Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๔. ปุพฺพเปตาทิสปโญฺห

    4. Pubbapetādisapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อิเม ทายกา ทานํ ทตฺวา ปุพฺพเปตานํ อาทิสนฺติ 1 ‘อิทํ เตสํ ปาปุณาตู’ติ, อปิ นุ เต กิญฺจิ ตโตนิทานํ วิปากํ ปฎิลภนฺตี’’ติ? ‘‘เกจิ, มหาราช, ปฎิลภนฺติ, เกจิ นปฺปฎิลภนฺตี’’ติฯ ‘‘เก, ภเนฺต, ปฎิลภนฺติ, เก นปฺปฎิลภนฺตี’’ติ? ‘‘นิรยูปปนฺนา, มหาราช, นปฺปฎิลภนฺติ, สคฺคคตา นปฺปฎิลภนฺติ, ติรจฺฉานโยนิคตา นปฺปฎิลภนฺติ, จตุนฺนํ เปตานํ ตโย เปตา นปฺปฎิลภนฺติ วนฺตาสิกา ขุปฺปิปาสิโน นิชฺฌามตณฺหิกา, ลภนฺติ เปตา ปรทตฺตูปชีวิโน, เตปิ สรมานา เยว ลภนฺตี’’ติฯ

    4. ‘‘Bhante nāgasena, ime dāyakā dānaṃ datvā pubbapetānaṃ ādisanti 2 ‘idaṃ tesaṃ pāpuṇātū’ti, api nu te kiñci tatonidānaṃ vipākaṃ paṭilabhantī’’ti? ‘‘Keci, mahārāja, paṭilabhanti, keci nappaṭilabhantī’’ti. ‘‘Ke, bhante, paṭilabhanti, ke nappaṭilabhantī’’ti? ‘‘Nirayūpapannā, mahārāja, nappaṭilabhanti, saggagatā nappaṭilabhanti, tiracchānayonigatā nappaṭilabhanti, catunnaṃ petānaṃ tayo petā nappaṭilabhanti vantāsikā khuppipāsino nijjhāmataṇhikā, labhanti petā paradattūpajīvino, tepi saramānā yeva labhantī’’ti.

    ‘‘เตน หิ, ภเนฺต นาคเสน, ทายกานํ ทานํ วิโสสิตํ 3 โหติ อผลํ, เยสํ อุทฺทิสฺส กตํ ยทิ เต นปฺปฎิลภนฺตี’’ติ? ‘‘น หิ ตํ, มหาราช, ทานํ อผลํ โหติ อวิปากํ, ทายกา เยว ตสฺส ผลํ อนุภวนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภเนฺต นาคเสน, การเณน มํ สญฺญาเปหี’’ติฯ ‘‘อิธ, มหาราช, เกจิ มนุสฺสา มจฺฉมํสสุราภตฺตขชฺชกานิ ปฎิยาเทตฺวา ญาติกุลํ คจฺฉนฺติ, ยทิ เต ญาตกา ตํ อุปายนํ น สมฺปฎิเจฺฉยฺยุํ, อปิ นุ ตํ อุปายนํ วิโสสิตํ คเจฺฉยฺย วินเสฺสยฺย วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, สามิกานํ เยว ตํ โหตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ทายกา เยว ตสฺส ผลํ อนุภวนฺติฯ ยถา ปน , มหาราช, ปุริโส คพฺภํ ปวิโฎฺฐ อสติ ปุรโต นิกฺขมนมุเข เกน นิกฺขเมยฺยา’’ติฯ ‘‘ปวิเฎฺฐเนว ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ทายกา เยว ตสฺส ผลํ อนุภวนฺตี’’ติฯ ‘‘โหตุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามิ, ทายกา เยว ตสฺส ผลํ อนุภวนฺติ, น มยํ ตํ การณํ วิโลเมมาติฯ

