Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๙. โปฎฺฐปาทสุตฺตํ
9. Poṭṭhapādasuttaṃ
โปฎฺฐปาทปริพฺพาชกวตฺถุ
Poṭṭhapādaparibbājakavatthu
๔๐๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฎิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธิํ ติํสมเตฺตหิ ปริพฺพาชกสเตหิฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ
406. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena poṭṭhapādo paribbājako samayappavādake tindukācīre ekasālake mallikāya ārāme paṭivasati mahatiyā paribbājakaparisāya saddhiṃ tiṃsamattehi paribbājakasatehi. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisi.
๔๐๗. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํฯ ยํนูนาหํ เยน สมยปฺปวาทโก ตินฺทุกาจีโร เอกสาลโก มลฺลิกาย อาราโม, เยน โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา เยน สมยปฺปวาทโก ตินฺทุกาจีโร เอกสาลโก มลฺลิกาย อาราโม เตนุปสงฺกมิฯ
407. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘atippago kho tāva sāvatthiyaṃ piṇḍāya carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ yena samayappavādako tindukācīro ekasālako mallikāya ārāmo, yena poṭṭhapādo paribbājako tenupasaṅkameyya’’nti. Atha kho bhagavā yena samayappavādako tindukācīro ekasālako mallikāya ārāmo tenupasaṅkami.
๔๐๘. เตน โข ปน สมเยน โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธิํ นิสิโนฺน โหติ อุนฺนาทินิยา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยาฯ เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ ญาติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฎฺฐานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ อิติ วาฯ
408. Tena kho pana samayena poṭṭhapādo paribbājako mahatiyā paribbājakaparisāya saddhiṃ nisinno hoti unnādiniyā uccāsaddamahāsaddāya anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ kathentiyā. Seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ mahāmattakathaṃ senākathaṃ bhayakathaṃ yuddhakathaṃ annakathaṃ pānakathaṃ vatthakathaṃ sayanakathaṃ mālākathaṃ gandhakathaṃ ñātikathaṃ yānakathaṃ gāmakathaṃ nigamakathaṃ nagarakathaṃ janapadakathaṃ itthikathaṃ sūrakathaṃ visikhākathaṃ kumbhaṭṭhānakathaṃ pubbapetakathaṃ nānattakathaṃ lokakkhāyikaṃ samuddakkhāyikaṃ itibhavābhavakathaṃ iti vā.
๔๐๙. อทฺทสา โข โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน สกํ ปริสํ สณฺฐเปสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภโนฺต โหนฺตุ, มา โภโนฺต สทฺทมกตฺถฯ อยํ สมโณ โคตโม อาคจฺฉติฯ อปฺปสทฺทกาโม โข โส อายสฺมา อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาทีฯ อเปฺปว นาม อปฺปสทฺทํ ปริสํ วิทิตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มเญฺญยฺยา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหี อเหสุํฯ
409. Addasā kho poṭṭhapādo paribbājako bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ; disvāna sakaṃ parisaṃ saṇṭhapesi – ‘‘appasaddā bhonto hontu, mā bhonto saddamakattha. Ayaṃ samaṇo gotamo āgacchati. Appasaddakāmo kho so āyasmā appasaddassa vaṇṇavādī. Appeva nāma appasaddaṃ parisaṃ viditvā upasaṅkamitabbaṃ maññeyyā’’ti. Evaṃ vutte te paribbājakā tuṇhī ahesuṃ.
๔๑๐. อถ โข ภควา เยน โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข, ภเนฺต, ภควาฯ สฺวาคตํ, ภเนฺต, ภควโตฯ จิรสฺสํ โข, ภเนฺต, ภควา อิมํ ปริยายมกาสิ, ยทิทํ อิธาคมนายฯ นิสีทตุ, ภเนฺต, ภควา, อิทํ อาสนํ ปญฺญตฺต’’นฺติฯ
410. Atha kho bhagavā yena poṭṭhapādo paribbājako tenupasaṅkami. Atha kho poṭṭhapādo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘etu kho, bhante, bhagavā. Svāgataṃ, bhante, bhagavato. Cirassaṃ kho, bhante, bhagavā imaṃ pariyāyamakāsi, yadidaṃ idhāgamanāya. Nisīdatu, bhante, bhagavā, idaṃ āsanaṃ paññatta’’nti.
นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ โปฎฺฐปาโทปิ โข ปริพฺพาชโก อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข โปฎฺฐปาทํ ปริพฺพาชกํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กาย นุตฺถ 1, โปฎฺฐปาท, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ?
Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Poṭṭhapādopi kho paribbājako aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho poṭṭhapādaṃ paribbājakaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘kāya nuttha 2, poṭṭhapāda, etarahi kathāya sannisinnā, kā ca pana vo antarākathā vippakatā’’ti?
อภิสญฺญานิโรธกถา
Abhisaññānirodhakathā
๔๑๑. เอวํ วุเตฺต โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฎฺฐเตสา, ภเนฺต, กถา, ยาย มยํ เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนาฯ เนสา, ภเนฺต, กถา ภควโต ทุลฺลภา ภวิสฺสติ ปจฺฉาปิ สวนายฯ ปุริมานิ, ภเนฺต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ, นานาติตฺถิยานํ สมณพฺราหฺมณานํ โกตูหลสาลาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อภิสญฺญานิโรเธ กถา อุทปาทิ – ‘กถํ นุ โข, โภ, อภิสญฺญานิโรโธ โหตี’ติ? ตเตฺรกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘อเหตู อปฺปจฺจยา ปุริสสฺส สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปิฯ ยสฺมิํ สมเย อุปฺปชฺชนฺติ, สญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหติฯ ยสฺมิํ สมเย นิรุชฺฌนฺติ, อสญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหตี’ติฯ อิเตฺถเก อภิสญฺญานิโรธํ ปญฺญเปนฺติฯ
411. Evaṃ vutte poṭṭhapādo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tiṭṭhatesā, bhante, kathā, yāya mayaṃ etarahi kathāya sannisinnā. Nesā, bhante, kathā bhagavato dullabhā bhavissati pacchāpi savanāya. Purimāni, bhante, divasāni purimatarāni, nānātitthiyānaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ kotūhalasālāya sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ abhisaññānirodhe kathā udapādi – ‘kathaṃ nu kho, bho, abhisaññānirodho hotī’ti? Tatrekacce evamāhaṃsu – ‘ahetū appaccayā purisassa saññā uppajjantipi nirujjhantipi. Yasmiṃ samaye uppajjanti, saññī tasmiṃ samaye hoti. Yasmiṃ samaye nirujjhanti, asaññī tasmiṃ samaye hotī’ti. Ittheke abhisaññānirodhaṃ paññapenti.
‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘น โข ปน เมตํ 3, โภ, เอวํ ภวิสฺสติฯ สญฺญา หิ, โภ, ปุริสสฺส อตฺตาฯ สา จ โข อุเปติปิ อเปติปิฯ ยสฺมิํ สมเย อุเปติ, สญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหติฯ ยสฺมิํ สมเย อเปติ, อสญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหตี’ติฯ อิเตฺถเก อภิสญฺญานิโรธํ ปญฺญเปนฺติฯ
‘‘Tamañño evamāha – ‘na kho pana metaṃ 4, bho, evaṃ bhavissati. Saññā hi, bho, purisassa attā. Sā ca kho upetipi apetipi. Yasmiṃ samaye upeti, saññī tasmiṃ samaye hoti. Yasmiṃ samaye apeti, asaññī tasmiṃ samaye hotī’ti. Ittheke abhisaññānirodhaṃ paññapenti.
‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘น โข ปน เมตํ, โภ, เอวํ ภวิสฺสติฯ สนฺติ หิ, โภ, สมณพฺราหฺมณา มหิทฺธิกา มหานุภาวาฯ เต อิมสฺส ปุริสสฺส สญฺญํ อุปกฑฺฒนฺติปิ อปกฑฺฒนฺติปิฯ ยสฺมิํ สมเย อุปกฑฺฒนฺติ, สญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหติฯ ยสฺมิํ สมเย อปกฑฺฒนฺติ, อสญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหตี’ติฯ อิเตฺถเก อภิสญฺญานิโรธํ ปญฺญเปนฺติฯ
‘‘Tamañño evamāha – ‘na kho pana metaṃ, bho, evaṃ bhavissati. Santi hi, bho, samaṇabrāhmaṇā mahiddhikā mahānubhāvā. Te imassa purisassa saññaṃ upakaḍḍhantipi apakaḍḍhantipi. Yasmiṃ samaye upakaḍḍhanti, saññī tasmiṃ samaye hoti. Yasmiṃ samaye apakaḍḍhanti, asaññī tasmiṃ samaye hotī’ti. Ittheke abhisaññānirodhaṃ paññapenti.
‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘น โข ปน เมตํ, โภ, เอวํ ภวิสฺสติฯ สนฺติ หิ, โภ, เทวตา มหิทฺธิกา มหานุภาวาฯ ตา อิมสฺส ปุริสสฺส สญฺญํ อุปกฑฺฒนฺติปิ อปกฑฺฒนฺติปิฯ ยสฺมิํ สมเย อุปกฑฺฒนฺติ, สญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหติฯ ยสฺมิํ สมเย อปกฑฺฒนฺติ, อสญฺญี ตสฺมิํ สมเย โหตี’ติฯ อิเตฺถเก อภิสญฺญานิโรธํ ปญฺญเปนฺติฯ
‘‘Tamañño evamāha – ‘na kho pana metaṃ, bho, evaṃ bhavissati. Santi hi, bho, devatā mahiddhikā mahānubhāvā. Tā imassa purisassa saññaṃ upakaḍḍhantipi apakaḍḍhantipi. Yasmiṃ samaye upakaḍḍhanti, saññī tasmiṃ samaye hoti. Yasmiṃ samaye apakaḍḍhanti, asaññī tasmiṃ samaye hotī’ti. Ittheke abhisaññānirodhaṃ paññapenti.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํเยว อารพฺภ สติ อุทปาทิ – ‘อโห นูน ภควา, อโห นูน สุคโต, โย อิเมสํ ธมฺมานํ สุกุสโล’ติฯ ภควา, ภเนฺต, กุสโล, ภควา ปกตญฺญู อภิสญฺญานิโรธสฺสฯ กถํ นุ โข, ภเนฺต, อภิสญฺญานิโรโธ โหตี’’ติ?
‘‘Tassa mayhaṃ, bhante, bhagavantaṃyeva ārabbha sati udapādi – ‘aho nūna bhagavā, aho nūna sugato, yo imesaṃ dhammānaṃ sukusalo’ti. Bhagavā, bhante, kusalo, bhagavā pakataññū abhisaññānirodhassa. Kathaṃ nu kho, bhante, abhisaññānirodho hotī’’ti?
