Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๔. โปตลิยสุตฺตํ
4. Potaliyasuttaṃ
๓๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ วิหรติ อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโมฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อาปณํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อาปเณ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยนญฺญตโร วนสโณฺฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ ตํ วนสณฺฑํ อโชฺฌคาเหตฺวา 1 อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ โปตลิโยปิ โข คหปติ สมฺปนฺนนิวาสนปาวุรโณ 2 ฉตฺตุปาหนาหิ 3 ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน โส วนสโณฺฑ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ อโชฺฌคาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตํ โข โปตลิยํ คหปติํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, โปตลิโย คหปติ ‘‘คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา…เป.… ตติยมฺปิ โข ภควา โปตลิยํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติฯ ‘‘เอวํ วุเตฺต, โปตลิโย คหปติ คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตยิทํ, โภ โคตม, นจฺฉนฺนํ, ตยิทํ นปฺปติรูปํ, ยํ มํ ตฺวํ คหปติวาเทน สมุทาจรสี’’ติฯ ‘‘เต หิ เต, คหปติ, อาการา, เต ลิงฺคา , เต นิมิตฺตา ยถา ตํ คหปติสฺสา’’ติฯ ‘‘ตถา หิ ปน เม, โภ โคตม, สเพฺพ กมฺมนฺตา ปฎิกฺขิตฺตา, สเพฺพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน เต, คหปติ, สเพฺพ กมฺมนฺตา ปฎิกฺขิตฺตา, สเพฺพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ โคตม, ยํ อโหสิ ธนํ วา ธญฺญํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา สพฺพํ ตํ ปุตฺตานํ ทายชฺชํ นิยฺยาตํ, ตตฺถาหํ อโนวาที อนุปวาที ฆาสจฺฉาทนปรโม วิหรามิฯ เอวํ โข เม 4, โภ โคตม, สเพฺพ กมฺมนฺตา ปฎิกฺขิตฺตา, สเพฺพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติฯ ‘‘อญฺญถา โข ตฺวํ, คหปติ, โวหารสมุเจฺฉทํ วทสิ, อญฺญถา จ ปน อริยสฺส วินเย โวหารสมุเจฺฉโท โหตี’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน, ภเนฺต, อริยสฺส วินเย โวหารสมุเจฺฉโท โหติ? สาธุ เม, ภเนฺต , ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย โวหารสมุเจฺฉโท โหตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ
31. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā aṅguttarāpesu viharati āpaṇaṃ nāma aṅguttarāpānaṃ nigamo. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya āpaṇaṃ piṇḍāya pāvisi. Āpaṇe piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yenaññataro vanasaṇḍo tenupasaṅkami divāvihārāya. Taṃ vanasaṇḍaṃ ajjhogāhetvā 5 aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi. Potaliyopi kho gahapati sampannanivāsanapāvuraṇo 6 chattupāhanāhi 7 jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno yena so vanasaṇḍo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ vanasaṇḍaṃ ajjhogāhetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitaṃ kho potaliyaṃ gahapatiṃ bhagavā etadavoca – ‘‘saṃvijjanti kho, gahapati, āsanāni; sace ākaṅkhasi nisīdā’’ti. Evaṃ vutte, potaliyo gahapati ‘‘gahapativādena maṃ samaṇo gotamo samudācaratī’’ti kupito anattamano tuṇhī ahosi. Dutiyampi kho bhagavā…pe… tatiyampi kho bhagavā potaliyaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘saṃvijjanti kho, gahapati, āsanāni; sace ākaṅkhasi nisīdā’’ti. ‘‘Evaṃ vutte, potaliyo gahapati gahapativādena maṃ samaṇo gotamo samudācaratī’’ti kupito anattamano bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tayidaṃ, bho gotama, nacchannaṃ, tayidaṃ nappatirūpaṃ, yaṃ maṃ tvaṃ gahapativādena samudācarasī’’ti. ‘‘Te hi te, gahapati, ākārā, te liṅgā , te nimittā yathā taṃ gahapatissā’’ti. ‘‘Tathā hi pana me, bho gotama, sabbe kammantā paṭikkhittā, sabbe vohārā samucchinnā’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana te, gahapati, sabbe kammantā paṭikkhittā, sabbe vohārā samucchinnā’’ti? ‘‘Idha me, bho gotama, yaṃ ahosi dhanaṃ vā dhaññaṃ vā rajataṃ vā jātarūpaṃ vā sabbaṃ taṃ puttānaṃ dāyajjaṃ niyyātaṃ, tatthāhaṃ anovādī anupavādī ghāsacchādanaparamo viharāmi. Evaṃ kho me 8, bho gotama, sabbe kammantā paṭikkhittā, sabbe vohārā samucchinnā’’ti. ‘‘Aññathā kho tvaṃ, gahapati, vohārasamucchedaṃ vadasi, aññathā ca pana ariyassa vinaye vohārasamucchedo hotī’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana, bhante, ariyassa vinaye vohārasamucchedo hoti? Sādhu me, bhante , bhagavā tathā dhammaṃ desetu yathā ariyassa vinaye vohārasamucchedo hotī’’ti. ‘‘Tena hi, gahapati, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho potaliyo gahapati bhagavato paccassosi.
