Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
ปุเพฺพนิวาสกถา
Pubbenivāsakathā
๑๒. อิติ อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ เกสญฺจิ จิเตฺตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เกสญฺจิ วิปสฺสนาปาทกานิ, เกสญฺจิ อภิญฺญาปาทกานิ, เกสญฺจิ นิโรธปาทกานิ, เกสญฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานิฯ ตตฺถ ขีณาสวานํ จิเตฺตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ อิเจฺจวํ กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตนฺติฯ เสกฺขปุถุชฺชนานํ ‘‘สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย สมาหิเตน จิเตฺตน วิปสฺสิสฺสามา’’ติ นิพฺพเตฺตนฺตานํ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺติฯ เย ปน อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา อภิญฺญาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ วุตฺตนยา อภิญฺญาโย ปเตฺถนฺตา นิพฺพเตฺตนฺติ, เตสํ อภิญฺญาปาทกานิ โหนฺติฯ เย ปน อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา ‘‘นิโรธสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ อจิตฺตกา หุตฺวา ทิเฎฺฐว ธเมฺม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ นิพฺพเตฺตนฺติ, เตสํ นิโรธปาทกานิ โหนฺติฯ เย ปน อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌานา หุตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามา’’ติ นิพฺพเตฺตนฺติ, เตสํ ภโวกฺกมนตฺถานิ โหนฺติฯ
12. Iti imāni cattāri jhānāni kesañci cittekaggatatthāni honti, kesañci vipassanāpādakāni, kesañci abhiññāpādakāni, kesañci nirodhapādakāni, kesañci bhavokkamanatthāni. Tattha khīṇāsavānaṃ cittekaggatatthāni honti, te hi samāpajjitvā ‘‘ekaggacittā sukhaṃ divasaṃ viharissāmā’’ti iccevaṃ kasiṇaparikammaṃ katvā aṭṭha samāpattiyo nibbattenti. Sekkhaputhujjanānaṃ ‘‘samāpattito vuṭṭhāya samāhitena cittena vipassissāmā’’ti nibbattentānaṃ vipassanāpādakāni honti. Ye pana aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā abhiññāpādakaṃ jhānaṃ samāpajjitvā samāpattito vuṭṭhāya ‘‘ekopi hutvā bahudhā hotī’’ti vuttanayā abhiññāyo patthentā nibbattenti, tesaṃ abhiññāpādakāni honti. Ye pana aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā ‘‘nirodhasamāpattiṃ samāpajjitvā sattāhaṃ acittakā hutvā diṭṭheva dhamme nirodhaṃ nibbānaṃ patvā sukhaṃ viharissāmā’’ti nibbattenti, tesaṃ nirodhapādakāni honti. Ye pana aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā ‘‘aparihīnajjhānā hutvā brahmaloke uppajjissāmā’’ti nibbattenti, tesaṃ bhavokkamanatthāni honti.
ภควตา ปนิทํ จตุตฺถชฺฌานํ โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติตํ, ตํ ตสฺส วิปสฺสนาปาทกเญฺจว อโหสิ อภิญฺญาปาทกญฺจ นิโรธปาทกญฺจ สพฺพกิจฺจสาธกญฺจ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เวทิตพฺพํฯ เยสญฺจ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต’’ติอาทิมาหฯ
Bhagavatā panidaṃ catutthajjhānaṃ bodhirukkhamūle nibbattitaṃ, taṃ tassa vipassanāpādakañceva ahosi abhiññāpādakañca nirodhapādakañca sabbakiccasādhakañca sabbalokiyalokuttaraguṇadāyakanti veditabbaṃ. Yesañca guṇānaṃ dāyakaṃ ahosi, tesaṃ ekadesaṃ dassento ‘‘so evaṃ samāhite citte’’tiādimāha.
