Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๕๔
The Middle-Length Suttas Collection 54
โปตลิยสุตฺต
With Potaliya the Householder
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ วิหรติ อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโมฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying in the land of the Northern Āpaṇas, near the town of theirs named Āpaṇa.
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อาปณํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อาปเณ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยนญฺญตโร วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ
Then the Buddha robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Āpaṇa for alms. He wandered for alms in Āpaṇa. After the meal, on his return from almsround, he went to a certain forest grove for the day’s meditation. Having plunged deep into it, he sat at the root of a certain tree for the day’s meditation.
โปตลิโยปิ โข คหปติ สมฺปนฺนนิวาสนปาวุรโณ ฉตฺตุปาหนาหิ ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตํ โข โปตลิยํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ: “สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา”ติฯ
Potaliya the householder also approached that forest grove while going for a walk. He was well dressed in a cloak and sarong, with parasol and sandals. Having plunged deep into it, he went up to the Buddha, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he stood to one side, and the Buddha said to him, “There are seats, householder. Please sit if you wish.”
เอวํ วุตฺเต, โปตลิโย คหปติ “คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี”ติ กุปิโต อนตฺตมโน ตุณฺหี อโหสิฯ
When he said this, Potaliya was angry and upset. Thinking, “The ascetic Gotama addresses me as ‘householder’!” he stayed silent.
ทุติยมฺปิ โข ภควา …เป… ตติยมฺปิ โข ภควา โปตลิยํ คหปตึ เอตทโวจ: “สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา”ติฯ
For a second time … and a third time the Buddha said to him, “There are seats, householder. Please sit if you wish.”
เอวํ วุตฺเต, โปตลิโย คหปติ “คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี”ติ กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ตยิทํ, โภ โคตม, นจฺฉนฺนํ, ตยิทํ นปฺปติรูปํ, ยํ มํ ตฺวํ คหปติวาเทน สมุทาจรสี”ติฯ
When he said this, Potaliya was angry and upset. Thinking, “The ascetic Gotama addresses me as ‘householder’!” he said to the Buddha, “Master Gotama, it is neither proper nor appropriate for you to address me as ‘householder’.”
“เต หิ เต, คหปติ, อาการา, เต ลิงฺคา, เต นิมิตฺตา ยถา ตํ คหปติสฺสา”ติฯ
“Well, householder, you have the features, attributes, and signs of a householder.”
“ตถา หิ ปน เม, โภ โคตม, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา”ติฯ
“Master Gotama, it’s because I have refused all work and cut off all judgments.”
“ยถา กถํ ปน เต, คหปติ, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา”ติ?
“Householder, in what way have you refused all work and cut off all judgments?”
“อิธ เม, โภ โคตม, ยํ อโหสิ ธนํ วา ธญฺญํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา สพฺพํ ตํ ปุตฺตานํ ทายชฺชํ นิยฺยาตํ, ตตฺถาหํ อโนวาที อนุปวาที ฆาสจฺฉาทนปรโม วิหรามิฯ เอวํ โข เม, โภ โคตม, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา”ติฯ
“Master Gotama, all the money, grain, gold, and silver I used to have has been handed over to my children as their inheritance. And in this matter I do not advise or reprimand them, but live with nothing more than food and clothes. That’s how I have refused all work and cut off all judgments.”
“อญฺญถา โข ตฺวํ, คหปติ, โวหารสมุจฺเฉทํ วทสิ, อญฺญถา จ ปน อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหตี”ติฯ
“The cutting off of judgments as you describe it is one thing, householder, but the cutting off of judgments in the noble one’s training is quite different.”
“ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหติ? สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหตี”ติฯ
“But what, sir, is cutting off of judgments in the noble one’s training? Sir, please teach me this.”
“เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, householder, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ
“Yes, sir,” said Potaliya.
ภควา เอตทโวจ:
The Buddha said this:
“อฏฺฐ โข อิเม, คหปติ, ธมฺมา อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม อฏฺฐ? อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ; ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพํ; สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ; อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา; อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ; อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ; อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ; อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพฯ อิเม โข, คหปติ, อฏฺฐ ธมฺมา สงฺขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺตี”ติฯ
“Householder, these eight things lead to the cutting off of judgments in the noble one’s training. What eight? Killing living creatures should be given up, relying on not killing living creatures. Stealing should be given up, relying on not stealing. Lying should be given up, relying on speaking the truth. Divisive speech should be given up, relying on speech that isn’t divisive. Greed and lust should be given up, relying on not being greedy and lustful. Blaming and insulting should be given up, relying on not blaming and not insulting. Anger and distress should be given up, relying on not being angry and distressed. Arrogance should be given up, relying on not being arrogant. These are the eight things—stated in brief without being analyzed in detail—that lead to the cutting off of judgments in the noble one’s training.”