สเหตุกสญฺญุปฺปาทนิโรธกถา
Sahetukasaññuppādanirodhakathā
๔๑๒. ‘‘ตตฺร , โปฎฺฐปาท, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘อเหตู อปฺปจฺจยา ปุริสสฺส สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปี’ติ, อาทิโตว เตสํ อปรทฺธํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สเหตู หิ, โปฎฺฐปาท, สปฺปจฺจยา ปุริสสฺส สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปิฯ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติ’’ฯ
412. ‘‘Tatra , poṭṭhapāda, ye te samaṇabrāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘ahetū appaccayā purisassa saññā uppajjantipi nirujjhantipī’ti, āditova tesaṃ aparaddhaṃ. Taṃ kissa hetu? Sahetū hi, poṭṭhapāda, sappaccayā purisassa saññā uppajjantipi nirujjhantipi. Sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati’’.
๔๑๓. ‘‘กา จ สิกฺขา’’ติ? ภควา อโวจ – ‘‘อิธ, โปฎฺฐปาท, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ, สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… (ยถา ๑๙๐-๒๑๒ อนุเจฺฉเทสุ, เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํ)ฯ เอวํ โข, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ สีลสมฺปโนฺน โหติ…เป.… ตสฺสิเม ปญฺจนีวรเณ ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสโต ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ โส วิวิเจฺจว กาเมหิ, วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ, สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส ยา ปุริมา กามสญฺญา, สา นิรุชฺฌติฯ วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสญฺญา ตสฺมิํ สมเย โหติ, วิเวกชปีติสุขสุขุม-สจฺจสญฺญีเยว ตสฺมิํ สมเย โหติฯ เอวมฺปิ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติฯ อยํ สิกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ
413. ‘‘Kā ca sikkhā’’ti? Bhagavā avoca – ‘‘idha, poṭṭhapāda, tathāgato loke uppajjati arahaṃ, sammāsambuddho…pe… (yathā 190-212 anucchedesu, evaṃ vitthāretabbaṃ). Evaṃ kho, poṭṭhapāda, bhikkhu sīlasampanno hoti…pe… tassime pañcanīvaraṇe pahīne attani samanupassato pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati, pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyati. So vivicceva kāmehi, vivicca akusalehi dhammehi, savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa yā purimā kāmasaññā, sā nirujjhati. Vivekajapītisukhasukhumasaccasaññā tasmiṃ samaye hoti, vivekajapītisukhasukhuma-saccasaññīyeva tasmiṃ samaye hoti. Evampi sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati. Ayaṃ sikkhā’’ti bhagavā avoca.
‘‘ปุน จปรํ, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส ยา ปุริมา วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสญฺญา, สา นิรุชฺฌติฯ สมาธิชปีติสุขสุขุมสจฺจสญฺญา ตสฺมิํ สมเย โหติ , สมาธิชปีติสุขสุขุมสจฺจสญฺญีเยว ตสฺมิํ สมเย โหติฯ เอวมฺปิ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติฯ อยมฺปิ สิกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ
‘‘Puna caparaṃ, poṭṭhapāda, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa yā purimā vivekajapītisukhasukhumasaccasaññā, sā nirujjhati. Samādhijapītisukhasukhumasaccasaññā tasmiṃ samaye hoti , samādhijapītisukhasukhumasaccasaññīyeva tasmiṃ samaye hoti. Evampi sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati. Ayampi sikkhā’’ti bhagavā avoca.
‘‘ปุน จปรํ, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส ยา ปุริมา สมาธิชปีติสุขสุขุมสจฺจสญฺญา, สา นิรุชฺฌติฯ อุเปกฺขาสุขสุขุมสจฺจสญฺญา ตสฺมิํ สมเย โหติ, อุเปกฺขาสุขสุขุมสจฺจสญฺญีเยว ตสฺมิํ สมเย โหติฯ เอวมฺปิ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติฯ อยมฺปิ สิกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ
‘‘Puna caparaṃ, poṭṭhapāda, bhikkhu pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati sato ca sampajāno, sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’’ti, tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa yā purimā samādhijapītisukhasukhumasaccasaññā, sā nirujjhati. Upekkhāsukhasukhumasaccasaññā tasmiṃ samaye hoti, upekkhāsukhasukhumasaccasaññīyeva tasmiṃ samaye hoti. Evampi sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati. Ayampi sikkhā’’ti bhagavā avoca.
‘‘ปุน จปรํ, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส ยา ปุริมา อุเปกฺขาสุขสุขุมสจฺจสญฺญา, สา นิรุชฺฌติฯ อทุกฺขมสุขสุขุมสจฺจสญฺญา ตสฺมิํ สมเย โหติ, อทุกฺขมสุขสุขุมสจฺจสญฺญีเยว ตสฺมิํ สมเย โหติฯ เอวมฺปิ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติฯ อยมฺปิ สิกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ
‘‘Puna caparaṃ, poṭṭhapāda, bhikkhu sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa yā purimā upekkhāsukhasukhumasaccasaññā, sā nirujjhati. Adukkhamasukhasukhumasaccasaññā tasmiṃ samaye hoti, adukkhamasukhasukhumasaccasaññīyeva tasmiṃ samaye hoti. Evampi sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati. Ayampi sikkhā’’ti bhagavā avoca.
‘‘ปุน จปรํ, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส ยา ปุริมา รูปสญฺญา 5, สา นิรุชฺฌติฯ อากาสานญฺจายตนสุขุมสจฺจสญฺญา ตสฺมิํ สมเย โหติ, อากาสานญฺจายตนสุขุมสจฺจสญฺญีเยว ตสฺมิํ สมเย โหติฯ เอวมฺปิ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติฯ อยมฺปิ สิกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ
‘‘Puna caparaṃ, poṭṭhapāda, bhikkhu sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Tassa yā purimā rūpasaññā 6, sā nirujjhati. Ākāsānañcāyatanasukhumasaccasaññā tasmiṃ samaye hoti, ākāsānañcāyatanasukhumasaccasaññīyeva tasmiṃ samaye hoti. Evampi sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati. Ayampi sikkhā’’ti bhagavā avoca.
‘‘ปุน จปรํ, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส ยา ปุริมา อากาสานญฺจายตนสุขุมสจฺจสญฺญา, สา นิรุชฺฌติฯ วิญฺญาณญฺจายตนสุขุมสจฺจสญฺญา ตสฺมิํ สมเย โหติ, วิญฺญาณญฺจายตนสุขุมสจฺจสญฺญีเยว ตสฺมิํ สมเย โหติฯ เอวมฺปิ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติฯ อยมฺปิ สิกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ
‘‘Puna caparaṃ, poṭṭhapāda, bhikkhu sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Tassa yā purimā ākāsānañcāyatanasukhumasaccasaññā, sā nirujjhati. Viññāṇañcāyatanasukhumasaccasaññā tasmiṃ samaye hoti, viññāṇañcāyatanasukhumasaccasaññīyeva tasmiṃ samaye hoti. Evampi sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati. Ayampi sikkhā’’ti bhagavā avoca.
‘‘ปุน จปรํ, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส ยา ปุริมา วิญฺญาณญฺจายตนสุขุมสจฺจสญฺญา, สา นิรุชฺฌติฯ อากิญฺจญฺญายตนสุขุมสจฺจสญฺญา ตสฺมิํ สมเย โหติ, อากิญฺจญฺญายตนสุขุมสจฺจสญฺญีเยว ตสฺมิํ สมเย โหติฯ เอวมฺปิ สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌติฯ อยมฺปิ สิกฺขา’’ติ ภควา อโวจฯ
‘‘Puna caparaṃ, poṭṭhapāda, bhikkhu sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati. Tassa yā purimā viññāṇañcāyatanasukhumasaccasaññā, sā nirujjhati. Ākiñcaññāyatanasukhumasaccasaññā tasmiṃ samaye hoti, ākiñcaññāyatanasukhumasaccasaññīyeva tasmiṃ samaye hoti. Evampi sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhati. Ayampi sikkhā’’ti bhagavā avoca.