ตตฺถ โสติ โส อหํฯ เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํฯ อิมินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฎิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ สมาหิเตติ อิมินา จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเตฯ ปริสุเทฺธติอาทีสุ ปน อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุเทฺธฯ ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหติฯ สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตน วิหตราคาทิองฺคณตฺตา อนงฺคเณฯ อนงฺคณตฺตาเยว จ วิคตูปกฺกิเลเส; องฺคเณน หิ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสติฯ สุภาวิตตฺตา มุทุภูเต, วสีภาวปฺปเตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ วเส วตฺตมานญฺหิ จิตฺตํ มุทูติ วุจฺจติฯ มุทุตฺตาเยว จ กมฺมนิเย, กมฺมกฺขเม กมฺมโยเคฺคติ วุตฺตํ โหติฯ มุทุ หิ จิตฺตํ กมฺมนิยํ โหติ สุธนฺตมิว สุวณฺณํ, ตทุภยมฺปิ จ สุภาวิตตฺตา เอวฯ ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ภาวิตํ พหุลีกตํ มุทุ จ โหติ กมฺมนิยญฺจ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๒๒)ฯ
Tattha soti so ahaṃ. Evanti catutthajjhānakkamanidassanametaṃ. Iminā kamena catutthajjhānaṃ paṭilabhitvāti vuttaṃ hoti. Samāhiteti iminā catutthajjhānasamādhinā samāhite. Parisuddhetiādīsu pana upekkhāsatipārisuddhibhāvena parisuddhe. Parisuddhattāyeva pariyodāte, pabhassareti vuttaṃ hoti. Sukhādīnaṃ paccayānaṃ ghātena vihatarāgādiaṅgaṇattā anaṅgaṇe. Anaṅgaṇattāyeva ca vigatūpakkilese; aṅgaṇena hi cittaṃ upakkilissati. Subhāvitattā mudubhūte, vasībhāvappatteti vuttaṃ hoti. Vase vattamānañhi cittaṃ mudūti vuccati. Muduttāyeva ca kammaniye, kammakkhame kammayoggeti vuttaṃ hoti. Mudu hi cittaṃ kammaniyaṃ hoti sudhantamiva suvaṇṇaṃ, tadubhayampi ca subhāvitattā eva. Yathāha – ‘‘nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekadhammampi samanupassāmi, yaṃ evaṃ bhāvitaṃ bahulīkataṃ mudu ca hoti kammaniyañca, yathayidaṃ, bhikkhave, citta’’nti (a. ni. 1.22).
เอเตสุ ปริสุทฺธภาวาทีสุ ฐิตตฺตา ฐิเตฯ ฐิตตฺตาเยว อาเนญฺชปฺปเตฺต, อจเล นิริญฺชเนติ วุตฺตํ โหติฯ มุทุกมฺมญฺญภาเวน วา อตฺตโน วเส ฐิตตฺตา ฐิเต, สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนญฺชปฺปเตฺตฯ สทฺธาปริคฺคหิตญฺหิ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเยน น อิญฺชติ, วีริยปริคฺคหิตํ โกสเชฺชน น อิญฺชติ, สติปริคฺคหิตํ ปมาเทน น อิญฺชติ, สมาธิปริคฺคหิตํ อุทฺธเจฺจน น อิญฺชติ, ปญฺญาปริคฺคหิตํ อวิชฺชาย น อิญฺชติ, โอภาสคตํ กิเลสนฺธกาเรน น อิญฺชติฯ อิเมหิ ฉหิ ธเมฺมหิ ปริคฺคหิตํ อาเนญฺชปฺปตฺตํ จิตฺตํ โหติฯ เอวํ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิญฺญาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิญฺญาสจฺฉิกิริยายฯ
Etesu parisuddhabhāvādīsu ṭhitattā ṭhite. Ṭhitattāyeva āneñjappatte, acale niriñjaneti vuttaṃ hoti. Mudukammaññabhāvena vā attano vase ṭhitattā ṭhite, saddhādīhi pariggahitattā āneñjappatte. Saddhāpariggahitañhi cittaṃ assaddhiyena na iñjati, vīriyapariggahitaṃ kosajjena na iñjati, satipariggahitaṃ pamādena na iñjati, samādhipariggahitaṃ uddhaccena na iñjati, paññāpariggahitaṃ avijjāya na iñjati, obhāsagataṃ kilesandhakārena na iñjati. Imehi chahi dhammehi pariggahitaṃ āneñjappattaṃ cittaṃ hoti. Evaṃ aṭṭhaṅgasamannāgataṃ cittaṃ abhinīhārakkhamaṃ hoti abhiññāsacchikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ abhiññāsacchikiriyāya.
อปโร นโย – จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเตฯ นีวรณทูรีภาเวน ปริสุเทฺธฯ วิตกฺกาทิสมติกฺกเมน ปริโยทาเตฯ ฌานปฺปฎิลาภปจฺจยานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน อนงฺคเณฯ อภิชฺฌาทีนํ จิตฺตูปกฺกิเลสานํ วิคเมน วิคตูปกฺกิเลเสฯ อุภยมฺปิ เจตํ อนงฺคณวตฺถสุตฺตานุสาเรน (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) เวทิตพฺพํฯ วสิปฺปตฺติยา มุทุภูเตฯ อิทฺธิปาทภาวูปคเมน กมฺมนิเยฯ ภาวนาปาริปูริยา ปณีตภาวูปคเมน ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต ฯ ยถา อาเนญฺชปฺปตฺตํ โหติ; เอวํ ฐิเตติ อโตฺถฯ เอวมฺปิ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิญฺญาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิญฺญาสจฺฉิกิริยาย, ปาทกํ ปทฎฺฐานภูตนฺติ อโตฺถฯ
Aparo nayo – catutthajjhānasamādhinā samāhite. Nīvaraṇadūrībhāvena parisuddhe. Vitakkādisamatikkamena pariyodāte. Jhānappaṭilābhapaccayānaṃ pāpakānaṃ icchāvacarānaṃ abhāvena anaṅgaṇe. Abhijjhādīnaṃ cittūpakkilesānaṃ vigamena vigatūpakkilese. Ubhayampi cetaṃ anaṅgaṇavatthasuttānusārena (ma. ni. 1.57 ādayo) veditabbaṃ. Vasippattiyā mudubhūte. Iddhipādabhāvūpagamena kammaniye. Bhāvanāpāripūriyā paṇītabhāvūpagamena ṭhiteāneñjappatte. Yathā āneñjappattaṃ hoti; evaṃ ṭhiteti attho. Evampi aṭṭhaṅgasamannāgataṃ cittaṃ abhinīhārakkhamaṃ hoti abhiññāsacchikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ abhiññāsacchikiriyāya, pādakaṃ padaṭṭhānabhūtanti attho.
ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณายาติ เอวํ อภิญฺญาปาทเก ชาเต เอตสฺมิํ จิเตฺต ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ ญาณํ ตทตฺถายฯ ตตฺถ ปุเพฺพนิวาโสติ ปุเพฺพ อตีตชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธาฯ นิวุตฺถาติ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา นิวุตฺถธมฺมา วา นิวุตฺถา, โคจรนิวาเสน นิวุตฺถา, อตฺตโน วิญฺญาเณน วิญฺญาตา ปริจฺฉินฺนา, ปรวิญฺญาณวิญฺญาตาปิ วา ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณาทีสุฯ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสตีติ ยาย สติยา ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติฯ ญาณนฺติ ตาย สติยา สมฺปยุตฺตญาณํฯ เอวมิมสฺส ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส อตฺถาย ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณาย เอตสฺส ญาณสฺส อธิคมาย ปตฺติยาติ วุตฺตํ โหติฯ อภินินฺนาเมสินฺติ อภินีหริํฯ
Pubbenivāsānussatiñāṇāyāti evaṃ abhiññāpādake jāte etasmiṃ citte pubbenivāsānussatimhi yaṃ ñāṇaṃ tadatthāya. Tattha pubbenivāsoti pubbe atītajātīsu nivutthakkhandhā. Nivutthāti ajjhāvutthā anubhūtā attano santāne uppajjitvā niruddhā nivutthadhammā vā nivutthā, gocaranivāsena nivutthā, attano viññāṇena viññātā paricchinnā, paraviññāṇaviññātāpi vā chinnavaṭumakānussaraṇādīsu. Pubbenivāsānussatīti yāya satiyā pubbenivāsaṃ anussarati, sā pubbenivāsānussati. Ñāṇanti tāya satiyā sampayuttañāṇaṃ. Evamimassa pubbenivāsānussatiñāṇassa atthāya pubbenivāsānussatiñāṇāya etassa ñāṇassa adhigamāya pattiyāti vuttaṃ hoti. Abhininnāmesinti abhinīhariṃ.