“เย เม, ภนฺเต, ภควตา อฏฺฐ ธมฺมา สงฺขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ, สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา อิเม อฏฺฐ ธมฺเม วิตฺถาเรน วิภชตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา”ติฯ
“Sir, please teach me these eight things in detail out of compassion.”
“เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, householder, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” said Potaliya. The Buddha said this:
“‘อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปาณาติปาตี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน ปาณาติปาตี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปาณาติปาตปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ ปาณาติปาตปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ปาณาติปาตปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปาณาติปาโตฯ เย จ ปาณาติปาตปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปาณาติปาตา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ
“‘Killing living creatures should be given up, relying on not killing living creatures.’ That’s what I said, but why did I say it? It’s when a noble disciple reflects: ‘I am practicing to give up and cut off the fetters that might cause me to kill living creatures. But if I were to kill living creatures, because of that I would reprimand myself; sensible people, after examination, would criticize me; and when my body breaks up, after death, I could expect to be reborn in a bad place. And killing living creatures is itself a fetter and a hindrance. The distressing and feverish defilements that might arise because of killing living creatures do not occur in someone who does not kill living creatures.’ ‘Killing living creatures should be given up, relying on not killing living creatures.’ That’s what I said, and this is why I said it.
‘ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพนฺ'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อทินฺนาทายี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน อทินฺนาทายี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อทินฺนาทานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ อทินฺนาทานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา อทินฺนาทานปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อทินฺนาทานํฯ เย จ อทินฺนาทานปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา อทินฺนาทานา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพนฺ'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ ‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ มุสาวาที อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน มุสาวาที อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย มุสาวาทปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ มุสาวาทปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา มุสาวาทปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ มุสาวาโทฯ เย จ มุสาวาทปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุสาวาทา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ ‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปิสุณวาโจ อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน ปิสุณวาโจ อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปิสุณวาจาปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ ปิสุณวาจาปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ปิสุณวาจาปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปิสุณา วาจาฯ เย จ ปิสุณวาจาปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ ‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ คิทฺธิโลภี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน คิทฺธิโลภี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย คิทฺธิโลภปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ คิทฺธิโลภปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา คิทฺธิโลภปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ คิทฺธิโลโภฯ เย จ คิทฺธิโลภปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, คิทฺธิโลภา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ ‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ นินฺทาโรสี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน นินฺทาโรสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย นินฺทาโรสปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ นินฺทาโรสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา นินฺทาโรสปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ นินฺทาโรโสฯ เย จ นินฺทาโรสปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนินฺทาโรสิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ ‘อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ โกธูปายาสี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน โกธูปายาสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย โกธูปายาสปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ โกธูปายาสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา โกธูปายาสปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ โกธูปายาโสฯ เย จ โกธูปายาสปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อกฺโกธูปายาสิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ
‘Stealing … lying … divisive speech … greed and lust … blaming and insulting … anger and distress …
‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ'ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิญฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อติมานี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโนฯ อหญฺเจว โข ปน อติมานี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อติมานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ อติมานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา อติมานปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อติมาโนฯ เย จ อติมานปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนติมานิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ'ฯ ‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ'ติ—อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํฯ
Arrogance should be given up, relying on not being arrogant.’ That’s what I said, but why did I say it? It’s when a noble disciple reflects: ‘I am practicing to give up and cut off the fetters that might cause me to be arrogant. But if I were to be arrogant, because of that I would reprimand myself; sensible people, after examination, would criticize me; and when my body breaks up, after death, I could expect to be reborn in a bad place. And arrogance is itself a fetter and a hindrance. The distressing and feverish defilements that might arise because of arrogance do not occur in someone who is not arrogant.’ ‘Arrogance should be given up by not being arrogant.’ That’s what I said, and this is why I said it.
อิเม โข, คหปติ, อฏฺฐ ธมฺมา สงฺขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน วิภตฺตา, เย อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ; น เตฺวว ตาว อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหตี”ติฯ
These are the eight things—stated in brief and analyzed in detail—that lead to the cutting off of judgments in the noble one’s training. But just this much does not constitute the cutting off of judgments in each and every respect in the noble one’s training.”
“ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ? สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหตี”ติฯ
“But, sir, how is there the cutting off of judgments in each and every respect in the noble one’s training? Sir, please teach me this.”
“เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, householder, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” said Potaliya. The Buddha said this:
๑ฯ กามาทีนวกถา
1. The Dangers of Sensual Pleasures
“เสยฺยถาปิ, คหปติ, กุกฺกุโร ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต โคฆาตกสูนํ ปจฺจุปฏฺฐิโต อสฺสฯ ตเมนํ ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา อฏฺฐิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ อุปสุมฺเภยฺยฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คหปติ, อปิ นุ โข โส กุกฺกุโร อมุํ อฏฺฐิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ ปเลหนฺโต ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฏิวิเนยฺยา”ติ?
“Householder, suppose a dog weak with hunger was hanging around a butcher’s shop. Then a deft butcher or their apprentice would toss them a skeleton scraped clean of flesh and smeared in blood. What do you think, householder? Gnawing on such a fleshless skeleton, would that dog still get rid of its hunger?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “อทุญฺหิ, ภนฺเต, อฏฺฐิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํฯ ยาวเทว ปน โส กุกฺกุโร กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา”ติฯ
“No, sir. Why not? Because that skeleton is scraped clean of flesh and smeared in blood. That dog will eventually get weary and frustrated.”
“เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘อฏฺฐิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย'ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา, ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
“In the same way, a noble disciple reflects: ‘With the simile of a skeleton the Buddha said that sensual pleasures give little gratification and much suffering and distress, and they are all the more full of drawbacks.’ Having truly seen this with right understanding, they reject equanimity based on diversity and develop only the equanimity based on unity, where all kinds of grasping to the worldly pleasures of the flesh cease without anything left over.
เสยฺยถาปิ, คหปติ, คิชฺโฌ วา กงฺโก วา กุลโล วา มํสเปสึ อาทาย อุฑฺฑีเยยฺยฯ ตเมนํ คิชฺฌาปิ กงฺกาปิ กุลลาปิ อนุปติตฺวา อนุปติตฺวา วิตจฺเฉยฺยุํ วิสฺสชฺเชยฺยุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คหปติ, สเจ โส คิชฺโฌ วา กงฺโก วา กุลโล วา ตํ มํสเปสึ น ขิปฺปเมว ปฏินิสฺสชฺเชยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขนฺ”ติ?
Suppose a vulture or a crow or a hawk was to grab a lump of meat and fly away. Other vultures, crows, and hawks would keep chasing it, pecking and clawing. What do you think, householder? If that vulture, crow, or hawk doesn’t quickly let go of that lump of meat, wouldn’t that result in death or deadly suffering for them?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.” …
“เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย'ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทาย ปฏิวาตํ คจฺเฉยฺยฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คหปติ, สเจ โส ปุริโส ตํ อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ น ขิปฺปเมว ปฏินิสฺสชฺเชยฺย ตสฺส สา อาทิตฺตา ติณุกฺกา หตฺถํ วา ทเหยฺย พาหุํ วา ทเหยฺย อญฺญตรํ วา อญฺญตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ ทเหยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขนฺ”ติ?
“Suppose a person carrying a blazing grass torch was to walk against the wind. What do you think, householder? If that person doesn’t quickly let go of that blazing grass torch, wouldn’t they burn their hands or arm or other limb, resulting in death or deadly suffering for them?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.” …
“เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย'ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา …เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
เสยฺยถาปิ, คหปติ, องฺคารกาสุ สาธิกโปริสา, ปูรา องฺคารานํ วีตจฺจิกานํ วีตธูมานํฯ อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฏิกฺกูโลฯ ตเมนํ เทฺว พลวนฺโต ปุริสา นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกฑฺเฒยฺยุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คหปติ, อปิ นุ โส ปุริโส อิติจิติเจว กายํ สนฺนาเมยฺยา”ติ?
