Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๙. โปฎฺฐปาทสุตฺตวณฺณนา
9. Poṭṭhapādasuttavaṇṇanā
โปฎฺฐปาทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
Poṭṭhapādaparibbājakavatthuvaṇṇanā
๔๐๖. สาวตฺถิยนฺติ สมีปเตฺถ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘สาวตฺถิํ อุปนิสฺสายา’’ติฯ เชตสฺส กุมารสฺส วเนติ เชเตน นาม ราชกุมาเรน โรปิเต อุปวเนฯ นิวาสผาสุตาทินา ปพฺพชิตา อารมนฺติ เอตฺถาติ อาราโม, วิหาโรฯ โผโฎ ปาเทสุ ชาโตติ โปฎฺฐปาโทฯ วตฺถจฺฉายาฉาทนปพฺพชูปคตตฺตา ฉนฺนปริพฺพาชโกฯ พฺราหฺมณมหาสาโลติ มหาวิภวตาย มหาสารตาปโตฺต พฺราหฺมโณฯ สมยนฺติ สามญฺญนิเทฺทโส, ตํ ตํ สมยนฺติ อโตฺถฯ ปวทนฺตีติ ปการโต วทนฺติ, อตฺตนา อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ยถา ตถา สมยํ วทนฺตีติ อโตฺถฯ ‘‘ปภุตโย’’ติ อิมินา โตเทยฺยชาณุโสณีโสณทณฺฑาทิเก สงฺคณฺหาติ, ปริพฺพาชกาทโยติ อาทิ-สเทฺทน ฉนฺนปริพฺพาชกาทิเกฯ ตินฺทุกาจีรเมตฺถ อตฺถีติ ตินฺทุกาจีโร, อาราโมฯ ตถา เอกา สาลา เอตฺถาติ เอกสาลโก, ตสฺมิํ ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเกฯ
406.Sāvatthiyanti samīpatthe bhummanti āha ‘‘sāvatthiṃ upanissāyā’’ti. Jetassa kumārassa vaneti jetena nāma rājakumārena ropite upavane. Nivāsaphāsutādinā pabbajitā āramanti etthāti ārāmo, vihāro. Phoṭo pādesu jātoti poṭṭhapādo. Vatthacchāyāchādanapabbajūpagatattā channaparibbājako. Brāhmaṇamahāsāloti mahāvibhavatāya mahāsāratāpatto brāhmaṇo. Samayanti sāmaññaniddeso, taṃ taṃ samayanti attho. Pavadantīti pakārato vadanti, attanā attanā uggahitaniyāmena yathā tathā samayaṃ vadantīti attho. ‘‘Pabhutayo’’ti iminā todeyyajāṇusoṇīsoṇadaṇḍādike saṅgaṇhāti, paribbājakādayoti ādi-saddena channaparibbājakādike. Tindukācīramettha atthīti tindukācīro, ārāmo. Tathā ekā sālā etthāti ekasālako, tasmiṃ tindukācīre ekasālake.
อเนกาการานวเสสเญยฺยตฺถวิภาวนโต, อปราปรุปฺปตฺติโต จ ภควโต ญาณํ ตตฺถ ปตฺถฎํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปตฺถริตฺวา’’ติ, ยโต ตสฺส ญาณชาลตา วุจฺจติ, เวเนยฺยานํ ตทโนฺตคธตา เหฎฺฐา วุตฺตาเยวฯ เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถํ สมนฺนาหาเร กเต ปฐมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวเนว อุปฎฺฐานํ โหติ, อถ สรณคมนาทิวเสน กิจฺจนิปฺผตฺติ วีมํสียตีติ อาห ‘‘กิํ นุ โข ภวิสฺสตีติ อุปปริกฺขโนฺต’’ติ ฯ นิโรธนฺติ สญฺญานิโรธํฯ นิโรธา วุฎฺฐานนฺติ ตโต นิโรธโต วุฎฺฐานํ สญฺญุปฺปตฺติํฯ สพฺพพุทฺธานํ ญาเณน สํสนฺทิตฺวาติ ยถา เต นิโรธํ, นิโรธโต วุฎฺฐานญฺจ พฺยากริํสุ, พฺยากริสฺสนฺติ จ, ตถา พฺยากรณวเสน สํสนฺทิตฺวาฯ หตฺถิสาริปุโตฺตติ หตฺถิสาริโน ปุโตฺตฯ ‘‘ยุคนฺธรปพฺพตํ ปริกฺขิปิตฺวา’’ติ อิทํ ปริกปฺปวจนํ ‘‘ตาทิสํ อตฺถิ เจ, ตํ วิยา’’ติฯ เมฆวณฺณนฺติ รตฺตเมฆวณฺณํ, สญฺฌาปฺปภานุรญฺชิตเมฆสงฺกาสนฺติ อโตฺถฯ ปจฺจคฺฆนฺติ อภินวํ อาทิโต ตถาลทฺธโวหาเรน , อนญฺญปริโภคตาย , ตถา วา สตฺถุ อธิฎฺฐาเนน โส ปโตฺต สพฺพกาลํ ‘‘ปจฺจคฺฆํ’’ เตฺวว วุจฺจติ, สิลาทิวุตฺตรตนลกฺขณูปปตฺติยา วา โส ปโตฺต ‘‘ปจฺจคฺฆ’’นฺติ วุจฺจติฯ
Anekākārānavasesañeyyatthavibhāvanato, aparāparuppattito ca bhagavato ñāṇaṃ tattha patthaṭaṃ viya hotīti vuttaṃ ‘‘sabbaññutaññāṇaṃ pattharitvā’’ti, yato tassa ñāṇajālatā vuccati, veneyyānaṃ tadantogadhatā heṭṭhā vuttāyeva. Veneyyasattapariggaṇhanatthaṃ samannāhāre kate paṭhamaṃ nesaṃ veneyyabhāveneva upaṭṭhānaṃ hoti, atha saraṇagamanādivasena kiccanipphatti vīmaṃsīyatīti āha ‘‘kiṃ nu kho bhavissatīti upaparikkhanto’’ti . Nirodhanti saññānirodhaṃ. Nirodhā vuṭṭhānanti tato nirodhato vuṭṭhānaṃ saññuppattiṃ. Sabbabuddhānaṃ ñāṇena saṃsanditvāti yathā te nirodhaṃ, nirodhato vuṭṭhānañca byākariṃsu, byākarissanti ca, tathā byākaraṇavasena saṃsanditvā. Hatthisāriputtoti hatthisārino putto. ‘‘Yugandharapabbataṃ parikkhipitvā’’ti idaṃ parikappavacanaṃ ‘‘tādisaṃ atthi ce, taṃ viyā’’ti. Meghavaṇṇanti rattameghavaṇṇaṃ, sañjhāppabhānurañjitameghasaṅkāsanti attho. Paccagghanti abhinavaṃ ādito tathāladdhavohārena , anaññaparibhogatāya , tathā vā satthu adhiṭṭhānena so patto sabbakālaṃ ‘‘paccagghaṃ’’ tveva vuccati, silādivuttaratanalakkhaṇūpapattiyā vā so patto ‘‘paccaggha’’nti vuccati.
๔๐๗. อตฺตโน รุจิวเสน สทฺธมฺมฎฺฐิติชฺฌาสยวเสน, น ปเรน อุสฺสาหิโตติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อติปฺปคภาวเมว ทิสฺวา’’ติ อิทํ ภูตกถนํ น ตาว ภิกฺขาจารเวลา สมฺปตฺตาติ ทสฺสนตฺถํฯ ภควา หิ ตทา กาลเสฺสว วิหารโต นิกฺขโนฺต ‘‘วาสนาภาคิยาย ธมฺมเทสนาย โปฎฺฐปาทํ อนุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติฯ ยนฺนูนาหนฺติ อญฺญตฺถ สํสยปริทีปโน, อิธ ปน สํสยปริทีปโน วิยฯ กสฺมาติ อาห ‘‘พุทฺธาน’’นฺติอาทิฯ สํสโย นาม นตฺถิ โพธิมูเล เอว สมุคฺฆาฎิตตฺตาฯ ปริวิตกฺกปุพฺพภาโคติ อธิเปฺปตกิจฺจสฺส ปุพฺพภาคปริวิตโกฺก เอวฯ พุทฺธานํ ลพฺภตีติ ‘‘กริสฺสาม, น กริสฺสามา’’ติอาทิโก เอส จิตฺตจาโร พุทฺธานํ ลพฺภติ สมฺภวติ วิจารณวเสน ปวตฺตนโต, น ปน สํสยวเสนฯ เตนาหาติ เยน พุทฺธานมฺปิ ลพฺภติ, เตเนวาห ภควา ‘‘ยนฺนูนาห’’นฺติฯ ปริกปฺปเน วายํ นิปาโตฯ ‘‘อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ กิริยาปเทน วุจฺจมาโน เอว หิ อโตฺถ ‘‘ยนฺนูนา’’ติ นิปาตปเทน โชตียติฯ อหํ ยนฺนูน อุปสงฺกเมยฺยนฺติ โยชนาฯ ยทิ ปนาติ อิทมฺปิ เตน สมานตฺถนฺติ อาห ‘‘ยทิ ปนาหนฺติ อโตฺถ’’ติฯ
407.Attano rucivasena saddhammaṭṭhitijjhāsayavasena, na parena ussāhitoti adhippāyo. ‘‘Atippagabhāvameva disvā’’ti idaṃ bhūtakathanaṃ na tāva bhikkhācāravelā sampattāti dassanatthaṃ. Bhagavā hi tadā kālasseva vihārato nikkhanto ‘‘vāsanābhāgiyāya dhammadesanāya poṭṭhapādaṃ anuggaṇhissāmī’’ti. Yannūnāhanti aññattha saṃsayaparidīpano, idha pana saṃsayaparidīpano viya. Kasmāti āha ‘‘buddhāna’’ntiādi. Saṃsayo nāma natthi bodhimūle eva samugghāṭitattā. Parivitakkapubbabhāgoti adhippetakiccassa pubbabhāgaparivitakko eva. Buddhānaṃ labbhatīti ‘‘karissāma, na karissāmā’’tiādiko esa cittacāro buddhānaṃ labbhati sambhavati vicāraṇavasena pavattanato, na pana saṃsayavasena. Tenāhāti yena buddhānampi labbhati, tenevāha bhagavā ‘‘yannūnāha’’nti. Parikappane vāyaṃ nipāto. ‘‘Upasaṅkameyya’’nti kiriyāpadena vuccamāno eva hi attho ‘‘yannūnā’’ti nipātapadena jotīyati. Ahaṃ yannūna upasaṅkameyyanti yojanā. Yadi panāti idampi tena samānatthanti āha ‘‘yadi panāhanti attho’’ti.
๔๐๘. ยถา อุนฺนตปฺปาโย สโทฺท อุนฺนาโท, เอวํ วิปุลภาเวน อุปรูปริ ปวโตฺตปิ อุนฺนาโทติ ตทุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ปาฬิยํ ‘‘อุนฺนาทินิยา’’ติ วตฺวา ปุน วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทายา’’ติ วุตฺตนฺติ ตมตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘อุจฺจํ นทมานายา’’ติอาทิมาหฯ อสฺสาติ ปริสายฯ อุทฺธํคมนวเสนาติ อุนฺนตพหุลตาย อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ปวตฺตนวเสนฯ ทิสาสุ ปตฺถฎวเสนาติ วิปุลภาเวน ภูตปรมฺปราย สพฺพทิสาสุ ปตฺถรณวเสนฯ อิทานิ ปริพฺพาชกปริสาย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทตาย การณํ, ตสฺส จ ปวตฺติอาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เตสญฺหี’’ติอาทิมาหฯ กามสฺสาโท นาม กามคุณสฺสาโทฯ กามภวาทิคโต อสฺสาโท ภวสฺสาโทฯ
408. Yathā unnatappāyo saddo unnādo, evaṃ vipulabhāvena uparūpari pavattopi unnādoti tadubhayaṃ ekajjhaṃ katvā pāḷiyaṃ ‘‘unnādiniyā’’ti vatvā puna vibhāgena dassetuṃ ‘‘uccāsaddamahāsaddāyā’’ti vuttanti tamatthaṃ vivaranto ‘‘uccaṃ nadamānāyā’’tiādimāha. Assāti parisāya. Uddhaṃgamanavasenāti unnatabahulatāya uggantvā uggantvā pavattanavasena. Disāsu patthaṭavasenāti vipulabhāvena bhūtaparamparāya sabbadisāsu pattharaṇavasena. Idāni paribbājakaparisāya uccāsaddamahāsaddatāya kāraṇaṃ, tassa ca pavattiākāraṃ dassento ‘‘tesañhī’’tiādimāha. Kāmassādo nāma kāmaguṇassādo. Kāmabhavādigato assādo bhavassādo.
๔๐๙. สณฺฐเปสีติ สํยมนวเสน สมฺมเทว ฐเปสิ, สณฺฐปนเญฺจตฺถ ติรจฺฉานกถาย อญฺญมญฺญสฺมิํ อคารวสฺส ชหาปนวเสน อาจารสฺส สิกฺขาปนํ, ยถาวุตฺตโทสสฺส นิคูหนญฺจ โหตีติ อาห ‘‘สิกฺขาเปสี’’ติอาทิฯ อปฺปสทฺทนฺติ นิสฺสทฺทํ, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาภาวนฺติ อธิปฺปาโยฯ นปฺปมชฺชนฺตีติ น อคารวํ กโรนฺติฯ
409.Saṇṭhapesīti saṃyamanavasena sammadeva ṭhapesi, saṇṭhapanañcettha tiracchānakathāya aññamaññasmiṃ agāravassa jahāpanavasena ācārassa sikkhāpanaṃ, yathāvuttadosassa nigūhanañca hotīti āha ‘‘sikkhāpesī’’tiādi. Appasaddanti nissaddaṃ, uccāsaddamahāsaddābhāvanti adhippāyo. Nappamajjantīti na agāravaṃ karonti.
๔๑๐. โน อาคเต อานโนฺทติ ภควติ อาคเต โน อมฺหากํ อานโนฺท ปีติ โหติฯ ปิยสมุทาจาราติ ปิยาลาปาฯ ‘‘ปจฺจุคฺคมนํ อกาสี’’ติ วตฺวา น เกวลมยเมว, อถ โข อเญฺญปิ ปพฺพชิตา เยภุเยฺยน ภควโต อปจิติํ กโรเนฺตวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควนฺตญฺหี’’ติอาทิํ วตฺวา, ตตฺถ การณมาห ‘‘อุจฺจากุลีนตายา’’ติ, เตน สาสเน อปฺปสนฺนาปิ กุลคารเวน ภควติ อปจิติํ กโรเนฺต วาติ ทเสฺสติฯ เอตสฺมิํ อนฺตเร กา นาม กถาติ เอตสฺมิํ ยถาวุตฺตปริเจฺฉทพฺภนฺตเร กถา กา นามฯ วิปฺปกตา อารทฺธา หุตฺวา อปริโยสิตาฯ ‘‘กา กถา วิปฺปกตา’’ติ วทโนฺต อตฺถโต ตสฺสา ปริโยสาปนํ ปฎิชานาติ นามฯ ‘‘กา กถา’’ติ จ อวิเสสโจทนาติ ยสฺสา ตสฺสา สพฺพสฺสาปิ กถาย ปริโยสาปนํ ปฎิญฺญาตญฺจ โหติ, ตญฺจ ปเรสํ อสพฺพญฺญูนํ อวิสยนฺติ อาห ‘‘ปริยนฺตํ เนตฺวา เทมีติ สพฺพญฺญุปวารณํ ปวาเรสี’’ติฯ
410.Noāgate ānandoti bhagavati āgate no amhākaṃ ānando pīti hoti. Piyasamudācārāti piyālāpā. ‘‘Paccuggamanaṃ akāsī’’ti vatvā na kevalamayameva, atha kho aññepi pabbajitā yebhuyyena bhagavato apacitiṃ karontevāti dassetuṃ ‘‘bhagavantañhī’’tiādiṃ vatvā, tattha kāraṇamāha ‘‘uccākulīnatāyā’’ti, tena sāsane appasannāpi kulagāravena bhagavati apacitiṃ karonte vāti dasseti. Etasmiṃantare kā nāma kathāti etasmiṃ yathāvuttaparicchedabbhantare kathā kā nāma. Vippakatā āraddhā hutvā apariyositā. ‘‘Kā kathā vippakatā’’ti vadanto atthato tassā pariyosāpanaṃ paṭijānāti nāma. ‘‘Kā kathā’’ti ca avisesacodanāti yassā tassā sabbassāpi kathāya pariyosāpanaṃ paṭiññātañca hoti, tañca paresaṃ asabbaññūnaṃ avisayanti āha ‘‘pariyantaṃ netvā demīti sabbaññupavāraṇaṃ pavāresī’’ti.
อภิสญฺญานิโรธกถาวณฺณนา
Abhisaññānirodhakathāvaṇṇanā
๔๑๑. สุการณนฺติ สุนฺทรํ อตฺถาวหํ หิตาวหํ การณํฯ นานาติเตฺถสุ นานาลทฺธีสุ นิยุตฺตาติ นานาติตฺถิกา, เต เอว นานาติตฺถิยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวาฯ กุตูหลเมตฺถ อตฺถีติ โกตูหลา, สา เอว สาลาติ โกตูหลสาลา, เตนาห ‘‘โกตูหลุปฺปตฺติฎฺฐานโต’’ติฯ สญฺญานิโรเธติ สญฺญาสีเสนายํ เทสนา, ตสฺมา สญฺญาสหคตา สเพฺพปิ ธมฺมา สงฺคยฺหนฺติ, ตตฺถ ปน จิตฺตํ ปธานนฺติ อาห ‘‘จิตฺตนิโรเธ’’ติฯ อจฺจนฺตนิโรธสฺส ปน เตหิ อนธิเปฺปตตฺตา, อวิสยตฺตา จ ‘‘ขณิกนิโรเธ’’ติ อาหฯ กามํ โสปิ เตสํ อวิสโยว, อตฺถโต ปน นิโรธกถา วุจฺจมานา ตเตฺถว ติฎฺฐตีติ ตถา วุตฺตํฯ กิตฺติโฆโสติ ‘‘อโห พุทฺธานุภาโว ภวนฺตรปฎิจฺฉนฺนํ การณํ เอวํ หตฺถามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ทเสฺสติ, สาวเก จ เอทิเส สํวรสมาทาเน ปติฎฺฐาเปตี’’ติ ถุติโฆโส ยาว ภวคฺคา ปตฺถรติฯ ปฎิภาคกิริยนฺติ ปฬาสวเสน ปฎิภาคภูตํ ปโยคํ กโรโนฺตฯ ภวนฺตรสมยนฺติ ตตฺร ตตฺร วุฎฺฐนสมยํ อภูตปริกปฺปิตํ กิญฺจิ อุปฺปาทิยํ วตฺถุํ อตฺตโน สมยํ กตฺวาฯ กิญฺจิเทว สิกฺขาปทนฺติ ‘‘เอลมูเคน ภวิตพฺพํ , เอตฺตกํ, เวลํ เอกสฺมิํเยว ฐาเน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิกํ กิญฺจิเทว การณํ สิกฺขาโกฎฺฐาสํ กตฺวา ปญฺญเปนฺติฯ นิโรธกถนฺติ นิโรธสมาปตฺติกถํฯ
411.Sukāraṇanti sundaraṃ atthāvahaṃ hitāvahaṃ kāraṇaṃ. Nānātitthesu nānāladdhīsu niyuttāti nānātitthikā, te eva nānātitthiyā ka-kārassa ya-kāraṃ katvā. Kutūhalamettha atthīti kotūhalā, sā eva sālāti kotūhalasālā, tenāha ‘‘kotūhaluppattiṭṭhānato’’ti. Saññānirodheti saññāsīsenāyaṃ desanā, tasmā saññāsahagatā sabbepi dhammā saṅgayhanti, tattha pana cittaṃ padhānanti āha ‘‘cittanirodhe’’ti. Accantanirodhassa pana tehi anadhippetattā, avisayattā ca ‘‘khaṇikanirodhe’’ti āha. Kāmaṃ sopi tesaṃ avisayova, atthato pana nirodhakathā vuccamānā tattheva tiṭṭhatīti tathā vuttaṃ. Kittighosoti ‘‘aho buddhānubhāvo bhavantarapaṭicchannaṃ kāraṇaṃ evaṃ hatthāmalakaṃ viya paccakkhato dasseti, sāvake ca edise saṃvarasamādāne patiṭṭhāpetī’’ti thutighoso yāva bhavaggā pattharati. Paṭibhāgakiriyanti paḷāsavasena paṭibhāgabhūtaṃ payogaṃ karonto. Bhavantarasamayanti tatra tatra vuṭṭhanasamayaṃ abhūtaparikappitaṃ kiñci uppādiyaṃ vatthuṃ attano samayaṃ katvā. Kiñcideva sikkhāpadanti ‘‘elamūgena bhavitabbaṃ , ettakaṃ, velaṃ ekasmiṃyeva ṭhāne nisīditabba’’nti evamādikaṃ kiñcideva kāraṇaṃ sikkhākoṭṭhāsaṃ katvā paññapenti. Nirodhakathanti nirodhasamāpattikathaṃ.