โสติ โส อหํฯ อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ สํวณฺณิตนฺติ อโตฺถฯ ปุเพฺพนิวาสนฺติ สมนนฺตราตีตํ ภวํ อาทิํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตานํฯ อนุสฺสรามีติ ‘‘เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย’’ติ เอวํ ชาติปฎิปาฎิยา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สรามิ, อนุเทว วา สรามิ, จิเตฺต อภินินฺนามิตมเตฺต เอว สรามีติ ทเสฺสติฯ ปูริตปารมีนญฺหิ มหาปุริสานํ ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ, เตน เต จิตฺตํ อภินินฺนาเมตฺวาว สรนฺติฯ อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตา ปน ปริกมฺมํ กตฺวาว สรนฺติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยาฯ ตํ ปน วุจฺจมานํ อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรติ, ตสฺมา ตํ น วทามฯ อตฺถิเกหิ ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒ อาทโย) วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํฯ อิธ ปน ปาฬิเมว วณฺณยิสฺสามฯ
Soti so ahaṃ. Anekavihitanti anekavidhaṃ, anekehi vā pakārehi pavattitaṃ saṃvaṇṇitanti attho. Pubbenivāsanti samanantarātītaṃ bhavaṃ ādiṃ katvā tattha tattha nivutthasantānaṃ. Anussarāmīti ‘‘ekampi jātiṃ dvepi jātiyo’’ti evaṃ jātipaṭipāṭiyā anugantvā anugantvā sarāmi, anudeva vā sarāmi, citte abhininnāmitamatte eva sarāmīti dasseti. Pūritapāramīnañhi mahāpurisānaṃ parikammakaraṇaṃ natthi, tena te cittaṃ abhininnāmetvāva saranti. Ādikammikakulaputtā pana parikammaṃ katvāva saranti, tasmā tesaṃ vasena parikammaṃ vattabbaṃ siyā. Taṃ pana vuccamānaṃ atibhāriyaṃ vinayanidānaṃ karoti, tasmā taṃ na vadāma. Atthikehi pana visuddhimagge (visuddhi. 2.402 ādayo) vuttanayeneva gahetabbaṃ. Idha pana pāḷimeva vaṇṇayissāma.
เสยฺยถิทนฺติ อารทฺธปฺปการทสฺสนเตฺถ นิปาโตฯ เตเนว ยฺวายํ ปุเพฺพนิวาโส อารโทฺธ, ตสฺส ปการปฺปเภทํ ทเสฺสโนฺต เอกมฺปิ ชาตินฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฎิสนฺธิมูลํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํฯ เอส นโย เทฺวปิ ชาติโยติอาทีสุฯ อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กโปฺป สํวฎฺฎกโปฺป, วฑฺฒมาโน วิวฎฺฎกโปฺปติ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ จ สํวเฎฺฎน สํวฎฺฎฎฺฐายี คหิโต โหติ ตมฺมูลกตฺตาฯ วิวเฎฺฎน จ วิวฎฺฎฎฺฐายีฯ เอวญฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสเงฺขฺยยฺยานิ ฯ กตมานิ จตฺตาริ? สํวโฎฺฎ สํวฎฺฎฎฺฐายี, วิวโฎฺฎ วิวฎฺฎฎฺฐายี’’ติ วุตฺตานิ ตานิ สพฺพานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติฯ
Seyyathidanti āraddhappakāradassanatthe nipāto. Teneva yvāyaṃ pubbenivāso āraddho, tassa pakārappabhedaṃ dassento ekampi jātintiādimāha. Tattha ekampi jātinti ekampi paṭisandhimūlaṃ cutipariyosānaṃ ekabhavapariyāpannaṃ khandhasantānaṃ. Esa nayo dvepi jātiyotiādīsu. Anekepi saṃvaṭṭakappetiādīsu pana parihāyamāno kappo saṃvaṭṭakappo, vaḍḍhamāno vivaṭṭakappoti veditabbo. Tattha ca saṃvaṭṭena saṃvaṭṭaṭṭhāyī gahito hoti tammūlakattā. Vivaṭṭena ca vivaṭṭaṭṭhāyī. Evañhi sati yāni tāni ‘‘cattārimāni, bhikkhave, kappassa asaṅkhyeyyāni . Katamāni cattāri? Saṃvaṭṭo saṃvaṭṭaṭṭhāyī, vivaṭṭo vivaṭṭaṭṭhāyī’’ti vuttāni tāni sabbāni pariggahitāni honti.
ตตฺถ ตโย สํวฎฺฎา – เตโชสํวโฎฺฎ, อาโปสํวโฎฺฎ, วาโยสํวโฎฺฎติฯ ติโสฺส สํวฎฺฎสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติฯ ยทา กโปฺป เตเชน สํวฎฺฎติ, อาภสฺสรโต เหฎฺฐา อคฺคินา ฑยฺหติฯ ยทา อุทเกน สํวฎฺฎติ, สุภกิณฺหโต เหฎฺฐา อุทเกน วิลียติฯ ยทา วาเตน สํวฎฺฎติ, เวหปฺผลโต เหฎฺฐา วาเตน วิทฺธํสิยติฯ วิตฺถารโต ปน สทาปิ เอกํ พุทฺธเกฺขตฺตํ วินสฺสติฯ
Tattha tayo saṃvaṭṭā – tejosaṃvaṭṭo, āposaṃvaṭṭo, vāyosaṃvaṭṭoti. Tisso saṃvaṭṭasīmā – ābhassarā, subhakiṇhā, vehapphalāti. Yadā kappo tejena saṃvaṭṭati, ābhassarato heṭṭhā agginā ḍayhati. Yadā udakena saṃvaṭṭati, subhakiṇhato heṭṭhā udakena vilīyati. Yadā vātena saṃvaṭṭati, vehapphalato heṭṭhā vātena viddhaṃsiyati. Vitthārato pana sadāpi ekaṃ buddhakkhettaṃ vinassati.
พุทฺธเกฺขตฺตํ นาม ติวิธํ โหติ – ชาติเกฺขตฺตํ, อาณาเกฺขตฺตํ, วิสยเกฺขตฺตญฺจฯ ตตฺถ ชาติเกฺขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ, ยํ ตถาคตสฺส ปฎิสนฺธิอาทีสุ กมฺปติฯ อาณาเกฺขตฺตํ โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติฯ ยตฺถ รตนปริตฺตํ, ขนฺธปริตฺตํ, ธชคฺคปริตฺตํ, อาฎานาฎิยปริตฺตํ, โมรปริตฺตนฺติ อิเมสํ ปริตฺตานํ อานุภาโว ปวตฺตติฯ วิสยเกฺขตฺตํ ปน อนนฺตํ อปริมาณํ, ‘‘ยํ ยาวตา วา ปน อากเงฺขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วุตฺตํ ยตฺถ ยํ ยํ อากงฺขติ ตํ ตํ อนุสฺสรติฯ เอวเมเตสุ ตีสุ พุทฺธเกฺขเตฺตสุ เอกํ อาณาเกฺขตฺตํ วินสฺสติฯ ตสฺมิํ ปน วินสฺสเนฺต ชาติเกฺขตฺตมฺปิ วินฎฺฐเมว โหติ; วินสฺสนฺตญฺจ เอกโตว วินสฺสติ, สณฺฐหนฺตมฺปิ เอกโตว สณฺฐหติฯ ตสฺส วินาโส จ สณฺฐหนญฺจ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๔) วุตฺตํฯ อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺพํฯ
Buddhakkhettaṃ nāma tividhaṃ hoti – jātikkhettaṃ, āṇākkhettaṃ, visayakkhettañca. Tattha jātikkhettaṃ dasasahassacakkavāḷapariyantaṃ hoti, yaṃ tathāgatassa paṭisandhiādīsu kampati. Āṇākkhettaṃ koṭisatasahassacakkavāḷapariyantaṃ hoti. Yattha ratanaparittaṃ, khandhaparittaṃ, dhajaggaparittaṃ, āṭānāṭiyaparittaṃ, moraparittanti imesaṃ parittānaṃ ānubhāvo pavattati. Visayakkhettaṃ pana anantaṃ aparimāṇaṃ, ‘‘yaṃ yāvatā vā pana ākaṅkheyyā’’ti (a. ni. 3.81) vuttaṃ yattha yaṃ yaṃ ākaṅkhati taṃ taṃ anussarati. Evametesu tīsu buddhakkhettesu ekaṃ āṇākkhettaṃ vinassati. Tasmiṃ pana vinassante jātikkhettampi vinaṭṭhameva hoti; vinassantañca ekatova vinassati, saṇṭhahantampi ekatova saṇṭhahati. Tassa vināso ca saṇṭhahanañca visuddhimagge (visuddhi. 2.404) vuttaṃ. Atthikehi tato gahetabbaṃ.
เย ปเนเต สํวฎฺฎวิวฎฺฎา วุตฺตา, เอเตสุ ภควา โพธิมเณฺฑ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌนตฺถาย นิสิโนฺน อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ วิวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป สริฯ กถํ? ‘‘อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา นเยนฯ ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฎฺฎกเปฺป อหํ อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คติยา วา วิญฺญาณฎฺฐิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อโหสิํฯ เอวํนาโมติ เวสฺสนฺตโร วา โชติปาโล วาฯ เอวํโคโตฺตติ ภคฺคโว วา โคตโม วาฯ เอวํวโณฺณติ โอทาโต วา สาโม วาฯ เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วาฯ เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวทีติ อเนกปฺปกาเรน กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ วา สุขทุกฺขานํ ปฎิสํเวทีฯ เอวมายุปริยโนฺตติ เอวํ วสฺสสตปรมายุปริยโนฺต วา จตุราสีติกปฺปสหสฺสปรมายุปริยโนฺต วาฯ
Ye panete saṃvaṭṭavivaṭṭā vuttā, etesu bhagavā bodhimaṇḍe sammāsambodhiṃ abhisambujjhanatthāya nisinno anekepi saṃvaṭṭakappe anekepi vivaṭṭakappe anekepi saṃvaṭṭavivaṭṭakappe sari. Kathaṃ? ‘‘Amutrāsi’’ntiādinā nayena. Tattha amutrāsinti amumhi saṃvaṭṭakappe ahaṃ amumhi bhave vā yoniyā vā gatiyā vā viññāṇaṭṭhitiyā vā sattāvāse vā sattanikāye vā ahosiṃ. Evaṃnāmoti vessantaro vā jotipālo vā. Evaṃgottoti bhaggavo vā gotamo vā. Evaṃvaṇṇoti odāto vā sāmo vā. Evamāhāroti sālimaṃsodanāhāro vā pavattaphalabhojano vā. Evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedīti anekappakārena kāyikacetasikānaṃ sāmisanirāmisādippabhedānaṃ vā sukhadukkhānaṃ paṭisaṃvedī. Evamāyupariyantoti evaṃ vassasataparamāyupariyanto vā caturāsītikappasahassaparamāyupariyanto vā.
โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โส อหํ ตโต ภวโต โยนิโต คติโต วิญฺญาณฎฺฐิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต, ปุน อมุกสฺมิํ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิญฺญาณฎฺฐิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา อุทปาทิํฯ ตตฺราปาสินฺติ อถ ตตฺราปิ ภเว โยนิยา คติยา วิญฺญาณฎฺฐิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสิํฯ เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ
Sotato cuto amutra udapādinti so ahaṃ tato bhavato yonito gatito viññāṇaṭṭhitito sattāvāsato sattanikāyato vā cuto, puna amukasmiṃ nāma bhave yoniyā gatiyā viññāṇaṭṭhitiyā sattāvāse sattanikāye vā udapādiṃ. Tatrāpāsinti atha tatrāpi bhave yoniyā gatiyā viññāṇaṭṭhitiyā sattāvāse sattanikāye vā puna ahosiṃ. Evaṃnāmotiādi vuttanayameva.
อถ วา ยสฺมา อมุตฺราสินฺติ อิทํ อนุปุเพฺพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ สรณํฯ โส ตโต จุโตติ ปฎินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํฯ ตสฺมา อิธูปปโนฺนติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรํ อมุตฺร อุทปาทินฺติ ตุสิตภวนํ สนฺธายาหาติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺราปาสิํ เอวํนาโมติ ตตฺราปิ ตุสิตภวเน เสตเกตุ นาม เทวปุโตฺต อโหสิํฯ เอวํโคโตฺตติ ตาหิ เทวตาหิ สทฺธิํ เอกโคโตฺตฯ เอวํวโณฺณติ สุวณฺณวโณฺณฯ เอวมาหาโรติ ทิพฺพสุธาหาโรฯ เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวทีติ เอวํ ทิพฺพสุขปฺปฎิสํเวทีฯ ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขมตฺตเมวฯ เอวมายุปริยโนฺตติ เอวํ สตฺตปญฺญาสวสฺสโกฎิสฎฺฐิวสฺสสตสหสฺสายุปริยโนฺตฯ โส ตโต จุโตติ โส อหํ ตโต ตุสิตภวนโต จุโตฯ อิธูปปโนฺนติ อิธ มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺตฯ
Atha vā yasmā amutrāsinti idaṃ anupubbena ārohantassa yāvadicchakaṃ saraṇaṃ. So tato cutoti paṭinivattantassa paccavekkhaṇaṃ. Tasmā idhūpapannoti imissā idhūpapattiyā anantaraṃ amutra udapādinti tusitabhavanaṃ sandhāyāhāti veditabbaṃ. Tatrāpāsiṃ evaṃnāmoti tatrāpi tusitabhavane setaketu nāma devaputto ahosiṃ. Evaṃgottoti tāhi devatāhi saddhiṃ ekagotto. Evaṃvaṇṇoti suvaṇṇavaṇṇo. Evamāhāroti dibbasudhāhāro. Evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedīti evaṃ dibbasukhappaṭisaṃvedī. Dukkhaṃ pana saṅkhāradukkhamattameva. Evamāyupariyantoti evaṃ sattapaññāsavassakoṭisaṭṭhivassasatasahassāyupariyanto. So tato cutoti so ahaṃ tato tusitabhavanato cuto. Idhūpapannoti idha mahāmāyāya deviyā kucchimhi nibbatto.
อิตีติ เอวํฯ สาการํ สอุเทฺทสนฺติ นามโคตฺตวเสน สอุเทฺทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํฯ นามโคตฺตวเสน หิ สโตฺต ‘‘ทโตฺต, ติโสฺส, โคตโม’’ติ อุทฺทิสียติ; วณฺณาทีหิ โอทาโต, สาโมติ นานตฺตโต ปญฺญายติ; ตสฺมา นามโคตฺตํ อุเทฺทโส, อิตเร อาการาฯ กิํ ปน พุทฺธาเยว ปุเพฺพนิวาสํ สรนฺตีติ? วุจฺจเต – น พุทฺธาเยว, ปเจฺจกพุทฺธ-พุทฺธสาวก-ติตฺถิยาปิ, โน จ โข อวิเสเสนฯ ติตฺถิยา หิ จตฺตาลีสํเยว กเปฺป สรนฺติ, น ตโต ปรํฯ กสฺมา? ทุพฺพลปญฺญตฺตาฯ เตสญฺหิ นามรูปปริเจฺฉทวิรหโต ทุพฺพลา ปญฺญา โหติฯ สาวเกสุ ปน อสีติมหาสาวกา กปฺปสตสหสฺสํ สรนฺติ; เทฺว อคฺคสาวกา เอกมสเงฺขฺยยฺยํ สตสหสฺสญฺจฯ ปเจฺจกพุทฺธา เทฺว อสเงฺขฺยยฺยานิ สตสหสฺสญฺจฯ เอตฺตโก หิ เตสํ อภินีหาโรฯ พุทฺธานํ ปน ปริเจฺฉโท นตฺถิ, ยาว อิจฺฉนฺติ ตาว สรนฺติฯ ติตฺถิยา จ ขนฺธปฎิปาฎิเมว สรนฺติฯ ปฎิปาฎิํ มุญฺจิตฺวา จุติปฎิสนฺธิวเสน สริตุํ น สโกฺกนฺติฯ เตสญฺหิ อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปฺปเทโสกฺกมนํ นตฺถิฯ สาวกา อุภยถาปิ สรนฺติ; ตถา ปเจฺจกพุทฺธาฯ พุทฺธา ปน ขนฺธปฎิปาฎิยาปิ จุติปฎิสนฺธิวเสนปิ สีโหกฺกนฺตวเสนปิ อเนกาสุ กปฺปโกฎีสุ เหฎฺฐา วา อุปริ วา ยํ ยํ ฐานํ อากงฺขนฺติ, ตํ สพฺพํ สรนฺติเยวฯ
Itīti evaṃ. Sākāraṃ sauddesanti nāmagottavasena sauddesaṃ, vaṇṇādivasena sākāraṃ. Nāmagottavasena hi satto ‘‘datto, tisso, gotamo’’ti uddisīyati; vaṇṇādīhi odāto, sāmoti nānattato paññāyati; tasmā nāmagottaṃ uddeso, itare ākārā. Kiṃ pana buddhāyeva pubbenivāsaṃ sarantīti? Vuccate – na buddhāyeva, paccekabuddha-buddhasāvaka-titthiyāpi, no ca kho avisesena. Titthiyā hi cattālīsaṃyeva kappe saranti, na tato paraṃ. Kasmā? Dubbalapaññattā. Tesañhi nāmarūpaparicchedavirahato dubbalā paññā hoti. Sāvakesu pana asītimahāsāvakā kappasatasahassaṃ saranti; dve aggasāvakā ekamasaṅkhyeyyaṃ satasahassañca. Paccekabuddhā dve asaṅkhyeyyāni satasahassañca. Ettako hi tesaṃ abhinīhāro. Buddhānaṃ pana paricchedo natthi, yāva icchanti tāva saranti. Titthiyā ca khandhapaṭipāṭimeva saranti. Paṭipāṭiṃ muñcitvā cutipaṭisandhivasena sarituṃ na sakkonti. Tesañhi andhānaṃ viya icchitappadesokkamanaṃ natthi. Sāvakā ubhayathāpi saranti; tathā paccekabuddhā. Buddhā pana khandhapaṭipāṭiyāpi cutipaṭisandhivasenapi sīhokkantavasenapi anekāsu kappakoṭīsu heṭṭhā vā upari vā yaṃ yaṃ ṭhānaṃ ākaṅkhanti, taṃ sabbaṃ sarantiyeva.
อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทีสุ เมติ มยาฯ วิชฺชาติ วิทิตกรณเฎฺฐน วิชฺชาฯ กิํ วิทิตํ กโรติ? ปุเพฺพนิวาสํฯ อวิชฺชาติ ตเสฺสว ปุเพฺพนิวาสสฺส อวิทิตกรณเฎฺฐน ตปฺปฎิจฺฉาทกโมโห วุจฺจติฯ ตโมติ เสฺวว โมโห ตปฺปฎิจฺฉาทกเฎฺฐน ‘‘ตโม’’ติ วุจฺจติฯ อาโลโกติ สาเยววิชฺชา โอภาสกรณเฎฺฐน ‘‘อาโลโก’’ติ วุจฺจติฯ เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อโตฺถ, เสสํ ปสํสาวจนํฯ โยชนา ปเนตฺถ – อยํ โข เม วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส เม อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฎฺฐาติ อโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาฯ เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยฯ
Ayaṃ kho me brāhmaṇātiādīsu meti mayā. Vijjāti viditakaraṇaṭṭhena vijjā. Kiṃ viditaṃ karoti? Pubbenivāsaṃ. Avijjāti tasseva pubbenivāsassa aviditakaraṇaṭṭhena tappaṭicchādakamoho vuccati. Tamoti sveva moho tappaṭicchādakaṭṭhena ‘‘tamo’’ti vuccati. Ālokoti sāyevavijjā obhāsakaraṇaṭṭhena ‘‘āloko’’ti vuccati. Ettha ca vijjā adhigatāti ayaṃ attho, sesaṃ pasaṃsāvacanaṃ. Yojanā panettha – ayaṃ kho me vijjā adhigatā, tassa me adhigatavijjassa avijjā vihatā, vinaṭṭhāti attho. Kasmā? Yasmā vijjā uppannā. Esa nayo itarasmimpi padadvaye.
ยถา ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺมเตฺถฯ ตนฺติ นิปาโตฯ สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺสฯ วีริยาตาเปน อาตาปิโนฯ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺส, เปสิตจิตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหเญฺญยฺย วิชฺชา อุปฺปเชฺชยฺย, ตโม วิหเญฺญยฺย อาโลโก อุปฺปเชฺชยฺย; เอวเมว มม อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปโนฺนฯ เอตสฺส เม ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธนฺติฯ
Yathā tanti ettha yathāti opammatthe. Tanti nipāto. Satiyā avippavāsena appamattassa. Vīriyātāpena ātāpino. Kāye ca jīvite ca anapekkhatāya pahitattassa, pesitacittassāti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avijjā vihaññeyya vijjā uppajjeyya, tamo vihaññeyya āloko uppajjeyya; evameva mama avijjā vihatā vijjā uppannā, tamo vihato āloko uppanno. Etassa me padhānānuyogassa anurūpameva phalaṃ laddhanti.
อยํ โข เม พฺราหฺมณ ปฐมา อภินิพฺภิทา อโหสิ กุกฺกุฎจฺฉาปกเสฺสว อณฺฑโกสมฺหาติ อยํ โข มม พฺราหฺมณ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณมุขตุณฺฑเกน ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปฐมา อภินิพฺภิทา ปฐมา นิกฺขนฺติ ปฐมา อริยาชาติ อโหสิ, กุกฺกุฎจฺฉาปกเสฺสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฎนิกาเย ปจฺจาชาตีติฯ
Ayaṃ kho me brāhmaṇa paṭhamā abhinibbhidā ahosi kukkuṭacchāpakasseva aṇḍakosamhāti ayaṃ kho mama brāhmaṇa pubbenivāsānussatiñāṇamukhatuṇḍakena pubbe nivutthakkhandhapaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā paṭhamā abhinibbhidā paṭhamā nikkhanti paṭhamā ariyājāti ahosi, kukkuṭacchāpakasseva mukhatuṇḍakena vā pādanakhasikhāya vā aṇḍakosaṃ padāletvā tamhā aṇḍakosamhā abhinibbhidā nikkhanti kukkuṭanikāye paccājātīti.
ปุเพฺพนิวาสกถา นิฎฺฐิตาฯ
Pubbenivāsakathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา • Pubbenivāsakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา • Pubbenivāsakathāvaṇṇanā