Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๕. โสณวโคฺค
5. Soṇavaggo
๑. ปิยตรสุตฺตวณฺณนา
1. Piyatarasuttavaṇṇanā
๔๑. มหาวคฺคสฺส ปฐเม มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธินฺติ มลฺลิกาย นาม อตฺตโน มเหสิยา สหฯ อุปริปาสาทวรคโตติ ปาสาทวรสฺส อุปริ คโตฯ โกจโญฺญ อตฺตนา ปิยตโรติ โกจิ อโญฺญ อตฺตนา ปิยายิตพฺพตโรฯ อตฺถิ นุ โข เตติ ‘‘กิํ เต อตฺถี’’ติ เทวิํ ปุจฺฉติฯ
41. Mahāvaggassa paṭhame mallikāya deviyā saddhinti mallikāya nāma attano mahesiyā saha. Uparipāsādavaragatoti pāsādavarassa upari gato. Kocañño attanā piyataroti koci añño attanā piyāyitabbataro. Atthi nu kho teti ‘‘kiṃ te atthī’’ti deviṃ pucchati.
กสฺมา ปุจฺฉติ? อยญฺหิ สาวตฺถิยํ ทุคฺคตมาลาการสฺส ธีตาฯ เอกทิวสํ อาปณโต ปูวํ คเหตฺวา มาลารามํ คนฺตฺวา ‘‘ขาทิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี ปฎิปเถ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ ภควนฺตํ ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตํ ภควโต อทาสิฯ สตฺถา ตถารูเป ฐาเน นิสีทนาการํ ทเสฺสสิฯ อานนฺทเตฺถโร จีวรํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ ภควา ตตฺถ นิสีทิตฺวา ตํ ปูวํ ปริภุญฺชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิฯ เถโร ‘‘โก อิมิสฺสา, ภเนฺต, ทานสฺส วิปาโก ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อเชฺชสา, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปฐมํ โภชนํ อทาสิ, อเชฺชว โกสลรโญฺญ อคฺคมเหสี ภวิสฺสติ ปิยา มนาปา’’ติฯ ตํ ทิวสเมว จ ราชา กาสิคาเม ภาคิเนเยฺยน สทฺธิํ ยุชฺฌิตฺวา ปราชิโต ปลายิตฺวา อาคโต นครํ ปวิสโนฺต ‘‘พลกายสฺส อาคมนํ อาคเมสฺสามี’’ติ ตํ มาลารามํ ปาวิสิฯ สา ราชานํ อาคตํ ปสฺสิตฺวา ตสฺส วตฺตมกาสิฯ ราชา ตสฺสา วเตฺต ปสีทิตฺวา ปิตรํ ปโกฺกสาเปตฺวา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทตฺวา ตํ อเนฺตปุรํ ปฎิหราเปตฺวา อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐเปสิฯ อเถกทิวสํ ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘มยา อิมิสฺสา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทินฺนํ, ยํนูนาหํ อิมํ ปุเจฺฉยฺยํ ‘โก เต ปิโย’ติ? สา ‘ตฺวํ เม, มหาราช, ปิโย’ติ วตฺวา, ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺสาหํ ‘มยฺหมฺปิ ตฺวํเยว ปิยา’ติ วกฺขามี’’ติฯ อิติ โส อญฺญมญฺญํ วิสฺสาสชนนตฺถํ สโมฺมทนียํ กโรโนฺต ปุจฺฉิฯ
Kasmā pucchati? Ayañhi sāvatthiyaṃ duggatamālākārassa dhītā. Ekadivasaṃ āpaṇato pūvaṃ gahetvā mālārāmaṃ gantvā ‘‘khādissāmī’’ti gacchantī paṭipathe bhikkhusaṅghaparivutaṃ bhagavantaṃ bhikkhācāraṃ pavisantaṃ disvā pasannacittā taṃ bhagavato adāsi. Satthā tathārūpe ṭhāne nisīdanākāraṃ dassesi. Ānandatthero cīvaraṃ paññāpetvā adāsi. Bhagavā tattha nisīditvā taṃ pūvaṃ paribhuñjitvā mukhaṃ vikkhāletvā sitaṃ pātvākāsi. Thero ‘‘ko imissā, bhante, dānassa vipāko bhavissatī’’ti pucchi. ‘‘Ajjesā, ānanda, tathāgatassa paṭhamaṃ bhojanaṃ adāsi, ajjeva kosalarañño aggamahesī bhavissati piyā manāpā’’ti. Taṃ divasameva ca rājā kāsigāme bhāgineyyena saddhiṃ yujjhitvā parājito palāyitvā āgato nagaraṃ pavisanto ‘‘balakāyassa āgamanaṃ āgamessāmī’’ti taṃ mālārāmaṃ pāvisi. Sā rājānaṃ āgataṃ passitvā tassa vattamakāsi. Rājā tassā vatte pasīditvā pitaraṃ pakkosāpetvā mahantaṃ issariyaṃ datvā taṃ antepuraṃ paṭiharāpetvā aggamahesiṭṭhāne ṭhapesi. Athekadivasaṃ rājā cintesi – ‘‘mayā imissā mahantaṃ issariyaṃ dinnaṃ, yaṃnūnāhaṃ imaṃ puccheyyaṃ ‘ko te piyo’ti? Sā ‘tvaṃ me, mahārāja, piyo’ti vatvā, puna maṃ pucchissati, athassāhaṃ ‘mayhampi tvaṃyeva piyā’ti vakkhāmī’’ti. Iti so aññamaññaṃ vissāsajananatthaṃ sammodanīyaṃ karonto pucchi.