เตสูติ โกตูหลสาลายํ สนฺนิปติเตสุ ติตฺถิยสมณพฺราหฺมเณสุฯ เอกเจฺจติ เอเกฯ ปุริโมติ ‘‘อเหตู อปฺปจฺจยา’’ติ เอวํวาทีฯ ยฺวายํ อิธ อุปฺปชฺชตีติ โยชนาฯ สมาปตฺตินฺติ อสญฺญภาวาวหํ สมาปตฺติํฯ นิโรเธติ สญฺญานิโรเธฯ เหตุํ อปสฺสโนฺตติ เยน เหตุนา อสญฺญภเว สญฺญาย นิโรโธ สพฺพโส อนุปฺปาโท, เยน จ ตโต จุตสฺส อิธ ปญฺจโวการภเว ตสฺสา อุปฺปาโท, ตํ อวิสยตาย อปสฺสโนฺตฯ
Tesūti kotūhalasālāyaṃ sannipatitesu titthiyasamaṇabrāhmaṇesu. Ekacceti eke. Purimoti ‘‘ahetū appaccayā’’ti evaṃvādī. Yvāyaṃ idha uppajjatīti yojanā. Samāpattinti asaññabhāvāvahaṃ samāpattiṃ. Nirodheti saññānirodhe. Hetuṃ apassantoti yena hetunā asaññabhave saññāya nirodho sabbaso anuppādo, yena ca tato cutassa idha pañcavokārabhave tassā uppādo, taṃ avisayatāya apassanto.
นนฺติ ปฐมวาทิํฯ นิเสเธตฺวาติ ‘‘น โข นาเมตํ โภ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปฎิกฺขิปิตฺวาฯ อสญฺญิกภาวนฺติ มุญฺฉาปตฺติยา กิริยมยสญฺญาวเสน วิคตสญฺญิภาวํฯ วกฺขติ หิ ‘‘วิสญฺญี หุตฺวา’’ติฯ วิกฺขมฺภนวเสน กิเลสานํ สนฺตาปเนน อตฺตนฺตโปฯ โฆรตโปติ ทุกฺกรตาย ภีมตโปฯ ปริมาริตินฺทฺริโยติ นิพฺพิเสวนภาวาปาทเนน สพฺพโส มิลาปิตจกฺขาทินฺทฺริโยฯ ภโคฺคติ ภญฺชิตกุสลชฺฌาสโยฯ เอวมาหาติ ‘‘เอวํ สญฺญา หิ โภ ปุริสสฺส อตฺตา’’ติอาทิอากาเรน สญฺญานิโรธมาหฯ อิมินา นเยน อิโต ปเรสุ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ยถารหํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ
Nanti paṭhamavādiṃ. Nisedhetvāti ‘‘na kho nāmetaṃ bho evaṃ bhavissatī’’ti evaṃ paṭikkhipitvā. Asaññikabhāvanti muñchāpattiyā kiriyamayasaññāvasena vigatasaññibhāvaṃ. Vakkhati hi ‘‘visaññī hutvā’’ti. Vikkhambhanavasena kilesānaṃ santāpanena attantapo. Ghoratapoti dukkaratāya bhīmatapo. Parimāritindriyoti nibbisevanabhāvāpādanena sabbaso milāpitacakkhādindriyo. Bhaggoti bhañjitakusalajjhāsayo. Evamāhāti ‘‘evaṃ saññā hi bho purisassa attā’’tiādiākārena saññānirodhamāha. Iminā nayena ito paresu dvīsu ṭhānesu yathārahaṃ yojanā veditabbā.
อาถพฺพณปโยคนฺติ อาถพฺพณเวทวิหิตํ อาถพฺพณิกานํ วิสญฺญิภาวาปาทนปโยคํฯ อาถพฺพณํ ปโยเชตฺวาติ อาถพฺพณเวเท อาคตอคฺคิชุหนปุพฺพกํ มนฺตชปฺปนํ ปโยเชตฺวา สีสจฺฉินฺนตาทิทสฺสเนน สญฺญานิโรธมาหฯ ตสฺสาติ ยสฺส สีสจฺฉินฺนตาทิ ทสฺสิตํ, ตสฺสฯ
Āthabbaṇapayoganti āthabbaṇavedavihitaṃ āthabbaṇikānaṃ visaññibhāvāpādanapayogaṃ. Āthabbaṇaṃ payojetvāti āthabbaṇavede āgataaggijuhanapubbakaṃ mantajappanaṃ payojetvā sīsacchinnatādidassanena saññānirodhamāha. Tassāti yassa sīsacchinnatādi dassitaṃ, tassa.
ยกฺขทาสีนนฺติ เทวทาสีนํ, ยา ‘‘เทวตาภติโยติปิ’’ วุจฺจนฺติฯ มทนิทฺทนฺติ สุรามทนิมิตฺตกํ สุปนํ เทวตูปหารนฺติ นจฺจนคายนาทินา เทวตานํ ปูชํฯ สุราปาตินฺติ ปาติปุณฺณํ สุรํฯ ทิวาติ อติทิวา อุสฺสูเรฯ
Yakkhadāsīnanti devadāsīnaṃ, yā ‘‘devatābhatiyotipi’’ vuccanti. Madaniddanti surāmadanimittakaṃ supanaṃ devatūpahāranti naccanagāyanādinā devatānaṃ pūjaṃ. Surāpātinti pātipuṇṇaṃ suraṃ. Divāti atidivā ussūre.
เอลมูคกถา วิยาติ อิเมสํ ปณฺฑิตมานีนํ กถา อนฺธพาลกถาสทิสีฯ จตฺตาโร นิโรเธติ อญฺญมญฺญวิธุเร จตฺตาโร นิโรเธ เอเต ปญฺญเปนฺติฯ น จ อญฺญมญฺญวิรุทฺธนานาสภาเวน เตน ภวิตพฺพํ, อถ โข เอกสภาเวน, เตนาห ‘‘อิมินา จา’’ติอาทิฯ อเญฺญเนวาติ อิเมหิ วุตฺตาการโต อญฺญากาเรเนว ภวิตพฺพํฯ ‘‘อยํ นิโรโธ, อยํ นิโรโธ’’ติ อาเมฑิตวจนํ สตฺถา อตฺตโน เทสนาวิลาเสน อเนกาการโวการํ นิโรธํ วิภาเวสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ กตํ อโห นูนาติ เอตฺถ อโหติ อจฺฉริเย, นูนาติ อนุสฺสรเณ นิปาโตฯ ตสฺมา อโห นูน ภควา อนญฺญสาธารณเทสนตฺตา นิโรธมฺปิ อโห อจฺฉริยํ กตฺวา กเถยฺย มเญฺญติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อโห นูน สุคโต’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อจฺฉริยวิภาวนโต เอว เจตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ วจนํ, อจฺฉริยโตฺถปิ เจตฺถ อโห-สโทฺทฯ โส ยสฺมา อนุสฺสรณมุเขเนว เตน คหิโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อโห นูนาติ อนุสฺสรณเตฺถ’’ติฯ กาลปุคฺคลาทิวิภาเคน พหุเภทตฺตา อิเมสํ นิโรธธมฺมานนฺติ พหุวจนํ, กุสล-สทฺทโยเคน สามิวจนํ ภุมฺมเตฺถ ทฎฺฐพฺพํฯ จิณฺณวสิตายาติ นิโรธสมาปตฺติยํ วสีภาวสฺส จิณฺณตฺตาฯ สภาวํ ชานาตีติ นิโรธสฺส สภาวํ ยาถาวโต ชานาติฯ
Elamūgakathā viyāti imesaṃ paṇḍitamānīnaṃ kathā andhabālakathāsadisī. Cattāro nirodheti aññamaññavidhure cattāro nirodhe ete paññapenti. Na ca aññamaññaviruddhanānāsabhāvena tena bhavitabbaṃ, atha kho ekasabhāvena, tenāha ‘‘iminā cā’’tiādi. Aññenevāti imehi vuttākārato aññākāreneva bhavitabbaṃ. ‘‘Ayaṃ nirodho, ayaṃ nirodho’’ti āmeḍitavacanaṃ satthā attano desanāvilāsena anekākāravokāraṃ nirodhaṃ vibhāvessatīti dassanatthaṃ kataṃ aho nūnāti ettha ahoti acchariye, nūnāti anussaraṇe nipāto. Tasmā aho nūna bhagavā anaññasādhāraṇadesanattā nirodhampi aho acchariyaṃ katvā katheyya maññeti adhippāyo. ‘‘Aho nūna sugato’’ti etthāpi eseva nayo. Acchariyavibhāvanato eva cettha dvikkhattuṃ vacanaṃ, acchariyatthopi cettha aho-saddo. So yasmā anussaraṇamukheneva tena gahito, tasmā vuttaṃ ‘‘aho nūnāti anussaraṇatthe’’ti. Kālapuggalādivibhāgena bahubhedattā imesaṃ nirodhadhammānanti bahuvacanaṃ, kusala-saddayogena sāmivacanaṃ bhummatthe daṭṭhabbaṃ. Ciṇṇavasitāyāti nirodhasamāpattiyaṃ vasībhāvassa ciṇṇattā. Sabhāvaṃ jānātīti nirodhassa sabhāvaṃ yāthāvato jānāti.
อเหตุกสญฺญุปฺปาทนิโรธกถาวณฺณนา
Ahetukasaññuppādanirodhakathāvaṇṇanā
๔๑๒. ฆรมเชฺฌเยว ปกฺขลิตาติ ฆรโต พหิ คนฺตุกามา ปุริสา มคฺคํ อโนตริตฺวา ฆราชิเรน สมตเล วิวฎงฺคเณ เอว ปกฺขลนํ ปตฺตา, เอวํ สมฺปทมิทนฺติ อโตฺถฯ อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโยติ เอวมาทิ วิภาเคน อิธ ปโยชนํ นตฺถิ สญฺญาย อการณภาวปฎิเกฺขปตฺตา โจทนายาติ วุตฺตํ ‘‘การณเสฺสว นาม’’นฺติฯ
412.Gharamajjheyevapakkhalitāti gharato bahi gantukāmā purisā maggaṃ anotaritvā gharājirena samatale vivaṭaṅgaṇe eva pakkhalanaṃ pattā, evaṃ sampadamidanti attho. Asādhāraṇo hetu, sādhāraṇo paccayoti evamādi vibhāgena idha payojanaṃ natthi saññāya akāraṇabhāvapaṭikkhepattā codanāyāti vuttaṃ ‘‘kāraṇasseva nāma’’nti.
ปาฬิยํ ‘‘อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปี’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ ‘‘สเหตู สปฺปจฺจยา สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ปน นิรุชฺฌนฺติเยว, น ติฎฺฐนฺตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิรุชฺฌนฺตี’’ติ วจนํ, น นิโรธสฺส สเหตุสปฺปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํฯ อุปฺปาโท หิ สเหตุโก , น นิโรโธฯ ยทิ หิ นิโรโธปิ สเหตุโก สิยา, ตสฺส นิโรเธนาปิ ภวิตพฺพํ องฺกุราทีนํ วิย, น จ ตสฺส นิโรโธ อตฺถิฯ ตสฺมา วุตฺตนเยเนว ปาฬิยา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยญฺจ นโย ขณนิโรธวเสน วุโตฺตฯ โย ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน สพฺพโสว อนุปฺปาทนิโรโธ, โส ‘‘สเหตุโก’’ติ เวทิตโพฺพ ตถารูปาย ปฎิปตฺติยา วินา อภาวโตฯ เตนาห ภควา ‘‘สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌตี’’ติฯ (ที. นิ. ๑.๔๑๒) ตโต เอว จ อิธาปิ วุตฺตํ ‘‘สญฺญาย สเหตุกํ อุปฺปาทนิโรธํ ทีเปตุ’’นฺติฯ
Pāḷiyaṃ ‘‘uppajjantipi nirujjhantipī’’ti vuttaṃ, tattha ‘‘sahetū sappaccayā saññā uppajjanti, uppannā pana nirujjhantiyeva, na tiṭṭhantī’’ti dassanatthaṃ ‘‘nirujjhantī’’ti vacanaṃ, na nirodhassa sahetusappaccayabhāvadassanatthaṃ. Uppādo hi sahetuko , na nirodho. Yadi hi nirodhopi sahetuko siyā, tassa nirodhenāpi bhavitabbaṃ aṅkurādīnaṃ viya, na ca tassa nirodho atthi. Tasmā vuttanayeneva pāḷiyā attho veditabbo. Ayañca nayo khaṇanirodhavasena vutto. Yo pana yathāparicchinnakālavasena sabbasova anuppādanirodho, so ‘‘sahetuko’’ti veditabbo tathārūpāya paṭipattiyā vinā abhāvato. Tenāha bhagavā ‘‘sikkhā ekā saññā nirujjhatī’’ti. (Dī. ni. 1.412) tato eva ca idhāpi vuttaṃ ‘‘saññāya sahetukaṃ uppādanirodhaṃ dīpetu’’nti.
สิกฺขา เอกาติ เอตฺถ สิกฺขาติ กรเณ ปจฺจตฺตวจนํ, เอก-สโทฺท อญฺญปริยาโย ‘‘อิเตฺถเก อภิวทนฺติ สโต วา ปน สตฺตสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๘๕ อาทโย; ม. นิ. ๓.๒๑) วิย, น สงฺขฺยาวาจีติ อาห ‘‘สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชนฺตีติ สิกฺขาย เอกจฺจา สญฺญา ชายนฺตี’’ติฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ
Sikkhā ekāti ettha sikkhāti karaṇe paccattavacanaṃ, eka-saddo aññapariyāyo ‘‘ittheke abhivadanti sato vā pana sattassā’’tiādīsu (dī. ni. 1.85 ādayo; ma. ni. 3.21) viya, na saṅkhyāvācīti āha ‘‘sikkhā ekā saññā uppajjantīti sikkhāya ekaccā saññā jāyantī’’ti. Sesapadesupi eseva nayo.
๔๑๓. ตตฺถาติ ตสฺสํ อุปริเทสนายํฯ สมฺมาทิฎฺฐิสมฺมาสงฺกปฺปวเสน ปริยาปนฺนตฺตา อาคตาติ สภาวโต อุปการโต จ ปญฺญากฺขเนฺธ ปริยาปนฺนตฺตา สงฺคหิตตฺตา ตติยา อธิปญฺญาสิกฺขา สมฺมาทิฎฺฐิสมฺมาสงฺกปฺปวเสน อาคตาฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยา จาวุโส วิสาข สมฺมาทิฎฺฐิ, โย จ สมฺมาสงฺกโปฺป, อิเม ธมฺมา ปญฺญากฺขเนฺธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) กามเญฺจตฺถ วุตฺตนเยน ติโสฺสปิ สิกฺขา อาคตา เอว, ตถาปิ อธิจิตฺตสิกฺขาย เอว อภิสญฺญานิโรโธ ทสฺสิโต, อิตรา ตสฺส สมฺภารภาเวน อานีตาฯ
413.Tatthāti tassaṃ uparidesanāyaṃ. Sammādiṭṭhisammāsaṅkappavasena pariyāpannattā āgatāti sabhāvato upakārato ca paññākkhandhe pariyāpannattā saṅgahitattā tatiyā adhipaññāsikkhā sammādiṭṭhisammāsaṅkappavasena āgatā. Tathā hi vuttaṃ ‘‘yā cāvuso visākha sammādiṭṭhi, yo ca sammāsaṅkappo, ime dhammā paññākkhandhe saṅgahitā’’ti (ma. ni. 1.462) kāmañcettha vuttanayena tissopi sikkhā āgatā eva, tathāpi adhicittasikkhāya eva abhisaññānirodho dassito, itarā tassa sambhārabhāvena ānītā.
ปญฺจกามคุณิกราโคติ ปญฺจกามโกฎฺฐาเส อารพฺภ อุปฺปชฺชนกราโคฯ อสมุปฺปนฺนกามจาโรติ วตฺตมานุปฺปนฺนตาวเสน อสมุปฺปโนฺน โย โกจิ กามจาโร ยา กาจิ โลภุปฺปตฺติฯ ปุริโม วิสยวเสน นิยมิตตฺตา กามคุณารมฺมโณว โลโภ ทฎฺฐโพฺพ, อิตโร ปน ฌานนิกนฺติภวราคาทิปฺปเภโท สโพฺพปิ โลภจาโร กามนเฎฺฐน กาเมสุ ปวตฺตนโตฯ สเพฺพปิ หิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียเฎฺฐน กามาติฯ อุภเยสมฺปิ กามสญฺญาตินามตา สหจรณญาเยนาติ ‘‘กามสญฺญา’’ติ ปทุทฺธารํ กตฺวา ตทุภยํ นิทฺทิฎฺฐํฯ
Pañcakāmaguṇikarāgoti pañcakāmakoṭṭhāse ārabbha uppajjanakarāgo. Asamuppannakāmacāroti vattamānuppannatāvasena asamuppanno yo koci kāmacāro yā kāci lobhuppatti. Purimo visayavasena niyamitattā kāmaguṇārammaṇova lobho daṭṭhabbo, itaro pana jhānanikantibhavarāgādippabhedo sabbopi lobhacāro kāmanaṭṭhena kāmesu pavattanato. Sabbepi hi tebhūmakā dhammā kāmanīyaṭṭhena kāmāti. Ubhayesampi kāmasaññātināmatā sahacaraṇañāyenāti ‘‘kāmasaññā’’ti paduddhāraṃ katvā tadubhayaṃ niddiṭṭhaṃ.
‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อสมุปฺปนฺนกามจารโต ปญฺจกามคุณิกราคสฺส วิเสสทสฺสนํฯ กามํ ปญฺจกามคุณิกราโคปิ อสมุปฺปโนฺน เอว มเคฺคน สมุคฺฆาฎียติ, ตสฺมิํ ปน สมุคฺฆาฎิเตปิ น สโพฺพ ราโค สมุคฺฆาฎํ คจฺฉติ, ตสฺมา ปญฺจกามคุณิกราคคฺคหเณน น อิตรสฺส สพฺพสฺส ราคสฺส คหณํ โหตีติ อุภยสาธารเณน ปริยาเยน อุภยํ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ กามสญฺญาคฺคหณํ กตนฺติ ตทุภยํ สรูปโต วิเสสโต จ ทเสฺสตฺวา สพฺพสงฺคาหิกภาวโต ‘‘อสมุปฺปนฺนกามจาโร ปน อิมสฺมิํ ฐาเน วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ
‘‘Tatthā’’tiādi asamuppannakāmacārato pañcakāmaguṇikarāgassa visesadassanaṃ. Kāmaṃ pañcakāmaguṇikarāgopi asamuppanno eva maggena samugghāṭīyati, tasmiṃ pana samugghāṭitepi na sabbo rāgo samugghāṭaṃ gacchati, tasmā pañcakāmaguṇikarāgaggahaṇena na itarassa sabbassa rāgassa gahaṇaṃ hotīti ubhayasādhāraṇena pariyāyena ubhayaṃ saṅgahetvā dassetuṃ pāḷiyaṃ kāmasaññāggahaṇaṃ katanti tadubhayaṃ sarūpato visesato ca dassetvā sabbasaṅgāhikabhāvato ‘‘asamuppannakāmacāropana imasmiṃ ṭhāne vaṭṭatī’’ti vuttaṃ.
สทิสตฺตาติ กามสญฺญาทิภาเวน สมานตฺตา, เอเตน ปาฬิยํ ‘‘ปุริมา’’ติ สทิสกปฺปนาวเสน วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ อนาคตา หิ อิธ ‘‘นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตา อนุปฺปาทสฺส อธิเปฺปตตฺตา, เตนาห ‘‘อนุปฺปนฺนาว นุปฺปชฺชตี’’ติฯ
Sadisattāti kāmasaññādibhāvena samānattā, etena pāḷiyaṃ ‘‘purimā’’ti sadisakappanāvasena vuttanti dasseti. Anāgatā hi idha ‘‘nirujjhatī’’ti vuttā anuppādassa adhippetattā, tenāha ‘‘anuppannāva nuppajjatī’’ti.
นีวรณวิเวกโต ชาตตฺตา วิเวกเชหิ ปฐมชฺฌานปีติสุเขหิ สห อกฺขาตพฺพา, ตํโกฎฺฐาสิกา วาติ วิเวกชํ ปีติสุขสงฺขาตาฯ นานตฺตสญฺญาปฎิฆสญฺญาหิ นิปุณตาย สุขุมภูตตาย สุขุมสญฺญา ภูตา สุขุมภาเวน, ปรมตฺถภาเวน อวิปรีตสภาวาฯ ฌานํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานํ ภาวนาสิทฺธา สณฺหสุขุมตา นีวรณวิกฺขมฺภนวเสน วิญฺญายตีติ อาห ‘‘กามจฺฉนฺทาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานวเสน สุขุมา’’ติฯ ภูตตายาติ วิชฺชมานตายฯ สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุฯ
Nīvaraṇavivekato jātattā vivekajehi paṭhamajjhānapītisukhehi saha akkhātabbā, taṃkoṭṭhāsikā vāti vivekajaṃ pītisukhasaṅkhātā. Nānattasaññāpaṭighasaññāhi nipuṇatāya sukhumabhūtatāya sukhumasaññā bhūtā sukhumabhāvena, paramatthabhāvena aviparītasabhāvā. Jhānaṃ taṃsampayuttadhammānaṃ bhāvanāsiddhā saṇhasukhumatā nīvaraṇavikkhambhanavasena viññāyatīti āha ‘‘kāmacchandādioḷārikaṅgappahānavasena sukhumā’’ti. Bhūtatāyāti vijjamānatāya. Sabbatthāti sabbavāresu.
สมาปชฺชนาธิฎฺฐานานิ วิย วุฎฺฐานํ ฌาเน ปริยาปนฺนมฺปิ โหติ ยถา ตํ ธมฺมานํ ภงฺคกฺขโณ ธเมฺมสุ, น อาวชฺชนปจฺจเวกฺขณานีติ ‘‘ปฐมชฺฌานํ สมาปชฺชโนฺต อธิฎฺฐหโนฺต วุฎฺฐหโนฺต จ สิกฺขตี’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘อาวชฺชโนฺต ปจฺจเวกฺขโนฺต’’ติฯ ตนฺติ ปฐมชฺฌานํฯ เตนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ, ตสฺมา ปฐมชฺฌาเนน เหตุภูเตนาติ อโตฺถฯ เหตุภาโว เจตฺถ ฌานสฺส ยถาวุตฺตสญฺญาย อุปฺปตฺติยา สหชาตาทิปจฺจยภาโว กามสญฺญาย นิโรธสฺส อุปนิสฺสยตาว, ตญฺจ โข สุตฺตนฺตปริยาเยนฯ ตถา เจว สํวณฺณิตํ ‘‘ตถารูปาย ปฎิปตฺติยา วินา อภาวโต’’ติฯ เอเตนุปาเยนาติ ยฺวายํ ปฐมชฺฌานตปฺปฎิปกฺขสญฺญาวเสน ‘‘สิกฺขา เอกา สญฺญา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สญฺญา นิรุชฺฌตี’’ติ เอตฺถ อโตฺถ วุโตฺต, เอเตน นเยนฯ สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุฯ
Samāpajjanādhiṭṭhānāni viya vuṭṭhānaṃ jhāne pariyāpannampi hoti yathā taṃ dhammānaṃ bhaṅgakkhaṇo dhammesu, na āvajjanapaccavekkhaṇānīti ‘‘paṭhamajjhānaṃ samāpajjanto adhiṭṭhahanto vuṭṭhahanto ca sikkhatī’’ti vuttaṃ, na ‘‘āvajjanto paccavekkhanto’’ti. Tanti paṭhamajjhānaṃ. Tenāti hetumhi karaṇavacanaṃ, tasmā paṭhamajjhānena hetubhūtenāti attho. Hetubhāvo cettha jhānassa yathāvuttasaññāya uppattiyā sahajātādipaccayabhāvo kāmasaññāya nirodhassa upanissayatāva, tañca kho suttantapariyāyena. Tathā ceva saṃvaṇṇitaṃ ‘‘tathārūpāya paṭipattiyā vinā abhāvato’’ti. Etenupāyenāti yvāyaṃ paṭhamajjhānatappaṭipakkhasaññāvasena ‘‘sikkhā ekā saññā uppajjati, sikkhā ekā saññā nirujjhatī’’ti ettha attho vutto, etena nayena. Sabbatthāti sabbavāresu.
๔๑๔. ยสฺมา ปเนตฺถ สมาปตฺติวเสน ตํตํสญฺญานํ อุปฺปาทนิโรเธ วุจฺจมาเน องฺควเสน โส วุโตฺตติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ ‘‘องฺคโต สมฺมสน’’นฺติ อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย ลกฺขณวจนํฯ อนุปทธมฺมวิปสฺสนญฺหิ กโรโนฺต สมาปตฺติํ ปตฺวา องฺคโต สมฺมสนํ กโรติ, น จ สญฺญา สมาปตฺติยา กิญฺจิ องฺคํ โหติฯ วุตฺตญฺจ ‘‘อิทญฺจ สญฺญา สญฺญาติ เอวํ องฺคโต สมฺมสนํ อุทฺธฎ’’นฺติฯ องฺคโตติ วา อวยวโตติ อโตฺถ, อนุปทธมฺมโตติ วุตฺตํ โหติฯ ตเทวาติ อากิญฺจญฺญายตนเมวฯ
414. Yasmā panettha samāpattivasena taṃtaṃsaññānaṃ uppādanirodhe vuccamāne aṅgavasena so vuttoti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. ‘‘Aṅgato sammasana’’nti anupadadhammavipassanāya lakkhaṇavacanaṃ. Anupadadhammavipassanañhi karonto samāpattiṃ patvā aṅgato sammasanaṃ karoti, na ca saññā samāpattiyā kiñci aṅgaṃ hoti. Vuttañca ‘‘idañca saññā saññāti evaṃ aṅgato sammasanaṃ uddhaṭa’’nti. Aṅgatoti vā avayavatoti attho, anupadadhammatoti vuttaṃ hoti. Tadevāti ākiñcaññāyatanameva.
ยโต โขติ ปจฺจเตฺต นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘โย นามา’’ติ ยถา ‘‘อาทิมฺหี’’ติ เอตสฺมิํ อเตฺถ ‘‘อาทิโต’’ติ วุจฺจติ อิตรวิภตฺติโตปิ โต-สทฺทสฺส ลพฺภนโตฯ สกสฺมิํ อตฺตนา อธิคเต สญฺญา สกสญฺญา, สา เอตสฺส อตฺถีติ สกสญฺญี, เตนาห ‘‘อตฺตโน ปฐมชฺฌานสญฺญาย สญฺญวา’’ติฯ สกสญฺญีติ เจตฺถ อุปริ วุจฺจมานนิโรธปาทกตาย สาติสยาย ฌานสญฺญาย อตฺถิภาวโชตโก อี-กาโร ทฎฺฐโพฺพ, เตเนวาห ‘‘อนุปุเพฺพน สญฺญคฺคํ ผุสตี’’ติอาทิฯ ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สกสญฺญิตาคฺคหเณน ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฌาเน สพฺพโส สุจิณฺณวสีภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺพํฯ
Yato khoti paccatte nissakkavacananti āha ‘‘yo nāmā’’ti yathā ‘‘ādimhī’’ti etasmiṃ atthe ‘‘ādito’’ti vuccati itaravibhattitopi to-saddassa labbhanato. Sakasmiṃ attanā adhigate saññā sakasaññā, sā etassa atthīti sakasaññī, tenāha ‘‘attano paṭhamajjhānasaññāya saññavā’’ti. Sakasaññīti cettha upari vuccamānanirodhapādakatāya sātisayāya jhānasaññāya atthibhāvajotako ī-kāro daṭṭhabbo, tenevāha ‘‘anupubbena saññaggaṃ phusatī’’tiādi. Tasmā tattha tattha sakasaññitāggahaṇena tasmiṃ tasmiṃ jhāne sabbaso suciṇṇavasībhāvo dīpitoti veditabbaṃ.
โลกิยานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, สามิอเตฺถ เอว วาฯ ยทเคฺคน หิ ตํ เตสุ เสฎฺฐํ, ตทเคฺคน เตสมฺปิ เสฎฺฐนฺติฯ ‘‘โลกิยาน’’นฺติ วิเสสนํ โลกุตฺตรสมาปตฺตีหิ ตสฺส อเสฎฺฐภาวโตฯ ‘‘กิจฺจการกสมาปตฺตีน’’นฺติ วิเสสนํ อกิจฺจการกสมาปตฺติโต ตสฺส อเสฎฺฐภาวโตฯ อกิจฺจการกตา จสฺสา ปฎุสญฺญากิจฺจาภาววจนโต วิญฺญายติฯ ยเถว หิ ตตฺถ สญฺญา, เอวํ ผสฺสาทโย ปีติฯ ยทเคฺคน หิ ตตฺถ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา ปกติวิปสฺสกานํ สมฺมสิตุํ อสกฺกุเณยฺยรูเปน ฐิตา, ตทเคฺคน เหฎฺฐิมสมาปตฺติธมฺมา วิย ปฎุกิจฺจกรณสมตฺถาปิ น โหนฺตีติฯ สฺวายมโตฺถ ปรมตฺถมญฺชุสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ อารุปฺปกถายํ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๑.๒๘๖) สวิเสสํ วุโตฺต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ เกจิ ปน ‘‘ยถา เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา สมาปตฺติโย อุปริมานํ อุปริมานํ อธิฎฺฐานกิจฺจํ สาเธนฺติ, น เอวํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติ กสฺสจิปิ อธิฎฺฐานกิจฺจํ สาเธติ, ตสฺมา สา อกิจฺจการิกา, อิตรา กิจฺจการิกา วุตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ตสฺสาปิ วิปสฺสนาจิตฺตปริทมนาทีนํ อธิฎฺฐานกิจฺจสาธนโตฯ ตสฺมา ปุริโมเยว อโตฺถ ยุโตฺตฯ
Lokiyānanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ, sāmiatthe eva vā. Yadaggena hi taṃ tesu seṭṭhaṃ, tadaggena tesampi seṭṭhanti. ‘‘Lokiyāna’’nti visesanaṃ lokuttarasamāpattīhi tassa aseṭṭhabhāvato. ‘‘Kiccakārakasamāpattīna’’nti visesanaṃ akiccakārakasamāpattito tassa aseṭṭhabhāvato. Akiccakārakatā cassā paṭusaññākiccābhāvavacanato viññāyati. Yatheva hi tattha saññā, evaṃ phassādayo pīti. Yadaggena hi tattha saṅkhārāvasesasukhumabhāvappattiyā pakativipassakānaṃ sammasituṃ asakkuṇeyyarūpena ṭhitā, tadaggena heṭṭhimasamāpattidhammā viya paṭukiccakaraṇasamatthāpi na hontīti. Svāyamattho paramatthamañjusāyaṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ āruppakathāyaṃ (visuddhi. ṭī. 1.286) savisesaṃ vutto, tasmā tattha vuttanayena veditabbo. Keci pana ‘‘yathā heṭṭhimā heṭṭhimā samāpattiyo uparimānaṃ uparimānaṃ adhiṭṭhānakiccaṃ sādhenti, na evaṃ nevasaññānāsaññāyatanasamāpatti kassacipi adhiṭṭhānakiccaṃ sādheti, tasmā sā akiccakārikā, itarā kiccakārikā vuttā’’ti vadanti, tadayuttaṃ tassāpi vipassanācittaparidamanādīnaṃ adhiṭṭhānakiccasādhanato. Tasmā purimoyeva attho yutto.
ปกเปฺปตีติ สํวิทหติฯ ฌานํ สมาปชฺชโนฺต หิ ฌานสุขํ อตฺตนิ สํวิทหติ นามฯ อภิสงฺขโรตีติ อายูหติ, สมฺปิเณฺฑตีติ อโตฺถฯ สมฺปิณฺฑนโตฺถ หิ สมุทยโฎฺฐฯ ยสฺมา นิกนฺติวเสน เจตนากิจฺจสฺส มตฺถกปฺปตฺติ, ตสฺมา ผลูปจาเรน การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิกนฺติํ กุรุมาโน อภิสงฺขโรติ นามา’’ติ วุตฺตํฯ อิมา อิทานิ เม ลพฺภมานา อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา นิรุเชฺฌยฺยุํ ตํสมติกฺกเมเนว อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณสมฺภวโตฯ อญฺญาติ อากิญฺจญฺญายตนสญฺญาหิ อญฺญาฯ ตโต ถูลตรภาวโต โอฬาริกาฯ กา ปน ตาติ อาห ‘‘ภวงฺคสญฺญา’’ติฯ อากิญฺจญฺญายตนโต วุฎฺฐาย เอว หิ อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณานิ ภเวยฺยุํ, วุฎฺฐานญฺจ ภวงฺควเสน โหติฯ ยาว จ อุปริ ฌานสมาปชฺชนํ, ตาว อนฺตรนฺตรา ภวงฺคปฺปวตฺตีติ อาห ‘‘ภวงฺคสญฺญา อุปฺปเชฺชยฺยุ’’นฺติฯ
Pakappetīti saṃvidahati. Jhānaṃ samāpajjanto hi jhānasukhaṃ attani saṃvidahati nāma. Abhisaṅkharotīti āyūhati, sampiṇḍetīti attho. Sampiṇḍanattho hi samudayaṭṭho. Yasmā nikantivasena cetanākiccassa matthakappatti, tasmā phalūpacārena kāraṇaṃ dassento ‘‘nikantiṃ kurumāno abhisaṅkharoti nāmā’’ti vuttaṃ. Imā idāni me labbhamānā ākiñcaññāyatanasaññā nirujjheyyuṃ taṃsamatikkameneva uparijhānatthāya cetanābhisaṅkharaṇasambhavato. Aññāti ākiñcaññāyatanasaññāhi aññā. Tato thūlatarabhāvato oḷārikā. Kā pana tāti āha ‘‘bhavaṅgasaññā’’ti. Ākiñcaññāyatanato vuṭṭhāya eva hi uparijhānatthāya cetanābhisaṅkharaṇāni bhaveyyuṃ, vuṭṭhānañca bhavaṅgavasena hoti. Yāva ca upari jhānasamāpajjanaṃ, tāva antarantarā bhavaṅgappavattīti āha ‘‘bhavaṅgasaññā uppajjeyyu’’nti.
เจเตโนฺตวาติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนชฺฌานํ เอกํ เทฺว จิตฺตวาเร สมาปชฺชโนฺต เอวฯ น เจเตติ ตถา เหฎฺฐิมชฺฌาเนสุ วิย วา ปุพฺพาโภคาภาวโต ปุพฺพาโภควเสน หิ ฌานํ ปกเปฺปโนฺต อิธ ‘‘เจเตตี’’ติ วุโตฺตฯ ยสฺมา ‘‘อหเมตํ ฌานํ นิพฺพเตฺตมิ อุปสมฺปาเทมิ สมาปชฺชามี’’ติ เอวํ อภิสงฺขรณํ ตตฺถ สาลยเสฺสว โหติ, น อนาลยสฺส, ตสฺมา เอกํ จิตฺตกฺขณิกมฺปิ ฌานํ ปวเตฺตโนฺต ตตฺถ อปฺปหีนนิกนฺติกตาย อภิสงฺขโรโนฺต เอวาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปนสฺส ตถา เหฎฺฐิมชฺฌาเนสุ วิย วา ตตฺถ ปุพฺพาโภโค นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น อภิสงฺขโรตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส วิวรณํฯ ‘‘สฺวายมโตฺถ’’ติอาทินา ตเมวตฺถํ อุปมาย ปฎิปาเทติฯ
Cetentovāti nevasaññānāsaññāyatanajjhānaṃ ekaṃ dve cittavāre samāpajjanto eva. Na ceteti tathā heṭṭhimajjhānesu viya vā pubbābhogābhāvato pubbābhogavasena hi jhānaṃ pakappento idha ‘‘cetetī’’ti vutto. Yasmā ‘‘ahametaṃ jhānaṃ nibbattemi upasampādemi samāpajjāmī’’ti evaṃ abhisaṅkharaṇaṃ tattha sālayasseva hoti, na anālayassa, tasmā ekaṃ cittakkhaṇikampi jhānaṃ pavattento tattha appahīnanikantikatāya abhisaṅkharonto evāti attho. Yasmā panassa tathā heṭṭhimajjhānesu viya vā tattha pubbābhogo natthi, tasmā ‘‘na abhisaṅkharotī’’ti vuttaṃ. ‘‘Imassa bhikkhuno’’tiādi vuttassevatthassa vivaraṇaṃ. ‘‘Svāyamattho’’tiādinā tamevatthaṃ upamāya paṭipādeti.