    ‘‘Tena hi, bhante nāgasena, dāyakānaṃ dānaṃ visositaṃ 4 hoti aphalaṃ, yesaṃ uddissa kataṃ yadi te nappaṭilabhantī’’ti? ‘‘Na hi taṃ, mahārāja, dānaṃ aphalaṃ hoti avipākaṃ, dāyakā yeva tassa phalaṃ anubhavantī’’ti. ‘‘Tena hi, bhante nāgasena, kāraṇena maṃ saññāpehī’’ti. ‘‘Idha, mahārāja, keci manussā macchamaṃsasurābhattakhajjakāni paṭiyādetvā ñātikulaṃ gacchanti, yadi te ñātakā taṃ upāyanaṃ na sampaṭiccheyyuṃ, api nu taṃ upāyanaṃ visositaṃ gaccheyya vinasseyya vā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, sāmikānaṃ yeva taṃ hotī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, dāyakā yeva tassa phalaṃ anubhavanti. Yathā pana , mahārāja, puriso gabbhaṃ paviṭṭho asati purato nikkhamanamukhe kena nikkhameyyā’’ti. ‘‘Paviṭṭheneva bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, dāyakā yeva tassa phalaṃ anubhavantī’’ti. ‘‘Hotu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmi, dāyakā yeva tassa phalaṃ anubhavanti, na mayaṃ taṃ kāraṇaṃ vilomemāti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ยทิ อิเมสํ ทายกานํ ทินฺนทานํ ปุพฺพเปตานํ ปาปุณาติ, เต จ ตสฺส วิปากํ อนุภวนฺติฯ เตน หิ โย ปาณาติปาตี ลุโทฺท โลหิตปาณี ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป มนุเสฺส ฆาเตตฺวา ทารุณํ กมฺมํ กตฺวา ปุพฺพเปตานํ อาทิเสยฺย ‘อิมสฺส เม กมฺมสฺส วิปาโก ปุพฺพเปตานํ ปาปุณาตู’ติ, อปิ นุ ตสฺส วิปาโก ปุพฺพเปตานํ ปาปุณาตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, yadi imesaṃ dāyakānaṃ dinnadānaṃ pubbapetānaṃ pāpuṇāti, te ca tassa vipākaṃ anubhavanti. Tena hi yo pāṇātipātī luddo lohitapāṇī paduṭṭhamanasaṅkappo manusse ghātetvā dāruṇaṃ kammaṃ katvā pubbapetānaṃ ādiseyya ‘imassa me kammassa vipāko pubbapetānaṃ pāpuṇātū’ti, api nu tassa vipāko pubbapetānaṃ pāpuṇātī’’ti? ‘‘Na hi, mahārājā’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, โก ตตฺถ เหตุ กิํ การณํ, เยน กุสลํ ปาปุณาติ อกุสลํ น ปาปุณาตี’’ติ? ‘‘เนโส, มหาราช, ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ, มา จ ตฺวํ, มหาราช, ‘วิสชฺชโก อตฺถี’ติ อปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉิ, ‘กิสฺส อากาโส นิราลโมฺพ, กิสฺส คงฺคา อุทฺธมฺมุขา น สนฺทติ, กิสฺส อิเม มนุสฺสา จ ทิชา จ ทฺวิปทา มิคา จตุปฺปทา’ติ ตมฺปิ มํ ตฺวํ ปุจฺฉิสฺสสี’’ติฯ ‘‘นาหํ ตํ, ภเนฺต นาคเสน, วิเหสาเปโกฺข ปุจฺฉามิ, อปิ จ นิพฺพาหนตฺถาย 5 สเนฺทหสฺส ปุจฺฉามิ, พหู มนุสฺสา โลเก วามคามิโน 6 วิจกฺขุกา, ‘กินฺติ เต โอตารํ น ลเภยฺยุ’นฺติ เอวาหํ ตํ ปุจฺฉามี’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, มหาราช, สห อกเตน อนนุมเตน สห ปาปํ กมฺมํ สํวิภชิตุํฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, ko tattha hetu kiṃ kāraṇaṃ, yena kusalaṃ pāpuṇāti akusalaṃ na pāpuṇātī’’ti? ‘‘Neso, mahārāja, pañho pucchitabbo, mā ca tvaṃ, mahārāja, ‘visajjako atthī’ti apucchitabbaṃ pucchi, ‘kissa ākāso nirālambo, kissa gaṅgā uddhammukhā na sandati, kissa ime manussā ca dijā ca dvipadā migā catuppadā’ti tampi maṃ tvaṃ pucchissasī’’ti. ‘‘Nāhaṃ taṃ, bhante nāgasena, vihesāpekkho pucchāmi, api ca nibbāhanatthāya 7 sandehassa pucchāmi, bahū manussā loke vāmagāmino 8 vicakkhukā, ‘kinti te otāraṃ na labheyyu’nti evāhaṃ taṃ pucchāmī’’ti. ‘‘Na sakkā, mahārāja, saha akatena ananumatena saha pāpaṃ kammaṃ saṃvibhajituṃ.

