Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā

    มหาวโคฺค

    Mahāvaggo

    ๑. ปุคฺคลกถา

    1. Puggalakathā

    ๑. สุทฺธสจฺจิกโฎฺฐ

    1. Suddhasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    . ตตฺถ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติ อยํ ปุจฺฉาฯ อามนฺตาติ อยํ ปฎิชานนาฯ กสฺส ปนายํ ปุจฺฉา, กสฺส ปฎิชานนาติ? อสุกสฺสาติ น วตฺตพฺพาฯ ภควตา หิ อิมสฺมิํ ปกรเณ นานปฺปการานํ ลทฺธีนํ วิโสธนตฺถํ ตนฺติวเสน มาติกา ฐปิตาฯ สา เถเรน สตฺถารา ทินฺนนเย ฐตฺวา ตนฺติวเสน วิภตฺตาฯ น หิ เถโร ยตฺตกา เอตฺถ วาทมคฺคา ทสฺสิตา, ตตฺตเกหิ วาทีหิ สทฺธิํ วาเทน วิคฺคาหิกกถํ กเถสิฯ เอวํ สเนฺตปิ ปน ตาสํ ตาสํ กถานํ อตฺถสฺส สุขาวธารณตฺถํ สกวาทีปุจฺฉา, ปรวาทีปุจฺฉา, สกวาทีปฎิญฺญา, ปรวาทีปฎิญฺญาติ เอวํ วิภาคํ ทเสฺสตฺวาว อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามฯ

    1. Tattha puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti ayaṃ pucchā. Āmantāti ayaṃ paṭijānanā. Kassa panāyaṃ pucchā, kassa paṭijānanāti? Asukassāti na vattabbā. Bhagavatā hi imasmiṃ pakaraṇe nānappakārānaṃ laddhīnaṃ visodhanatthaṃ tantivasena mātikā ṭhapitā. Sā therena satthārā dinnanaye ṭhatvā tantivasena vibhattā. Na hi thero yattakā ettha vādamaggā dassitā, tattakehi vādīhi saddhiṃ vādena viggāhikakathaṃ kathesi. Evaṃ santepi pana tāsaṃ tāsaṃ kathānaṃ atthassa sukhāvadhāraṇatthaṃ sakavādīpucchā, paravādīpucchā, sakavādīpaṭiññā, paravādīpaṭiññāti evaṃ vibhāgaṃ dassetvāva atthavaṇṇanaṃ karissāma.

    ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติ หิ อยํ สกวาทีปุจฺฉาฯ ตาย ‘‘เย อตฺถิ ปุคฺคโลติ เอวํลทฺธิกา ปุคฺคลวาทิโน, เต เอวํ ปุจฺฉิตพฺพา’’ติ ทีเปติฯ เก ปน ปุคฺคลวาทิโนติ? สาสเน วชฺชิปุตฺตกา เจว สมิติยา จ พหิทฺธา จ พหู อญฺญติตฺถิยาฯ ตตฺถ ปุคฺคโลติ อตฺตา, สโตฺต ชีโวฯ อุปลพฺภตีติ ปญฺญาย อุปคนฺตฺวา ลพฺภติ, ญายตีติ อโตฺถฯ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติ เอตฺถ สจฺจิกโฎฺฐติ มายามรีจิอาทโย วิย อภูตากาเรน อคฺคเหตโพฺพ ภูตโฎฺฐฯ ปรมโตฺถติ อนุสฺสวาทิวเสน อคฺคเหตโพฺพ อุตฺตมโตฺถฯ อุภเยนาปิ โย ปรโต ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน, รูปญฺจ อุปลพฺภตี’’ติอาทินา ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยวเสน สตฺตปญฺญาสวิโธ ธมฺมปฺปเภโท ทสฺสิโต ฯ ยถา โส ภูเตน สภาวเฎฺฐน อุปลพฺภติ, เอวํ ตว ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ปุจฺฉติฯ ปรวาที อามนฺตาติ ปฎิชานาติฯ ปฎิชานนญฺหิ กตฺถจิ ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ อาคจฺฉติ, กตฺถจิ ‘‘อาโม’’ติ ปฎิชานนํ อาคจฺฉติฯ อิธ ปน ‘‘อามนฺตา’’ติ อาคตํฯ ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – โส หิ ยํ ตํ ปรโต วุตฺตํ ภควตา – ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’’ติ สุตฺตํ อาคตํ, ตํ คเหตฺวา ยสฺมา ปน ภควา สจฺจวาที น วิสํวาทนปุเรกฺขาโร วาจํ ภาสติ, นาปิ อนุสฺสวาทิวเสน ธมฺมํ เทเสติ, สเทวกํ ปน โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ, ตสฺมา โย เตน วุโตฺต ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’’ติ, โส สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถเนว อตฺถีติ ลทฺธิํ คเหตฺวา ‘‘อามนฺตา’’ติ ปฎิชานาติฯ

    Puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti hi ayaṃ sakavādīpucchā. Tāya ‘‘ye atthi puggaloti evaṃladdhikā puggalavādino, te evaṃ pucchitabbā’’ti dīpeti. Ke pana puggalavādinoti? Sāsane vajjiputtakā ceva samitiyā ca bahiddhā ca bahū aññatitthiyā. Tattha puggaloti attā, satto jīvo. Upalabbhatīti paññāya upagantvā labbhati, ñāyatīti attho. Saccikaṭṭhaparamatthenāti ettha saccikaṭṭhoti māyāmarīciādayo viya abhūtākārena aggahetabbo bhūtaṭṭho. Paramatthoti anussavādivasena aggahetabbo uttamattho. Ubhayenāpi yo parato ‘‘puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthena, rūpañca upalabbhatī’’tiādinā khandhāyatanadhātuindriyavasena sattapaññāsavidho dhammappabhedo dassito . Yathā so bhūtena sabhāvaṭṭhena upalabbhati, evaṃ tava puggalo upalabbhatīti pucchati. Paravādī āmantāti paṭijānāti. Paṭijānanañhi katthaci ‘‘āma, bhante’’ti āgacchati, katthaci ‘‘āmo’’ti paṭijānanaṃ āgacchati. Idha pana ‘‘āmantā’’ti āgataṃ. Tatrāyaṃ adhippāyo – so hi yaṃ taṃ parato vuttaṃ bhagavatā – ‘‘atthi puggalo attahitāya paṭipanno’’ti suttaṃ āgataṃ, taṃ gahetvā yasmā pana bhagavā saccavādī na visaṃvādanapurekkhāro vācaṃ bhāsati, nāpi anussavādivasena dhammaṃ deseti, sadevakaṃ pana lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti, tasmā yo tena vutto ‘‘atthi puggalo attahitāya paṭipanno’’ti, so saccikaṭṭhaparamattheneva atthīti laddhiṃ gahetvā ‘‘āmantā’’ti paṭijānāti.

    อถสฺส ตาทิสสฺส เลสวจนสฺส ฉลวาทสฺส โอกาสํ อททมาโน สกวาที โย สจฺจิกโฎฺฐติอาทิมาหฯ ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ยฺวายํ ปรโต ‘‘สปฺปจฺจโย อปฺปจฺจโย, สงฺขโต อสงฺขโต, สสฺสโต, อสสฺสโต สนิมิโตฺต อนิมิโตฺต’’ติ เอวํ ปริทีปิโต รูปาทิสตฺตปญฺญาสวิโธ ธมฺมปฺปเภโท อาคโต; น สมฺมุติสจฺจวเสน, นาปิ อนุสฺสวาทิวเสน คเหตโพฺพฯ อตฺตโน ปน ภูตตาย เอว สจฺจิกโฎฺฐ, อตฺตปจฺจกฺขตาย จ ปรมโตฺถฯ ตํ สนฺธายาห – ‘‘โย สจฺจิกโฎฺฐ ปรมโตฺถ, ตโต โส ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติฯ

    Athassa tādisassa lesavacanassa chalavādassa okāsaṃ adadamāno sakavādī yo saccikaṭṭhotiādimāha. Tatrāyaṃ adhippāyo – yvāyaṃ parato ‘‘sappaccayo appaccayo, saṅkhato asaṅkhato, sassato, asassato sanimitto animitto’’ti evaṃ paridīpito rūpādisattapaññāsavidho dhammappabhedo āgato; na sammutisaccavasena, nāpi anussavādivasena gahetabbo. Attano pana bhūtatāya eva saccikaṭṭho, attapaccakkhatāya ca paramattho. Taṃ sandhāyāha – ‘‘yo saccikaṭṭho paramattho, tato so puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’ti.

    ตโตติ กรณวจนเมตํ, ตสฺมา เตน สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน โส ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – รุปฺปนาทิเภเทน วา สปฺปจฺจยาทิเภเทน วา อากาเรน โย สจฺจิกฎฺฐปรมโตฺถ อุปลพฺภติ, กิํ เต ปุคฺคโลปิ เตนากาเรน อุปลพฺภตีติ? น เหวํ วตฺตเพฺพติ อวชานนา ปรวาทิสฺสฯ โส หิ ตถารูปํ ปุคฺคลํ อนิจฺฉโนฺต อวชานาติฯ ตตฺรายํ ปทเจฺฉโท – ‘น หิ เอวํ วตฺตเพฺพ’ติ, น หิ เอวนฺติปิ วฎฺฎติฯ ทฺวินฺนมฺปิ เอวํ น วตฺตโพฺพติ อโตฺถฯ

    Tatoti karaṇavacanametaṃ, tasmā tena saccikaṭṭhaparamatthena so puggalo upalabbhatīti ayamettha attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – ruppanādibhedena vā sappaccayādibhedena vā ākārena yo saccikaṭṭhaparamattho upalabbhati, kiṃ te puggalopi tenākārena upalabbhatīti? Na hevaṃ vattabbeti avajānanā paravādissa. So hi tathārūpaṃ puggalaṃ anicchanto avajānāti. Tatrāyaṃ padacchedo – ‘na hi evaṃ vattabbe’ti, na hi evantipi vaṭṭati. Dvinnampi evaṃ na vattabboti attho.

    อาชานาหิ นิคฺคหนฺติ สกวาทิวจนํฯ ยสฺมา เต ปุริมาย วตฺตพฺพปฎิญฺญาย ปจฺฉิมา นวตฺตพฺพปฎิญฺญา, ปจฺฉิมาย จ ปุริมา น สนฺธิยติ, ตสฺมาปิ นิคฺคหํ ปโตฺตฯ ตํ นิคฺคหํ โทสํ อปราธํ สมฺปฎิจฺฉาหีติ อโตฺถฯ เอวํ นิคฺคหํ อาชานาเปตฺวา อิทานิ ตํ ฐปนาย เจว อนุโลมปฎิโลมโต ปาปนาโรปนานญฺจ วเสน ปากฎํ กโรโนฺต หญฺจิ ปุคฺคโลติอาทิมาหฯ ตตฺถ หญฺจิ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ยทิ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ, สเจ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติ อโตฺถฯ อยํ ตาว ปรวาทีปกฺขสฺส ฐปนโต นิคฺคหปาปนาโรปนานํ ลกฺขณภูตา อนุโลมฐปนา นามฯ เตน วต เรติอาทิ อนุโลมปเกฺข นิคฺคหสฺส ปาปิตตฺตา อนุโลมปาปนา นามฯ ตตฺถ เตนาติ การณวจนํฯ วตาติ โอกปฺปนวจนํฯ เรติ อามนฺตนวจนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เตน, เร วตฺตเพฺพ วต, เร หโมฺภ, ภทฺรมุข, เตน การเณน วตฺตโพฺพเยวาติฯ ยํ ตตฺถ วเทสีติอาทิ อนุโลมปเกฺข นิคฺคหสฺส อาโรปิตตฺตา อนุโลมโรปนา นามฯ ยํ ตสฺส ปริโยสาเน มิจฺฉาติปทํ ตสฺส ปุรโต อิทํ เต’ติ อาหริตพฺพํฯ อิทํ เต มิจฺฉาติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ ปรโต จ ปาฬิยํ เอตํ อาคตเมวฯ

    Ājānāhi niggahanti sakavādivacanaṃ. Yasmā te purimāya vattabbapaṭiññāya pacchimā navattabbapaṭiññā, pacchimāya ca purimā na sandhiyati, tasmāpi niggahaṃ patto. Taṃ niggahaṃ dosaṃ aparādhaṃ sampaṭicchāhīti attho. Evaṃ niggahaṃ ājānāpetvā idāni taṃ ṭhapanāya ceva anulomapaṭilomato pāpanāropanānañca vasena pākaṭaṃ karonto hañci puggalotiādimāha. Tattha hañci puggalo upalabbhatīti yadi puggalo upalabbhati, sace puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti attho. Ayaṃ tāva paravādīpakkhassa ṭhapanato niggahapāpanāropanānaṃ lakkhaṇabhūtā anulomaṭhapanā nāma. Tena vata retiādi anulomapakkhe niggahassa pāpitattā anulomapāpanā nāma. Tattha tenāti kāraṇavacanaṃ. Vatāti okappanavacanaṃ. Reti āmantanavacanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – tena, re vattabbe vata, re hambho, bhadramukha, tena kāraṇena vattabboyevāti. Yaṃ tattha vadesītiādi anulomapakkhe niggahassa āropitattā anulomaropanā nāma. Yaṃ tassa pariyosāne micchātipadaṃ tassa purato idaṃ te’ti āharitabbaṃ. Idaṃ te micchāti ayañhettha attho. Parato ca pāḷiyaṃ etaṃ āgatameva.