ปจฺฉาภาเคติ ปิตุฆรสฺส ปจฺฉาภาเคฯ ตโต ปุตฺตฆรโตฯ ลทฺธฆรเมวาติ ยโต อเนน ภิกฺขา ลทฺธา, ตเมว ฆรํ ปุตฺตเคหเมวฯ อาสนสาลา วิย อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติ ตโต ปิตุฆรปุตฺตฆรฎฺฐานิยานํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนนิโรธสมาปตฺตีนํ อุปคนฺตพฺพโตฯ ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวาติ ปวิสิตฺวา สมติกฺกนฺตมฺปิ ปิตุฆรํ น มนสิ กตฺวาฯ ปุตฺตฆรเสฺสว อาจิกฺขนํ วิย เอกํ เทฺว จิตฺตวาเร สมาปชฺชิตพฺพมฺปิ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ น มนสิ กตฺวา ปรโต นิโรธสมาปตฺติอตฺถาย เอว มนสิกาโรฯ เอวํ อมนสิการสามเญฺญน, มนสิการสามเญฺญน จ อุปมุปเมยฺยตา เวทิตพฺพา อาจิกฺขเนนปิ มนสิการเสฺสว โชติตตฺตาฯ น หิ มนสิกาเรน วินา อาจิกฺขนํ สมฺภวติฯ
Pacchābhāgeti pitugharassa pacchābhāge. Tato puttagharato. Laddhagharamevāti yato anena bhikkhā laddhā, tameva gharaṃ puttagehameva. Āsanasālā viya ākiñcaññāyatanasamāpatti tato pitugharaputtagharaṭṭhāniyānaṃ nevasaññānāsaññāyatananirodhasamāpattīnaṃ upagantabbato. Pitugharaṃ amanasikaritvāti pavisitvā samatikkantampi pitugharaṃ na manasi katvā. Puttagharasseva ācikkhanaṃ viya ekaṃ dve cittavāre samāpajjitabbampi nevasaññānāsaññāyatanaṃ na manasi katvā parato nirodhasamāpattiatthāya eva manasikāro. Evaṃ amanasikārasāmaññena, manasikārasāmaññena ca upamupameyyatā veditabbā ācikkhanenapi manasikārasseva jotitattā. Na hi manasikārena vinā ācikkhanaṃ sambhavati.
ตา ฌานสญฺญาติ ตา เอกํ เทฺว จิตฺตวาเร ปวตฺตา เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญาฯ นิรุชฺฌนฺตีติ ปเทเสเนว นิรุชฺฌนฺติ, ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน ปน อุปริ อนุปฺปาโทฯ ยถา จ ฌานสญฺญานํ, เอวํ อิตรสญฺญานํ ปีติ อาห ‘‘อญฺญา จ โอฬาริกา ภวงฺคสญฺญา นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ยถาปริจฺฉินฺนกาลนฺติ อธิปฺปาโยฯ โส เอวํ ปฎิปโนฺน ภิกฺขูติ โส เอวํ ยถาวุเตฺต สญฺญาเคฺค ฐิโต อรหเตฺต, อนาคามิผเล วา ปติฎฺฐิโต ภิกฺขุ ทฺวีหิ ผเลหิ สมนฺนาคโม, ติณฺณํ สงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ, โสฬสวิธา ญาณจริยา, นววิธา สมาธิจริยาติ อิเมสํ วเสน นิโรธปฎิปาทนปฎิปตฺติํ ปฎิปโนฺนฯ ผุสตีติ เอตฺถ ผุสนํ นาม วินฺทนํ ปฎิลทฺธีติ อาห ‘‘วินฺทติ ปฎิลภตี’’ติฯ อตฺถโต ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ จิตฺตเจตสิกานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติ เอวฯ
Tā jhānasaññāti tā ekaṃ dve cittavāre pavattā nevasaññānāsaññāyatanasaññā. Nirujjhantīti padeseneva nirujjhanti, pubbābhisaṅkhāravasena pana upari anuppādo. Yathā ca jhānasaññānaṃ, evaṃ itarasaññānaṃ pīti āha ‘‘aññā ca oḷārikā bhavaṅgasaññā nuppajjantī’’ti, yathāparicchinnakālanti adhippāyo. So evaṃ paṭipanno bhikkhūti so evaṃ yathāvutte saññāgge ṭhito arahatte, anāgāmiphale vā patiṭṭhito bhikkhu dvīhi phalehi samannāgamo, tiṇṇaṃ saṅkhārānaṃ paṭippassaddhi, soḷasavidhā ñāṇacariyā, navavidhā samādhicariyāti imesaṃ vasena nirodhapaṭipādanapaṭipattiṃ paṭipanno. Phusatīti ettha phusanaṃ nāma vindanaṃ paṭiladdhīti āha ‘‘vindati paṭilabhatī’’ti. Atthato pana yathāparicchinnakālaṃ cittacetasikānaṃ sabbaso appavatti eva.
อภีติ อุปสคฺคมตฺตํ นิรตฺถกํ, ตสฺมา ‘‘สญฺญา’’ อิเจฺจว อโตฺถฯ นิโรธปเทน อนนฺตริกํ กตฺวา สมาปตฺติปเท วตฺตเพฺพ เตสํ ทฺวินฺนํ อนฺตเร สมฺปชานปทํ ฐปิตนฺติ อาห ‘‘นิโรธปเทน อนนฺตริกํ กตฺวา วุตฺต’’นฺติ, เตนาห ‘‘อนุปฎิ…เป.… อโตฺถ’’ติฯ ตตฺราปีติ ตสฺมิมฺปิ ตถา ปทานุปุพฺพิฐปเนปิ อยํ วิเสสโตฺถติ โยชนาฯ สมฺปชานนฺตสฺสาติ ตํ ตํ สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ ตตฺถ สงฺขารานํ สมฺมสนวเสน ปชานนฺตสฺสฯ อเนฺตติ ยถาวุตฺตาย นิโรธปฎิปตฺติยา ปริโยสาเนฯ ทุติยวิกเปฺป สมฺปชานนฺตสฺสาติ สมฺปชานการิโนติ อโตฺถ, เตน นิโรธสมาปชฺชนกสฺส ภิกฺขุโน อาทิโต ปฎฺฐาย สพฺพปาฎิหาริกปญฺญาย สทฺธิํ อตฺถสาธิกา ปญฺญา กิจฺจโต ทสฺสิตา โหติ, เตนาห ‘‘ปณฺฑิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ
Abhīti upasaggamattaṃ niratthakaṃ, tasmā ‘‘saññā’’ icceva attho. Nirodhapadena anantarikaṃ katvā samāpattipade vattabbe tesaṃ dvinnaṃ antare sampajānapadaṃ ṭhapitanti āha ‘‘nirodhapadena anantarikaṃ katvā vutta’’nti, tenāha ‘‘anupaṭi…pe… attho’’ti. Tatrāpīti tasmimpi tathā padānupubbiṭhapanepi ayaṃ visesatthoti yojanā. Sampajānantassāti taṃ taṃ samāpattiṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha tattha saṅkhārānaṃ sammasanavasena pajānantassa. Anteti yathāvuttāya nirodhapaṭipattiyā pariyosāne. Dutiyavikappe sampajānantassāti sampajānakārinoti attho, tena nirodhasamāpajjanakassa bhikkhuno ādito paṭṭhāya sabbapāṭihārikapaññāya saddhiṃ atthasādhikā paññā kiccato dassitā hoti, tenāha ‘‘paṇḍitassa bhikkhuno’’ti.
สพฺพากาเรนาติ ‘‘สมาปตฺติยา สรูปวิเสโส, สมาปชฺชนโก, สมาปชฺชนสฺส ฐานํ, การณํ, สมาปชฺชนากาโร’’ติ เอวมาทิ สพฺพปฺปกาเรนฯ ตตฺถาติ วิสุทฺธิมเคฺคฯ (วิสุทฺธี. ๒.๘๖๗) กถิตโตวาติ กถิตฎฺฐานโต เอว คเหตพฺพา, น อิธ ตํ วทาม ปุนรุตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ
Sabbākārenāti ‘‘samāpattiyā sarūpaviseso, samāpajjanako, samāpajjanassa ṭhānaṃ, kāraṇaṃ, samāpajjanākāro’’ti evamādi sabbappakārena. Tatthāti visuddhimagge. (Visuddhī. 2.867) kathitatovāti kathitaṭṭhānato eva gahetabbā, na idha taṃ vadāma punaruttibhāvatoti adhippāyo.
เอวํ โข อหนฺติ เอตฺถ อาการโตฺถ เอวํ-สโทฺท อุคฺคหิตาการทสฺสนนฺติ กตฺวาฯ เอวํ โปฎฺฐปาทาติ เอตฺถ ปน สมฺปฎิจฺฉนโตฺถ, เตนาห ‘‘สุอุคฺคหิตํ ตยาติ อนุชานโนฺต’’ติฯ
Evaṃ kho ahanti ettha ākārattho evaṃ-saddo uggahitākāradassananti katvā. Evaṃ poṭṭhapādāti ettha pana sampaṭicchanattho, tenāha ‘‘suuggahitaṃ tayāti anujānanto’’ti.
๔๑๕. สญฺญา อคฺคา เอตฺถาติ สญฺญาคฺคํ, อากิญฺจญฺญายตนํฯ อฎฺฐสุ สมาปตฺตีสุปิ สญฺญาคฺคํ อตฺถิ อุปลพฺภตีติ จิเนฺตตฺวาฯ ‘‘ปุถู’’ติ ปาฬิยํ ลิงฺควิปลฺลาสํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘พหูนิปี’’ติฯ ‘‘ยถา’’ติ อิมินา ปการวิเสโส กรณปฺปกาโร คหิโต, น ปการสามญฺญนฺติ อาห ‘‘เยน เยน กสิเณนา’’ติ, ปถวีกสิเณน กรณภูเตนา’’ติ จฯ ฌานํ ตาว ยุโตฺต กรณภาโว สญฺญานิโรธผุสนสฺส สาธกตมภาวโต, กถํ กสิณานนฺติ? เตสมฺปิ โส ยุโตฺต เอวฯ ยทเคฺคน หิ ฌานานํ นิโรธผุสนสฺส สาธกตํ อภาโว, ตทเคฺคน กสิณานมฺปิ ตทวินาภาวโตฯ อเนกกรณาปิ กิริยา โหติเยว ยถา ‘‘อเสฺสน ยาเนน ทีปิกาย คจฺฉตี’’ติฯ
415. Saññā aggā etthāti saññāggaṃ, ākiñcaññāyatanaṃ. Aṭṭhasu samāpattīsupi saññāggaṃ atthi upalabbhatīti cintetvā. ‘‘Puthū’’ti pāḷiyaṃ liṅgavipallāsaṃ dassento āha ‘‘bahūnipī’’ti. ‘‘Yathā’’ti iminā pakāraviseso karaṇappakāro gahito, na pakārasāmaññanti āha ‘‘yena yena kasiṇenā’’ti, pathavīkasiṇena karaṇabhūtenā’’ti ca. Jhānaṃ tāva yutto karaṇabhāvo saññānirodhaphusanassa sādhakatamabhāvato, kathaṃ kasiṇānanti? Tesampi so yutto eva. Yadaggena hi jhānānaṃ nirodhaphusanassa sādhakataṃ abhāvo, tadaggena kasiṇānampi tadavinābhāvato. Anekakaraṇāpi kiriyā hotiyeva yathā ‘‘assena yānena dīpikāya gacchatī’’ti.
เอกวารนฺติ สกิํฯ ปุริมสญฺญานิโรธนฺติ กามสญฺญาทิปุริมสญฺญาย นิโรธํ, น นิโรธสมาปตฺติสญฺญิตํ สญฺญานิโรธํฯ เอกํ สญฺญาคฺคนฺติ เอกํ สญฺญาภูตํ อคฺคํ เสฎฺฐนฺติ อโตฺถ เหฎฺฐิมสญฺญาย อุกฺกฎฺฐภาวโตฯ สญฺญา จ สา อคฺคญฺจาติ สญฺญาคฺคํ, น สญฺญาสุ อคฺคนฺติฯ เทฺว วาเรติ ทฺวิกฺขตฺตุํฯ เสสกสิเณสูติ กสิณานํเยว คหณํ นิโรธกถาย อธิกตตฺตาฯ ตโต เอว เจตฺถ ฌานคฺคหเณน กสิณชฺฌานานิ เอว คหิตานีติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ปฐมชฺฌาเนน กรณภูเตนา’’ติ อารมฺมณํ อนามสิตฺวา วทติ ยถา ‘‘เยน เยน กสิเณนา’’ติ เอตฺถ ฌานํ อนามสิตฺวา วุตฺตํฯ ‘‘อิตี’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สงฺคเหตฺวา นิคมนวเสน วทติฯ สพฺพมฺปีติ สพฺพํ เอกวารํ สมาปนฺนฌานํฯ สงฺคเหตฺวาติ สญฺชานนลกฺขเณน ตํสภาวาวิเสสโต เอกชฺฌํ สงฺคเหตฺวาฯ อปราปรนฺติ ปุนปฺปุนํฯ
Ekavāranti sakiṃ. Purimasaññānirodhanti kāmasaññādipurimasaññāya nirodhaṃ, na nirodhasamāpattisaññitaṃ saññānirodhaṃ. Ekaṃ saññāgganti ekaṃ saññābhūtaṃ aggaṃ seṭṭhanti attho heṭṭhimasaññāya ukkaṭṭhabhāvato. Saññā ca sā aggañcāti saññāggaṃ, na saññāsu agganti. Dve vāreti dvikkhattuṃ. Sesakasiṇesūti kasiṇānaṃyeva gahaṇaṃ nirodhakathāya adhikatattā. Tato eva cettha jhānaggahaṇena kasiṇajjhānāni eva gahitānīti veditabbaṃ. ‘‘Paṭhamajjhānena karaṇabhūtenā’’ti ārammaṇaṃ anāmasitvā vadati yathā ‘‘yena yena kasiṇenā’’ti ettha jhānaṃ anāmasitvā vuttaṃ. ‘‘Itī’’tiādinā vuttamevatthaṃ saṅgahetvā nigamanavasena vadati. Sabbampīti sabbaṃ ekavāraṃ samāpannajhānaṃ. Saṅgahetvāti sañjānanalakkhaṇena taṃsabhāvāvisesato ekajjhaṃ saṅgahetvā. Aparāparanti punappunaṃ.
๔๑๖. ฌานปทฎฺฐานํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน สญฺญาญาณานิ ทสฺสิตานิ ปฐมนเย ฯ ทุติยนเย ปน ยสฺมา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มเคฺคน ฆเฎนฺตสฺส มคฺคญาณํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา วิปสฺสนามคฺควเสน สญฺญาญาณานิ ทสฺสิตานิฯ ยสฺมา ปน ปฐมนโย โลกิยตฺตา โอฬาริโก, ทุติยนโย มิสฺสโก ตสฺมา ตทุภยํ อสมฺภาเวตฺวา อจฺจนฺตสุขุมํ สุภํ ถิรํ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเมว ทเสฺสตุํ มคฺคผลวเสน สญฺญาญาณานิ ทสฺสิตานิ ตติยนเยฯ ตโยเปเต นยา มคฺคโสธนวเสน ทสฺสิตาฯ
416. Jhānapadaṭṭhānaṃ vipassanaṃ vaḍḍhentassa puggalassa vasena saññāñāṇāni dassitāni paṭhamanaye . Dutiyanaye pana yasmā vipassanaṃ ussukkāpetvā maggena ghaṭentassa maggañāṇaṃ uppajjati, tasmā vipassanāmaggavasena saññāñāṇāni dassitāni. Yasmā pana paṭhamanayo lokiyattā oḷāriko, dutiyanayo missako tasmā tadubhayaṃ asambhāvetvā accantasukhumaṃ subhaṃ thiraṃ nibbattitalokuttarameva dassetuṃ maggaphalavasena saññāñāṇāni dassitāni tatiyanaye. Tayopete nayā maggasodhanavasena dassitā.
‘‘อยํ ปเนตฺถ สาโร’’ติ วิภาเวตุํ ติปิฎกมหาสิวเตฺถรวาโท อาภโตฯ นิโรธํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมิํ กถิเต ตทนนฺตรํ สญฺญาญาณุปฺปตฺติํ ปุจฺฉโนฺต อตฺถโต นิโรธโต วุฎฺฐานํ ปุจฺฉติ นาม, นิโรธโต จ วุฎฺฐานํ อรหตฺตผลุปฺปตฺติยา วา สิยา อนาคามิผลุปฺปตฺติยา วา, ตตฺถ สญฺญา ปธานา, ตทนนฺตรญฺจ ปจฺจเวกฺขณญาณนฺติ ตทุภยํ นิทฺธาเรโนฺต เถโร ‘‘กิํ อิเม ภิกฺขู ภณนฺตี’’ติอาทิมาห ฯ ตตฺถ ‘‘กิํ อิเม ภิกฺขู ภณนฺตี’’ติ ตทา ทีฆนิกายตนฺติํ ปริวตฺตเนฺต อิมํ ฐานํ ปตฺวา ยถาวุเตฺตน ปฎิปาฎิยา ตโย นเย กเถเนฺต ภิกฺขู สนฺธาย วทติฯ
‘‘Ayaṃ panettha sāro’’ti vibhāvetuṃ tipiṭakamahāsivattheravādo ābhato. Nirodhaṃ pucchitvā tasmiṃ kathite tadanantaraṃ saññāñāṇuppattiṃ pucchanto atthato nirodhato vuṭṭhānaṃ pucchati nāma, nirodhato ca vuṭṭhānaṃ arahattaphaluppattiyā vā siyā anāgāmiphaluppattiyā vā, tattha saññā padhānā, tadanantarañca paccavekkhaṇañāṇanti tadubhayaṃ niddhārento thero ‘‘kiṃ ime bhikkhū bhaṇantī’’tiādimāha . Tattha ‘‘kiṃ ime bhikkhū bhaṇantī’’ti tadā dīghanikāyatantiṃ parivattante imaṃ ṭhānaṃ patvā yathāvuttena paṭipāṭiyā tayo naye kathente bhikkhū sandhāya vadati.
