Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๔. โปตลิยสุตฺตวณฺณนา
4. Potaliyasuttavaṇṇanā
๓๑. เอวํ เม สุตนฺติ โปตลิยสุตฺตํฯ ตตฺถ องฺคุตฺตราเปสูติ องฺคาเยว โส ชนปโท, มหิยา ปนสฺส อุตฺตเรน ยา อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา อุตฺตราโปติปิ วุจฺจติฯ กตรมหิยา อุตฺตเรน ยา อาโปติ, มหามหิยาฯ ตตฺถายํ อาวิภาวกถา – อยํ กิร ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณฯ ตตฺถ จ จตุสหสฺสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส อุทเกน อโชฺฌตฺถโฎ สมุโทฺทติ สงฺขํ คโต ฯ ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติฯ ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ หิมวา ปติฎฺฐิโต อุเพฺพเธน ปญฺจโยชนสติโก จตุราสีติกูฎสหสฺสปฎิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปญฺจสตนทีวิจิโตฺต, ยตฺถ อายามวิตฺถาเรน เจว คมฺภีรตาย จ ปณฺณาสปณฺณาสโยชนา ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑลา อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินีทโห สีหปปาตทโหติ สตฺต มหาสรา ปติฎฺฐิตาฯ เตสุ อโนตตฺตทโห สุทสฺสนกูฎํ จิตฺรกูฎํ กาฬกูฎํ คนฺธมาทนกูฎํ เกลาสกูฎนฺติ อิเมหิ ปญฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิโตฺตฯ
31.Evaṃme sutanti potaliyasuttaṃ. Tattha aṅguttarāpesūti aṅgāyeva so janapado, mahiyā panassa uttarena yā āpo, tāsaṃ avidūrattā uttarāpotipi vuccati. Kataramahiyā uttarena yā āpoti, mahāmahiyā. Tatthāyaṃ āvibhāvakathā – ayaṃ kira jambudīpo dasasahassayojanaparimāṇo. Tattha ca catusahassayojanappamāṇo padeso udakena ajjhotthaṭo samuddoti saṅkhaṃ gato . Tisahassayojanappamāṇe manussā vasanti. Tisahassayojanappamāṇe himavā patiṭṭhito ubbedhena pañcayojanasatiko caturāsītikūṭasahassapaṭimaṇḍito samantato sandamānapañcasatanadīvicitto, yattha āyāmavitthārena ceva gambhīratāya ca paṇṇāsapaṇṇāsayojanā diyaḍḍhayojanasataparimaṇḍalā anotattadaho kaṇṇamuṇḍadaho rathakāradaho chaddantadaho kuṇāladaho mandākinīdaho sīhapapātadahoti satta mahāsarā patiṭṭhitā. Tesu anotattadaho sudassanakūṭaṃ citrakūṭaṃ kāḷakūṭaṃ gandhamādanakūṭaṃ kelāsakūṭanti imehi pañcahi pabbatehi parikkhitto.
ตตฺถ สุทสฺสนกูฎํ โสวณฺณมยํ ทฺวิโยชนสตุเพฺพธํ อโนฺตวงฺกํ กากมุขสณฺฐานํ ตเมว สรํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตํฯ จิตฺรกูฎํ สพฺพรตนมยํฯ กาฬกูฎํ อญฺชนมยํฯ คนฺธมาทนกูฎํ สานุมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ, มูลคโนฺธ สารคโนฺธ เผคฺคุคโนฺธ ตจคโนฺธ ปปฎิกคโนฺธ รสคโนฺธ ปตฺตคโนฺธ ปุปฺผคโนฺธ ผลคโนฺธ คนฺธคโนฺธติ อิเมหิ ทสหิ คเนฺธหิ อุสฺสนฺนํ นานปฺปการโอสธสญฺฉนฺนํ, กาฬปกฺขอุโปสถทิวเส อาทิตฺตมิว องฺคารํ ชลนฺตํ ติฎฺฐติฯ เกลาสกูฎํ รชตมยํฯ สพฺพานิ สุทสฺสเนน สมานุเพฺพธสณฺฐานานิ, ตเมว สรํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตานิฯ ตานิ สพฺพานิ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ วสฺสนฺติ, นทิโย จ เตสุ สนฺทนฺติฯ ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติฯ จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตตฺถ โอภาสํ กโรนฺติ, อุชุํ คจฺฉนฺตา น กโรนฺติ, เตเนวสฺส อโนตตฺตนฺติ สงฺขา อุทปาทิฯ
Tattha sudassanakūṭaṃ sovaṇṇamayaṃ dviyojanasatubbedhaṃ antovaṅkaṃ kākamukhasaṇṭhānaṃ tameva saraṃ paṭicchādetvā ṭhitaṃ. Citrakūṭaṃ sabbaratanamayaṃ. Kāḷakūṭaṃ añjanamayaṃ. Gandhamādanakūṭaṃ sānumayaṃ abbhantare muggavaṇṇaṃ, mūlagandho sāragandho pheggugandho tacagandho papaṭikagandho rasagandho pattagandho pupphagandho phalagandho gandhagandhoti imehi dasahi gandhehi ussannaṃ nānappakāraosadhasañchannaṃ, kāḷapakkhauposathadivase ādittamiva aṅgāraṃ jalantaṃ tiṭṭhati. Kelāsakūṭaṃ rajatamayaṃ. Sabbāni sudassanena samānubbedhasaṇṭhānāni, tameva saraṃ paṭicchādetvā ṭhitāni. Tāni sabbāni devānubhāvena nāgānubhāvena ca vassanti, nadiyo ca tesu sandanti. Taṃ sabbampi udakaṃ anotattameva pavisati. Candimasūriyā dakkhiṇena vā uttarena vā gacchantā pabbatantarena tattha obhāsaṃ karonti, ujuṃ gacchantā na karonti, tenevassa anotattanti saṅkhā udapādi.
