Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๖. ปิยญฺชหเตฺถรคาถาวณฺณนา
6. Piyañjahattheragāthāvaṇṇanā
อุปฺปตเนฺตสุ นิปเตติ อายสฺมโต ปิยญฺชหเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินโนฺต อิโต เอกนวุเต กเปฺป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล หิมวเนฺต รุกฺขเทวตา หุตฺวา ปพฺพตนฺตเร วสโนฺต เทวตาสมาคเมสุ อปฺปานุภาวตาย ปริสปริยเนฺต ฐตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถริ ปฎิลทฺธสโทฺธ เอกทิวสํ สุวิสุทฺธํ รมณียํ คงฺคายํ ปุลินปฺปเทสํ ทิสฺวา สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริ – ‘‘อิโตปิ สุวิสุทฺธา สตฺถุ คุณา อนนฺตา อปริเมยฺยา จา’’ติ, เอวํ โส สตฺถุ คุเณ อารพฺภ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ยุทฺธโสโณฺฑ อปราชิตสงฺคาโม อมิตฺตานํ ปิยหานิกรเณน ปิยญฺชโหติ ปญฺญายิตฺถฯ โส สตฺถุ เวสาลิคมเน ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา อรเญฺญ วสมาโน วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๘๔-๙๐) –
Uppatantesu nipateti āyasmato piyañjahattherassa gāthā. Kā uppatti? Sopi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ puññaṃ upacinanto ito ekanavute kappe vipassissa bhagavato kāle himavante rukkhadevatā hutvā pabbatantare vasanto devatāsamāgamesu appānubhāvatāya parisapariyante ṭhatvā dhammaṃ sutvā satthari paṭiladdhasaddho ekadivasaṃ suvisuddhaṃ ramaṇīyaṃ gaṅgāyaṃ pulinappadesaṃ disvā satthu guṇe anussari – ‘‘itopi suvisuddhā satthu guṇā anantā aparimeyyā cā’’ti, evaṃ so satthu guṇe ārabbha cittaṃ pasādetvā tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde vesāliyaṃ licchavirājakule nibbattitvā vayappatto yuddhasoṇḍo aparājitasaṅgāmo amittānaṃ piyahānikaraṇena piyañjahoti paññāyittha. So satthu vesāligamane paṭiladdhasaddho pabbajitvā araññe vasamāno vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.13.84-90) –
‘‘ปพฺพเต หิมวนฺตมฺหิ, วสามิ ปพฺพตนฺตเร;
‘‘Pabbate himavantamhi, vasāmi pabbatantare;
ปุลินํ โสภนํ ทิสฺวา, พุทฺธเสฎฺฐํ อนุสฺสริํฯ
Pulinaṃ sobhanaṃ disvā, buddhaseṭṭhaṃ anussariṃ.
‘‘ญาเณ อุปนิธา นตฺถิ, สงฺขารํ นตฺถิ สตฺถุโน;
‘‘Ñāṇe upanidhā natthi, saṅkhāraṃ natthi satthuno;
สพฺพธมฺมํ อภิญฺญาย, ญาเณน อธิมุจฺจติฯ
Sabbadhammaṃ abhiññāya, ñāṇena adhimuccati.
‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;
ญาเณน เต สโม นตฺถิ, ยาวตา ญาณมุตฺตมํฯ
Ñāṇena te samo natthi, yāvatā ñāṇamuttamaṃ.
‘‘ญาเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทหํ;
‘‘Ñāṇe cittaṃ pasādetvā, kappaṃ saggamhi modahaṃ;
อวเสเสสุ กเปฺปสุ, กุสลํ จริตํ มยาฯ
Avasesesu kappesu, kusalaṃ caritaṃ mayā.
‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ สญฺญมลภิํ ตทา;
‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ saññamalabhiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ญาณสญฺญายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, ñāṇasaññāyidaṃ phalaṃ.
‘‘อิโต สตฺตติกปฺปมฺหิ, เอโก ปุลินปุปฺผิโย;
‘‘Ito sattatikappamhi, eko pulinapupphiyo;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘อนฺธปุถุชฺชนานํ ปฎิปตฺติโต วิธุรา อริยานํ ปฎิปตฺตี’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนวเสน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā ‘‘andhaputhujjanānaṃ paṭipattito vidhurā ariyānaṃ paṭipattī’’ti imassa atthassa dassanavasena aññaṃ byākaronto –
๗๖.
76.