๔๑๔. ‘‘ยโต โข, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ อิธ สกสญฺญี โหติ, โส ตโต อมุตฺร ตโต อมุตฺร อนุปุเพฺพน สญฺญคฺคํ ผุสติฯ ตสฺส สญฺญเคฺค ฐิตสฺส เอวํ โหติ – ‘เจตยมานสฺส เม ปาปิโย, อเจตยมานสฺส เม เสโยฺยฯ อหเญฺจว โข ปน เจเตยฺยํ, อภิสงฺขเรยฺยํ, อิมา จ เม สญฺญา นิรุเชฺฌยฺยุํ, อญฺญา จ โอฬาริกา สญฺญา อุปฺปเชฺชยฺยุํ; ยํนูนาหํ น เจว เจเตยฺยํ น จ อภิสงฺขเรยฺย’นฺติฯ โส น เจว เจเตติ, น จ อภิสงฺขโรติฯ ตสฺส อเจตยโต อนภิสงฺขโรโต ตา เจว สญฺญา นิรุชฺฌนฺติ, อญฺญา จ โอฬาริกา สญฺญา น อุปฺปชฺชนฺติฯ โส นิโรธํ ผุสติฯ เอวํ โข, โปฎฺฐปาท, อนุปุพฺพาภิสญฺญานิโรธ-สมฺปชาน-สมาปตฺติ โหติฯ
414. ‘‘Yato kho, poṭṭhapāda, bhikkhu idha sakasaññī hoti, so tato amutra tato amutra anupubbena saññaggaṃ phusati. Tassa saññagge ṭhitassa evaṃ hoti – ‘cetayamānassa me pāpiyo, acetayamānassa me seyyo. Ahañceva kho pana ceteyyaṃ, abhisaṅkhareyyaṃ, imā ca me saññā nirujjheyyuṃ, aññā ca oḷārikā saññā uppajjeyyuṃ; yaṃnūnāhaṃ na ceva ceteyyaṃ na ca abhisaṅkhareyya’nti. So na ceva ceteti, na ca abhisaṅkharoti. Tassa acetayato anabhisaṅkharoto tā ceva saññā nirujjhanti, aññā ca oḷārikā saññā na uppajjanti. So nirodhaṃ phusati. Evaṃ kho, poṭṭhapāda, anupubbābhisaññānirodha-sampajāna-samāpatti hoti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, อปิ นุ เต อิโต ปุเพฺพ เอวรูปา อนุปุพฺพาภิสญฺญานิโรธ-สมฺปชาน-สมาปตฺติ สุตปุพฺพา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺตฯ เอวํ โข อหํ , ภเนฺต, ภควโต ภาสิตํ อาชานามิ – ‘ยโต โข, โปฎฺฐปาท, ภิกฺขุ อิธ สกสญฺญี โหติ, โส ตโต อมุตฺร ตโต อมุตฺร อนุปุเพฺพน สญฺญคฺคํ ผุสติ, ตสฺส สญฺญเคฺค ฐิตสฺส เอวํ โหติ – ‘‘เจตยมานสฺส เม ปาปิโย, อเจตยมานสฺส เม เสโยฺยฯ อหเญฺจว โข ปน เจเตยฺยํ อภิสงฺขเรยฺยํ, อิมา จ เม สญฺญา นิรุเชฺฌยฺยุํ, อญฺญา จ โอฬาริกา สญฺญา อุปฺปเชฺชยฺยุํ; ยํนูนาหํ น เจว เจเตยฺยํ, น จ อภิสงฺขเรยฺย’’นฺติฯ โส น เจว เจเตติ, น จาภิสงฺขโรติ, ตสฺส อเจตยโต อนภิสงฺขโรโต ตา เจว สญฺญา นิรุชฺฌนฺติ, อญฺญา จ โอฬาริกา สญฺญา น อุปฺปชฺชนฺติ ฯ โส นิโรธํ ผุสติฯ เอวํ โข, โปฎฺฐปาท, อนุปุพฺพาภิสญฺญานิโรธ-สมฺปชาน-สมาปตฺติ โหตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, โปฎฺฐปาทา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, api nu te ito pubbe evarūpā anupubbābhisaññānirodha-sampajāna-samāpatti sutapubbā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante. Evaṃ kho ahaṃ , bhante, bhagavato bhāsitaṃ ājānāmi – ‘yato kho, poṭṭhapāda, bhikkhu idha sakasaññī hoti, so tato amutra tato amutra anupubbena saññaggaṃ phusati, tassa saññagge ṭhitassa evaṃ hoti – ‘‘cetayamānassa me pāpiyo, acetayamānassa me seyyo. Ahañceva kho pana ceteyyaṃ abhisaṅkhareyyaṃ, imā ca me saññā nirujjheyyuṃ, aññā ca oḷārikā saññā uppajjeyyuṃ; yaṃnūnāhaṃ na ceva ceteyyaṃ, na ca abhisaṅkhareyya’’nti. So na ceva ceteti, na cābhisaṅkharoti, tassa acetayato anabhisaṅkharoto tā ceva saññā nirujjhanti, aññā ca oḷārikā saññā na uppajjanti . So nirodhaṃ phusati. Evaṃ kho, poṭṭhapāda, anupubbābhisaññānirodha-sampajāna-samāpatti hotī’’’ti. ‘‘Evaṃ, poṭṭhapādā’’ti.
๔๑๕. ‘‘เอกเญฺญว นุ โข, ภเนฺต, ภควา สญฺญคฺคํ ปญฺญเปติ, อุทาหุ ปุถูปิ สญฺญเคฺค ปญฺญเปตี’’ติ? ‘‘เอกมฺปิ โข อหํ, โปฎฺฐปาท, สญฺญคฺคํ ปญฺญเปมิ, ปุถูปิ สญฺญเคฺค ปญฺญเปมี’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน, ภเนฺต, ภควา เอกมฺปิ สญฺญคฺคํ ปญฺญเปติ, ปุถูปิ สญฺญเคฺค ปญฺญเปตี’’ติ? ‘‘ยถา ยถา โข, โปฎฺฐปาท, นิโรธํ ผุสติ, ตถา ตถาหํ สญฺญคฺคํ ปญฺญเปมิฯ เอวํ โข อหํ, โปฎฺฐปาท, เอกมฺปิ สญฺญคฺคํ ปญฺญเปมิ, ปุถูปิ สญฺญเคฺค ปญฺญเปมี’’ติฯ
415. ‘‘Ekaññeva nu kho, bhante, bhagavā saññaggaṃ paññapeti, udāhu puthūpi saññagge paññapetī’’ti? ‘‘Ekampi kho ahaṃ, poṭṭhapāda, saññaggaṃ paññapemi, puthūpi saññagge paññapemī’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana, bhante, bhagavā ekampi saññaggaṃ paññapeti, puthūpi saññagge paññapetī’’ti? ‘‘Yathā yathā kho, poṭṭhapāda, nirodhaṃ phusati, tathā tathāhaṃ saññaggaṃ paññapemi. Evaṃ kho ahaṃ, poṭṭhapāda, ekampi saññaggaṃ paññapemi, puthūpi saññagge paññapemī’’ti.
๔๑๖. ‘‘สญฺญา นุ โข, ภเนฺต, ปฐมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา ญาณํ, อุทาหุ ญาณํ ปฐมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา สญฺญา, อุทาหุ สญฺญา จ ญาณญฺจ อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ? ‘‘สญฺญา โข, โปฎฺฐปาท, ปฐมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา ญาณํ, สญฺญุปฺปาทา จ ปน ญาณุปฺปาโท โหติฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อิทปฺปจฺจยา กิร เม ญาณํ อุทปาที’ติฯ อิมินา โข เอตํ, โปฎฺฐปาท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ – ยถา สญฺญา ปฐมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา ญาณํ, สญฺญุปฺปาทา จ ปน ญาณุปฺปาโท โหตี’’ติฯ
416. ‘‘Saññā nu kho, bhante, paṭhamaṃ uppajjati, pacchā ñāṇaṃ, udāhu ñāṇaṃ paṭhamaṃ uppajjati, pacchā saññā, udāhu saññā ca ñāṇañca apubbaṃ acarimaṃ uppajjantī’’ti? ‘‘Saññā kho, poṭṭhapāda, paṭhamaṃ uppajjati, pacchā ñāṇaṃ, saññuppādā ca pana ñāṇuppādo hoti. So evaṃ pajānāti – ‘idappaccayā kira me ñāṇaṃ udapādī’ti. Iminā kho etaṃ, poṭṭhapāda, pariyāyena veditabbaṃ – yathā saññā paṭhamaṃ uppajjati, pacchā ñāṇaṃ, saññuppādā ca pana ñāṇuppādo hotī’’ti.
สญฺญาอตฺตกถา
Saññāattakathā
๔๑๗. ‘‘สญฺญา นุ โข, ภเนฺต, ปุริสสฺส อตฺตา, อุทาหุ อญฺญา สญฺญา อโญฺญ อตฺตา’’ติ? ‘‘กํ ปน ตฺวํ, โปฎฺฐปาท, อตฺตานํ ปเจฺจสี’’ติ ? ‘‘โอฬาริกํ โข อหํ, ภเนฺต, อตฺตานํ ปเจฺจมิ รูปิํ จาตุมหาภูติกํ กพฬีการาหารภกฺข’’นฺติ 7ฯ ‘‘โอฬาริโก จ หิ เต, โปฎฺฐปาท, อตฺตา อภวิสฺส รูปี จาตุมหาภูติโก กพฬีการาหารภโกฺขฯ เอวํ สนฺตํ โข เต, โปฎฺฐปาท, อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตาฯ ตทมินาเปตํ, โปฎฺฐปาท , ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตาฯ ติฎฺฐเตว สายํ 8, โปฎฺฐปาท, โอฬาริโก อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก กพฬีการาหารภโกฺข, อถ อิมสฺส ปุริสสฺส อญฺญา จ สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติ, อญฺญา จ สญฺญา นิรุชฺฌนฺติฯ อิมินา โข เอตํ, โปฎฺฐปาท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตา’’ติฯ
417. ‘‘Saññā nu kho, bhante, purisassa attā, udāhu aññā saññā añño attā’’ti? ‘‘Kaṃ pana tvaṃ, poṭṭhapāda, attānaṃ paccesī’’ti ? ‘‘Oḷārikaṃ kho ahaṃ, bhante, attānaṃ paccemi rūpiṃ cātumahābhūtikaṃ kabaḷīkārāhārabhakkha’’nti 9. ‘‘Oḷāriko ca hi te, poṭṭhapāda, attā abhavissa rūpī cātumahābhūtiko kabaḷīkārāhārabhakkho. Evaṃ santaṃ kho te, poṭṭhapāda, aññāva saññā bhavissati añño attā. Tadamināpetaṃ, poṭṭhapāda , pariyāyena veditabbaṃ yathā aññāva saññā bhavissati añño attā. Tiṭṭhateva sāyaṃ 10, poṭṭhapāda, oḷāriko attā rūpī cātumahābhūtiko kabaḷīkārāhārabhakkho, atha imassa purisassa aññā ca saññā uppajjanti, aññā ca saññā nirujjhanti. Iminā kho etaṃ, poṭṭhapāda, pariyāyena veditabbaṃ yathā aññāva saññā bhavissati añño attā’’ti.
๔๑๘. ‘‘มโนมยํ โข อหํ, ภเนฺต, อตฺตานํ ปเจฺจมิ สพฺพงฺคปจฺจงฺคิํ อหีนินฺทฺริย’’นฺติฯ ‘‘มโนมโย จ หิ เต, โปฎฺฐปาท, อตฺตา อภวิสฺส สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย, เอวํ สนฺตมฺปิ โข เต, โปฎฺฐปาท, อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตาฯ ตทมินาเปตํ, โปฎฺฐปาท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตาฯ ติฎฺฐเตว สายํ, โปฎฺฐปาท, มโนมโย อตฺตา สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย, อถ อิมสฺส ปุริสสฺส อญฺญา จ สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติ, อญฺญา จ สญฺญา นิรุชฺฌนฺติฯ อิมินาปิ โข เอตํ, โปฎฺฐปาท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตา’’ติฯ
418. ‘‘Manomayaṃ kho ahaṃ, bhante, attānaṃ paccemi sabbaṅgapaccaṅgiṃ ahīnindriya’’nti. ‘‘Manomayo ca hi te, poṭṭhapāda, attā abhavissa sabbaṅgapaccaṅgī ahīnindriyo, evaṃ santampi kho te, poṭṭhapāda, aññāva saññā bhavissati añño attā. Tadamināpetaṃ, poṭṭhapāda, pariyāyena veditabbaṃ yathā aññāva saññā bhavissati añño attā. Tiṭṭhateva sāyaṃ, poṭṭhapāda, manomayo attā sabbaṅgapaccaṅgī ahīnindriyo, atha imassa purisassa aññā ca saññā uppajjanti, aññā ca saññā nirujjhanti. Imināpi kho etaṃ, poṭṭhapāda, pariyāyena veditabbaṃ yathā aññāva saññā bhavissati añño attā’’ti.
