Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. ปุเพฺพสโมฺพธสุตฺตวณฺณนา
2. Pubbesambodhasuttavaṇṇanā
๑๑๕. ทุติเย อยํ ปถวีธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ ปถวีธาตุนิสฺสโย อสฺสาโทฯ สฺวายํ กายํ อพฺภุนฺนาเมตฺวา อุทรํ ปสาเรตฺวา, ‘‘อิธ เม องฺคุลํ ปเวสิตุํ วายมถา’’ติ วา หตฺถํ ปสาเรตฺวา, ‘‘อิมํ นาเมตุํ วายมถา’’ติ วา วทติ, เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตโพฺพฯ อนิจฺจาติอาทีสุ หุตฺวา อภาวากาเรน อนิจฺจา, ปฎิปีฬนากาเรน ทุกฺขา, สภาววิคมากาเรน วิปริณามธมฺมาฯ อยํ ปถวีธาตุยา อาทีนโวติ เยน อากาเรน สา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, อยมากาโร ปถวีธาตุยา อาทีนโวติ อโตฺถฯ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ นิพฺพานํ อาคมฺม ปถวีธาตุยา ฉนฺทราโค วินียติ เจว ปหียติ จ, ตสฺมา นิพฺพานมสฺสา นิสฺสรณํฯ
115. Dutiye ayaṃ pathavīdhātuyā assādoti ayaṃ pathavīdhātunissayo assādo. Svāyaṃ kāyaṃ abbhunnāmetvā udaraṃ pasāretvā, ‘‘idha me aṅgulaṃ pavesituṃ vāyamathā’’ti vā hatthaṃ pasāretvā, ‘‘imaṃ nāmetuṃ vāyamathā’’ti vā vadati, evaṃ pavattānaṃ vasena veditabbo. Aniccātiādīsu hutvā abhāvākārena aniccā, paṭipīḷanākārena dukkhā, sabhāvavigamākārena vipariṇāmadhammā. Ayaṃ pathavīdhātuyā ādīnavoti yena ākārena sā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā, ayamākāro pathavīdhātuyā ādīnavoti attho. Chandarāgavinayo chandarāgappahānanti nibbānaṃ āgamma pathavīdhātuyā chandarāgo vinīyati ceva pahīyati ca, tasmā nibbānamassā nissaraṇaṃ.
อยํ อาโปธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ อาโปธาตุนิสฺสโย อสฺสาโทฯ สฺวายํ อญฺญํ อาโปธาตุยา อุปทฺทุตํ ทิสฺวา, ‘‘กิํ อยํ นิปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย ปสฺสาวฎฺฐานาภิมุโข นิกฺขมติ เจว ปวิสติ จ, อปฺปมตฺตกมฺปิสฺส กมฺมํ กโรนฺตสฺส เสทตินฺตํ วตฺถํ ปีเฬตพฺพตาการํ ปาปุณาติ, อนุโมทนมตฺตมฺปิ กเถนฺตสฺส ตาลวณฺฎํ คณฺหิตพฺพํ โหติ, มยํ ปน สายํ นิปนฺนา ปาโตว อุฎฺฐหาม, มาสปุณฺณฆโฎ วิย โน สรีรํ, มหากมฺมํ กโรนฺตานํ เสทมตฺตมฺปิ โน น อุปฺปชฺชติ, อสนิสเทฺทน วิย ธมฺมํ กเถนฺตานํ สรีเร อุสุมาการมตฺตมฺปิ โน นตฺถี’’ติ เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตโพฺพฯ
Ayaṃ āpodhātuyā assādoti ayaṃ āpodhātunissayo assādo. Svāyaṃ aññaṃ āpodhātuyā upaddutaṃ disvā, ‘‘kiṃ ayaṃ nipannakālato paṭṭhāya passāvaṭṭhānābhimukho nikkhamati ceva pavisati ca, appamattakampissa kammaṃ karontassa sedatintaṃ vatthaṃ pīḷetabbatākāraṃ pāpuṇāti, anumodanamattampi kathentassa tālavaṇṭaṃ gaṇhitabbaṃ hoti, mayaṃ pana sāyaṃ nipannā pātova uṭṭhahāma, māsapuṇṇaghaṭo viya no sarīraṃ, mahākammaṃ karontānaṃ sedamattampi no na uppajjati, asanisaddena viya dhammaṃ kathentānaṃ sarīre usumākāramattampi no natthī’’ti evaṃ pavattānaṃ vasena veditabbo.
อยํ เตโชธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ เตโชธาตุนิสฺสโย อสฺสาโทฯ สฺวายํ สีตคหณิเก ทิสฺวา, ‘‘กิํ อิเม กิญฺจิเทว ยาคุภตฺตขชฺชมตฺตํ อโชฺฌหริตฺวา ถทฺธกุจฺฉิโน นิสีทิตฺวา สพฺพรตฺติํ องฺคารกฎาหํ ปริเยสนฺติ, ผุสิตมเตฺตสุปิ สรีเร ปติเตสุ องฺคารกฎาหํ โอตฺถริตฺวา ปารุปิตฺวาว นิปชฺชนฺติ? มยํ ปน อติถทฺธมฺปิ มํสํ วา ปูวํ วา ขาทาม, กุจฺฉิปูรํ ภตฺตํ ภุญฺชาม, ตาวเทว โน สพฺพํ เผณปิโณฺฑ วิย วิลียติ, สตฺตาหวทฺทลิกาย วตฺตมานาย สรีเร สีตานุทหนมตฺตมฺปิ โน นตฺถี’’ติ เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตโพฺพฯ
Ayaṃtejodhātuyā assādoti ayaṃ tejodhātunissayo assādo. Svāyaṃ sītagahaṇike disvā, ‘‘kiṃ ime kiñcideva yāgubhattakhajjamattaṃ ajjhoharitvā thaddhakucchino nisīditvā sabbarattiṃ aṅgārakaṭāhaṃ pariyesanti, phusitamattesupi sarīre patitesu aṅgārakaṭāhaṃ ottharitvā pārupitvāva nipajjanti? Mayaṃ pana atithaddhampi maṃsaṃ vā pūvaṃ vā khādāma, kucchipūraṃ bhattaṃ bhuñjāma, tāvadeva no sabbaṃ pheṇapiṇḍo viya vilīyati, sattāhavaddalikāya vattamānāya sarīre sītānudahanamattampi no natthī’’ti evaṃ pavattānaṃ vasena veditabbo.
อยํ วาโยธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ วาโยธาตุนิสฺสโย อสฺสาโทฯ สฺวายํ อเญฺญ วาตภีรุเก ทิสฺวา, ‘‘อิเมสํ อปฺปมตฺตกมฺปิ กมฺมํ กโรนฺตานํ อนุโมทนมตฺตมฺปิ กเถนฺตานํ สรีรํ วาโต วิชฺฌติ, คาวุตมตฺตมฺปิ อทฺธานํ คตานํ หตฺถปาทา สีทนฺติ, ปิฎฺฐิ รุชฺชติ, กุจฺฉิวาตสีสวาตกณฺณวาตาทีหิ นิจฺจุปทฺทุตา เตลผาณิตาทีนิ วาตเภสชฺชาเนว กโรนฺตา อตินาเมนฺติ, อมฺหากํ ปน มหากมฺมํ กโรนฺตานมฺปิ ติยามรตฺติํ ธมฺมํ กเถนฺตานมฺปิ เอกทิวเสเนว ทส โยชนานิ คจฺฉนฺตานมฺปิ หตฺถปาทสํสีทนมตฺตํ วา ปิฎฺฐิรุชฺชนมตฺตํ วา น โหตี’’ติ, เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตโพฺพฯ เอวํ ปวตฺตา หิ เอตา ธาตุโย อสฺสาเทนฺติ นามฯ
Ayaṃvāyodhātuyā assādoti ayaṃ vāyodhātunissayo assādo. Svāyaṃ aññe vātabhīruke disvā, ‘‘imesaṃ appamattakampi kammaṃ karontānaṃ anumodanamattampi kathentānaṃ sarīraṃ vāto vijjhati, gāvutamattampi addhānaṃ gatānaṃ hatthapādā sīdanti, piṭṭhi rujjati, kucchivātasīsavātakaṇṇavātādīhi niccupaddutā telaphāṇitādīni vātabhesajjāneva karontā atināmenti, amhākaṃ pana mahākammaṃ karontānampi tiyāmarattiṃ dhammaṃ kathentānampi ekadivaseneva dasa yojanāni gacchantānampi hatthapādasaṃsīdanamattaṃ vā piṭṭhirujjanamattaṃ vā na hotī’’ti, evaṃ pavattānaṃ vasena veditabbo. Evaṃ pavattā hi etā dhātuyo assādenti nāma.
อพฺภญฺญาสินฺติ อภิวิสิเฎฺฐน ญาเณน อญฺญาสิํฯ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธินฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฎฺฐํ สมฺมา สามญฺจ โพธิํ, อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรญฺจ โพธิํฯ โพธีติ รุโกฺขปิ มโคฺคปิ สพฺพญฺญุตญฺญาณมฺปิ นิพฺพานมฺปิฯ ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปฐมาภิสมฺพุโทฺธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา จ โพธิํ อนฺตรา จ คย’’นฺติ (มหาว. ๑๑; ม.นิ. ๑.๒๘๕) จ อาคตฎฺฐาเนสุ หิ รุโกฺข โพธีติ วุจฺจติฯ ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มเคฺคสุ ญาณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทส ๑๒๑) อาคตฎฺฐาเน มโคฺคฯ ‘‘ปโปฺปติ โพธิํ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฎฺฐาเน สพฺพญฺญุตญฺญาณํฯ ‘‘ปตฺวาน โพธิํ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฎฺฐาเน นิพฺพานํฯ อิธ ปน ภควโต อรหตฺตมโคฺค อธิเปฺปโตฯ
Abbhaññāsinti abhivisiṭṭhena ñāṇena aññāsiṃ. Anuttaraṃ sammāsambodhinti uttaravirahitaṃ sabbaseṭṭhaṃ sammā sāmañca bodhiṃ, atha vā pasatthaṃ sundarañca bodhiṃ. Bodhīti rukkhopi maggopi sabbaññutaññāṇampi nibbānampi. ‘‘Bodhirukkhamūle paṭhamābhisambuddho’’ti (mahāva. 1; udā. 1) ca ‘‘antarā ca bodhiṃ antarā ca gaya’’nti (mahāva. 11; ma.ni. 1.285) ca āgataṭṭhānesu hi rukkho bodhīti vuccati. ‘‘Bodhi vuccati catūsu maggesu ñāṇa’’nti (cūḷani. khaggavisāṇasuttaniddesa 121) āgataṭṭhāne maggo. ‘‘Pappoti bodhiṃ varabhūrimedhaso’’ti (dī. ni. 3.217) āgataṭṭhāne sabbaññutaññāṇaṃ. ‘‘Patvāna bodhiṃ amataṃ asaṅkhata’’nti āgataṭṭhāne nibbānaṃ. Idha pana bhagavato arahattamaggo adhippeto.
สาวกานํ อรหตฺตมโคฺค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติฯ กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตาฯ เตสญฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมโคฺค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติโสฺส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิญฺญา, กสฺสจิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมีญาณํฯ ปเจฺจกพุทฺธานมฺปิ ปเจฺจกโพธิญาณเมว เทติฯ พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺติํ เทติ อภิเสโก วิย รโญฺญ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํฯ ตสฺมา อญฺญสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหติฯ
Sāvakānaṃ arahattamaggo anuttarā bodhi hoti, na hotīti? Na hoti. Kasmā? Asabbaguṇadāyakattā. Tesañhi kassaci arahattamaggo arahattaphalameva deti, kassaci tisso vijjā, kassaci cha abhiññā, kassaci catasso paṭisambhidā, kassaci sāvakapāramīñāṇaṃ. Paccekabuddhānampi paccekabodhiñāṇameva deti. Buddhānaṃ pana sabbaguṇasampattiṃ deti abhiseko viya rañño sabbalokissariyabhāvaṃ. Tasmā aññassa kassacipi anuttarā bodhi na hoti.
อภิสมฺพุโทฺธติ ปจฺจญฺญาสินฺติ ‘‘อภิสมฺพุโทฺธ อหํ ปโตฺต ปฎิวิชฺฌิตฺวา ฐิโต’’ติ เอวํ ปฎิชานิํฯ ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทีติ อธิคตคุณทสฺสนสมตฺถํ ปจฺจเวกฺขณญาณญฺจ เม อุทปาทิฯ อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ ‘‘อยํ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปา’’ติ เอวํ ญาณํ อุทปาทิฯ ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อกุปฺปตา เวทิตพฺพา การณโต จ อารมฺมณโต จฯ สา หิ จตูหิ มเคฺคหิ สมุจฺฉินฺนกิเลสานํ ปุน อนิวตฺตนตาย การณโตปิ อกุปฺปา, อกุปฺปธมฺมํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตาย อารมฺมณโตปิ อกุปฺปาฯ อนฺติมาติ ปจฺฉิมาฯ นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิทานิ ปุน อโญฺญ ภโว นาม นตฺถีติฯ
Abhisambuddhoti paccaññāsinti ‘‘abhisambuddho ahaṃ patto paṭivijjhitvā ṭhito’’ti evaṃ paṭijāniṃ. Ñāṇañca pana me dassanaṃ udapādīti adhigataguṇadassanasamatthaṃ paccavekkhaṇañāṇañca me udapādi. Akuppā me vimuttīti ‘‘ayaṃ mayhaṃ arahattaphalavimutti akuppā’’ti evaṃ ñāṇaṃ udapādi. Tattha dvīhākārehi akuppatā veditabbā kāraṇato ca ārammaṇato ca. Sā hi catūhi maggehi samucchinnakilesānaṃ puna anivattanatāya kāraṇatopi akuppā, akuppadhammaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā pavattatāya ārammaṇatopi akuppā. Antimāti pacchimā. Natthi dāni punabbhavoti idāni puna añño bhavo nāma natthīti.
อิมสฺมิํ สุเตฺต จตฺตาริ สจฺจานิ กถิตานิฯ กถํ? จตูสุ หิ ธาตูสุ อสฺสาโท สมุทยสจฺจํ, อาทีนโว ทุกฺขสจฺจํ, นิสฺสรณํ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานโน มโคฺค มคฺคสจฺจํฯ วิตฺถารวเสนปิ กเถตุํ วฎฺฎติเยวฯ เอตฺถ หิ ยํ ปถวีธาตุํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ ปถวีธาตุยา อสฺสาโทติ ปหานปฎิเวโธ สมุทยสจฺจํฯ ยา ปถวีธาตุ อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, อยํ ปถวีธาตุยา, อาทีนโวติ ปริญฺญาปฎิเวโธ ทุกฺขสจฺจํฯ โย ปถวีธาตุยา ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ, อิทํ ปถวีธาตุยา นิสฺสรณนฺติ สจฺฉิกิริยาปฎิเวโธ นิโรธสจฺจํฯ ยา อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ ทิฎฺฐิ สงฺกโปฺป วาจา กมฺมโนฺต อาชีโว วายาโม สติ สมาธิ, อยํ ภาวนาปฎิเวโธ มคฺคสจฺจนฺติฯ ทุติยํฯ
Imasmiṃ sutte cattāri saccāni kathitāni. Kathaṃ? Catūsu hi dhātūsu assādo samudayasaccaṃ, ādīnavo dukkhasaccaṃ, nissaraṇaṃ nirodhasaccaṃ, nirodhappajānano maggo maggasaccaṃ. Vitthāravasenapi kathetuṃ vaṭṭatiyeva. Ettha hi yaṃ pathavīdhātuṃ paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ, ayaṃ pathavīdhātuyā assādoti pahānapaṭivedho samudayasaccaṃ. Yā pathavīdhātu aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā, ayaṃ pathavīdhātuyā, ādīnavoti pariññāpaṭivedho dukkhasaccaṃ. Yo pathavīdhātuyā chandarāgavinayo chandarāgappahānaṃ, idaṃ pathavīdhātuyā nissaraṇanti sacchikiriyāpaṭivedho nirodhasaccaṃ. Yā imesu tīsu ṭhānesu diṭṭhi saṅkappo vācā kammanto ājīvo vāyāmo sati samādhi, ayaṃ bhāvanāpaṭivedho maggasaccanti. Dutiyaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. ปุเพฺพสโมฺพธสุตฺตํ • 2. Pubbesambodhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ปุเพฺพสโมฺพธสุตฺตวณฺณนา • 2. Pubbesambodhasuttavaṇṇanā