    โน เจ ปน วตฺตเพฺพติอาทิ ‘‘น เหวํ วตฺตเพฺพ’’ติ ปฎิกฺขิตฺตปกฺขสฺส ฐปิตตฺตา ปฎิโลมโต นิคฺคหปาปนาโรปนานํ ลกฺขณภูตา ปฎิโลมฐปนา นามฯ โน จ วต เรติอาทิ ปฎิโลมปเกฺข นิคฺคหสฺส ปาปิตตฺตา ปฎิโลมปาปนา นามฯ ปุน ยํ ตตฺถ วเทสีติอาทิ ปฎิโลมปเกฺข นิคฺคหสฺส อาโรปิตตฺตา ปฎิโลมโรปนา นามฯ อิธาปิ ปริโยสาเน มิจฺฉาติปทสฺส ปุรโต อิทํ เตติ อาหริตพฺพเมวฯ ปรโตปิ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ เอเสว นโยฯ

    No ce pana vattabbetiādi ‘‘na hevaṃ vattabbe’’ti paṭikkhittapakkhassa ṭhapitattā paṭilomato niggahapāpanāropanānaṃ lakkhaṇabhūtā paṭilomaṭhapanā nāma. No ca vata retiādi paṭilomapakkhe niggahassa pāpitattā paṭilomapāpanā nāma. Puna yaṃ tattha vadesītiādi paṭilomapakkhe niggahassa āropitattā paṭilomaropanā nāma. Idhāpi pariyosāne micchātipadassa purato idaṃ teti āharitabbameva. Paratopi evarūpesu ṭhānesu eseva nayo.

    ตตฺรายํ อาทิโต ปฎฺฐาย สเงฺขปโตฺถ – ยทิ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน, เตน วต โภ โส อุปลพฺภตีติ วตฺตโพฺพฯ ยํ ปน ตตฺถ วเทสิ ‘‘วตฺตโพฺพ โข ปุริมปเญฺห ‘สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน อุปลพฺภตี’ติ, โน จ วตฺตโพฺพ ทุติยปเญฺห ‘ตโต โส ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’’ติ, อิทํ เต มิจฺฉาติ เอวํ ตาว อนุโลมโต ฐปนาปาปนาโรปนา โหนฺติฯ อถ น วตฺตโพฺพ ทุติยปเญฺห ‘‘ตโต โส อุปลพฺภตี’’ติ, ปุริมปเญฺหปิ น วตฺตโพฺพวฯ ยํ ปเนตฺถ วเทสิ ‘‘วตฺตโพฺพ โข ปุริมปเญฺห ‘สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน อุปลพฺภตี’ติ, โน จ วตฺตโพฺพ ทุติยปเญฺห ‘ตโต โส ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’’ติ, อิทํ เต มิจฺฉาติ เอวํ ปฎิโลมโต ฐปนาปาปนาโรปนา โหนฺติฯ เอวเมตํ นิคฺคหสฺส จ อนุโลมปฎิโลมโต จตุนฺนํ ปาปนาโรปนานญฺจ วุตฺตตฺตา อุปลพฺภตีติอาทิกํ อนุโลมปญฺจกํ นามฯ เอตฺถ จ กิญฺจาปิ อนุโลมโต ปาปนาโรปนาหิ เอโก, ปฎิโลมโต ปาปนาโรปนาหิ เอโกติ เทฺว นิคฺคหา กตาฯ ‘อาชานาหิ นิคฺคห’นฺติ เอตเสฺสว ปเนตฺถ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ปฐมํ วาทํ นิสฺสาย ปฐมสฺส นิคฺคหสฺส ทฺวีหากาเรหิ อาโรปิตตฺตา เอโกวายํ นิคฺคโหติ ปฐโม นิคฺคโหฯ

    Tatrāyaṃ ādito paṭṭhāya saṅkhepattho – yadi puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthena, tena vata bho so upalabbhatīti vattabbo. Yaṃ pana tattha vadesi ‘‘vattabbo kho purimapañhe ‘saccikaṭṭhaparamatthena upalabbhatī’ti, no ca vattabbo dutiyapañhe ‘tato so puggalo upalabbhatī’’’ti, idaṃ te micchāti evaṃ tāva anulomato ṭhapanāpāpanāropanā honti. Atha na vattabbo dutiyapañhe ‘‘tato so upalabbhatī’’ti, purimapañhepi na vattabbova. Yaṃ panettha vadesi ‘‘vattabbo kho purimapañhe ‘saccikaṭṭhaparamatthena upalabbhatī’ti, no ca vattabbo dutiyapañhe ‘tato so puggalo upalabbhatī’’’ti, idaṃ te micchāti evaṃ paṭilomato ṭhapanāpāpanāropanā honti. Evametaṃ niggahassa ca anulomapaṭilomato catunnaṃ pāpanāropanānañca vuttattā upalabbhatītiādikaṃ anulomapañcakaṃ nāma. Ettha ca kiñcāpi anulomato pāpanāropanāhi eko, paṭilomato pāpanāropanāhi ekoti dve niggahā katā. ‘Ājānāhi niggaha’nti etasseva panettha puggalo upalabbhatīti paṭhamaṃ vādaṃ nissāya paṭhamassa niggahassa dvīhākārehi āropitattā ekovāyaṃ niggahoti paṭhamo niggaho.

    . อิทานิ ปจฺจนีกนโย โหติฯ ตตฺถ ปุจฺฉา ปรวาทิสฺสฯ โส หิ ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’’ติ คหิตตฺตา ‘‘นุปลพฺภตี’’ติ อสมฺปฎิจฺฉโนฺต เอวํ ปุจฺฉติฯ สกวาที ยถา รูปาทิธมฺมา อุปลพฺภนฺติ, เอวํ อนุปลพฺภนียโต อามนฺตาติ ปฎิชานาติฯ ปุน อิตโร อตฺตนา อธิเปฺปตํ สจฺจิกฎฺฐํเยว สนฺธาย โย สจฺจิกโฎฺฐติอาทิมาหฯ สมฺมุติสจฺจปรมตฺถสจฺจานิ วา เอกโต กตฺวาปิ เอวมาหฯ สกวาที ‘ปุคฺคโล’ติ อุปาทาปญฺญตฺติสพฺภาวโตปิ ทฺวินฺนํ สจฺจานํ เอกโต กตฺวา ปุจฺฉิตตฺตาปิ น เหวนฺติ ปฎิกฺขิปติฯ

    2. Idāni paccanīkanayo hoti. Tattha pucchā paravādissa. So hi ‘‘atthi puggalo attahitāya paṭipanno’’ti gahitattā ‘‘nupalabbhatī’’ti asampaṭicchanto evaṃ pucchati. Sakavādī yathā rūpādidhammā upalabbhanti, evaṃ anupalabbhanīyato āmantāti paṭijānāti. Puna itaro attanā adhippetaṃ saccikaṭṭhaṃyeva sandhāya yo saccikaṭṭhotiādimāha. Sammutisaccaparamatthasaccāni vā ekato katvāpi evamāha. Sakavādī ‘puggalo’ti upādāpaññattisabbhāvatopi dvinnaṃ saccānaṃ ekato katvā pucchitattāpi na hevanti paṭikkhipati.

    อิทานิ กิญฺจาปิ เตน ปฐมํ ปรมตฺถสจฺจวเสน นุปลพฺภนียตา สมฺปฎิจฺฉิตา, ปจฺฉา สมฺมุติสจฺจวเสน โวมิสฺสกวเสน วา ปฎิกฺขิตฺตาฯ ปรวาที ปน ‘นุปลพฺภตี’ติ วจนสามญฺญมตฺตํ ฉลวาทํ นิสฺสาย ยํ ตยา ปฐมํ ปฎิญฺญาตํ, ตํ ปจฺฉา ปฎิกฺขิตฺตนฺติ ภณฺฑนสฺส ปฎิภณฺฑนํ วิย อตฺตโน กตสฺส นิคฺคหกมฺมสฺส ปฎิกมฺมํ กโรโนฺต อาชานาหิ ปฎิกมฺมนฺติ อาหฯ อิทานิ ยถาสฺส อนุโลมปญฺจเก สกวาทินา วาทฎฺฐปนํ กตฺวา อนุโลมปฎิโลมโต ปาปนาโรปนาหิ นิคฺคโห ปากโฎ กโต, เอวํ ปฎิกมฺมํ ปากฎํ กโรโนฺต หญฺจิ ปุคฺคโลติอาทิมาหฯ ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อตฺถโต เวทิตพฺพํฯ ยสฺมา ปเนตฺถ ฐปนา นาม ปรวาทีปกฺขสฺส ฐปนโต ‘‘อยํ ตว โทโส’’ติ ทเสฺสตุํ ฐปนมตฺตเมว โหติ, น นิคฺคหสฺส วา ปฎิกมฺมสฺส วา ปากฎภาวกรณํ, ปาปนาโรปนาหิ ปนสฺส ปากฎกรณํ โหติฯ ตสฺมา อิทํ อนุโลมปฎิโลมโต ปาปนาโรปนานํ วเสน จตูหากาเรหิฯ ปฎิกมฺมสฺส กตตฺตา ปฎิกมฺมจตุกฺกํ นามาติ เอกํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ

    Idāni kiñcāpi tena paṭhamaṃ paramatthasaccavasena nupalabbhanīyatā sampaṭicchitā, pacchā sammutisaccavasena vomissakavasena vā paṭikkhittā. Paravādī pana ‘nupalabbhatī’ti vacanasāmaññamattaṃ chalavādaṃ nissāya yaṃ tayā paṭhamaṃ paṭiññātaṃ, taṃ pacchā paṭikkhittanti bhaṇḍanassa paṭibhaṇḍanaṃ viya attano katassa niggahakammassa paṭikammaṃ karonto ājānāhi paṭikammanti āha. Idāni yathāssa anulomapañcake sakavādinā vādaṭṭhapanaṃ katvā anulomapaṭilomato pāpanāropanāhi niggaho pākaṭo kato, evaṃ paṭikammaṃ pākaṭaṃ karonto hañci puggalotiādimāha. Taṃ heṭṭhā vuttanayeneva atthato veditabbaṃ. Yasmā panettha ṭhapanā nāma paravādīpakkhassa ṭhapanato ‘‘ayaṃ tava doso’’ti dassetuṃ ṭhapanamattameva hoti, na niggahassa vā paṭikammassa vā pākaṭabhāvakaraṇaṃ, pāpanāropanāhi panassa pākaṭakaraṇaṃ hoti. Tasmā idaṃ anulomapaṭilomato pāpanāropanānaṃ vasena catūhākārehi. Paṭikammassa katattā paṭikammacatukkaṃ nāmāti ekaṃ catukkaṃ veditabbaṃ.