ตตฺถ มโนหรสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสนิมฺมลุทกานิ นฺหานติตฺถานิ สุปฎิยตฺตานิ โหนฺติ, เยสุ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธขีณาสวา จ อิทฺธิมโนฺต จ อิสโย นฺหายนฺติ, เทวยกฺขาทโย อุยฺยานกีฬกํ กีฬนฺติฯ
Tattha manoharasilātalāni nimmacchakacchapāni phalikasadisanimmaludakāni nhānatitthāni supaṭiyattāni honti, yesu buddhapaccekabuddhakhīṇāsavā ca iddhimanto ca isayo nhāyanti, devayakkhādayo uyyānakīḷakaṃ kīḷanti.
ตสฺส จตูสุ ปเสฺสสุ สีหมุขํ หตฺถิมุขํ อสฺสมุขํ อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ มุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตโสฺส นทิโย สนฺทนฺติฯ สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร สีหา พหุตรา โหนฺติฯ หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภาฯ ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติโสฺส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวเนฺตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติฯ ปจฺฉิมทิสโต จ อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวเนฺตเนว อุตฺตรหิมวเนฺตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติฯ ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิเฎฺฐเนว สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา วุฎฺฐาย ปริเกฺขเปน ติคาวุตปฺปมาณา อุทกธารา จ หุตฺวา อากาเสน สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภิโนฺนฯ ตตฺถ ปญฺญาสโยชนปฺปมาณา ติยคฺคฬา นาม โปกฺขรณี ชาตา, โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฎฺฐิโยชนานิ คตาฯ ตโต ฆนปถวิํ ภินฺทิตฺวา อุมเงฺคน สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา วิญฺฌุํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปญฺจงฺคุลิสทิสา ปญฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตนฺติฯ สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฎฺฐาเน อาวฎฺฎคงฺคาติ วุจฺจติฯ อุชุกํ ปาสาณปิเฎฺฐน สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน กณฺหคงฺคาติ, อากาเสน สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน อากาสคงฺคาติ, ติยคฺคฬปาสาเณ ปญฺญาสโยชโนกาเส ฐิตา ติยคฺคฬโปกฺขรณีติ, กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน พหลคงฺคาติ, อุมเงฺคน สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน อุมงฺคคงฺคาติ วุจฺจติฯ วิญฺฌุํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปญฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฎฺฐาเน ปน คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหีติ ปญฺจธา สงฺขํ คตาฯ เอวเมตา ปญฺจ มหานทิโย หิมวนฺตโต ปภวนฺติฯ ตาสุ ยา อยํ ปญฺจมี มหี นาม, สา อิธ มหามหีติ อธิเปฺปตาฯ ตสฺสา อุตฺตเรน ยา อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท องฺคุตฺตราโปติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺมิํ องฺคุตฺตราเปสุ ชนปเทฯ
Tassa catūsu passesu sīhamukhaṃ hatthimukhaṃ assamukhaṃ usabhamukhanti cattāri mukhāni honti, yehi catasso nadiyo sandanti. Sīhamukhena nikkhantanadītīre sīhā bahutarā honti. Hatthimukhādīhi hatthiassausabhā. Puratthimadisato nikkhantanadī anotattaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā itarā tisso nadiyo anupagamma pācīnahimavanteneva amanussapathaṃ gantvā mahāsamuddaṃ pavisati. Pacchimadisato ca uttaradisato ca nikkhantanadiyopi tatheva padakkhiṇaṃ katvā pacchimahimavanteneva uttarahimavanteneva ca amanussapathaṃ gantvā mahāsamuddaṃ pavisanti. Dakkhiṇadisato nikkhantanadī pana taṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā dakkhiṇena ujukaṃ pāsāṇapiṭṭheneva saṭṭhiyojanāni gantvā pabbataṃ paharitvā vuṭṭhāya parikkhepena tigāvutappamāṇā udakadhārā ca hutvā ākāsena saṭṭhiyojanāni gantvā tiyaggaḷe nāma pāsāṇe patitā, pāsāṇo udakadhārāvegena bhinno. Tattha paññāsayojanappamāṇā tiyaggaḷā nāma pokkharaṇī jātā, pokkharaṇiyā kūlaṃ bhinditvā pāsāṇaṃ pavisitvā saṭṭhiyojanāni gatā. Tato ghanapathaviṃ bhinditvā umaṅgena saṭṭhiyojanāni gantvā viñjhuṃ nāma tiracchānapabbataṃ paharitvā hatthatale pañcaṅgulisadisā pañcadhārā hutvā pavattanti. Sā tikkhattuṃ anotattaṃ padakkhiṇaṃ katvā gataṭṭhāne āvaṭṭagaṅgāti vuccati. Ujukaṃ pāsāṇapiṭṭhena saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne kaṇhagaṅgāti, ākāsena saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne ākāsagaṅgāti, tiyaggaḷapāsāṇe paññāsayojanokāse ṭhitā tiyaggaḷapokkharaṇīti, kūlaṃ bhinditvā pāsāṇaṃ pavisitvā saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne bahalagaṅgāti, umaṅgena saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne umaṅgagaṅgāti vuccati. Viñjhuṃ nāma tiracchānapabbataṃ paharitvā pañcadhārā hutvā pavattaṭṭhāne pana gaṅgā yamunā aciravatī sarabhū mahīti pañcadhā saṅkhaṃ gatā. Evametā pañca mahānadiyo himavantato pabhavanti. Tāsu yā ayaṃ pañcamī mahī nāma, sā idha mahāmahīti adhippetā. Tassā uttarena yā āpo, tāsaṃ avidūrattā so janapado aṅguttarāpoti veditabbo. Tasmiṃ aṅguttarāpesu janapade.
อาปณํ นามาติ ตสฺมิํ กิร นิคเม วีสติ อาปณมุขสหสฺสานิ วิภตฺตานิ อเหสุํฯ อิติ โส อาปณานํ อุสฺสนฺนตฺตา อาปณเนฺตฺวว สงฺขํ คโตฯ ตสฺส จ นิคมสฺส อวิทูเร นทีตีเร ฆนจฺฉาโย รมณีโย ภูมิภาโค มหาวนสโณฺฑ, ตสฺมิํ ภควา วิหรติฯ เตเนเวตฺถ วสนฎฺฐานํ น นิยามิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เยนญฺญตโร วนสโณฺฑ เตนุปสงฺกมีติ ภิกฺขุสงฺฆํ วสนฎฺฐานํ เปเสตฺวา เอกโกว อุปสงฺกมิ โปตลิยํ คหปติํ สนฺธายฯ โปตลิโยปิ โข คหปตีติ โปตลิโยติ เอวํนามโก คหปติฯ สมฺปนฺนนิวาสนปาวุรโณติ ปริปุณฺณนิวาสนปาวุรโณ , เอกํ ทีฆทสํ สาฎกํ นิวโตฺถ เอกํ ปารุโตติ อโตฺถฯ ฉตฺตุปาหนาหีติ ฉตฺตํ คเหตฺวา อุปาหนา อารุยฺหาติ อโตฺถฯ อาสนานีติ ปลฺลงฺกปีฐปลาลปีฐกาทีนิฯ อนฺตมโส สาขาภงฺคมฺปิ หิ อาสนเนฺตว วุจฺจติฯ คหปติวาเทนาติ คหปตีติ อิมินา วจเนนฯ สมุทาจรตีติ โวหรติฯ
Āpaṇaṃnāmāti tasmiṃ kira nigame vīsati āpaṇamukhasahassāni vibhattāni ahesuṃ. Iti so āpaṇānaṃ ussannattā āpaṇantveva saṅkhaṃ gato. Tassa ca nigamassa avidūre nadītīre ghanacchāyo ramaṇīyo bhūmibhāgo mahāvanasaṇḍo, tasmiṃ bhagavā viharati. Tenevettha vasanaṭṭhānaṃ na niyāmitanti veditabbaṃ. Yenaññataro vanasaṇḍo tenupasaṅkamīti bhikkhusaṅghaṃ vasanaṭṭhānaṃ pesetvā ekakova upasaṅkami potaliyaṃ gahapatiṃ sandhāya. Potaliyopi kho gahapatīti potaliyoti evaṃnāmako gahapati. Sampannanivāsanapāvuraṇoti paripuṇṇanivāsanapāvuraṇo , ekaṃ dīghadasaṃ sāṭakaṃ nivattho ekaṃ pārutoti attho. Chattupāhanāhīti chattaṃ gahetvā upāhanā āruyhāti attho. Āsanānīti pallaṅkapīṭhapalālapīṭhakādīni. Antamaso sākhābhaṅgampi hi āsananteva vuccati. Gahapativādenāti gahapatīti iminā vacanena. Samudācaratīti voharati.
ภควนฺตํ เอตทโวจาติ ตติยํ คหปตีติ วจนํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต ภควนฺตเมตํ ‘‘ตยิทํ, โภ, โคตมา’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ ตตฺถ นจฺฉนฺนนฺติ น อนุจฺฉวิกํฯ นปฺปติรูปนฺติ น สารุปฺปํฯ อาการาติอาทีนิ สพฺพาเนว การณเววจนานิฯ ทีฆทสวตฺถธารณ-เกสมสฺสุนขฐปนาทีนิ หิ สพฺพาเนว คิหิพฺยญฺชนานิ ตสฺส คิหิภาวํ ปากฎํ กโรนฺตีติ อาการา, คิหิสณฺฐาเนน สณฺฐิตตฺตา ลิงฺคา, คิหิภาวสฺส สญฺชานนนิมิตฺตตาย นิมิตฺตาติ วุตฺตาฯ ยถา ตํ คหปติสฺสาติ ยถา คหปติสฺส อาการลิงฺคนิมิตฺตา ภเวยฺยุํ, ตเถว ตุยฺหํฯ เตน ตาหํ เอวํ สมุทาจรามีติ ทเสฺสติฯ อถ โส เยน การเณน คหปติวาทํ นาธิวาเสติ, ตํ ปกาเสโนฺต ‘‘ตถา หิ ปน เม’’ติอาทิมาหฯ
Bhagavantaṃ etadavocāti tatiyaṃ gahapatīti vacanaṃ adhivāsetuṃ asakkonto bhagavantametaṃ ‘‘tayidaṃ, bho, gotamā’’tiādivacanaṃ avoca. Tattha nacchannanti na anucchavikaṃ. Nappatirūpanti na sāruppaṃ. Ākārātiādīni sabbāneva kāraṇavevacanāni. Dīghadasavatthadhāraṇa-kesamassunakhaṭhapanādīni hi sabbāneva gihibyañjanāni tassa gihibhāvaṃ pākaṭaṃ karontīti ākārā, gihisaṇṭhānena saṇṭhitattā liṅgā, gihibhāvassa sañjānananimittatāya nimittāti vuttā. Yathā taṃ gahapatissāti yathā gahapatissa ākāraliṅganimittā bhaveyyuṃ, tatheva tuyhaṃ. Tena tāhaṃ evaṃ samudācarāmīti dasseti. Atha so yena kāraṇena gahapativādaṃ nādhivāseti, taṃ pakāsento ‘‘tathā hi pana me’’tiādimāha.
นิยฺยาตนฺติ นิยฺยาติตํฯ อโนวาที อนุปวาทีติ ‘‘ตาตา, กสถ, วปถ, วณิปฺปถํ ปโยเชถา’’ติอาทินา หิ นเยน โอวทโนฺต โอวาที นาม โหติฯ ‘‘ตุเมฺห น กสถ, น วปถ, น วณิปฺปถํ ปโยเชถ, กถํ ชีวิสฺสถ, ปุตฺตทารํ วา ภริสฺสถา’’ติอาทินา นเยน ปน อุปวทโนฺต อุปวาที นาม โหติฯ อหํ ปน อุภยมฺปิ ตํ น กโรมิฯ เตนาหํ ตตฺถ อโนวาที อนุปวาทีติ ทเสฺสติฯ ฆาสจฺฉาทนปรโม วิหรามีติ ฆาสมตฺตเญฺจว อจฺฉาทนมตฺตญฺจ ปรมํ กตฺวา วิหรามิ, ตโต ปรํ นตฺถิ, น จ ปเตฺถมีติ ทีเปติฯ
Niyyātanti niyyātitaṃ. Anovādī anupavādīti ‘‘tātā, kasatha, vapatha, vaṇippathaṃ payojethā’’tiādinā hi nayena ovadanto ovādī nāma hoti. ‘‘Tumhe na kasatha, na vapatha, na vaṇippathaṃ payojetha, kathaṃ jīvissatha, puttadāraṃ vā bharissathā’’tiādinā nayena pana upavadanto upavādī nāma hoti. Ahaṃ pana ubhayampi taṃ na karomi. Tenāhaṃ tattha anovādī anupavādīti dasseti. Ghāsacchādanaparamoviharāmīti ghāsamattañceva acchādanamattañca paramaṃ katvā viharāmi, tato paraṃ natthi, na ca patthemīti dīpeti.
๓๒. คิทฺธิโลโภ ปหาตโพฺพติ เคธภูโต โลโภ ปหาตโพฺพฯ อนินฺทาโรสนฺติ อนินฺทาภูตํ อฆฎฺฎนํฯ นินฺทาโรโสติ นินฺทาฆฎฺฎนาฯ โวหารสมุเจฺฉทายาติ เอตฺถ โวหาโรติ พฺยวหารโวหาโรปิ ปณฺณตฺติปิ วจนมฺปิ เจตนาปิฯ ตตฺถ –
32.Giddhilobhopahātabboti gedhabhūto lobho pahātabbo. Anindārosanti anindābhūtaṃ aghaṭṭanaṃ. Nindārosoti nindāghaṭṭanā. Vohārasamucchedāyāti ettha vohāroti byavahāravohāropi paṇṇattipi vacanampi cetanāpi. Tattha –
‘‘โย หิ โกจิ มนุเสฺสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;
‘‘Yo hi koci manussesu, vohāraṃ upajīvati;
เอวํ วาเสฎฺฐ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ’’ติฯ (ม. นิ. ๒.๔๕๗) –
Evaṃ vāseṭṭha jānāhi, vāṇijo so na brāhmaṇo’’ti. (ma. ni. 2.457) –
อยํ พฺยวหารโวหาโร นามฯ ‘‘สงฺขา สมญฺญา ปญฺญตฺติ โวหาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) อยํ ปณฺณตฺติโวหาโร นามฯ ‘‘ตถา ตถา โวหรติ อปรามส’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๓๒) อยํ วจนโวหาโร นามฯ ‘‘อฎฺฐ อริยโวหารา อฎฺฐ อนริยโวหรา’’ติ (อ. นิ. ๘.๖๗) อยํ เจตนาโวหาโร นาม, อยมิธาธิเปฺปโตฯ ยสฺมา วา ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย คิหีติ เจตนา นตฺถิ, สมโณติ เจตนา โหติฯ คิหีติ วจนํ นตฺถิ, สมโณติ วจนํ โหติฯ คิหีติ ปณฺณตฺติ นตฺถิ, สมโณติ ปณฺณตฺติ โหติฯ คิหีติ พฺยวหาโร นตฺถิ, สมโณติ วา ปพฺพชิโตติ วา พฺยวหาโร โหติฯ ตสฺมา สเพฺพเปเต ลพฺภนฺติฯ
Ayaṃ byavahāravohāro nāma. ‘‘Saṅkhā samaññā paññatti vohāro’’ti (dha. sa. 1313-1315) ayaṃ paṇṇattivohāro nāma. ‘‘Tathā tathā voharati aparāmasa’’nti (ma. ni. 3.332) ayaṃ vacanavohāro nāma. ‘‘Aṭṭha ariyavohārā aṭṭha anariyavoharā’’ti (a. ni. 8.67) ayaṃ cetanāvohāro nāma, ayamidhādhippeto. Yasmā vā pabbajitakālato paṭṭhāya gihīti cetanā natthi, samaṇoti cetanā hoti. Gihīti vacanaṃ natthi, samaṇoti vacanaṃ hoti. Gihīti paṇṇatti natthi, samaṇoti paṇṇatti hoti. Gihīti byavahāro natthi, samaṇoti vā pabbajitoti vā byavahāro hoti. Tasmā sabbepete labbhanti.
๓๓. เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปาณาติปาตีติ เอตฺถ ปาณาติปาโตว สํโยชนํฯ ปาณาติปาตเสฺสว หิ เหตุ ปาณาติปาตปจฺจยา ปาณาติปาตี นาม โหติฯ ปาณาติปาตานํ ปน พหุตาย ‘‘เยสํ โข อห’’นฺติ วุตฺตํฯ เตสาหํ สํโยชนานนฺติ เตสํ อหํ ปาณาติปาตพนฺธนานํฯ ปหานาย สมุเจฺฉทาย ปฎิปโนฺนติ อิมินา อปาณาติปาตสงฺขาเตน กายิกสีลสํวเรน ปหานตฺถาย สมุเจฺฉทนตฺถาย ปฎิปโนฺนฯ อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยาติ กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ นาม ชีวิตา อโวโรปนกสาสเน ปพฺพชิตฺวา ปาณาติปาตมตฺตโตปิ โอรมิตุํ น สโกฺกมิ, กิํ มยฺหํ ปพฺพชฺชายาติ เอวํ อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยฯ อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุนฺติ เอวรูเป นาม สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปาณาติปาตมตฺตโตปิ โอรมิตุํ น สโกฺกติ, กิํ เอตสฺส ปพฺพชฺชายาติ เอวํ อนุวิจฺจ ตุลยิตฺวา ปริโยคาเหตฺวา อเญฺญปิ วิญฺญู ปณฺฑิตา ครเหยฺยุํฯ เอตเทว โข ปน สํโยชนเมตํ นีวรณนฺติ ทสสุ สํโยชเนสุ ปญฺจสุ จ นีวรเณสุ อปริยาปนฺนมฺปิ ‘‘อฎฺฐ นีวรณา’’ติ เทสนาวเสเนตํ วุตฺตํฯ วฎฺฎพนฺธนเฎฺฐน หิ หิตปฎิจฺฉาทนเฎฺฐน จ สํโยชนนฺติปิ นีวรณนฺติปิ วุตฺตํฯ อาสวาติ ปาณาติปาตการณา เอโก อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติฯ วิฆาตปริฬาหาติ วิฆาตา จ ปริฬาหา จฯ ตตฺถ วิฆาตคฺคหเณน กิเลสทุกฺขญฺจ วิปากทุกฺขญฺจ คหิตํ, ปริฬาหคฺคหเณนปิ กิเลสปริฬาโห จ วิปากปริฬาโห จ คหิโตฯ อิมินา อุปาเยน สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
33.Yesaṃ kho ahaṃ saṃyojanānaṃ hetu pāṇātipātīti ettha pāṇātipātova saṃyojanaṃ. Pāṇātipātasseva hi hetu pāṇātipātapaccayā pāṇātipātī nāma hoti. Pāṇātipātānaṃ pana bahutāya ‘‘yesaṃ kho aha’’nti vuttaṃ. Tesāhaṃsaṃyojanānanti tesaṃ ahaṃ pāṇātipātabandhanānaṃ. Pahānāya samucchedāya paṭipannoti iminā apāṇātipātasaṅkhātena kāyikasīlasaṃvarena pahānatthāya samucchedanatthāya paṭipanno. Attāpi maṃ upavadeyyāti kunthakipillikampi nāma jīvitā avoropanakasāsane pabbajitvā pāṇātipātamattatopi oramituṃ na sakkomi, kiṃ mayhaṃ pabbajjāyāti evaṃ attāpi maṃ upavadeyya. Anuviccāpi maṃ viññū garaheyyunti evarūpe nāma sāsane pabbajitvā pāṇātipātamattatopi oramituṃ na sakkoti, kiṃ etassa pabbajjāyāti evaṃ anuvicca tulayitvā pariyogāhetvā aññepi viññū paṇḍitā garaheyyuṃ. Etadeva kho pana saṃyojanametaṃ nīvaraṇanti dasasu saṃyojanesu pañcasu ca nīvaraṇesu apariyāpannampi ‘‘aṭṭha nīvaraṇā’’ti desanāvasenetaṃ vuttaṃ. Vaṭṭabandhanaṭṭhena hi hitapaṭicchādanaṭṭhena ca saṃyojanantipi nīvaraṇantipi vuttaṃ. Āsavāti pāṇātipātakāraṇā eko avijjāsavo uppajjati. Vighātapariḷāhāti vighātā ca pariḷāhā ca. Tattha vighātaggahaṇena kilesadukkhañca vipākadukkhañca gahitaṃ, pariḷāhaggahaṇenapi kilesapariḷāho ca vipākapariḷāho ca gahito. Iminā upāyena sabbattha attho veditabbo.
๓๔-๔๐. อยํ ปน วิเสโส – เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานายาติ อิมสฺมิํ ปเท อิมินา ทินฺนาทานสงฺขาเตน กายิกสีลสํวเรน, สจฺจวาจาสงฺขาเตน วาจสิกสีลสํวเรน, อปิสุณาวาจาสงฺขาเตน วาจสิกสีลสํวเรน, อคิทฺธิโลภสงฺขาเตน มานสิกสีลสํวเรน, อนินฺทาโรสสงฺขาเตน กายิกวาจสิกสีลสํวเรน , อโกธุปายาสสงฺขาเตน มานสิกสีลสํวเรน, อนติมานสงฺขาเตน มานสิกสีลสํวเรน ปหานตฺถาย สมุเจฺฉทนตฺถาย ปฎิปโนฺนติ เอวํ สพฺพวาเรสุ โยชนา กาตพฺพาฯ
34-40. Ayaṃ pana viseso – tesāhaṃ saṃyojanānaṃ pahānāyāti imasmiṃ pade iminā dinnādānasaṅkhātena kāyikasīlasaṃvarena, saccavācāsaṅkhātena vācasikasīlasaṃvarena, apisuṇāvācāsaṅkhātena vācasikasīlasaṃvarena, agiddhilobhasaṅkhātena mānasikasīlasaṃvarena, anindārosasaṅkhātena kāyikavācasikasīlasaṃvarena , akodhupāyāsasaṅkhātena mānasikasīlasaṃvarena, anatimānasaṅkhātena mānasikasīlasaṃvarena pahānatthāya samucchedanatthāya paṭipannoti evaṃ sabbavāresu yojanā kātabbā.
อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุนฺติ อิเมสุ ปน ปเทสุ ติณสลากมฺปิ นาม อุปาทาย อทินฺนํ อคฺคหณสาสเน ปพฺพชิตฺวา อทินฺนาทานมตฺตโตปิ วิรมิตุํ น สโกฺกมิ, กิํ มยฺหํ ปพฺพชฺชายาติ เอวํ อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยฯ เอวรูเป นาม สาสเน ปพฺพชิตฺวา อทินฺนาทานมตฺตโตปิ โอรมิตุํ น สโกฺกติ, กิํ อิมสฺส ปพฺพชฺชายาติ เอวํ อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุํ? หสาเปกฺขตายปิ นาม ทวกมฺยตาย วา มุสาวาทํ อกรณสาสเน ปพฺพชิตฺวาฯ สพฺพากาเรน ปิสุณํ อกรณสาสเน นาม ปพฺพชิตฺวาฯ อปฺปมตฺตกมฺปิ คิทฺธิโลภํ อกรณสาสเน นาม ปพฺพชิตฺวาปิฯ กกเจน อเงฺคสุ โอกฺกนฺติยมาเนสุปิ นาม ปเรสํ นินฺทาโรสํ อกรณสาสเน ปพฺพชิตฺวาฯ ฉินฺนขาณุกณฺฎกาทีสุปิ นาม โกธุปายาสํ อกรณสาสเน ปพฺพชิตฺวาฯ อธิมานมตฺตมฺปิ นาม มานํ อกรณสาสเน ปพฺพชิตฺวา อติมานมตฺตมฺปิ ปชหิตุํ น สโกฺกมิ, กิํ มยฺหํ ปพฺพชฺชายาติ เอวํ อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยฯ เอวรูเป นาม สาสเน ปพฺพชิตฺวา อติมานมตฺตมฺปิ ปชหิตุํ น สโกฺกติ, กิํ อิมสฺส ปพฺพชฺชายาติ เอวํ อนุวิจฺจาปิ มํ วิญฺญู ครเหยฺยุนฺติ เอวํ สพฺพวาเรสุ โยชนา กาตพฺพาฯ
Attāpi maṃ upavadeyya anuviccāpi maṃ viññū garaheyyunti imesu pana padesu tiṇasalākampi nāma upādāya adinnaṃ aggahaṇasāsane pabbajitvā adinnādānamattatopi viramituṃ na sakkomi, kiṃ mayhaṃ pabbajjāyāti evaṃ attāpi maṃ upavadeyya. Evarūpe nāma sāsane pabbajitvā adinnādānamattatopi oramituṃ na sakkoti, kiṃ imassa pabbajjāyāti evaṃ anuviccāpi maṃ viññū garaheyyuṃ? Hasāpekkhatāyapi nāma davakamyatāya vā musāvādaṃ akaraṇasāsane pabbajitvā. Sabbākārena pisuṇaṃ akaraṇasāsane nāma pabbajitvā. Appamattakampi giddhilobhaṃ akaraṇasāsane nāma pabbajitvāpi. Kakacena aṅgesu okkantiyamānesupi nāma paresaṃ nindārosaṃ akaraṇasāsane pabbajitvā. Chinnakhāṇukaṇṭakādīsupi nāma kodhupāyāsaṃ akaraṇasāsane pabbajitvā. Adhimānamattampi nāma mānaṃ akaraṇasāsane pabbajitvā atimānamattampi pajahituṃ na sakkomi, kiṃ mayhaṃ pabbajjāyāti evaṃ attāpi maṃ upavadeyya. Evarūpe nāma sāsane pabbajitvā atimānamattampi pajahituṃ na sakkoti, kiṃ imassa pabbajjāyāti evaṃ anuviccāpi maṃ viññū garaheyyunti evaṃ sabbavāresu yojanā kātabbā.
อาสวาติ อิมสฺมิํ ปน ปเท อทินฺนาทานการณา กามาสโว ทิฎฺฐาสโว อวิชฺชาสโวติ ตโย อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา มุสาวาทการณา ปิสุณาวาจาการณา จ, คิทฺธิโลภการณา ทิฎฺฐาสโว อวิชฺชาสโว จ, นินฺทาโรสการณา อวิชฺชาสโวว, ตถา โกธุปายาสการณา, อติมานการณา ภวาสโว อวิชฺชาสโว จาติ เทฺวว อาสวา อุปฺปชฺชนฺตีติ เอวํ อาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ
Āsavāti imasmiṃ pana pade adinnādānakāraṇā kāmāsavo diṭṭhāsavo avijjāsavoti tayo āsavā uppajjanti, tathā musāvādakāraṇā pisuṇāvācākāraṇā ca, giddhilobhakāraṇā diṭṭhāsavo avijjāsavo ca, nindārosakāraṇā avijjāsavova, tathā kodhupāyāsakāraṇā, atimānakāraṇā bhavāsavo avijjāsavo cāti dveva āsavā uppajjantīti evaṃ āsavuppatti veditabbā.