๔๑๙. ‘‘อรูปิํ โข อหํ, ภเนฺต, อตฺตานํ ปเจฺจมิ สญฺญามย’’นฺติฯ ‘‘อรูปี จ หิ เต, โปฎฺฐปาท, อตฺตา อภวิสฺส สญฺญามโย, เอวํ สนฺตมฺปิ โข เต, โปฎฺฐปาท, อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตาฯ ตทมินาเปตํ, โปฎฺฐปาท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตาฯ ติฎฺฐเตว สายํ, โปฎฺฐปาท, อรูปี อตฺตา สญฺญามโย, อถ อิมสฺส ปุริสสฺส อญฺญา จ สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติ, อญฺญา จ สญฺญา นิรุชฺฌนฺติฯ อิมินาปิ โข เอตํ, โปฎฺฐปาท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสติ อโญฺญ อตฺตา’’ติฯ
419. ‘‘Arūpiṃ kho ahaṃ, bhante, attānaṃ paccemi saññāmaya’’nti. ‘‘Arūpī ca hi te, poṭṭhapāda, attā abhavissa saññāmayo, evaṃ santampi kho te, poṭṭhapāda, aññāva saññā bhavissati añño attā. Tadamināpetaṃ, poṭṭhapāda, pariyāyena veditabbaṃ yathā aññāva saññā bhavissati añño attā. Tiṭṭhateva sāyaṃ, poṭṭhapāda, arūpī attā saññāmayo, atha imassa purisassa aññā ca saññā uppajjanti, aññā ca saññā nirujjhanti. Imināpi kho etaṃ, poṭṭhapāda, pariyāyena veditabbaṃ yathā aññāva saññā bhavissati añño attā’’ti.
๔๒๐. ‘‘สกฺกา ปเนตํ, ภเนฺต, มยา ญาตุํ – ‘สญฺญา ปุริสสฺส อตฺตา’ติ วา ‘อญฺญาว สญฺญา อโญฺญ อตฺตาติ วา’ติ? ‘‘ทุชฺชานํ โข เอตํ 11, โปฎฺฐปาท, ตยา อญฺญทิฎฺฐิเกน อญฺญขนฺติเกน อญฺญรุจิเกน อญฺญตฺราโยเคน อญฺญตฺราจริยเกน – ‘สญฺญา ปุริสสฺส อตฺตา’ติ วา, ‘อญฺญาว สญฺญา อโญฺญ อตฺตาติ วา’’’ติฯ
420. ‘‘Sakkā panetaṃ, bhante, mayā ñātuṃ – ‘saññā purisassa attā’ti vā ‘aññāva saññā añño attāti vā’ti? ‘‘Dujjānaṃ kho etaṃ 12, poṭṭhapāda, tayā aññadiṭṭhikena aññakhantikena aññarucikena aññatrāyogena aññatrācariyakena – ‘saññā purisassa attā’ti vā, ‘aññāva saññā añño attāti vā’’’ti.
‘‘สเจ ตํ, ภเนฺต, มยา ทุชฺชานํ อญฺญทิฎฺฐิเกน อญฺญขนฺติเกน อญฺญรุจิเกน อญฺญตฺราโยเคน อญฺญตฺราจริยเกน – ‘สญฺญา ปุริสสฺส อตฺตา’ติ วา, ‘อญฺญาว สญฺญา อโญฺญ อตฺตา’ติ วา; ‘กิํ ปน, ภเนฺต, สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ? อพฺยากตํ โข เอตํ, โปฎฺฐปาท, มยา – ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ
‘‘Sace taṃ, bhante, mayā dujjānaṃ aññadiṭṭhikena aññakhantikena aññarucikena aññatrāyogena aññatrācariyakena – ‘saññā purisassa attā’ti vā, ‘aññāva saññā añño attā’ti vā; ‘kiṃ pana, bhante, sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti? Abyākataṃ kho etaṃ, poṭṭhapāda, mayā – ‘sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti.
‘‘กิํ ปน, ภเนฺต, ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติ ? ‘‘เอตมฺปิ โข, โปฎฺฐปาท, มยา อพฺยากตํ – ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ pana, bhante, ‘asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti ? ‘‘Etampi kho, poṭṭhapāda, mayā abyākataṃ – ‘asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘กิํ ปน, ภเนฺต, ‘อนฺตวา โลโก…เป.… ‘อนนฺตวา โลโก … ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ… ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ… ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติ? ‘‘เอตมฺปิ โข, โปฎฺฐปาท, มยา อพฺยากตํ – ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ pana, bhante, ‘antavā loko…pe… ‘anantavā loko … ‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ… ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ… ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā… ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā… ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā… ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti? ‘‘Etampi kho, poṭṭhapāda, mayā abyākataṃ – ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘กสฺมา ปเนตํ, ภเนฺต, ภควตา อพฺยากต’’นฺติ? ‘‘น เหตํ, โปฎฺฐปาท, อตฺถสํหิตํ น ธมฺมสํหิตํ นาทิพฺรหฺมจริยกํ, น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ตสฺมา เอตํ มยา อพฺยากต’’นฺติฯ
‘‘Kasmā panetaṃ, bhante, bhagavatā abyākata’’nti? ‘‘Na hetaṃ, poṭṭhapāda, atthasaṃhitaṃ na dhammasaṃhitaṃ nādibrahmacariyakaṃ, na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati, tasmā etaṃ mayā abyākata’’nti.
‘‘กิํ ปน, ภเนฺต, ภควตา พฺยากต’’นฺติ? ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา พฺยากตํฯ อยํ ทุกฺขสมุทโยติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา พฺยากตํฯ อยํ ทุกฺขนิโรโธติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา พฺยากตํฯ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา พฺยากต’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ pana, bhante, bhagavatā byākata’’nti? ‘‘Idaṃ dukkhanti kho, poṭṭhapāda, mayā byākataṃ. Ayaṃ dukkhasamudayoti kho, poṭṭhapāda, mayā byākataṃ. Ayaṃ dukkhanirodhoti kho, poṭṭhapāda, mayā byākataṃ. Ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti kho, poṭṭhapāda, mayā byākata’’nti.
‘‘กสฺมา ปเนตํ, ภเนฺต, ภควตา พฺยากต’’นฺติ? ‘‘เอตญฺหิ, โปฎฺฐปาท, อตฺถสํหิตํ, เอตํ ธมฺมสํหิตํ, เอตํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, เอตํ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ; ตสฺมา เอตํ มยา พฺยากต’’นฺติฯ ‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคต ฯ ยสฺสทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ อถ โข ภควา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
‘‘Kasmā panetaṃ, bhante, bhagavatā byākata’’nti? ‘‘Etañhi, poṭṭhapāda, atthasaṃhitaṃ, etaṃ dhammasaṃhitaṃ, etaṃ ādibrahmacariyakaṃ, etaṃ nibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati; tasmā etaṃ mayā byākata’’nti. ‘‘Evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata . Yassadāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti. Atha kho bhagavā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
๔๒๑. อถ โข เต ปริพฺพาชกา อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต โปฎฺฐปาทํ ปริพฺพาชกํ สมนฺตโต วาจา 13 สนฺนิโตทเกน สญฺฌพฺภริมกํสุ – ‘‘เอวเมว ปนายํ ภวํ โปฎฺฐปาโท ยญฺญเทว สมโณ โคตโม ภาสติ, ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทติ – ‘เอวเมตํ ภควา เอวเมตํ, สุคตา’ติฯ น โข ปน มยํ กิญฺจิ 14 สมณสฺส โคตมสฺส เอกํสิกํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาม – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา, ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีร’นฺติ วา , ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา’’ติฯ
421. Atha kho te paribbājakā acirapakkantassa bhagavato poṭṭhapādaṃ paribbājakaṃ samantato vācā 15 sannitodakena sañjhabbharimakaṃsu – ‘‘evameva panāyaṃ bhavaṃ poṭṭhapādo yaññadeva samaṇo gotamo bhāsati, taṃ tadevassa abbhanumodati – ‘evametaṃ bhagavā evametaṃ, sugatā’ti. Na kho pana mayaṃ kiñci 16 samaṇassa gotamassa ekaṃsikaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāma – ‘sassato loko’ti vā, ‘asassato loko’ti vā, ‘antavā loko’ti vā, ‘anantavā loko’ti vā, ‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’nti vā, ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīra’nti vā , ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā, ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā, ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā, ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā’’ti.
เอวํ วุเตฺต โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก เต ปริพฺพาชเก เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ โข, โภ, น กิญฺจิ สมณสฺส โคตมสฺส เอกํสิกํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป.… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา; อปิ จ สมโณ โคตโม ภูตํ ตจฺฉํ ตถํ ปฎิปทํ ปญฺญเปติ ธมฺมฎฺฐิตตํ ธมฺมนิยามตํฯ ภูตํ โข ปน ตจฺฉํ ตถํ ปฎิปทํ ปญฺญเปนฺตสฺส ธมฺมฎฺฐิตตํ ธมฺมนิยามตํ, กถญฺหิ นาม มาทิโส วิญฺญู สมณสฺส โคตมสฺส สุภาสิตํ สุภาสิตโต นาพฺภนุโมเทยฺยา’’ติ?
Evaṃ vutte poṭṭhapādo paribbājako te paribbājake etadavoca – ‘‘ahampi kho, bho, na kiñci samaṇassa gotamassa ekaṃsikaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘sassato loko’ti vā, ‘asassato loko’ti vā…pe… ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā; api ca samaṇo gotamo bhūtaṃ tacchaṃ tathaṃ paṭipadaṃ paññapeti dhammaṭṭhitataṃ dhammaniyāmataṃ. Bhūtaṃ kho pana tacchaṃ tathaṃ paṭipadaṃ paññapentassa dhammaṭṭhitataṃ dhammaniyāmataṃ, kathañhi nāma mādiso viññū samaṇassa gotamassa subhāsitaṃ subhāsitato nābbhanumodeyyā’’ti?