    . เอวํ ปฎิกมฺมํ กตฺวา อิทานิ ยฺวาสฺส อนุโลมปญฺจเก สกวาทินา นิคฺคโห กโต, ตสฺส ตเมว ฉลวาทํ นิสฺสาย ทุกฺกฎภาวํ ทเสฺสโนฺต ตฺวเญฺจ ปน มญฺญสีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตฺวํ เจ ปน มญฺญสีติ ยทิ ตฺวํ มญฺญสิฯ วตฺตเพฺพ โขติ อิทํ ปจฺจนีเก อามนฺตาติ ปฎิญฺญํ สนฺธาย วุตฺตํ ฯ โน จ วตฺตเพฺพติ อิทํ ปน น เหวาติ อวชานนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตน ตว ตตฺถาติ เตน การเณน ตฺวํเยว ตสฺมิํ นุปลพฺภตีติ ปเกฺข – ‘‘เหวํ ปฎิชานนฺตนฺติ อามนฺตา’’ติ เอวํ ปฎิชานโนฺตฯ เหวํ นิคฺคเหตเพฺพติ ปุน น เหวาติ อวชานโนฺต เอวํ นิคฺคเหตโพฺพฯ อถ ตํ นิคฺคณฺหามาติ อเถวํ นิคฺคหารหํ ตํ นิคฺคณฺหามฯ สุนิคฺคหิโต จ โหสีติ สเกน มเตน นิคฺคหิตตฺตา สุนิคฺคหิโต จ ภวสิฯ

    3. Evaṃ paṭikammaṃ katvā idāni yvāssa anulomapañcake sakavādinā niggaho kato, tassa tameva chalavādaṃ nissāya dukkaṭabhāvaṃ dassento tvañce pana maññasītiādimāha. Tattha tvaṃ ce pana maññasīti yadi tvaṃ maññasi. Vattabbe khoti idaṃ paccanīke āmantāti paṭiññaṃ sandhāya vuttaṃ . No ca vattabbeti idaṃ pana na hevāti avajānanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tena tava tatthāti tena kāraṇena tvaṃyeva tasmiṃ nupalabbhatīti pakkhe – ‘‘hevaṃ paṭijānantanti āmantā’’ti evaṃ paṭijānanto. Hevaṃ niggahetabbeti puna na hevāti avajānanto evaṃ niggahetabbo. Atha taṃ niggaṇhāmāti athevaṃ niggahārahaṃ taṃ niggaṇhāma. Suniggahito ca hosīti sakena matena niggahitattā suniggahito ca bhavasi.

    เอวมสฺส นิคฺคเหตพฺพภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตํ นิคฺคณฺหโนฺต หญฺจีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ฐปนาปาปนาโรปนา เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ ปริโยสาเน ปน อิทํ เต มิจฺฉาติ อิทํ ตว วจนํ มิจฺฉา โหตีติ อโตฺถฯ อิทํ ฉลวาเทน จตูหิ อากาเรหิ นิคฺคหสฺส กตตฺตา นิคฺคหจตุกฺกํ นามฯ

    Evamassa niggahetabbabhāvaṃ dassetvā idāni taṃ niggaṇhanto hañcītiādimāha. Tattha ṭhapanāpāpanāropanā heṭṭhā vuttanayeneva veditabbā. Pariyosāne pana idaṃ te micchāti idaṃ tava vacanaṃ micchā hotīti attho. Idaṃ chalavādena catūhi ākārehi niggahassa katattā niggahacatukkaṃ nāma.

    . เอวํ นิคฺคหํ กตฺวาปิ อิทานิ ‘‘ยทิ อยํ มยา ตว มเตน กโต นิคฺคโห ทุนฺนิคฺคโห, โย มม ตยา เหฎฺฐา อนุโลมปญฺจเก กโต นิคฺคโห, โสปิ ทุนฺนิคฺคโห’’ติ ทเสฺสโนฺต เอเส เจ ทุนฺนิคฺคหิเตติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอเส เจ ทุนฺนิคฺคหิเตติ เอโส เจ ตว วาโท มยา ทุนฺนิคฺคหิโตฯ อถ วา เอโส เจ ตว มยา กโต นิคฺคโห ทุนฺนิคฺคโหฯ เหวเมวํ ตตฺถ ทกฺขาติ ตตฺถาปิ ตยา มม เหฎฺฐา กเต นิคฺคเห เอวเมวํ ปสฺสฯ อิทานิ ยฺวาสฺส เหฎฺฐา สกวาทินา นิคฺคโห กโต, ตํ ‘‘วตฺตเพฺพ โข’’ติอาทิวจเนน ทเสฺสตฺวา ปุน ตํ นิคฺคหํ อนิคฺคหภาวํ อุปเนโนฺต โน จ มยํ ตยาติอาทิมาหฯ ตตฺถ โน จ มยํ ตยา ตตฺถ เหตาย ปฎิญฺญายาติอาทีสุ อยมโตฺถ – ยสฺมา โส ตยา มม กโต นิคฺคโห ทุนฺนิคฺคโห, ตสฺมา มยํ ตยา ตตฺถ อนุโลมปญฺจเก อามนฺตาติ เอตาย ปฎิญฺญาย เอวํ ปฎิชานนฺตา ปุน น เหวาติ ปฎิเกฺขเป กเตปิ ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ เอวํ น นิคฺคเหตโพฺพเยวฯ เอวํ อนิคฺคเหตพฺพมฺปิ มํ นิคฺคณฺหาสิ, อีทิเสน ปน นิคฺคเหน ทุนฺนิคฺคหิตา มยํ โหมฯ

    4. Evaṃ niggahaṃ katvāpi idāni ‘‘yadi ayaṃ mayā tava matena kato niggaho dunniggaho, yo mama tayā heṭṭhā anulomapañcake kato niggaho, sopi dunniggaho’’ti dassento ese ce dunniggahitetiādimāha. Tattha ese ce dunniggahiteti eso ce tava vādo mayā dunniggahito. Atha vā eso ce tava mayā kato niggaho dunniggaho. Hevamevaṃ tattha dakkhāti tatthāpi tayā mama heṭṭhā kate niggahe evamevaṃ passa. Idāni yvāssa heṭṭhā sakavādinā niggaho kato, taṃ ‘‘vattabbe kho’’tiādivacanena dassetvā puna taṃ niggahaṃ aniggahabhāvaṃ upanento no ca mayaṃ tayātiādimāha. Tattha no ca mayaṃ tayā tattha hetāya paṭiññāyātiādīsu ayamattho – yasmā so tayā mama kato niggaho dunniggaho, tasmā mayaṃ tayā tattha anulomapañcake āmantāti etāya paṭiññāya evaṃ paṭijānantā puna na hevāti paṭikkhepe katepi ‘‘ājānāhi niggaha’’nti evaṃ na niggahetabboyeva. Evaṃ aniggahetabbampi maṃ niggaṇhāsi, īdisena pana niggahena dunniggahitā mayaṃ homa.

    อิทานิ ยํ นิคฺคหํ สนฺธาย ‘‘ทุนฺนิคฺคหิตา จ โหมา’’ติ อโวจ, ตํ ทเสฺสตุํ หญฺจิ ปุคฺคโล…เป.… อิทํ เต มิจฺฉาติอาหฯ เอวมิทํ อนุโลมปฎิโลมโต จตูหิ ปาปนาโรปนาหิ นิคฺคหสฺส อุปนีตตฺตา อุปนยนจตุกฺกํ นาม โหติฯ

    Idāni yaṃ niggahaṃ sandhāya ‘‘dunniggahitā ca homā’’ti avoca, taṃ dassetuṃ hañci puggalo…pe… idaṃ te micchātiāha. Evamidaṃ anulomapaṭilomato catūhi pāpanāropanāhi niggahassa upanītattā upanayanacatukkaṃ nāma hoti.

    . อิทานิ ‘‘น เหวํ นิคฺคเหตเพฺพ’’ติอาทิกํ นิคฺคมนจตุกฺกํ นาม โหติฯ ตตฺถ น เหวํ นิคฺคเหตเพฺพติ ยถาหํ ตยา นิคฺคหิโต, น หิ เอวํ นิคฺคเหตโพฺพฯ เอตสฺส หิ นิคฺคหสฺส ทุนฺนิคฺคหภาโว มยา สาธิโตฯ เตน หีติ เตน การเณน, ยสฺมา เอส นิคฺคโห ทุนฺนิคฺคโห, ตสฺมา ยํ มํ นิคฺคณฺหาสิ หญฺจิ ปุคฺคโล…เป.… อิทํ เต มิจฺฉาติ, อิทํ นิคฺคณฺหนํ ตว มิจฺฉาติ อโตฺถฯ เตน หิ เย กเต นิคฺคเหติ เยน การเณน อิทํ มิจฺฉา, เตน การเณน โย ตยา นิคฺคโห กโต, โส ทุกฺกโฎฯ ยํ มยา ปฎิกมฺมํ กตํ, ตเทว สุกตํฯ ยาปิ เจสา ปฎิกมฺมจตุกฺกาทิวเสน กถามคฺคสมฺปฎิปาทนา กตา, สาปิ สุกตาฯ เอวเมตํ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติอาทิกสฺส อนุโลมปญฺจกสฺส นุปลพฺภตีติอาทิกานํ ปฎิกมฺมนิคฺคโหปนยนนิคฺคมนจตุกฺกานํ วเสน อนุโลมปจฺจนีกปญฺจกํ นาม นิทฺทิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอตฺตาวตา สกวาทิโน ปุพฺพปเกฺข สติ ปรวาทิโน วจนสามญฺญมเตฺตน ฉลวาเทน ชโย โหติฯ

    5. Idāni ‘‘na hevaṃ niggahetabbe’’tiādikaṃ niggamanacatukkaṃ nāma hoti. Tattha na hevaṃ niggahetabbeti yathāhaṃ tayā niggahito, na hi evaṃ niggahetabbo. Etassa hi niggahassa dunniggahabhāvo mayā sādhito. Tena hīti tena kāraṇena, yasmā esa niggaho dunniggaho, tasmā yaṃ maṃ niggaṇhāsi hañci puggalo…pe… idaṃ te micchāti, idaṃ niggaṇhanaṃ tava micchāti attho. Tena hi ye kate niggaheti yena kāraṇena idaṃ micchā, tena kāraṇena yo tayā niggaho kato, so dukkaṭo. Yaṃ mayā paṭikammaṃ kataṃ, tadeva sukataṃ. Yāpi cesā paṭikammacatukkādivasena kathāmaggasampaṭipādanā katā, sāpi sukatā. Evametaṃ puggalo upalabbhatītiādikassa anulomapañcakassa nupalabbhatītiādikānaṃ paṭikammaniggahopanayananiggamanacatukkānaṃ vasena anulomapaccanīkapañcakaṃ nāma niddiṭṭhanti veditabbaṃ. Ettāvatā sakavādino pubbapakkhe sati paravādino vacanasāmaññamattena chalavādena jayo hoti.

    ๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา

    2. Paccanīkānulomavaṇṇanā

    . อิทานิ ยถา ปรวาทิโน ปุพฺพปเกฺข สติ สกวาทิโน ธเมฺมเนว ตเถน สุชโย โหติ, ตถา วาทุปฺปตฺติํ ทเสฺสตุํ ปุคฺคโล นุปลพฺภตีติ ปจฺจนีกานุโลมปญฺจกํ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปจฺจนีเก ปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, รูปาทิเภทํ สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถํ สนฺธาย ปฎิญฺญา สกวาทิสฺสฯ สุทฺธสมฺมุติสจฺจํ วา ปรมตฺถมิสฺสกํ วา สมฺมุติสจฺจํ สนฺธาย โย สจฺจิกโฎฺฐติ ปุน อนุโยโค ปรวาทิสฺส, สมฺมุติวเสน นุปลพฺภตีติ นวตฺตพฺพตฺตา มิสฺสกวเสน วา อนุโยคสฺส สํกิณฺณตฺตา น เหวนฺติ ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสฯ ปฎิญฺญาตํ ปฎิกฺขิปตีติ วจนสามญฺญมเตฺตน อาชานาหิ นิคฺคหนฺติอาทิวจนํ ปรวาทิสฺสฯ เอวมยํ ปุคฺคโล นุปลพฺภตีติ ทุติยวาทํ นิสฺสาย ทุติโย นิคฺคโห โหตีติ เวทิตโพฺพฯ เอวํ เตน ฉเลน นิคฺคโห อาโรปิโตฯ

    6. Idāni yathā paravādino pubbapakkhe sati sakavādino dhammeneva tathena sujayo hoti, tathā vāduppattiṃ dassetuṃ puggalo nupalabbhatīti paccanīkānulomapañcakaṃ āraddhaṃ. Tattha paccanīke pucchā paravādissa, rūpādibhedaṃ saccikaṭṭhaparamatthaṃ sandhāya paṭiññā sakavādissa. Suddhasammutisaccaṃ vā paramatthamissakaṃ vā sammutisaccaṃ sandhāya yo saccikaṭṭhoti puna anuyogo paravādissa, sammutivasena nupalabbhatīti navattabbattā missakavasena vā anuyogassa saṃkiṇṇattā na hevanti paṭikkhepo sakavādissa. Paṭiññātaṃ paṭikkhipatīti vacanasāmaññamattena ājānāhi niggahantiādivacanaṃ paravādissa. Evamayaṃ puggalo nupalabbhatīti dutiyavādaṃ nissāya dutiyo niggaho hotīti veditabbo. Evaṃ tena chalena niggaho āropito.

    ๗-๑๐. อิทานิ ธเมฺมน สเมน อตฺตโน วาเท ชยํ ทเสฺสตุํ อนุโลมนเย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, อตฺตโน ลทฺธิํ นิสฺสาย ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสฯ ลทฺธิยา โอกาสํ อทตฺวา ปรมตฺถวเสน ปุน อนุโยโค สกวาทิสฺส, ปรมตฺถวเสน ปุคฺคลสฺส อภาวโต ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ ตโต ปรํ ธเมฺมน สเมน อตฺตโน ชยทสฺสนตฺถํ อาชานาหิ ปฎิกมฺมนฺติอาทิ สพฺพํ สกวาทีวจนเมว โหติฯ ตตฺถ สเพฺพสํ ปฎิกมฺมนิคฺคโหปนยนนิคฺคมนจตุกฺกานํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอวมิทํ ปุคฺคโล นุปลพฺภตีติอาทิกสฺส ปจฺจนีกปญฺจกสฺส อุปลพฺภตีติอาทีนํ ปฎิกมฺมนิคฺคโหปนยนนิคฺคมนจตุกฺกานญฺจ วเสน ปจฺจนีกานุโลมปญฺจกํ นาม นิทฺทิฎฺฐํ โหติฯ เอวเมตานิ ปฐมสจฺจิกเฎฺฐ เทฺว ปญฺจกานิ นิทฺทิฎฺฐานิฯ ตตฺถ ปุริมปญฺจเก ปรวาทิสฺส สกวาทินา กโต นิคฺคโห สุนิคฺคโหฯ สกวาทิสฺส ปน ปรวาทินา ฉลวาทํ นิสฺสาย ปฎิกมฺมํ กตฺวา อตฺตนา สาธิโต ชโย ทุชฺชโยฯ ทุติยปญฺจเก สกวาทิสฺส ปรวาทินา กโต นิคฺคโห ทุนฺนิคฺคโหฯ ปรวาทิสฺส ปน สกวาทินา ธมฺมวาทํ นิสฺสาย ปฎิกมฺมํ กตฺวา อตฺตนา สาธิโต ชโย สุชโยติ ปฐมสจฺจิกโฎฺฐฯ ตเตฺถตํ วุจฺจติ –

    7-10. Idāni dhammena samena attano vāde jayaṃ dassetuṃ anulomanaye pucchā sakavādissa, attano laddhiṃ nissāya paṭiññā paravādissa. Laddhiyā okāsaṃ adatvā paramatthavasena puna anuyogo sakavādissa, paramatthavasena puggalassa abhāvato paṭikkhepo paravādissa. Tato paraṃ dhammena samena attano jayadassanatthaṃ ājānāhi paṭikammantiādi sabbaṃ sakavādīvacanameva hoti. Tattha sabbesaṃ paṭikammaniggahopanayananiggamanacatukkānaṃ heṭṭhā vuttanayeneva attho veditabbo. Evamidaṃ puggalo nupalabbhatītiādikassa paccanīkapañcakassa upalabbhatītiādīnaṃ paṭikammaniggahopanayananiggamanacatukkānañca vasena paccanīkānulomapañcakaṃ nāma niddiṭṭhaṃ hoti. Evametāni paṭhamasaccikaṭṭhe dve pañcakāni niddiṭṭhāni. Tattha purimapañcake paravādissa sakavādinā kato niggaho suniggaho. Sakavādissa pana paravādinā chalavādaṃ nissāya paṭikammaṃ katvā attanā sādhito jayo dujjayo. Dutiyapañcake sakavādissa paravādinā kato niggaho dunniggaho. Paravādissa pana sakavādinā dhammavādaṃ nissāya paṭikammaṃ katvā attanā sādhito jayo sujayoti paṭhamasaccikaṭṭho. Tatthetaṃ vuccati –

    ‘‘นิคฺคโห ปรวาทิสฺส, สุโทฺธ ปฐมปญฺจเก;

    ‘‘Niggaho paravādissa, suddho paṭhamapañcake;

    อสุโทฺธ ปน ตเสฺสว, ปฎิกมฺมชโย ตหิํฯ

    Asuddho pana tasseva, paṭikammajayo tahiṃ.

    ‘‘นิคฺคโห สกวาทิสฺส, อสุโทฺธ ทุติยปญฺจเก;

    ‘‘Niggaho sakavādissa, asuddho dutiyapañcake;

    วิสุโทฺธ ปน ตเสฺสว, ปฎิกมฺมชโย ตหิํฯ

    Visuddho pana tasseva, paṭikammajayo tahiṃ.

    ‘‘ตสฺมา ทฺวีสุปิ ฐาเนสุ, ชโยว สกวาทิโน;

    ‘‘Tasmā dvīsupi ṭhānesu, jayova sakavādino;

    ธเมฺมน หิ ชโย นาม, อธเมฺมน กุโต ชโยฯ

    Dhammena hi jayo nāma, adhammena kuto jayo.

    ‘‘สจฺจิกเฎฺฐ ยถา เจตฺถ, ปญฺจกทฺวยมณฺฑิเต;

    ‘‘Saccikaṭṭhe yathā cettha, pañcakadvayamaṇḍite;

    ธมฺมาธมฺมวเสเนว, วุโตฺต ชยปราชโยฯ

    Dhammādhammavaseneva, vutto jayaparājayo.

    ‘‘อิโต ปเรสุ สเพฺพสุ, สจฺจิกเฎฺฐสุ ปณฺฑิโต;

    ‘‘Ito paresu sabbesu, saccikaṭṭhesu paṇḍito;

    เอวเมว วิภาเวยฺย, อุโภ ชยปราชเย’’ติฯ

    Evameva vibhāveyya, ubho jayaparājaye’’ti.

    ๒. โอกาสสจฺจิกโฎฺฐ

    2. Okāsasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    ๑๑. เอวํ สุทฺธิกสจฺจิกฎฺฐํ วิตฺถาเรตฺวา อิทานิ ตเมว อปเรหิ โอกาสาทีหิ นเยหิ วิตฺถาเรตุํ ปุน ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสฯ ปุน สพฺพตฺถาติ สรีรํ สนฺธาย อนุโยโค สกวาทิสฺส, รูปสฺมิํ อตฺตานํ สมนุปสฺสนาโทสญฺจ ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีร’นฺติ อาปชฺชนโทสญฺจ ทิสฺวา ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ เสสเมตฺถ อนุโลมปจฺจนีกปญฺจเก เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ปาโฐ ปน สงฺขิโตฺต ฯ ตตฺถ ยสฺมา สรีรํ สนฺธาย ‘‘สพฺพตฺถ น อุปลพฺภตี’’ติ วุเตฺต สรีรโต พหิ อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติฯ ตสฺมา ปจฺจนีเก ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺส, ปฐมํ อนุชานิตฺวา ปจฺฉา อวชานาตีติ ฉลวาทสฺส วเสน ปฎิกมฺมํ ปรวาทิสฺสฯ เสสํ ปากฎเมวฯ

    11. Evaṃ suddhikasaccikaṭṭhaṃ vitthāretvā idāni tameva aparehi okāsādīhi nayehi vitthāretuṃ puna puggalo upalabbhatītiādi āraddhaṃ. Tattha pucchā sakavādissa, paṭiññā paravādissa. Puna sabbatthāti sarīraṃ sandhāya anuyogo sakavādissa, rūpasmiṃ attānaṃ samanupassanādosañca ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīra’nti āpajjanadosañca disvā paṭikkhepo paravādissa. Sesamettha anulomapaccanīkapañcake heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Pāṭho pana saṅkhitto . Tattha yasmā sarīraṃ sandhāya ‘‘sabbattha na upalabbhatī’’ti vutte sarīrato bahi upalabbhatīti āpajjati. Tasmā paccanīke paṭikkhepo sakavādissa, paṭhamaṃ anujānitvā pacchā avajānātīti chalavādassa vasena paṭikammaṃ paravādissa. Sesaṃ pākaṭameva.

    ๓. กาลสจฺจิกโฎฺฐ

    3. Kālasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    ๑๒. ทุติยนเย สพฺพทาติ ปุริมปจฺฉิมชาติกาลญฺจ ธรมานปรินิพฺพุตกาลญฺจ สนฺธาย อนุโยโค สกวาทิสฺส, เสฺวว ขตฺติโย โส พฺราหฺมโณติอาทีนํ อาปตฺติโทสญฺจ ธรมานปรินิพฺพุตานํ วิเสสาภาวโทสญฺจ ทิสฺวา ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ เสสํ ปฐมนเย วุตฺตสทิสเมวฯ

    12. Dutiyanaye sabbadāti purimapacchimajātikālañca dharamānaparinibbutakālañca sandhāya anuyogo sakavādissa, sveva khattiyo so brāhmaṇotiādīnaṃ āpattidosañca dharamānaparinibbutānaṃ visesābhāvadosañca disvā paṭikkhepo paravādissa. Sesaṃ paṭhamanaye vuttasadisameva.

    ๔. อวยวสจฺจิกโฎฺฐ

    4. Avayavasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    ๑๓. ตติยนเย สเพฺพสูติ ขนฺธายตนาทีนิ สนฺธาย อนุโยโค สกวาทิสฺส, รูปสฺมิํ อตฺตา, จกฺขุสฺมิํ อตฺตาติอาทิโทสภเยน ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ เสสํ ตาทิสเมวาติฯ

    13. Tatiyanaye sabbesūti khandhāyatanādīni sandhāya anuyogo sakavādissa, rūpasmiṃ attā, cakkhusmiṃ attātiādidosabhayena paṭikkhepo paravādissa. Sesaṃ tādisamevāti.