อิเมสุ ปน อฎฺฐสุปิ วาเรสุ อสโมฺมหตฺถํ ปุน อยํ สเงฺขปวินิจฺฉโย – ปุริเมสุ ตาว จตูสุ วิรมิตุํ น สโกฺกมีติ วตฺตพฺพํ, ปจฺฉิเมสุ ปชหิตุํ น สโกฺกมีติฯ ปาณาติปาตนินฺทาโรสโกธุปายาเสสุ จ เอโก อวิชฺชาสโวว โหติ, อทินฺนาทานมุสาวาทปิสุณาวาจาสุ กามาสโว ทิฎฺฐาสโว อวิชฺชาสโว, คิทฺธิโลเภ ทิฎฺฐาสโว อวิชฺชาสโว, อติมาเน ภวาสโว อวิชฺชาสโว, อปาณาติปาตํ ทินฺนาทานํ กายิกํ สีลํ, อมุสา อปิสุณํ วาจสิกสีลํ, ฐเปตฺวา อนินฺทาโรสํ เสสานิ ตีณิ มานสิกสีลานิฯ ยสฺมา ปน กาเยนปิ ฆเฎฺฎติ โรเสติ วาจายปิ, ตสฺมา อนินฺทาโรโส เทฺว ฐานานิ ยาติ, กายิกสีลมฺปิ โหติ วาจสิกสีลมฺปิฯ เอตฺตาวตา กิํ กถิตํ? ปาติโมกฺขสํวรสีลํฯ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ฐิตสฺส จ ภิกฺขุโน ปฎิสงฺขาปหานวเสน คิหิโวหารสมุเจฺฉโท กถิโตติ เวทิตโพฺพฯ
Imesu pana aṭṭhasupi vāresu asammohatthaṃ puna ayaṃ saṅkhepavinicchayo – purimesu tāva catūsu viramituṃ na sakkomīti vattabbaṃ, pacchimesu pajahituṃ na sakkomīti. Pāṇātipātanindārosakodhupāyāsesu ca eko avijjāsavova hoti, adinnādānamusāvādapisuṇāvācāsu kāmāsavo diṭṭhāsavo avijjāsavo, giddhilobhe diṭṭhāsavo avijjāsavo, atimāne bhavāsavo avijjāsavo, apāṇātipātaṃ dinnādānaṃ kāyikaṃ sīlaṃ, amusā apisuṇaṃ vācasikasīlaṃ, ṭhapetvā anindārosaṃ sesāni tīṇi mānasikasīlāni. Yasmā pana kāyenapi ghaṭṭeti roseti vācāyapi, tasmā anindāroso dve ṭhānāni yāti, kāyikasīlampi hoti vācasikasīlampi. Ettāvatā kiṃ kathitaṃ? Pātimokkhasaṃvarasīlaṃ. Pātimokkhasaṃvarasīle ṭhitassa ca bhikkhuno paṭisaṅkhāpahānavasena gihivohārasamucchedo kathitoti veditabbo.
กามาทีนวกถาวณฺณนา
Kāmādīnavakathāvaṇṇanā
๔๒. วิตฺถารเทสนายํ ตเมนํ ทโกฺขติ ปทสฺส อุปสุเมฺภยฺยาติ อิมินา สทฺธิํ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, ตเมนํ กุกฺกุรํ อุปสุเมฺภยฺย, ตสฺส สมีเป ขิเปยฺยาติ อโตฺถฯ อฎฺฐิกงฺกลนฺติ อุรฎฺฐิํ วา ปิฎฺฐิกณฺฎกํ วา สีสฎฺฐิํ วาฯ ตญฺหิ นิมฺมํสตฺตา กงฺกลนฺติ วุจฺจติฯ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตนฺติ ยถา สุนิกฺกนฺตํ โหติ, เอวํ นิกฺกนฺตํ นิลฺลิขิตํ, ยเทตฺถ อลฺลีนมํสํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ นิลฺลิขิตฺวา อฎฺฐิมตฺตเมว กตนฺติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘นิมฺมํส’’นฺติฯ โลหิตํ ปน มกฺขิตฺวา ติฎฺฐติ, เตน วุตฺตํ ‘‘โลหิตมกฺขิต’’นฺติฯ
42. Vitthāradesanāyaṃ tamenaṃ dakkhoti padassa upasumbheyyāti iminā saddhiṃ sambandho veditabbo. Idaṃ vuttaṃ hoti, tamenaṃ kukkuraṃ upasumbheyya, tassa samīpe khipeyyāti attho. Aṭṭhikaṅkalanti uraṭṭhiṃ vā piṭṭhikaṇṭakaṃ vā sīsaṭṭhiṃ vā. Tañhi nimmaṃsattā kaṅkalanti vuccati. Sunikkantaṃnikkantanti yathā sunikkantaṃ hoti, evaṃ nikkantaṃ nillikhitaṃ, yadettha allīnamaṃsaṃ atthi, taṃ sabbaṃ nillikhitvā aṭṭhimattameva katanti attho. Tenevāha ‘‘nimmaṃsa’’nti. Lohitaṃ pana makkhitvā tiṭṭhati, tena vuttaṃ ‘‘lohitamakkhita’’nti.
