Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ปุเพฺพนิวาสกถา
Pubbenivāsakathā
๑๒. รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺตํ จตุพฺพิธมฺปิ อรูปชฺฌานํ จตุตฺถชฺฌานสงฺคหเมวาติ อาห ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติฯ ยุตฺตํ ตาว จิเตฺตกคฺคตา ภโวกฺกมนตฺถตา วิย วิปสฺสนาปาทกตาปิ จตุนฺนํ ฌานานํ สาธารณาติ เตสํ วเสน ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ วจนํ, อภิญฺญาปาทกตา ปน นิโรธปาทกตา จ จตุตฺถเสฺสว ฌานสฺส อาเวณิกา, สา กถํ จตุนฺนํ ฌานานํ สาธารณา วุตฺตาติ? ปรมฺปราธิฎฺฐานภาวโตฯ ปทฎฺฐานปทฎฺฐานมฺปิ หิ ปทฎฺฐานเนฺตฺวว วุจฺจติ, การณการณมฺปิ การณนฺติ ยถา ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติฯ เอวญฺจ กตฺวา ปโยชนนิเทฺทเส อฎฺฐสมาปตฺติคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติฯ จิเตฺตกคฺคตตฺถานีติ อิตฺตสมาธตฺถานิ, ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารตฺถานีติ อโตฺถฯ จิเตฺตกคฺคตาสีเสน หิ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร วุโตฺต, สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน เจตํ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติฯ ภโวกฺกมนตฺถานีติ ภเวสุ นิพฺพตฺติอตฺถานิฯ สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนโต อาห ‘‘สตฺตาหํ อจิตฺตกา หุตฺวา’’ติฯ กสฺมา ปน สตฺตาหเมว นิโรธํ สมาปชฺชนฺตีติ? ตถากาลปริเจฺฉทกรณโต, ตญฺจ เยภุเยฺยน อาหารูปชีวีนํ สตฺตานํ อุปาทินฺนกปฺปวตฺตสฺส เอกทิวสํ ภุตฺตาหารสฺส สตฺตาหเมว ยาปนโตฯ
12. Rūpavirāgabhāvanāvasena pavattaṃ catubbidhampi arūpajjhānaṃ catutthajjhānasaṅgahamevāti āha ‘‘cattāri jhānānī’’ti. Yuttaṃ tāva cittekaggatā bhavokkamanatthatā viya vipassanāpādakatāpi catunnaṃ jhānānaṃ sādhāraṇāti tesaṃ vasena ‘‘cattāri jhānānī’’ti vacanaṃ, abhiññāpādakatā pana nirodhapādakatā ca catutthasseva jhānassa āveṇikā, sā kathaṃ catunnaṃ jhānānaṃ sādhāraṇā vuttāti? Paramparādhiṭṭhānabhāvato. Padaṭṭhānapadaṭṭhānampi hi padaṭṭhānantveva vuccati, kāraṇakāraṇampi kāraṇanti yathā ‘‘tiṇehi bhattaṃ siddha’’nti. Evañca katvā payojananiddese aṭṭhasamāpattiggahaṇaṃ samatthitaṃ hoti. Cittekaggatatthānīti ittasamādhatthāni, diṭṭhadhammasukhavihāratthānīti attho. Cittekaggatāsīsena hi diṭṭhadhammasukhavihāro vutto, sukkhavipassakakhīṇāsavavasena cetaṃ vuttaṃ. Tenāha ‘‘ekaggacittā sukhaṃ divasaṃ viharissāmā’’ti. Bhavokkamanatthānīti bhavesu nibbattiatthāni. Sattāhaṃ nirodhasamāpattiyā samāpajjanato āha ‘‘sattāhaṃ acittakā hutvā’’ti. Kasmā pana sattāhameva nirodhaṃ samāpajjantīti? Tathākālaparicchedakaraṇato, tañca yebhuyyena āhārūpajīvīnaṃ sattānaṃ upādinnakappavattassa ekadivasaṃ bhuttāhārassa sattāhameva yāpanato.
กา (วิสุทฺธิ. ๒.๘๖๗-๘๖๘) ปนายํ นิโรธสมาปตฺติ นาม, เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺติ, กตฺถ สมาปชฺชนฺติ, กสฺมา สมาปชฺชนฺติ, กถญฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหตีติ? วุจฺจเต – ตตฺถ กา ปนายํ นิโรธสมาปตฺติ นามาติ ยา อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อปฺปวตฺติฯ เก ตํ สมาปชฺชนฺติ , เก น สมาปชฺชนฺตีติ สเพฺพปิ ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิโน สุกฺขวิปสฺสกา จ อนาคามิอรหโนฺต น สมาปชฺชนฺติ, อฎฺฐสมาปตฺติลาภิโน ปน อนาคามิโน ขีณาสวา จ สมาปชฺชนฺติฯ กตฺถ สมาปชฺชนฺตีติ ปญฺจโวการภเวฯ กสฺมา? อนุปุพฺพสมาปตฺติสพฺภาวโตฯ จตุโวการภเว ปน ปฐมชฺฌานาทีนํ อุปฺปตฺติเยว นตฺถิ, ตสฺมา น สกฺกา ตตฺถ สมาปชฺชิตุํฯ กสฺมา สมาปชฺชนฺตีติ สงฺขารานํ ปวตฺติเภเท อุกฺกณฺฐิตฺวา ‘‘ทิฎฺฐธเมฺม อจิตฺตกา หุตฺวา นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติฯ กถญฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหตีติ สมถวิปสฺสนาวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นิโรธยโต เอวมสฺสา สมาปชฺชนํ โหติฯ โย หิ สมถวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติํ ปตฺวา ติฎฺฐติฯ โยปิ วิปสฺสนาวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส ผลสมาปตฺติํ ปตฺวา ติฎฺฐติฯ โย ปน อุภยวเสเนว อุสฺสกฺกิตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นิโรเธติ, โส ตํ สมาปชฺชตีติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ
Kā (visuddhi. 2.867-868) panāyaṃ nirodhasamāpatti nāma, ke taṃ samāpajjanti, ke na samāpajjanti, kattha samāpajjanti, kasmā samāpajjanti, kathañcassā samāpajjanaṃ hotīti? Vuccate – tattha kā panāyaṃ nirodhasamāpatti nāmāti yā anupubbanirodhavasena cittacetasikānaṃ dhammānaṃ appavatti. Ke taṃ samāpajjanti, ke na samāpajjantīti sabbepi puthujjanasotāpannasakadāgāmino sukkhavipassakā ca anāgāmiarahanto na samāpajjanti, aṭṭhasamāpattilābhino pana anāgāmino khīṇāsavā ca samāpajjanti. Kattha samāpajjantīti pañcavokārabhave. Kasmā? Anupubbasamāpattisabbhāvato. Catuvokārabhave pana paṭhamajjhānādīnaṃ uppattiyeva natthi, tasmā na sakkā tattha samāpajjituṃ. Kasmā samāpajjantīti saṅkhārānaṃ pavattibhede ukkaṇṭhitvā ‘‘diṭṭhadhamme acittakā hutvā nirodhaṃ nibbānaṃ patvā sukhaṃ viharissāmā’’ti. Kathañcassā samāpajjanaṃ hotīti samathavipassanāvasena ussakkitvā katapubbakiccassa nevasaññānāsaññāyatanaṃ nirodhayato evamassā samāpajjanaṃ hoti. Yo hi samathavaseneva ussakkati, so nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiṃ patvā tiṭṭhati. Yopi vipassanāvaseneva ussakkati, so phalasamāpattiṃ patvā tiṭṭhati. Yo pana ubhayavaseneva ussakkitvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ nirodheti, so taṃ samāpajjatīti ayamettha saṅkhepo.
อยํ ปน วิตฺถาโร – อิธ ภิกฺขุ นิโรธํ สมาปชฺชิตุกาโม ปฐมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ สงฺขาเร อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสติฯ วิปสฺสนา จ ปเนสา ติวิธา สงฺขารปริคฺคณฺหนกวิปสฺสนา ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนาติฯ ตตฺถ สงฺขารปริคฺคณฺหนกวิปสฺสนา มนฺทา วา ติกฺขา วา มคฺคสฺส ปทฎฺฐานํ โหติเยวฯ ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา ติกฺขาว วฎฺฎติ มคฺคภาวนาสทิสาฯ นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนา ปน นาติมนฺทนาติติกฺขา วฎฺฎติ, ตสฺมา เอส นาติมนฺทาย นาติติกฺขาย วิปสฺสนาย เต สงฺขาเร วิปสฺสติฯ ตโต ทุติยชฺฌานํ…เป.… ตโต วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสติฯ อถ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรติ นานาพทฺธอวิโกปนํ สงฺฆปติมานนํ สตฺถุปโกฺกสนํ อทฺธานปริเจฺฉทนฺติฯ
Ayaṃ pana vitthāro – idha bhikkhu nirodhaṃ samāpajjitukāmo paṭhamajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha saṅkhāre aniccato dukkhato anattato vipassati. Vipassanā ca panesā tividhā saṅkhārapariggaṇhanakavipassanā phalasamāpattivipassanā nirodhasamāpattivipassanāti. Tattha saṅkhārapariggaṇhanakavipassanā mandā vā tikkhā vā maggassa padaṭṭhānaṃ hotiyeva. Phalasamāpattivipassanā tikkhāva vaṭṭati maggabhāvanāsadisā. Nirodhasamāpattivipassanā pana nātimandanātitikkhā vaṭṭati, tasmā esa nātimandāya nātitikkhāya vipassanāya te saṅkhāre vipassati. Tato dutiyajjhānaṃ…pe… tato viññāṇañcāyatanaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha saṅkhāre tatheva vipassati. Atha ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya catubbidhaṃ pubbakiccaṃ karoti nānābaddhaavikopanaṃ saṅghapatimānanaṃ satthupakkosanaṃ addhānaparicchedanti.
ตตฺถ นานาพทฺธอวิโกปนนฺติ ยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธิํ เอกาพทฺธํ น โหติ, นานาพทฺธํ หุตฺวา ฐิตํ ปตฺตจีวรํ วา มญฺจปีฐํ วา นิวาสเคหํ วา อญฺญํ วา ปน ยํ กิญฺจิ ปริกฺขารชาตํ, ตํ ยถา น วิกุปฺปติ, อคฺคิอุทกวาตโจรอุนฺทูราทีนํ วเสน น วินสฺสติ, เอวํ อธิฎฺฐาตพฺพํฯ ตตฺริทํ อธิฎฺฐานวิธานํ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ อิมสฺมิํ สตฺตาหพฺภนฺตเร มา อคฺคินา ฌายตุ, มา อุทเกน วุยฺหตุ, มา วาเตน วิทฺธํสตุ, มา โจเรหิ หรียตุ, มา อุนฺทูราทีหิ ขชฺชตู’’ติฯ เอวํ อธิฎฺฐิเต ตํ สตฺตาหํ ตสฺส น โกจิ ปริสฺสโย โหติ, อนธิฎฺฐหโต ปน อคฺคิอาทีหิ นสฺสติ, อิทํ นานาพทฺธอวิโกปนํ นามฯ ยํ ปน เอกาพทฺธํ โหติ นิวาสนปารุปนํ วา นิสินฺนาสนํ วา, ตตฺถ วิสุํ อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถิ, สมาปตฺติเยว นํ รกฺขติฯ
Tattha nānābaddhaavikopananti yaṃ iminā bhikkhunā saddhiṃ ekābaddhaṃ na hoti, nānābaddhaṃ hutvā ṭhitaṃ pattacīvaraṃ vā mañcapīṭhaṃ vā nivāsagehaṃ vā aññaṃ vā pana yaṃ kiñci parikkhārajātaṃ, taṃ yathā na vikuppati, aggiudakavātacoraundūrādīnaṃ vasena na vinassati, evaṃ adhiṭṭhātabbaṃ. Tatridaṃ adhiṭṭhānavidhānaṃ ‘‘idañcidañca imasmiṃ sattāhabbhantare mā agginā jhāyatu, mā udakena vuyhatu, mā vātena viddhaṃsatu, mā corehi harīyatu, mā undūrādīhi khajjatū’’ti. Evaṃ adhiṭṭhite taṃ sattāhaṃ tassa na koci parissayo hoti, anadhiṭṭhahato pana aggiādīhi nassati, idaṃ nānābaddhaavikopanaṃ nāma. Yaṃ pana ekābaddhaṃ hoti nivāsanapārupanaṃ vā nisinnāsanaṃ vā, tattha visuṃ adhiṭṭhānakiccaṃ natthi, samāpattiyeva naṃ rakkhati.
สงฺฆปติมานนนฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปติมานนํ อุทิกฺขนํ, ยาว โส ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, ตาว สงฺฆกมฺมสฺส อกรณนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปติมานนํ เอตสฺส น ปุพฺพกิจฺจํ, ปติมานนาวชฺชนํ ปน ปุพฺพกิจฺจํฯ ตสฺมา เอวํ อาวชฺชิตพฺพํ ‘‘สเจ มยิ สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสิเนฺน สโงฺฆ อปโลกนกมฺมาทีสุ กิญฺจิเทว กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ, ยาว มํ โกจิ ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา น ปโกฺกสติ, ตาวเทว วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติฯ เอวํ กตฺวา สมาปโนฺน หิ ตสฺมิํ สมเย วุฎฺฐหติเยวฯ โย ปน เอวํ น กโรติ, สโงฺฆ เจ สนฺนิปติตฺวา ตํ อปสฺสโนฺต ‘‘อสุโก ภิกฺขุ กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิโรธํ สมาปโนฺน’’ติ วุเตฺต กญฺจิ ภิกฺขุํ เปเสติ ‘‘ตํ ปโกฺกสาหี’’ติ, อถสฺส เตน ภิกฺขุนา สวนูปจาเร ฐตฺวา ‘‘สโงฺฆ ตํ อาวุโส ปติมาเนตี’’ติ วุตฺตมเตฺตเยว วุฎฺฐานํ โหติฯ เอวํ ครุกา หิ สงฺฆสฺส อาณา นาม, ตสฺมา ตํ อาวชฺชิตฺวา ยถา ปฐมเมว วุฎฺฐาติ, เอวํ สมาปชฺชิตพฺพํฯ
Saṅghapatimānananti bhikkhusaṅghassa patimānanaṃ udikkhanaṃ, yāva so bhikkhu āgacchati, tāva saṅghakammassa akaraṇanti attho. Ettha ca patimānanaṃ etassa na pubbakiccaṃ, patimānanāvajjanaṃ pana pubbakiccaṃ. Tasmā evaṃ āvajjitabbaṃ ‘‘sace mayi sattāhaṃ nirodhaṃ samāpajjitvā nisinne saṅgho apalokanakammādīsu kiñcideva kammaṃ kattukāmo hoti, yāva maṃ koci bhikkhu āgantvā na pakkosati, tāvadeva vuṭṭhahissāmī’’ti. Evaṃ katvā samāpanno hi tasmiṃ samaye vuṭṭhahatiyeva. Yo pana evaṃ na karoti, saṅgho ce sannipatitvā taṃ apassanto ‘‘asuko bhikkhu kuhi’’nti pucchitvā ‘‘nirodhaṃ samāpanno’’ti vutte kañci bhikkhuṃ peseti ‘‘taṃ pakkosāhī’’ti, athassa tena bhikkhunā savanūpacāre ṭhatvā ‘‘saṅgho taṃ āvuso patimānetī’’ti vuttamatteyeva vuṭṭhānaṃ hoti. Evaṃ garukā hi saṅghassa āṇā nāma, tasmā taṃ āvajjitvā yathā paṭhamameva vuṭṭhāti, evaṃ samāpajjitabbaṃ.
สตฺถุปโกฺกสนนฺติ อิธาปิ สตฺถุปโกฺกสนาวชฺชนเมว อิมสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ตสฺมา ตมฺปิ เอวํ อาวชฺชิตพฺพํฯ เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Satthupakkosananti idhāpi satthupakkosanāvajjanameva imassa pubbakiccaṃ, tasmā tampi evaṃ āvajjitabbaṃ. Sesaṃ purimanayeneva veditabbaṃ.
อทฺธานปริเจฺฉโทติ ชีวิตทฺธานสฺส ปริเจฺฉโทฯ อิมินา ภิกฺขุนา อทฺธานปริเจฺฉเทสุ กุสเลน ภวิตพฺพํ, ‘‘อตฺตโน อายุสงฺขารา สตฺตาหํ ปวตฺติสฺสนฺติ น ปวตฺติสฺสนฺตี’’ติ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํฯ สเจ หิ สตฺตาหพฺภนฺตเร นิรุชฺฌนเก อายุสงฺขาเร อนาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชติ, ตสฺส นิโรธสมาปตฺติ มรณํ ปฎิพาหิตุํ น สโกฺกติ, อโนฺตนิโรเธ มรณสฺส นตฺถิตาย อนฺตราว สมาปตฺติโต วุฎฺฐาติ, ตสฺมา เอตํ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํฯ อวเสสญฺหิ อนาวชฺชิตุมฺปิ วฎฺฎติ, อิทํ ปน อาวชฺชิตพฺพเมวาติ วุตฺตํฯ โส เอวํ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย อิทํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชติ, อเถกํ วา เทฺว วา จิตฺตวาเร อติกฺกมิตฺวา อจิตฺตโก โหติ, นิโรธํ ผุสติ ฯ กสฺมา ปนสฺส ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ จิตฺตานิ น ปวตฺตนฺตีติ? นิโรธสฺส ปโยคตฺตาฯ อิทญฺหิ อิมสฺส ภิกฺขุโน เทฺว สมถวิปสฺสนาธเมฺม ยุคนเทฺธ กตฺวา อฎฺฐสมาปตฺติอาโรหนํ อนุปุพฺพนิโรธสฺส ปโยโค, น เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยาติ นิโรธสฺส ปโยคตฺตา ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ จิตฺตานิ น ปวตฺตนฺตีติฯ
Addhānaparicchedoti jīvitaddhānassa paricchedo. Iminā bhikkhunā addhānaparicchedesu kusalena bhavitabbaṃ, ‘‘attano āyusaṅkhārā sattāhaṃ pavattissanti na pavattissantī’’ti āvajjitvāva samāpajjitabbaṃ. Sace hi sattāhabbhantare nirujjhanake āyusaṅkhāre anāvajjitvāva samāpajjati, tassa nirodhasamāpatti maraṇaṃ paṭibāhituṃ na sakkoti, antonirodhe maraṇassa natthitāya antarāva samāpattito vuṭṭhāti, tasmā etaṃ āvajjitvāva samāpajjitabbaṃ. Avasesañhi anāvajjitumpi vaṭṭati, idaṃ pana āvajjitabbamevāti vuttaṃ. So evaṃ ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya idaṃ pubbakiccaṃ katvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajjati, athekaṃ vā dve vā cittavāre atikkamitvā acittako hoti, nirodhaṃ phusati . Kasmā panassa dvinnaṃ cittānaṃ upari cittāni na pavattantīti? Nirodhassa payogattā. Idañhi imassa bhikkhuno dve samathavipassanādhamme yuganaddhe katvā aṭṭhasamāpattiārohanaṃ anupubbanirodhassa payogo, na nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyāti nirodhassa payogattā dvinnaṃ cittānaṃ upari cittāni na pavattantīti.
ยสฺมา โพธิสเตฺตน โพธิมณฺฑุปสงฺกมนโต ปุเพฺพปิ จริมภเว จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺติตปุพฺพํ, ตทา ปน ตํ นิพฺพตฺติตมตฺตเมว อโหสิ, น วิปสฺสนาทิปาทกํฯ ตสฺมา ‘‘โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติต’’นฺติ ตโต วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ วิปสฺสนาปาทกนฺติ วิปสฺสนารเมฺภ วิปสฺสนาย ปาทกํฯ อภิญฺญาปาทกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ พุทฺธานญฺหิ ปฐมารเมฺภ เอว ปาทกชฺฌาเนน ปโยชนํ อโหสิ, น ตโต ปรํ อุปริมคฺคาธิคมผลสมาปตฺติอภิญฺญาวฬญฺชนาทิอตฺถํฯ อภิสโมฺพธิสมธิคมโต ปฎฺฐาย หิ สพฺพํ ญาณสมาธิกิจฺจํ อากงฺขามตฺตปฎิพทฺธเมวาติฯ สพฺพกิจฺจสาธกนฺติ อนุปุพฺพวิหาราทิสพฺพกิจฺจสาธกํฯ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เอตฺถ วิปสฺสนาภิญฺญาปาทกตฺตา เอว จตุตฺถสฺส ฌานสฺส ภควโต สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกตา เวทิตพฺพาฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานญฺหิ มคฺคญาณํ ตํปทฎฺฐานญฺจ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ อภิสโมฺพธิ, ตทธิคมสมกาลเมว จ ภควโต สเพฺพ พุทฺธคุณา หตฺถคตา อเหสุํ, จตุตฺถชฺฌานสนฺนิสฺสโย จ มคฺคาธิคโมติฯ
Yasmā bodhisattena bodhimaṇḍupasaṅkamanato pubbepi carimabhave catutthajjhānaṃ nibbattitapubbaṃ, tadā pana taṃ nibbattitamattameva ahosi, na vipassanādipādakaṃ. Tasmā ‘‘bodhirukkhamūle nibbattita’’nti tato visesetvā vuttaṃ. Vipassanāpādakanti vipassanārambhe vipassanāya pādakaṃ. Abhiññāpādakanti etthāpi eseva nayo. Buddhānañhi paṭhamārambhe eva pādakajjhānena payojanaṃ ahosi, na tato paraṃ uparimaggādhigamaphalasamāpattiabhiññāvaḷañjanādiatthaṃ. Abhisambodhisamadhigamato paṭṭhāya hi sabbaṃ ñāṇasamādhikiccaṃ ākaṅkhāmattapaṭibaddhamevāti. Sabbakiccasādhakanti anupubbavihārādisabbakiccasādhakaṃ. Sabbalokiyalokuttaraguṇadāyakanti ettha vipassanābhiññāpādakattā eva catutthassa jhānassa bhagavato sabbalokiyalokuttaraguṇadāyakatā veditabbā. Sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānañhi maggañāṇaṃ taṃpadaṭṭhānañca sabbaññutaññāṇaṃ abhisambodhi, tadadhigamasamakālameva ca bhagavato sabbe buddhaguṇā hatthagatā ahesuṃ, catutthajjhānasannissayo ca maggādhigamoti.
‘‘จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิ’’นฺติ วตฺวา ‘‘โส’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘โส อห’’นฺติฯ เอวํ สมาหิเตติ เอตฺถ เอวํ-สโทฺท เหฎฺฐา ฌานตฺตยาธิคมปฎิปาฎิสิทฺธสฺส จตุตฺถชฺฌานสมาธานสฺส นิทสฺสนโตฺถติ อาห ‘‘เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมต’’นฺติฯ จตุตฺถชฺฌานสฺส ตสฺส จ อธิคมมคฺคสฺส นิทสฺสนํ, เยน สมาธานานุกฺกเมน จตุตฺถชฺฌานสมาธิ ลโทฺธ, ตทุภยนิทสฺสนนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อิมินา…เป.… วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ตตฺถ อิมินา กเมนาติ อิมินา ปฐมชฺฌานาธิคมาทินา กเมนฯ ยทิปิ ‘‘เอว’’นฺติ อิทํ อาคมนสมาธินา สทฺธิํ จตุตฺถชฺฌานสมาธานํ ทีเปติ, สติปาริสุทฺธิสมาธิ เอว ปน อิทฺธิยา อธิฎฺฐานภาวโต ปธานนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต’’ติฯ สพฺพปจฺจนีกธมฺมุปกฺกิเลสปริสุทฺธาย ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฎาย ปาริสุทฺธุเปกฺขาย วตฺตมานาย จตุตฺถชฺฌานํ ตํสมฺปยุตฺตา จ ธมฺมา สุปริสุทฺธา สุวิสทา จ โหนฺติ, สติสีเสน ปน ตตฺถ เทสนา กตาติ อาห ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุเทฺธ’’ติ, อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธิสมฺภเวนาติ อโตฺถฯ ปริสุทฺธิยา เอว ปจฺจยวิเสเสน ปวตฺติวิเสโส ปริโยทาตตา สุธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน ปภสฺสรตา วิยาติ อาห ‘‘ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ
‘‘Catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsi’’nti vatvā ‘‘so’’ti vuttattā āha ‘‘so aha’’nti. Evaṃ samāhiteti ettha evaṃ-saddo heṭṭhā jhānattayādhigamapaṭipāṭisiddhassa catutthajjhānasamādhānassa nidassanatthoti āha ‘‘evanti catutthajjhānakkamanidassanameta’’nti. Catutthajjhānassa tassa ca adhigamamaggassa nidassanaṃ, yena samādhānānukkamena catutthajjhānasamādhi laddho, tadubhayanidassananti attho. Tenāha ‘‘iminā…pe… vuttaṃ hotī’’ti. Tattha iminā kamenāti iminā paṭhamajjhānādhigamādinā kamena. Yadipi ‘‘eva’’nti idaṃ āgamanasamādhinā saddhiṃ catutthajjhānasamādhānaṃ dīpeti, satipārisuddhisamādhi eva pana iddhiyā adhiṭṭhānabhāvato padhānanti āha ‘‘catutthajjhānasamādhinā samāhite’’ti. Sabbapaccanīkadhammupakkilesaparisuddhāya paccanīkasamanepi abyāvaṭāya pārisuddhupekkhāya vattamānāya catutthajjhānaṃ taṃsampayuttā ca dhammā suparisuddhā suvisadā ca honti, satisīsena pana tattha desanā katāti āha ‘‘upekkhāsatipārisuddhibhāvena parisuddhe’’ti, upekkhāya janitasatipārisuddhisambhavenāti attho. Parisuddhiyā eva paccayavisesena pavattiviseso pariyodātatā sudhantasuvaṇṇassa nighaṃsanena pabhassaratā viyāti āha ‘‘parisuddhattāyeva pariyodāte, pabhassareti vuttaṃ hotī’’ti.
สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตนาติ สุขโสมนสฺสานํ ทุกฺขโทมนสฺสานญฺจ ยถากฺกมํ ราคโทสปจฺจยานํ วิกฺขมฺภเนนฯ ‘‘สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โสมนสฺสํ ราคสฺส, ทุกฺขํ โทมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โทมนสฺสํ โทสสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ยถา ราคาทโย เจตโส มลาสุจิภาเวน ‘‘องฺคณานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อุปคนฺตฺวา กิเลสนเฎฺฐน อุปกฺกิเลสาติ อาห ‘‘อนงฺคณตฺตา เอว จ วิคตุปกฺกิเลเส’’ติฯ เตนาห ‘‘องฺคเณน หิ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสตี’’ติ, วิพาธียติ อุปตาปียตีติ อโตฺถฯ สุภาวิตตฺตาติ ปคุณภาวาปาทเนน สุฎฺฐุ ภาวิตตฺตาฯ เตนาห ‘‘วสีภาวปฺปเตฺต’’ติ, อาวชฺชนาทินา ปญฺจธา จุทฺทสวิเธน วา ปริทมเนน วสํ วตฺติตุํ อุปคเตติ อโตฺถฯ วเส วตฺตมานญฺหิ จิตฺตํ มุทูติ วุจฺจตีติ วเส วตฺตมานํ จิตฺตํ ปคุณภาวาปตฺติยา สุปริมทฺทิตํ วิย จมฺมํ สุปริกมฺมกตา วิย จ ลาขา มุทูติ วุจฺจติฯ กมฺมกฺขเมติ วิกุพฺพนาทิอิทฺธิกมฺมกฺขเมฯ ตทุภยนฺติ มุทุตากมฺมนิยทฺวยํฯ
Sukhādīnaṃ paccayānaṃ ghātenāti sukhasomanassānaṃ dukkhadomanassānañca yathākkamaṃ rāgadosapaccayānaṃ vikkhambhanena. ‘‘Sukhaṃ somanassassa paccayo, somanassaṃ rāgassa, dukkhaṃ domanassassa paccayo, domanassaṃ dosassā’’ti vuttaṃ. Yathā rāgādayo cetaso malāsucibhāvena ‘‘aṅgaṇānī’’ti vuccanti, evaṃ upagantvā kilesanaṭṭhena upakkilesāti āha ‘‘anaṅgaṇattā eva ca vigatupakkilese’’ti. Tenāha ‘‘aṅgaṇena hi cittaṃ upakkilissatī’’ti, vibādhīyati upatāpīyatīti attho. Subhāvitattāti paguṇabhāvāpādanena suṭṭhu bhāvitattā. Tenāha ‘‘vasībhāvappatte’’ti, āvajjanādinā pañcadhā cuddasavidhena vā paridamanena vasaṃ vattituṃ upagateti attho. Vase vattamānañhi cittaṃ mudūti vuccatīti vase vattamānaṃ cittaṃ paguṇabhāvāpattiyā suparimadditaṃ viya cammaṃ suparikammakatā viya ca lākhā mudūti vuccati. Kammakkhameti vikubbanādiiddhikammakkhame. Tadubhayanti mudutākammaniyadvayaṃ.
นาหนฺติอาทีสุ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑) น-กาโร ปฎิเสธโตฺถฯ อหนฺติ สตฺถา อตฺตานํ นิทฺทิสติฯ ภิกฺขเวติ ภิกฺขู อาลปติฯ อญฺญนฺติ อิทานิ วุจฺจมานจิตฺตโต อญฺญํฯ เอกธมฺมมฺปีติ เอกมฺปิ สภาวธมฺมํฯ น สมนุปสฺสามีติ สมฺพโนฺธฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพญฺญุตญฺญาเณน โอโลเกโนฺตปิ อญฺญํ เอกธมฺมมฺปิ น สมนุปสฺสามิ, ยํ วสีภาวาปาทเนน ภาวิตํ ตถา ปุนปฺปุนํ กรเณน พหุลีกตํ เอวํ สวิเสสมุทุภาวปฺปตฺติยา มุทุ กมฺมกฺขมตาย กมฺมนิยญฺจ โหติ ยถา อิทํ จิตฺตนฺติฯ อิทํ จิตฺตนฺติ จ อตฺตโน เตสญฺจ ปจฺจกฺขตาย เอวมาหฯ
Nāhantiādīsu (a. ni. aṭṭha. 1.1.1) na-kāro paṭisedhattho. Ahanti satthā attānaṃ niddisati. Bhikkhaveti bhikkhū ālapati. Aññanti idāni vuccamānacittato aññaṃ. Ekadhammampīti ekampi sabhāvadhammaṃ. Na samanupassāmīti sambandho. Ayañhettha attho – ahaṃ, bhikkhave, sabbaññutaññāṇena olokentopi aññaṃ ekadhammampi na samanupassāmi, yaṃ vasībhāvāpādanena bhāvitaṃ tathā punappunaṃ karaṇena bahulīkataṃ evaṃ savisesamudubhāvappattiyā mudu kammakkhamatāya kammaniyañca hoti yathā idaṃ cittanti. Idaṃ cittanti ca attano tesañca paccakkhatāya evamāha.
ยถา ยถาวุตฺตา ปริสุทฺธตาทโย น วิคจฺฉนฺติ, เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ ตตฺถ อวฎฺฐิตํ อิธ ‘‘ฐิตํ อาเนญฺชปฺปตฺต’’นฺติ จ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตสุ ปริสุทฺธภาวาทีสุ ฐิตตฺตา ฐิเต, ฐิตตฺตาเยว อาเนญฺชปฺปเตฺต’’ติฯ ยถา มุทุกมฺมญฺญตา วสีภาวปฺปตฺติยา ลกฺขียติ, เอวํ วสีภาวปฺปตฺติปิ มุทุกมฺมญฺญตาหิ ลกฺขียตีติ ‘‘มุทุกมฺมญฺญภาเวน วา อตฺตโน วเส ฐิตตฺตา ฐิเต’’ติ วุตฺตํฯ ยถา หิ การเณน ผลํ นิทฺธารียติ, เอวํ ผเลนปิ การณํ นิทฺธารียตีติ นิจฺจลภาเวน อวฎฺฐานํ อาเนญฺชปฺปตฺติยา จ สมฺปยุตฺตธเมฺมสุ ถิรภาเวน ปฎิปเกฺขหิ อกมฺมนิยตาย จ สมฺภวตํ สทฺธาทิพลานํ อานุภาเวน โหตีติ อาห ‘‘สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนญฺชปฺปเตฺต’’ติฯ
Yathā yathāvuttā parisuddhatādayo na vigacchanti, evaṃ subhāvitaṃ cittaṃ tattha avaṭṭhitaṃ idha ‘‘ṭhitaṃ āneñjappatta’’nti ca vuttanti āha ‘‘etesu parisuddhabhāvādīsuṭhitattā ṭhite, ṭhitattāyeva āneñjappatte’’ti. Yathā mudukammaññatā vasībhāvappattiyā lakkhīyati, evaṃ vasībhāvappattipi mudukammaññatāhi lakkhīyatīti ‘‘mudukammaññabhāvena vā attano vase ṭhitattā ṭhite’’ti vuttaṃ. Yathā hi kāraṇena phalaṃ niddhārīyati, evaṃ phalenapi kāraṇaṃ niddhārīyatīti niccalabhāvena avaṭṭhānaṃ āneñjappattiyā ca sampayuttadhammesu thirabhāvena paṭipakkhehi akammaniyatāya ca sambhavataṃ saddhādibalānaṃ ānubhāvena hotīti āha ‘‘saddhādīhi pariggahitattā āneñjappatte’’ti.
อิทานิ สเงฺขปโต วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘สทฺธาปริคฺคหิตํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สทฺธาปริคฺคหิตนฺติ เอวํ สุภาวิตํ วสีภาวปฺปตฺตํ จิตฺตํ เอกํเสน อภิญฺญาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิญฺญาสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตตีติ เอวํ ปวตฺตาย สทฺธาย ปริคฺคหิตํ ยถาวุตฺตสทฺธาพเลน อุปตฺถมฺภิตํฯ อสฺสทฺธิเยนาติ ตปฺปฎิปเกฺขน อสฺสทฺธิเยน เหตุนาฯ น อิญฺชตีติ น จลติ น กมฺปติ, อญฺญทตฺถุ อุปริวิเสสาวหภาเวเนว ติฎฺฐติฯ วีริยปริคฺคหิตนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – วีริยปริคฺคหิตนฺติ วสีภาวาปาทนปริทมนสาธเนน วีริเยน อุปตฺถมฺภิตํฯ สติปริคฺคหิตนฺติ ยถาวุเตฺต ภาวนาพหุลีกาเร อสโมฺมสาทิกาย กุสลานญฺจ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺวสมานาย สติยา อุปตฺถมฺภิตํฯ สมาธิปริคฺคหิตนฺติ ตเตฺถว อวิเกฺขปสาธเนน สมาธาเนน อุปตฺถมฺภิตํฯ ปญฺญาปริคฺคหิตนฺติ ตสฺสา เอว ภาวนาย อุปการานุปการธมฺมานํ ปชานนลกฺขณาย ปญฺญาย อุปตฺถมฺภิตํฯ โอภาสคตนฺติ ญาโณภาสสหคตํฯ โอภาสภูเตน หิ ยถาวุตฺตสมาธานสํวทฺธิเตน ญาเณน สํกิเลสปกฺขํ ยาถาวโต ปสฺสโนฺต ตโต อุตฺราสโนฺต โอตฺตปฺปโนฺต ตํ อภิภวติ, น เตน อภิภุยฺยติฯ เตนาห ‘‘กิเลสนฺธกาเรน น อิญฺชตี’’ติฯ เอเตน ญาณปริคฺคหิตํ หิโรตฺตปฺปพลํ ทเสฺสติฯ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตนฺติ จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิตตา ปริสุทฺธตา ปริโยทาตตา อนงฺคณตา วิคตุปกฺกิเลสตา มุทุภาโว กมฺมนิยตา อาเนญฺชปฺปตฺติยา ฐิตตาติ อิเมหิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตํฯ อถ วา สมาหิตสฺส จิตฺตสฺส อิมานิ องฺคานีติ ‘‘สมาหิเต’’ติ อิมํ องฺคภาเวน อคฺคเหตฺวา ฐิติอาเนญฺชปฺปตฺติโย วิสุํ คเหตฺวา ยถาวุเตฺตหิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตนฺติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อภินีหารกฺขมนฺติ อิทฺธิวิธาทิอตฺถํ อภินีหารกฺขมํ ตทภิมุขกรณโยคฺคํฯ เตนาห ‘‘อภิญฺญาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิญฺญาสจฺฉิกิริยายา’’ติฯ
Idāni saṅkhepato vuttamevatthaṃ vivarituṃ ‘‘saddhāpariggahitaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha saddhāpariggahitanti evaṃ subhāvitaṃ vasībhāvappattaṃ cittaṃ ekaṃsena abhiññāsacchikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ abhiññāsacchikiriyāya saṃvattatīti evaṃ pavattāya saddhāya pariggahitaṃ yathāvuttasaddhābalena upatthambhitaṃ. Assaddhiyenāti tappaṭipakkhena assaddhiyena hetunā. Na iñjatīti na calati na kampati, aññadatthu uparivisesāvahabhāveneva tiṭṭhati. Vīriyapariggahitantiādīsupi imināva nayena attho veditabbo. Ayaṃ pana viseso – vīriyapariggahitanti vasībhāvāpādanaparidamanasādhanena vīriyena upatthambhitaṃ. Satipariggahitanti yathāvutte bhāvanābahulīkāre asammosādikāya kusalānañca dhammānaṃ gatiyo samanvesamānāya satiyā upatthambhitaṃ. Samādhipariggahitanti tattheva avikkhepasādhanena samādhānena upatthambhitaṃ. Paññāpariggahitanti tassā eva bhāvanāya upakārānupakāradhammānaṃ pajānanalakkhaṇāya paññāya upatthambhitaṃ. Obhāsagatanti ñāṇobhāsasahagataṃ. Obhāsabhūtena hi yathāvuttasamādhānasaṃvaddhitena ñāṇena saṃkilesapakkhaṃ yāthāvato passanto tato utrāsanto ottappanto taṃ abhibhavati, na tena abhibhuyyati. Tenāha ‘‘kilesandhakārena na iñjatī’’ti. Etena ñāṇapariggahitaṃ hirottappabalaṃ dasseti. Aṭṭhaṅgasamannāgatanti catutthajjhānasamādhinā samāhitatā parisuddhatā pariyodātatā anaṅgaṇatā vigatupakkilesatā mudubhāvo kammaniyatā āneñjappattiyā ṭhitatāti imehi aṭṭhahi aṅgehi samannāgataṃ. Atha vā samāhitassa cittassa imāni aṅgānīti ‘‘samāhite’’ti imaṃ aṅgabhāvena aggahetvā ṭhitiāneñjappattiyo visuṃ gahetvā yathāvuttehi aṭṭhahi aṅgehi samannāgatanti attho daṭṭhabbo. Abhinīhārakkhamanti iddhividhādiatthaṃ abhinīhārakkhamaṃ tadabhimukhakaraṇayoggaṃ. Tenāha ‘‘abhiññāsacchikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ abhiññāsacchikiriyāyā’’ti.
กามํ นีวรณานิ วิกฺขเมฺภตฺวา เอว ปฐมชฺฌานสมธิคโม, วิตกฺกาทิวูปสมา เอว จ ทุติยชฺฌานาทิสมธิคโม, ตถาปิ น ตถา เต เตหิ ทูรีภูตา, อเปตา วา ยถา จตุตฺถชฺฌานโต, ตสฺมา เจตโส มลีนภาวสโงฺขภอุปฺปิลาภาวกเรหิ นีวรณาทีหิ สุฎฺฐุ วิมุตฺติยา ตสฺส ปริสุทฺธิปริโยทาตตา จ วุตฺตาติ อาห ‘‘นีวรณ…เป.… ปริโยทาเต’’ติฯ ฌานปฎิลาภปจฺจนีกานนฺติ เอตฺถ อาจริยธมฺมปาลเตฺถเรน ‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจยาน’’นฺติ ปาฐํ คเหตฺวา ‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจนีกาน’’นฺติ อยํ ปาโฐ ปฎิกฺขิโตฺตฯ วุตฺตญฺหิ เตน –
Kāmaṃ nīvaraṇāni vikkhambhetvā eva paṭhamajjhānasamadhigamo, vitakkādivūpasamā eva ca dutiyajjhānādisamadhigamo, tathāpi na tathā te tehi dūrībhūtā, apetā vā yathā catutthajjhānato, tasmā cetaso malīnabhāvasaṅkhobhauppilābhāvakarehi nīvaraṇādīhi suṭṭhu vimuttiyā tassa parisuddhipariyodātatā ca vuttāti āha ‘‘nīvaraṇa…pe… pariyodāte’’ti. Jhānapaṭilābhapaccanīkānanti ettha ācariyadhammapālattherena ‘‘jhānapaṭilābhapaccayāna’’nti pāṭhaṃ gahetvā ‘‘jhānapaṭilābhapaccanīkāna’’nti ayaṃ pāṭho paṭikkhitto. Vuttañhi tena –
‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจยานนฺติ ฌานปฎิลาภเหตุกานํ ฌานปฎิลาภํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกานํฯ ปาปกานนฺติ ลามกานํฯ อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ‘อโห วต มเมว สตฺถา ปฎิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’ติอาทินยปฺปวตฺตานํ มานมายาสาเฐยฺยาทีนํฯ อภิชฺฌาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทนปิ เตสํเยว สงฺคโหฯ อภิชฺฌา เจตฺถ ปฐมชฺฌาเนน อวิกฺขมฺภเนยฺยา มานาทโย จ ตเทกฎฺฐา ทฎฺฐพฺพา ฌานปฎิลาภปจฺจยานนฺติ อนุวตฺตมานตฺตาฯ วิกฺขมฺภเนยฺยา ปน นีวรณคฺคหเณน คหิตาฯ กถํ ปน ปฐมชฺฌาเนน อวิกฺขมฺภเนยฺยา อิธ วิคจฺฉนฺตีติ? ‘สเพฺพ กุสลา ธมฺมา สพฺพากุสลานํ ปฎิปกฺขา’ติ สเลฺลขปฎิปตฺติวเสน เอวํ วุตฺตํ ฌานสฺส อปรามฎฺฐภาวทสฺสนโตฯ เย ปเนตฺถ ‘อิจฺฉาวจรานํ อภิชฺฌาทีน’นฺติ อิเมหิ ปเทหิ โกปอปฺปจฺจยกามราคพฺยาปาทาทโย คหิตาติ อธิปฺปาเยน ‘ฌานปฎิลาภปจฺจยาน’นฺติ ปาฐํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘ฌานปฎิลาภปจฺจนีกาน’นฺติ ปาโฐติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ตถา ปาฐเสฺสว อภาวโต, ฌานปฎิลาภปจฺจนีกา จ นีวรณา เจว ตเทกฎฺฐา จ, เตสํ ทูรีภาวํ วตฺวา ปุน เตสํเยว อภาววิคมโจทนาย อยุชฺชมานตฺตาฯ นนุ จ อนงฺคณสุตฺตวตฺถสุเตฺตสุ อยมโตฺถ ลพฺภติ โอฬาริกานํเยว ปาปธมฺมานํ ตตฺถ อธิเปฺปตตฺตาติฯ สจฺจเมตํ, อิธ ปน อธิคตจตุตฺถชฺฌานสฺส วเสน วุตฺตตฺตา สุขุมาเยว เต คหิตา, องฺคณุปกฺกิเลสตาสามเญฺญน ปเนตฺถ สุตฺตานํ อปทิสนํฯ ตถา หิ ‘สุตฺตานุสาเรนา’ติ วุตฺตํ, น ปน สุตฺตวเสนา’’ติฯ
‘‘Jhānapaṭilābhapaccayānanti jhānapaṭilābhahetukānaṃ jhānapaṭilābhaṃ nissāya uppajjanakānaṃ. Pāpakānanti lāmakānaṃ. Icchāvacarānanti icchāya avacarānaṃ icchāvasena otiṇṇānaṃ ‘aho vata mameva satthā paṭipucchitvā bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseyyā’tiādinayappavattānaṃ mānamāyāsāṭheyyādīnaṃ. Abhijjhādīnanti ādi-saddenapi tesaṃyeva saṅgaho. Abhijjhā cettha paṭhamajjhānena avikkhambhaneyyā mānādayo ca tadekaṭṭhā daṭṭhabbā jhānapaṭilābhapaccayānanti anuvattamānattā. Vikkhambhaneyyā pana nīvaraṇaggahaṇena gahitā. Kathaṃ pana paṭhamajjhānena avikkhambhaneyyā idha vigacchantīti? ‘Sabbe kusalā dhammā sabbākusalānaṃ paṭipakkhā’ti sallekhapaṭipattivasena evaṃ vuttaṃ jhānassa aparāmaṭṭhabhāvadassanato. Ye panettha ‘icchāvacarānaṃ abhijjhādīna’nti imehi padehi kopaappaccayakāmarāgabyāpādādayo gahitāti adhippāyena ‘jhānapaṭilābhapaccayāna’nti pāṭhaṃ paṭikkhipitvā ‘jhānapaṭilābhapaccanīkāna’nti pāṭhoti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ tathā pāṭhasseva abhāvato, jhānapaṭilābhapaccanīkā ca nīvaraṇā ceva tadekaṭṭhā ca, tesaṃ dūrībhāvaṃ vatvā puna tesaṃyeva abhāvavigamacodanāya ayujjamānattā. Nanu ca anaṅgaṇasuttavatthasuttesu ayamattho labbhati oḷārikānaṃyeva pāpadhammānaṃ tattha adhippetattāti. Saccametaṃ, idha pana adhigatacatutthajjhānassa vasena vuttattā sukhumāyeva te gahitā, aṅgaṇupakkilesatāsāmaññena panettha suttānaṃ apadisanaṃ. Tathā hi ‘suttānusārenā’ti vuttaṃ, na pana suttavasenā’’ti.
อวสฺสเญฺจตเมวํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ อธิคตชฺฌานานมฺปิ เกสญฺจิ อิจฺฉาวจรานํ ปวตฺติสพฺภาวโตติ ฯ เตเนว อาจริยธมฺมปาลเตฺถเรน ‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจยาน’’นฺติ ปาฐํ คเหตฺวา ‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจนีกาน’’นฺติ อยํ ปาโฐ ปฎิกฺขิโตฺตฯ มหาคณฺฐิปเท วิสุทฺธิมคฺคสฺส สีหฬคณฺฐิปเทปิ จ ‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจยาน’’นฺติ อิมเสฺสว ปาฐสฺส อโตฺถ วุโตฺต, ตสฺมา อยเมว ปาโฐ คเหตโพฺพ, อโตฺถปิ เจตฺถ ยถาวุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ เตน ‘‘อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ปวตฺตานํ นานปฺปการานํ โกปอปฺปจฺจยานนฺติ อโตฺถ’’ติ อยมฺปิ ปาโฐ อยุโตฺตเยวาติ คเหตพฺพํ, ตโตเยว จ วิสุทฺธิมเคฺค อยํ ปาโฐ สเพฺพน สพฺพํ น ทสฺสิโตติฯ
Avassañcetamevaṃ sampaṭicchitabbaṃ adhigatajjhānānampi kesañci icchāvacarānaṃ pavattisabbhāvatoti . Teneva ācariyadhammapālattherena ‘‘jhānapaṭilābhapaccayāna’’nti pāṭhaṃ gahetvā ‘‘jhānapaṭilābhapaccanīkāna’’nti ayaṃ pāṭho paṭikkhitto. Mahāgaṇṭhipade visuddhimaggassa sīhaḷagaṇṭhipadepi ca ‘‘jhānapaṭilābhapaccayāna’’nti imasseva pāṭhassa attho vutto, tasmā ayameva pāṭho gahetabbo, atthopi cettha yathāvuttanayeneva veditabbo. Tena ‘‘icchāvacarānanti icchāya avacarānaṃ icchāvasena otiṇṇānaṃ pavattānaṃ nānappakārānaṃ kopaappaccayānanti attho’’ti ayampi pāṭho ayuttoyevāti gahetabbaṃ, tatoyeva ca visuddhimagge ayaṃ pāṭho sabbena sabbaṃ na dassitoti.
อิทฺธิปาทกภาวูปคมเนนาติ อิทฺธิยา ปาทกภาวสฺส ปทฎฺฐานภาวสฺส อุปคมเนนฯ ภาวนาปาริปูริยาติ อิโต ปรํ กตฺตพฺพสฺส อภาววเสน อภินีหารกฺขมภาวนาย ปริปุณฺณตฺตาฯ ปณีตภาวูปคมเนนาติ ตโต เอว ปธานภาวํ นีตตาย อุตฺตมเฎฺฐน อติตฺติกรเฎฺฐน จ ปณีตภาวสฺส อุปคมเนนฯ อุภยเญฺจตํ ภาวนาย ฐิติยา การณวจนํ, ปริปุณฺณาย ภาวนาย ปณีตภาวปฺปตฺติยา ฐิเตติฯ อาเนญฺชปฺปเตฺตติ อิทํ ฐิติยา วิเสสนํฯ เตนาห ‘‘ยถา อาเนญฺชปฺปตฺตํ โหติ, เอวํ ฐิเต’’ติฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข ‘‘ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต’’ติ อุภยเมกํ องฺคํ, ‘‘สมาหิเต’’ติ ปน อิทมฺปิ เอกมงฺคํฯ เตเนวสฺส ปฐมวิกปฺปโต วิเสสํ สนฺธายาห ‘‘เอวมฺปิ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคต’’นฺติฯ
Iddhipādakabhāvūpagamanenāti iddhiyā pādakabhāvassa padaṭṭhānabhāvassa upagamanena. Bhāvanāpāripūriyāti ito paraṃ kattabbassa abhāvavasena abhinīhārakkhamabhāvanāya paripuṇṇattā. Paṇītabhāvūpagamanenāti tato eva padhānabhāvaṃ nītatāya uttamaṭṭhena atittikaraṭṭhena ca paṇītabhāvassa upagamanena. Ubhayañcetaṃ bhāvanāya ṭhitiyā kāraṇavacanaṃ, paripuṇṇāya bhāvanāya paṇītabhāvappattiyā ṭhiteti. Āneñjappatteti idaṃ ṭhitiyā visesanaṃ. Tenāha ‘‘yathā āneñjappattaṃ hoti, evaṃ ṭhite’’ti. Imasmiṃ pakkhe ‘‘ṭhite āneñjappatte’’ti ubhayamekaṃ aṅgaṃ, ‘‘samāhite’’ti pana idampi ekamaṅgaṃ. Tenevassa paṭhamavikappato visesaṃ sandhāyāha ‘‘evampi aṭṭhaṅgasamannāgata’’nti.
ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, ตสฺส วา อนุสฺสรณํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติ ตํนิสฺสยาทิปจฺจยภูตํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนโตฯ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ ญาณํ ตทตฺถายาติ สเงฺขเปน วุตฺตมตฺถํ วิวรโนฺต ปุเพฺพนิวาสํ ตาว ทเสฺสตฺวา ตตฺถ สติญาณานิ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุเพฺพนิวาโส’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘ปุเพฺพ’’ติ อิทํ ปทํ ‘‘เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทิวจนโต อตีตภววิสยํ อิธาธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘อตีตชาตีสู’’ติฯ นิวาสสโทฺท กมฺมสาธโน, ขนฺธวินิมุโตฺต จ นิวสิตธโมฺม นตฺถีติ อาห ‘‘นิวุตฺถกฺขนฺธา’’ติฯ นิวุตฺถตา เจตฺถ สนฺตาเน ปวตฺตตา, ตถาภูตา จ เต อนุ อนุ ภูตา ชาตา ปวตฺตา, ตตฺถ อุปฺปชฺชิตฺวา วิคตา จ โหนฺตีติ อาห ‘‘นิวุตฺถาติ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา’’ติฯ เอวํ สสนฺตติปริยาปนฺนธมฺมวเสน นิวาสสทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ อวิเสเสน วตฺตุํ ‘‘นิวุตฺถธมฺมา วา นิวุตฺถา’’ติ วตฺวา ตํ วิวริตุํ ‘‘โคจรนิวาเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โคจรภูตาปิ หิ โคจราเสวนาย อาเสวิตา อารมฺมณกรณวเสน อนุภูตา นิวุตฺถา นาม โหนฺติฯ เต ปน ทุวิธา สปรวิญฺญาณโคจรตายาติ อุภเยปิ เต ทเสฺสตุํ ‘‘อตฺตโน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘อตฺตโน วิญฺญาเณน วิญฺญาตา’’ติ วตฺวา ‘‘ปริจฺฉินฺนา’’ติ วจนํ เย เต โคจรนิวาเสน นิวุตฺถธมฺมา, น เต เกวลํ วิญฺญาเณน วิญฺญาตมตฺตา, อถ โข ยถา ปุเพฺพ นามโคตฺตวณฺณลิงฺคาหาราทีหิ วิเสเสหิ ปริเจฺฉทการิกาย ปญฺญาย ปริจฺฉิชฺช คหิตา, ตเถเวตํ ญาณํ ปริจฺฉิชฺช คณฺหาตีติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ วุตฺตํฯ ปรวิญฺญาณวิญฺญาตาปิ วา นิวุตฺถาติ สมฺพโนฺธฯ น เกวลํ อตฺตโนว วิญฺญาเณน, อถ โข ปเรสํ วิญฺญาเณน วิญฺญาตาปีติ อโตฺถฯ อิธาปิ ‘‘ปริจฺฉินฺนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ, ปเรสมฺปิ วา วิญฺญาเณน วิญฺญาตา ปริจฺฉินฺนาติฯ ตสฺส จ คหเณ ปโยชนํ วุตฺตนเยเนว วตฺตพฺพํฯ
Pubbenivāsaṃ anussarati, tassa vā anussaraṇaṃ pubbenivāsānussati taṃnissayādipaccayabhūtaṃ paṭicca uppajjanato. Pubbenivāsānussatimhi yaṃ ñāṇaṃtadatthāyāti saṅkhepena vuttamatthaṃ vivaranto pubbenivāsaṃ tāva dassetvā tattha satiñāṇāni dassetuṃ ‘‘pubbenivāso’’tiādimāha. Tattha ‘‘pubbe’’ti idaṃ padaṃ ‘‘ekampi jāti’’ntiādivacanato atītabhavavisayaṃ idhādhippetanti āha ‘‘atītajātīsū’’ti. Nivāsasaddo kammasādhano, khandhavinimutto ca nivasitadhammo natthīti āha ‘‘nivutthakkhandhā’’ti. Nivutthatā cettha santāne pavattatā, tathābhūtā ca te anu anu bhūtā jātā pavattā, tattha uppajjitvā vigatā ca hontīti āha ‘‘nivutthāti ajjhāvutthā anubhūtā attano santāne uppajjitvā niruddhā’’ti. Evaṃ sasantatipariyāpannadhammavasena nivāsasaddassa atthaṃ vatvā idāni avisesena vattuṃ ‘‘nivutthadhammā vā nivutthā’’ti vatvā taṃ vivarituṃ ‘‘gocaranivāsenā’’tiādi vuttaṃ. Gocarabhūtāpi hi gocarāsevanāya āsevitā ārammaṇakaraṇavasena anubhūtā nivutthā nāma honti. Te pana duvidhā saparaviññāṇagocaratāyāti ubhayepi te dassetuṃ ‘‘attano’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘attano viññāṇena viññātā’’ti vatvā ‘‘paricchinnā’’ti vacanaṃ ye te gocaranivāsena nivutthadhammā, na te kevalaṃ viññāṇena viññātamattā, atha kho yathā pubbe nāmagottavaṇṇaliṅgāhārādīhi visesehi paricchedakārikāya paññāya paricchijja gahitā, tathevetaṃ ñāṇaṃ paricchijja gaṇhātīti imassa atthassa dīpanatthaṃ vuttaṃ. Paraviññāṇaviññātāpi vā nivutthāti sambandho. Na kevalaṃ attanova viññāṇena, atha kho paresaṃ viññāṇena viññātāpīti attho. Idhāpi ‘‘paricchinnā’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ, paresampi vā viññāṇena viññātā paricchinnāti. Tassa ca gahaṇe payojanaṃ vuttanayeneva vattabbaṃ.
เต จ โข ยสฺมา อตีตาสุ เอว ชาตีสุ อเญฺญหิ วิญฺญาตา ปริจฺฉินฺนา, เต จ ปรินิพฺพุตาปิ โหนฺติ, เยหิ เต วิญฺญาตา, เตสํ ตทา วตฺตมานสนฺตานานุสาเรน เตสมฺปิ อตีเต ปวตฺติ วิญฺญายตีติ สิขาปฺปตฺตํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส วิสยภูตํ ปุเพฺพนิวาสํ ทเสฺสตุํ ‘‘ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณาทีสู’’ติ วุตฺตํฯ ฉินฺนวฎุมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ อนุสฺสรณํ ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณํฯ ‘‘อาทิสเทฺทน ปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวกานุสฺสรณานิ คยฺหนฺตี’’ติ เกจิ วทนฺติฯ ฉินฺนวฎุมกา ปน สเพฺพว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตา ฉินฺนสํสารมคฺคตฺตา, เตสํ อนุสฺสรณํ นาม เตสํ ปฎิปตฺติยา อนุสฺสรณํฯ สา ปน ปฎิปตฺติ สเงฺขปโต ฉฬารมฺมณคฺคหณลกฺขณาติ ตานิ อิธ ปรวิญฺญาณวิญฺญาตคฺคหเณน คหิตานิฯ ตสฺมา ปุริมาสุ ชาตีสุ อตฺตโน วิญฺญาเณน อวิญฺญาตานํ ปรินิพฺพุตานํ สเพฺพสมฺปิ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกานํ อนุสฺสรณํ ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณนฺติ เวทิตพฺพํฯ อาทิ-สเทฺทน ปเนตฺถ ปุริมาสุ ชาตีสุ อตฺตโน วิญฺญาเณน อวิญฺญาตานํ อปรินิพฺพุตานมฺปิ วตฺตมานกฺขนฺธปฎิปาฎิยา อคนฺตฺวา สีโหกฺกนฺติกวเสน อนุสฺสรณํ คหิตํ, อิเม ปน ยถาวุตฺตฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณาทโย พุทฺธานํเยว ลพฺภนฺติฯ น หิ อตีเต พุทฺธา ภควโนฺต เอวํ วิปสฺสิํสุ, เอวํ มคฺคํ ภาเวสุํ, ผลนิพฺพานานิ สจฺฉากํสุ, เอวํ เวเนเยฺย วิเนสุนฺติ เอตฺถ สพฺพถา อเญฺญสํ ญาณสฺส คติ อตฺถีติฯ เย ปน ปุริมาสุ ชาตีสุ อตฺตโนว วิญฺญาเณน วิญฺญาตา, เต ปรินิพฺพุเตปิ ขนฺธปฎิพทฺธตฺตา สาวกา อนุสฺสรนฺติเยวฯ ยาย สติยา ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุเพฺพนิวาสานุสฺสตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อภินีหรินฺติ จิตฺตํ ฌานารมฺมณโต อปเนตฺวา ปุเพฺพนิวาสาภิมุขํ เปเสสิํ, ปุเพฺพนิวาสนินฺนํ ปุเพฺพนิวาสโปณํ ปุเพฺพนิวาสปพฺภารํ อกาสินฺติ อโตฺถฯ
Te ca kho yasmā atītāsu eva jātīsu aññehi viññātā paricchinnā, te ca parinibbutāpi honti, yehi te viññātā, tesaṃ tadā vattamānasantānānusārena tesampi atīte pavatti viññāyatīti sikhāppattaṃ pubbenivāsānussatiñāṇassa visayabhūtaṃ pubbenivāsaṃ dassetuṃ ‘‘chinnavaṭumakānussaraṇādīsū’’ti vuttaṃ. Chinnavaṭumakā sammāsambuddhā, tesaṃ anussaraṇaṃ chinnavaṭumakānussaraṇaṃ. ‘‘Ādisaddena paccekabuddhabuddhasāvakānussaraṇāni gayhantī’’ti keci vadanti. Chinnavaṭumakā pana sabbeva anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbutā chinnasaṃsāramaggattā, tesaṃ anussaraṇaṃ nāma tesaṃ paṭipattiyā anussaraṇaṃ. Sā pana paṭipatti saṅkhepato chaḷārammaṇaggahaṇalakkhaṇāti tāni idha paraviññāṇaviññātaggahaṇena gahitāni. Tasmā purimāsu jātīsu attano viññāṇena aviññātānaṃ parinibbutānaṃ sabbesampi buddhapaccekabuddhasāvakānaṃ anussaraṇaṃ chinnavaṭumakānussaraṇanti veditabbaṃ. Ādi-saddena panettha purimāsu jātīsu attano viññāṇena aviññātānaṃ aparinibbutānampi vattamānakkhandhapaṭipāṭiyā agantvā sīhokkantikavasena anussaraṇaṃ gahitaṃ, ime pana yathāvuttachinnavaṭumakānussaraṇādayo buddhānaṃyeva labbhanti. Na hi atīte buddhā bhagavanto evaṃ vipassiṃsu, evaṃ maggaṃ bhāvesuṃ, phalanibbānāni sacchākaṃsu, evaṃ veneyye vinesunti ettha sabbathā aññesaṃ ñāṇassa gati atthīti. Ye pana purimāsu jātīsu attanova viññāṇena viññātā, te parinibbutepi khandhapaṭibaddhattā sāvakā anussarantiyeva. Yāya satiyā pubbenivāsaṃ anussarati, sā pubbenivāsānussatīti ānetvā sambandhitabbaṃ. Abhinīharinti cittaṃ jhānārammaṇato apanetvā pubbenivāsābhimukhaṃ pesesiṃ, pubbenivāsaninnaṃ pubbenivāsapoṇaṃ pubbenivāsapabbhāraṃ akāsinti attho.
ปาฬิยํ ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ อุตฺตมปุริสปฺปโยคตฺตา ‘‘โส’’ติ เอตฺถ อหํสโทฺท อาเนตฺวา วุจฺจมาโน ตทโตฺถ ปากโฎ โหตีติ ‘‘โส อห’’นฺติ วุตฺตํฯ อเนกวิธนฺติ นานาภวโยนิคติวิญฺญาณฎฺฐิติสตฺตาวาสาทิวเสน พหุวิธํฯ ปกาเรหีติ นามโคตฺตาทิอากาเรหิ สทฺธิํฯ สหโยเค เจตํ กรณวจนํฯ ปวตฺติตนฺติ เทสนาวเสน ปวตฺติตํฯ เตนาห ‘‘สํวณฺณิต’’นฺติ, วิตฺถาริตนฺติ อโตฺถฯ นิวาสนฺติ อโนฺตคธเภทสามญฺญวจนเมตนฺติ เต เภเท พฺยาปนิจฺฉาวเสน สงฺคเหตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตาน’’นฺติ อาหฯ อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวาติ ญาณคติยา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวาฯ อนุเทวาติ อนุ เอว, ท-กาโร ปทสนฺธิวเสน อาคโตฯ ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ วตฺวา ‘‘อนุสฺสรามี’’ติ วุตฺตตฺตา จิตฺตสฺส อภินีหารสมนนฺตรภาวสรณํ อนุสโทฺท ทีเปตีติ อาห ‘‘จิเตฺต อภินินฺนามิตมเตฺต เอว สรามีติ ทเสฺสตี’’ติฯ ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยาติ ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสริตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน ภิกฺขุนา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกเนฺตน รโหคเตน ปฎิสลฺลีเนน ปฎิปาฎิยา จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา อภิญฺญาปาทกจตุตฺถชฺฌานโต วุฎฺฐาย สพฺพปจฺฉิมา นิสชฺชา อาวชฺชิตพฺพา’’ติ เอวมาทินา ปุเพฺพนิวาสญาณสฺส ปริกมฺมภูตํ ปุพฺพกรณํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยฯ
Pāḷiyaṃ ‘‘abhininnāmesi’’nti uttamapurisappayogattā ‘‘so’’ti ettha ahaṃsaddo ānetvā vuccamāno tadattho pākaṭo hotīti ‘‘so aha’’nti vuttaṃ. Anekavidhanti nānābhavayonigativiññāṇaṭṭhitisattāvāsādivasena bahuvidhaṃ. Pakārehīti nāmagottādiākārehi saddhiṃ. Sahayoge cetaṃ karaṇavacanaṃ. Pavattitanti desanāvasena pavattitaṃ. Tenāha ‘‘saṃvaṇṇita’’nti, vitthāritanti attho. Nivāsanti antogadhabhedasāmaññavacanametanti te bhede byāpanicchāvasena saṅgahetvā dassento ‘‘tattha tattha nivutthasantāna’’nti āha. Anugantvā anugantvāti ñāṇagatiyā anugantvā anugantvā. Anudevāti anu eva, da-kāro padasandhivasena āgato. ‘‘Abhininnāmesi’’nti vatvā ‘‘anussarāmī’’ti vuttattā cittassa abhinīhārasamanantarabhāvasaraṇaṃ anusaddo dīpetīti āha ‘‘citte abhininnāmitamatte eva sarāmīti dassetī’’ti. Parikammaṃ vattabbaṃ siyāti ‘‘pubbenivāsaṃ anussaritukāmena ādikammikena bhikkhunā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantena rahogatena paṭisallīnena paṭipāṭiyā cattāri jhānāni samāpajjitvā abhiññāpādakacatutthajjhānato vuṭṭhāya sabbapacchimā nisajjā āvajjitabbā’’ti evamādinā pubbenivāsañāṇassa parikammabhūtaṃ pubbakaraṇaṃ vattabbaṃ bhaveyya.
อารทฺธปฺปการทสฺสนเตฺถติ อนุสฺสริตุํ อารทฺธสฺส ปุเพฺพนิวาสสฺส ปเภททสฺสนเตฺถฯ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ภวํฯ โส หิ เอกกมฺมนิพฺพโตฺต อาทานนิเกฺขปปริจฺฉิโนฺน อโนฺตคธธมฺมปฺปเภโท ขนฺธปฺปพโนฺธ อิธ ‘‘ชาตี’’ติ อธิเปฺปโต ชายตีติ ชาตีติ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘เอกมฺปิ…เป.… ขนฺธสนฺตาน’’นฺติฯ ปริหายมาโนติ ขียมาโน วินสฺสมาโนฯ กโปฺปติ อสเงฺขฺยยฺยกโปฺปฯ โส ปน อตฺถโต กาโล, ตทา ปวตฺตมานสงฺขารวเสนสฺส ปริหานิ เวทิตพฺพาฯ วฑฺฒมาโน วิวฎฺฎกโปฺปติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ โย ปน ‘‘กาลํ เขเปติ, กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) อาทีสุ กาลสฺสปิ ขโย วุจฺจติ, โส อิธ นาธิเปฺปโต อนิฎฺฐปฺปสงฺคโตฯ สํวฎฺฎนํ วินสฺสนํ สํวโฎฺฎ, สํวฎฺฎโต อุทฺธํ ตถาฐายี สํวฎฺฎฎฺฐายีฯ ตมฺมูลกตฺตาติ ตํปุพฺพกตฺตาฯ วิวฎฺฎนํ นิพฺพตฺตนํ, วฑฺฒนํ วา วิวโฎฺฎฯ
Āraddhappakāradassanattheti anussarituṃ āraddhassa pubbenivāsassa pabhedadassanatthe. Ekampi jātinti ekampi bhavaṃ. So hi ekakammanibbatto ādānanikkhepaparicchinno antogadhadhammappabhedo khandhappabandho idha ‘‘jātī’’ti adhippeto jāyatīti jātīti katvā. Tenāha ‘‘ekampi…pe… khandhasantāna’’nti. Parihāyamānoti khīyamāno vinassamāno. Kappoti asaṅkhyeyyakappo. So pana atthato kālo, tadā pavattamānasaṅkhāravasenassa parihāni veditabbā. Vaḍḍhamāno vivaṭṭakappoti etthāpi eseva nayo. Yo pana ‘‘kālaṃ khepeti, kālo ghasati bhūtāni, sabbāneva sahattanā’’ti (jā. 1.2.190) ādīsu kālassapi khayo vuccati, so idha nādhippeto aniṭṭhappasaṅgato. Saṃvaṭṭanaṃ vinassanaṃ saṃvaṭṭo, saṃvaṭṭato uddhaṃ tathāṭhāyī saṃvaṭṭaṭṭhāyī. Tammūlakattāti taṃpubbakattā. Vivaṭṭanaṃ nibbattanaṃ, vaḍḍhanaṃ vā vivaṭṭo.
เตเชน สํวโฎฺฎ เตโชสํวโฎฺฎฯ สํวฎฺฎสีมาติ สํวฎฺฎนมริยาทาฯ สํวฎฺฎตีติ วินสฺสติฯ สทาติ สพฺพกาลํ, ตีสุปิ สํวฎฺฎกาเลสูติ อโตฺถฯ เอกํ พุทฺธเกฺขตฺตนฺติ อิธ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘พุทฺธเกฺขตฺตํ นาม ติวิธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ยตฺตเก ฐาเน ตถาคตสฺส ปฎิสนฺธิญาณาทิญาณานุภาโว ปุญฺญผลสมุเตฺตชิโต สรเสเนว ปริชมฺภติ, ตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธงฺกุรสฺส นิพฺพตฺตนเกฺขตฺตํ นามาติ อาห ‘‘ชาติเกฺขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺต’’นฺติฯ อานุภาโว ปวตฺตตีติ อิธ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต อาณาเกฺขตฺตปริยาปเนฺน ยตฺถ กตฺถจิ จกฺกวาเฬ ฐตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปริตฺตํ กตฺวา ตเตฺถว อญฺญํ จกฺกวาฬํ คโตปิ กตปริโตฺต เอว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อถ วา ตตฺถ เอกสฺมิํ จกฺกวาเฬ ฐตฺวา สพฺพสตฺตานํ อตฺถาย ปริเตฺต กเต อาณาเกฺขเตฺต สพฺพสตฺตานํ อภิสมฺภุณาเตฺวว ปริตฺตานุภาโว ตตฺถ เทวตาหิ ปริตฺตานํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพโตติ วุตฺตํ ‘‘อานุภาโว ปวตฺตตี’’ติฯ ยํ ยาวตา วา ปน อากเงฺขยฺยาติ วุตฺตนฺติ ยํ วิสยเกฺขตฺตํ สนฺธาย เอกสฺมิํเยว ขเณ สเรน อภิวิญฺญาปนํ อตฺตโน รูปทสฺสนญฺจ ปฎิชานเนฺตน ภควตา ‘‘ยาวตา วา ปน อากเงฺขยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ ปเทเส อนนฺตาปริมาเณ วิสยเกฺขเตฺตฯ ยํ ยํ อากงฺขติ, ตํ ตํ อนุสฺสรตีติ อากงฺขมตฺตปฎิพทฺธวุตฺติตาย พุทฺธญาณสฺส ยํ ยํ อนุสฺสริตุํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อนุสฺสรติฯ เอกํ อาณาเกฺขตฺตํ วินสฺสตีติ อิมินา ติริยโต สํวฎฺฎมานปริเจฺฉโท วุโตฺตฯ สณฺฐหนฺตนฺติ วิวฎฺฎมานํ ชายมานํฯ ตสฺส วินาโส จ สณฺฐหนญฺจ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนฺติ อเมฺหหิปิ เหฎฺฐา ‘‘โลกวิทู’’ติ อิมสฺส อตฺถสํวณฺณนาธิกาเร ปสงฺคโต วุตฺตตฺตา อิธ น วุจฺจติฯ
Tejena saṃvaṭṭo tejosaṃvaṭṭo. Saṃvaṭṭasīmāti saṃvaṭṭanamariyādā. Saṃvaṭṭatīti vinassati. Sadāti sabbakālaṃ, tīsupi saṃvaṭṭakālesūti attho. Ekaṃ buddhakkhettanti idha yaṃ sandhāya vuttaṃ, taṃ niyametvā dassetuṃ ‘‘buddhakkhettaṃ nāma tividha’’ntiādi vuttaṃ. Yattake ṭhāne tathāgatassa paṭisandhiñāṇādiñāṇānubhāvo puññaphalasamuttejito saraseneva parijambhati, taṃ sabbampi buddhaṅkurassa nibbattanakkhettaṃ nāmāti āha ‘‘jātikkhettaṃ dasasahassacakkavāḷapariyanta’’nti. Ānubhāvo pavattatīti idha iddhimā cetovasippatto āṇākkhettapariyāpanne yattha katthaci cakkavāḷe ṭhatvā attano atthāya parittaṃ katvā tattheva aññaṃ cakkavāḷaṃ gatopi kataparitto eva hotīti katvā vuttaṃ. Atha vā tattha ekasmiṃ cakkavāḷe ṭhatvā sabbasattānaṃ atthāya paritte kate āṇākkhette sabbasattānaṃ abhisambhuṇātveva parittānubhāvo tattha devatāhi parittānaṃ sampaṭicchitabbatoti vuttaṃ ‘‘ānubhāvo pavattatī’’ti. Yaṃ yāvatā vā pana ākaṅkheyyāti vuttanti yaṃ visayakkhettaṃ sandhāya ekasmiṃyeva khaṇe sarena abhiviññāpanaṃ attano rūpadassanañca paṭijānantena bhagavatā ‘‘yāvatā vā pana ākaṅkheyyā’’ti vuttaṃ. Yatthāti yasmiṃ padese anantāparimāṇe visayakkhette. Yaṃ yaṃ ākaṅkhati, taṃ taṃ anussaratīti ākaṅkhamattapaṭibaddhavuttitāya buddhañāṇassa yaṃ yaṃ anussarituṃ icchati, taṃ taṃ anussarati. Ekaṃ āṇākkhettaṃ vinassatīti iminā tiriyato saṃvaṭṭamānaparicchedo vutto. Saṇṭhahantanti vivaṭṭamānaṃ jāyamānaṃ. Tassa vināso ca saṇṭhahanañca visuddhimagge vuttanti amhehipi heṭṭhā ‘‘lokavidū’’ti imassa atthasaṃvaṇṇanādhikāre pasaṅgato vuttattā idha na vuccati.
เอวํ ปสเงฺคน สํวฎฺฎาทิเก ปกาเสตฺวา อิทานิ ยถาธิคตํ เตสํ อนุสฺสรณาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘เย ปเนเต สํวฎฺฎวิวฎฺฎา วุตฺตา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอเตสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกปฺปสมุทายโต อเนเกสํ สํวฎฺฎกปฺปาทีนํ นิทฺธาริยมานตฺตาฯ อมุมฺหิ สํวฎฺฎกเปฺปติ เอตฺถ วา-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ ทฎฺฐโพฺพฯ เตน จ อนิยมเตฺถน อิตราสํ อสเงฺขฺยยฺยานมฺปิ สงฺคโห สิโทฺธติฯ อถ วา อมุมฺหิ สํวฎฺฎกเปฺปติ อิทํ สํวฎฺฎกปฺปสฺส อาทิโต ปาฬิยํ คหิตตฺตา วุตฺตํฯ ตตฺถาปิ หิ อิมสฺส กติปยกาลํ ภวาทีสุ สํสรณํ อุปลพฺภตีติฯ สํวฎฺฎกเปฺป วา วตฺตมาเน เยสุ ภวาทีสุ อิมสฺส อุปปตฺติ อโหสิ, ตํทสฺสนเมตํ ทฎฺฐพฺพํฯ ภเว วาติอาทีสุ กามาทิภเว วา อณฺฑชาทิโยนิยา วา เทวาทิคติยา วา นานตฺตกายนานตฺตสญฺญีอาทิวิญฺญาณฎฺฐิติยา วา สตฺตาวาเส วา ขตฺติยาทิสตฺตนิกาเย วาฯ ยสฺมา อิทํ ภควโต วเสน ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ อาคตํ, ตสฺมา ตเสฺสว นามาทิวเสน อตฺถํ โยเชตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอวํนาโมติ เวสฺสนฺตโร วา โชติปาโล วา’’ติอาทิฯ สาลิมํโสทนาหาโร วาติ คิหิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปวตฺตผลโภชโน วาติ ตาปสาทิกาลํ สนฺธายฯ ปวตฺตผลโภชโนติ สยมฺปติตผลาหาโรฯ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานนฺติ เอตฺถ สามิสา เคหสฺสิตโสมนสฺสาทโย, นิรามิสา เนกฺขมฺมสฺสิตโสมนสฺสาทโยฯ อาทิ-สเทฺทน วิเวกชสมาธิชสุขาทีนํ สงฺคโหฯ
Evaṃ pasaṅgena saṃvaṭṭādike pakāsetvā idāni yathādhigataṃ tesaṃ anussaraṇākāraṃ dassetuṃ ‘‘ye panete saṃvaṭṭavivaṭṭā vuttā’’tiādimāha. Tattha etesūti niddhāraṇe bhummaṃ saṃvaṭṭavivaṭṭakappasamudāyato anekesaṃ saṃvaṭṭakappādīnaṃ niddhāriyamānattā. Amumhi saṃvaṭṭakappeti ettha vā-saddo luttaniddiṭṭho daṭṭhabbo. Tena ca aniyamatthena itarāsaṃ asaṅkhyeyyānampi saṅgaho siddhoti. Atha vā amumhi saṃvaṭṭakappeti idaṃ saṃvaṭṭakappassa ādito pāḷiyaṃ gahitattā vuttaṃ. Tatthāpi hi imassa katipayakālaṃ bhavādīsu saṃsaraṇaṃ upalabbhatīti. Saṃvaṭṭakappe vā vattamāne yesu bhavādīsu imassa upapatti ahosi, taṃdassanametaṃ daṭṭhabbaṃ. Bhave vātiādīsu kāmādibhave vā aṇḍajādiyoniyā vā devādigatiyā vā nānattakāyanānattasaññīādiviññāṇaṭṭhitiyā vā sattāvāse vā khattiyādisattanikāye vā. Yasmā idaṃ bhagavato vasena pubbenivāsānussatiñāṇaṃ āgataṃ, tasmā tasseva nāmādivasena atthaṃ yojetvā dassento āha ‘‘evaṃnāmoti vessantaro vā jotipālo vā’’tiādi. Sālimaṃsodanāhāro vāti gihikālaṃ sandhāya vuttaṃ. Pavattaphalabhojano vāti tāpasādikālaṃ sandhāya. Pavattaphalabhojanoti sayampatitaphalāhāro. Sāmisanirāmisādippabhedānanti ettha sāmisā gehassitasomanassādayo, nirāmisā nekkhammassitasomanassādayo. Ādi-saddena vivekajasamādhijasukhādīnaṃ saṅgaho.
เหฎฺฐา สามญฺญโต วุตฺตเมวตฺถํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุกาโม ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ สามญฺญนิเทฺทโสยํ, พฺยาปนิจฺฉาโลโป วา, อมุตฺร อมุตฺร อาสินฺติ วุตฺตํ โหติฯ อนุปุเพฺพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ อนุสฺสรณนฺติ เอตฺถ อาโรหนฺตสฺสาติ ปฎิโลมโต ญาเณน ปุเพฺพนิวาสํ อาโรหนฺตสฺสฯ ปฎินิวตฺตนฺตสฺสาติ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรณวเสน ยาวทิจฺฉกํ คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺตสฺสฯ ปจฺจเวกฺขณนฺติ อนุสฺสริตานุสฺสริตสฺส ปจฺจเวกฺขณํฯ ตสฺมาติ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส การณภาเวน ปจฺจามสนํ, ปฎินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณภาวโตติ วุตฺตํ โหติฯ อิธูปปตฺติยาติ อิธ จริมภเว อุปปตฺติยาฯ อนนฺตรนฺติ อตีตานนฺตรมาหฯ อมุตฺราติ อมุกสฺมิํ ภเวติ อโตฺถฯ อุทปาทินฺติ อุปฺปชฺชิํฯ ตาหิ เทวตาหีติ ตุสิตเทวตาหิฯ เอกโคโตฺตติ ตุสิตโคเตฺตน เอกโคโตฺตฯ มหาโพธิสตฺตานํ สนฺตานสฺส ปริโยสานาวตฺถายํ เทวโลกูปปตฺติชนกํ นาม อกุสเลน กมฺมุนา อนุปทฺทุตเมว โหตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํฯ มหาปุญฺญานมฺปิ ปน เทวปุตฺตานํ ปุพฺพนิมิตฺตุปฺปตฺติกาลาทีสุ อนิฎฺฐารมฺมณสมาโยโค โหติเยวาติ ‘‘กทาจิ ทุกฺขทุกฺขสฺสปิ สมฺภโว นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, ธมฺมานํ อุปฺปาทนิโรธสงฺขารทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํฯ สตฺตปญฺญาส…เป.… ปริยโนฺตติ อิทํ มนุสฺสวสฺสคณนาวเสน วุตฺตํฯ ตตฺถ เทวานํ วสฺสคณนาย ปน จตุสหสฺสเมวฯ
Heṭṭhā sāmaññato vuttamevatthaṃ vibhajitvā dassetukāmo ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tattha amutrāsinti sāmaññaniddesoyaṃ, byāpanicchālopo vā, amutra amutra āsinti vuttaṃ hoti. Anupubbena ārohantassa yāvadicchakaṃ anussaraṇanti ettha ārohantassāti paṭilomato ñāṇena pubbenivāsaṃ ārohantassa. Paṭinivattantassāti pubbenivāsaṃ anussaraṇavasena yāvadicchakaṃ gantvā paccāgacchantassa. Paccavekkhaṇanti anussaritānussaritassa paccavekkhaṇaṃ. Tasmāti vuttassevatthassa kāraṇabhāvena paccāmasanaṃ, paṭinivattantassa paccavekkhaṇabhāvatoti vuttaṃ hoti. Idhūpapattiyāti idha carimabhave upapattiyā. Anantaranti atītānantaramāha. Amutrāti amukasmiṃ bhaveti attho. Udapādinti uppajjiṃ. Tāhi devatāhīti tusitadevatāhi. Ekagottoti tusitagottena ekagotto. Mahābodhisattānaṃ santānassa pariyosānāvatthāyaṃ devalokūpapattijanakaṃ nāma akusalena kammunā anupaddutameva hotīti adhippāyena ‘‘dukkhaṃ pana saṅkhāradukkhamattamevā’’ti vuttaṃ. Mahāpuññānampi pana devaputtānaṃ pubbanimittuppattikālādīsu aniṭṭhārammaṇasamāyogo hotiyevāti ‘‘kadāci dukkhadukkhassapi sambhavo natthī’’ti na sakkā vattuṃ, dhammānaṃ uppādanirodhasaṅkhāradukkhanti veditabbaṃ. Sattapaññāsa…pe… pariyantoti idaṃ manussavassagaṇanāvasena vuttaṃ. Tattha devānaṃ vassagaṇanāya pana catusahassameva.
อิตีติ วุตฺตตฺถนิทสฺสนเมตํ, ตญฺจ โข ยถารหโต, น ยถานุปุพฺพโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นามโคตฺตวเสนา’’ติอาทิมาหฯ อุทฺทิสียตีติ ทิสฺวาว อวิเญฺญยฺยตฺตา ‘‘อยํ โก นาโม’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘ติโสฺส โคตโม’’ติ นามโคเตฺตน อุทฺทิสียติฯ วณฺณาทีหีติ วณฺณาหารเวทยิตายุปริเจฺฉเทหิฯ สาโมตีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วาฯ เตน เอวมาทิเอวํปการนานตฺตโตติ ทสฺสิตํ โหติฯ นามโคตฺตํ อุเทฺทโสติ อุทฺทิสียติ สโตฺต เอเตนาติ อุเทฺทโส นามโคตฺตํฯ อิตเร อาการาติ อากรียติ ทิสฺวาว สโตฺต วิญฺญายติ เอเตหีติ อิตเร วณฺณาทโย อาการาฯ ‘‘โน จ โข อวิเสเสนา’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรน ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ติตฺถิยา หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ติตฺถิยาติ อญฺญติตฺถิยาฯ เต ปน กมฺมวาทิโน กิริยวาทิโน ตาปสาทโยฯ ยสฺมา ติตฺถิยานํ พฺรหฺมชาลาทีสุ จตฺตาลีสาย เอว สํวฎฺฎวิวฎฺฎานํ อนุสฺสรณํ อาคตํ, ตสฺมา ‘‘น ตโต ปร’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ การณํ วทโนฺต ‘‘ทุพฺพลปญฺญตฺตา’’ติอาทิมาหฯ เตน วิปสฺสนาภิโยโค ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส วิเสสการณนฺติ ทเสฺสติฯ ตโตเยว จ พลวปญฺญตฺตา ฐเปตฺวา อคฺคสาวกมหาสาวเก อิตเร ปกติสาวกา กปฺปสตมฺปิ กปฺปสหสฺสมฺปิ อนุสฺสรนฺติเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนว วุตฺตํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒) ‘‘ปกติสาวกา กปฺปสตมฺปิ กปฺปสหสฺสมฺปิ อนุสฺสรนฺติเยว พลวปญฺญตฺตา’’ติฯ เอตฺตโก หิ เตสํ อภินีหาโรติ กปฺปานํ สตสหสฺสมฺปิ ตทธิกํ เอกํ เทฺว จ อสเงฺขฺยยฺยานีติ กาลวเสน เอวํปริมาโณ ยถากฺกมํ เตสํ มหาสาวกอคฺคสาวกปเจฺจกพุทฺธานํ ปุญฺญญาณาภินีหาโร, สาวกปเจฺจกโพธิปารมิตา สิทฺธาฯ ยทิ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาลปริจฺฉิโนฺน เตสํ เตสํ อริยานํ อภิญฺญาญาณวิภโว, เอวํ สเนฺต พุทฺธานมฺปิสฺส ปริเจฺฉทตา อาปนฺนาติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน ปริเจฺฉโท นตฺถี’’ติฯ ‘‘ยาวตกํ เญยฺยํ, ตาวตกํ ญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๓.๕) วจนโต สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส วิย พุทฺธานํ อภิญฺญาญาณานมฺปิ สวิสเย ปริเจฺฉโท นาม นตฺถีติ ตตฺถ ยํ ยํ ญาตุํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ตํ ชานนฺติ เอวฯ อถ วา สติปิ กาลปริเจฺฉเท การณูปายโกสลฺลปริคฺคหาทินา สาติสยตฺตา มหาโพธิสมฺภารานํ ปญฺญาปารมิตาย ปวตฺติอานุภาวสฺส ปริเจฺฉโท นาม นตฺถิ, กุโต ตํนิพฺพตฺตานํ อภิญฺญาญาณานนฺติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน ปริเจฺฉโท นตฺถี’’ติฯ อตีเต ‘‘เอตฺตกานํ กปฺปานํ อสเงฺขฺยยฺยานี’’ติ เอวํ กาลปริเจฺฉโท นตฺถิ อนาคเต อนาคตํสญาณสฺส วิยฯ เตนาห ‘‘ยาว อิจฺฉนฺติ ตาว สรนฺตี’’ติฯ
Itīti vuttatthanidassanametaṃ, tañca kho yathārahato, na yathānupubbatoti dassento ‘‘nāmagottavasenā’’tiādimāha. Uddisīyatīti disvāva aviññeyyattā ‘‘ayaṃ ko nāmo’’ti pucchite ‘‘tisso gotamo’’ti nāmagottena uddisīyati. Vaṇṇādīhīti vaṇṇāhāravedayitāyuparicchedehi. Sāmotīti ettha iti-saddo ādiattho, pakārattho vā. Tena evamādievaṃpakāranānattatoti dassitaṃ hoti. Nāmagottaṃ uddesoti uddisīyati satto etenāti uddeso nāmagottaṃ. Itare ākārāti ākarīyati disvāva satto viññāyati etehīti itare vaṇṇādayo ākārā. ‘‘No ca kho avisesenā’’ti saṅkhepato vuttamevatthaṃ vitthārena dassento āha ‘‘titthiyā hī’’tiādi. Tattha titthiyāti aññatitthiyā. Te pana kammavādino kiriyavādino tāpasādayo. Yasmā titthiyānaṃ brahmajālādīsu cattālīsāya eva saṃvaṭṭavivaṭṭānaṃ anussaraṇaṃ āgataṃ, tasmā ‘‘na tato para’’nti vatvā tattha kāraṇaṃ vadanto ‘‘dubbalapaññattā’’tiādimāha. Tena vipassanābhiyogo pubbenivāsānussatiñāṇassa visesakāraṇanti dasseti. Tatoyeva ca balavapaññattā ṭhapetvā aggasāvakamahāsāvake itare pakatisāvakā kappasatampi kappasahassampi anussarantiyevāti daṭṭhabbaṃ. Teneva vuttaṃ visuddhimagge (visuddhi. 2.402) ‘‘pakatisāvakā kappasatampi kappasahassampi anussarantiyeva balavapaññattā’’ti. Ettako hi tesaṃ abhinīhāroti kappānaṃ satasahassampi tadadhikaṃ ekaṃ dve ca asaṅkhyeyyānīti kālavasena evaṃparimāṇo yathākkamaṃ tesaṃ mahāsāvakaaggasāvakapaccekabuddhānaṃ puññañāṇābhinīhāro, sāvakapaccekabodhipāramitā siddhā. Yadi bodhisambhārasambharaṇakālaparicchinno tesaṃ tesaṃ ariyānaṃ abhiññāñāṇavibhavo, evaṃ sante buddhānampissa paricchedatā āpannāti āha ‘‘buddhānaṃ pana paricchedo natthī’’ti. ‘‘Yāvatakaṃ ñeyyaṃ, tāvatakaṃ ñāṇa’’nti (paṭi. ma. 3.5) vacanato sabbaññutaññāṇassa viya buddhānaṃ abhiññāñāṇānampi savisaye paricchedo nāma natthīti tattha yaṃ yaṃ ñātuṃ icchanti, taṃ taṃ jānanti eva. Atha vā satipi kālaparicchede kāraṇūpāyakosallapariggahādinā sātisayattā mahābodhisambhārānaṃ paññāpāramitāya pavattiānubhāvassa paricchedo nāma natthi, kuto taṃnibbattānaṃ abhiññāñāṇānanti āha ‘‘buddhānaṃ pana paricchedo natthī’’ti. Atīte ‘‘ettakānaṃ kappānaṃ asaṅkhyeyyānī’’ti evaṃ kālaparicchedo natthi anāgate anāgataṃsañāṇassa viya. Tenāha ‘‘yāva icchanti tāva sarantī’’ti.
เอวํ ปญฺจนฺนํ ชนานํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสรณํ กาลวิภาคโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ อารมฺมณคฺคหณวเสนสฺส ปวตฺติวิเสสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ติตฺถิยา จา’’ติอาทิมาหฯ ขนฺธปฎิปาฎิเมว สรนฺตีติ เอตฺถ ขนฺธปฎิปาฎิ ขนฺธานํ อนุกฺกโม, สา จ โข จุติโต ปฎฺฐาย อุปฺปฎิปาฎิวเสนฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อิริยาปถปฎิปาฎิ ขนฺธปฎิปาฎี’’ติ วทนฺติฯ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกโต วิภาเวโนฺต อาห ‘‘ปฎิปาฎิํ มุญฺจิตฺวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ จุติปฎิสนฺธิวเสนาติ อตฺตโน ปรสฺส วา ตสฺมิํ ตสฺมิํ อตฺตภาเว จุติํ ทิสฺวา อนฺตรา กิญฺจิ อนามสิตฺวา ปฎิสนฺธิยา เอว คหณวเสนฯ ยถา ปน อนฺธา ยฎฺฐิํ อมุญฺจิตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ เต ขนฺธปฎิปาฎิํ อมุญฺจิตฺวาว สรนฺตีติ อาห ‘‘เตสญฺหิ อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปฺปเทโสกฺกมนํ นตฺถี’’ติฯ สาวกาติ ปกติสาวกาปิ มหาสาวกาปิ อคฺคสาวกาปิ สามญฺญโต วุตฺตาฯ ปกติสาวกาปิ หิ ขนฺธปฎิปาฎิยาปิ อนุสฺสรนฺติ , จุติปฎิสนฺธิวเสนปิ สงฺกมนฺติ พลวปญฺญตฺตา, ตถา อสีติมหาสาวกาฯ ทฺวินฺนํ ปน อคฺคสาวกานํ ขนฺธปฎิปาฎิกิจฺจํ นตฺถิฯ เอกสฺส อตฺตภาวสฺส จุติํ ทิสฺวา ปฎิสนฺธิํ ปสฺสนฺติ, ปุน อปรสฺส จุติํ ทิสฺวา ปฎิสนฺธินฺติ เอวํ จุติปฎิสนฺธิวเสนปิ สงฺกมนฺตา คจฺฉนฺติฯ ยถา นาม สรทสมเย ฐิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ จตุรตนิเก เคเห จกฺขุมโต ปุริสสฺส รูปคตํ สุปากฎเมว โหตีติ โลกสิทฺธเมตํฯ สิยา ปน ตสฺส สุขุมตรติโรกุฎฺฎาทิเภทสฺส รูปคตสฺส อโคจรตา, น เตฺวว พุทฺธานํ ญาตุํ อิจฺฉิตสฺส เญยฺยสฺส อโคจรตา, อถ โข ตํ ญาณาโลเกน โอภาสิตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุปากฎํ สุวิภูตเมว โหติ, ตถา เญยฺยาวรณสฺส สุปฺปหีนตฺตาติ อาห ‘‘พุทฺธา ปนา’’ติอาทิฯ
Evaṃ pañcannaṃ janānaṃ pubbenivāsānussaraṇaṃ kālavibhāgato dassetvā idāni ārammaṇaggahaṇavasenassa pavattivisesaṃ dassento ‘‘titthiyā cā’’tiādimāha. Khandhapaṭipāṭimeva sarantīti ettha khandhapaṭipāṭi khandhānaṃ anukkamo, sā ca kho cutito paṭṭhāya uppaṭipāṭivasena. Keci panettha ‘‘iriyāpathapaṭipāṭi khandhapaṭipāṭī’’ti vadanti. Vuttamevatthaṃ byatirekato vibhāvento āha ‘‘paṭipāṭiṃ muñcitvā’’tiādi. Tattha cutipaṭisandhivasenāti attano parassa vā tasmiṃ tasmiṃ attabhāve cutiṃ disvā antarā kiñci anāmasitvā paṭisandhiyā eva gahaṇavasena. Yathā pana andhā yaṭṭhiṃ amuñcitvā gacchanti, evaṃ te khandhapaṭipāṭiṃ amuñcitvāva sarantīti āha ‘‘tesañhi andhānaṃ viya icchitappadesokkamanaṃ natthī’’ti. Sāvakāti pakatisāvakāpi mahāsāvakāpi aggasāvakāpi sāmaññato vuttā. Pakatisāvakāpi hi khandhapaṭipāṭiyāpi anussaranti , cutipaṭisandhivasenapi saṅkamanti balavapaññattā, tathā asītimahāsāvakā. Dvinnaṃ pana aggasāvakānaṃ khandhapaṭipāṭikiccaṃ natthi. Ekassa attabhāvassa cutiṃ disvā paṭisandhiṃ passanti, puna aparassa cutiṃ disvā paṭisandhinti evaṃ cutipaṭisandhivasenapi saṅkamantā gacchanti. Yathā nāma saradasamaye ṭhitamajjhanhikavelāyaṃ caturatanike gehe cakkhumato purisassa rūpagataṃ supākaṭameva hotīti lokasiddhametaṃ. Siyā pana tassa sukhumataratirokuṭṭādibhedassa rūpagatassa agocaratā, na tveva buddhānaṃ ñātuṃ icchitassa ñeyyassa agocaratā, atha kho taṃ ñāṇālokena obhāsitaṃ hatthatale āmalakaṃ viya supākaṭaṃ suvibhūtameva hoti, tathā ñeyyāvaraṇassa suppahīnattāti āha ‘‘buddhā panā’’tiādi.
ตตฺถ สีโหกฺกนฺตวเสนาติ สีหคติปตนวเสนฯ ยํ ยํ ฐานํ อากงฺขนฺตีติ ยสฺมิํ กเปฺป ยสฺมิํ ภเว ยํ ยํ ฐานํ ชานิตุํ อิจฺฉนฺติฯ ตํ สพฺพํ สรนฺติเยวาติ ญาตุํ อิจฺฉิตํ ตํ สพฺพํ สรนฺติเยว, น น สรนฺติฯ พุทฺธานญฺหิ เนว ขนฺธปฎิปาฎิกิจฺจํ, น จ จุติปฎิสนฺธิวเสน สงฺกมนกิจฺจํ อตฺถิฯ เตสญฺหิ อเนกาสุ กปฺปโกฎีสุ เหฎฺฐา วา อุปริ วา ยํ ยํ ฐานํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ตํ ปากฎเมว โหติฯ ตสฺมา ยถา เปยฺยาลปาฬิํ ปฐนฺตา ‘‘ปฐมํ ฌานํ…เป.… ปญฺจมํ ฌาน’’นฺติอาทิปริโยสานเมว คณฺหนฺตา สงฺขิปิตฺวา สชฺฌายนฺติ, น อนุปทํ, เอวํ อเนกาปิ กปฺปโกฎิโย เปยฺยาลปาฬิํ วิย สงฺขิปิตฺวา ยํ ยํ อิจฺฉนฺติ, ตตฺถ ตเตฺถว ญาเณน โอกฺกมนฺตา สีโหกฺกนฺตวเสน คจฺฉนฺติฯ เอวํ คจฺฉนฺตานญฺจ เตสํ ญาณํ ยถา นาม กตวาลเวธิปริจยสฺส สรภงฺคสทิสสฺส ธนุคฺคหสฺส ขิโตฺต สโร อนฺตรนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลเกฺขเยว ปตติ น สชฺชติ น วิรชฺฌติ, เอวํ อนฺตรนฺตราสุ ชาตีสุ น สชฺชติ น วิรชฺฌติ, อสชฺชมานํ อวิรชฺฌมานํ อิจฺฉิติจฺฉิตฎฺฐานํเยว คณฺหาติฯ
Tattha sīhokkantavasenāti sīhagatipatanavasena. Yaṃ yaṃ ṭhānaṃ ākaṅkhantīti yasmiṃ kappe yasmiṃ bhave yaṃ yaṃ ṭhānaṃ jānituṃ icchanti. Taṃ sabbaṃ sarantiyevāti ñātuṃ icchitaṃ taṃ sabbaṃ sarantiyeva, na na saranti. Buddhānañhi neva khandhapaṭipāṭikiccaṃ, na ca cutipaṭisandhivasena saṅkamanakiccaṃ atthi. Tesañhi anekāsu kappakoṭīsu heṭṭhā vā upari vā yaṃ yaṃ ṭhānaṃ icchanti, taṃ taṃ pākaṭameva hoti. Tasmā yathā peyyālapāḷiṃ paṭhantā ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ…pe… pañcamaṃ jhāna’’ntiādipariyosānameva gaṇhantā saṅkhipitvā sajjhāyanti, na anupadaṃ, evaṃ anekāpi kappakoṭiyo peyyālapāḷiṃ viya saṅkhipitvā yaṃ yaṃ icchanti, tattha tattheva ñāṇena okkamantā sīhokkantavasena gacchanti. Evaṃ gacchantānañca tesaṃ ñāṇaṃ yathā nāma katavālavedhiparicayassa sarabhaṅgasadisassa dhanuggahassa khitto saro antarantarā rukkhalatādīsu asajjamāno lakkheyeva patati na sajjati na virajjhati, evaṃ antarantarāsu jātīsu na sajjati na virajjhati, asajjamānaṃ avirajjhamānaṃ icchiticchitaṭṭhānaṃyeva gaṇhāti.
อตีตภเว ขนฺธา ตปฺปฎิพทฺธนามโคตฺตานิ จ สพฺพํ ปุเพฺพนิวาสเนฺตฺวว สงฺคหิตานีติ อาห ‘‘กิํ วิทิตํ กโรติ? ปุเพฺพนิวาส’’นฺติฯ โมโห ปฎิจฺฉาทกเฎฺฐน ตโม วิย ตโมติ อาห ‘‘เสฺวว โมโห’’ติอาทิฯ โอภาสกรณเฎฺฐนาติ กาตพฺพโต กรณํ, โอภาโสว กรณํ โอภาสกรณํ, อตฺตโน ปจฺจเยหิ โอภาสภาเวน นิพฺพเตฺตตพฺพเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ เสสํ ปสํสาวจนนฺติ ปฎิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโต วุตฺตํฯ อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชานนเฎฺฐน วิชฺชาติ อยมฺปิ อโตฺถ ทีปิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ เอเตน วิชฺชาปฎิปกฺขา อวิชฺชา, ปฎิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทเสฺสติฯ เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ อิมินา ตโม วิหโต วินโฎฺฐฯ กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปโนฺนติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนเฎฺฐน วีริยํ อาตาโปติ อาห ‘‘วีริยาตาเปน อาตาปิโน’’ติ, วีริยวโตติ อโตฺถฯ เปสิตจิตฺตสฺสาติ ยถาธิเปฺปตตฺถสิทฺธิํ ปติวิสฺสฎฺฐจิตฺตสฺสฯ ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตติ อญฺญสฺสปิ กสฺสจิ มาทิสสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ ปธานานุโยคสฺสาติ สมฺมปฺปธานมนุยุตฺตสฺสฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺตา วุตฺตนยตฺตา จ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Atītabhave khandhā tappaṭibaddhanāmagottāni ca sabbaṃ pubbenivāsantveva saṅgahitānīti āha ‘‘kiṃ viditaṃ karoti? Pubbenivāsa’’nti. Moho paṭicchādakaṭṭhena tamo viya tamoti āha ‘‘sveva moho’’tiādi. Obhāsakaraṇaṭṭhenāti kātabbato karaṇaṃ, obhāsova karaṇaṃ obhāsakaraṇaṃ, attano paccayehi obhāsabhāvena nibbattetabbaṭṭhenāti attho. Sesaṃ pasaṃsāvacananti paṭipakkhavidhamanapavattivisesānaṃ bodhanato vuttaṃ. Avijjā vihatāti etena vijānanaṭṭhena vijjāti ayampi attho dīpitoti daṭṭhabbaṃ. Kasmā? Yasmā vijjā uppannāti etena vijjāpaṭipakkhā avijjā, paṭipakkhatā cassā pahātabbabhāvena vijjāya ca pahāyakabhāvenāti dasseti. Esa nayo itarasmimpi padadvayeti iminā tamo vihato vinaṭṭho. Kasmā? Yasmā āloko uppannoti imamatthaṃ atidisati. Kilesānaṃ ātāpanaparitāpanaṭṭhena vīriyaṃ ātāpoti āha ‘‘vīriyātāpena ātāpino’’ti, vīriyavatoti attho. Pesitacittassāti yathādhippetatthasiddhiṃ pativissaṭṭhacittassa. Yathā appamattassa ātāpino pahitattassa viharatoti aññassapi kassaci mādisassāti adhippāyo. Padhānānuyogassāti sammappadhānamanuyuttassa. Sesamettha uttānattā vuttanayattā ca suviññeyyameva.
ปุเพฺพนิวาสกถา นิฎฺฐิตาฯ
Pubbenivāsakathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ปุเพฺพนิวาสกถา • Pubbenivāsakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา • Pubbenivāsakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา • Pubbenivāsakathāvaṇṇanā