    โอกาสทิสจฺจิกฎฺฐาทิ

    Okāsadisaccikaṭṭhādi

    ๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา

    2. Paccanīkānulomavaṇṇanā

    ๑๔. เอวเมตานิ ตีณิ อนุโลมปจฺจนีกปญฺจเก อนุโลมมตฺตวเสเนว ตาว ปฎิปาฎิยา ภาเชตฺวา ปุน ปจฺจนีกานุโลมปญฺจเก ปจฺจนีกมตฺตวเสเนว ภาเชตุํ ปุคฺคโล นุปลพฺภตีติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อนุโลมปญฺจกสฺส ปาฬิยํ สงฺขิปิตฺวา อาคเต ปจฺจนีเก วุตฺตนเยเนว ปจฺจนีกสฺส จ ปาฬิยํ สงฺขิปิตฺวา อาคเต อนุโลเม วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอตฺตาวตา สุทฺธิกสฺส เจว อิเมสญฺจ ติณฺณนฺติ จตุนฺนํ สจฺจิกฎฺฐานํ เอเกกสฺมิํ สจฺจิกเฎฺฐ อนุโลมปจฺจนีกสฺส ปจฺจนีกานุโลมสฺส จาติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ปจฺจนีกานํ วเสน อยํ อฎฺฐมุขา นาม วาทยุตฺติ นิทฺทิฎฺฐา โหตีติ เวทิตพฺพาฯ ยา เอเกกสฺมิํ มุเข เอเกกสฺส นิคฺคหสฺส วเสน อฎฺฐกนิคฺคโหติ ปาฬิยํ ลิขิยติฯ ตเตฺถตํ วุจฺจติ –

    14. Evametāni tīṇi anulomapaccanīkapañcake anulomamattavaseneva tāva paṭipāṭiyā bhājetvā puna paccanīkānulomapañcake paccanīkamattavaseneva bhājetuṃ puggalo nupalabbhatītiādi āraddhaṃ. Tattha anulomapañcakassa pāḷiyaṃ saṅkhipitvā āgate paccanīke vuttanayeneva paccanīkassa ca pāḷiyaṃ saṅkhipitvā āgate anulome vuttanayeneva attho veditabbo. Ettāvatā suddhikassa ceva imesañca tiṇṇanti catunnaṃ saccikaṭṭhānaṃ ekekasmiṃ saccikaṭṭhe anulomapaccanīkassa paccanīkānulomassa cāti dvinnaṃ dvinnaṃ paccanīkānaṃ vasena ayaṃ aṭṭhamukhā nāma vādayutti niddiṭṭhā hotīti veditabbā. Yā ekekasmiṃ mukhe ekekassa niggahassa vasena aṭṭhakaniggahoti pāḷiyaṃ likhiyati. Tatthetaṃ vuccati –

    ‘‘เอวํ จตุพฺพิเธ ปเญฺห, ปญฺจกทฺวยเภทโต;

    ‘‘Evaṃ catubbidhe pañhe, pañcakadvayabhedato;

    เอสา อฎฺฐมุขา นาม, วาทยุตฺติ ปกาสิตาฯ

    Esā aṭṭhamukhā nāma, vādayutti pakāsitā.

    ‘‘อเฎฺฐว นิคฺคหา ตตฺถ, จตฺตาโร เตสุ ธมฺมิกา;

    ‘‘Aṭṭheva niggahā tattha, cattāro tesu dhammikā;

    อธมฺมิกา จ จตฺตาโร, สพฺพตฺถ สกวาทิโน;

    Adhammikā ca cattāro, sabbattha sakavādino;

    ชโย ปราชโย เจว, สพฺพตฺถ ปรวาทิโน’’ติฯ

    Jayo parājayo ceva, sabbattha paravādino’’ti.

    สจฺจิกฎฺฐวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saccikaṭṭhavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนา

    5. Suddhikasaṃsandanavaṇṇanā

    ๑๗-๒๗. อิทานิ รูปาทีหิ สทฺธิํ สจฺจิกฎฺฐสํสนฺทนํ โหติฯ ตตฺถ รูปญฺจาติ ยถา รูปํ ปรมตฺถโต อุปลพฺภติ, กิํ เต ปุคฺคโลปิ ตเถว อุปลพฺภตีติ สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, อตฺถิ ปุคฺคโลติ วจนมตฺตํ คเหตฺวา ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสฯ ยทิ เต รูปํ วิย ปรมตฺถโต ปุคฺคโล อตฺถิ, รูปโต เวทนาทีนํ วิย ปุคฺคลสฺสาปิ อญฺญตฺตํ อาปชฺชตีติ อนุโยโค สกวาทิสฺส, สมยสุตฺตวิโรธํ ทิสฺวา ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ เสสํ อตฺถโต ปากฎเมวฯ ธมฺมโต ปเนตฺถ สตฺตปญฺญาสเภทสฺส สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถสฺส วเสน สกวาทีปกฺขมูลเก อนุโลมปจฺจนีเก สตฺตปญฺญาส อนุโลมปญฺจกานิ ทสฺสิตานิฯ ปฎิกมฺมจตุกฺกาทีนิ สงฺขิตฺตานิฯ ปรวาทีปกฺขมูลเกปิ ปจฺจนีกานุโลเม สตฺตปญฺญาส ปฎิโลมปญฺจกานิ ทสฺสิตานิฯ ปฎิกมฺมจตุกฺกาทีนิ สงฺขิตฺตานิฯ ตตฺถ ‘‘วุตฺตํ ภควตา’’ติ วจนมเตฺตน ปุคฺคลสฺส อตฺถิตํ รูปสฺส จ สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถวเสน อุปลพฺภนียตํ ทเสฺสตฺวา อุภินฺนํ อญฺญตฺตํ ปฎิชานาปนตฺถํ วุตฺตํ ภควตาติ อนุโยโค ปรวาทิสฺส, สมฺมุติปรมตฺถานํ เอกตฺตนานตฺตปญฺหสฺส ฐปนียตฺตา ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสฯ เสสมิธาปิ อตฺถโต ปากฎเมวาติฯ

    17-27. Idāni rūpādīhi saddhiṃ saccikaṭṭhasaṃsandanaṃ hoti. Tattha rūpañcāti yathā rūpaṃ paramatthato upalabbhati, kiṃ te puggalopi tatheva upalabbhatīti sandhāya pucchā sakavādissa, atthi puggaloti vacanamattaṃ gahetvā paṭiññā paravādissa. Yadi te rūpaṃ viya paramatthato puggalo atthi, rūpato vedanādīnaṃ viya puggalassāpi aññattaṃ āpajjatīti anuyogo sakavādissa, samayasuttavirodhaṃ disvā paṭikkhepo paravādissa. Sesaṃ atthato pākaṭameva. Dhammato panettha sattapaññāsabhedassa saccikaṭṭhaparamatthassa vasena sakavādīpakkhamūlake anulomapaccanīke sattapaññāsa anulomapañcakāni dassitāni. Paṭikammacatukkādīni saṅkhittāni. Paravādīpakkhamūlakepi paccanīkānulome sattapaññāsa paṭilomapañcakāni dassitāni. Paṭikammacatukkādīni saṅkhittāni. Tattha ‘‘vuttaṃ bhagavatā’’ti vacanamattena puggalassa atthitaṃ rūpassa ca saccikaṭṭhaparamatthavasena upalabbhanīyataṃ dassetvā ubhinnaṃ aññattaṃ paṭijānāpanatthaṃ vuttaṃ bhagavatāti anuyogo paravādissa, sammutiparamatthānaṃ ekattanānattapañhassa ṭhapanīyattā paṭikkhepo sakavādissa. Sesamidhāpi atthato pākaṭamevāti.

    สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนาฯ

    Suddhikasaṃsandanavaṇṇanā.

    ๖. โอปมฺมสํสนฺทนวณฺณนา

    6. Opammasaṃsandanavaṇṇanā

    ๒๘-๓๖. อิทานิ รูปาทีเหว สทฺธิํ โอปมฺมวเสน สจฺจิกฎฺฐสํสนฺทนํ โหติฯ ตตฺถ รูปเวทนานํ อุปลทฺธิสามเญฺญน อญฺญตฺตปุจฺฉา จ ปุคฺคลรูปานํ อุปลทฺธิสามญฺญปุจฺฉา จาติ ปุจฺฉาทฺวยมฺปิ สกวาทิสฺส, อุโภปิ ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสฯ ปรวาทินา อนุญฺญาเตน อุปลทฺธิสามเญฺญน รูปเวทนานํ วิย รูปปุคฺคลานํ อญฺญตฺตานุโยโค สกวาทิสฺส, ปฎิเกฺขโป อิตรสฺสฯ เสสมิธาปิ อตฺถโต ปากฎเมวฯ ธมฺมโต ปเนตฺถ รูปมูลกาทีนํ จกฺกานญฺจ วเสน สกวาทีปเกฺข วีสาธิกานิ นว นิคฺคหปญฺจกสตานิ ทสฺสิตานิฯ กถํ? ขเนฺธสุ ตาว รูปมูลเก จเกฺก จตฺตาริ, ตถา เวทนาทิมูลเกสูติ วีสติฯ อายตเนสุ จกฺขายตนมูลเก จเกฺก เอกาทส, ตถา เสเสสูติ ทฺวตฺติํสสตํฯ ธาตูสุ จกฺขุธาตุมูลเก จเกฺก สตฺตรส, ตถา เสเสสูติ ฉาธิกานิ ตีณิ สตานิฯ อินฺทฺริเยสุ จกฺขุนฺทฺริยมูลเก จเกฺก เอกวีสติ, ตถา เสเสสูติ ทฺวาสฎฺฐาธิกานิ จตฺตาริ สตานิฯ เอวํ สพฺพานิปิ วีสาธิกานิ นว นิคฺคหปญฺจกสตานิ โหนฺติฯ

    28-36. Idāni rūpādīheva saddhiṃ opammavasena saccikaṭṭhasaṃsandanaṃ hoti. Tattha rūpavedanānaṃ upaladdhisāmaññena aññattapucchā ca puggalarūpānaṃ upaladdhisāmaññapucchā cāti pucchādvayampi sakavādissa, ubhopi paṭiññā paravādissa. Paravādinā anuññātena upaladdhisāmaññena rūpavedanānaṃ viya rūpapuggalānaṃ aññattānuyogo sakavādissa, paṭikkhepo itarassa. Sesamidhāpi atthato pākaṭameva. Dhammato panettha rūpamūlakādīnaṃ cakkānañca vasena sakavādīpakkhe vīsādhikāni nava niggahapañcakasatāni dassitāni. Kathaṃ? Khandhesu tāva rūpamūlake cakke cattāri, tathā vedanādimūlakesūti vīsati. Āyatanesu cakkhāyatanamūlake cakke ekādasa, tathā sesesūti dvattiṃsasataṃ. Dhātūsu cakkhudhātumūlake cakke sattarasa, tathā sesesūti chādhikāni tīṇi satāni. Indriyesu cakkhundriyamūlake cakke ekavīsati, tathā sesesūti dvāsaṭṭhādhikāni cattāri satāni. Evaṃ sabbānipi vīsādhikāni nava niggahapañcakasatāni honti.

    ๓๗-๔๕. ปรวาทีปเกฺขปิ รูปํ อุปลพฺภตีติ อนุโลมวเสเนว รูปเวทนาทีนํ อญฺญตฺตปฎิญฺญํ กาเรตฺวา ปุน อตฺถิ ปุคฺคโลติ สุตฺตํ นิสฺสาย ฉลวเสน ปุคฺคลสฺส รูปาทีหิ อุปลทฺธิสามญฺญํ อาโรเปตฺวา อญฺญตฺตานุโยโค กโตฯ เสสมิธาปิ อตฺถโต อุตฺตานเมวฯ ธมฺมโตปิ สกวาทีปเกฺข วุตฺตนเยน วีสาธิกานิ นว ปฎิกมฺมปญฺจกสตานิ ทสฺสิตานิฯ

    37-45. Paravādīpakkhepi rūpaṃ upalabbhatīti anulomavaseneva rūpavedanādīnaṃ aññattapaṭiññaṃ kāretvā puna atthi puggaloti suttaṃ nissāya chalavasena puggalassa rūpādīhi upaladdhisāmaññaṃ āropetvā aññattānuyogo kato. Sesamidhāpi atthato uttānameva. Dhammatopi sakavādīpakkhe vuttanayena vīsādhikāni nava paṭikammapañcakasatāni dassitāni.