เทวี ปน ปณฺฑิตา พุทฺธุปฎฺฐายิกา สงฺฆุปฎฺฐายิกา ‘‘นายํ ปโญฺห รโญฺญ มุขํ อุโลฺลเกตฺวา กเถตโพฺพ’’ติ จิเนฺตตฺวา ยถาภูตเมว วทนฺตี ‘‘นตฺถิ โข เม, มหาราช, โกจโญฺญ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ อาหฯ วตฺวาปิ อตฺตนา พฺยากตมตฺถํ อุปาเยน รโญฺญ ปจฺจกฺขํ กาตุกามา ‘‘ตุยฺหํ ปน, มหาราช, อตฺถโญฺญ โกจิ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ ตเถว ราชานํ ปุจฺฉิ ยถา รญฺญา สยํ ปุฎฺฐาฯ ราชาปิ ตาย สรสลกฺขเณน กถิตตฺตา นิวตฺติตุํ อสโกฺกโนฺต สยมฺปิ สรสลกฺขเณเนว กเถโนฺต ตเถว พฺยากาสิ ยถา เทวิยา พฺยากตํฯ
Devī pana paṇḍitā buddhupaṭṭhāyikā saṅghupaṭṭhāyikā ‘‘nāyaṃ pañho rañño mukhaṃ ulloketvā kathetabbo’’ti cintetvā yathābhūtameva vadantī ‘‘natthi kho me, mahārāja, kocañño attanā piyataro’’ti āha. Vatvāpi attanā byākatamatthaṃ upāyena rañño paccakkhaṃ kātukāmā ‘‘tuyhaṃ pana, mahārāja, atthañño koci attanā piyataro’’ti tatheva rājānaṃ pucchi yathā raññā sayaṃ puṭṭhā. Rājāpi tāya sarasalakkhaṇena kathitattā nivattituṃ asakkonto sayampi sarasalakkhaṇeneva kathento tatheva byākāsi yathā deviyā byākataṃ.
พฺยากริตฺวา จ มนฺทธาตุกตาย เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ ราชา ปถวิสฺสโร มหนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ อภิวิชิย อชฺฌาวสามิ, มยฺหํ ตาว ยุตฺตํ ‘อตฺตนา ปิยตรํ อญฺญํ น ปสฺสามี’ติ, อยํ ปน วสลี หีนชจฺจา สมานา มยา อุเจฺจ ฐาเน ฐปิตา สามิภูตํ มํ น ตถา ปิยายติ, ‘อตฺตาว ปิยตโร’ติ มม สมฺมุขา วทติ, ยาว กกฺขฬา วตาย’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘นนุ เต ตีณิ รตนานิ ปิยตรานี’’ติ โจเทสิฯ เทวี ‘รตนตฺตยํปาหํ เทว อตฺตโน สคฺคสุขํ โมกฺขสุขญฺจ ปตฺถยนฺตี สมฺปิยายามิ, ตสฺมา อตฺตาว เม ปิยตโร’’ติ อาหฯ สโพฺพ จายํ โลโก อตฺตทตฺถเมว ปรํ ปิยายติ, ปุตฺตํ ปเตฺถโนฺตปิ ‘‘อยํ มํ ชิณฺณกาเล โปเสสฺสตี’’ติ ปเตฺถติ, ธีตรํ ‘‘มม กุลํ วฑฺฒิสฺสตี’’ติ, ภริยํ ‘‘มยฺหํ ปาเท ปริจริสฺสตี’’ติ, อเญฺญปิ ญาติมิตฺตพนฺธเว ตํตํกิจฺจวเสน, อิติ อตฺตทตฺถเมว สมฺปสฺสโนฺต โลโก ปรํ ปิยายตีติฯ อยญฺหิ เทวิยา อธิปฺปาโยฯ
Byākaritvā ca mandadhātukatāya evaṃ cintesi – ‘‘ahaṃ rājā pathavissaro mahantaṃ pathavimaṇḍalaṃ abhivijiya ajjhāvasāmi, mayhaṃ tāva yuttaṃ ‘attanā piyataraṃ aññaṃ na passāmī’ti, ayaṃ pana vasalī hīnajaccā samānā mayā ucce ṭhāne ṭhapitā sāmibhūtaṃ maṃ na tathā piyāyati, ‘attāva piyataro’ti mama sammukhā vadati, yāva kakkhaḷā vatāya’’nti anattamano hutvā ‘‘nanu te tīṇi ratanāni piyatarānī’’ti codesi. Devī ‘ratanattayaṃpāhaṃ deva attano saggasukhaṃ mokkhasukhañca patthayantī sampiyāyāmi, tasmā attāva me piyataro’’ti āha. Sabbo cāyaṃ loko attadatthameva paraṃ piyāyati, puttaṃ patthentopi ‘‘ayaṃ maṃ jiṇṇakāle posessatī’’ti pattheti, dhītaraṃ ‘‘mama kulaṃ vaḍḍhissatī’’ti, bhariyaṃ ‘‘mayhaṃ pāde paricarissatī’’ti, aññepi ñātimittabandhave taṃtaṃkiccavasena, iti attadatthameva sampassanto loko paraṃ piyāyatīti. Ayañhi deviyā adhippāyo.