ยสฺส ยถา มคฺควีถิยํ มคฺคผลญาเณสุ อุปฺปเนฺนสุ นิยมโต มคฺคผลปจฺจเวกฺขณญาณานิ โหนฺติ, เอวํ ผลสมาปตฺติยํ ผลปจฺจเวกฺขณญาณนฺติ อาห ‘‘ปจฺฉา ปจฺจเวกฺขณญาณ’’นฺติฯ ‘‘อิทํ อรหตฺตผล’’นฺติ อิทํ ปจฺจเวกฺขณญาณสฺส ปวตฺติอาการทสฺสนํฯ ผลสมาธิสญฺญาปจฺจยาติ ผลสมาธิสหคตสญฺญาปจฺจยาฯ กิร-สโทฺท อนุสฺสรณโตฺถฯ ยถาธิคตธมฺมานุสฺสรณปกฺขิยา หิ ปจฺจเวกฺขณาฯ สมาธิสีเสน เจตฺถ สพฺพํ อรหตฺตผลํ คหิตํ สหจรณญาเยน, ตสฺมิํ อสติ ปจฺจเวกฺขณาย อสมฺภโว เอวาติ อาห ‘‘อิทปฺปจฺจยา’’ติฯ
Yassa yathā maggavīthiyaṃ maggaphalañāṇesu uppannesu niyamato maggaphalapaccavekkhaṇañāṇāni honti, evaṃ phalasamāpattiyaṃ phalapaccavekkhaṇañāṇanti āha ‘‘pacchā paccavekkhaṇañāṇa’’nti. ‘‘Idaṃ arahattaphala’’nti idaṃ paccavekkhaṇañāṇassa pavattiākāradassanaṃ. Phalasamādhisaññāpaccayāti phalasamādhisahagatasaññāpaccayā. Kira-saddo anussaraṇattho. Yathādhigatadhammānussaraṇapakkhiyā hi paccavekkhaṇā. Samādhisīsena cettha sabbaṃ arahattaphalaṃ gahitaṃ sahacaraṇañāyena, tasmiṃ asati paccavekkhaṇāya asambhavo evāti āha ‘‘idappaccayā’’ti.
สญฺญาอตฺตกถาวณฺณนา
Saññāattakathāvaṇṇanā
๔๑๗. เทสนาย สณฺหภาเวน สารมฺภมกฺขิสฺสาทิมลวิโสธนโต สุตมยญาณํ นฺหาปิตํ วิย, สุขุมภาเวน ตนุเลปนวิลิตฺตํ วิย, ติลกฺขณพฺภาหตตาย กุณฺฑลาทิอลงฺการวิภูสิตํ วิย จ โหติ, ตทนุปเสวโต ญาณสฺส จ ตถาภาโว ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส ตถาภาวาปตฺติ, นิโรธกถาย นิเวสนญฺจสฺส สิริสยนปฺปเวสนสทิสนฺติ อาห ‘‘สณฺหสุขุม…เป.… อาโรปิโตปี’’ติฯ ตตฺถาติ ตสฺสํ นิโรธกถายํฯ สุขํ อวินฺทโนฺต มนฺทพุทฺธิตาย อลภโนฺตฯ มลวิทูสิตตาย คูถฎฺฐานสทิสํฯ อตฺตโน ลทฺธิํ อตฺตทิฎฺฐิํฯ อนุมติํ คเหตฺวาติ อนุญฺญํ คเหตฺวา ‘‘เอทิโส เม อตฺตา’’ติ อนุชานาเปตฺวา, อตฺตโน ลทฺธิยํ ปติฎฺฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ กํ ปนาติ โอฬาริโก, มโนมโย, อรูปีติ ติณฺณํ อตฺตวาทานํ วเสน ติวิเธสุ กตมนฺติ อโตฺถฯ ปริหรโนฺตติ วิทฺธํสนโต ปริหรโนฺต, นิคูหโนฺตติ อธิปฺปาโยฯ ยสฺมา จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺธํ เอกตฺตวเสน คเหตฺวา รูปีภาวโต ‘‘โอฬาริโก อตฺตา’’ติ ปเจฺจติ อตฺตวาที, อนฺนปาโนปธานตญฺจสฺส ปริกเปฺปตฺวา ‘‘สสฺสโต’’ติ มญฺญติ, รูปีภาวโต เอว จ สญฺญาย อญฺญตฺตํ ญายาคตเมว, ยํ เวทวาทิโน ‘‘อนฺนมโย, ปานมโย’’ติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติ, ตสฺมา ปริพฺพาชโก ตํ สนฺธายา ‘‘โอฬาริกํ โข’’ติ อาหฯ
417. Desanāya saṇhabhāvena sārambhamakkhissādimalavisodhanato sutamayañāṇaṃ nhāpitaṃ viya, sukhumabhāvena tanulepanavilittaṃ viya, tilakkhaṇabbhāhatatāya kuṇḍalādialaṅkāravibhūsitaṃ viya ca hoti, tadanupasevato ñāṇassa ca tathābhāvo taṃsamaṅgino puggalassa tathābhāvāpatti, nirodhakathāya nivesanañcassa sirisayanappavesanasadisanti āha ‘‘saṇhasukhuma…pe… āropitopī’’ti. Tatthāti tassaṃ nirodhakathāyaṃ. Sukhaṃ avindanto mandabuddhitāya alabhanto. Malavidūsitatāya gūthaṭṭhānasadisaṃ. Attano laddhiṃ attadiṭṭhiṃ. Anumatiṃ gahetvāti anuññaṃ gahetvā ‘‘ediso me attā’’ti anujānāpetvā, attano laddhiyaṃ patiṭṭhapetvāti attho. Kaṃ panāti oḷāriko, manomayo, arūpīti tiṇṇaṃ attavādānaṃ vasena tividhesu katamanti attho. Pariharantoti viddhaṃsanato pariharanto, nigūhantoti adhippāyo. Yasmā catusantatirūpappabandhaṃ ekattavasena gahetvā rūpībhāvato ‘‘oḷāriko attā’’ti pacceti attavādī, annapānopadhānatañcassa parikappetvā ‘‘sassato’’ti maññati, rūpībhāvato eva ca saññāya aññattaṃ ñāyāgatameva, yaṃ vedavādino ‘‘annamayo, pānamayo’’ti ca dvidhā voharanti, tasmā paribbājako taṃ sandhāyā ‘‘oḷārikaṃ kho’’ti āha.
ตตฺถ ยทิ อตฺตา รูปี, น สญฺญี, สญฺญาย อรูปภาวตฺตา, รูปธมฺมานญฺจ อสญฺชานนสภาวตฺตา, รูปี จ สมาโน ยทิ ตว มเตน นิโจฺจ, สญฺญา อปราปรํ ปวตฺตนโต ตตฺถ ตตฺถ ภิชฺชตีติ เภทสพฺภาวโต อนิจฺจา, เอวมฺปิ ‘‘อญฺญา สญฺญา, อโญฺญ อตฺตา’’ติ สญฺญาย อภาวโต อเจตโนติ น กมฺมสฺส การโก, ผลสฺส จ น อุปภุญฺชโกติ อาปนฺนเมว, เตนาห ‘‘โอฬาริโก จ หิ เต’’ติอาทิฯ ปจฺจาคจฺฉโตติ ปจฺจาคจฺฉนฺตสฺส , ชานโตติ อโตฺถฯ ‘‘อญฺญา จ สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติ, อญฺญา จ สญฺญา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อุปฺปาทปุพฺพโก นิโรโธ, น จ อุปฺปนฺนํ อนิรุชฺฌกํ นาม อตฺถีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘จตุนฺนญฺจ ขนฺธาน’’นฺติอาทิฯ
Tattha yadi attā rūpī, na saññī, saññāya arūpabhāvattā, rūpadhammānañca asañjānanasabhāvattā, rūpī ca samāno yadi tava matena nicco, saññā aparāparaṃ pavattanato tattha tattha bhijjatīti bhedasabbhāvato aniccā, evampi ‘‘aññā saññā, añño attā’’ti saññāya abhāvato acetanoti na kammassa kārako, phalassa ca na upabhuñjakoti āpannameva, tenāha ‘‘oḷāriko ca hi te’’tiādi. Paccāgacchatoti paccāgacchantassa , jānatoti attho. ‘‘Aññā ca saññā uppajjanti, aññā ca saññā nirujjhantī’’ti kasmā vuttaṃ, nanu uppādapubbako nirodho, na ca uppannaṃ anirujjhakaṃ nāma atthīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘catunnañca khandhāna’’ntiādi.
๔๑๘-๔๒๐. มโนมยนฺติ ฌานมนโส วเสน มโนมยํฯ โย หิ พาหิรปจฺจยนิรเปโกฺข, โส มนสาว นิพฺพโตฺตติ มโนมโยฯ รูปโลเก นิพฺพตฺตสรีรํ สนฺธาย วทติ, ยํ เวทวาทิโน อานนฺทมโย, วิญฺญาณมโยติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติฯ ตตฺราปีติ ‘‘มโนมโย อตฺตา’’ติ อิมสฺมิมฺปิ ปเกฺขฯ โทเส ทิเนฺนติ ‘‘อญฺญาว สญฺญา ภวิสฺสตี’’ติอาทินา โทเส ทิเนฺนฯ อิธาปิ ปุริมวาเท วุตฺตนเยเนว โทสทสฺสนํ เวทิตพฺพํฯ อยํ ปน วิเสโส – ยทิ อตฺตา มโนมโย, สพฺพงฺคปจฺจงฺคี, อหีนินฺทฺริโย จ ภเวยฺย, เอวํ สติ ‘‘รูปํ อตฺตา สิยา, น จ สญฺญี’’ติ ปุเพฺพ วิย วตฺตพฺพํฯ เตนาห – ‘‘มโนมโย จ หิ เต’’ติอาทิฯ กสฺมา ปนายํ ปริพฺพาชโก ปฐมํ โอฬาริกํ อตฺตานํ ปฎิชานิตฺวา ตํ ลทฺธิํ วิสฺสเชฺชตฺวา ปุน มโนมยํ อตฺตานํ ปฎิชานาติ, ตญฺจ วิสฺสเชฺชตฺวา อรูปิํ อตฺตานํ ปฎิชานาตีติ? กามเญฺจตฺถ การณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมว, ตถาปิ อิเม ติตฺถิยา นาม อนวฎฺฐิตจิตฺตา ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุโก วิย จญฺจลาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา นาม อุมฺมตฺตโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สญฺญายาติ ปกติสญฺญายฯ อุปฺปาทนิโรธํ อิจฺฉติ อปราปรํ ปวตฺตาย สญฺญาย อุทยวยทสฺสนโตฯ ตถาปิ ‘‘สญฺญา สญฺญา’’ติ ปวตฺตสมญฺญํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตสฺส จ อวิเจฺฉทํ ปริกเปฺปโนฺต สสฺสตํ มญฺญติ, เตนาห ‘‘อตฺตานํ ปน สสฺสตํ มญฺญตี’’ติฯ
418-420.Manomayanti jhānamanaso vasena manomayaṃ. Yo hi bāhirapaccayanirapekkho, so manasāva nibbattoti manomayo. Rūpaloke nibbattasarīraṃ sandhāya vadati, yaṃ vedavādino ānandamayo, viññāṇamayoti ca dvidhā voharanti. Tatrāpīti ‘‘manomayo attā’’ti imasmimpi pakkhe. Dose dinneti ‘‘aññāva saññā bhavissatī’’tiādinā dose dinne. Idhāpi purimavāde vuttanayeneva dosadassanaṃ veditabbaṃ. Ayaṃ pana viseso – yadi attā manomayo, sabbaṅgapaccaṅgī, ahīnindriyo ca bhaveyya, evaṃ sati ‘‘rūpaṃ attā siyā, na ca saññī’’ti pubbe viya vattabbaṃ. Tenāha – ‘‘manomayo ca hi te’’tiādi. Kasmā panāyaṃ paribbājako paṭhamaṃ oḷārikaṃ attānaṃ paṭijānitvā taṃ laddhiṃ vissajjetvā puna manomayaṃ attānaṃ paṭijānāti, tañca vissajjetvā arūpiṃ attānaṃ paṭijānātīti? Kāmañcettha kāraṇaṃ heṭṭhā vuttameva, tathāpi ime titthiyā nāma anavaṭṭhitacittā thusarāsimhi nikhātakhāṇuko viya cañcalāti dassetuṃ ‘‘yathā nāma ummattako’’tiādi vuttaṃ. Tattha saññāyāti pakatisaññāya. Uppādanirodhaṃ icchati aparāparaṃ pavattāya saññāya udayavayadassanato. Tathāpi ‘‘saññā saññā’’ti pavattasamaññaṃ ‘‘attā’’ti gahetvā tassa ca avicchedaṃ parikappento sassataṃ maññati, tenāha ‘‘attānaṃ pana sassataṃ maññatī’’ti.
ตเถวาติ ยถา ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ, ‘‘มโนมโย อตฺตา’’ติ จ วาททฺวเย สญฺญาย อตฺตโต อญฺญตา, ตถา จสฺส อเจตนตาทิโทสปฺปสโงฺค ทุนฺนิวาโร , ตเถว อิมสฺมิํ วาเท โทโสฯ เตนาห ‘‘ตเถวสฺส โทสํ ทเสฺสโนฺต’’ติฯ มิจฺฉาทสฺสเนนาติ อตฺตทิฎฺฐิสงฺขาเตน มิจฺฉาภินิเวเสนฯ อภิภูตตฺตาติ อนาทิกาลภาวิตภาเวน อโชฺฌตฺถฎตฺตา นิวาริตญาณจารตฺตาฯ ตํ นานตฺตํ อชานโนฺตติ เยน สนฺตติฆเนน, สมูหฆเนน จ วญฺจิโต พาโล ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ ธมฺมสมูหํ มิจฺฉาคาหวเสน ‘‘อตฺตา’’ติ, ‘‘นิโจฺจ’’ติ จ อภินิวิสฺส โวหรติ, ตํ เอกตฺตสญฺญิตํ ฆนคฺคหณํ วินิภุชฺช ยาถาวโต ชานนํ ฆนวินิโพฺภโค, สเพฺพน สพฺพํ ติตฺถิยานํ โส นตฺถีติ อยมฺปิ ปริพฺพาชโก ตาทิสสฺส ญาณสฺส ปริปากสฺส อภาวโต วุจฺจมานมฺปิ นาญฺญาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ภควตา วุจฺจมานมฺปิ ตํ นานตฺตํ อชานโนฺต’’ติฯ สญฺญา นามายํ นานารมฺมณา นานากฺขเณ อุปฺปชฺชติ, เวติ จาติ สญฺญาย อุปฺปาทนิโรธํ ปสฺสโนฺตปิ สญฺญามยํ สญฺญาภูตํ อตฺตานํ ปริกเปฺปตฺวา ยถาวุตฺตฆนวินิโพฺภคาภาวโต นิจฺจเมว กตฺวา มญฺญติ ทิฎฺฐิมญฺญนายฯ ตถาภูตสฺส จ ตสฺส สณฺหสุขุมปรมคมฺภีรธมฺมตา น ญายเตวาติ วุตฺตํ ‘‘ทุชฺชานํ โข’’ติอาทิฯ
Tathevāti yathā ‘‘rūpī attā’’ti, ‘‘manomayo attā’’ti ca vādadvaye saññāya attato aññatā, tathā cassa acetanatādidosappasaṅgo dunnivāro , tatheva imasmiṃ vāde doso. Tenāha ‘‘tathevassa dosaṃ dassento’’ti. Micchādassanenāti attadiṭṭhisaṅkhātena micchābhinivesena. Abhibhūtattāti anādikālabhāvitabhāvena ajjhotthaṭattā nivāritañāṇacārattā. Taṃ nānattaṃ ajānantoti yena santatighanena, samūhaghanena ca vañcito bālo pabandhavasena pavattamānaṃ dhammasamūhaṃ micchāgāhavasena ‘‘attā’’ti, ‘‘nicco’’ti ca abhinivissa voharati, taṃ ekattasaññitaṃ ghanaggahaṇaṃ vinibhujja yāthāvato jānanaṃ ghanavinibbhogo, sabbena sabbaṃ titthiyānaṃ so natthīti ayampi paribbājako tādisassa ñāṇassa paripākassa abhāvato vuccamānampi nāññāsi. Tena vuttaṃ ‘‘bhagavatā vuccamānampi taṃ nānattaṃ ajānanto’’ti. Saññā nāmāyaṃ nānārammaṇā nānākkhaṇe uppajjati, veti cāti saññāyauppādanirodhaṃ passantopi saññāmayaṃ saññābhūtaṃ attānaṃ parikappetvā yathāvuttaghanavinibbhogābhāvato niccameva katvā maññati diṭṭhimaññanāya. Tathābhūtassa ca tassa saṇhasukhumaparamagambhīradhammatā na ñāyatevāti vuttaṃ ‘‘dujjānaṃ kho’’tiādi.
ทิฎฺฐิอาทีสุ ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทสฺสนํ อภินิวิสนํ ทิฎฺฐิฯ ตสฺสา เอว ปุพฺพภาคภูตํ ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานวเสน ขมนํ ขนฺติฯ ตถา โรจนํ รุจิฯ ‘‘อญฺญถา’’ติอาทิ เตสํ ทิฎฺฐิอาทีนํ วิภชิตฺวา ทสฺสนํฯ ตตฺถ อญฺญถาติ ยถา อริยวินเย อนฺตทฺวยํ อนุปคฺคมฺม มชฺฌิมา ปฎิปทาวเสน ทสฺสนํ โหติ, ตโต อญฺญถาเยวฯ อญฺญเทวาติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชติ ขนฺธายตนาทิ, ตสฺส จ อนิจฺจตาทิ, ตโต อญฺญเทว ปรมตฺถโต อวิชฺชมานํ อตฺตานํ สสฺสตาทิ เต ขมติ เจว รุจฺจติ จฯ อายุญฺชนํ อนุยุญฺชนํ อาโยโค, เตนาห ‘‘ยุตฺตปยุตฺตตา’’ติฯ ปฎิปตฺติยาติ ปรมตฺตจินฺตนาทิปริพฺพาชกปฎิปตฺติยา ฯ ทุชฺชานเมตํ ธมฺมตํ ตฺวํ ‘‘อยํ ปรมโตฺถ, อยํ สมฺมุตี’’ติ อิมสฺส วิภาคสฺส ทุพฺพิภาคตฺตาฯ ‘‘ยทิ เอตํ ทุชฺชานํ, ตํ ตาว ติฎฺฐตุ, อิมํ ปนตฺถํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ยถา ปฎิปชฺชิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ ปริพฺพาชโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อโญฺญ วา สญฺญโตติ สญฺญาสภาวโต อโญฺญ สภาโว วา อตฺตา โหตูติ อโตฺถฯ อสฺสาติ อตฺตโนฯ
Diṭṭhiādīsu ‘‘evameta’’nti dassanaṃ abhinivisanaṃ diṭṭhi. Tassā eva pubbabhāgabhūtaṃ ‘‘evameta’’nti nijjhānavasena khamanaṃ khanti. Tathā rocanaṃ ruci. ‘‘Aññathā’’tiādi tesaṃ diṭṭhiādīnaṃ vibhajitvā dassanaṃ. Tattha aññathāti yathā ariyavinaye antadvayaṃ anupaggamma majjhimā paṭipadāvasena dassanaṃ hoti, tato aññathāyeva. Aññadevāti yaṃ paramatthato vijjati khandhāyatanādi, tassa ca aniccatādi, tato aññadeva paramatthato avijjamānaṃ attānaṃ sassatādi te khamati ceva ruccati ca. Āyuñjanaṃ anuyuñjanaṃ āyogo, tenāha ‘‘yuttapayuttatā’’ti. Paṭipattiyāti paramattacintanādiparibbājakapaṭipattiyā . Dujjānametaṃ dhammataṃ tvaṃ ‘‘ayaṃ paramattho, ayaṃ sammutī’’ti imassa vibhāgassa dubbibhāgattā. ‘‘Yadi etaṃ dujjānaṃ, taṃ tāva tiṭṭhatu, imaṃ panatthaṃ bhagavantaṃ pucchissāmī’’ti cintetvā yathā paṭipajji, taṃ dassetuṃ ‘‘atha paribbājako’’tiādi vuttaṃ. Añño vā saññatoti saññāsabhāvato añño sabhāvo vā attā hotūti attho. Assāti attano.
