Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา
Pubbenivāsakathāvaṇṇanā
๑๒. จิเตฺตกคฺคตาสภาคตฺตา ฌานานํ ‘‘เกสญฺจิ จิเตฺตกคฺคตตฺถานี’’ติ อาหฯ กุสลานํ ภโวกฺกมนสภาคตฺตา ‘‘เกสญฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานี’’ติฯ อสภาคตฺตา เสสฎฺฐาเนสุ ‘‘ปาทกตฺถานี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาทกานี’’ติ อาหฯ เตน ปาทกภูตานมฺปิ ยถาสมฺภวํ จิเตฺตกคฺคตา ภโวกฺกมนตาวหตํ, อิตเรสํ ยถาสมฺภวํ ปาทกตาวหตญฺจ ทีเปติฯ อสภาคตฺตา ชวนวิปสฺสนาปาทกานิ สมานานิ อภิญฺญาปาทกานิ จ โหนฺติ, อภิญฺญาปาทกานิ จ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺตีติปิ ทีเปติ, ตถา ปาทกาภาวํ ทีเปติฯ อภิญฺญาย หิ จตุตฺถเมว ปาทกํ, น อิตรานิฯ เตสุ จตุตฺถสฺส ตติยํ ปาทกํ, ตติยสฺส ทุติยํ, ทุติยสฺส ปฐมนฺติฯ อถ วา ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ ยถาลาภโต วุตฺตํฯ
12. Cittekaggatāsabhāgattā jhānānaṃ ‘‘kesañci cittekaggatatthānī’’ti āha. Kusalānaṃ bhavokkamanasabhāgattā ‘‘kesañci bhavokkamanatthānī’’ti. Asabhāgattā sesaṭṭhānesu ‘‘pādakatthānī’’ti avatvā ‘‘pādakānī’’ti āha. Tena pādakabhūtānampi yathāsambhavaṃ cittekaggatā bhavokkamanatāvahataṃ, itaresaṃ yathāsambhavaṃ pādakatāvahatañca dīpeti. Asabhāgattā javanavipassanāpādakāni samānāni abhiññāpādakāni ca honti, abhiññāpādakāni ca vipassanāpādakāni hontītipi dīpeti, tathā pādakābhāvaṃ dīpeti. Abhiññāya hi catutthameva pādakaṃ, na itarāni. Tesu catutthassa tatiyaṃ pādakaṃ, tatiyassa dutiyaṃ, dutiyassa paṭhamanti. Atha vā ‘‘cattāri jhānānī’’ti yathālābhato vuttaṃ.
วินยนิทานนิมิตฺตํ, เวรญฺชนิวาสกปฺปนํ;
Vinayanidānanimittaṃ, verañjanivāsakappanaṃ;
สตฺถุ ยสฺมา ตสฺมา ภควา, วิชฺชตฺตยมาห เวรเญฺชฯ
Satthu yasmā tasmā bhagavā, vijjattayamāha verañje.
วุตฺตเญฺหตํ ‘‘วินเย สุปฺปฎิปโนฺน ภิกฺขุ สีลสมฺปตฺติํ นิสฺสายา’’ติอาทิ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถา)ฯ สีลวโต หิ สีลปจฺจเวกฺขณตฺถํ รตฺติฎฺฐานทิวาฐาเนสุ นิสินฺนสฺส นิสชฺชนโต ปฎฺฐาย อตฺตโน อตีตกิริยานุสฺสรณพหุลตาย ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติวิชฺชา อปฺปกสิเรน สมิชฺฌติฯ ตถา อตฺตานํ ปฎิจฺจ สตฺตานํ จุติปริคฺคหณสีลตาย จุตูปปาตญาณํ อปฺปกสิเรน สมิชฺฌติ, อุทกาทีสุ สุขุมตฺต ทสฺสนสีลตาย ทิพฺพจกฺขุญาณํ สมิชฺฌติฯ ยสฺมา สตฺตวิธเมถุนสํโยคปริวชฺชเนน, กามาสวาทิปริวชฺชเนน วา พฺรหฺมจริยํ อขณฺฑาทิภาวํ ปาปุณาติ, ตสฺมาสฺส อาสวกฺขยญาณํ อปฺปกสิเรน สมิชฺฌตีติ เอตฺถ วินยนิทาเน วิชฺชตฺตยเมว ทสฺสิตํ, ตสฺมา อาห ‘‘เยสญฺจ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทเสฺสโนฺต’’ติ, อญฺญถา วิชฺชตฺตยปฎิลาภมตฺตปฺปสโงฺค สิยาติฯ