“Suppose there was a pit of glowing coals deeper than a man’s height, full of glowing coals that neither flamed nor smoked. Then a person would come along who wants to live and doesn’t want to die, who wants to be happy and recoils from pain. Then two strong men would grab them by the arms and drag them towards the pit of glowing coals. What do you think, householder? Wouldn’t that person writhe and struggle to and fro?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “วิทิตญฺหิ, ภนฺเต, ตสฺส ปุริสสฺส อิมญฺจาหํ องฺคารกาสุํ ปปติสฺสามิ, ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉิสฺสามิ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขนฺ”ติฯ
“Yes, sir. Why is that? For that person knows: ‘If I fall in that pit of glowing coals, that’d result in my death or deadly pain.’” …
“เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย'ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา …เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส สุปินกํ ปเสฺสยฺย อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณิรามเณยฺยกํฯ โส ปฏิพุทฺโธ น กิญฺจิ ปฏิปเสฺสยฺยฯ
“Suppose a person was to see delightful parks, woods, meadows, and lotus ponds in a dream. But when they woke they couldn’t see them at all. …
เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย'ติ …เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส ยาจิตกํ โภคํ ยาจิตฺวา ยานํ วา โปริเสยฺยํ ปวรมณิกุณฺฑลํฯ โส เตหิ ยาจิตเกหิ โภเคหิ ปุรกฺขโต ปริวุโต อนฺตราปณํ ปฏิปชฺเชยฺยฯ ตเมนํ ชโน ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย: ‘โภคี วต โภ ปุริโส, เอวํ กิร โภคิโน โภคานิ ภุญฺชนฺตี'ติฯ ตเมนํ สามิกา ยตฺถ ยตฺเถว ปเสฺสยฺยุํ ตตฺถ ตตฺเถว สานิ หเรยฺยุํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คหปติ, อลํ นุ โข ตสฺส ปุริสสฺส อญฺญถตฺตายา”ติ?
Suppose a man had borrowed some goods—a gentleman’s carriage and fine jewelled earrings—and preceded and surrounded by these he proceeded through the middle of Āpaṇa. When people saw him they’d say: ‘This must be a wealthy man! For that’s how the wealthy enjoy their wealth.’ But when the owners saw him, they’d take back what was theirs. What do you think? Would that be enough for that man to get upset?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “สามิโน หิ, ภนฺเต, สานิ หรนฺตี”ติฯ
“Yes, sir. Why is that? Because the owners took back what was theirs.” …
“เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย'ติ …เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
เสยฺยถาปิ, คหปติ, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร ติพฺโพ วนสณฺโฑฯ ตตฺรสฺส รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, น จสฺสุ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิฯ อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโนฯ โส ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา ตํ รุกฺขํ ปเสฺสยฺย สมฺปนฺนผลญฺจ อุปปนฺนผลญฺจฯ ตสฺส เอวมสฺส: ‘อยํ โข รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิฯ ชานามิ โข ปนาหํ รุกฺขํ อาโรหิตุํฯ ยนฺนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถญฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคญฺจ ปูเรยฺยนฺ'ติฯ โส ตํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถญฺจ ขาเทยฺย อุจฺฉงฺคญฺจ ปูเรยฺยฯ อถ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุฐารึ อาทายฯ โส ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา ตํ รุกฺขํ ปเสฺสยฺย สมฺปนฺนผลญฺจ อุปปนฺนผลญฺจฯ ตสฺส เอวมสฺส: ‘อยํ โข รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิฯ น โข ปนาหํ ชานามิ รุกฺขํ อาโรหิตุํฯ ยนฺนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ มูลโต เฉตฺวา ยาวทตฺถญฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคญฺจ ปูเรยฺยนฺ'ติฯ โส ตํ รุกฺขํ มูลโตว ฉินฺเทยฺยฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คหปติ, อมุโก โย โส ปุริโส ปฐมํ รุกฺขํ อารูโฬฺห สเจ โส น ขิปฺปเมว โอโรเหยฺย ตสฺส โส รุกฺโข ปปตนฺโต หตฺถํ วา ภญฺเชยฺย ปาทํ วา ภญฺเชยฺย อญฺญตรํ วา อญฺญตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ ภญฺเชยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขนฺ”ติ?