อถ ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ มลฺลิกา กุสลา ปณฺฑิตา นิปุณา ‘อตฺตาว เม ปิยตโร’ติ วทติ, มยฺหมฺปิ อตฺตาว ปิยตโร หุตฺวา อุปฎฺฐาติ, หนฺทาหํ อิมมตฺถํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามิ, ยถา จ เม สตฺถา พฺยากริสฺสติ, ตถา นํ ธาเรสฺสามี’’ติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล…เป.… ปิยตโร’’ติฯ
Atha rājā cintesi – ‘‘ayaṃ mallikā kusalā paṇḍitā nipuṇā ‘attāva me piyataro’ti vadati, mayhampi attāva piyataro hutvā upaṭṭhāti, handāhaṃ imamatthaṃ satthu ārocessāmi, yathā ca me satthā byākarissati, tathā naṃ dhāressāmī’’ti. Evaṃ pana cintetvā satthu santikaṃ upasaṅkamitvā tamatthaṃ ārocesi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho rājā pasenadi kosalo…pe… piyataro’’ti.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ‘‘โลเก สพฺพสตฺตานํ อตฺตาว อตฺตโน ปิยตโร’’ติ รญฺญา วุตฺตมตฺถํ สพฺพโส ชานิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃ viditvāti etaṃ ‘‘loke sabbasattānaṃ attāva attano piyataro’’ti raññā vuttamatthaṃ sabbaso jānitvā tadatthaparidīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสาติ สพฺพา อนวเสสา ทสปิ ทิสา ปริเยสนวเสน จิเตฺตน อนุคนฺตฺวาฯ เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจีติ อตฺตนา อติสเยน ปิยํ อญฺญํ โกจิ ปุริโส สพฺพุสฺสาเหน ปริเยสโนฺต กฺวจิ กตฺถจิ สพฺพทิสาสุ เนว อธิคเจฺฉยฺย น ปเสฺสยฺยฯ เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสนฺติ เอวํ กสฺสจิ อตฺตนา ปิยตรสฺส อนุปลพฺภนวเสน ปุถุ วิสุํ วิสุํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตฺตาว ปิโยฯ ตสฺมา น หิํเส ปรมตฺตกาโมติ ยสฺมา เอวํ สโพฺพปิ สโตฺต อตฺตานํ ปิยายติ อตฺตโน สุขกาโม ทุกฺขปฺปฎิกูโล, ตสฺมา อตฺตกาโม อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉโนฺต ปรํ สตฺตํ อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย น หิํเส น หเนยฺย น ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิปิ วิเหเฐยฺยฯ ปรสฺส หิ อตฺตนา กเต ทุเกฺข ตํ ตโต สงฺกมนฺตํ วิย กาลนฺตเร อตฺตนิ สนฺทิสฺสติฯ อยญฺหิ กมฺมานํ ธมฺมตาติฯ
Tattha sabbā disā anuparigamma cetasāti sabbā anavasesā dasapi disā pariyesanavasena cittena anugantvā. Nevajjhagā piyataramattanā kvacīti attanā atisayena piyaṃ aññaṃ koci puriso sabbussāhena pariyesanto kvaci katthaci sabbadisāsu neva adhigaccheyya na passeyya. Evaṃ piyo puthu attā paresanti evaṃ kassaci attanā piyatarassa anupalabbhanavasena puthu visuṃ visuṃ tesaṃ tesaṃ sattānaṃ attāva piyo. Tasmā na hiṃse paramattakāmoti yasmā evaṃ sabbopi satto attānaṃ piyāyati attano sukhakāmo dukkhappaṭikūlo, tasmā attakāmo attano hitasukhaṃ icchanto paraṃ sattaṃ antamaso kunthakipillikaṃ upādāya na hiṃse na haneyya na pāṇileḍḍudaṇḍādīhipi viheṭheyya. Parassa hi attanā kate dukkhe taṃ tato saṅkamantaṃ viya kālantare attani sandissati. Ayañhi kammānaṃ dhammatāti.
ปฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๑. ปิยตรสุตฺตํ • 1. Piyatarasuttaṃ