    ‘‘ยถา, มหาราช, มนุสฺสา อุทกนิพฺพาหเนน อุทกํ สุวิทูรมฺปิ หรนฺติ, อปิ นุ, มหาราช, สกฺกา ฆนมหาเสลปพฺพโต 9 นิพฺพาหเนน ยถิจฺฉิตํ หริตุ’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สกฺกา กุสลํ สํวิภชิตุํ, น สกฺกา อกุสลํ สํวิภชิตุํฯ ยถา วา ปน, มหาราช, สกฺกา เตเลน ปทีโป ชาเลตุํ, อปิ นุ, มหาราช, สกฺกา อุทเกน ปทีโป ชาเลตุ’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สกฺกา กุสลํ สํวิภชิตุํ, น สกฺกา อกุสลํ สํวิภชิตุํฯ ยถา วา ปน, มหาราช, กสฺสกา ตฬากโต อุทกํ นีหริตฺวา ธญฺญํ ปริปาเจนฺติ, อปิ นุ โข, มหาราช, สกฺกา มหาสมุทฺทโต อุทกํ นีหริตฺวา ธญฺญํ ปริปาเจตุ’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สกฺกา กุสลํ สํวิภชิตุํ, น สกฺกา อกุสลํ สํวิภชิตุ’’นฺติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, manussā udakanibbāhanena udakaṃ suvidūrampi haranti, api nu, mahārāja, sakkā ghanamahāselapabbato 10 nibbāhanena yathicchitaṃ haritu’’nti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, sakkā kusalaṃ saṃvibhajituṃ, na sakkā akusalaṃ saṃvibhajituṃ. Yathā vā pana, mahārāja, sakkā telena padīpo jāletuṃ, api nu, mahārāja, sakkā udakena padīpo jāletu’’nti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, sakkā kusalaṃ saṃvibhajituṃ, na sakkā akusalaṃ saṃvibhajituṃ. Yathā vā pana, mahārāja, kassakā taḷākato udakaṃ nīharitvā dhaññaṃ paripācenti, api nu kho, mahārāja, sakkā mahāsamuddato udakaṃ nīharitvā dhaññaṃ paripācetu’’nti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, sakkā kusalaṃ saṃvibhajituṃ, na sakkā akusalaṃ saṃvibhajitu’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, เกน การเณน สกฺกา กุสลํ สํวิภชิตุํ, น สกฺกา อกุสลํ สํวิภชิตุํฯ การเณน มํ สญฺญาเปหิ, นาหํ อโนฺธ อนาโลโก สุตฺวา เวทิสฺสามี’’ติฯ ‘‘อกุสลํ, มหาราช, โถกํ, กุสลํ พหุกํ, โถกตฺตา อกุสลํ กตฺตารํ เยว ปริยาทิยติ, พหุกตฺตา กุสลํ สเทวกํ โลกํ อโชฺฌตฺถรตี’’ติฯ ‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, kena kāraṇena sakkā kusalaṃ saṃvibhajituṃ, na sakkā akusalaṃ saṃvibhajituṃ. Kāraṇena maṃ saññāpehi, nāhaṃ andho anāloko sutvā vedissāmī’’ti. ‘‘Akusalaṃ, mahārāja, thokaṃ, kusalaṃ bahukaṃ, thokattā akusalaṃ kattāraṃ yeva pariyādiyati, bahukattā kusalaṃ sadevakaṃ lokaṃ ajjhottharatī’’ti. ‘‘Opammaṃ karohī’’ti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, ปริตฺตํ เอกํ อุทกพินฺทุ ปถวิยํ นิปเตยฺย, อปิ นุ โข ตํ, มหาราช, อุทกพินฺทุ ทสปิ ทฺวาทสปิ โยชนานิ อโชฺฌตฺถเรยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ยตฺถ ตํ อุทกพินฺทุ นิปติตํ, ตเตฺถว ปริยาทิยตี’’ติฯ ‘‘เกน การเณน, มหาราชา’’ติ? ‘‘ปริตฺตตฺตา, ภเนฺต, อุทกพินฺทุสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ปริตฺตํ อกุสลํ ปริตฺตตฺตา กตฺตารํ เยว ปริยาทิยติ, น สกฺกา สํวิภชิตุํฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, parittaṃ ekaṃ udakabindu pathaviyaṃ nipateyya, api nu kho taṃ, mahārāja, udakabindu dasapi dvādasapi yojanāni ajjhotthareyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, yattha taṃ udakabindu nipatitaṃ, tattheva pariyādiyatī’’ti. ‘‘Kena kāraṇena, mahārājā’’ti? ‘‘Parittattā, bhante, udakabindussā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, parittaṃ akusalaṃ parittattā kattāraṃ yeva pariyādiyati, na sakkā saṃvibhajituṃ.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหติมหาเมโฆ อภิวเสฺสยฺย ตปฺปยโนฺต ธรณิตลํ, อปิ นุ โข โส, มหาราช, มหาเมโฆ สมนฺตโต โอตฺถเรยฺยา’’ติฯ ‘‘อาม, ภเนฺต, ปูรยิตฺวา โส มหาเมโฆ โสพฺภสร สริตสาขากนฺทรปทรทหตฬาก 11 อุทปานโปกฺขรณิโย ทสปิ ทฺวาทสปิ โยชนานิ อโชฺฌตฺถเรยฺยา’’ติฯ ‘‘เกน การเณน, มหาราชา’’ติ? ‘‘มหนฺตตฺตา, ภเนฺต, เมฆสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กุสลํ พหุกํ, พหุกตฺตา สกฺกา เทวมนุเสฺสหิปิ สํวิภชิตุ’’นฺติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, mahatimahāmegho abhivasseyya tappayanto dharaṇitalaṃ, api nu kho so, mahārāja, mahāmegho samantato otthareyyā’’ti. ‘‘Āma, bhante, pūrayitvā so mahāmegho sobbhasara saritasākhākandarapadaradahataḷāka 12 udapānapokkharaṇiyo dasapi dvādasapi yojanāni ajjhotthareyyā’’ti. ‘‘Kena kāraṇena, mahārājā’’ti? ‘‘Mahantattā, bhante, meghassā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, kusalaṃ bahukaṃ, bahukattā sakkā devamanussehipi saṃvibhajitu’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, เกน การเณน อกุสลํ โถกํ กุสลํ พหุตร’’นฺติ? ‘‘อิธ, มหาราช, โย โกจิ ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, โส หโฎฺฐ ปหโฎฺฐ หสิโต ปมุทิโต ปสนฺนมานโส เวทชาโต โหติ, ตสฺส อปราปรํ ปีติ อุปฺปชฺชติ, ปีติมนสฺส ภิโยฺย ภิโยฺย กุสลํ ปวฑฺฒติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, kena kāraṇena akusalaṃ thokaṃ kusalaṃ bahutara’’nti? ‘‘Idha, mahārāja, yo koci dānaṃ deti, sīlaṃ samādiyati, uposathakammaṃ karoti, so haṭṭho pahaṭṭho hasito pamudito pasannamānaso vedajāto hoti, tassa aparāparaṃ pīti uppajjati, pītimanassa bhiyyo bhiyyo kusalaṃ pavaḍḍhati.

