Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๗. ปิยชาติกสุตฺตํ
7. Piyajātikasuttaṃ
๓๕๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส คหปติสฺส เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโต โหติฯ ตสฺส กาลํกิริยาย เนว กมฺมนฺตา ปฎิภนฺติ น ภตฺตํ ปฎิภาติฯ โส อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทติ – ‘‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’ติ! อถ โข โส คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ คหปติํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘น โข เต, คหปติ, สเก จิเตฺต ฐิตสฺส อินฺทฺริยานิ, อตฺถิ เต อินฺทฺริยานํ อญฺญถตฺต’’นฺติฯ ‘‘กิญฺหิ เม, ภเนฺต, อินฺทฺริยานํ นาญฺญถตฺตํ ภวิสฺสติ; มยฺหญฺหิ, ภเนฺต, เอกปุโตฺต ปิโย มนาโป กาลงฺกโตฯ ตสฺส กาลํกิริยาย เนว กมฺมนฺตา ปฎิภนฺติ, น ภตฺตํ ปฎิภาติฯ โสหํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทามิ – ‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’’ติ! ‘‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ 1! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’ติฯ ‘‘กสฺส โข 2 นาเมตํ, ภเนฺต, เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ? ปิยชาติกา หิ โข, ภเนฺต, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’’ติฯ อถ โข โส คหปติ ภควโต ภาสิตํ อนภินนฺทิตฺวา ปฎิโกฺกสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
353. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena aññatarassa gahapatissa ekaputtako piyo manāpo kālaṅkato hoti. Tassa kālaṃkiriyāya neva kammantā paṭibhanti na bhattaṃ paṭibhāti. So āḷāhanaṃ gantvā kandati – ‘‘kahaṃ, ekaputtaka, kahaṃ, ekaputtakā’’ti! Atha kho so gahapati yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho taṃ gahapatiṃ bhagavā etadavoca – ‘‘na kho te, gahapati, sake citte ṭhitassa indriyāni, atthi te indriyānaṃ aññathatta’’nti. ‘‘Kiñhi me, bhante, indriyānaṃ nāññathattaṃ bhavissati; mayhañhi, bhante, ekaputto piyo manāpo kālaṅkato. Tassa kālaṃkiriyāya neva kammantā paṭibhanti, na bhattaṃ paṭibhāti. Sohaṃ āḷāhanaṃ gantvā kandāmi – ‘kahaṃ, ekaputtaka, kahaṃ, ekaputtakā’’’ti! ‘‘Evametaṃ, gahapati, evametaṃ, gahapati 3! Piyajātikā hi, gahapati, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’’ti. ‘‘Kassa kho 4 nāmetaṃ, bhante, evaṃ bhavissati – ‘piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’ti? Piyajātikā hi kho, bhante, ānandasomanassā piyappabhavikā’’ti. Atha kho so gahapati bhagavato bhāsitaṃ anabhinanditvā paṭikkositvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
๓๕๔. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อกฺขธุตฺตา ภควโต อวิทูเร อเกฺขหิ ทิพฺพนฺติฯ อถ โข โส คหปติ เยน เต อกฺขธุตฺตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อกฺขธุเตฺต เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, โภโนฺต, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มํ, โภโนฺต, สมโณ โคตโม เอตทโวจ – ‘น โข เต, คหปติ, สเก จิเตฺต ฐิตสฺส อินฺทฺริยานิ, อตฺถิ เต อินฺทฺริยานํ อญฺญถตฺต’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, อหํ, โภโนฺต, สมณํ โคตมํ เอตทโวจํ – ‘กิญฺหิ เม, ภเนฺต, อินฺทฺริยานํ นาญฺญถตฺตํ ภวิสฺสติ; มยฺหญฺหิ, ภเนฺต, เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโตฯ ตสฺส กาลํกิริยาย เนว กมฺมนฺตา ปฎิภนฺติ, น ภตฺตํ ปฎิภาติ ฯ โสหํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทามิ – กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’ติ! ‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติฯ ‘กสฺส โข นาเมตํ, ภเนฺต, เอวํ ภวิสฺสติ – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา? ปิยชาติกา หิ โข, ภเนฺต, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’ติฯ อถ ขฺวาหํ, โภโนฺต, สมณสฺส โคตมสฺส ภาสิตํ อนภินนฺทิตฺวา ปฎิโกฺกสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิ’’นฺติฯ ‘‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ ฯ อถ โข โส คหปติ ‘‘สเมติ เม อกฺขธุเตฺตหี’’ติ ปกฺกามิฯ อถ โข อิทํ กถาวตฺถุ อนุปุเพฺพน ราชเนฺตปุรํ ปาวิสิฯ
354. Tena kho pana samayena sambahulā akkhadhuttā bhagavato avidūre akkhehi dibbanti. Atha kho so gahapati yena te akkhadhuttā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā akkhadhutte etadavoca – ‘‘idhāhaṃ, bhonto, yena samaṇo gotamo tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā samaṇaṃ gotamaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃ. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho maṃ, bhonto, samaṇo gotamo etadavoca – ‘na kho te, gahapati, sake citte ṭhitassa indriyāni, atthi te indriyānaṃ aññathatta’nti. Evaṃ vutte, ahaṃ, bhonto, samaṇaṃ gotamaṃ etadavocaṃ – ‘kiñhi me, bhante, indriyānaṃ nāññathattaṃ bhavissati; mayhañhi, bhante, ekaputtako piyo manāpo kālaṅkato. Tassa kālaṃkiriyāya neva kammantā paṭibhanti, na bhattaṃ paṭibhāti . Sohaṃ āḷāhanaṃ gantvā kandāmi – kahaṃ, ekaputtaka, kahaṃ, ekaputtakā’ti! ‘Evametaṃ, gahapati, evametaṃ, gahapati! Piyajātikā hi, gahapati, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’ti. ‘Kassa kho nāmetaṃ, bhante, evaṃ bhavissati – piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā? Piyajātikā hi kho, bhante, ānandasomanassā piyappabhavikā’ti. Atha khvāhaṃ, bhonto, samaṇassa gotamassa bhāsitaṃ anabhinanditvā paṭikkositvā uṭṭhāyāsanā pakkami’’nti. ‘‘Evametaṃ, gahapati, evametaṃ, gahapati! Piyajātikā hi, gahapati, ānandasomanassā piyappabhavikā’’ti . Atha kho so gahapati ‘‘sameti me akkhadhuttehī’’ti pakkāmi. Atha kho idaṃ kathāvatthu anupubbena rājantepuraṃ pāvisi.
๓๕๕. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล มลฺลิกํ เทวิํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิทํ เต, มลฺลิเก, สมเณน โคตเมน ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติฯ ‘‘สเจตํ, มหาราช, ภควตา ภาสิตํ, เอวเมต’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว ปนายํ มลฺลิกา ยญฺญเทว สมโณ โคตโม ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทติ’’ฯ ‘‘สเจตํ, มหาราช, ภควตา ภาสิตํ เอวเมตนฺติฯ เสยฺยถาปิ นาม, ยญฺญเทว อาจริโย อเนฺตวาสิสฺส ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อเนฺตวาสี อพฺภนุโมทติ – ‘เอวเมตํ, อาจริย, เอวเมตํ, อาจริยา’’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, มลฺลิเก, ยญฺญเทว สมโณ โคตโม ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทสิ’’ฯ ‘‘สเจตํ, มหาราช , ภควตา ภาสิตํ เอวเมต’’นฺติฯ ‘‘จรปิ, เร มลฺลิเก, วินสฺสา’’ติฯ อถ โข มลฺลิกา เทวี นาฬิชงฺฆํ พฺราหฺมณํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘มลฺลิกา, ภเนฺต, เทวี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติฯ เอวญฺจ วเทหิ – ‘ภาสิตา นุ โข, ภเนฺต, ภควตา เอสา วาจา – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ ฯ ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตํ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา มม อาโรเจยฺยาสิฯ น หิ ตถาคตา วิตถํ ภณนฺตี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภตี’’ติ โข นาฬิชโงฺฆ พฺราหฺมโณ มลฺลิกาย เทวิยา ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข นาฬิชโงฺฆ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มลฺลิกา, โภ โคตม, เทวี โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ; อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวญฺจ วเทติ – ‘ภาสิตา นุ โข, ภเนฺต, ภควตา เอสา วาจา – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติฯ
355. Atha kho rājā pasenadi kosalo mallikaṃ deviṃ āmantesi – ‘‘idaṃ te, mallike, samaṇena gotamena bhāsitaṃ – ‘piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’’’ti. ‘‘Sacetaṃ, mahārāja, bhagavatā bhāsitaṃ, evameta’’nti. ‘‘Evameva panāyaṃ mallikā yaññadeva samaṇo gotamo bhāsati taṃ tadevassa abbhanumodati’’. ‘‘Sacetaṃ, mahārāja, bhagavatā bhāsitaṃ evametanti. Seyyathāpi nāma, yaññadeva ācariyo antevāsissa bhāsati taṃ tadevassa antevāsī abbhanumodati – ‘evametaṃ, ācariya, evametaṃ, ācariyā’’’ti. ‘‘Evameva kho tvaṃ, mallike, yaññadeva samaṇo gotamo bhāsati taṃ tadevassa abbhanumodasi’’. ‘‘Sacetaṃ, mahārāja , bhagavatā bhāsitaṃ evameta’’nti. ‘‘Carapi, re mallike, vinassā’’ti. Atha kho mallikā devī nāḷijaṅghaṃ brāhmaṇaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, brāhmaṇa, yena bhagavā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ puccha – ‘mallikā, bhante, devī bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’ti. Evañca vadehi – ‘bhāsitā nu kho, bhante, bhagavatā esā vācā – piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’ti . Yathā te bhagavā byākaroti taṃ sādhukaṃ uggahetvā mama āroceyyāsi. Na hi tathāgatā vitathaṃ bhaṇantī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhotī’’ti kho nāḷijaṅgho brāhmaṇo mallikāya deviyā paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho nāḷijaṅgho brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mallikā, bho gotama, devī bhoto gotamassa pāde sirasā vandati; appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchati; evañca vadeti – ‘bhāsitā nu kho, bhante, bhagavatā esā vācā – piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’’’ti.
๓๕๖. ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ! ปิยชาติกา หิ, พฺราหฺมณ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติฯ ตทมินาเปตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาฯ ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อญฺญตริสฺสา อิตฺถิยา มาตา กาลมกาสิฯ สา ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺติกา ขิตฺตจิตฺตา รถิกาย รถิกํ 5 สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถ 6, อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติฯ
356. ‘‘Evametaṃ, brāhmaṇa, evametaṃ, brāhmaṇa! Piyajātikā hi, brāhmaṇa, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikāti. Tadamināpetaṃ, brāhmaṇa, pariyāyena veditabbaṃ yathā piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā. Bhūtapubbaṃ, brāhmaṇa, imissāyeva sāvatthiyā aññatarissā itthiyā mātā kālamakāsi. Sā tassā kālakiriyāya ummattikā khittacittā rathikāya rathikaṃ 7 siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘api me mātaraṃ addassatha 8, api me mātaraṃ addassathā’ti? Imināpi kho etaṃ, brāhmaṇa, pariyāyena veditabbaṃ yathā piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikāti.
‘‘ภูตปุพฺพํ , พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อญฺญตริสฺสา อิตฺถิยา ปิตา กาลมกาสิ… ภาตา กาลมกาสิ… ภคินี กาลมกาสิ… ปุโตฺต กาลมกาสิ… ธีตา กาลมกาสิ… สามิโก กาลมกาสิฯ สา ตสฺส กาลกิริยาย อุมฺมตฺติกา ขิตฺตจิตฺตา รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม สามิกํ อทฺทสฺสถ, อปิ เม สามิกํ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ , brāhmaṇa, imissāyeva sāvatthiyā aññatarissā itthiyā pitā kālamakāsi… bhātā kālamakāsi… bhaginī kālamakāsi… putto kālamakāsi… dhītā kālamakāsi… sāmiko kālamakāsi. Sā tassa kālakiriyāya ummattikā khittacittā rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘api me sāmikaṃ addassatha, api me sāmikaṃ addassathā’ti? Imināpi kho etaṃ, brāhmaṇa, pariyāyena veditabbaṃ yathā piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikāti.
‘‘ภูตปุพฺพํ , พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส มาตา กาลมกาสิฯ โส ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิโตฺต รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถ, อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถา’ติ ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ , ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ , brāhmaṇa, imissāyeva sāvatthiyā aññatarassa purisassa mātā kālamakāsi. So tassā kālakiriyāya ummattako khittacitto rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘api me mātaraṃ addassatha, api me mātaraṃ addassathā’ti ? Imināpi kho etaṃ, brāhmaṇa , pariyāyena veditabbaṃ yathā piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikāti.
‘‘ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส ปิตา กาลมกาสิ… ภาตา กาลมกาสิ… ภคินี กาลมกาสิ… ปุโตฺต กาลมกาสิ… ธีตา กาลมกาสิ… ปชาปติ กาลมกาสิฯ โส ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิโตฺต รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม ปชาปติํ อทฺทสฺสถ, อปิ เม ปชาปติํ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, brāhmaṇa, imissāyeva sāvatthiyā aññatarassa purisassa pitā kālamakāsi… bhātā kālamakāsi… bhaginī kālamakāsi… putto kālamakāsi… dhītā kālamakāsi… pajāpati kālamakāsi. So tassā kālakiriyāya ummattako khittacitto rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘api me pajāpatiṃ addassatha, api me pajāpatiṃ addassathā’ti? Imināpi kho etaṃ, brāhmaṇa, pariyāyena veditabbaṃ yathā piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikāti.
‘‘ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อญฺญตรา อิตฺถี ญาติกุลํ อคมาสิฯ ตสฺสา เต ญาตกา สามิกํ 9 อจฺฉินฺทิตฺวา อญฺญสฺส ทาตุกามาฯ สา จ ตํ น อิจฺฉติฯ อถ โข สา อิตฺถี สามิกํ เอตทโวจ – ‘อิเม, มํ 10, อยฺยปุตฺต, ญาตกา ตฺวํ 11 อจฺฉินฺทิตฺวา อญฺญสฺส ทาตุกามาฯ อหญฺจ ตํ น อิจฺฉามี’ติฯ อถ โข โส ปุริโส ตํ อิตฺถิํ ทฺวิธา เฉตฺวา อตฺตานํ อุปฺผาเลสิ 12 – ‘อุโภ เปจฺจ ภวิสฺสามา’ติฯ อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’ติฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, brāhmaṇa, imissāyeva sāvatthiyā aññatarā itthī ñātikulaṃ agamāsi. Tassā te ñātakā sāmikaṃ 13 acchinditvā aññassa dātukāmā. Sā ca taṃ na icchati. Atha kho sā itthī sāmikaṃ etadavoca – ‘ime, maṃ 14, ayyaputta, ñātakā tvaṃ 15 acchinditvā aññassa dātukāmā. Ahañca taṃ na icchāmī’ti. Atha kho so puriso taṃ itthiṃ dvidhā chetvā attānaṃ upphālesi 16 – ‘ubho pecca bhavissāmā’ti. Imināpi kho etaṃ, brāhmaṇa, pariyāyena veditabbaṃ yathā piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’’ti.
๓๕๗. อถ โข นาฬิชโงฺฆ พฺราหฺมโณ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เยน มลฺลิกา เทวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ยาวตโก อโหสิ ภควตา สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ มลฺลิกาย เทวิยา อาโรเจสิฯ อถ โข มลฺลิกา เทวี เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ปิยา เต วชิรี กุมารี’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เม วชิรี กุมารี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, วชิริยา เต กุมาริยา วิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปเชฺชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วชิริยา เม, มลฺลิเก, กุมาริยา วิปริณามญฺญถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อญฺญถตฺตํ, กิํ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติฯ
357. Atha kho nāḷijaṅgho brāhmaṇo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā yena mallikā devī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā yāvatako ahosi bhagavatā saddhiṃ kathāsallāpo taṃ sabbaṃ mallikāya deviyā ārocesi. Atha kho mallikā devī yena rājā pasenadi kosalo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, piyā te vajirī kumārī’’ti? ‘‘Evaṃ, mallike, piyā me vajirī kumārī’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, vajiriyā te kumāriyā vipariṇāmaññathābhāvā uppajjeyyuṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Vajiriyā me, mallike, kumāriyā vipariṇāmaññathābhāvā jīvitassapi siyā aññathattaṃ, kiṃ pana me na uppajjissanti sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ปิยา เต วาสภา ขตฺติยา’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เม วาสภา ขตฺติยา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, วาสภาย เต ขตฺติยาย วิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปเชฺชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วาสภาย เม, มลฺลิเก, ขตฺติยาย วิปริณามญฺญถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อญฺญถตฺตํ, กิํ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, piyā te vāsabhā khattiyā’’ti? ‘‘Evaṃ, mallike, piyā me vāsabhā khattiyā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, vāsabhāya te khattiyāya vipariṇāmaññathābhāvā uppajjeyyuṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Vāsabhāya me, mallike, khattiyāya vipariṇāmaññathābhāvā jīvitassapi siyā aññathattaṃ, kiṃ pana me na uppajjissanti sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ปิโย เต วิฎฎูโภ 17 เสนาปตี’’ติ? ‘‘เอวํ , มลฺลิเก, ปิโย เม วิฎฎูโภ เสนาปตี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, วิฎฎูภสฺส เต เสนาปติสฺส วิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปเชฺชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วิฎฎูภสฺส เม, มลฺลิเก, เสนาปติสฺส วิปริณามญฺญถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อญฺญถตฺตํ , กิํ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, piyo te viṭaṭūbho 18 senāpatī’’ti? ‘‘Evaṃ , mallike, piyo me viṭaṭūbho senāpatī’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, viṭaṭūbhassa te senāpatissa vipariṇāmaññathābhāvā uppajjeyyuṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Viṭaṭūbhassa me, mallike, senāpatissa vipariṇāmaññathābhāvā jīvitassapi siyā aññathattaṃ , kiṃ pana me na uppajjissanti sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ปิยา เต อห’’นฺติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เมสิ ตฺว’’นฺติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, มยฺหํ เต วิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปเชฺชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘ตุยฺหญฺหิ เม, มลฺลิเก, วิปริณามญฺญถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อญฺญถตฺตํ, กิํ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, piyā te aha’’nti? ‘‘Evaṃ, mallike, piyā mesi tva’’nti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, mayhaṃ te vipariṇāmaññathābhāvā uppajjeyyuṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Tuyhañhi me, mallike, vipariṇāmaññathābhāvā jīvitassapi siyā aññathattaṃ, kiṃ pana me na uppajjissanti sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ปิยา เต กาสิโกสลา’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เม กาสิโกสลาฯ กาสิโกสลานํ, มลฺลิเก, อานุภาเวน กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภม, มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรมา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, กาสิโกสลานํ เต วิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปเชฺชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘กาสิโกสลานญฺหิ, มลฺลิเก , วิปริณามญฺญถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อญฺญถตฺตํ, กิํ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, piyā te kāsikosalā’’ti? ‘‘Evaṃ, mallike, piyā me kāsikosalā. Kāsikosalānaṃ, mallike, ānubhāvena kāsikacandanaṃ paccanubhoma, mālāgandhavilepanaṃ dhāremā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, kāsikosalānaṃ te vipariṇāmaññathābhāvā uppajjeyyuṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Kāsikosalānañhi, mallike , vipariṇāmaññathābhāvā jīvitassapi siyā aññathattaṃ, kiṃ pana me na uppajjissanti sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti? ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘piyajātikā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā piyappabhavikā’’’ti.
‘‘อจฺฉริยํ, มลฺลิเก, อพฺภุตํ, มลฺลิเก! ยาวญฺจ โส ภควา ปญฺญาย อติวิชฺฌ มเญฺญ 19 ปสฺสติฯ เอหิ, มลฺลิเก, อาจเมหี’’ติ 20ฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติฯ
‘‘Acchariyaṃ, mallike, abbhutaṃ, mallike! Yāvañca so bhagavā paññāya ativijjha maññe 21 passati. Ehi, mallike, ācamehī’’ti 22. Atha kho rājā pasenadi kosalo uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā tikkhattuṃ udānaṃ udānesi – ‘‘namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa, namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa, namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassā’’ti.
ปิยชาติกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Piyajātikasuttaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ปิยชาติกสุตฺตวณฺณนา • 7. Piyajātikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. ปิยชาติกสุตฺตวณฺณนา • 7. Piyajātikasuttavaṇṇanā