‘‘อุปฺปตเนฺตสุ นิปเต, นิปตเนฺตสุ อุปฺปเต;
‘‘Uppatantesu nipate, nipatantesu uppate;
วเส อวสมาเนสุ, รมมาเนสุ โน รเม’’ติฯ – คาถํ อภาสิ;
Vase avasamānesu, ramamānesu no rame’’ti. – gāthaṃ abhāsi;
ตตฺถ อุปฺปตเนฺตสูติ อุณฺณมเนฺตสุ, สเตฺตสุ มานุทฺธจฺจถมฺภสารมฺภาทีหิ อตฺตุกฺกํสเนน อนุปสเนฺตสุฯ นิปเตติ นเมยฺย, เตสเญฺญว ปาปธมฺมานํ ปริวชฺชเนน นิวาตวุตฺติ ภเวยฺยฯ นิปตเนฺตสูติ โอณมเนฺตสุ, หีนาธิมุตฺติกตาย โกสเชฺชน จ คุณโต นิหียมาเนสุฯ อุปฺปเตติ อุณฺณเมยฺย, ปณีตาธิมุตฺติกตาย วีริยารเมฺภน จ คุณโต อุสฺสุเกฺกยฺยฯ อถ วา อุปฺปตเนฺตสูติ อุฎฺฐหเนฺตสุ, กิเลเสสุ ปริยุฎฺฐานวเสน สีสํ อุกฺขิปเนฺตสุฯ นิปเตติ ปฎิสงฺขานพเลน ยถา เต น อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อนุรูปปจฺจเวกฺขณาย นิปเตยฺย, วิกฺขเมฺภยฺย เจว สมุจฺฉิเนฺทยฺย จฯ นิปตเนฺตสูติ ปริปตเนฺตสุ, อโยนิโสมนสิกาเรสุ วีริยปโยคมนฺทตาย วา ยถารเทฺธสุ สมถวิปสฺสนาธเมฺมสุ หาย มาเนสุ ฯ อุปฺปเตติ โยนิโสมนสิกาเรน วีริยารมฺภสมฺปทาย จ เต อุปฎฺฐาเปยฺย อุปฺปาเทยฺย วเฑฺฒยฺย จฯ วเส อวสมาเนสูติ สเตฺตสุ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ อริยวาสญฺจ อวสเนฺตสุ สยํ ตํ วาสํ วเสยฺยาติ, อริเยสุ วา กิเลสวาสํ ทุติยกวาสํ อวสเนฺตสุ เยน วาเสน เต อวสมานา นาม โหนฺติ, สยํ ตถา วเสฯ รมมาเนสุ โน รเมติ สเตฺตสุ กามคุณรติยา กิเลสรติยา รมเนฺตสุ สยํ ตถา โน รเม นํ รเมยฺย, อริเยสุ วา นิรามิสาย ฌานาทิรติยา รมมาเนสุ สยมฺปิ ตถา รเม, ตโต อญฺญถา ปน กทาจิปิ โน รเม นาภิรเมยฺย วาติ อโตฺถฯ
Tattha uppatantesūti uṇṇamantesu, sattesu mānuddhaccathambhasārambhādīhi attukkaṃsanena anupasantesu. Nipateti nameyya, tesaññeva pāpadhammānaṃ parivajjanena nivātavutti bhaveyya. Nipatantesūti oṇamantesu, hīnādhimuttikatāya kosajjena ca guṇato nihīyamānesu. Uppateti uṇṇameyya, paṇītādhimuttikatāya vīriyārambhena ca guṇato ussukkeyya. Atha vā uppatantesūti uṭṭhahantesu, kilesesu pariyuṭṭhānavasena sīsaṃ ukkhipantesu. Nipateti paṭisaṅkhānabalena yathā te na uppajjanti, tathā anurūpapaccavekkhaṇāya nipateyya, vikkhambheyya ceva samucchindeyya ca. Nipatantesūti paripatantesu, ayonisomanasikāresu vīriyapayogamandatāya vā yathāraddhesu samathavipassanādhammesu hāya mānesu . Uppateti yonisomanasikārena vīriyārambhasampadāya ca te upaṭṭhāpeyya uppādeyya vaḍḍheyya ca. Vaseavasamānesūti sattesu maggabrahmacariyavāsaṃ ariyavāsañca avasantesu sayaṃ taṃ vāsaṃ vaseyyāti, ariyesu vā kilesavāsaṃ dutiyakavāsaṃ avasantesu yena vāsena te avasamānā nāma honti, sayaṃ tathā vase. Ramamānesu no rameti sattesu kāmaguṇaratiyā kilesaratiyā ramantesu sayaṃ tathā no rame naṃ rameyya, ariyesu vā nirāmisāya jhānādiratiyā ramamānesu sayampi tathā rame, tato aññathā pana kadācipi no rame nābhirameyya vāti attho.
ปิยญฺชหเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Piyañjahattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๖. ปิยญฺชหเตฺถรคาถา • 6. Piyañjahattheragāthā