    ‘‘ยถา, มหาราช, อุทปาเน พหุสลิลสมฺปุเณฺณ เอเกน เทเสน อุทกํ ปวิเสยฺย, เอเกน นิกฺขเมยฺย, นิกฺขมเนฺตปิ อปราปรํ อุปฺปชฺชติ, น สกฺกา โหติ ขยํ ปาเปตุํฯ เอวเมว โข , มหาราช, กุสลํ ภิโยฺย ภิโยฺย ปวฑฺฒติฯ วสฺสสเตปิ เจ, มหาราช, ปุริโส กตํ กุสลํ อาวเชฺชยฺย, อาวชฺชิเต อาวชฺชิเต ภิโยฺย ภิโยฺย กุสลํ ปวฑฺฒติฯ ตสฺส ตํ กุสลํ สกฺกา โหติ ยถิจฺฉเกหิ สทฺธิํ สํวิภชิตุํ, อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน กุสลํ พหุตรํฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, udapāne bahusalilasampuṇṇe ekena desena udakaṃ paviseyya, ekena nikkhameyya, nikkhamantepi aparāparaṃ uppajjati, na sakkā hoti khayaṃ pāpetuṃ. Evameva kho , mahārāja, kusalaṃ bhiyyo bhiyyo pavaḍḍhati. Vassasatepi ce, mahārāja, puriso kataṃ kusalaṃ āvajjeyya, āvajjite āvajjite bhiyyo bhiyyo kusalaṃ pavaḍḍhati. Tassa taṃ kusalaṃ sakkā hoti yathicchakehi saddhiṃ saṃvibhajituṃ, idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena kusalaṃ bahutaraṃ.