Vuttañhetaṃ ‘‘vinaye suppaṭipanno bhikkhu sīlasampattiṃ nissāyā’’tiādi (pārā. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathā). Sīlavato hi sīlapaccavekkhaṇatthaṃ rattiṭṭhānadivāṭhānesu nisinnassa nisajjanato paṭṭhāya attano atītakiriyānussaraṇabahulatāya pubbenivāsānussativijjā appakasirena samijjhati. Tathā attānaṃ paṭicca sattānaṃ cutipariggahaṇasīlatāya cutūpapātañāṇaṃ appakasirena samijjhati, udakādīsu sukhumatta dassanasīlatāya dibbacakkhuñāṇaṃ samijjhati. Yasmā sattavidhamethunasaṃyogaparivajjanena, kāmāsavādiparivajjanena vā brahmacariyaṃ akhaṇḍādibhāvaṃ pāpuṇāti, tasmāssa āsavakkhayañāṇaṃ appakasirena samijjhatīti ettha vinayanidāne vijjattayameva dassitaṃ, tasmā āha ‘‘yesañca guṇānaṃ dāyakaṃ ahosi, tesaṃ ekadesaṃ dassento’’ti, aññathā vijjattayapaṭilābhamattappasaṅgo siyāti.
โส เอวนฺติ อิมินา กิญฺจาปิ จตุนฺนํ ฌานานํ ปุพฺพภาคปฎิปทาปิ สงฺคหํ คจฺฉติ, น เกวลํ ปุริมชฺฌานตฺติกเมว, ตถาปิ เกวลํ ปุริมชฺฌานตฺติกเมว คณฺหโนฺต ‘‘เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํ, อิมินา ปฐมชฺฌานาธิคมาทินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฎิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห, ตํ กสฺมาติ เจ? สมฺภารภูมิตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๑) ‘‘เอตฺถ จ ปุริมานิ ตีณิ ฌานานิ ยสฺมา ปีติผรเณน จ สุขผรเณน จ สุขสญฺญญฺจ ลหุสญฺญญฺจ โอกฺกมิตฺวา ลหุมุทุกมฺมญฺญกาโย หุตฺวา อิทฺธิํ ปาปุณาติ, ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน อิทฺธิลาภาย สํวตฺตนโต สมฺภารภูมิโยติ เวทิตพฺพานิฯ จตุตฺถชฺฌานํ ปน อิทฺธิลาภาย ปกติภูมิ เอวา’’ติฯ อิทเมว วา อตฺถํ สนฺธายาห ‘‘ปุเพฺพ อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ เกสญฺจิ อภิญฺญาปาทกานี’’ติฯ ยทิ เอวํ จตุตฺถชฺฌานมฺปิ อโนฺตกตฺวา เอวนฺติ กิมตฺถํ น วุตฺตํฯ ตญฺหิ ปกติภูมีติ เจ? น วตฺตพฺพํ, จตุตฺถชฺฌานโต ปรสฺส สมาหิตาทิภาวปฺปตฺตสฺส จิตฺตสฺส อตฺถิภาวปฺปสงฺคโตฯ ยสฺมา ยสฺมิํ สติ ‘‘ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺมิํ จตุตฺถชฺฌานจิเตฺต ปกติภูมิภาวปฺปเตฺต อภิญฺญาปาทเก ชาเต ปริกมฺมจิตฺตํ ‘‘ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณาย อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ อาหฯ อภินีหารกฺขมํ โหตีติ เอตฺถ ตํ อิทฺธิวิธาธิคมตฺถาย ปริกมฺมจิตฺตํ อภินีหรติฯ กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา อิทฺธิวิธาภิมุขํ เปเสสิฯ คณฺฐิปเท ปน ‘‘อภิญฺญาปาทกชฺฌานโต อิทฺธิวิธญาณาทีนํ นีหรณตฺถ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อภินีหารกฺขมนฺติ อโตฺถ ปกปฺปิโตฯ
So evanti iminā kiñcāpi catunnaṃ jhānānaṃ pubbabhāgapaṭipadāpi saṅgahaṃ gacchati, na kevalaṃ purimajjhānattikameva, tathāpi kevalaṃ purimajjhānattikameva gaṇhanto ‘‘evanti catutthajjhānakkamanidassanametaṃ, iminā paṭhamajjhānādhigamādinā kamena catutthajjhānaṃ paṭilabhitvāti vuttaṃ hotī’’ti āha, taṃ kasmāti ce? Sambhārabhūmittā. Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ (visuddhi. 2.381) ‘‘ettha ca purimāni tīṇi jhānāni yasmā pītipharaṇena ca sukhapharaṇena ca sukhasaññañca lahusaññañca okkamitvā lahumudukammaññakāyo hutvā iddhiṃ pāpuṇāti, tasmā iminā pariyāyena iddhilābhāya saṃvattanato sambhārabhūmiyoti veditabbāni. Catutthajjhānaṃ pana iddhilābhāya pakatibhūmi evā’’ti. Idameva vā atthaṃ sandhāyāha ‘‘pubbe imāni cattāri jhānāni kesañci abhiññāpādakānī’’ti. Yadi evaṃ catutthajjhānampi antokatvā evanti kimatthaṃ na vuttaṃ. Tañhi pakatibhūmīti ce? Na vattabbaṃ, catutthajjhānato parassa samāhitādibhāvappattassa cittassa atthibhāvappasaṅgato. Yasmā yasmiṃ sati ‘‘pubbenivāsānussatiñāṇāya cittaṃ abhininnāmesi’’nti vuttaṃ, tasmā tasmiṃ catutthajjhānacitte pakatibhūmibhāvappatte abhiññāpādake jāte parikammacittaṃ ‘‘pubbenivāsānussatiñāṇāya abhininnāmesi’’nti āha. Abhinīhārakkhamaṃ hotīti ettha taṃ iddhividhādhigamatthāya parikammacittaṃ abhinīharati. Kasiṇārammaṇato apanetvā iddhividhābhimukhaṃ pesesi. Gaṇṭhipade pana ‘‘abhiññāpādakajjhānato iddhividhañāṇādīnaṃ nīharaṇattha’’nti vuttattā abhinīhārakkhamanti attho pakappito.
โส เอวํ สมาหิเต เอวํ อาเนญฺชปฺปเตฺตติ โยชนา เวทิตพฺพา ทุติยวิกเปฺป, นีวรณทูรีภาเวน วิตกฺกาทิสมติกฺกเมนาติ ปฐมชฺฌานาทีนํ กิจฺจสงฺคณฺหนโตฯ อยํ โยชนา ปฐมวิกเปฺป น สมฺภวติ ‘‘ปริสุเทฺธติอาทีสุ ปนา’’ติ วจเนน ‘‘เอว’’นฺติ ปทสฺส อนุปฺปพนฺธนิวารณโตฯ เตเนว ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุเทฺธ’’ติอาทิมาหฯ อิจฺฉาวจรานนฺติ ‘‘อโห วตาหํ อาปตฺติเญฺจว อาปโนฺน อสฺสํ, น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๐) นเยน อุปฺปนฺนอิจฺฉาวเสน ปวตฺตานํ โกปอปจฺจยานํ อภาเวน อนงฺคเณติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปน ยถาวุตฺตปฺปการา อิจฺฉาปิ ปฐมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย อนฺตรายิกา ‘‘สมฺปชานมุสาวาโท โข ปนายสฺมโนฺต อนฺตรายิโก ธโมฺม’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วุตฺตตฺตา, ปเคว อิจฺฉาวจรา โกปอปจฺจยา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจนีกานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจราน’’นฺติอาทิฯ กตฺถจิ ปน ‘‘ฌานปฎิลาภปจฺจยานํ อิจฺฉาวจราน’’นฺติ โปตฺถเกสุ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส ปมาทเลโข, คณฺฐิปเท จ ‘‘อโห วต สตฺถา มมเญฺญว ปฎิปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสยฺยา’’ติ โย ตทโตฺถ ลิขิโต, โส ทุลฺลิขิโตฯ น หิ ฌานปฎิลาภปจฺจยา โกปาทโย อนงฺคณสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) วุตฺตา, ‘‘น จ ยุตฺติโต สมฺภวนฺติ ฌานลาภิโน ตทภาวา’’ติ อาจริโย วทติ, ตํ วีมํสิตพฺพํฯ เอตฺถ วิชฺชตฺตยสฺส อุตฺตรุตฺตรวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต’’ติอาทินา ปุนปฺปุนํ อฎฺฐงฺคนิทสฺสนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อุตฺตรุตฺตรวิเสสา เจภาสํ อตฺตทุกฺขปรทุกฺขทสฺสนตทุปสมตฺตทีปนโต เวทิตพฺพาฯ ภควา หิ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน อตฺตโน อนนฺตสํสารทุกฺขํ ปสฺสิตฺวา, จุตูปปาตญาเณน ปรสฺส จ โลกสฺส อาสวกฺขยญาเณน ตทุภยวูปสมตฺตญฺจ ปสฺสิตฺวา ตํ เทเสติ, ปฐเมน วา อตฺตทุกฺขทสฺสนโต อตฺตสิเนหปริจฺจาคํ ทีเปติฯ ทุติเยน ปรทุกฺขทสฺสนโต ปเรสุ โกปปริจฺจาคํ, ตติเยน อริยมคฺคทสฺสนโต โมหปริจฺจาคญฺจ ทีเปติฯ เอวํ นานาคุณวิเสสทีปนโต อิมเสฺสว โลกิยาภิญฺญาทฺวยสฺส อิธ คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
So evaṃ samāhite evaṃ āneñjappatteti yojanā veditabbā dutiyavikappe, nīvaraṇadūrībhāvena vitakkādisamatikkamenāti paṭhamajjhānādīnaṃ kiccasaṅgaṇhanato. Ayaṃ yojanā paṭhamavikappe na sambhavati ‘‘parisuddhetiādīsu panā’’ti vacanena ‘‘eva’’nti padassa anuppabandhanivāraṇato. Teneva ‘‘upekkhāsatipārisuddhibhāvena parisuddhe’’tiādimāha. Icchāvacarānanti ‘‘aho vatāhaṃ āpattiñceva āpanno assaṃ, na ca maṃ bhikkhū jāneyyu’’ntiādinā (ma. ni. 1.60) nayena uppannaicchāvasena pavattānaṃ kopaapaccayānaṃ abhāvena anaṅgaṇeti attho. Ettha ca pana yathāvuttappakārā icchāpi paṭhamajjhānādīnaṃ adhigamāya antarāyikā ‘‘sampajānamusāvādo kho panāyasmanto antarāyiko dhammo’’ti (mahāva. 134) vuttattā, pageva icchāvacarā kopaapaccayā, tasmā vuttaṃ ‘‘jhānapaṭilābhapaccanīkānaṃ pāpakānaṃ icchāvacarāna’’ntiādi. Katthaci pana ‘‘jhānapaṭilābhapaccayānaṃ icchāvacarāna’’nti potthakesu pāṭho dissati, so pamādalekho, gaṇṭhipade ca ‘‘aho vata satthā mamaññeva paṭipucchitvā dhammaṃ deseyyā’’ti yo tadattho likhito, so dullikhito. Na hi jhānapaṭilābhapaccayā kopādayo anaṅgaṇasutte (ma. ni. 1.57 ādayo) vuttā, ‘‘na ca yuttito sambhavanti jhānalābhino tadabhāvā’’ti ācariyo vadati, taṃ vīmaṃsitabbaṃ. Ettha vijjattayassa uttaruttaravisesadassanatthaṃ ‘‘so evaṃ samāhite citte’’tiādinā punappunaṃ aṭṭhaṅganidassanaṃ katanti veditabbaṃ. Uttaruttaravisesā cebhāsaṃ attadukkhaparadukkhadassanatadupasamattadīpanato veditabbā. Bhagavā hi pubbenivāsānussatiñāṇena attano anantasaṃsāradukkhaṃ passitvā, cutūpapātañāṇena parassa ca lokassa āsavakkhayañāṇena tadubhayavūpasamattañca passitvā taṃ deseti, paṭhamena vā attadukkhadassanato attasinehapariccāgaṃ dīpeti. Dutiyena paradukkhadassanato paresu kopapariccāgaṃ, tatiyena ariyamaggadassanato mohapariccāgañca dīpeti. Evaṃ nānāguṇavisesadīpanato imasseva lokiyābhiññādvayassa idha gahaṇaṃ katanti veditabbaṃ.
ยสฺมา อตีตชาติ เอว นิวาโส, ตสฺมา ‘‘อตีตชาตีสู’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ชาติยา เอกเทเสปิ นิวาสโวหารสิทฺธิทสฺสนโตฯ ปาฬิยํ กิญฺจาปิ ‘‘เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย’’ติอาทิวจเนน สกลชาติยา อนุสฺสรณเมว ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติ วิย ทิสฺสติ, น เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตเทกเทสานุสฺสรณมฺปิ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติ เอวาติ ทสฺสนตฺถํ, ภุมฺมวจนํ กตํ โอกาสาทิสงฺคหตฺถญฺจฯ ‘‘ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณาทีสู’’ติ อาทิ-สเทฺทน อนิวุตฺถโลกธาตุทีปรฎฺฐนครคามาทิคฺคหณํ เวทิตพฺพํฯ คณฺฐิปเท ปน ‘‘เตสํ ฉินฺนวฎุมกานํ โลกุตฺตรสีลาทีนิ น ภควตา โพธิสตฺตกาเล วิญฺญาตานี’’ติ วุตฺตํฯ อตฺถาปตฺติโต โลกิยานิ วิญฺญาตานีติ อาปชฺชติ, ตํ ทิพฺพจกฺขุญาณาธิกาเร ‘‘อริยานํ อุปวาทกา’’ติ วจเนน สเมนฺตํ วิย ทิสฺสติฯ น หิ อริเย อปสฺสนฺตสฺส เอวํ โหติฯ กิมตฺถํ ปเนตฺถ อนุสฺสติ วุตฺตา, นนุ เอส วิชฺชาธิกาโรติ เจ? อาทิกมฺมิกสฺส สติวเสน นิพฺพตฺติโต, อตีตธมฺมานํ สติยา วิเสสาธิการตฺตา จฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘อนุสฺสรามี’’ติฯ
Yasmā atītajāti eva nivāso, tasmā ‘‘atītajātīsū’’ti na vattabbanti ce? Na, jātiyā ekadesepi nivāsavohārasiddhidassanato. Pāḷiyaṃ kiñcāpi ‘‘ekampi jātiṃ dvepi jātiyo’’tiādivacanena sakalajātiyā anussaraṇameva pubbenivāsānussati viya dissati, na evaṃ daṭṭhabbaṃ. Tadekadesānussaraṇampi pubbenivāsānussati evāti dassanatthaṃ, bhummavacanaṃ kataṃ okāsādisaṅgahatthañca. ‘‘Chinnavaṭumakānussaraṇādīsū’’ti ādi-saddena anivutthalokadhātudīparaṭṭhanagaragāmādiggahaṇaṃ veditabbaṃ. Gaṇṭhipade pana ‘‘tesaṃ chinnavaṭumakānaṃ lokuttarasīlādīni na bhagavatā bodhisattakāle viññātānī’’ti vuttaṃ. Atthāpattito lokiyāni viññātānīti āpajjati, taṃ dibbacakkhuñāṇādhikāre ‘‘ariyānaṃ upavādakā’’ti vacanena samentaṃ viya dissati. Na hi ariye apassantassa evaṃ hoti. Kimatthaṃ panettha anussati vuttā, nanu esa vijjādhikāroti ce? Ādikammikassa sativasena nibbattito, atītadhammānaṃ satiyā visesādhikārattā ca. Vuttañhi ‘‘anussarāmī’’ti.
‘‘วตฺตมาเนสุ วิชฺชาน-มตีเตสฺวสฺส สรติ;
‘‘Vattamānesu vijjāna-matītesvassa sarati;
อนาคเตสุ ธเมฺมสุ, สรติ วิชฺชาน ปณิธี’’ติฯ
Anāgatesu dhammesu, sarati vijjāna paṇidhī’’ti.
อาจริยกุมาริเตน สิโลโกปิ วุโตฺตฯ
Ācariyakumāritena silokopi vutto.
ตตฺถ ราเค อุสฺสนฺนตเร เตโชสํวโฎฺฎฯ โทเส อาโปสํวโฎฺฎฯ โมเห วาโยสํวโฎฺฎฯ เกจิ ‘‘โทเส เตโชสํวโฎฺฎ, ราเค อาโปสํวโฎฺฎ, โมเห วาโยสํวโฎฺฎ’’ติ วทนฺติฯ ยสฺมา อมุตฺราติ จิตฺตํ, วจนํ วา ภวาทินิยเมน โหติ, ตสฺมา ‘‘ภเว วา’’ติอาทิฯ เอวํนาโม เอวํโคโตฺตติ ปททฺวเยน อชฺฌตฺตพหิทฺธามูลกํ ปญฺญตฺติสงฺขาตํ โคจรนิวาสํ ทีเปติฯ ปวตฺตผลโภชโน สยํปติตผลาหาโรฯ จตุราสีติกปฺปสหสฺสปรมายุปริยโนฺต วาติ ปณิธานโต ปุเพฺพฯ ปฎินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ น โหติฯ ‘‘ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณลาภีนํ ปเนตํ อานุภาวปริทีปน’’นฺติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ อมุตฺราติ เอตฺถ ปฐมโยชนายํ สีโหกฺกนฺตวเสน อนุสฺสรณํ วุตฺตํ, ตญฺจ โข อนุโลมวเสนฯ ‘‘ปฎิโลมวเสนา’’ติปิ ลิขนฺติ, ตํ ทุวิเญฺญยฺยํฯ สีโหกฺกนฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อเนกาสุ กปฺปโกฎีสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยถา ตนฺติ นิทสฺสเนน ปฎิปตฺติสาธารเณน ผลสาธารณตํ ทเสฺสโนฺต พฺราหฺมณสฺส อาทรํ ชเนติ, อตฺตานเมเวกํ อุกฺกํเสตีติ วจนํ นิวาเรติฯ ‘‘สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ ตสฺส ปุเพฺพ อุปฺปนฺนจิเตฺต เอว นิโยเชติฯ ปฐมา อภินิพฺภิทาติ วจเนน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส พหุปฎลภาวํ ทเสฺสติ, เตน อฎฺฐคุณิสฺสริยาทินา อนภินิพฺภิทํ ทีเปติฯ
Tattha rāge ussannatare tejosaṃvaṭṭo. Dose āposaṃvaṭṭo. Mohe vāyosaṃvaṭṭo. Keci ‘‘dose tejosaṃvaṭṭo, rāge āposaṃvaṭṭo, mohe vāyosaṃvaṭṭo’’ti vadanti. Yasmā amutrāti cittaṃ, vacanaṃ vā bhavādiniyamena hoti, tasmā ‘‘bhave vā’’tiādi. Evaṃnāmo evaṃgottoti padadvayena ajjhattabahiddhāmūlakaṃ paññattisaṅkhātaṃ gocaranivāsaṃ dīpeti. Pavattaphalabhojano sayaṃpatitaphalāhāro. Caturāsītikappasahassaparamāyupariyanto vāti paṇidhānato pubbe. Paṭinivattantassa paccavekkhaṇaṃ pubbenivāsānussatiñāṇaṃ na hoti. ‘‘Pubbenivāsānussatiñāṇalābhīnaṃ panetaṃ ānubhāvaparidīpana’’nti gaṇṭhipade vuttaṃ. Amutrāti ettha paṭhamayojanāyaṃ sīhokkantavasena anussaraṇaṃ vuttaṃ, tañca kho anulomavasena. ‘‘Paṭilomavasenā’’tipi likhanti, taṃ duviññeyyaṃ. Sīhokkantaṃ dassetuṃ ‘‘anekāsu kappakoṭīsū’’tiādi vuttaṃ. Yathā tanti nidassanena paṭipattisādhāraṇena phalasādhāraṇataṃ dassento brāhmaṇassa ādaraṃ janeti, attānamevekaṃ ukkaṃsetīti vacanaṃ nivāreti. ‘‘Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti tassa pubbe uppannacitte eva niyojeti. Paṭhamā abhinibbhidāti vacanena avijjaṇḍakosassa bahupaṭalabhāvaṃ dasseti, tena aṭṭhaguṇissariyādinā anabhinibbhidaṃ dīpeti.
ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pubbenivāsakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ปุเพฺพนิวาสกถา • Pubbenivāsakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปุเพฺพนิวาสกถา • Pubbenivāsakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา • Pubbenivāsakathāvaṇṇanā