๓๒. ภควา เอตทโวจ – ‘‘อฎฺฐ โข อิเม, คหปติ, ธมฺมา อริยสฺส วินเย โวหารสมุเจฺฉทาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม อฎฺฐ? อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตโพฺพ; ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพํ; สจฺจวาจํ 9 นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตโพฺพ; อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา; อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตโพฺพ; อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตโพฺพ; อโกฺกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตโพฺพ; อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตโพฺพฯ อิเม โข, คหปติ, อฎฺฐ ธมฺมา สํขิเตฺตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุเจฺฉทาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ ‘‘เย เม 10, ภเนฺต, ภควตา อฎฺฐ ธมฺมา สํขิเตฺตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุเจฺฉทาย สํวตฺตนฺติ, สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา อิเม อฎฺฐ ธเมฺม วิตฺถาเรน 11 วิภชตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
32. Bhagavā etadavoca – ‘‘aṭṭha kho ime, gahapati, dhammā ariyassa vinaye vohārasamucchedāya saṃvattanti. Katame aṭṭha? Apāṇātipātaṃ nissāya pāṇātipāto pahātabbo; dinnādānaṃ nissāya adinnādānaṃ pahātabbaṃ; saccavācaṃ 12 nissāya musāvādo pahātabbo; apisuṇaṃ vācaṃ nissāya pisuṇā vācā pahātabbā; agiddhilobhaṃ nissāya giddhilobho pahātabbo; anindārosaṃ nissāya nindāroso pahātabbo; akkodhūpāyāsaṃ nissāya kodhūpāyāso pahātabbo; anatimānaṃ nissāya atimāno pahātabbo. Ime kho, gahapati, aṭṭha dhammā saṃkhittena vuttā, vitthārena avibhattā, ariyassa vinaye vohārasamucchedāya saṃvattantī’’ti. ‘‘Ye me 13, bhante, bhagavatā aṭṭha dhammā saṃkhittena vuttā, vitthārena avibhattā, ariyassa vinaye vohārasamucchedāya saṃvattanti, sādhu me, bhante, bhagavā ime aṭṭha dhamme vitthārena 14 vibhajatu anukampaṃ upādāyā’’ti. ‘‘Tena hi, gahapati, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho potaliyo gahapati bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
๓๓. ‘‘‘อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตโพฺพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปาณาติปาตี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว 15 โข ปน ปาณาติปาตี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปาณาติปาตปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู 16 ครเหยฺยุํ ปาณาติปาตปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา ปาณาติปาตปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปาณาติปาโตฯ เย จ ปาณาติปาตปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปาณาติปาตา ปฎิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตโพฺพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
33. ‘‘‘Apāṇātipātaṃ nissāya pāṇātipāto pahātabbo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu pāṇātipātī assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva 17 kho pana pāṇātipātī assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya pāṇātipātapaccayā, anuviccāpi maṃ viññū 18 garaheyyuṃ pāṇātipātapaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā pāṇātipātapaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ pāṇātipāto. Ye ca pāṇātipātapaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, pāṇātipātā paṭiviratassa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Apāṇātipātaṃ nissāya pāṇātipāto pahātabbo’ti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๔. ‘‘‘ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพ’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อทินฺนาทายี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว โข ปน อทินฺนาทายี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อทินฺนาทานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ อทินฺนาทานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา อทินฺนาทานปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อทินฺนาทานํฯ เย จ อทินฺนาทานปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา อทินฺนาทานา ปฎิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพ’นฺติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
34. ‘‘‘Dinnādānaṃ nissāya adinnādānaṃ pahātabba’nti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu adinnādāyī assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva kho pana adinnādāyī assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya adinnādānapaccayā, anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ adinnādānapaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā adinnādānapaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ adinnādānaṃ. Ye ca adinnādānapaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā adinnādānā paṭiviratassa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Dinnādānaṃ nissāya adinnādānaṃ pahātabba’nti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๕. ‘‘‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตโพฺพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ มุสาวาที อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว โข ปน มุสาวาที อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย มุสาวาทปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ มุสาวาทปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา มุสาวาทปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ มุสาวาโท ฯ เย จ มุสาวาทปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุสาวาทา ปฎิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตโพฺพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
35. ‘‘‘Saccavācaṃ nissāya musāvādo pahātabbo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu musāvādī assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva kho pana musāvādī assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya musāvādapaccayā, anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ musāvādapaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā musāvādapaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ musāvādo . Ye ca musāvādapaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, musāvādā paṭiviratassa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Saccavācaṃ nissāya musāvādo pahātabbo’ti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๖. ‘‘‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปิสุณวาโจ อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว โข ปน ปิสุณวาโจ อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปิสุณวาจาปจฺจยา , อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ ปิสุณวาจาปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา ปิสุณวาจาปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปิสุณา วาจาฯ เย จ ปิสุณวาจาปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
36. ‘‘‘Apisuṇaṃ vācaṃ nissāya pisuṇā vācā pahātabbā’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu pisuṇavāco assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva kho pana pisuṇavāco assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya pisuṇavācāpaccayā , anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ pisuṇavācāpaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā pisuṇavācāpaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ pisuṇā vācā. Ye ca pisuṇavācāpaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, pisuṇāya vācāya paṭiviratassa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Apisuṇaṃ vācaṃ nissāya pisuṇā vācā pahātabbā’ti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๗. ‘‘‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตโพฺพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ คิทฺธิโลภี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว โข ปน คิทฺธิโลภี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย คิทฺธิโลภปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ คิทฺธิโลภปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา คิทฺธิโลภปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ คิทฺธิโลโภฯ เย จ คิทฺธิโลภปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, คิทฺธิโลภา ปฎิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตโพฺพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
37. ‘‘‘Agiddhilobhaṃ nissāya giddhilobho pahātabbo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu giddhilobhī assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva kho pana giddhilobhī assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya giddhilobhapaccayā, anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ giddhilobhapaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā giddhilobhapaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ giddhilobho. Ye ca giddhilobhapaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, giddhilobhā paṭiviratassa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Agiddhilobhaṃ nissāya giddhilobho pahātabbo’ti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๘. ‘‘‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตโพฺพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ นินฺทาโรสี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว โข ปน นินฺทาโรสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย นินฺทาโรสปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ นินฺทาโรสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา นินฺทาโรสปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ นินฺทาโรโสฯ เย จ นินฺทาโรสปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนินฺทาโรสิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตโพฺพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
38. ‘‘‘Anindārosaṃ nissāya nindāroso pahātabbo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu nindārosī assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva kho pana nindārosī assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya nindārosapaccayā, anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ nindārosapaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā nindārosapaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ nindāroso. Ye ca nindārosapaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, anindārosissa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Anindārosaṃ nissāya nindāroso pahātabbo’ti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๙. ‘‘‘อโกฺกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตโพฺพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ โกธูปายาสี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว โข ปน โกธูปายาสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย โกธูปายาสปจฺจยา , อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ โกธูปายาสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา โกธูปายาสปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ โกธูปายาโสฯ เย จ โกธูปายาสปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อโกฺกธูปายาสิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘อโกฺกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตโพฺพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
39. ‘‘‘Akkodhūpāyāsaṃ nissāya kodhūpāyāso pahātabbo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu kodhūpāyāsī assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva kho pana kodhūpāyāsī assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya kodhūpāyāsapaccayā , anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ kodhūpāyāsapaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā kodhūpāyāsapaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ kodhūpāyāso. Ye ca kodhūpāyāsapaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, akkodhūpāyāsissa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Akkodhūpāyāsaṃ nissāya kodhūpāyāso pahātabbo’ti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๔๐. ‘‘‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตโพฺพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อติมานี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนฯ อหเญฺจว โข ปน อติมานี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อติมานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ อติมานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา อติมานปจฺจยาฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อติมาโนฯ เย จ อติมานปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนติมานิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’ฯ ‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตโพฺพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
40. ‘‘‘Anatimānaṃ nissāya atimāno pahātabbo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu atimānī assaṃ, tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya samucchedāya paṭipanno. Ahañceva kho pana atimānī assaṃ, attāpi maṃ upavadeyya atimānapaccayā, anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ atimānapaccayā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā atimānapaccayā. Etadeva kho pana saṃyojanaṃ etaṃ nīvaraṇaṃ yadidaṃ atimāno. Ye ca atimānapaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, anatimānissa evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti’. ‘Anatimānaṃ nissāya atimāno pahātabbo’ti – iti yantaṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๔๑. ‘‘อิเม โข, คหปติ, อฎฺฐ ธมฺมา สํขิเตฺตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน วิภตฺตา 19, เย อริยสฺส วินเย โวหารสมุเจฺฉทาย สํวตฺตนฺติ; น เตฺวว ตาว อริยสฺส วินเย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุเจฺฉโท โหตี’’ติฯ
41. ‘‘Ime kho, gahapati, aṭṭha dhammā saṃkhittena vuttā, vitthārena vibhattā 20, ye ariyassa vinaye vohārasamucchedāya saṃvattanti; na tveva tāva ariyassa vinaye sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ vohārasamucchedo hotī’’ti.
‘‘ยถา กถํ ปน, ภเนฺต, อริยสฺส วินเย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุเจฺฉโท โหติ? สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุเจฺฉโท โหตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Yathā kathaṃ pana, bhante, ariyassa vinaye sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ vohārasamucchedo hoti? Sādhu me, bhante, bhagavā tathā dhammaṃ desetu yathā ariyassa vinaye sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ vohārasamucchedo hotī’’ti. ‘‘Tena hi, gahapati, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho potaliyo gahapati bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
กามาทีนวกถา
Kāmādīnavakathā
๔๒. ‘‘เสยฺยถาปิ , คหปติ, กุกฺกุโร ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต โคฆาตกสูนํ ปจฺจุปฎฺฐิโต อสฺสฯ ตเมนํ ทโกฺข โคฆาตโก วา โคฆาตกเนฺตวาสี วา อฎฺฐิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ อุปสุเมฺภยฺย 21ฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, อปิ นุ โข โส กุกฺกุโร อมุํ อฎฺฐิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ ปเลหโนฺต ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฎิวิเนยฺยา’’ติ?
42. ‘‘Seyyathāpi , gahapati, kukkuro jighacchādubbalyapareto goghātakasūnaṃ paccupaṭṭhito assa. Tamenaṃ dakkho goghātako vā goghātakantevāsī vā aṭṭhikaṅkalaṃ sunikkantaṃ nikkantaṃ nimmaṃsaṃ lohitamakkhitaṃ upasumbheyya 22. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, api nu kho so kukkuro amuṃ aṭṭhikaṅkalaṃ sunikkantaṃ nikkantaṃ nimmaṃsaṃ lohitamakkhitaṃ palehanto jighacchādubbalyaṃ paṭivineyyā’’ti?
‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘No hetaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘Taṃ kissa hetu’’?
‘‘อทุญฺหิ, ภเนฺต, อฎฺฐิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํฯ ยาวเทว ปน โส กุกฺกุโร กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสาติฯ เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา 23, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวเชฺชตฺวา, ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
‘‘Aduñhi, bhante, aṭṭhikaṅkalaṃ sunikkantaṃ nikkantaṃ nimmaṃsaṃ lohitamakkhitaṃ. Yāvadeva pana so kukkuro kilamathassa vighātassa bhāgī assāti. Evameva kho, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā 24, ādīnavo ettha bhiyyo’ti. Evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā yāyaṃ upekkhā nānattā nānattasitā taṃ abhinivajjetvā, yāyaṃ upekkhā ekattā ekattasitā yattha sabbaso lokāmisūpādānā aparisesā nirujjhanti tamevūpekkhaṃ bhāveti.
๔๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, คิโชฺฌ วา กโงฺก วา กุลโล วา มํสเปสิํ อาทาย อุฑฺฑีเยยฺย 25ฯ ตเมนํ คิชฺฌาปิ กงฺกาปิ กุลลาปิ อนุปติตฺวา อนุปติตฺวา วิตเจฺฉยฺยุํ วิสฺสเชฺชยฺยุํ 26ฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, สเจ โส คิโชฺฌ วา กโงฺก วา กุลโล วา ตํ มํสเปสิํ น ขิปฺปเมว ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?
43. ‘‘Seyyathāpi, gahapati, gijjho vā kaṅko vā kulalo vā maṃsapesiṃ ādāya uḍḍīyeyya 27. Tamenaṃ gijjhāpi kaṅkāpi kulalāpi anupatitvā anupatitvā vitaccheyyuṃ vissajjeyyuṃ 28. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, sace so gijjho vā kaṅko vā kulalo vā taṃ maṃsapesiṃ na khippameva paṭinissajjeyya, so tatonidānaṃ maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkha’’nti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวเชฺชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
‘‘Evameva kho, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘maṃsapesūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti. Evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā yāyaṃ upekkhā nānattā nānattasitā taṃ abhinivajjetvā yāyaṃ upekkhā ekattā ekattasitā yattha sabbaso lokāmisūpādānā aparisesā nirujjhanti tamevūpekkhaṃ bhāveti.
๔๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทาย ปฎิวาตํ คเจฺฉยฺยฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, สเจ โส ปุริโส ตํ อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ น ขิปฺปเมว ปฎินิสฺสเชฺชยฺย ตสฺส สา อาทิตฺตา ติณุกฺกา หตฺถํ วา ทเหยฺย พาหุํ วา ทเหยฺย อญฺญตรํ วา อญฺญตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ 29 ทเหยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?
44. ‘‘Seyyathāpi, gahapati, puriso ādittaṃ tiṇukkaṃ ādāya paṭivātaṃ gaccheyya. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, sace so puriso taṃ ādittaṃ tiṇukkaṃ na khippameva paṭinissajjeyya tassa sā ādittā tiṇukkā hatthaṃ vā daheyya bāhuṃ vā daheyya aññataraṃ vā aññataraṃ vā aṅgapaccaṅgaṃ 30 daheyya, so tatonidānaṃ maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkha’’nti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา…เป.… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
‘‘Evameva kho, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘tiṇukkūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti. Evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā…pe… tamevūpekkhaṃ bhāveti.
๔๕. ‘‘เสยฺยถาปิ , คหปติ, องฺคารกาสุ สาธิกโปริสา, ปูรา องฺคารานํ วีตจฺจิกานํ วีตธูมานํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฎิกฺกูโลฯ ตเมนํ เทฺว พลวโนฺต ปุริสา นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกเฑฺฒยฺยุํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, อปิ นุ โส ปุริโส อิติจิติเจว กายํ สนฺนาเมยฺยา’’ติ?