จิตฺตหตฺถิสาริปุตฺตโปฎฺฐปาทวตฺถุ
Cittahatthisāriputtapoṭṭhapādavatthu
๔๒๒. อถ โข ทฺวีหตีหสฺส อจฺจเยน จิโตฺต จ หตฺถิสาริปุโตฺต โปฎฺฐปาโท จ ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ โปฎฺฐปาโท ปน ปริพฺพาชโก ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตทา มํ, ภเนฺต, เต ปริพฺพาชกา อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต สมนฺตโต วาจาสนฺนิโตทเกน สญฺฌพฺภริมกํสุ – ‘เอวเมว ปนายํ ภวํ โปฎฺฐปาโท ยญฺญเทว สมโณ โคตโม ภาสติ, ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทติ – ‘เอวเมตํ ภควา เอวเมตํ สุคตา’’ติฯ น โข ปน มยํ กิญฺจิ สมณสฺส โคตมสฺส เอกํสิกํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาม – ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ วา, ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ วา, ‘‘อนฺตวา โลโก’’ติ วา, ‘‘อนนฺตวา โลโก’’ติ วา, ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ วา, ‘‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีร’’นฺติ วา, ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วา, ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วา, ‘‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วา, ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วา’ติฯ เอวํ วุตฺตาหํ, ภเนฺต, เต ปริพฺพาชเก เอตทโวจํ – ‘อหมฺปิ โข, โภ, น กิญฺจิ สมณสฺส โคตมสฺส เอกํสิกํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ วา, ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ วา…เป.… ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วา; อปิ จ สมโณ โคตโม ภูตํ ตจฺฉํ ตถํ ปฎิปทํ ปญฺญเปติ ธมฺมฎฺฐิตตํ ธมฺมนิยามตํฯ ภูตํ โข ปน ตจฺฉํ ตถํ ปฎิปทํ ปญฺญเปนฺตสฺส ธมฺมฎฺฐิตตํ ธมฺมนิยามตํ, กถญฺหิ นาม มาทิโส วิญฺญู สมณสฺส โคตมสฺส สุภาสิตํ สุภาสิตโต นาพฺภนุโมเทยฺยา’’ติ?
422. Atha kho dvīhatīhassa accayena citto ca hatthisāriputto poṭṭhapādo ca paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā citto hatthisāriputto bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Poṭṭhapādo pana paribbājako bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho poṭṭhapādo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tadā maṃ, bhante, te paribbājakā acirapakkantassa bhagavato samantato vācāsannitodakena sañjhabbharimakaṃsu – ‘evameva panāyaṃ bhavaṃ poṭṭhapādo yaññadeva samaṇo gotamo bhāsati, taṃ tadevassa abbhanumodati – ‘evametaṃ bhagavā evametaṃ sugatā’’ti. Na kho pana mayaṃ kiñci samaṇassa gotamassa ekaṃsikaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāma – ‘‘sassato loko’’ti vā, ‘‘asassato loko’’ti vā, ‘‘antavā loko’’ti vā, ‘‘anantavā loko’’ti vā, ‘‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’’nti vā, ‘‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīra’’nti vā, ‘‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti vā, ‘‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti vā, ‘‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti vā, ‘‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti vā’ti. Evaṃ vuttāhaṃ, bhante, te paribbājake etadavocaṃ – ‘ahampi kho, bho, na kiñci samaṇassa gotamassa ekaṃsikaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘‘sassato loko’’ti vā, ‘‘asassato loko’’ti vā…pe… ‘‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti vā; api ca samaṇo gotamo bhūtaṃ tacchaṃ tathaṃ paṭipadaṃ paññapeti dhammaṭṭhitataṃ dhammaniyāmataṃ. Bhūtaṃ kho pana tacchaṃ tathaṃ paṭipadaṃ paññapentassa dhammaṭṭhitataṃ dhammaniyāmataṃ, kathañhi nāma mādiso viññū samaṇassa gotamassa subhāsitaṃ subhāsitato nābbhanumodeyyā’’ti?
๔๒๓. ‘‘สเพฺพว โข เอเต, โปฎฺฐปาท, ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกา; ตฺวํเยว เนสํ เอโก จกฺขุมาฯ เอกํสิกาปิ หิ โข, โปฎฺฐปาท, มยา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา; อเนกํสิกาปิ หิ โข , โปฎฺฐปาท, มยา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตาฯ
423. ‘‘Sabbeva kho ete, poṭṭhapāda, paribbājakā andhā acakkhukā; tvaṃyeva nesaṃ eko cakkhumā. Ekaṃsikāpi hi kho, poṭṭhapāda, mayā dhammā desitā paññattā; anekaṃsikāpi hi kho , poṭṭhapāda, mayā dhammā desitā paññattā.
‘‘กตเม จ เต, โปฎฺฐปาท, มยา อเนกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา? ‘สสฺสโต โลโก’ติ 17 โข, โปฎฺฐปาท, มยา อเนกํสิโก ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺต; ‘อสสฺสโต โลโก’ติ 18 โข, โปฎฺฐปาท, มยา อเนกํสิโก ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺต; ‘อนฺตวา โลโก’ติ 19 โข โปฎฺฐปาท…เป.… ‘อนนฺตวา โลโก’ติ 20 โข โปฎฺฐปาท… ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ โข โปฎฺฐปาท… ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีร’นฺติ โข โปฎฺฐปาท… ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข โปฎฺฐปาท… น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข โปฎฺฐปาท… ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข โปฎฺฐปาท… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา อเนกํสิโก ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺตฯ
‘‘Katame ca te, poṭṭhapāda, mayā anekaṃsikā dhammā desitā paññattā? ‘Sassato loko’ti 21 kho, poṭṭhapāda, mayā anekaṃsiko dhammo desito paññatto; ‘asassato loko’ti 22 kho, poṭṭhapāda, mayā anekaṃsiko dhammo desito paññatto; ‘antavā loko’ti 23 kho poṭṭhapāda…pe… ‘anantavā loko’ti 24 kho poṭṭhapāda… ‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’nti kho poṭṭhapāda… ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīra’nti kho poṭṭhapāda… ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho poṭṭhapāda… na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho poṭṭhapāda… ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho poṭṭhapāda… ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, poṭṭhapāda, mayā anekaṃsiko dhammo desito paññatto.
‘‘กสฺมา จ เต, โปฎฺฐปาท, มยา อเนกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา? น เหเต, โปฎฺฐปาท, อตฺถสํหิตา น ธมฺมสํหิตา น อาทิพฺรหฺมจริยกา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติฯ ตสฺมา เต มยา อเนกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา’’ฯ
‘‘Kasmā ca te, poṭṭhapāda, mayā anekaṃsikā dhammā desitā paññattā? Na hete, poṭṭhapāda, atthasaṃhitā na dhammasaṃhitā na ādibrahmacariyakā na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattanti. Tasmā te mayā anekaṃsikā dhammā desitā paññattā’’.
เอกํสิกธโมฺม
Ekaṃsikadhammo
๔๒๔. ‘‘กตเม จ เต, โปฎฺฐปาท, มยา เอกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา ? อิทํ ทุกฺขนฺติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา เอกํสิโก ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺตฯ อยํ ทุกฺขสมุทโยติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา เอกํสิโก ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺตฯ อยํ ทุกฺขนิโรโธติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา เอกํสิโก ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺตฯ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ โข, โปฎฺฐปาท, มยา เอกํสิโก ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺตฯ
424. ‘‘Katame ca te, poṭṭhapāda, mayā ekaṃsikā dhammā desitā paññattā ? Idaṃ dukkhanti kho, poṭṭhapāda, mayā ekaṃsiko dhammo desito paññatto. Ayaṃ dukkhasamudayoti kho, poṭṭhapāda, mayā ekaṃsiko dhammo desito paññatto. Ayaṃ dukkhanirodhoti kho, poṭṭhapāda, mayā ekaṃsiko dhammo desito paññatto. Ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti kho, poṭṭhapāda, mayā ekaṃsiko dhammo desito paññatto.
‘‘กสฺมา จ เต, โปฎฺฐปาท, มยา เอกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา? เอเต, โปฎฺฐปาท, อตฺถสํหิตา , เอเต ธมฺมสํหิตา, เอเต อาทิพฺรหฺมจริยกา เอเต นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติฯ ตสฺมา เต มยา เอกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตาฯ
‘‘Kasmā ca te, poṭṭhapāda, mayā ekaṃsikā dhammā desitā paññattā? Ete, poṭṭhapāda, atthasaṃhitā , ete dhammasaṃhitā, ete ādibrahmacariyakā ete nibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattanti. Tasmā te mayā ekaṃsikā dhammā desitā paññattā.