“Suppose there was a dark forest grove not far from a town or village. And there was a tree laden with fruit, yet none of the fruit had fallen to the ground. And along came a person in need of fruit, wandering in search of fruit. Having plunged deep into that forest grove, they’d see that tree laden with fruit. They’d think: ‘That tree is laden with fruit, yet none of the fruit has fallen to the ground. But I know how to climb a tree. Why don’t I climb the tree, eat as much as I like, then fill my pouch?’ And that’s what they’d do. And along would come a second person in need of fruit, wandering in search of fruit, carrying a sharp axe. Having plunged deep into that forest grove, they’d see that tree laden with fruit. They’d think: ‘That tree is laden with fruit, yet none of the fruit has fallen to the ground. But I don’t know how to climb a tree. Why don’t I chop this tree down at the root, eat as much as I like, then fill my pouch?’ And so they’d chop the tree down at the root. What do you think, householder? If the first person, who climbed the tree, doesn’t quickly come down, when that tree fell wouldn’t they break their hand or arm or other limb, resulting in death or deadly suffering for them?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.”
“เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย'ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
“In the same way, a noble disciple reflects: ‘With the simile of the fruit tree the Buddha said that sensual pleasures give little gratification and much suffering and distress, and they are all the more full of drawbacks.’ Having truly seen this with right understanding, they reject equanimity based on diversity and develop only the equanimity based on unity, where all kinds of grasping to the worldly pleasures of the flesh cease without anything left over.
ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ—เอกมฺปิ ชาตึ เทฺวปิ ชาติโย …เป… อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ
Relying on this supreme purity of mindfulness and equanimity, that noble disciple recollects their many kinds of past lives. That is: one, two, three, four, five, ten, twenty, thirty, forty, fifty, a hundred, a thousand, a hundred thousand rebirths; many eons of the world contracting, many eons of the world expanding, many eons of the world contracting and expanding. … They recollect their many kinds of past lives, with features and details.
ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต …เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติฯ
Relying on this supreme purity of mindfulness and equanimity, that noble disciple, with clairvoyance that is purified and superhuman, sees sentient beings passing away and being reborn—inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place. … They understand how sentient beings are reborn according to their deeds.
ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ
Relying on this supreme purity of mindfulness and equanimity, that noble disciple realizes the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life. And they live having realized it with their own insight due to the ending of defilements.
เอตฺตาวตา โข, คหปติ, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติฯ
That’s how there is the cutting off of judgments in each and every respect in the noble one’s training.
ตํ กึ มญฺญสิ, คหปติ, ยถา อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ, อปิ นุ ตฺวํ เอวรูปํ โวหารสมุจฺเฉทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสสี”ติ?
What do you think, householder? Do you regard yourself as having cut off judgments in a way comparable to the cutting off of judgments in each and every respect in the noble one’s training?”
“โก จาหํ, ภนฺเต, โก จ อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโทฯ อารกา อหํ, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉทาฯ มยญฺหิ, ภนฺเต, ปุพฺเพ อญฺญติตฺถิเย ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ อมญฺญิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียฐาเน ฐปิมฺห; ภิกฺขู ปน มยํ, ภนฺเต, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ อมญฺญิมฺห, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียฐาเน ฐปิมฺห; อิทานิ ปน มยํ, ภนฺเต, อญฺญติตฺถิเย ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ ชานิสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียฐาเน ฐเปสฺสามฯ ภิกฺขู ปน มยํ, ภนฺเต, อาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ ชานิสฺสาม, อาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อาชานีเยว สมาเน อาชานียฐาเน ฐเปสฺสามฯ อชเนสิ วต เม, ภนฺเต, ภควา สมเณสุ สมณปฺเปมํ, สมเณสุ สมณปฺปสาทํ, สมเณสุ สมณคารวํฯ
“Who am I compared to one who has cut off judgments in each and every respect in the noble one’s training? I am far from that. Sir, I used to think that the wanderers following other religions were thoroughbreds, and I fed them and treated them accordingly, but they were not actually thoroughbreds. I thought that the bhikkhus were not thoroughbreds, and I fed them and treated them accordingly, but they actually were thoroughbreds. But now I shall understand that the wanderers following other religions are not actually thoroughbreds, and I will feed them and treat them accordingly. And I shall understand that the bhikkhus actually are thoroughbreds, and I will feed them and treat them accordingly. The Buddha has inspired me to have love, confidence, and respect for ascetics!
อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเตฯ เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี'ติ; เอวเมวํ โข, ภนฺเต, ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติฯ
Excellent, sir! Excellent! As if he were righting the overturned, or revealing the hidden, or pointing out the path to the lost, or lighting a lamp in the dark so people with clear eyes can see what’s there, the Buddha has made the teaching clear in many ways. I go for refuge to the Buddha, to the teaching, and to the bhikkhu Saṅgha. From this day forth, may the Buddha remember me as a lay follower who has gone for refuge for life.”
โปตลิยสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]