45. ‘‘Seyyathāpi , gahapati, aṅgārakāsu sādhikaporisā, pūrā aṅgārānaṃ vītaccikānaṃ vītadhūmānaṃ. Atha puriso āgaccheyya jīvitukāmo amaritukāmo sukhakāmo dukkhappaṭikkūlo. Tamenaṃ dve balavanto purisā nānābāhāsu gahetvā aṅgārakāsuṃ upakaḍḍheyyuṃ. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, api nu so puriso iticiticeva kāyaṃ sannāmeyyā’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘Taṃ kissa hetu’’?
‘‘วิทิตญฺหิ , ภเนฺต, ตสฺส ปุริสสฺส อิมญฺจาหํ องฺคารกาสุํ ปปติสฺสามิ, ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉิสฺสามิ มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา…เป.… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
‘‘Viditañhi , bhante, tassa purisassa imañcāhaṃ aṅgārakāsuṃ papatissāmi, tatonidānaṃ maraṇaṃ vā nigacchissāmi maraṇamattaṃ vā dukkha’’nti. ‘‘Evameva kho, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘aṅgārakāsūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti. Evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā…pe… tamevūpekkhaṃ bhāveti.
๔๖. ‘‘เสยฺยถาปิ , คหปติ, ปุริโส สุปินกํ ปเสฺสยฺย อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณิรามเณยฺยกํฯ โส ปฎิพุโทฺธ น กิญฺจิ ปฎิปเสฺสยฺย 31ฯ เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติ…เป.… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
46. ‘‘Seyyathāpi , gahapati, puriso supinakaṃ passeyya ārāmarāmaṇeyyakaṃ vanarāmaṇeyyakaṃ bhūmirāmaṇeyyakaṃ pokkharaṇirāmaṇeyyakaṃ. So paṭibuddho na kiñci paṭipasseyya 32. Evameva kho, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘supinakūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti…pe… tamevūpekkhaṃ bhāveti.
๔๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส ยาจิตกํ โภคํ ยาจิตฺวา ยานํ วา 33 โปริเสยฺยํ 34 ปวรมณิกุณฺฑลํฯ โส เตหิ ยาจิตเกหิ โภเคหิ ปุรกฺขโต ปริวุโต อนฺตราปณํ ปฎิปเชฺชยฺยฯ ตเมนํ ชโน ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘โภคี วต, โภ, ปุริโส, เอวํ กิร โภคิโน โภคานิ ภุญฺชนฺตี’ติฯ ตเมนํ สามิกา ยตฺถ ยเตฺถว ปเสฺสยฺยุํ ตตฺถ ตเตฺถว สานิ หเรยฺยุํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, อลํ นุ โข ตสฺส ปุริสสฺส อญฺญถตฺตายา’’ติ?
47. ‘‘Seyyathāpi, gahapati, puriso yācitakaṃ bhogaṃ yācitvā yānaṃ vā 35 poriseyyaṃ 36 pavaramaṇikuṇḍalaṃ. So tehi yācitakehi bhogehi purakkhato parivuto antarāpaṇaṃ paṭipajjeyya. Tamenaṃ jano disvā evaṃ vadeyya – ‘bhogī vata, bho, puriso, evaṃ kira bhogino bhogāni bhuñjantī’ti. Tamenaṃ sāmikā yattha yattheva passeyyuṃ tattha tattheva sāni hareyyuṃ. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, alaṃ nu kho tassa purisassa aññathattāyā’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘Taṃ kissa hetu’’?
‘‘สามิโน หิ, ภเนฺต, สานิ หรนฺตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติ…เป.… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
‘‘Sāmino hi, bhante, sāni harantī’’ti. ‘‘Evameva kho, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yācitakūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti…pe… tamevūpekkhaṃ bhāveti.