พหุทุกฺขา พหุปายาสาติ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิเกหิ ทุเกฺขหิ พหุทุกฺขา, อุปายาสสํกิเลเสหิ พหุปายาสาฯ ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตาติ ยา อยํ ปญฺจกามคุณารมฺมณวเสน นานาสภาวา, ตาเนว จ อารมฺมณานิ นิสฺสิตตฺตา ‘‘นานตฺตสิตา’’ติ วุจฺจติ ปญฺจกามคุณูเปกฺขา, ตํ อภินิวเชฺชตฺวาฯ เอกตฺตา เอกตฺตสิตาติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขา, สา หิ ทิวสมฺปิ เอกสฺมิํ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชนโต เอกสภาวา, ตเทว เอกํ อารมฺมณํ นิสฺสิตตฺตา เอกตฺตสิตา นามฯ ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ ยตฺถ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขายํ ยํ อุเปกฺขํ อาคมฺม ยํ ปฎิจฺจ สเพฺพน สพฺพํ อปริเสสา โลกามิสสงฺขาตา ปญฺจกามคุณามิสา นิรุชฺฌนฺติฯ ปญฺจกามคุณามิสาติ จ กามคุณารมฺมณฉนฺทราคา, คหณเฎฺฐน เตเยว จ อุปาทานาติปิ วุตฺตาฯ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวตีติ ตํ โลกามิสูปาทานานํ ปฎิปกฺขภูตํ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขเมว วเฑฺฒติฯ
Bahudukkhā bahupāyāsāti diṭṭhadhammikasamparāyikehi dukkhehi bahudukkhā, upāyāsasaṃkilesehi bahupāyāsā. Yāyaṃ upekkhā nānattā nānattasitāti yā ayaṃ pañcakāmaguṇārammaṇavasena nānāsabhāvā, tāneva ca ārammaṇāni nissitattā ‘‘nānattasitā’’ti vuccati pañcakāmaguṇūpekkhā, taṃ abhinivajjetvā. Ekattā ekattasitāti catutthajjhānupekkhā, sā hi divasampi ekasmiṃ ārammaṇe uppajjanato ekasabhāvā, tadeva ekaṃ ārammaṇaṃ nissitattā ekattasitā nāma. Yattha sabbaso lokāmisūpādānā aparisesā nirujjhantīti yattha catutthajjhānupekkhāyaṃ yaṃ upekkhaṃ āgamma yaṃ paṭicca sabbena sabbaṃ aparisesā lokāmisasaṅkhātā pañcakāmaguṇāmisā nirujjhanti. Pañcakāmaguṇāmisāti ca kāmaguṇārammaṇachandarāgā, gahaṇaṭṭhena teyeva ca upādānātipi vuttā. Tamevūpekkhaṃ bhāvetīti taṃ lokāmisūpādānānaṃ paṭipakkhabhūtaṃ catutthajjhānupekkhameva vaḍḍheti.
๔๓. อุฑฺฑีเยยฺยาติ อุปฺปติตฺวา คเจฺฉยฺยฯ อนุปติตฺวาติ อนุพนฺธิตฺวาฯ วิตเจฺฉยฺยุนฺติ มุขตุณฺฑเกน ฑํสนฺตา ตเจฺฉยฺยุํฯ วิสฺสเชฺชยฺยุนฺติ มํสเปสิํ นเขหิ กฑฺฒิตฺวา ปาเตยฺยุํฯ
43.Uḍḍīyeyyāti uppatitvā gaccheyya. Anupatitvāti anubandhitvā. Vitaccheyyunti mukhatuṇḍakena ḍaṃsantā taccheyyuṃ. Vissajjeyyunti maṃsapesiṃ nakhehi kaḍḍhitvā pāteyyuṃ.
๔๗. ยานํ วา โปริเสยฺยนฺติ ปุริสานุจฺฉวิกํ ยานํฯ ปวรมณิกุณฺฑลนฺติ นานปฺปการํ อุตฺตมมณิญฺจ กุณฺฑลญฺจฯ สานิ หรนฺตีติ อตฺตโน ภณฺฑกานิ คณฺหนฺติฯ
47.Yānaṃ vā poriseyyanti purisānucchavikaṃ yānaṃ. Pavaramaṇikuṇḍalanti nānappakāraṃ uttamamaṇiñca kuṇḍalañca. Sāni harantīti attano bhaṇḍakāni gaṇhanti.
๔๘. สมฺปนฺนผลนฺติ มธุรผลํฯ อุปปนฺนผลนฺติ ผลูปปนฺนํ พหุผลํฯ
48.Sampannaphalanti madhuraphalaṃ. Upapannaphalanti phalūpapannaṃ bahuphalaṃ.
๔๙. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตมํ ปภสฺสรํ นิรุปกฺกิเลสํฯ
49.Anuttaranti uttamaṃ pabhassaraṃ nirupakkilesaṃ.
๕๐. อารกา อหํ, ภเนฺตติ ปถวิโต นภํ วิย สมุทฺทสฺส โอริมตีรโต ปรตีรํ วิย จ สุวิทูรวิทูเร อหํฯ อนาชานีเยติ คิหิโวหารสมุเจฺฉทนสฺส การณํ อชานนเกฯ อาชานียโภชนนฺติ การณํ ชานเนฺตหิ ภุญฺชิตพฺพํ โภชนํฯ อนาชานียโภชนนฺติ การณํ อชานเนฺตหิ ภุญฺชิตพฺพํ โภชนํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
50.Ārakā ahaṃ, bhanteti pathavito nabhaṃ viya samuddassa orimatīrato paratīraṃ viya ca suvidūravidūre ahaṃ. Anājānīyeti gihivohārasamucchedanassa kāraṇaṃ ajānanake. Ājānīyabhojananti kāraṇaṃ jānantehi bhuñjitabbaṃ bhojanaṃ. Anājānīyabhojananti kāraṇaṃ ajānantehi bhuñjitabbaṃ bhojanaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
โปตลิยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Potaliyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. โปตลิยสุตฺตํ • 4. Potaliyasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. โปตลิยสุตฺตวณฺณนา • 4. Potaliyasuttavaṇṇanā