โลกียติ ทิสฺสติ เอตฺถ ปุญฺญปาปํ, ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, อตฺตาฯ โส หิสฺส การโก, เวทโก จาติ อิจฺฉิโตฯ ทิฎฺฐิคตนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๓๑; อุทา. ๕๕) นยปฺปวตฺตํ ทิฎฺฐิคตํฯ น เหส ทิฎฺฐาภินิเวโส ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอตฺถนิสฺสิโต ตทสํวตฺตนโตฯ โย หิ ตทาวโห, โส ตํนิสฺสิโตติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺย ยถา ตํ ปุญฺญญาณสมฺภาโรฯ เอเตเนว ตสฺส น ธมฺมนิสฺสิตตาปิ สํวณฺณิตา ทฎฺฐพฺพาฯ อาทิพฺรหฺมจริยสฺสาติ อาทิพฺรหฺมจริยํ, ตเทว อาทิพฺรหฺมจริยกํ ยถา ‘‘วินโย เอว เวนยิโก’’ติ, (ปารา. อฎฺฐ. ๒๑) เตนาห ‘‘สิกฺขตฺตยสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิฯ ทิฎฺฐาภินิเวสสฺส สํสารวเฎฺฎ นิพฺพิทาวิราคนิโรธุปสมาสํวตฺตนํ วฎฺฎโนฺตคธตฺตา, ตสฺส วฎฺฎสมฺพนฺธนโต จฯ ตถา อภิญฺญาสโมฺพธนิพฺพานาสํวตฺตนญฺจ ทฎฺฐพฺพํฯ อภิชานนายาติ ญาตปริญฺญาวเสน อภิชานนตฺถายฯ สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ตีรณปหานปริญฺญาวเสน สโมฺพธนตฺถายาติ วทนฺติฯ อภิชานนายาติ อภิญฺญาปญฺญาวเสน ชานนาย, ตํ ปน วฎฺฎสฺส ปจฺจกฺขกรณเมว โหตีติ อาห ‘‘ปจฺจกฺขกิริยายา’’ติฯ สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ปริญฺญาภิสมยวเสน ปฎิเวธายฯ
Lokīyati dissati ettha puññapāpaṃ, tabbipāko cāti loko, attā. So hissa kārako, vedako cāti icchito. Diṭṭhigatanti ‘‘sassato attā ca loko cā’’tiādi (dī. ni. 1.31; udā. 55) nayappavattaṃ diṭṭhigataṃ. Na hesa diṭṭhābhiniveso diṭṭhadhammikādiatthanissito tadasaṃvattanato. Yo hi tadāvaho, so taṃnissitoti vattabbataṃ labheyya yathā taṃ puññañāṇasambhāro. Eteneva tassa na dhammanissitatāpi saṃvaṇṇitā daṭṭhabbā. Ādibrahmacariyassāti ādibrahmacariyaṃ, tadeva ādibrahmacariyakaṃ yathā ‘‘vinayo eva venayiko’’ti, (pārā. aṭṭha. 21) tenāha ‘‘sikkhattayasaṅkhātassā’’tiādi. Diṭṭhābhinivesassa saṃsāravaṭṭe nibbidāvirāganirodhupasamāsaṃvattanaṃ vaṭṭantogadhattā, tassa vaṭṭasambandhanato ca. Tathā abhiññāsambodhanibbānāsaṃvattanañca daṭṭhabbaṃ. Abhijānanāyāti ñātapariññāvasena abhijānanatthāya. Sambujjhanatthāyāti tīraṇapahānapariññāvasena sambodhanatthāyāti vadanti. Abhijānanāyāti abhiññāpaññāvasena jānanāya, taṃ pana vaṭṭassa paccakkhakaraṇameva hotīti āha ‘‘paccakkhakiriyāyā’’ti. Sambujjhanatthāyāti pariññābhisamayavasena paṭivedhāya.
กามํ ตณฺหาปิ ทุกฺขสภาวา, ตสฺสา ปน สมุทยภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘ตณฺหํ ฐเปตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ปภาวนโต อุปฺปาทนโตฯ ทุกฺขํ ปภาเวนฺตีปิ ตณฺหา อวิชฺชาทิปจฺจยนฺตรสหิตา เอว ปภาเวติ, น เกวลาติ อาห ‘‘สปฺปจฺจยา’’ติฯ อุภินฺนํ อปฺปวตฺตีติ อุภินฺนํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, นปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถ ทุกฺขสมุทยา เอตสฺมิํ วา อธิคเตติ อปฺปวตฺติฯ ทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ, ตทตฺถํ ปฎิปทา จาติ ทุกฺขนิโรธคามินีปฎิปทาฯ มคฺคปาตุภาโวติ อคฺคมคฺคสมุปฺปาโทฯ ผลสจฺฉิกิริยาติ อเสกฺขผลาธิคโมฯ อาการนฺติ ตํ คมนลิงฺคํฯ
Kāmaṃ taṇhāpi dukkhasabhāvā, tassā pana samudayabhāvena visuṃ gahitattā ‘‘taṇhaṃ ṭhapetvā’’ti vuttaṃ. Pabhāvanato uppādanato. Dukkhaṃ pabhāventīpi taṇhā avijjādipaccayantarasahitā eva pabhāveti, na kevalāti āha ‘‘sappaccayā’’ti. Ubhinnaṃ appavattīti ubhinnaṃ appavattinimittaṃ, nappavattanti ettha dukkhasamudayā etasmiṃ vā adhigateti appavatti. Dukkhanirodhaṃ nibbānaṃ gacchati adhigacchati, tadatthaṃ paṭipadā cāti dukkhanirodhagāminīpaṭipadā. Maggapātubhāvoti aggamaggasamuppādo. Phalasacchikiriyāti asekkhaphalādhigamo. Ākāranti taṃ gamanaliṅgaṃ.
๔๒๑. สมนฺตโต นิคฺคณฺหนวเสน โตทนํ วิชฺฌนํ สนฺนิโตทกํ, วาจายาติ จ ปจฺจเตฺต กรณวจนนฺติ อาห ‘‘วจนปโตเทนา’’ติฯ สชฺฌพฺภริตนฺติ สมนฺตโต ภุสํ อริตํ อกํสูติ สตมเตฺตหิ ตุตฺตเกหิ วิย ติํสสตมตฺตา ปริพฺพาชกา วาจาปโตทเนหิ ตุทิํสุ สภาวโต วิชฺชมานนฺติ ปรมตฺถสภาวโต อุปลพฺภมานํ, นปกติอาทิ วิย อนุปลพฺภมานํฯ ตจฺฉนฺติ สจฺจํฯ ตถนฺติ อวิปรีตํ โลกุตฺตรธเมฺมสูติ วิสเย ภุมฺมํ เต ธเมฺม วิสยํ กตฺวาฯ ฐิตสภาวนฺติ อวฎฺฐิตสภาวํ, ตทุปฺปาทกนฺติ อโตฺถฯ โลกุตฺตรธมฺมนิยามตนฺติ โลกุตฺตรธมฺมสมฺปาปนนิยาเมน นิยตํ, เตนาห ‘‘พุทฺธานญฺหี’’ติอาทิฯ เอทิสาติ ‘‘ธมฺมฎฺฐิตต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการาฯ
421. Samantato niggaṇhanavasena todanaṃ vijjhanaṃ sannitodakaṃ, vācāyāti ca paccatte karaṇavacananti āha ‘‘vacanapatodenā’’ti. Sajjhabbharitanti samantato bhusaṃ aritaṃ akaṃsūti satamattehi tuttakehi viya tiṃsasatamattā paribbājakā vācāpatodanehi tudiṃsu sabhāvato vijjamānanti paramatthasabhāvato upalabbhamānaṃ, napakatiādi viya anupalabbhamānaṃ. Tacchanti saccaṃ. Tathanti aviparītaṃ lokuttaradhammesūti visaye bhummaṃ te dhamme visayaṃ katvā. Ṭhitasabhāvanti avaṭṭhitasabhāvaṃ, taduppādakanti attho. Lokuttaradhammaniyāmatanti lokuttaradhammasampāpananiyāmena niyataṃ, tenāha ‘‘buddhānañhī’’tiādi. Edisāti ‘‘dhammaṭṭhitata’’ntiādinā vuttappakārā.
จิตฺตหตฺถิสาริปุตฺตโปฎฺฐปาทวตฺถุวณฺณนา
Cittahatthisāriputtapoṭṭhapādavatthuvaṇṇanā
๔๒๒. สุขุเมสุ อตฺถนฺตเรสูติ ขนฺธายตนาทีสุ สุขุมญาณโคจเรสุ ธเมฺมสุฯ กุสโลติ ปุเพฺพ พุทฺธสาสเน กตปริจยตาย เฉโก อโหสิฯ คิหิภาเว อานิสํสกถาย กถิตตฺตา สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน ตถา กถเนน วิพฺภมเน นิโยชิตตฺตา อิทานิ สยมฺปิ สีลวา เอว หุตฺวา ฉ วาเร (ธ. ป. อฎฺฐ. ๓๗; ชา. อฎฺฐ. ๑.๑.๖๙) วิพฺภมิฯ กมฺมสริกฺขเกน หิ ผเลน ภวิตพฺพํฯ มหาสาวกสฺส กถิเตติ มหาสาวกสฺส มหาโกฎฺฐิกเตฺถรสฺส อปสาทนกถิตนิมิตฺตํฯ ปติฎฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺตติ สาสเน ปติฎฺฐํ ลทฺธุํ อสโกฺกโนฺตฯ
422.Sukhumesu atthantaresūti khandhāyatanādīsu sukhumañāṇagocaresu dhammesu. Kusaloti pubbe buddhasāsane kataparicayatāya cheko ahosi. Gihibhāve ānisaṃsakathāyakathitattā sīlavantassa bhikkhuno tathā kathanena vibbhamane niyojitattā idāni sayampi sīlavā eva hutvā cha vāre (dha. pa. aṭṭha. 37; jā. aṭṭha. 1.1.69) vibbhami. Kammasarikkhakena hi phalena bhavitabbaṃ. Mahāsāvakassa kathiteti mahāsāvakassa mahākoṭṭhikattherassa apasādanakathitanimittaṃ. Patiṭṭhātuṃ asakkontoti sāsane patiṭṭhaṃ laddhuṃ asakkonto.
๔๒๓. ปญฺญาจกฺขุโน นตฺถิตายาติ สุวุตฺตทุรุตฺตสมวิสมทสฺสนสมตฺถปญฺญาจกฺขุโน อภาเวน ฯ จกฺขุมาติ เอตฺถ ยาทิเสน จกฺขุนา ปุริโส ‘‘จกฺขุมา’’ติ วุโตฺต, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุภาสิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกโกฎฺฐาสาติ เอกนฺติกา, นิพฺพานาวหภาเวน นิจฺฉิตาติ อธิปฺปาโยฯ ฐปิตาติ ววตฺถาปิตาฯ น เอกโกฎฺฐาสา น เอกนฺติกา, น นิพฺพานาวหภาเวน นิจฺฉิตา วฎฺฎโนฺตคธภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ
423.Paññācakkhuno natthitāyāti suvuttaduruttasamavisamadassanasamatthapaññācakkhuno abhāvena . Cakkhumāti ettha yādisena cakkhunā puriso ‘‘cakkhumā’’ti vutto, taṃ dassetuṃ ‘‘subhāsitā’’tiādi vuttaṃ. Ekakoṭṭhāsāti ekantikā, nibbānāvahabhāvena nicchitāti adhippāyo. Ṭhapitāti vavatthāpitā. Na ekakoṭṭhāsā na ekantikā, na nibbānāvahabhāvena nicchitā vaṭṭantogadhabhāvatoti adhippāyo.
เอกํสิกธมฺมวณฺณนา
Ekaṃsikadhammavaṇṇanā
๔๒๕. ‘‘กสฺมา อารภี’’ติ การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติ ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํฯ สติ หิ ผลสิทฺธิยํ เหตุสิโทฺธเยว โหตีติฯ ปญฺญาปิตนิฎฺฐายาติ ปเวทิตวิมุตฺติมคฺคสฺส, วฎฺฎทุกฺขปริโยสานํ คจฺฉติ เอตายาติ ‘‘นิฎฺฐา’’ติ วิมุตฺติ วุตฺตาฯ นิฎฺฐามโคฺค หิ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘นิฎฺฐา’’ติ วุโตฺตฯ ตสฺส หิ อนิยฺยานิกตา, นิยฺยานิกตา จ วุจฺจติ, น นิฎฺฐายฯ นิยฺยานํ วา นิคฺคมนํ นิสฺสรณํ, วฎฺฎทุกฺขสฺส วุปสโมติ อโตฺถฯ นิยฺยานเมว นิยฺยานิกํ, น นิยฺยานิกํ อนิยฺยานิกํ, โส เอว ภาโว อนิยฺยานิกภาโว, ตสฺส ทสฺสนตฺถนฺติ โยเชตพฺพํฯ ‘‘เอว’’นฺติ ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’’นฺติ วจนมตฺตสามญฺญํ คเหตฺวา วทติ, น ปน ปรมตฺถโต เตสํ สมเย นิพฺพานปญฺญาปนสฺส ลพฺภนโต, เตน วุตฺตํ ‘‘สา จ น นิยฺยานิกา’’ติอาทิฯ โลกถูปิกาทิวเสนาติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อโญฺญ ปุริโส, อญฺญา ปกตี’’ติ ปกติปุริสนฺตราวโพโธ โมโกฺข, พุทฺธิอาทิคุณวินิมุตฺตสฺส อตฺตโน สกตฺตนิ อวฎฺฐานํ โมโกฺข, กายปวตฺติคติชาติพนฺธานํ อปฺปมชฺชนวเสน อปฺปวโตฺต โมโกฺข, ยเญฺญหิ ชุเตน ปเรน ปุริเสน สโลกตา โมโกฺข, สมีปตา โมโกฺข, สหโยโค โมโกฺขติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ยถาปญฺญตฺตาติ ปญฺญตฺตปฺปการา หุตฺวา น นิยฺยาติ, เยนากาเรน ‘‘นิฎฺฐา ปาปุณียตี’’ติ เตหิ ปเวทิตา, เตนากาเรน ตสฺสา อปฺปตฺตพฺพโต น นิยฺยาติฯ ปณฺฑิเตหิ ปฎิกฺขิตฺตาติ ‘‘นายํ นิฎฺฐา ปฎิปทา วฎฺฎสฺส อนติกฺกมนโต’’ติ พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปฎิกฺขิตฺตาฯ นิวตฺตตีติ ปฎิเกฺขปสฺส การณวจนํ, ตสฺมา เตหิ ปญฺญตฺตา นิฎฺฐา ปฎิปทา น นิยฺยาติ, อญฺญทตฺถุ ตํสมงฺคินํ ปุคฺคลํ สํสาเร เอว ปริพฺภมาเปนฺตี นิวตฺตติฯ
425. ‘‘Kasmā ārabhī’’ti kāraṇaṃ pucchitvā ‘‘aniyyānikabhāvadassanattha’’nti payojanaṃ vissajjitaṃ. Sati hi phalasiddhiyaṃ hetusiddhoyeva hotīti. Paññāpitaniṭṭhāyāti paveditavimuttimaggassa, vaṭṭadukkhapariyosānaṃ gacchati etāyāti ‘‘niṭṭhā’’ti vimutti vuttā. Niṭṭhāmaggo hi idha uttarapadalopena ‘‘niṭṭhā’’ti vutto. Tassa hi aniyyānikatā, niyyānikatā ca vuccati, na niṭṭhāya. Niyyānaṃ vā niggamanaṃ nissaraṇaṃ, vaṭṭadukkhassa vupasamoti attho. Niyyānameva niyyānikaṃ, na niyyānikaṃ aniyyānikaṃ, so eva bhāvo aniyyānikabhāvo, tassa dassanatthanti yojetabbaṃ. ‘‘Eva’’nti ‘‘nibbānaṃ nibbāna’’nti vacanamattasāmaññaṃ gahetvā vadati, na pana paramatthato tesaṃ samaye nibbānapaññāpanassa labbhanato, tena vuttaṃ ‘‘sā ca na niyyānikā’’tiādi. Lokathūpikādivasenāti ettha ādi-saddena ‘‘añño puriso, aññā pakatī’’ti pakatipurisantarāvabodho mokkho, buddhiādiguṇavinimuttassa attano sakattani avaṭṭhānaṃ mokkho, kāyapavattigatijātibandhānaṃ appamajjanavasena appavatto mokkho, yaññehi jutena parena purisena salokatā mokkho, samīpatā mokkho, sahayogo mokkhoti evamādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Yathāpaññattāti paññattappakārā hutvā na niyyāti, yenākārena ‘‘niṭṭhā pāpuṇīyatī’’ti tehi paveditā, tenākārena tassā appattabbato na niyyāti. Paṇḍitehi paṭikkhittāti ‘‘nāyaṃ niṭṭhā paṭipadā vaṭṭassa anatikkamanato’’ti buddhādīhi paṇḍitehi paṭikkhittā. Nivattatīti paṭikkhepassa kāraṇavacanaṃ, tasmā tehi paññattā niṭṭhā paṭipadā na niyyāti, aññadatthu taṃsamaṅginaṃ puggalaṃ saṃsāre eva paribbhamāpentī nivattati.
ปธานํ ชานนํ นาม ปจฺจกฺขโต ชานนํ ตสฺส ปมาณเชฎฺฐภาวโต, อิตรสฺส สํสยานุพทฺธตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ชานํ ปสฺส’’นฺติฯ เตเนตฺถ ทสฺสเนน ชานนํ วิเสเสติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตุมฺหากํ เอกนฺตสุเข โลเก ปจฺจกฺขโต ญาณทสฺสนํ อตฺถีติฯ ชานนฺติ วา ตสฺส โลกสฺส อนุมานวิสยตํ ปุจฺฉติ, ปสฺสนฺติ ปจฺจกฺขโต โคจรตํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – อปิ ตุมฺหากํ โลโก ปจฺจกฺขโต ญาโต, อุทาหุ อนุมานโตติฯ
Padhānaṃ jānanaṃ nāma paccakkhato jānanaṃ tassa pamāṇajeṭṭhabhāvato, itarassa saṃsayānubaddhattāti vuttaṃ ‘‘jānaṃ passa’’nti. Tenettha dassanena jānanaṃ viseseti. Idaṃ vuttaṃ hoti – tumhākaṃ ekantasukhe loke paccakkhato ñāṇadassanaṃ atthīti. Jānanti vā tassa lokassa anumānavisayataṃ pucchati, passanti paccakkhato gocarataṃ. Ayañhettha attho – api tumhākaṃ loko paccakkhato ñāto, udāhu anumānatoti.
ยสฺมา โลเก ปจฺจกฺขภูโต อโตฺถ อินฺทฺริยโคจรภาเวน ปากโฎ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฎฺฐปุพฺพานี’’ติอาทิฯ ทิฎฺฐปุพฺพานีติ ทิฎฺฐวา, ทสฺสนภูเตน, ตทนุคเตน จ ญาเณน คหิตปุพฺพานีติ อโตฺถฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘สรีรสณฺฐานาทีนี’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติฯ ‘‘อปฺปาฎิหีรก ต’’นฺติ อนุนาสิกโลปํ กตฺวา นิเทฺทโสติ อาห ‘‘อปฺปาฎิหีรกํ ต’’นฺติ ‘‘อปฺปาฎิหีรํ กต’’นฺติ เอวเมตฺถ วเณฺณนฺติฯ ปฎิปกฺขหรณโต ปฎิหาริยํ, ตเทว ปาฎิหาริยํ, อุตฺตรวิรหิตํ วจนํฯ ปาฎิหาริยเมเวตฺถ ‘‘ปาฎิหีรก’’นฺติ วา วุตฺตํฯ น ปาฎิหีรกํ อปฺปาฎิหีรกํ ปเรหิ วุจฺจมานอุตฺตเรหิ สอุตฺตรตฺตา, เตนาห ‘‘ปฎิหรณวิรหิต’’นฺติฯ สอุตฺตรญฺหิ วจนํ เตน อุตฺตเรน ปฎิหารียติ อติวิปริวตฺตียติฯ ตโต เอว นิยฺยานสฺส ปฎิหรณมคฺคสฺส อภาวโต ‘‘อนิยฺยานิก’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติฯ
Yasmā loke paccakkhabhūto attho indriyagocarabhāvena pākaṭo, tasmā vuttaṃ ‘‘diṭṭhapubbānī’’tiādi. Diṭṭhapubbānīti diṭṭhavā, dassanabhūtena, tadanugatena ca ñāṇena gahitapubbānīti attho. Evañca katvā ‘‘sarīrasaṇṭhānādīnī’’ti vacanaṃ samatthitaṃ hoti. ‘‘Appāṭihīraka ta’’nti anunāsikalopaṃ katvā niddesoti āha ‘‘appāṭihīrakaṃ ta’’nti ‘‘appāṭihīraṃ kata’’nti evamettha vaṇṇenti. Paṭipakkhaharaṇato paṭihāriyaṃ, tadeva pāṭihāriyaṃ, uttaravirahitaṃ vacanaṃ. Pāṭihāriyamevettha ‘‘pāṭihīraka’’nti vā vuttaṃ. Na pāṭihīrakaṃ appāṭihīrakaṃ parehi vuccamānauttarehi sauttarattā, tenāha ‘‘paṭiharaṇavirahita’’nti. Sauttarañhi vacanaṃ tena uttarena paṭihārīyati ativiparivattīyati. Tato eva niyyānassa paṭiharaṇamaggassa abhāvato ‘‘aniyyānika’’nti vattabbataṃ labhati.
๔๒๖. วิลาโส ลีฬาฯ อากโปฺป เกสพนฺธวตฺถคฺคหณํ อาทิอาการวิเสโส, เวสสํวิธานํ วาฯ อาทิ-สเทฺทน ภาวาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘ภาโว’’ติ จ จาตุริยํ เวทิตพฺพํฯ
426.Vilāso līḷā. Ākappo kesabandhavatthaggahaṇaṃ ādiākāraviseso, vesasaṃvidhānaṃ vā. Ādi-saddena bhāvādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. ‘‘Bhāvo’’ti ca cāturiyaṃ veditabbaṃ.
ตโยอตฺตปฎิลาภวณฺณนา
Tayoattapaṭilābhavaṇṇanā
๔๒๘. อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อตฺตปฎิลาโภติ อตฺตภาวปฎิลาโภ’’ติฯ กามภวํ ทเสฺสติ ตสฺส อิตรทฺวยตฺตภาวโต โอฬาริกตฺตาฯ รูปภวํ ทเสฺสติ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ หุตฺวา รูปีภาเวน อุปลพฺภนโตฯ สํกิเลสิกา ธมฺมา นาม ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา ตทภาเว กสฺสจิ สํกิเลสสฺสาปิ อสมฺภวโตฯ โวทานิยา ธมฺมา นาม สมถวิปสฺสนา ตาสํ วเสน สพฺพโส จิตฺตโวทานสฺส สิชฺฌนโตฯ
428. Āhito ahaṃ māno etthāti attā, attabhāvoti āha ‘‘attapaṭilābhoti attabhāvapaṭilābho’’ti. Kāmabhavaṃ dasseti tassa itaradvayattabhāvato oḷārikattā. Rūpabhavaṃ dasseti jhānamanena nibbattaṃ hutvā rūpībhāvena upalabbhanato. Saṃkilesikā dhammā nāma dvādasa akusalacittuppādā tadabhāve kassaci saṃkilesassāpi asambhavato. Vodāniyā dhammā nāma samathavipassanā tāsaṃ vasena sabbaso cittavodānassa sijjhanato.
๔๒๙. ปฎิปกฺขธมฺมานํ อสมุเจฺฉเท ปน น กทาจิปิ อนวชฺชธมฺมานํ ปาริปูรี, เวปุลฺลํ วา สมฺภวติ, สมุเจฺฉเท ปน สติ เอว สมฺภวตีติ มคฺคปญฺญาผลปญฺญา-คฺคหณํฯ ตา หิ สกิํ ปริปุณฺณา ปริปุณฺณา เอว อปริหานธมฺมตฺตาฯ ตรุณปีตีติ อุปฺปนฺนมตฺตา อลทฺธาเสวนา ทุพฺพลา ปีติฯ พลวตุฎฺฐีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนา อุปริวิเสสาธิคมสฺส ปจฺจยภูตา ถิรตรา ปีติฯ ‘‘ยํ อโวจุมฺหา’’ติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – ยํ โวหารํ ‘‘สํกิเลสิกโวทานิยธมฺมานํ ปหานาภิวุทฺธินิฎฺฐํ ปญฺญาย ปาริปูริเวปุลฺลภูตํ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว อปรปฺปจฺจเยน ญาเณน ปจฺจกฺขโต สมฺปาเทตฺวา วิหริสฺสตี’’ติ กถยิมฺหฯ ตตฺถ ตสฺมิํ วิหาเร ตสฺส มม โอวาทกรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน วิหรณนิมิตฺตํ ปโมทปฺปภาวิตา ปีติ จ ภวิสฺสติ, ตสฺสา จ ปจฺจยภูตํ ปสฺสทฺธิทฺวยํ สมฺมเทว อุปฎฺฐิตา สติ จ อุกฺกํสคตํ ญาณญฺจ ตถาภูโต จ โส วิหาโรฯ สนฺตปณีตตาย อตปฺปโก อนญฺญสาธารโณ สุขวิหาโรติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติฯ
429. Paṭipakkhadhammānaṃ asamucchede pana na kadācipi anavajjadhammānaṃ pāripūrī, vepullaṃ vā sambhavati, samucchede pana sati eva sambhavatīti maggapaññāphalapaññā-ggahaṇaṃ. Tā hi sakiṃ paripuṇṇā paripuṇṇā eva aparihānadhammattā. Taruṇapītīti uppannamattā aladdhāsevanā dubbalā pīti. Balavatuṭṭhīti punappunaṃ uppattiyā laddhāsevanā uparivisesādhigamassa paccayabhūtā thiratarā pīti. ‘‘Yaṃ avocumhā’’tiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – yaṃ vohāraṃ ‘‘saṃkilesikavodāniyadhammānaṃ pahānābhivuddhiniṭṭhaṃ paññāya pāripūrivepullabhūtaṃ imasmiṃyeva attabhāve aparappaccayena ñāṇena paccakkhato sampādetvā viharissatī’’ti kathayimha. Tattha tasmiṃ vihāre tassa mama ovādakarassa bhikkhuno evaṃ vuttappakārena viharaṇanimittaṃ pamodappabhāvitā pīti ca bhavissati, tassā ca paccayabhūtaṃ passaddhidvayaṃ sammadeva upaṭṭhitā sati ca ukkaṃsagataṃ ñāṇañca tathābhūto ca so vihāro. Santapaṇītatāya atappako anaññasādhāraṇo sukhavihāroti vattabbataṃ arahatīti.
ปฐมชฺฌาเน ปฎิลทฺธมเตฺต หีนภาวโต ปีติ ทุพฺพลา ปาโมชฺชปกฺขิกา, สุวิภาวิเต ปน ตสฺมิํ ปคุเณ สา ปณีตา พลวภาวโต ปริปุณฺณกิจฺจา ปีตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฐมชฺฌาเน ปาโมชฺชาทโย ฉปิ ธมฺมา ลพฺภนฺตี’’ติฯ ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ อิมินา สมาธิ คหิโตฯ สุขํ คหิตนฺติ อปเร, เตสํ มเตน สนฺตสุขตาย อุเปกฺขา จตุตฺถชฺฌาเน ‘‘สุข’’นฺติ อิจฺฉิตา, เตนาห ‘‘ตถา จตุเตฺถ’’ติอาทิฯ ปาโมชฺชํ นิวตฺตตีติ ทุพฺพลปีติสงฺขาตํ ปาโมชฺชํ ฉสุ ธเมฺมสุ นิวตฺตติ หายติฯ วิตกฺกวิจารโกฺขภวิรเหน ทุติยชฺฌาเน สพฺพทา ปีติ พลวตี เอว โหติ, น ปฐมชฺฌาเน วิย กทาจิ ทุพฺพลาฯ สุทฺธวิปสฺสนา ปาทกชฺฌานเมวาติ อุปริ มคฺคํ อกเถตฺวา เกวลํ วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ กถิตํฯ จตูหิ มเคฺคหิ สทฺธิํ วิปสฺสนา กถิตาติ วิปสฺสนาย ปาทกภาเวน ฌานานิ กเถตฺวา ตโต ปรํ วิปสฺสนาปุพฺพกา จตฺตาโรปิ มคฺคา กถิตาติ อโตฺถฯ จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติ กถิตาติ ปฐมชฺฌานิกาทิกา ผลสมาปตฺติโย อกเถตฺวา จตุตฺถชฺฌานิกา เอว ผลสมาปตฺติ กถิตาฯ ปีติเววจนเมว กตฺวาติ ทฺวินฺนํ ปีตีนํ เอกสฺมิํ จิตฺตุปฺปาเท อนุปฺปชฺชนโต ปาโมชฺชํ ปีติเววจนเมว กตฺวาฯ ปีติสุขานํ อปริจฺจตฺตตฺตา, ‘‘สุโข จ วิหาโร’’ติ สาติสยสฺส สุขวิหารสฺส คหิตตฺตา จ ทุติยชฺฌานิกผลสมาปตฺติ นาม กถิตาฯ กามํ ปฐมชฺฌาเนปิ ปีติสุขานิ ลพฺภนฺติ, ตานิ ปน วิตกฺกวิจารโกฺขเภน น สนฺตปณีตานิ, สนฺตปณีตานิ จ อิธาธิเปฺปตานิฯ
Paṭhamajjhāne paṭiladdhamatte hīnabhāvato pīti dubbalā pāmojjapakkhikā, suvibhāvite pana tasmiṃ paguṇe sā paṇītā balavabhāvato paripuṇṇakiccā pītīti vuttaṃ ‘‘paṭhamajjhāne pāmojjādayo chapi dhammā labbhantī’’ti. ‘‘Sukho vihāro’’ti iminā samādhi gahito. Sukhaṃ gahitanti apare, tesaṃ matena santasukhatāya upekkhā catutthajjhāne ‘‘sukha’’nti icchitā, tenāha ‘‘tathā catutthe’’tiādi. Pāmojjaṃ nivattatīti dubbalapītisaṅkhātaṃ pāmojjaṃ chasu dhammesu nivattati hāyati. Vitakkavicārakkhobhavirahena dutiyajjhāne sabbadā pīti balavatī eva hoti, na paṭhamajjhāne viya kadāci dubbalā. Suddhavipassanā pādakajjhānamevāti upari maggaṃ akathetvā kevalaṃ vipassanāpādakajjhānaṃ kathitaṃ. Catūhi maggehi saddhiṃ vipassanā kathitāti vipassanāya pādakabhāvena jhānāni kathetvā tato paraṃ vipassanāpubbakā cattāropi maggā kathitāti attho. Catutthajjhānikaphalasamāpatti kathitāti paṭhamajjhānikādikā phalasamāpattiyo akathetvā catutthajjhānikā eva phalasamāpatti kathitā. Pītivevacanameva katvāti dvinnaṃ pītīnaṃ ekasmiṃ cittuppāde anuppajjanato pāmojjaṃ pītivevacanameva katvā. Pītisukhānaṃ apariccattattā, ‘‘sukho ca vihāro’’ti sātisayassa sukhavihārassa gahitattā ca dutiyajjhānikaphalasamāpatti nāma kathitā. Kāmaṃ paṭhamajjhānepi pītisukhāni labbhanti, tāni pana vitakkavicārakkhobhena na santapaṇītāni, santapaṇītāni ca idhādhippetāni.
๔๓๒-๔๓๗. วิภาวนโตฺถติ ปกาสนโตฺถ สรูปโต นิรูปนโตฺถ, เตนาห ‘‘อยํ โส’’ติอาทิฯ นนฺติ โอฬาริกํ อตฺตปฎิลาภํฯ สปฺปฎิหรณนฺติ ปเรน โจทิตวจเนน สปริหารํ สอุตฺตรํฯ ตุโจฺฉติ มุสา อภูโตฯ เสฺววาติ โส เอว อตฺตปฎิลาโภฯ ตสฺมิํ สมเย โหตีติ ตสฺมิํ ปจฺจุปฺปนฺนสมเย วิชฺชมาโน โหติฯ อตฺตปฎิลาโภเตฺวว นิยฺยาเตสิ, น นํ สรูปโต นีหริตฺวา ทเสฺสสิฯ รูปาทโย เจตฺถ ธมฺมาติ รูปเวทนาทโย เอว เอตฺถ โลเก สภาวธมฺมาฯ อตฺตปฎิลาโภติ ปน เต รูปาทิเก ปญฺจกฺขเนฺธ อุปาทาย ปญฺญตฺติ, เตนาห ‘‘นามมตฺตเมต’’นฺติฯ นามปณฺณตฺติวเสนาติ นามภูตปญฺญตฺติมตฺตตาวเสนฯ
432-437.Vibhāvanatthoti pakāsanattho sarūpato nirūpanattho, tenāha ‘‘ayaṃ so’’tiādi. Nanti oḷārikaṃ attapaṭilābhaṃ. Sappaṭiharaṇanti parena coditavacanena saparihāraṃ sauttaraṃ. Tucchoti musā abhūto. Svevāti so eva attapaṭilābho. Tasmiṃ samaye hotīti tasmiṃ paccuppannasamaye vijjamāno hoti. Attapaṭilābhotveva niyyātesi, na naṃ sarūpato nīharitvā dassesi. Rūpādayo cettha dhammāti rūpavedanādayo eva ettha loke sabhāvadhammā. Attapaṭilābhoti pana te rūpādike pañcakkhandhe upādāya paññatti, tenāha ‘‘nāmamattameta’’nti. Nāmapaṇṇattivasenāti nāmabhūtapaññattimattatāvasena.
๔๓๘. เอวญฺจ ปน วตฺวาติ ‘‘อตฺตปฎิลาโภติ รูปาทิเก อุปาทาย ปญฺญตฺติมตฺต’’นฺติ อิมมตฺถํ ‘‘ยสฺมิํ จิตฺต สมเย’’ติอาทินา วตฺวาฯ ปฎิปุจฺฉิตฺวา วินยนตฺถนฺติ ยถา ปเร ปุเจฺฉยฺยุํ, เตนากาเรน กาลวิภาคโต ปฎิปทานิ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส อตฺถสฺส ญาปนวเสน วินยนตฺถํฯ ตสฺมิํ สมเย สโจฺจ อโหสีติ ตสฺมิํ อตีตสมเย อุปาทานสฺส วิชฺชมานตาย สจฺจภูโต วิชฺชมาโน วิย วตฺตโพฺพ อโหสิ, น ปน อนาคโต อิทานิ ปจฺจุปฺปโนฺน วา อตฺตปฎิลาโภ ตทุปาทานสฺส ตทา อวิชฺชมานตฺตาฯ เย เต อตีตา ธมฺมา อตีตสมเย อตีตตฺตปฎิลาภสฺส อุปาทานภูตา รูปาทโยฯ เต เอตรหิ นตฺถิ นิรุทฺธตฺตาฯ ตโต เอว อเหสุนฺติ สงฺขฺยํ คตาฯ ตสฺมาติ ตสฺมิํเยว สมเย ลพฺภนโตฯ โสปิ ตทุปาทาโน เม อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํเยว อตีตสมเย สโจฺจ ภูโต วิชฺชมาโน วิย อโหสิฯ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ อนาคตานเญฺจว ปจฺจุปฺปนฺนานญฺจ รูปธมฺมานํ อุปาทานภูตานํ ตทา ตสฺมิํ อตีตสมเย อภาวา ตทุปาทาโน อนาคโต ปจฺจุปฺปโนฺน จ อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํ อตีตสมเย โมโฆ ตุโจฺฉ มุสา นตฺถีติ อโตฺถฯ นามมตฺตเมวาติ สมญฺญามตฺตเมวฯ อตฺตปฎิลาภํ ปฎิชานาติ ปรมตฺถโต อนุปลพฺภมานตฺตาฯ
438.Evañcapana vatvāti ‘‘attapaṭilābhoti rūpādike upādāya paññattimatta’’nti imamatthaṃ ‘‘yasmiṃ citta samaye’’tiādinā vatvā. Paṭipucchitvā vinayanatthanti yathā pare puccheyyuṃ, tenākārena kālavibhāgato paṭipadāni pucchitvā tassa atthassa ñāpanavasena vinayanatthaṃ. Tasmiṃ samaye sacco ahosīti tasmiṃ atītasamaye upādānassa vijjamānatāya saccabhūto vijjamāno viya vattabbo ahosi, na pana anāgato idāni paccuppanno vā attapaṭilābho tadupādānassa tadā avijjamānattā. Ye te atītā dhammā atītasamaye atītattapaṭilābhassa upādānabhūtā rūpādayo. Te etarahi natthi niruddhattā. Tato eva ahesunti saṅkhyaṃ gatā. Tasmāti tasmiṃyeva samaye labbhanato. Sopi tadupādāno me attapaṭilābho tasmiṃyeva atītasamaye sacco bhūto vijjamāno viya ahosi. Anāgatapaccuppannānanti anāgatānañceva paccuppannānañca rūpadhammānaṃ upādānabhūtānaṃ tadā tasmiṃ atītasamaye abhāvā tadupādāno anāgato paccuppanno ca attapaṭilābho tasmiṃ atītasamaye mogho tuccho musā natthīti attho. Nāmamattamevāti samaññāmattameva. Attapaṭilābhaṃ paṭijānāti paramatthato anupalabbhamānattā.
‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา เย เต อนาคตา ธมฺมา, เต เอตรหิ นตฺถิ, ‘‘ภวิสฺสนฺตี’’ติ ปน สงฺขฺยํ คมิสฺสนฺติ, ตสฺมา โสปิ เม อตฺตปฎิลาโภ ตสฺมิํเยว สมเย สโจฺจ ภวิสฺสติฯ อตีตปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ตทา อภาวา ตสฺมิํ สมเย โมโฆ อตีโต โมโฆ ปจฺจุปฺปโนฺนฯ เย อิเม ปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา, เต เอตรหิ อตฺถิ, ตสฺมา โยยํ เม อตฺตปฎิลาโภ, โส อิทานิ สโจฺจฯ อตีตานาคตานํ ปน ธมฺมานํ อิทานิ อภาวา ตสฺมิํ สมเย โมโฆ อตีโต โมโฆ อนาคโตติ เอวํ อตฺถโต นามมตฺตเมว อตฺตปฎิลาภํ ปฎิชานาตีติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ
‘‘Eseva nayo’’ti iminā ye te anāgatā dhammā, te etarahi natthi, ‘‘bhavissantī’’ti pana saṅkhyaṃ gamissanti, tasmā sopi me attapaṭilābho tasmiṃyeva samaye sacco bhavissati. Atītapaccuppannānaṃ pana dhammānaṃ tadā abhāvā tasmiṃ samaye mogho atīto mogho paccuppanno. Ye ime paccuppannā dhammā, te etarahi atthi, tasmā yoyaṃ me attapaṭilābho, so idāni sacco. Atītānāgatānaṃ pana dhammānaṃ idāni abhāvā tasmiṃ samaye mogho atīto mogho anāgatoti evaṃ atthato nāmamattameva attapaṭilābhaṃ paṭijānātīti imamatthaṃ atidisati.
๔๓๙-๔๔๓. สํสนฺทิตุนฺติ สมาเนตุํฯ ยสฺมิํ สมเย ขีรํ โหตีติ ยสฺมิํ กาเล ภูตุปาทายสญฺญิตํ อุปาทานวิเสสํ อุปาทาย ขีรปญฺญตฺติ โหติฯ น ตสฺมิํ…เป.… คจฺฉติ ขีรปญฺญตฺติอุปาทานสฺส ทธิอาทิปญฺญตฺติยา อนุปาทานโตฯ ปฎินิยตวตฺถุกา หิ เอกา โลกสมญฺญา, เตนาห ‘‘เย ธเมฺม อุปาทายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ สงฺขายติ เอตายาติ สงฺขา, ปญฺญตฺติฯ นิทฺธาเรตฺวา วจนฺติ วทนฺติ เอตายาติ นิรุตฺติฯ นมนฺติ เอเตนาติ นามํฯ โวหรนฺติ เอเตนาติ โวหาโร, ปญฺญตฺติเยวฯ เอส นโย สพฺพตฺถาติ ‘‘ยสฺมิํ สมเย’’ติอาทินา ขีเร วุตฺตนยํ ทธิอาทีสุ อติทิสติฯ
439-443.Saṃsanditunti samānetuṃ. Yasmiṃ samaye khīraṃ hotīti yasmiṃ kāle bhūtupādāyasaññitaṃ upādānavisesaṃ upādāya khīrapaññatti hoti. Na tasmiṃ…pe… gacchati khīrapaññattiupādānassa dadhiādipaññattiyā anupādānato. Paṭiniyatavatthukā hi ekā lokasamaññā, tenāha ‘‘ye dhamme upādāyā’’tiādi. Tattha saṅkhāyati etāyāti saṅkhā, paññatti. Niddhāretvā vacanti vadanti etāyāti nirutti. Namanti etenāti nāmaṃ. Voharanti etenāti vohāro, paññattiyeva. Esa nayo sabbatthāti ‘‘yasmiṃ samaye’’tiādinā khīre vuttanayaṃ dadhiādīsu atidisati.
สมนุชานนมตฺตกานีติ ‘‘อิทํ ขีรํ, อิทํ ทธี’’ติอาทินา ตาทิเส ภูตุปาทายรูปวิเสเส โลเก ปรมฺปราภตํ ปญฺญตฺติํ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา สมนุชานนํ วิย ปจฺจยวิเสสวิสิฎฺฐํ รูปาทิขนฺธสมูหํ อุปาทาย ‘‘โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ’’ติ จ ‘‘มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ’’ติ จ ‘‘อรูโป อตฺตปฎิลาโภ’’ติ จ ตถา ตถา สมนุชานนมตฺตกานิ, น จ ตพฺพินิมุโตฺต อุปาทานโต อโญฺญ โกจิ อโตฺถ อตฺถีติ อโตฺถฯ นิรุตฺติมตฺตกานีติ สทฺทนิรุตฺติยา คหณูปายมตฺตกานิฯ ‘‘สโตฺต ผโสฺสติ หิ สทฺทคฺคหณุตฺตรกาลํ ตทนุวิทฺธปณฺณตฺติคฺคหณมุเขเนว ตทตฺถาวโพโธฯ วจนปถมตฺตกานีติ ตเสฺสว เววจนํฯ โวหารมตฺตกานีติ ตถา ตถา โวหารมตฺตกานิฯ นามปณฺณตฺติมตฺตกานีติ ตเสฺสว เววจนํ, ตํตํนามปญฺญาปนมตฺตกานิฯ สพฺพเมตนฺติ ‘‘อตฺตปฎิลาโภ’’ติ วา ‘‘สโตฺต’’ติ วา ‘‘โปโส’’ติ วา สพฺพเมตํ โวหารมตฺตกํ ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนโต, เตนาห ‘‘ยสฺมา ปรมตฺถโต สโตฺต นาม นตฺถี’’ติอาทิฯ
Samanujānanamattakānīti ‘‘idaṃ khīraṃ, idaṃ dadhī’’tiādinā tādise bhūtupādāyarūpavisese loke paramparābhataṃ paññattiṃ appaṭikkhipitvā samanujānanaṃ viya paccayavisesavisiṭṭhaṃ rūpādikhandhasamūhaṃ upādāya ‘‘oḷāriko attapaṭilābho’’ti ca ‘‘manomayo attapaṭilābho’’ti ca ‘‘arūpo attapaṭilābho’’ti ca tathā tathā samanujānanamattakāni, na ca tabbinimutto upādānato añño koci attho atthīti attho. Niruttimattakānīti saddaniruttiyā gahaṇūpāyamattakāni. ‘‘Satto phassoti hi saddaggahaṇuttarakālaṃ tadanuviddhapaṇṇattiggahaṇamukheneva tadatthāvabodho. Vacanapathamattakānīti tasseva vevacanaṃ. Vohāramattakānīti tathā tathā vohāramattakāni. Nāmapaṇṇattimattakānīti tasseva vevacanaṃ, taṃtaṃnāmapaññāpanamattakāni. Sabbametanti ‘‘attapaṭilābho’’ti vā ‘‘satto’’ti vā ‘‘poso’’ti vā sabbametaṃ vohāramattakaṃ paramatthato anupalabbhanato, tenāha ‘‘yasmā paramatthato satto nāma natthī’’tiādi.
ยทิ เอวํ กสฺมา ตํ พุเทฺธหิปิ วุจฺจตีติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน เทฺว กถา’’ติอาทิฯ สมฺมุติยา โวหารสฺส กถนํ สมฺมุติกถาฯ ปรมตฺถสฺส สภาวธมฺมสฺส กถนํ ปรมตฺถกถาฯ อนิจฺจาทิกถาปิ ปรมตฺถสนฺนิสฺสิตกถา ปรมตฺถกถาติ กตฺวา ปรมตฺถกถาฯ ปรมตฺถธโมฺม หิ ‘‘อนิโจฺจ, ทุโกฺข, อนตฺตา’’ติ จ วุจฺจติ , น สมฺมุติธโมฺมฯ กสฺมา ปเนวํ ทุวิธา พุทฺธานํ กถาปวตฺตีติ ตตฺถ การณมาห ‘‘ตตฺถ โย’’ติอาทินาฯ ยสฺมา ปรมตฺถกถาย สจฺจสมฺปฎิเวโธ, อริยสจฺจกถา จ สิขาปฺปตฺตา เทสนา, ตสฺมา วิเนยฺยปุคฺคลวเสน สมฺมุติกถํ กเถโนฺตปิ ภควา ปรมตฺถกถํเยว กเถตีติ อาห ‘‘ตสฺส ภควา อาทิโตว…เป.… กเถตี’’ติ, เตนาห ‘‘ตถา’’ติอาทิ, เตนสฺส กตฺถจิ สมฺมุติกถาปุพฺพิกา ปรมตฺถกถา โหติ ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน, กตฺถจิ ปรมตฺถกถาปุพฺพิกา สมฺมุติกถาฯ อิติ วิเนยฺยทมนกุสลสฺส สตฺถุ วิเนยฺยชฺฌาสยวเสน ตถา ตถา เทสนาปวตฺตีติ ทเสฺสติฯ สพฺพตฺถ ปน ภควา ธมฺมตํ อวิชหโนฺต เอว สมฺมุติํ อนุวตฺตติ, สมฺมุติํ อปริจฺจชโนฺตเยว ธมฺมตํ วิภาเวติ, น ตตฺถ อภินิเวสาติธาวนานิฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ชนปทนิรุตฺติํ นาภินิวิเสยฺย, สมญฺญํ นาติธาเวยฺยา’’ติฯ
Yadi evaṃ kasmā taṃ buddhehipi vuccatīti āha ‘‘buddhānaṃ pana dve kathā’’tiādi. Sammutiyā vohārassa kathanaṃ sammutikathā. Paramatthassa sabhāvadhammassa kathanaṃ paramatthakathā. Aniccādikathāpi paramatthasannissitakathā paramatthakathāti katvā paramatthakathā. Paramatthadhammo hi ‘‘anicco, dukkho, anattā’’ti ca vuccati , na sammutidhammo. Kasmā panevaṃ duvidhā buddhānaṃ kathāpavattīti tattha kāraṇamāha ‘‘tattha yo’’tiādinā. Yasmā paramatthakathāya saccasampaṭivedho, ariyasaccakathā ca sikhāppattā desanā, tasmā vineyyapuggalavasena sammutikathaṃ kathentopi bhagavā paramatthakathaṃyeva kathetīti āha ‘‘tassa bhagavā āditova…pe… kathetī’’ti, tenāha ‘‘tathā’’tiādi, tenassa katthaci sammutikathāpubbikā paramatthakathā hoti puggalajjhāsayavasena, katthaci paramatthakathāpubbikā sammutikathā. Iti vineyyadamanakusalassa satthu vineyyajjhāsayavasena tathā tathā desanāpavattīti dasseti. Sabbattha pana bhagavā dhammataṃ avijahanto eva sammutiṃ anuvattati, sammutiṃ apariccajantoyeva dhammataṃ vibhāveti, na tattha abhinivesātidhāvanāni. Vuttañhetaṃ ‘‘janapadaniruttiṃ nābhiniviseyya, samaññaṃ nātidhāveyyā’’ti.
ปฐมํ สมฺมุติํ กตฺวา กถนํ ปน เวเนยฺยวเสน เยภุเยฺยน พุทฺธานํ อาจิณฺณนฺติ ตํ การเณน สทฺธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปกติยา ปนา’’ติอาทิมาหฯ นนุ จ สมฺมุติ นาม ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา อภูตา, ตํ กถํ พุทฺธา กเถนฺตีติ อาห ‘‘สมฺมุติกถํ กเถนฺตาปี’’ติอาทิฯ สจฺจเมวาติ ตถเมวฯ สภาวเมวาติ สมฺมุติภาเวน ตํสภาวเมว, เตนาห ‘‘อมุสาวา’’ติฯ ปรมตฺถสฺส ปน สจฺจาทิภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ
Paṭhamaṃ sammutiṃ katvā kathanaṃ pana veneyyavasena yebhuyyena buddhānaṃ āciṇṇanti taṃ kāraṇena saddhiṃ dassento ‘‘pakatiyā panā’’tiādimāha. Nanu ca sammuti nāma paramatthato avijjamānattā abhūtā, taṃ kathaṃ buddhā kathentīti āha ‘‘sammutikathaṃ kathentāpī’’tiādi. Saccamevāti tathameva. Sabhāvamevāti sammutibhāvena taṃsabhāvameva, tenāha ‘‘amusāvā’’ti. Paramatthassa pana saccādibhāve vattabbameva natthi.
อิเมสํ ปน สมฺมุติปรมตฺถานํ โก วิเสโส? ยสฺมิํ ภิเนฺน, พุทฺธิยา วา อวยววินิโพฺภเค กเต น ตํสญฺญา, โส ฆฎปฎาทิปฺปเภโท สมฺมุติ, ตพฺพิปริยายโต ปรมโตฺถฯ น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว อยํ นโย ลพฺภติฯ เอวํ สเนฺตปิ วุตฺตนเยน สมฺมุติปิ สจฺจสภาวา เอวาติ อาห ‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสี’’ติอาทิฯ
Imesaṃ pana sammutiparamatthānaṃ ko viseso? Yasmiṃ bhinne, buddhiyā vā avayavavinibbhoge kate na taṃsaññā, so ghaṭapaṭādippabhedo sammuti, tabbipariyāyato paramattho. Na hi kakkhaḷaphusanādisabhāve ayaṃ nayo labbhati. Evaṃ santepi vuttanayena sammutipi saccasabhāvā evāti āha ‘‘duve saccāni akkhāsī’’tiādi.
อิทานิ เนสํ สจฺจสภาวํ การเณน ทเสฺสโนฺต ‘‘สเงฺกตวจนํ สจฺจนฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ สเงฺกตวจนํ สจฺจํ วิสํวาทนาภาวโตฯ ตตฺถ เหตุมาห ‘‘โลกสมฺมุติการณ’’นฺติฯ โลกสิทฺธา หิ สมฺมุติ สเงฺกตวจนสฺส อวิสํวาทนตาย การณํฯ ปรโม อุตฺตโม อโตฺถ ปรมโตฺถ, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาโวฯ ตสฺส วจนํ สจฺจํ ยาถาวโต อวิสํวาทนวเสน จ ปวตฺตนโตฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ธมฺมานํ ภูตลกฺขณ’’นฺติ, สภาวธมฺมานํ โย ภูโต อวิปรีโต สภาโว, ตสฺส ลกฺขณํ องฺคนํ ญาปนนฺติ กตฺวาฯ
Idāni nesaṃ saccasabhāvaṃ kāraṇena dassento ‘‘saṅketavacanaṃ saccanti gāthamāha. Tattha saṅketavacanaṃ saccaṃ visaṃvādanābhāvato. Tattha hetumāha ‘‘lokasammutikāraṇa’’nti. Lokasiddhā hi sammuti saṅketavacanassa avisaṃvādanatāya kāraṇaṃ. Paramo uttamo attho paramattho, dhammānaṃ yathābhūtasabhāvo. Tassa vacanaṃ saccaṃ yāthāvato avisaṃvādanavasena ca pavattanato. Tattha kāraṇamāha ‘‘dhammānaṃ bhūtalakkhaṇa’’nti, sabhāvadhammānaṃ yo bhūto aviparīto sabhāvo, tassa lakkhaṇaṃ aṅganaṃ ñāpananti katvā.
ยทิ ตถาคโต ปรมตฺถสจฺจํ สมฺมเทว อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ฐิโตปิ โลกสมญฺญํ คเหตฺวาว วทติ, โก เอตฺถ โลกิยมหาชเนหิ วิเสโสติ อาหฯ ‘‘ยาหิ ตถาคโต โวหรติ อปรามาส’’นฺติอาทิฯ โลกิยมหาชโน อปฺปหีนปรามาสตฺตา ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ปรามสโนฺต โวหรติ, ตถาคโต ปน สพฺพโส ปหีนปรามาสตฺตา อปรามสโนฺต ยสฺมา โลกสมญฺญาหิ วินา โลกิโย อโตฺถ โลเก เกนจิ ทุวิเญฺญโยฺย, ตสฺมา ตาหิ ตํ โวหรติฯ ตถา โวหรโนฺต เอว จ อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยสเตฺต ปรมตฺถสเจฺจ ปติฎฺฐเปติฯ เทสนํ วินิวเฎฺฎตฺวาติ เหฎฺฐา ปวตฺติตกถาย วินิวเฎฺฎตฺวา วิเวเจตฺวา เทสนํ ‘‘อปรามาส’’นฺติ ตณฺหามานปรามาสปฺปหานกิตฺตเนน อรหตฺตนิกูเฎน นิฎฺฐาเปสิฯ ยํ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Yadi tathāgato paramatthasaccaṃ sammadeva abhisambujjhitvā ṭhitopi lokasamaññaṃ gahetvāva vadati, ko ettha lokiyamahājanehi visesoti āha. ‘‘Yāhi tathāgato voharati aparāmāsa’’ntiādi. Lokiyamahājano appahīnaparāmāsattā ‘‘etaṃ mamā’’tiādinā parāmasanto voharati, tathāgato pana sabbaso pahīnaparāmāsattā aparāmasanto yasmā lokasamaññāhi vinā lokiyo attho loke kenaci duviññeyyo, tasmā tāhi taṃ voharati. Tathā voharanto eva ca attano desanāvilāsena veneyyasatte paramatthasacce patiṭṭhapeti. Desanaṃ vinivaṭṭetvāti heṭṭhā pavattitakathāya vinivaṭṭetvā vivecetvā desanaṃ ‘‘aparāmāsa’’nti taṇhāmānaparāmāsappahānakittanena arahattanikūṭena niṭṭhāpesi. Yaṃ yaṃ panettha atthato na vibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.
โปฎฺฐปาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Poṭṭhapādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๙. โปฎฺฐปาทสุตฺตํ • 9. Poṭṭhapādasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๙. โปฎฺฐปาทสุตฺตวณฺณนา • 9. Poṭṭhapādasuttavaṇṇanā