๔๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร ติโพฺพ วนสโณฺฑฯ ตตฺรสฺส รุโกฺข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล 37 จ, น จสฺสุ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโนฯ โส ตํ วนสณฺฑํ อโชฺฌคาเหตฺวา ตํ รุกฺขํ ปเสฺสยฺย สมฺปนฺนผลญฺจ อุปปนฺนผลญฺจฯ ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข รุโกฺข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิฯ ชานามิ โข ปนาหํ รุกฺขํ อาโรหิตุํ 38ฯ ยํนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถญฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคญฺจ ปูเรยฺย’นฺติฯ โส ตํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถญฺจ ขาเทยฺย อุจฺฉงฺคญฺจ ปูเรยฺยฯ อถ ทุติโย ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุฐาริํ 39 อาทายฯ โส ตํ วนสณฺฑํ อโชฺฌคาเหตฺวา ตํ รุกฺขํ ปเสฺสยฺย สมฺปนฺนผลญฺจ อุปปนฺนผลญฺจฯ ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข รุโกฺข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิฯ น โข ปนาหํ ชานามิ รุกฺขํ อาโรหิตุํฯ ยํนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ มูลโต เฉตฺวา ยาวทตฺถญฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคญฺจ ปูเรยฺย’นฺติฯ โส ตํ รุกฺขํ มูลโตว ฉิเนฺทยฺยฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, อมุโก 40 โย โส ปุริโส ปฐมํ รุกฺขํ อารูโฬฺห สเจ โส น ขิปฺปเมว โอโรเหยฺย ตสฺส โส รุโกฺข ปปตโนฺต หตฺถํ วา ภเญฺชยฺย ปาทํ วา ภเญฺชยฺย อญฺญตรํ วา อญฺญตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ ภเญฺชยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?
48. ‘‘Seyyathāpi, gahapati, gāmassa vā nigamassa vā avidūre tibbo vanasaṇḍo. Tatrassa rukkho sampannaphalo ca upapannaphalo 41 ca, na cassu kānici phalāni bhūmiyaṃ patitāni. Atha puriso āgaccheyya phalatthiko phalagavesī phalapariyesanaṃ caramāno. So taṃ vanasaṇḍaṃ ajjhogāhetvā taṃ rukkhaṃ passeyya sampannaphalañca upapannaphalañca. Tassa evamassa – ‘ayaṃ kho rukkho sampannaphalo ca upapannaphalo ca, natthi ca kānici phalāni bhūmiyaṃ patitāni. Jānāmi kho panāhaṃ rukkhaṃ ārohituṃ 42. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ rukkhaṃ ārohitvā yāvadatthañca khādeyyaṃ ucchaṅgañca pūreyya’nti. So taṃ rukkhaṃ ārohitvā yāvadatthañca khādeyya ucchaṅgañca pūreyya. Atha dutiyo puriso āgaccheyya phalatthiko phalagavesī phalapariyesanaṃ caramāno tiṇhaṃ kuṭhāriṃ 43 ādāya. So taṃ vanasaṇḍaṃ ajjhogāhetvā taṃ rukkhaṃ passeyya sampannaphalañca upapannaphalañca. Tassa evamassa – ‘ayaṃ kho rukkho sampannaphalo ca upapannaphalo ca, natthi ca kānici phalāni bhūmiyaṃ patitāni. Na kho panāhaṃ jānāmi rukkhaṃ ārohituṃ. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ rukkhaṃ mūlato chetvā yāvadatthañca khādeyyaṃ ucchaṅgañca pūreyya’nti. So taṃ rukkhaṃ mūlatova chindeyya. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, amuko 44 yo so puriso paṭhamaṃ rukkhaṃ ārūḷho sace so na khippameva oroheyya tassa so rukkho papatanto hatthaṃ vā bhañjeyya pādaṃ vā bhañjeyya aññataraṃ vā aññataraṃ vā aṅgapaccaṅgaṃ bhañjeyya, so tatonidānaṃ maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkha’’nti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติฯ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวเชฺชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติฯ
‘‘Evameva kho, gahapati, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘rukkhaphalūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti. Evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā yāyaṃ upekkhā nānattā nānattasitā taṃ abhinivajjetvā yāyaṃ upekkhā ekattā ekattasitā yattha sabbaso lokāmisūpādānā aparisesā nirujjhanti tamevūpekkhaṃ bhāveti.
๔๙. ‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ อาคมฺม อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ
49. ‘‘Sa kho so, gahapati, ariyasāvako imaṃyeva anuttaraṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ āgamma anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati, seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati.
‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ อาคมฺม ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต…เป.… ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติฯ
‘‘Sa kho so, gahapati, ariyasāvako imaṃyeva anuttaraṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ āgamma dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate…pe… yathākammūpage satte pajānāti.
‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ อาคมฺม อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอตฺตาวตา โข, คหปติ, อริยสฺส วินเย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุเจฺฉโท โหติฯ
‘‘Sa kho so, gahapati, ariyasāvako imaṃyeva anuttaraṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ āgamma āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ettāvatā kho, gahapati, ariyassa vinaye sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ vohārasamucchedo hoti.
๕๐. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, ยถา อริยสฺส วินเย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุเจฺฉโท โหติ, อปิ นุ ตฺวํ เอวรูปํ โวหารสมุเจฺฉทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โก จาหํ, ภเนฺต, โก จ อริยสฺส วินเย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุเจฺฉโท! อารกา อหํ, ภเนฺต, อริยสฺส วินเย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุเจฺฉทาฯ มยญฺหิ, ภเนฺต, ปุเพฺพ อญฺญติตฺถิเย ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ อมญฺญิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียฐาเน ฐปิมฺห; ภิกฺขู ปน มยํ, ภเนฺต, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ อมญฺญิมฺห, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียฐาเน ฐปิมฺห; อิทานิ ปน มยํ, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิเย ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ ชานิสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียฐาเน ฐเปสฺสามฯ ภิกฺขู ปน มยํ, ภเนฺต, อาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ ชานิสฺสาม อาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อาชานีเยว สมาเน อาชานียฐาเน ฐเปสฺสามฯ อชเนสิ วต เม, ภเนฺต, ภควา สมเณสุ สมณเปฺปมํ, สมเณสุ สมณปฺปสาทํ, สมเณสุ สมณคารวํฯ อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต ! เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โข, ภเนฺต, ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
50. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, yathā ariyassa vinaye sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ vohārasamucchedo hoti, api nu tvaṃ evarūpaṃ vohārasamucchedaṃ attani samanupassasī’’ti? ‘‘Ko cāhaṃ, bhante, ko ca ariyassa vinaye sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ vohārasamucchedo! Ārakā ahaṃ, bhante, ariyassa vinaye sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ vohārasamucchedā. Mayañhi, bhante, pubbe aññatitthiye paribbājake anājānīyeva samāne ājānīyāti amaññimha, anājānīyeva samāne ājānīyabhojanaṃ bhojimha, anājānīyeva samāne ājānīyaṭhāne ṭhapimha; bhikkhū pana mayaṃ, bhante, ājānīyeva samāne anājānīyāti amaññimha, ājānīyeva samāne anājānīyabhojanaṃ bhojimha, ājānīyeva samāne anājānīyaṭhāne ṭhapimha; idāni pana mayaṃ, bhante, aññatitthiye paribbājake anājānīyeva samāne anājānīyāti jānissāma, anājānīyeva samāne anājānīyabhojanaṃ bhojessāma, anājānīyeva samāne anājānīyaṭhāne ṭhapessāma. Bhikkhū pana mayaṃ, bhante, ājānīyeva samāne ājānīyāti jānissāma ājānīyeva samāne ājānīyabhojanaṃ bhojessāma, ājānīyeva samāne ājānīyaṭhāne ṭhapessāma. Ajanesi vata me, bhante, bhagavā samaṇesu samaṇappemaṃ, samaṇesu samaṇappasādaṃ, samaṇesu samaṇagāravaṃ. Abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante ! Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya, cakkhumanto rūpāni dakkhantīti; evamevaṃ kho, bhante, bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
โปตลิยสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Potaliyasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. โปตลิยสุตฺตวณฺณนา • 4. Potaliyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. โปตลิยสุตฺตวณฺณนา • 4. Potaliyasuttavaṇṇanā