๔๒๕. ‘‘สนฺติ, โปฎฺฐปาท, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’ติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’ติ? เต เจ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อามา’ติ ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอกนฺตสุขํ โลกํ ชานํ ปสฺสํ วิหรถา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
425. ‘‘Santi, poṭṭhapāda, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘ekantasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’ti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘ekantasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’ti? Te ce me evaṃ puṭṭhā ‘āmā’ti paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto ekantasukhaṃ lokaṃ jānaṃ passaṃ viharathā’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอกํ วา รตฺติํ เอกํ วา ทิวสํ อุปฑฺฒํ วา รตฺติํ อุปฑฺฒํ วา ทิวสํ เอกนฺตสุขิํ อตฺตานํ สญฺชานาถา’ติ 25? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ชานาถ – ‘‘อยํ มโคฺค อยํ ปฎิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
‘‘Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto ekaṃ vā rattiṃ ekaṃ vā divasaṃ upaḍḍhaṃ vā rattiṃ upaḍḍhaṃ vā divasaṃ ekantasukhiṃ attānaṃ sañjānāthā’ti 26? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto jānātha – ‘‘ayaṃ maggo ayaṃ paṭipadā ekantasukhassa lokassa sacchikiriyāyā’’’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ยา ตา เทวตา เอกนฺตสุขํ โลกํ อุปปนฺนา, ตาสํ ภาสมานานํ สทฺทํ สุณาถ – ‘‘สุปฺปฎิปนฺนาตฺถ, มาริสา, อุชุปฺปฎิปนฺนาตฺถ, มาริสา, เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยาย; มยมฺปิ หิ, มาริสา, เอวํปฎิปนฺนา เอกนฺตสุขํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
‘‘Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto yā tā devatā ekantasukhaṃ lokaṃ upapannā, tāsaṃ bhāsamānānaṃ saddaṃ suṇātha – ‘‘suppaṭipannāttha, mārisā, ujuppaṭipannāttha, mārisā, ekantasukhassa lokassa sacchikiriyāya; mayampi hi, mārisā, evaṃpaṭipannā ekantasukhaṃ lokaṃ upapannā’ti ? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
๔๒๖. ‘‘เสยฺยถาปิ, โปฎฺฐปาท, ปุริโส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ ยา อิมสฺมิํ ชนปเท ชนปทกลฺยาณี, ตํ อิจฺฉามิ ตํ กาเมมี’ติฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณิํ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณิํ ขตฺติยี วา พฺราหฺมณี วา เวสฺสี วา สุทฺที วา’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘โน’ติ วเทยฺยฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส , ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณิํ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณิํ เอวํนามา เอวํโคตฺตาติ วา, ทีฆา วา รสฺสา วา มชฺฌิมา วา กาฬี วา สามา วา มงฺคุรจฺฉวี วาติ, อมุกสฺมิํ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘โน’ติ วเทยฺยฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ, ตํ ตฺวํ อิจฺฉสิ กาเมสี’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘อามา’ติ วเทยฺยฯ
426. ‘‘Seyyathāpi, poṭṭhapāda, puriso evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ yā imasmiṃ janapade janapadakalyāṇī, taṃ icchāmi taṃ kāmemī’ti. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yaṃ tvaṃ janapadakalyāṇiṃ icchasi kāmesi, jānāsi taṃ janapadakalyāṇiṃ khattiyī vā brāhmaṇī vā vessī vā suddī vā’ti? Iti puṭṭho ‘no’ti vadeyya. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa , yaṃ tvaṃ janapadakalyāṇiṃ icchasi kāmesi, jānāsi taṃ janapadakalyāṇiṃ evaṃnāmā evaṃgottāti vā, dīghā vā rassā vā majjhimā vā kāḷī vā sāmā vā maṅguracchavī vāti, amukasmiṃ gāme vā nigame vā nagare vā’ti? Iti puṭṭho ‘no’ti vadeyya. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yaṃ tvaṃ na jānāsi na passasi, taṃ tvaṃ icchasi kāmesī’ti? Iti puṭṭho ‘āmā’ti vadeyya.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ , โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi , poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante tassa purisassa appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tassa purisassa appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
‘‘เอวเมว โข, โปฎฺฐปาท, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’ติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’’ติ? เต เจ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อามา’ติ ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอกนฺตสุขํ โลกํ ชานํ ปสฺสํ วิหรถา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
‘‘Evameva kho, poṭṭhapāda, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘ekantasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’ti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘ekantasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’’’ti? Te ce me evaṃ puṭṭhā ‘āmā’ti paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto ekantasukhaṃ lokaṃ jānaṃ passaṃ viharathā’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอกํ วา รตฺติํ เอกํ วา ทิวสํ อุปฑฺฒํ วา รตฺติํ อุปฑฺฒํ วา ทิวสํ เอกนฺตสุขิํ อตฺตานํ สญฺชานาถา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ชานาถ – ‘‘อยํ มโคฺค อยํ ปฎิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
‘‘Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto ekaṃ vā rattiṃ ekaṃ vā divasaṃ upaḍḍhaṃ vā rattiṃ upaḍḍhaṃ vā divasaṃ ekantasukhiṃ attānaṃ sañjānāthā’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto jānātha – ‘‘ayaṃ maggo ayaṃ paṭipadā ekantasukhassa lokassa sacchikiriyāyā’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ยา ตา เทวตา เอกนฺตสุขํ โลกํ อุปปนฺนา, ตาสํ ภาสมานานํ สทฺทํ สุณาถ – ‘‘สุปฺปฎิปนฺนาตฺถ, มาริสา, อุชุปฺปฎิปนฺนาตฺถ, มาริสา, เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยาย; มยมฺปิ หิ, มาริสา, เอวํปฎิปนฺนา เอกนฺตสุขํ โลกํ อุปปนฺนา’’’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
‘‘Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto yā tā devatā ekantasukhaṃ lokaṃ upapannā, tāsaṃ bhāsamānānaṃ saddaṃ suṇātha – ‘‘suppaṭipannāttha, mārisā, ujuppaṭipannāttha, mārisā, ekantasukhassa lokassa sacchikiriyāya; mayampi hi, mārisā, evaṃpaṭipannā ekantasukhaṃ lokaṃ upapannā’’’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
๔๒๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, โปฎฺฐปาท, ปุริโส จาตุมหาปเถ นิเสฺสณิํ กเรยฺย ปาสาทสฺส อาโรหณายฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยสฺส ตฺวํ 27 ปาสาทสฺส อาโรหณาย นิเสฺสณิํ กโรสิ, ชานาสิ ตํ ปาสาทํ ปุรตฺถิมาย วา ทิสาย ทกฺขิณาย วา ทิสาย ปจฺฉิมาย วา ทิสาย อุตฺตราย วา ทิสาย อุโจฺจ วา นีโจ วา มชฺฌิโม วา’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘โน’ติ วเทยฺยฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ, ตสฺส ตฺวํ ปาสาทสฺส อาโรหณาย นิเสฺสณิํ กโรสี’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘อามา’ติ วเทยฺยฯ
427. ‘‘Seyyathāpi, poṭṭhapāda, puriso cātumahāpathe nisseṇiṃ kareyya pāsādassa ārohaṇāya. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yassa tvaṃ 28 pāsādassa ārohaṇāya nisseṇiṃ karosi, jānāsi taṃ pāsādaṃ puratthimāya vā disāya dakkhiṇāya vā disāya pacchimāya vā disāya uttarāya vā disāya ucco vā nīco vā majjhimo vā’ti? Iti puṭṭho ‘no’ti vadeyya. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yaṃ tvaṃ na jānāsi na passasi, tassa tvaṃ pāsādassa ārohaṇāya nisseṇiṃ karosī’ti? Iti puṭṭho ‘āmā’ti vadeyya.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante tassa purisassa appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tassa purisassa appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
‘‘เอวเมว โข, โปฎฺฐปาท, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’ติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’ติ ? เต เจ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อามา’ติ ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอกนฺตสุขํ โลกํ ชานํ ปสฺสํ วิหรถา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
‘‘Evameva kho, poṭṭhapāda, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘ekantasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’ti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘ekantasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’ti ? Te ce me evaṃ puṭṭhā ‘āmā’ti paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto ekantasukhaṃ lokaṃ jānaṃ passaṃ viharathā’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอกํ วา รตฺติํ เอกํ วา ทิวสํ อุปฑฺฒํ วา รตฺติํ อุปฑฺฒํ วา ทิวสํ เอกนฺตสุขิํ อตฺตานํ สญฺชานาถา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ชานาถ อยํ มโคฺค อยํ ปฎิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘โน’ติ วทนฺติฯ
‘‘Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto ekaṃ vā rattiṃ ekaṃ vā divasaṃ upaḍḍhaṃ vā rattiṃ upaḍḍhaṃ vā divasaṃ ekantasukhiṃ attānaṃ sañjānāthā’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto jānātha ayaṃ maggo ayaṃ paṭipadā ekantasukhassa lokassa sacchikiriyāyā’ti? Iti puṭṭhā ‘no’ti vadanti.
‘‘ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ยา ตา เทวตา เอกนฺตสุขํ โลกํ อุปปนฺนา’ ตาสํ เทวตานํ ภาสมานานํ สทฺทํ สุณาถ- ‘‘สุปฺปฎิปนฺนาตฺถ, มาริสา, อุชุปฺปฎิปนฺนาตฺถ , มาริสา, เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยาย; มยมฺปิ หิ, มาริสา, เอวํ ปฎิปนฺนา เอกนฺตสุขํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ? อิติ ปุฎฺฐา ‘‘โน’’ติ วทนฺติฯ
‘‘Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘api pana tumhe āyasmanto yā tā devatā ekantasukhaṃ lokaṃ upapannā’ tāsaṃ devatānaṃ bhāsamānānaṃ saddaṃ suṇātha- ‘‘suppaṭipannāttha, mārisā, ujuppaṭipannāttha , mārisā, ekantasukhassa lokassa sacchikiriyāya; mayampi hi, mārisā, evaṃ paṭipannā ekantasukhaṃ lokaṃ upapannā’ti? Iti puṭṭhā ‘‘no’’ti vadanti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
ตโย อตฺตปฎิลาภา
Tayo attapaṭilābhā
๔๒๘. ‘‘ตโย โข เม, โปฎฺฐปาท, อตฺตปฎิลาภา – โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ, มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ, อรูโป อตฺตปฎิลาโภฯ กตโม จ, โปฎฺฐปาท, โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ? รูปี จาตุมหาภูติโก กพฬีการาหารภโกฺข 29, อยํ โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภฯ กตโม มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ? รูปี มโนมโย สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย, อยํ มโนมโย อตฺตปฎิลาโภฯ กตโม อรูโป อตฺตปฎิลาโภ? อรูปี สญฺญามโย, อยํ อรูโป อตฺตปฎิลาโภฯ
428. ‘‘Tayo kho me, poṭṭhapāda, attapaṭilābhā – oḷāriko attapaṭilābho, manomayo attapaṭilābho, arūpo attapaṭilābho. Katamo ca, poṭṭhapāda, oḷāriko attapaṭilābho? Rūpī cātumahābhūtiko kabaḷīkārāhārabhakkho 30, ayaṃ oḷāriko attapaṭilābho. Katamo manomayo attapaṭilābho? Rūpī manomayo sabbaṅgapaccaṅgī ahīnindriyo, ayaṃ manomayo attapaṭilābho. Katamo arūpo attapaṭilābho? Arūpī saññāmayo, ayaṃ arūpo attapaṭilābho.
๔๒๙. ‘‘โอฬาริกสฺสปิ โข อหํ, โปฎฺฐปาท, อตฺตปฎิลาภสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสมิ – ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถาติฯ สิยา โข ปน เต, โปฎฺฐปาท, เอวมสฺส – สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ, ทุโกฺข จ โข วิหาโรติ, น โข ปเนตํ, โปฎฺฐปาท, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ สํกิเลสิกา เจว ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา จ ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ, ปามุชฺชํ เจว ภวิสฺสติ ปีติ จ ปสฺสทฺธิ จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ สุโข จ วิหาโรฯ
429. ‘‘Oḷārikassapi kho ahaṃ, poṭṭhapāda, attapaṭilābhassa pahānāya dhammaṃ desemi – yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathāti. Siyā kho pana te, poṭṭhapāda, evamassa – saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati, dukkho ca kho vihāroti, na kho panetaṃ, poṭṭhapāda, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Saṃkilesikā ceva dhammā pahīyissanti, vodāniyā ca dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati, pāmujjaṃ ceva bhavissati pīti ca passaddhi ca sati ca sampajaññañca sukho ca vihāro.
๔๓๐. ‘‘มโนมยสฺสปิ โข อหํ, โปฎฺฐปาท, อตฺตปฎิลาภสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสมิ ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถาติ ฯ สิยา โข ปน เต, โปฎฺฐปาท, เอวมสฺส – ‘สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ, ทุโกฺข จ โข วิหาโร’ติ, น โข ปเนตํ, โปฎฺฐปาท, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ สํกิเลสิกา เจว ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา จ ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ , ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ, ปามุชฺชํ เจว ภวิสฺสติ ปีติ จ ปสฺสทฺธิ จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ สุโข จ วิหาโรฯ
430. ‘‘Manomayassapi kho ahaṃ, poṭṭhapāda, attapaṭilābhassa pahānāya dhammaṃ desemi yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathāti . Siyā kho pana te, poṭṭhapāda, evamassa – ‘saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati, dukkho ca kho vihāro’ti, na kho panetaṃ, poṭṭhapāda, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Saṃkilesikā ceva dhammā pahīyissanti, vodāniyā ca dhammā abhivaḍḍhissanti , paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati, pāmujjaṃ ceva bhavissati pīti ca passaddhi ca sati ca sampajaññañca sukho ca vihāro.