    รูปาทีหิ สทฺธิํ โอปมฺมวเสน สจฺจิกฎฺฐสํสนฺทนํฯ

    Rūpādīhi saddhiṃ opammavasena saccikaṭṭhasaṃsandanaṃ.

    ๗. จตุกฺกนยสํสนฺทนวณฺณนา

    7. Catukkanayasaṃsandanavaṇṇanā

    ๔๖-๕๒. อิทานิ ยํ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน อุปลพฺภติ, เตน ยสฺมา รูปาทีสุ สตฺตปญฺญาสาย สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถสุ อญฺญตเรน ภวิตพฺพํ; รูปาทินิสฺสิเตน วา, อญฺญตฺร วา รูปาทีหิ, รูปาทีนํ วา นิสฺสเยน, ตสฺมา อิมินา จตุกฺกนเยน สจฺจิกฎฺฐสํสนฺทนํ อารทฺธํฯ ตตฺถ รูปํ ปุคฺคโลติ อนุโยโค สกวาทิสฺส, อุเจฺฉททิฎฺฐิภเยน น เหวาติ ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺส, นิคฺคหาโรปนํ สกวาทิสฺสฯ กิํ ปเนตํ ยุตฺตํ, นนุ รูปํ เวทนาติ วุตฺตมฺปิ ปฎิกฺขิปิตพฺพเมวาติ? อาม ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ ตํ ปน รูปโต เวทนาย อญฺญสภาวสพฺภาวโต, น อญฺญตฺตาภาวโตฯ อยญฺจ รูปาทีสุ เอกธมฺมโตปิ ปุคฺคลสฺส อญฺญตฺตํ น อิจฺฉติ, ตสฺมา ยุตฺตํฯ อยญฺจ อนุโยโค รูปํ ปุคฺคโล…เป.… อญฺญาตาวินฺทฺริยํ ปุคฺคโลติ สกลํ ปรมตฺถสจฺจํ สนฺธาย อารโทฺธฯ สกลํ ปน ปจฺจตฺตลกฺขณวเสน เอกโต วตฺตุํ น สกฺกาติ ตนฺติวเสน อนุโยคลกฺขณมตฺตเมตํ ฐปิตํฯ เตน วิญฺญู อตฺถํ วิภาเวนฺติฯ วาทกาเมน ปน อิมํ ลกฺขณํ คเหตฺวา ยถา ยถา ปรวาทิสฺส โอกาโส น โหติ, ตถา ตถา วตฺตพฺพํฯ อิติ ตนฺติวเสน อนุโยคลกฺขณสฺส ฐปิตตฺตาปิ ยุตฺตเมวฯ อิมินา นเยน สพฺพานุโยเคสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    46-52. Idāni yaṃ saccikaṭṭhaparamatthena upalabbhati, tena yasmā rūpādīsu sattapaññāsāya saccikaṭṭhaparamatthesu aññatarena bhavitabbaṃ; rūpādinissitena vā, aññatra vā rūpādīhi, rūpādīnaṃ vā nissayena, tasmā iminā catukkanayena saccikaṭṭhasaṃsandanaṃ āraddhaṃ. Tattha rūpaṃ puggaloti anuyogo sakavādissa, ucchedadiṭṭhibhayena na hevāti paṭikkhepo paravādissa, niggahāropanaṃ sakavādissa. Kiṃ panetaṃ yuttaṃ, nanu rūpaṃ vedanāti vuttampi paṭikkhipitabbamevāti? Āma paṭikkhipitabbaṃ. Taṃ pana rūpato vedanāya aññasabhāvasabbhāvato, na aññattābhāvato. Ayañca rūpādīsu ekadhammatopi puggalassa aññattaṃ na icchati, tasmā yuttaṃ. Ayañca anuyogo rūpaṃ puggalo…pe… aññātāvindriyaṃ puggaloti sakalaṃ paramatthasaccaṃ sandhāya āraddho. Sakalaṃ pana paccattalakkhaṇavasena ekato vattuṃ na sakkāti tantivasena anuyogalakkhaṇamattametaṃ ṭhapitaṃ. Tena viññū atthaṃ vibhāventi. Vādakāmena pana imaṃ lakkhaṇaṃ gahetvā yathā yathā paravādissa okāso na hoti, tathā tathā vattabbaṃ. Iti tantivasena anuyogalakkhaṇassa ṭhapitattāpi yuttameva. Iminā nayena sabbānuyogesu attho veditabbo.

    อยํ ปน วิเสโส – รูปสฺมิํ ปุคฺคโลติอาทีสุ ยถา เอกํ มหาภูตํ นิสฺสาย ตโย มหาภูตา, วตฺถุรูปํ นิสฺสาย วิญฺญาณํ รูปสฺมินฺติ วตฺตุํ วฎฺฎติ, กิํ เต เอวํ รูปสฺมิํ ปุคฺคโล? ยถา จ สภาควินิโพฺภคโต เวทนาทโย สพฺพธมฺมา, อรูปา วา ปน จตฺตาโร ขนฺธา, นิพฺพานเมว วา ‘‘อญฺญตฺร รูปา’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติ, กิํ เต เอวํ ปุคฺคโล? ยถา จ จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ นิสฺสยวเสน ‘‘เวทนาย รูปํ…เป.… วิญฺญาณสฺมิํ รูป’’นฺติ วตฺตุํ วฎฺฎติ, กิํ เต เอวํ ปุคฺคโลติ? สพฺพานุโยเคสุ ปน อุเจฺฉททิฎฺฐิภเยน เจว สมยวิโรเธน จ ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ เสสเมตฺถ อตฺถโต ปากฎเมวฯ ธมฺมโต ปเนตฺถ สตฺตปญฺญาสาย สจฺจิกเฎฺฐสุ เอเกกสฺมิํ จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา นิคฺคหวเสน อฎฺฐวีสาธิกานิ เทฺว ปญฺจกสตานิ ทสฺสิตานิฯ ปรวาทีปเกฺขปิ ปฎิกมฺมวเสน ตตฺตกาเนวฯ ยา ปเนตฺถ อตฺถิ ปุคฺคโลติ วุเตฺต สกวาทิสฺส ปฎิญฺญา, สา สุเตฺต อาคเตน สมฺมุติวเสนฯ โย รูปํ ปุคฺคโลติอาทีสุ ปฎิเกฺขโป, โส สกฺกายทิฎฺฐิปญฺหสฺส ฐปนียตฺตาฯ ปรวาทิสฺส ปฎิกมฺมํ ฉลวเสเนวาติฯ

    Ayaṃ pana viseso – rūpasmiṃ puggalotiādīsu yathā ekaṃ mahābhūtaṃ nissāya tayo mahābhūtā, vatthurūpaṃ nissāya viññāṇaṃ rūpasminti vattuṃ vaṭṭati, kiṃ te evaṃ rūpasmiṃ puggalo? Yathā ca sabhāgavinibbhogato vedanādayo sabbadhammā, arūpā vā pana cattāro khandhā, nibbānameva vā ‘‘aññatra rūpā’’ti vattuṃ vaṭṭati, kiṃ te evaṃ puggalo? Yathā ca cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ nissayavasena ‘‘vedanāya rūpaṃ…pe… viññāṇasmiṃ rūpa’’nti vattuṃ vaṭṭati, kiṃ te evaṃ puggaloti? Sabbānuyogesu pana ucchedadiṭṭhibhayena ceva samayavirodhena ca paṭikkhepo paravādissa. Sesamettha atthato pākaṭameva. Dhammato panettha sattapaññāsāya saccikaṭṭhesu ekekasmiṃ cattāri cattāri katvā niggahavasena aṭṭhavīsādhikāni dve pañcakasatāni dassitāni. Paravādīpakkhepi paṭikammavasena tattakāneva. Yā panettha atthi puggaloti vutte sakavādissa paṭiññā, sā sutte āgatena sammutivasena. Yo rūpaṃ puggalotiādīsu paṭikkhepo, so sakkāyadiṭṭhipañhassa ṭhapanīyattā. Paravādissa paṭikammaṃ chalavasenevāti.

    จตุกฺกนยสํสนฺทนํฯ

    Catukkanayasaṃsandanaṃ.

    นิฎฺฐิตา จ สํสนฺทนกถาฯ

    Niṭṭhitā ca saṃsandanakathā.

    ๘. ลกฺขณยุตฺติวณฺณนา

    8. Lakkhaṇayuttivaṇṇanā

    ๕๓. อิทานิ ลกฺขณยุตฺติ นาม โหติฯ ตตฺถ ยสฺมา ฐเปตฺวา นิพฺพานํ เสโส สจฺจิกฎฺฐปรมโตฺถ ปจฺจยปฎิพทฺธตาย สปฺปจฺจโย, ปจฺจเยหิ สมาคมฺม กตตฺตา สงฺขโต, อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนโต สทา อภาวโต อสสฺสโต, อุปฺปตฺติการณสงฺขาตสฺส นิมิตฺตสฺส อตฺถิตาย สนิมิโตฺต, นิพฺพานํ วุตฺตปฺปการาภาวโต อปฺปจฺจยํ อสงฺขตํ สสฺสตํ อนิมิตฺตนฺติ อิทํ สจฺจิกฎฺฐสฺส ลกฺขณํฯ ตสฺมา ยทิ ปุคฺคโลปิ สจฺจิกฎฺฐปรมโตฺถว ตสฺสาปิ อิมินา ลกฺขเณน ภวิตพฺพนฺติ สนฺธาย ปุคฺคโล สปฺปจฺจโยติอาทโย อฎฺฐปิ อนุโยคา สกวาทิสฺส , ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ อาชานาหิ นิคฺคหนฺติอาทิ ปเนตฺถ สงฺขิตฺตํฯ เอวเมตานิ สกวาทีปเกฺข อนุโลมปจฺจนีเก อนุโลมมตฺตวเสน อฎฺฐ ปญฺจกานิ เวทิตพฺพานิฯ

    53. Idāni lakkhaṇayutti nāma hoti. Tattha yasmā ṭhapetvā nibbānaṃ seso saccikaṭṭhaparamattho paccayapaṭibaddhatāya sappaccayo, paccayehi samāgamma katattā saṅkhato, uppajjitvā nirujjhanato sadā abhāvato asassato, uppattikāraṇasaṅkhātassa nimittassa atthitāya sanimitto, nibbānaṃ vuttappakārābhāvato appaccayaṃ asaṅkhataṃ sassataṃ animittanti idaṃ saccikaṭṭhassa lakkhaṇaṃ. Tasmā yadi puggalopi saccikaṭṭhaparamatthova tassāpi iminā lakkhaṇena bhavitabbanti sandhāya puggalo sappaccayotiādayo aṭṭhapi anuyogā sakavādissa , paṭikkhepo paravādissa. Ājānāhi niggahantiādi panettha saṅkhittaṃ. Evametāni sakavādīpakkhe anulomapaccanīke anulomamattavasena aṭṭha pañcakāni veditabbāni.

    ๕๔. ปรวาทีปเกฺขปิ ปจฺจนีกานุโลเม ปจฺจนีกมตฺตวเสน อเฎฺฐวฯ ตตฺถ ยสฺมา ปรวาทินา สุตฺตวเสน สมฺมุติสจฺจํ สาธิตํ, สมฺมุติยา จ สปฺปจฺจยาทิภาโว นตฺถิ, ตสฺมา ยาถาวโต จ ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสฯ ฉลวเสน ปน วตฺตพฺพํ ‘‘อาชานาหิ ปฎิกมฺม’’นฺติอาทิ สพฺพํ อิธาปิ สงฺขิตฺตเมวฯ

    54. Paravādīpakkhepi paccanīkānulome paccanīkamattavasena aṭṭheva. Tattha yasmā paravādinā suttavasena sammutisaccaṃ sādhitaṃ, sammutiyā ca sappaccayādibhāvo natthi, tasmā yāthāvato ca paṭikkhepo sakavādissa. Chalavasena pana vattabbaṃ ‘‘ājānāhi paṭikamma’’ntiādi sabbaṃ idhāpi saṅkhittameva.

    ลกฺขณยุตฺติกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Lakkhaṇayuttikathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๙. วจนโสธนวณฺณนา

    9. Vacanasodhanavaṇṇanā

    ๕๕-๕๙. อิทานิ วจนโสธนํ โหติฯ ตตฺถ ยเทตํ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ วจนํ, ตํ โสเธตุํ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ, อุปลพฺภติ ปุคฺคโลติฯ ปุจฺฉา สกวาทิสฺสฯ ตสฺสโตฺถ – ยเทตํ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ปททฺวยํ, ตํ เอกตฺถํ วา ภเวยฺย นานตฺถํ วาฯ ยทิ ตาว นานตฺถํ, ยถา อญฺญํ รูปํ, อญฺญา เวทนา, เอวํ อโญฺญ ปุคฺคโล, อโญฺญ อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติฯ อเถกตฺถํ, ยถา ยํ จิตฺตํ ตํ มโน, เอวํ เสฺวว ปุคฺคโล, โส อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติฯ เตน ตํ วทามิ ‘‘ยทิ เต โย ปุคฺคโล, โส อุปลพฺภติ, เอวํ สเนฺต โย โย อุปลพฺภติ, โส โส ปุคฺคโลติ อาปชฺชติ, กิํ สมฺปฎิจฺฉสิ เอต’’นฺติ? ตโต ปุคฺคลวาที ยสฺมา ปุคฺคลสฺส อุปลพฺภตํ อิจฺฉติ, น อุปลพฺภมานานมฺปิ รูปาทีนํ ปุคฺคลภาวํ, ตสฺมา ปุคฺคโล อุปลพฺภติ, อุปลพฺภติ เก หิ จิ ปุคฺคโล เก หิ จิ น ปุคฺคโลติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – มม ปุคฺคโล อตฺถิ ปุคฺคโลติ สตฺถุ วจนโต อุปลพฺภติฯ โย ปน อุปลพฺภติ, น โส สโพฺพ ปุคฺคโล, อถ โข เก หิ จิ ปุคฺคโล เก หิ จิ น ปุคฺคโลติฯ ตตฺถ โก-การเตฺถ เก-กาโร, หิ-กาโร จ นิปาตมโตฺตฯ โกจิ ปุคฺคโล, โกจิ น ปุคฺคโลติ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุคฺคโลปิ หิ รูปาทีสุปิ โย โกจิ ธโมฺม อุปลพฺภติเยว, ตตฺถ ปุคฺคโลว ปุคฺคโลฯ รูปาทีสุ ปน โกจิปิ น ปุคฺคโลติฯ ตโต ตํ สกวาที อาห – ปุคฺคโล เก หิ จิ อุปลพฺภติ เก หิ จิ น อุปลพฺภตีติฯ ตสฺสโตฺถ – ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ปททฺวยสฺส อตฺถโต เอกเตฺต ยทิ อุปลพฺภตีติ อนุญฺญาโต ธโมฺม ปุคฺคลโต อนโญฺญปิ โกจิ ปุคฺคโล โกจิ น ปุคฺคโล, ปุคฺคโลปิ เต โกจิ อุปลพฺภติ, โกจิ น อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติ, กิํ สมฺปฎิจฺฉสิ เอตนฺติ? โส ปุคฺคลสฺส อนุปลทฺธิํ อนิจฺฉโนฺต น เหวนฺติ ปฎิกฺขิปติฯ อิโต ปรํ ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติอาทิ สพฺพํ สงฺขิตฺตํฯ วิตฺถารโต ปน เวทิตพฺพํฯ ปุคฺคโล สจฺจิกโฎฺฐติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สพฺพานิ เหตานิ อุปลพฺภติเววจนาเนว, อปิจ ยสฺมา ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติสจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติ อยํ ปุคฺคลวาทิโน ปฎิญฺญา, ตสฺมาสฺส ยเถว ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ลทฺธิ, เอวเมวํ ปุคฺคโล สจฺจิกโฎฺฐติปิ อาปชฺชติฯ ยา ปนสฺส ปุคฺคโล อตฺถีติ ลทฺธิ, ตสฺสา วิชฺชมาโนติเววจนเมว, ตสฺมา สพฺพานิเปตานิ วจนานิ โสธิตานิฯ

    55-59. Idāni vacanasodhanaṃ hoti. Tattha yadetaṃ puggalo upalabbhatīti vacanaṃ, taṃ sodhetuṃ puggalo upalabbhati, upalabbhati puggaloti. Pucchā sakavādissa. Tassattho – yadetaṃ puggalo upalabbhatīti padadvayaṃ, taṃ ekatthaṃ vā bhaveyya nānatthaṃ vā. Yadi tāva nānatthaṃ, yathā aññaṃ rūpaṃ, aññā vedanā, evaṃ añño puggalo, añño upalabbhatīti āpajjati. Athekatthaṃ, yathā yaṃ cittaṃ taṃ mano, evaṃ sveva puggalo, so upalabbhatīti āpajjati. Tena taṃ vadāmi ‘‘yadi te yo puggalo, so upalabbhati, evaṃ sante yo yo upalabbhati, so so puggaloti āpajjati, kiṃ sampaṭicchasi eta’’nti? Tato puggalavādī yasmā puggalassa upalabbhataṃ icchati, na upalabbhamānānampi rūpādīnaṃ puggalabhāvaṃ, tasmā puggalo upalabbhati, upalabbhati ke hi ci puggalo ke hi ci na puggalotiādimāha. Tassattho – mama puggalo atthi puggaloti satthu vacanato upalabbhati. Yo pana upalabbhati, na so sabbo puggalo, atha kho ke hi ci puggalo ke hi ci na puggaloti. Tattha ko-kāratthe ke-kāro, hi-kāro ca nipātamatto. Koci puggalo, koci na puggaloti ayaṃ panettha attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – puggalopi hi rūpādīsupi yo koci dhammo upalabbhatiyeva, tattha puggalova puggalo. Rūpādīsu pana kocipi na puggaloti. Tato taṃ sakavādī āha – puggalo ke hi ci upalabbhati ke hi ci na upalabbhatīti. Tassattho – puggalo upalabbhatīti padadvayassa atthato ekatte yadi upalabbhatīti anuññāto dhammo puggalato anaññopi koci puggalo koci na puggalo, puggalopi te koci upalabbhati, koci na upalabbhatīti āpajjati, kiṃ sampaṭicchasi etanti? So puggalassa anupaladdhiṃ anicchanto na hevanti paṭikkhipati. Ito paraṃ ‘‘ājānāhi niggaha’’ntiādi sabbaṃ saṅkhittaṃ. Vitthārato pana veditabbaṃ. Puggalo saccikaṭṭhotiādīsupi eseva nayo. Sabbāni hetāni upalabbhativevacanāneva, apica yasmā ‘‘puggalo upalabbhatisaccikaṭṭhaparamatthenā’’ti ayaṃ puggalavādino paṭiññā, tasmāssa yatheva puggalo upalabbhatīti laddhi, evamevaṃ puggalo saccikaṭṭhotipi āpajjati. Yā panassa puggalo atthīti laddhi, tassā vijjamānotivevacanameva, tasmā sabbānipetāni vacanāni sodhitāni.

    ๖๐. ตตฺถ ยํ อวสาเน ‘‘ปุคฺคโล อตฺถิ, อตฺถิ น สโพฺพ ปุคฺคโล’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยเญฺหตํ ปรวาทินา ‘‘ปุคฺคโล อตฺถิ, อตฺถิ เกหิจิ ปุคฺคโล, เกหิจิ น ปุคฺคโล’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยสฺมา อตฺถโต ปุคฺคโล อตฺถิ, อตฺถิ น สโพฺพ ปุคฺคโลติ เอตฺตกํ โหติ, ตสฺมา นํ สกวาที สมฺปฎิจฺฉาเปตฺวา อิทานิ นํ เอวํ อนุยุญฺชติฯ ตยา หิ ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’’ติ วจนมตฺตํ นิสฺสาย ‘‘ปุคฺคโล อตฺถี’’ติ ลทฺธิ คหิตา, ยถา จ ภควตา เอตํ วุตฺตํ, ตถา ‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ, โมฆราชา, สทา สโต’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๑๒๕) นเยน ‘‘นตฺถี’’ติปิ วุตฺตํ, ตสฺมา ยเถว เต ‘‘ปุคฺคโล อตฺถิ, อตฺถิ น สโพฺพ ปุคฺคโล’’ติ ลทฺธิ, ตถา ปุคฺคโล นตฺถิ, นตฺถิ น สโพฺพ ปุคฺคโลติปิ อาปชฺชติ, กิํ เอตํ สมฺปฎิจฺฉสีติ? อถ นํ อสมฺปฎิจฺฉโนฺต น เหวาติ ปฎิกฺขิปติฯ เสสเมตฺถ นิคฺคหาทิวิธานํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ

    60. Tattha yaṃ avasāne ‘‘puggalo atthi, atthi na sabbo puggalo’’tiādi vuttaṃ, tatrāyamadhippāyo – yañhetaṃ paravādinā ‘‘puggalo atthi, atthi kehici puggalo, kehici na puggalo’’ti vuttaṃ, taṃ yasmā atthato puggalo atthi, atthi na sabbo puggaloti ettakaṃ hoti, tasmā naṃ sakavādī sampaṭicchāpetvā idāni naṃ evaṃ anuyuñjati. Tayā hi ‘‘atthi puggalo attahitāya paṭipanno’’ti vacanamattaṃ nissāya ‘‘puggalo atthī’’ti laddhi gahitā, yathā ca bhagavatā etaṃ vuttaṃ, tathā ‘‘suññato lokaṃ avekkhassu, mogharājā, sadā sato’’tiādinā (su. ni. 1125) nayena ‘‘natthī’’tipi vuttaṃ, tasmā yatheva te ‘‘puggalo atthi, atthi na sabbo puggalo’’ti laddhi, tathā puggalo natthi, natthi na sabbo puggalotipi āpajjati, kiṃ etaṃ sampaṭicchasīti? Atha naṃ asampaṭicchanto na hevāti paṭikkhipati. Sesamettha niggahādividhānaṃ vuttanayeneva veditabbanti.

    วจนโสธนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vacanasodhanavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๐. ปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา

    10. Paññattānuyogavaṇṇanā

    ๖๑-๖๖. อิทานิ ปญฺญตฺตานุโยโค นาม โหติฯ รูปธาตุยา หิ ปุคฺคลวาที รูปิํ ปุคฺคลํ ปญฺญเปติ, ตถา อรูปธาตุยา อรูปิํฯ ตสฺส ตํ ลทฺธิํ ภินฺทิตุํ สพฺพาปิ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฎิญฺญา จ ปฎิเกฺขโป จ อิตรสฺส ฯ โส หิ รูปีติ วุเตฺต รูปกายสพฺภาวโต เจว ตถารูปาย จ ปญฺญตฺติยา อตฺถิตาย ปฎิชานาติฯ กามีติ วุเตฺต วีตราคสพฺภาวโต เจว ตถารูปาย จ ปญฺญตฺติยา นตฺถิตาย ปฎิกฺขิปติฯ อรูปีติ วุเตฺตปิ อรูปกฺขนฺธสพฺภาวโต เจว ตถารูปาย จ ปญฺญตฺติยา อตฺถิตาย ปฎิชานาติฯ ทฺวีสุปิ นเยสุ สโตฺตติ ปุคฺคลสฺส เววจนวเสน วุตฺตํฯ

    61-66. Idāni paññattānuyogo nāma hoti. Rūpadhātuyā hi puggalavādī rūpiṃ puggalaṃ paññapeti, tathā arūpadhātuyā arūpiṃ. Tassa taṃ laddhiṃ bhindituṃ sabbāpi pucchā sakavādissa, paṭiññā ca paṭikkhepo ca itarassa . So hi rūpīti vutte rūpakāyasabbhāvato ceva tathārūpāya ca paññattiyā atthitāya paṭijānāti. Kāmīti vutte vītarāgasabbhāvato ceva tathārūpāya ca paññattiyā natthitāya paṭikkhipati. Arūpīti vuttepi arūpakkhandhasabbhāvato ceva tathārūpāya ca paññattiyā atthitāya paṭijānāti. Dvīsupi nayesu sattoti puggalassa vevacanavasena vuttaṃ.