    ‘‘อกุสลํ ปน, มหาราช, กโรโนฺต ปจฺฉา วิปฺปฎิสารี โหติ, วิปฺปฎิสาริโน จิตฺตํ ปฎิลียติ ปฎิกุฎติ ปฎิวตฺตติ น สมฺปสารียติ โสจติ ตปฺปติ หายติ ขียติ น ปริวฑฺฒติ ตเตฺถว ปริยาทิยติฯ ยถา, มหาราช, สุกฺขาย นทิยา มหาปุฬินาย อุนฺนตาวนตาย กุฎิลสงฺกุฎิลาย อุปริโต ปริตฺตํ อุทกํ อาคจฺฉนฺตํ หายติ ขียติ น ปริวฑฺฒติ ตเตฺถว ปริยาทิยติฯ เอวเมว โข, มหาราช, อกุสลํ กโรนฺตสฺส จิตฺตํ ปฎิลียติ ปฎิกุฎติ ปฎิวตฺตติ น สมฺปสารียติ โสจติ ตปฺปติ หายติ ขียติ น ปริวฑฺฒติ ตเตฺถว ปริยาทิยติ, อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกุสลํ โถก’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Akusalaṃ pana, mahārāja, karonto pacchā vippaṭisārī hoti, vippaṭisārino cittaṃ paṭilīyati paṭikuṭati paṭivattati na sampasārīyati socati tappati hāyati khīyati na parivaḍḍhati tattheva pariyādiyati. Yathā, mahārāja, sukkhāya nadiyā mahāpuḷināya unnatāvanatāya kuṭilasaṅkuṭilāya uparito parittaṃ udakaṃ āgacchantaṃ hāyati khīyati na parivaḍḍhati tattheva pariyādiyati. Evameva kho, mahārāja, akusalaṃ karontassa cittaṃ paṭilīyati paṭikuṭati paṭivattati na sampasārīyati socati tappati hāyati khīyati na parivaḍḍhati tattheva pariyādiyati, idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akusalaṃ thoka’’nti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    ปุพฺพเปตาทิสปโญฺห จตุโตฺถฯ

    Pubbapetādisapañho catuttho.







    Footnotes:
    1. อุทฺทิสนฺติ (ก. สี.)
    2. uddisanti (ka. sī.)
    3. วิโสตํ (สี. ปี.)
    4. visotaṃ (sī. pī.)
    5. นิพฺพานตฺถาย (ก.)
    6. ปาปคาหิโน (สฺยา.)
    7. nibbānatthāya (ka.)
    8. pāpagāhino (syā.)
    9. ปพฺพตโต (ก.)
    10. pabbatato (ka.)
    11. มาติกาตฬาก (ก.)
    12. mātikātaḷāka (ka.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact