมาลาจนฺทนคนฺธจุณฺณาลงฺการาทีหิ ตํ อเนกปฺปการํ ปูเชสุํฯ สมนฺตโต เจลุเกฺขปา ปวตฺติํสุฯ คคนตเล สุรทุนฺทุภิโย อภินทิํสุฯ อถ ภควา ตมสิตคิริสิขรมิว ปาทมูเล นิปนฺนํ ทิรทวรํ โอโลเกตฺวา องฺกุสธชชาลสงฺขจกฺกาลงฺกเตน กรตเลน คชวรมตฺถกํ ปรามสิตฺวา ตสฺส จิตฺตาจารานุกูลาย ธมฺมเทสนาย ตํ อนุสาสิ –

    Athevaṃ munirājapādamūle karirājānaṃ sirasā nipatantaṃ disvā nāgarajanā paramapītipūritahadayā sādhukārasīhanādaṃ ukkuṭṭhisaddaṃ pavattayiṃsu. Surabhikusumamālācandanagandhacuṇṇālaṅkārādīhi taṃ anekappakāraṃ pūjesuṃ. Samantato celukkhepā pavattiṃsu. Gaganatale suradundubhiyo abhinadiṃsu. Atha bhagavā tamasitagirisikharamiva pādamūle nipannaṃ diradavaraṃ oloketvā aṅkusadhajajālasaṅkhacakkālaṅkatena karatalena gajavaramatthakaṃ parāmasitvā tassa cittācārānukūlāya dhammadesanāya taṃ anusāsi –

    ‘‘คชวร วทโต สุโณหิ วาจํ, มม หิตมตฺถยุตญฺจ ตํ ภชาหิ;

    ‘‘Gajavara vadato suṇohi vācaṃ, mama hitamatthayutañca taṃ bhajāhi;

    ตว วธนิรตํ ปทุฎฺฐภาวํ, อปนย สนฺตมุเปหิ จารุทนฺติฯ

    Tava vadhanirataṃ paduṭṭhabhāvaṃ, apanaya santamupehi cārudanti.

    ‘‘โลเภน โทเสน จ โมหโต วา, โย ปาณิโน หิํสติ วารณินฺท;

    ‘‘Lobhena dosena ca mohato vā, yo pāṇino hiṃsati vāraṇinda;

    โส ปาณฆาตี สุจิรมฺปิ กาลํ, ทุกฺขํ สุโฆรํ นรเกนุโภติฯ

    So pāṇaghātī sucirampi kālaṃ, dukkhaṃ sughoraṃ narakenubhoti.

    ‘‘มากาสิ มาตงฺค ปุเนวรูปํ, กมฺมํ ปมาเทน มเทน วาปิ;

    ‘‘Mākāsi mātaṅga punevarūpaṃ, kammaṃ pamādena madena vāpi;

    อวีจิยํ ทุกฺขมสยฺห กปฺปํ, ปโปฺปติ ปาณํ อติปาตยโนฺตฯ

    Avīciyaṃ dukkhamasayha kappaṃ, pappoti pāṇaṃ atipātayanto.

    ‘‘ทุกฺขํ สุโฆรํ นรเกนุโภตฺวา, มนุสฺสโลกํ ยทิ ยาติ ภิโยฺย;

    ‘‘Dukkhaṃ sughoraṃ narakenubhotvā, manussalokaṃ yadi yāti bhiyyo;

    อปฺปายุโก โหติ วิรูปรูโป, วิหิํสโก ทุกฺขวิเสสภาคีฯ

    Appāyuko hoti virūparūpo, vihiṃsako dukkhavisesabhāgī.

    ‘‘ยถา จ ปาณา ปรมํ ปิยา เต, มหาชเน กุญฺชร มนฺทนาค;

    ‘‘Yathā ca pāṇā paramaṃ piyā te, mahājane kuñjara mandanāga;

    ตถา ปรสฺสาปิ ปิยาติ ญตฺวา, ปาณาติปาโต ปริวชฺชนีโยฯ

    Tathā parassāpi piyāti ñatvā, pāṇātipāto parivajjanīyo.

    ‘‘โทเส จ หิํสานิรเต วิทิตฺวา, ปาณาติปาตา วิรเต คุเณ จ;

    ‘‘Dose ca hiṃsānirate viditvā, pāṇātipātā virate guṇe ca;

    ปาณาติปาตํ ปริวชฺชย ตฺวํ, สเคฺค สุขํ อิจฺฉสิ เจ ปรตฺถฯ

    Pāṇātipātaṃ parivajjaya tvaṃ, sagge sukhaṃ icchasi ce parattha.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรโต สุทโนฺต, ปิโย มนาโป ภวตีธ โลเก;

    ‘‘Pāṇātipātā virato sudanto, piyo manāpo bhavatīdha loke;

    กายสฺส เภทา จ ปรํ ปนสฺส, สคฺคาธิวาสํ กถยนฺติ พุทฺธาฯ

    Kāyassa bhedā ca paraṃ panassa, saggādhivāsaṃ kathayanti buddhā.

    ‘‘ทุกฺขาคมํ นิจฺฉติ โกจิ โลเก, สโพฺพปิ ชาโต สุขเมสเตว;

    ‘‘Dukkhāgamaṃ nicchati koci loke, sabbopi jāto sukhamesateva;

    ตสฺมา มหานาค วิหาย หิํสํ, ภาเวหิ เมตฺตํ กรุณญฺจ กาเล’’ติฯ

    Tasmā mahānāga vihāya hiṃsaṃ, bhāvehi mettaṃ karuṇañca kāle’’ti.

    อเถวํ ทสพเลนานุสาสิยมาโน ทนฺติวโร สญฺญํ ปฎิลภิตฺวา ปรมวินีโต วินยาจารสมฺปโนฺน สิโสฺส วิย อโหสิฯ เอวํ โส ปิยทสฺสี ภควา อมฺหากํ สตฺถา วิย ธนปาลํ โทณมุขํ กริวรํ ทมิตฺวา ตตฺถ มหาชนสมาคเม ธมฺมํ เทเสสิฯ ตทา อสีติโกฎิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athevaṃ dasabalenānusāsiyamāno dantivaro saññaṃ paṭilabhitvā paramavinīto vinayācārasampanno sisso viya ahosi. Evaṃ so piyadassī bhagavā amhākaṃ satthā viya dhanapālaṃ doṇamukhaṃ karivaraṃ damitvā tattha mahājanasamāgame dhammaṃ desesi. Tadā asītikoṭisahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘สุชาตสฺส อปเรน, สยมฺภู โลกนายโก;

    ‘‘Sujātassa aparena, sayambhū lokanāyako;

    ทุราสโท อสมสโม, ปิยทสฺสี มหายโสฯ

    Durāsado asamasamo, piyadassī mahāyaso.

    .

    2.

    ‘‘โสปิ พุโทฺธ อมิตยโส, อาทิโจฺจว วิโรจติ;

    ‘‘Sopi buddho amitayaso, ādiccova virocati;

    สพฺพํ ตมํ นิหนฺตฺวาน, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิฯ

    Sabbaṃ tamaṃ nihantvāna, dhammacakkaṃ pavattayi.

    .

    3.

    ‘‘ตสฺสาปิ อตุลเตชสฺส, อเหสุํ อภิสมยา ตโย;

    ‘‘Tassāpi atulatejassa, ahesuṃ abhisamayā tayo;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหุฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahu.

    .

    4.

    ‘‘สุทสฺสโน เทวราชา, มิจฺฉาทิฎฺฐิมโรจยิ;

    ‘‘Sudassano devarājā, micchādiṭṭhimarocayi;

    ตสฺส ทิฎฺฐิํ วิโนเทโนฺต, สตฺถา ธมฺมมเทสยิฯ

    Tassa diṭṭhiṃ vinodento, satthā dhammamadesayi.

    .

    5.

    ‘‘ชนสนฺนิปาโต อตุโล, มหาสนฺนิปตี ตทา;

    ‘‘Janasannipāto atulo, mahāsannipatī tadā;

    นวุติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุฯ

    Navutikoṭisahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahu.

    .

    6.

    ‘‘ยทา โทณมุขํ หตฺถิํ, วิเนสิ นรสารถิ;

    ‘‘Yadā doṇamukhaṃ hatthiṃ, vinesi narasārathi;

    อสีติโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Asītikoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.

    สุมงฺคลนคเร ปาลิโต นาม ราชปุโตฺต จ ปุโรหิตปุโตฺต สพฺพทสฺสิกุมาโร จาติ เทฺว สหายกา อเหสุํฯ เต ปิยทสฺสิมฺหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธ จาริกํ จรเนฺต ‘‘อตฺตโน นครํ สมฺปโตฺต’’ติ สุตฺวา โกฎิสตสหสฺสปริวารา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภควโต ภตฺตานุโมทนาวสาเน โกฎิสตสหเสฺสหิ สทฺธิํ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ เตสํ ปน มเชฺฌ ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ อถาปเรน สมเยน สุทสฺสนเทวราชสฺส สมาคเม นวุติโกฎิโย อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ เตหิ ปริวุโต สตฺถา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ ปุน โทณมุขวินยเน อสีติโกฎิโย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ เตสํ มเชฺฌ ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Sumaṅgalanagare pālito nāma rājaputto ca purohitaputto sabbadassikumāro cāti dve sahāyakā ahesuṃ. Te piyadassimhi sammāsambuddhe cārikaṃ carante ‘‘attano nagaraṃ sampatto’’ti sutvā koṭisatasahassaparivārā paccuggamanaṃ katvā tassa dhammaṃ sutvā sattāhaṃ mahādānaṃ datvā sattame divase bhagavato bhattānumodanāvasāne koṭisatasahassehi saddhiṃ pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Tesaṃ pana majjhe bhagavā pātimokkhaṃ uddisi, so paṭhamo sannipāto ahosi. Athāparena samayena sudassanadevarājassa samāgame navutikoṭiyo arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Tehi parivuto satthā pātimokkhaṃ uddisi, ayaṃ dutiyo sannipāto ahosi. Puna doṇamukhavinayane asītikoṭiyo pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Tesaṃ majjhe bhagavā pātimokkhaṃ uddisi, ayaṃ tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    7.

    ‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ตสฺสาปิ ปิยทสฺสิโน;

    ‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, tassāpi piyadassino;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโมฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo.

    .

    8.

    ‘‘ตโต ปรํ นวุติโกฎี, สมิํสุ เอกโต มุนี;

    ‘‘Tato paraṃ navutikoṭī, samiṃsu ekato munī;

    ตติเย สนฺนิปาตมฺหิ, อสีติโกฎิโย อหู’’ติฯ

    Tatiye sannipātamhi, asītikoṭiyo ahū’’ti.

    ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต กสฺสโป นาม พฺราหฺมณมาณโว อิติหาสปญฺจมานํ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โกฎิสตสหสฺสปริจฺจาเคน ปรมารามํ สงฺฆารามํ กาเรตฺวา สรเณสุ จ ปญฺจสีเลสุ จ ปติฎฺฐาสิฯ อถ นํ สตฺถา – ‘‘อิโต อฎฺฐารสกปฺปสตจฺจเยน โคตโม นาม พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tadā amhākaṃ bodhisatto kassapo nāma brāhmaṇamāṇavo itihāsapañcamānaṃ tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū hutvā satthu dhammadesanaṃ sutvā koṭisatasahassapariccāgena paramārāmaṃ saṅghārāmaṃ kāretvā saraṇesu ca pañcasīlesu ca patiṭṭhāsi. Atha naṃ satthā – ‘‘ito aṭṭhārasakappasataccayena gotamo nāma buddho loke bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –

    .

    9.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, กสฺสโป นาม พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, kassapo nāma brāhmaṇo;

    อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคูฯ

    Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū.

    ๑๐.

    10.

    ‘‘ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ปสาทํ ชนยิํ อหํ;

    ‘‘Tassa dhammaṃ suṇitvāna, pasādaṃ janayiṃ ahaṃ;

    โกฎิสตสหเสฺสหิ, สงฺฆารามํ อมาปยิํฯ

    Koṭisatasahassehi, saṅghārāmaṃ amāpayiṃ.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘ตสฺส ทตฺวาน อารามํ, หโฎฺฐ สํวิคฺคมานโส;

    ‘‘Tassa datvāna ārāmaṃ, haṭṭho saṃviggamānaso;

    สรเณ ปญฺจสีเล จ, ทฬหํ กตฺวา สมาทิยิํฯ

    Saraṇe pañcasīle ca, daḷahaṃ katvā samādiyiṃ.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, สงฺฆมเชฺฌ นิสีทิย;

    ‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, saṅghamajjhe nisīdiya;

    อฎฺฐารเส กปฺปสเต, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Aṭṭhārase kappasate, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    ‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;

    ‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;

    อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ

    Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.

    ตตฺถ สรเณ ปญฺจสีเล จาติ ตีณิ สรณานิ ปญฺจ สีลานิ จาติ อโตฺถฯ อฎฺฐารเส กปฺปสเตติ อิโต อฎฺฐสตาธิกสฺส กปฺปสหสฺสสฺส อจฺจเยนาติ อโตฺถฯ

    Tattha saraṇe pañcasīle cāti tīṇi saraṇāni pañca sīlāni cāti attho. Aṭṭhārase kappasateti ito aṭṭhasatādhikassa kappasahassassa accayenāti attho.

    ตสฺส ปน ภควโต สุธญฺญํ นาม นครํ อโหสิฯ ปิตา สุทโตฺต นาม ราชา, มาตา สุจนฺทา นาม เทวี, ปาลิโต จ สพฺพทสฺสี จ เทฺว อคฺคสาวกา, โสภิโต นามุปฎฺฐาโก, สุชาตา จ ธมฺมทินฺนา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, กกุธรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายุ, วิมลา นามสฺส อคฺคมเหสี อโหสิ, กญฺจนาเวโฬ นาม ปุโตฺต, โส อาชญฺญรเถน นิกฺขมีติฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana bhagavato sudhaññaṃ nāma nagaraṃ ahosi. Pitā sudatto nāma rājā, mātā sucandā nāma devī, pālito ca sabbadassī ca dve aggasāvakā, sobhito nāmupaṭṭhāko, sujātā ca dhammadinnā ca dve aggasāvikā, kakudharukkho bodhi, sarīraṃ asītihatthubbedhaṃ ahosi, navutivassasahassāni āyu, vimalā nāmassa aggamahesī ahosi, kañcanāveḷo nāma putto, so ājaññarathena nikkhamīti. Tena vuttaṃ –

    ๑๕.

    15.

    ‘‘สุธญฺญํ นาม นครํ, สุทโตฺต นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Sudhaññaṃ nāma nagaraṃ, sudatto nāma khattiyo;

    จนฺทา นามาสิ ชนิกา, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโนฯ

    Candā nāmāsi janikā, piyadassissa satthuno.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘ปาลิโต สพฺพทสฺสี จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Pālito sabbadassī ca, ahesuṃ aggasāvakā;

    โสภิโต นามุปฎฺฐาโก, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโนฯ

    Sobhito nāmupaṭṭhāko, piyadassissa satthuno.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘สุชาตา ธมฺมทินฺนา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Sujātā dhammadinnā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, กกุโธติ ปวุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, kakudhoti pavuccati.

    ๒๓.

    23.

    ‘‘โสปิ พุโทฺธ อมิตยโส, ทฺวตฺติํสวรลกฺขโณ;

    ‘‘Sopi buddho amitayaso, dvattiṃsavaralakkhaṇo;

    อสีติหตฺถมุเพฺพโธ, สาลราชาว ทิสฺสติฯ

    Asītihatthamubbedho, sālarājāva dissati.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘อคฺคิจนฺทสูริยานํ, นตฺถิ ตาทิสิกา ปภา;

    ‘‘Aggicandasūriyānaṃ, natthi tādisikā pabhā;

    ยถา อหุ ปภา ตสฺส, อสมสฺส มเหสิโนฯ

    Yathā ahu pabhā tassa, asamassa mahesino.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘ตสฺสาปิ เทวเทวสฺส, อายุ ตาวตกํ อหุ;

    ‘‘Tassāpi devadevassa, āyu tāvatakaṃ ahu;

    นวุติวสฺสสหสฺสานิ, โลเก อฎฺฐาสิ จกฺขุมาฯ

    Navutivassasahassāni, loke aṭṭhāsi cakkhumā.

    ๒๖.

    26.

    ‘‘โสปิ พุโทฺธ อสมสโม, ยุคานิปิ ตานิ อตุลิยานิ;

    ‘‘Sopi buddho asamasamo, yugānipi tāni atuliyāni;

    สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ

    Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.

    ตตฺถ สาลราชา วาติ สพฺพผาลิผุโลฺล ปรมรมณียทสฺสโน สมวฎฺฎกฺขโนฺธ สาลราชา วิย ทิสฺสติฯ ยุคานิปิ ตานีติ อคฺคสาวกยุคาทีนิ ยุคฬานิฯ เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha sālarājā vāti sabbaphāliphullo paramaramaṇīyadassano samavaṭṭakkhandho sālarājā viya dissati. Yugānipi tānīti aggasāvakayugādīni yugaḷāni. Sesagāthāsu sabbattha uttānamevāti.

    ปิยทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Piyadassībuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต เตรสโม พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito terasamo buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๕. ปิยทสฺสีพุทฺธวํโส • 15. Piyadassībuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact