| Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา
Pubbenivāsakathāvaṇṇanā
๑๒. อรูปชฺฌานานมฺปิ องฺคสมตาย จตุตฺถชฺฌาเน สงฺคโหติ อาห เกสญฺจิ อภิญฺญาปาทกานีติอาทิ, เตเนว วกฺขติ ‘‘อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา’’ติอาทิ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๒)ฯ เตสุ จ จตุตฺถชฺฌานเมว อภิญฺญาปาทกํ นิโรธปาทกํ โหติ, น อิตรานิฯ ทูรการณตํ ปน สนฺธาย ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ เนสมฺปิ เอกโต คหณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ จิเตฺตกคฺคตตฺถานีติ อิทํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห ขีณาสวานนฺติอาทิฯ สพฺพกิจฺจสาธกนฺติ ทิพฺพวิหาราทิสพฺพพุทฺธกิจฺจสาธกํฯ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ อิมินา ยถาวุตฺตํ วิปสฺสนาปาทกตฺตาทิสพฺพํ สมฺปิเณฺฑติฯ อิทญฺหิ ฌานํ ภควโต สพฺพพุทฺธคุณทายกสฺส มคฺคญาณสฺส ปทฎฺฐานตฺตา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยถยิทนฺติ ยถา อิทํฯ อภินีหารกฺขมนฺติ อิทฺธิวิธาทิอตฺถํ ตทภิมุขํ นีหรณโยคฺคํฯ
12. Arūpajjhānānampi aṅgasamatāya catutthajjhāne saṅgahoti āha kesañci abhiññāpādakānītiādi, teneva vakkhati ‘‘aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā’’tiādi (pārā. aṭṭha. 1.12). Tesu ca catutthajjhānameva abhiññāpādakaṃ nirodhapādakaṃ hoti, na itarāni. Dūrakāraṇataṃ pana sandhāya ‘‘cattāri jhānānī’’ti nesampi ekato gahaṇaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Cittekaggatatthānīti idaṃ diṭṭhadhammasukhavihāraṃ sandhāya vuttanti āha khīṇāsavānantiādi. Sabbakiccasādhakanti dibbavihārādisabbabuddhakiccasādhakaṃ. Sabbalokiyalokuttaraguṇadāyakanti iminā yathāvuttaṃ vipassanāpādakattādisabbaṃ sampiṇḍeti. Idañhi jhānaṃ bhagavato sabbabuddhaguṇadāyakassa maggañāṇassa padaṭṭhānattā evaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Yathayidanti yathā idaṃ. Abhinīhārakkhamanti iddhividhādiatthaṃ tadabhimukhaṃ nīharaṇayoggaṃ.
ฌานปฺปฎิลาภปจฺจยานนฺติ ฌานปฺปฎิลาภเหตุกานํ ฌานปฺปฎิลาภํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกานํฯ ปาปกานนฺติ ลามกานํฯ อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย วเสน โอติณฺณานํ นีวรณภาวํ ตเทกฎฺฐตญฺจ อปฺปตฺตานํ อตฺตุกฺกํสนาทิวสปฺปวตฺตานํ อโห วต มเมว สตฺถา ปฎิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ เอวรูปํ ธมฺมํ เทเสยฺยาติอาทินยปฺปวตฺตานํ มานาทีนํฯ โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ฌานปฺปฎิลาภปจฺจนีกาน’’นฺติปิ ปาฐํ ลิขนฺติ, โส ปมาทปาโฐติ คเหตโพฺพ ‘‘ฌานปฺปฎิลาภปจฺจนีกานํ นีวรณานํ อภาวสฺส นีวรณทูรีภาเวน ปริสุโทฺธ’’ติ เอวํ ปุเพฺพ ปริสุทฺธปเทเยว วุตฺตตฺตาฯ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ๑.๑๒) ปน ‘‘อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ปวตฺตานํ นานปฺปการานํ โกปอปฺปจฺจยานนฺติ อโตฺถติ อยมฺปิ ปาโฐ อยุโตฺต เอวาติ คเหตพฺพํฯ ตโต เอว จ วิสุทฺธิมเคฺค อยํ ปาโฐ สเพฺพน สพฺพํ น ทสฺสิโต’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ จ นานปฺปการานํ โกปอปฺปจฺจยานนฺติ เอวํ นีวรณภาวปฺปตฺตโทสานํ ปรามฎฺฐตฺตา อยํ ปาโฐ ปฎิกฺขิโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ
Jhānappaṭilābhapaccayānanti jhānappaṭilābhahetukānaṃ jhānappaṭilābhaṃ nissāya uppajjanakānaṃ. Pāpakānanti lāmakānaṃ. Icchāvacarānanti icchāya vasena otiṇṇānaṃ nīvaraṇabhāvaṃ tadekaṭṭhatañca appattānaṃ attukkaṃsanādivasappavattānaṃ aho vata mameva satthā paṭipucchitvā bhikkhūnaṃ evarūpaṃ dhammaṃ deseyyātiādinayappavattānaṃ mānādīnaṃ. Potthakesu pana ‘‘jhānappaṭilābhapaccanīkāna’’ntipi pāṭhaṃ likhanti, so pamādapāṭhoti gahetabbo ‘‘jhānappaṭilābhapaccanīkānaṃ nīvaraṇānaṃ abhāvassa nīvaraṇadūrībhāvena parisuddho’’ti evaṃ pubbe parisuddhapadeyeva vuttattā. Sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. 1.12) pana ‘‘icchāvacarānanti icchāya avacarānaṃ icchāvasena otiṇṇānaṃ pavattānaṃ nānappakārānaṃ kopaappaccayānanti atthoti ayampi pāṭho ayutto evāti gahetabbaṃ. Tato eva ca visuddhimagge ayaṃ pāṭho sabbena sabbaṃ na dassito’’ti vuttaṃ. Tattha ca nānappakārānaṃ kopaappaccayānanti evaṃ nīvaraṇabhāvappattadosānaṃ parāmaṭṭhattā ayaṃ pāṭho paṭikkhittoti veditabbo.
อภิชฺฌาทีนนฺติ เอตฺถ อภิชฺฌา-สเทฺทน จ อนีวรณสภาวเสฺสว โลภสฺส มานาทีนญฺจ คหณํ ฌานปฺปฎิลาภปจฺจยานนฺติ อนุวตฺตมานตฺตาฯ อุภยมฺปีติ อนงฺคณตฺตํ วิคตูปกฺกิเลสตฺตญฺจาติ เอตํ อุภยมฺปิ ยถากฺกมํ อนงฺคณสุตฺตวตฺถสุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํฯ เตสุ จ สุเตฺตสุ กิญฺจาปิ นีวรณสภาวปฺปตฺตา ถูลโทสาปิ วุตฺตา, ตถาปิ อธิคตจตอุตฺถชฺฌานสฺส วเสน วุตฺตตฺตา อิธ สุขุมา เอว เต คหิตาฯ องฺคณุปกฺกิเลสสามเญฺญน ปเนตฺถ สุตฺตานํ อปทิสนํฯ ตถา หิ ‘‘สุตฺตานุสาเรนา’’ติ วุตฺตํ, น ปน สุตฺตวเสนาติฯ
Abhijjhādīnanti ettha abhijjhā-saddena ca anīvaraṇasabhāvasseva lobhassa mānādīnañca gahaṇaṃ jhānappaṭilābhapaccayānanti anuvattamānattā. Ubhayampīti anaṅgaṇattaṃ vigatūpakkilesattañcāti etaṃ ubhayampi yathākkamaṃ anaṅgaṇasuttavatthasuttānusāreneva veditabbaṃ. Tesu ca suttesu kiñcāpi nīvaraṇasabhāvappattā thūladosāpi vuttā, tathāpi adhigatacatautthajjhānassa vasena vuttattā idha sukhumā eva te gahitā. Aṅgaṇupakkilesasāmaññena panettha suttānaṃ apadisanaṃ. Tathā hi ‘‘suttānusārenā’’ti vuttaṃ, na pana suttavasenāti.
ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติยํ ญาณํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณนฺติ นิพฺพจนํ ทเสฺสโนฺต อาห ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติมฺหีติอาทิฯ อิทานิ ปุเพฺพนิวาสํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติํ ตตฺถ ญาณญฺจ วิภาคโต ทเสฺสตุํ ตตฺถาติอาทิ วุตฺตํฯ ปุพฺพ-สโทฺท อตีตภววิสโย, นิวาส-สโทฺท จ กมฺมสาธโนติ อาห ‘‘ปุเพฺพ อตีตชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธา’’ติฯ นิวุตฺถตา เจตฺถ สกสนฺตาเน ปวตฺตตา, เตนาห อนุภูตาติอาทิฯ อิทานิ สปรสนฺตานสาธนวเสน นิวาส-สทฺทสฺส อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิวุตฺถธมฺมา วา นิวุตฺถา’’ติ วตฺวา ตํ วิวริตุํ โคจรนิวาเสนาติอาทิ วุตฺตํฯ โคจรภูตาปิ หิ ธมฺมา ญาเณน นิวุตฺถา นาม โหนฺติ, เต ปน สปรวิญฺญาณโคจรตาย ทุวิธาติ ทเสฺสตุํ อตฺตโนติอาทิ วุตฺตํฯ ปรวิญฺญาณวิญฺญาตาปิ วา นิวุตฺถาติ สมฺพโนฺธฯ อิธาปิ ปริจฺฉินฺนาติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อนมตเคฺคปิ หิ สํสาเร อตฺตนา อวิญฺญาตปุพฺพานํ สตฺตานํ ขนฺธา ปเรเหว เกหิจิ วิญฺญาตตฺตา ปรวิญฺญาณวิญฺญาตา นาม วุตฺตา, เตสํ อนุสฺสรณํ ปุริมโต ทุกฺกรํ เยหิ ปเรหิ วิญฺญาตตาย เต ปรวิญฺญาณวิญฺญาตา นาม ชาตา, เตสํ วตฺตมานสนฺตานานุสาเรน วิญฺญาตพฺพโตฯ เต จ ปรวิญฺญาณวิญฺญาตา ทุวิธา ปรินิพฺพุตา อปรินิพฺพุตาติฯ เตสุ จ ปรินิพฺพุตานุสฺสรณํ ทุกฺกรํ สพฺพโส สุสมุจฺฉินฺนสนฺตานตฺตาฯ ตํ ปน สิขาปฺปตฺตปรวิญฺญาตํ ปุเพฺพนิวาสํ ทเสฺสตุํ ‘‘ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณาทีสู’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ฉินฺนวฎุมกา อตีเต ปรินิพฺพุตา ขีณาสวา ฉินฺนสํสารมคฺคตฺตา ฯ อาทิ-สเทฺทน อปรินิพฺพุตานํ ปรวิญฺญาณวิญฺญาตานมฺปิ สีโหกฺกนฺติกวสเอน อนุสฺสรณํ คหิตํฯ ยาย สติยา ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุเพฺพนิวาสานุสฺสตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ
Pubbenivāsānussatiyaṃ ñāṇaṃ pubbenivāsānussatiñāṇanti nibbacanaṃ dassento āha pubbenivāsānussatimhītiādi. Idāni pubbenivāsaṃ pubbenivāsānussatiṃ tattha ñāṇañca vibhāgato dassetuṃ tatthātiādi vuttaṃ. Pubba-saddo atītabhavavisayo, nivāsa-saddo ca kammasādhanoti āha ‘‘pubbe atītajātīsu nivutthakkhandhā’’ti. Nivutthatā cettha sakasantāne pavattatā, tenāha anubhūtātiādi. Idāni saparasantānasādhanavasena nivāsa-saddassa atthaṃ dassetuṃ ‘‘nivutthadhammā vā nivutthā’’ti vatvā taṃ vivarituṃ gocaranivāsenātiādi vuttaṃ. Gocarabhūtāpi hi dhammā ñāṇena nivutthā nāma honti, te pana saparaviññāṇagocaratāya duvidhāti dassetuṃ attanotiādi vuttaṃ. Paraviññāṇaviññātāpi vā nivutthāti sambandho. Idhāpi paricchinnāti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Anamataggepi hi saṃsāre attanā aviññātapubbānaṃ sattānaṃ khandhā pareheva kehici viññātattā paraviññāṇaviññātā nāma vuttā, tesaṃ anussaraṇaṃ purimato dukkaraṃ yehi parehi viññātatāya te paraviññāṇaviññātā nāma jātā, tesaṃ vattamānasantānānusārena viññātabbato. Te ca paraviññāṇaviññātā duvidhā parinibbutā aparinibbutāti. Tesu ca parinibbutānussaraṇaṃ dukkaraṃ sabbaso susamucchinnasantānattā. Taṃ pana sikhāppattaparaviññātaṃ pubbenivāsaṃ dassetuṃ ‘‘chinnavaṭumakānussaraṇādīsū’’ti vuttaṃ. Tattha chinnavaṭumakā atīte parinibbutā khīṇāsavā chinnasaṃsāramaggattā . Ādi-saddena aparinibbutānaṃ paraviññāṇaviññātānampi sīhokkantikavasaena anussaraṇaṃ gahitaṃ. Yāya satiyā pubbenivāsaṃ anussarati, sā pubbenivāsānussatīti ānetvā sambandhitabbaṃ.
วิหิต-สโทฺท วิธ-สทฺทปริยาโยติ อาห ‘‘อเนกวิธ’’นฺติ, ภวโยนิอาทิวเสน พหุวิธนฺติ อโตฺถฯ วิหิตนฺติ วา ปยุตฺตํ วณฺณิตนฺติ อตฺถํ คเหตฺวา ‘‘อเนเกหิ ปกาเรหิ วิหิต’’นฺติ วตฺตเพฺพ มเชฺฌปทโลปํ กตฺวา นิทฺทิฎฺฐนฺติ อาห ‘‘อเนเกหิ…เป.… สํวณฺณิต’’นฺติฯ ปกาเรหีติ นามโคตฺตาทิปกาเรหิฯ สํวณฺณิตนฺติ พุทฺธาทีหิ กถิตํฯ อนุ-สโทฺท อนนฺตรตฺถทีปโกติ อาห ‘‘อภินินฺนามิตมเตฺต เอวา’’ติ, เอเตน จ ปริกมฺมสฺส อารทฺธตํ ทเสฺสติฯ ปูริตปารมีนญฺหีติอาทินา ปริกมฺมํ วินาปิ สิทฺธิํ ทเสฺสติฯ
Vihita-saddo vidha-saddapariyāyoti āha ‘‘anekavidha’’nti, bhavayoniādivasena bahuvidhanti attho. Vihitanti vā payuttaṃ vaṇṇitanti atthaṃ gahetvā ‘‘anekehi pakārehi vihita’’nti vattabbe majjhepadalopaṃ katvā niddiṭṭhanti āha ‘‘anekehi…pe… saṃvaṇṇita’’nti. Pakārehīti nāmagottādipakārehi. Saṃvaṇṇitanti buddhādīhi kathitaṃ. Anu-saddo anantaratthadīpakoti āha ‘‘abhininnāmitamatte evā’’ti, etena ca parikammassa āraddhataṃ dasseti. Pūritapāramīnañhītiādinā parikammaṃ vināpi siddhiṃ dasseti.
อารทฺธปฺปการทสฺสนเตฺถติ อนุสฺสริตุํ อารทฺธานํ ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธานํ ทสฺสนเตฺถฯ ชายตีติ ชาติ, ภโวฯ โส เอกกมฺมมูลโก อาทานนิเกฺขปปริจฺฉิโนฺน ขนฺธปฺปพโนฺธ อิธ ‘‘ชาตี’’ติ อธิเปฺปโตติ อาห เอกมฺปีติอาทิฯ กโปฺปติ อสเงฺขฺยยฺยกโปฺป, โส ปน อตฺถโต กาโล ตถาปวตฺตธมฺมมุปาทาย ปญฺญโตฺต, เตสํ วเสนสฺส ปริหานิ จ วฑฺฒิ จ เวทิตพฺพาฯ สํวโฎฺฎ สํวฎฺฎนํ วินาโส อสฺส อตฺถีติ สํวโฎฺฎ, อสเงฺขฺยยฺยกโปฺปฯ สํวเฎฺฎน วินาเสน สห ติฎฺฐติ สีเลนาติ สํวฎฺฎฎฺฐายีฯ เอวํ วิวโฎฺฎติอาทีสุปิฯ ตตฺถ วิวฎฺฎนํ วิวโฎฺฎ, อุปฺปตฺติ, วฑฺฒิ วาฯ เตเชน วินาโส เตโชสํวโฎฺฎฯ วิตฺถารโต ปนาติ ปุถุลโต ปน สํวฎฺฎสีมาเภโท นตฺถิ, เตนาห ‘‘สทาปี’’ติฯ เอกนคริยา วิย อสฺส ชาตกฺขเณ วิการาปชฺชนโต ชาติเกฺขตฺตโวหาโรติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิสนฺธิอาทีสุ กมฺปตี’’ติ วุตฺตํฯ อานุภาโว ปวตฺตตีติ ตทโนฺตคธานํ สเพฺพสํ สตฺตานํ โรคาทิอุปทฺทโว วูปสมฺมตีติ อธิปฺปาโยฯ ยํ ยาวตา วา ปน อากเงฺขยฺยาติ วุตฺตนฺติ ยํ วิสยเกฺขตฺตํ สนฺธาย เอกสฺมิํ เอว ขเณ สพฺพตฺถ สเรน อภิวิญฺญาปนํ, อตฺตโน รูปกายทสฺสนญฺจ ปฎิชานเนฺตน ภควตา ‘‘ยาวตา วา ปน อากเงฺขยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ
Āraddhappakāradassanattheti anussarituṃ āraddhānaṃ pubbe nivutthakkhandhānaṃ dassanatthe. Jāyatīti jāti, bhavo. So ekakammamūlako ādānanikkhepaparicchinno khandhappabandho idha ‘‘jātī’’ti adhippetoti āha ekampītiādi. Kappoti asaṅkhyeyyakappo, so pana atthato kālo tathāpavattadhammamupādāya paññatto, tesaṃ vasenassa parihāni ca vaḍḍhi ca veditabbā. Saṃvaṭṭo saṃvaṭṭanaṃ vināso assa atthīti saṃvaṭṭo, asaṅkhyeyyakappo. Saṃvaṭṭena vināsena saha tiṭṭhati sīlenāti saṃvaṭṭaṭṭhāyī. Evaṃ vivaṭṭotiādīsupi. Tattha vivaṭṭanaṃ vivaṭṭo, uppatti, vaḍḍhi vā. Tejena vināso tejosaṃvaṭṭo. Vitthārato panāti puthulato pana saṃvaṭṭasīmābhedo natthi, tenāha ‘‘sadāpī’’ti. Ekanagariyā viya assa jātakkhaṇe vikārāpajjanato jātikkhettavohāroti dassetuṃ ‘‘paṭisandhiādīsu kampatī’’ti vuttaṃ. Ānubhāvo pavattatīti tadantogadhānaṃ sabbesaṃ sattānaṃ rogādiupaddavo vūpasammatīti adhippāyo. Yaṃ yāvatā vā pana ākaṅkheyyāti vuttanti yaṃ visayakkhettaṃ sandhāya ekasmiṃ eva khaṇe sabbattha sarena abhiviññāpanaṃ, attano rūpakāyadassanañca paṭijānantena bhagavatā ‘‘yāvatā vā pana ākaṅkheyyā’’ti vuttaṃ.
เอเตสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ ปวตฺตผลโภชโนติ สยํปติตผลาหาโร, อิทญฺจ ตาปสกาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อิธูปปตฺติยาติ อิธ จริมภเว อุปปตฺติยาฯ เอกโคโตฺตติ ตุสิตโคเตฺตน เอกโคโตฺตฯ อิตเรติ วณฺณาทโยฯ ติตฺถิยาติ กมฺมผลวาทิโนฯ อภินีหาโรติ อภินีหาโรปลกฺขิโต ปุญฺญญาณสมฺภรณกาโล วุโตฺตฯ จุติปฎิสนฺธิวเสนาติ อตฺตโน ปรสฺส วา ตสฺมิํ ตสฺมิํ อตฺตภาเว จุติํ ทิสฺวา อนฺตรา กิญฺจิ อนามสิตฺวา ปฎิสนฺธิยา เอว คหณวเสน เอวํ ชานนํ อิจฺฉิตปฺปเทโสกฺกมนนฺติ อาห เตสญฺหีติอาทิฯ อุภยถาปีติ ขนฺธปฎิปาฎิยาปิ จุติปฎิสนฺธิวเสนปิฯ สีโหกฺกนฺตวเสนปีติ สีหนิปาตวเสนปิฯ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนเฎฺฐน วีริยํ อาตาโปติ อาห ‘‘วีริยาตาเปนา’’ติฯ
Etesūti niddhāraṇe bhummaṃ. Pavattaphalabhojanoti sayaṃpatitaphalāhāro, idañca tāpasakālaṃ sandhāya vuttaṃ. Idhūpapattiyāti idha carimabhave upapattiyā. Ekagottoti tusitagottena ekagotto. Itareti vaṇṇādayo. Titthiyāti kammaphalavādino. Abhinīhāroti abhinīhāropalakkhito puññañāṇasambharaṇakālo vutto. Cutipaṭisandhivasenāti attano parassa vā tasmiṃ tasmiṃ attabhāve cutiṃ disvā antarā kiñci anāmasitvā paṭisandhiyā eva gahaṇavasena evaṃ jānanaṃ icchitappadesokkamananti āha tesañhītiādi. Ubhayathāpīti khandhapaṭipāṭiyāpi cutipaṭisandhivasenapi. Sīhokkantavasenapīti sīhanipātavasenapi. Kilesānaṃ ātāpanaparitāpanaṭṭhena vīriyaṃ ātāpoti āha ‘‘vīriyātāpenā’’ti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ปุเพฺพนิวาสกถา • Pubbenivāsakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
ปุเพฺพนิวาสกถา • Pubbenivāsakathā
๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปุเพฺพนิวาสกถาวณฺณนา • Pubbenivāsakathāvaṇṇanā