๔๓๑. ‘‘อรูปสฺสปิ โข อหํ, โปฎฺฐปาท, อตฺตปฎิลาภสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสมิ ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ , ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถาติฯ สิยา โข ปน เต, โปฎฺฐปาท, เอวมสฺส – ‘สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ, ทุโกฺข จ โข วิหาโร’ติ, น โข ปเนตํ , โปฎฺฐปาท, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ สํกิเลสิกา เจว ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา จ ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ, ปามุชฺชํ เจว ภวิสฺสติ ปีติ จ ปสฺสทฺธิ จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ สุโข จ วิหาโรฯ
431. ‘‘Arūpassapi kho ahaṃ, poṭṭhapāda, attapaṭilābhassa pahānāya dhammaṃ desemi yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti , paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathāti. Siyā kho pana te, poṭṭhapāda, evamassa – ‘saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati, dukkho ca kho vihāro’ti, na kho panetaṃ , poṭṭhapāda, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Saṃkilesikā ceva dhammā pahīyissanti, vodāniyā ca dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati, pāmujjaṃ ceva bhavissati pīti ca passaddhi ca sati ca sampajaññañca sukho ca vihāro.
๔๓๒. ‘‘ปเร เจ, โปฎฺฐปาท, อเมฺห เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กตโม ปน โส, อาวุโส , โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ, ยสฺส ตุเมฺห ปหานาย ธมฺมํ เทเสถ, ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ, เตสํ มยํ เอวํ ปุฎฺฐา เอวํ พฺยากเรยฺยาม – ‘อยํ วา โส, อาวุโส, โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ, ยสฺส มยํ ปหานาย ธมฺมํ เทเสม, ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติฯ
432. ‘‘Pare ce, poṭṭhapāda, amhe evaṃ puccheyyuṃ – ‘katamo pana so, āvuso , oḷāriko attapaṭilābho, yassa tumhe pahānāya dhammaṃ desetha, yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti, tesaṃ mayaṃ evaṃ puṭṭhā evaṃ byākareyyāma – ‘ayaṃ vā so, āvuso, oḷāriko attapaṭilābho, yassa mayaṃ pahānāya dhammaṃ desema, yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti.
๔๓๓. ‘‘ปเร เจ, โปฎฺฐปาท, อเมฺห เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กตโม ปน โส, อาวุโส, มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ, ยสฺส ตุเมฺห ปหานาย ธมฺมํ เทเสถ, ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ? เตสํ มยํ เอวํ ปุฎฺฐา เอวํ พฺยากเรยฺยาม – ‘อยํ วา โส, อาวุโส, มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ ยสฺส มยํ ปหานาย ธมฺมํ เทเสม, ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ , ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติฯ
433. ‘‘Pare ce, poṭṭhapāda, amhe evaṃ puccheyyuṃ – ‘katamo pana so, āvuso, manomayo attapaṭilābho, yassa tumhe pahānāya dhammaṃ desetha, yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti? Tesaṃ mayaṃ evaṃ puṭṭhā evaṃ byākareyyāma – ‘ayaṃ vā so, āvuso, manomayo attapaṭilābho yassa mayaṃ pahānāya dhammaṃ desema, yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti , paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti.
๔๓๔. ‘‘ปเร เจ, โปฎฺฐปาท, อเมฺห เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กตโม ปน โส, อาวุโส, อรูโป อตฺตปฎิลาโภ, ยสฺส ตุเมฺห ปหานาย ธมฺมํ เทเสถ , ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ, เตสํ มยํ เอวํ ปุฎฺฐา เอวํ พฺยากเรยฺยาม – ‘อยํ วา โส, อาวุโส, อรูโป อตฺตปฎิลาโภ ยสฺส มยํ ปหานาย ธมฺมํ เทเสม, ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติฯ
434. ‘‘Pare ce, poṭṭhapāda, amhe evaṃ puccheyyuṃ – ‘katamo pana so, āvuso, arūpo attapaṭilābho, yassa tumhe pahānāya dhammaṃ desetha , yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti, tesaṃ mayaṃ evaṃ puṭṭhā evaṃ byākareyyāma – ‘ayaṃ vā so, āvuso, arūpo attapaṭilābho yassa mayaṃ pahānāya dhammaṃ desema, yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต สปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต สปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante sappāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante sappāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
๔๓๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, โปฎฺฐปาท, ปุริโส นิเสฺสณิํ กเรยฺย ปาสาทสฺส อาโรหณาย ตเสฺสว ปาสาทสฺส เหฎฺฐาฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยสฺส ตฺวํ ปาสาทสฺส อาโรหณาย นิเสฺสณิํ กโรสิ, ชานาสิ ตํ ปาสาทํ, ปุรตฺถิมาย วา ทิสาย ทกฺขิณาย วา ทิสาย ปจฺฉิมาย วา ทิสาย อุตฺตราย วา ทิสาย อุโจฺจ วา นีโจ วา มชฺฌิโม วา’ติ? โส เอวํ วเทยฺย – ‘อยํ วา โส, อาวุโส, ปาสาโท, ยสฺสาหํ อาโรหณาย นิเสฺสณิํ กโรมิ, ตเสฺสว ปาสาทสฺส เหฎฺฐา’ติฯ
435. ‘‘Seyyathāpi, poṭṭhapāda, puriso nisseṇiṃ kareyya pāsādassa ārohaṇāya tasseva pāsādassa heṭṭhā. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yassa tvaṃ pāsādassa ārohaṇāya nisseṇiṃ karosi, jānāsi taṃ pāsādaṃ, puratthimāya vā disāya dakkhiṇāya vā disāya pacchimāya vā disāya uttarāya vā disāya ucco vā nīco vā majjhimo vā’ti? So evaṃ vadeyya – ‘ayaṃ vā so, āvuso, pāsādo, yassāhaṃ ārohaṇāya nisseṇiṃ karomi, tasseva pāsādassa heṭṭhā’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส สปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส สปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante tassa purisassa sappāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tassa purisassa sappāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
๔๓๖. ‘‘เอวเมว โข, โปฎฺฐปาท, ปเร เจ อเมฺห เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กตโม ปน โส, อาวุโส, โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ…เป.… กตโม ปน โส, อาวุโส, มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ…เป.… กตโม ปน โส, อาวุโส, อรูโป อตฺตปฎิลาโภ, ยสฺส ตุเมฺห ปหานาย ธมฺมํ เทเสถ, ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ, เตสํ มยํ เอวํ ปุฎฺฐา เอวํ พฺยากเรยฺยาม – ‘อยํ วา โส, อาวุโส, อรูโป อตฺตปฎิลาโภ, ยสฺส มยํ ปหานาย ธมฺมํ เทเสม, ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานิยา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติฯ
436. ‘‘Evameva kho, poṭṭhapāda, pare ce amhe evaṃ puccheyyuṃ – ‘katamo pana so, āvuso, oḷāriko attapaṭilābho…pe… katamo pana so, āvuso, manomayo attapaṭilābho…pe… katamo pana so, āvuso, arūpo attapaṭilābho, yassa tumhe pahānāya dhammaṃ desetha, yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti, tesaṃ mayaṃ evaṃ puṭṭhā evaṃ byākareyyāma – ‘ayaṃ vā so, āvuso, arūpo attapaṭilābho, yassa mayaṃ pahānāya dhammaṃ desema, yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodāniyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โปฎฺฐปาท, นนุ เอวํ สเนฺต สปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต สปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, poṭṭhapāda, nanu evaṃ sante sappāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante sappāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti.
๔๓๗. เอวํ วุเตฺต จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺมิํ, ภเนฺต, สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ โหติ, โมฆสฺส ตสฺมิํ สมเย มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ โหติ, โมโฆ อรูโป อตฺตปฎิลาโภ โหติ; โอฬาริโก วาสฺส อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํ สมเย สโจฺจ โหติฯ ยสฺมิํ, ภเนฺต, สมเย มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ โหติ, โมฆสฺส ตสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ โหติ, โมโฆ อรูโป อตฺตปฎิลาโภ โหติ; มโนมโย วาสฺส อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํ สมเย สโจฺจ โหติฯ ยสฺมิํ, ภเนฺต, สมเย อรูโป อตฺตปฎิลาโภ โหติ, โมฆสฺส ตสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ โหติ, โมโฆ มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ โหติ; อรูโป วาสฺส อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํ สมเย สโจฺจ โหตี’’ติฯ
437. Evaṃ vutte citto hatthisāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yasmiṃ, bhante, samaye oḷāriko attapaṭilābho hoti, moghassa tasmiṃ samaye manomayo attapaṭilābho hoti, mogho arūpo attapaṭilābho hoti; oḷāriko vāssa attapaṭilābho tasmiṃ samaye sacco hoti. Yasmiṃ, bhante, samaye manomayo attapaṭilābho hoti, moghassa tasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābho hoti, mogho arūpo attapaṭilābho hoti; manomayo vāssa attapaṭilābho tasmiṃ samaye sacco hoti. Yasmiṃ, bhante, samaye arūpo attapaṭilābho hoti, moghassa tasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābho hoti, mogho manomayo attapaṭilābho hoti; arūpo vāssa attapaṭilābho tasmiṃ samaye sacco hotī’’ti.
‘‘ยสฺมิํ, จิตฺต, สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย มโนมโย อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ, น อรูโป อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ ; โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภเตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ ยสฺมิํ, จิตฺต, สมเย มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ, น อรูโป อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ; มโนมโย อตฺตปฎิลาโภเตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ ยสฺมิํ, จิตฺต, สมเย อรูโป อตฺตปฎิลาโภ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ, น มโนมโย อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ; อรูโป อตฺตปฎิลาโภเตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ
‘‘Yasmiṃ, citta, samaye oḷāriko attapaṭilābho hoti, neva tasmiṃ samaye manomayo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati, na arūpo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati ; oḷāriko attapaṭilābhotveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati. Yasmiṃ, citta, samaye manomayo attapaṭilābho hoti, neva tasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati, na arūpo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati; manomayo attapaṭilābhotveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati. Yasmiṃ, citta, samaye arūpo attapaṭilābho hoti, neva tasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati, na manomayo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati; arūpo attapaṭilābhotveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati.
๔๓๘. ‘‘สเจ ตํ, จิตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘อโหสิ ตฺวํ อตีตมทฺธานํ, น ตฺวํ นาโหสิ; ภวิสฺสสิ ตฺวํ อนาคตมทฺธานํ, น ตฺวํ น ภวิสฺสสิ; อตฺถิ ตฺวํ เอตรหิ, น ตฺวํ นตฺถี’ติ, เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, จิตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ?
438. ‘‘Sace taṃ, citta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘ahosi tvaṃ atītamaddhānaṃ, na tvaṃ nāhosi; bhavissasi tvaṃ anāgatamaddhānaṃ, na tvaṃ na bhavissasi; atthi tvaṃ etarahi, na tvaṃ natthī’ti, evaṃ puṭṭho tvaṃ, citta, kinti byākareyyāsī’’ti?
‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘อโหสิ ตฺวํ อตีตมทฺธานํ, น ตฺวํ น อโหสิ; ภวิสฺสสิ ตฺวํ อนาคตมทฺธานํ, น ตฺวํ น ภวิสฺสสิ; อตฺถิ ตฺวํ เอตรหิ, น ตฺวํ นตฺถี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘อโหสาหํ อตีตมทฺธานํ, นาหํ น อโหสิํ; ภวิสฺสามหํ อนาคตมทฺธานํ, นาหํ น ภวิสฺสามิ; อตฺถาหํ เอตรหิ, นาหํ นตฺถี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘ahosi tvaṃ atītamaddhānaṃ, na tvaṃ na ahosi; bhavissasi tvaṃ anāgatamaddhānaṃ, na tvaṃ na bhavissasi; atthi tvaṃ etarahi, na tvaṃ natthī’ti. Evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘ahosāhaṃ atītamaddhānaṃ, nāhaṃ na ahosiṃ; bhavissāmahaṃ anāgatamaddhānaṃ, nāhaṃ na bhavissāmi; atthāhaṃ etarahi, nāhaṃ natthī’ti. Evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
‘‘สเจ ปน ตํ, จิตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘โย เต อโหสิ อตีโต อตฺตปฎิลาโภ, โสว 31 เต อตฺตปฎิลาโภ สโจฺจ, โมโฆ อนาคโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปโนฺน? โย 32 เต ภวิสฺสติ อนาคโต อตฺตปฎิลาโภ, โสว เต อตฺตปฎิลาโภ สโจฺจ, โมโฆ อตีโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปโนฺน? โย 33 เต เอตรหิ ปจฺจุปฺปโนฺน อตฺตปฎิลาโภ, โสว 34 เต อตฺตปฎิลาโภ สโจฺจ, โมโฆ อตีโต, โมโฆ อนาคโต’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, จิตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ?
‘‘Sace pana taṃ, citta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘yo te ahosi atīto attapaṭilābho, sova 35 te attapaṭilābho sacco, mogho anāgato, mogho paccuppanno? Yo 36 te bhavissati anāgato attapaṭilābho, sova te attapaṭilābho sacco, mogho atīto, mogho paccuppanno? Yo 37 te etarahi paccuppanno attapaṭilābho, sova 38 te attapaṭilābho sacco, mogho atīto, mogho anāgato’ti. Evaṃ puṭṭho tvaṃ, citta, kinti byākareyyāsī’’ti?
‘‘สเจ ปน มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘โย เต อโหสิ อตีโต อตฺตปฎิลาโภ, โสว เต อตฺตปฎิลาโภ สโจฺจ, โมโฆ อนาคโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปโนฺนฯ โย เต ภวิสฺสติ อนาคโต อตฺตปฎิลาโภ, โสว เต อตฺตปฎิลาโภ สโจฺจ, โมโฆ อตีโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปโนฺนฯ โย เต เอตรหิ ปจฺจุปฺปโนฺน อตฺตปฎิลาโภ, โสว เต อตฺตปฎิลาโภ สโจฺจ, โมโฆ อตีโต, โมโฆ อนาคโต’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘โย เม อโหสิ อตีโต อตฺตปฎิลาโภ, โสว เม อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํ สมเย สโจฺจ อโหสิ, โมโฆ อนาคโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปโนฺนฯ โย เม ภวิสฺสติ อนาคโต อตฺตปฎิลาโภ, โสว เม อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํ สมเย สโจฺจ ภวิสฺสติ, โมโฆ อตีโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปโนฺนฯ โย เม เอตรหิ ปจฺจุปฺปโนฺน อตฺตปฎิลาโภ, โสว เม อตฺตปฎิลาโภ สโจฺจ, โมโฆ อตีโต, โมโฆ อนาคโต’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace pana maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘yo te ahosi atīto attapaṭilābho, sova te attapaṭilābho sacco, mogho anāgato, mogho paccuppanno. Yo te bhavissati anāgato attapaṭilābho, sova te attapaṭilābho sacco, mogho atīto, mogho paccuppanno. Yo te etarahi paccuppanno attapaṭilābho, sova te attapaṭilābho sacco, mogho atīto, mogho anāgato’ti. Evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘yo me ahosi atīto attapaṭilābho, sova me attapaṭilābho tasmiṃ samaye sacco ahosi, mogho anāgato, mogho paccuppanno. Yo me bhavissati anāgato attapaṭilābho, sova me attapaṭilābho tasmiṃ samaye sacco bhavissati, mogho atīto, mogho paccuppanno. Yo me etarahi paccuppanno attapaṭilābho, sova me attapaṭilābho sacco, mogho atīto, mogho anāgato’ti. Evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
๔๓๙. ‘‘เอวเมว โข, จิตฺต, ยสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย มโนมโย อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ, น อรูโป อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติฯ โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ เตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ ยสฺมิํ, จิตฺต, สมเย มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ โหติ…เป.… ยสฺมิํ, จิตฺต, สมเย อรูโป อตฺตปฎิลาโภ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ, น มโนมโย อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ; อรูโป อตฺตปฎิลาโภ เตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ
439. ‘‘Evameva kho, citta, yasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābho hoti, neva tasmiṃ samaye manomayo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati, na arūpo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati. Oḷāriko attapaṭilābho tveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati. Yasmiṃ, citta, samaye manomayo attapaṭilābho hoti…pe… yasmiṃ, citta, samaye arūpo attapaṭilābho hoti, neva tasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati, na manomayo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati; arūpo attapaṭilābho tveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati.
๔๔๐. ‘‘เสยฺยถาปิ, จิตฺต, ควา ขีรํ, ขีรมฺหา ทธิ, ทธิมฺหา นวนีตํ, นวนีตมฺหา สปฺปิ, สปฺปิมฺหา สปฺปิมโณฺฑฯ ยสฺมิํ สมเย ขีรํ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย ทธีติ สงฺขํ คจฺฉติ, น นวนีตนฺติ สงฺขํ คจฺฉติ, น สปฺปีติ สงฺขํ คจฺฉติ, น สปฺปิมโณฺฑติ สงฺขํ คจฺฉติ; ขีรํ เตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ ยสฺมิํ สมเย ทธิ โหติ…เป.… นวนีตํ โหติ… สปฺปิ โหติ… สปฺปิมโณฺฑ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย ขีรนฺติ สงฺขํ คจฺฉติ, น ทธีติ สงฺขํ คจฺฉติ, น นวนีตนฺติ สงฺขํ คจฺฉติ, น สปฺปีติ สงฺขํ คจฺฉติ; สปฺปิมโณฺฑ เตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ เอวเมว โข, จิตฺต, ยสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ โหติ…เป.… ยสฺมิํ, จิตฺต, สมเย มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ โหติ…เป.… ยสฺมิํ, จิตฺต, สมเย อรูโป อตฺตปฎิลาโภ โหติ, เนว ตสฺมิํ สมเย โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ, น มโนมโย อตฺตปฎิลาโภติ สงฺขํ คจฺฉติ; อรูโป อตฺตปฎิลาโภ เตฺวว ตสฺมิํ สมเย สงฺขํ คจฺฉติฯ อิมา โข จิตฺต, โลกสมญฺญา โลกนิรุตฺติโย โลกโวหารา โลกปญฺญตฺติโย , ยาหิ ตถาคโต โวหรติ อปรามส’’นฺติฯ
440. ‘‘Seyyathāpi, citta, gavā khīraṃ, khīramhā dadhi, dadhimhā navanītaṃ, navanītamhā sappi, sappimhā sappimaṇḍo. Yasmiṃ samaye khīraṃ hoti, neva tasmiṃ samaye dadhīti saṅkhaṃ gacchati, na navanītanti saṅkhaṃ gacchati, na sappīti saṅkhaṃ gacchati, na sappimaṇḍoti saṅkhaṃ gacchati; khīraṃ tveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati. Yasmiṃ samaye dadhi hoti…pe… navanītaṃ hoti… sappi hoti… sappimaṇḍo hoti, neva tasmiṃ samaye khīranti saṅkhaṃ gacchati, na dadhīti saṅkhaṃ gacchati, na navanītanti saṅkhaṃ gacchati, na sappīti saṅkhaṃ gacchati; sappimaṇḍo tveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati. Evameva kho, citta, yasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābho hoti…pe… yasmiṃ, citta, samaye manomayo attapaṭilābho hoti…pe… yasmiṃ, citta, samaye arūpo attapaṭilābho hoti, neva tasmiṃ samaye oḷāriko attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati, na manomayo attapaṭilābhoti saṅkhaṃ gacchati; arūpo attapaṭilābho tveva tasmiṃ samaye saṅkhaṃ gacchati. Imā kho citta, lokasamaññā lokaniruttiyo lokavohārā lokapaññattiyo , yāhi tathāgato voharati aparāmasa’’nti.
๔๔๑. เอวํ วุเตฺต, โปฎฺฐปาโท ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติฯ เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
441. Evaṃ vutte, poṭṭhapādo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante! Abhikkantaṃ, bhante, seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti. Evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
จิตฺตหตฺถิสาริปุตฺตอุปสมฺปทา
Cittahatthisāriputtaupasampadā
๔๔๒. จิโตฺต ปน หตฺถิสาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต; อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติฯ เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ
442. Citto pana hatthisāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante; abhikkantaṃ, bhante! Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti. Evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti.
๔๔๓. อลตฺถ โข จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน โข ปนายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต น จิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ – อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต อรหตํ อโหสีติฯ
443. Alattha kho citto hatthisāriputto bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno kho panāyasmā citto hatthisāriputto eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto na cirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti – abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā citto hatthisāriputto arahataṃ ahosīti.
โปฎฺฐปาทสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ
Poṭṭhapādasuttaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๙. โปฎฺฐปาทสุตฺตวณฺณนา • 9. Poṭṭhapādasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๙. โปฎฺฐปาทสุตฺตวณฺณนา • 9. Poṭṭhapādasuttavaṇṇanā