    ๖๗. อิทานิ ยสฺมา โส ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ อาคตฎฺฐาเน อโญฺญ กาโย อโญฺญ ปุคฺคโลติ อิจฺฉติ, ตสฺมา ตํ ลทฺธิํ ภินฺทิตุํ กาโยติ วา สรีรนฺติ วาติอาทิ สกวาทีปุจฺฉา โหติฯ ตตฺถ กายํ อปฺปิยํ กริตฺวาติ กายํ อเปฺปตพฺพํ อลฺลียาเปตพฺพํ เอกีภาวํ อุปเนตพฺพํ อวิภชิตพฺพํ กตฺวา ปุจฺฉามีติ อโตฺถฯ เอเสเสติ เอโส โสเยวฯ เอเส เอเสติปิ ปาโฐฯ เอโส เอโสเยวาติ อโตฺถฯ เอกเฎฺฐติ เอกโฎฺฐฯ สเม สมภาเค ตชฺชาเตติ สโม สมภาโค ตชฺชาติโกฯ วจนมเตฺตเยเวตฺถ เภโทฯ อตฺถโต ปน กาโยว เอโสติ ปุจฺฉติฯ ปรวาที นานตฺตํ อปสฺสโนฺต อามนฺตาติ ปฎิชานาติฯ ปุคฺคโลติ วา ชีโวติ วาติ ปุจฺฉายปิ เอเสว นโยฯ อโญฺญ กาโยติ ปุโฎฺฐ ปน กายานุปสฺสนาย เอวํลทฺธิกตฺตา ปฎิชานาติฯ อญฺญํ ชีวนฺติ ปุโฎฺฐ ปน อาหจฺจ ภาสิตํ สุตฺตํ ปฎิกฺขิปิตุํ อสโกฺกโนฺต อวชานาติฯ ตโต ปรํ ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติอาทิ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    67. Idāni yasmā so ‘‘kāye kāyānupassī’’ti āgataṭṭhāne añño kāyo añño puggaloti icchati, tasmā taṃ laddhiṃ bhindituṃ kāyoti vā sarīranti vātiādi sakavādīpucchā hoti. Tattha kāyaṃ appiyaṃ karitvāti kāyaṃ appetabbaṃ allīyāpetabbaṃ ekībhāvaṃ upanetabbaṃ avibhajitabbaṃ katvā pucchāmīti attho. Eseseti eso soyeva. Ese esetipi pāṭho. Eso esoyevāti attho. Ekaṭṭheti ekaṭṭho. Same samabhāge tajjāteti samo samabhāgo tajjātiko. Vacanamatteyevettha bhedo. Atthato pana kāyova esoti pucchati. Paravādī nānattaṃ apassanto āmantāti paṭijānāti. Puggaloti vā jīvoti vāti pucchāyapi eseva nayo. Añño kāyoti puṭṭho pana kāyānupassanāya evaṃladdhikattā paṭijānāti. Aññaṃ jīvanti puṭṭho pana āhacca bhāsitaṃ suttaṃ paṭikkhipituṃ asakkonto avajānāti. Tato paraṃ ‘‘ājānāhi niggaha’’ntiādi uttānatthameva.

    ๖๘. ปรวาทีปเกฺข ปน อโญฺญ กาโย อโญฺญ ปุคฺคโลติ ปุโฎฺฐ สกวาที ฐปนียปญฺหตฺตา ปฎิกฺขิปติ, ปรวาที ฉลวเสน ปฎิกมฺมํ กโรติฯ ตมฺปิ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    68. Paravādīpakkhe pana añño kāyo añño puggaloti puṭṭho sakavādī ṭhapanīyapañhattā paṭikkhipati, paravādī chalavasena paṭikammaṃ karoti. Tampi uttānatthamevāti.

    ปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paññattānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๑. คติอนุโยควณฺณนา

    11. Gatianuyogavaṇṇanā

    ๖๙-๗๒. อิทานิ คติปริวตฺตนมุเขน จุติปฎิสนฺธิอนุโยโค โหติฯ ตตฺถ ยสฺมา ปุคฺคลวาที ‘‘ส สตฺตกฺขตฺตุปรมํ สนฺธาวิตฺวาน ปุคฺคโล’’ติอาทีนิ (สํ. นิ. ๒.๑๓๓; อิติวุ. ๒๔) สุตฺตานิ นิสฺสาย ปุคฺคโล สนฺธาวตีติ ลทฺธิํ คเหตฺวา โวหรติ , ตสฺมาสฺส ตํ ลทฺธิํ ภินฺทิตุํ สนฺธาวตีติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺสฯ ตตฺถ สนฺธาวตีติ สํสรติ คมนาคมนํ กโรติฯ อตฺตโน ลทฺธิวเสน ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสฯ โส ปุคฺคโลติอาทโย อนุโยโคปิ สกวาทิสฺส, ปฎิเกฺขโป อิตรสฺสฯ ตตฺถ โสติ โสเยวาติ อโตฺถฯ เอวํ ปน อนุยุโตฺต สสฺสตทิฎฺฐิภเยน ปฎิกฺขิปติฯ อโญฺญติ ปุโฎฺฐ อุเจฺฉททิฎฺฐิภเยนฯ โส จ อโญฺญ จาติ ปุโฎฺฐ เอกจฺจสสฺสตทิฎฺฐิภเยนฯ เนว โส น อโญฺญติ ปุโฎฺฐ อมราวิเกฺขปทิฎฺฐิภเยนฯ ปุน จตฺตาโรปิ ปเญฺห เอกโต ปุโฎฺฐ จตุนฺนมฺปิ ทิฎฺฐีนํ ภเยน ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ยานิสฺส สุตฺตานิ นิสฺสาย ลทฺธิ อุปฺปนฺนา ตานิ ทเสฺสโนฺต เตน หิ ปุคฺคโล สนฺธาวตีติอาทิมาหฯ

    69-72. Idāni gatiparivattanamukhena cutipaṭisandhianuyogo hoti. Tattha yasmā puggalavādī ‘‘sa sattakkhattuparamaṃ sandhāvitvāna puggalo’’tiādīni (saṃ. ni. 2.133; itivu. 24) suttāni nissāya puggalo sandhāvatīti laddhiṃ gahetvā voharati , tasmāssa taṃ laddhiṃ bhindituṃ sandhāvatīti pucchā sakavādissa. Tattha sandhāvatīti saṃsarati gamanāgamanaṃ karoti. Attano laddhivasena paṭiññā paravādissa. So puggalotiādayo anuyogopi sakavādissa, paṭikkhepo itarassa. Tattha soti soyevāti attho. Evaṃ pana anuyutto sassatadiṭṭhibhayena paṭikkhipati. Aññoti puṭṭho ucchedadiṭṭhibhayena. So ca añño cāti puṭṭho ekaccasassatadiṭṭhibhayena. Neva so na aññoti puṭṭho amarāvikkhepadiṭṭhibhayena. Puna cattāropi pañhe ekato puṭṭho catunnampi diṭṭhīnaṃ bhayena paṭikkhipitvā puna yānissa suttāni nissāya laddhi uppannā tāni dassento tena hi puggalosandhāvatītiādimāha.

    ๗๖. ปุน สกวาทินา ‘‘ยฺวายํ ตว ลทฺธิยา สนฺธาวติ, กิํ โส อสฺมิญฺจ ปรสฺมิญฺจ โลเก เอโกเยวา’’ติ อธิปฺปาเยน เสฺววาติ นิยเมตฺวา ปุโฎฺฐ สสฺสตภยา ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ทฬฺหํ กตฺวา ตเถว ปุโฎฺฐ ยสฺมา โส ปุคฺคโลว น อโญฺญ ภาโว, ‘‘โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’’ติอาทิสุตฺตมฺปิ (ปารา. ๑๒; ที. นิ. ๑.๒๔๕) อตฺถิ, ตสฺมา ปฎิชานาติฯ เสฺวว มนุโสฺสติ ปุโฎฺฐ มนุสฺสเสฺสว เทวตฺตาภาวโต ปฎิกฺขิปติฯ

    76. Puna sakavādinā ‘‘yvāyaṃ tava laddhiyā sandhāvati, kiṃ so asmiñca parasmiñca loke ekoyevā’’ti adhippāyena svevāti niyametvā puṭṭho sassatabhayā paṭikkhipitvā puna daḷhaṃ katvā tatheva puṭṭho yasmā so puggalova na añño bhāvo, ‘‘so tato cuto idhūpapanno’’tiādisuttampi (pārā. 12; dī. ni. 1.245) atthi, tasmā paṭijānāti. Sveva manussoti puṭṭho manussasseva devattābhāvato paṭikkhipati.

    ๗๗. ปุน ปุโฎฺฐ ‘‘อหํ เตน สมเยน สุเนโตฺต นาม สตฺถา อโหสิ’’นฺติอาทิสุตฺตวเสน (อ. นิ. ๗.๖๖ อตฺถโต สมานํ) ปฎิชานาติฯ อถสฺส สกวาที เทวมนุสฺสุปปตฺตีนํ นานตฺตโต วจนํ มิจฺฉาติ ปกาเสโนฺต มนุโสฺส หุตฺวาติอาทิมาหฯ

    77. Puna puṭṭho ‘‘ahaṃ tena samayena sunetto nāma satthā ahosi’’ntiādisuttavasena (a. ni. 7.66 atthato samānaṃ) paṭijānāti. Athassa sakavādī devamanussupapattīnaṃ nānattato vacanaṃ micchāti pakāsento manusso hutvātiādimāha.

    ๗๘. ตตฺถ เหวํ มรณํ น เหหิตีติ เอวํ สเนฺต มรณํ น ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ อิโต ปรํ ยโกฺข เปโตติ อตฺตภาวนานตฺตวเสน อนุโยคนานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ

    78. Tattha hevaṃ maraṇaṃ na hehitīti evaṃ sante maraṇaṃ na bhavissatīti attho. Ito paraṃ yakkho petoti attabhāvanānattavasena anuyoganānattaṃ veditabbaṃ.

    ๘๒. ขตฺติโยติอาทีนิ ชาติวเสน เจว องฺคเวกลฺลาทิวเสน จ วุตฺตานิฯ

    82. Khattiyotiādīni jātivasena ceva aṅgavekallādivasena ca vuttāni.

    ๘๗. ปุน น วตฺตพฺพนฺติ ปรวาทินา ปุโฎฺฐ อิธฎฺฐกสฺส อุปปตฺติวเสน ปรโลกสฺส คมนาภาวโต ปฎิญฺญา สกวาทิสฺส ปุน โสตาปนฺนสฺส ภวนฺตเรปิ โสตาปนฺนภาวาวิชหนโต ทุติยปฎิญฺญาปิ ตเสฺสวฯ หญฺจีติอาทิวจนํ ปรวาทิสฺสฯ

    87. Puna na vattabbanti paravādinā puṭṭho idhaṭṭhakassa upapattivasena paralokassa gamanābhāvato paṭiññā sakavādissa puna sotāpannassa bhavantarepi sotāpannabhāvāvijahanato dutiyapaṭiññāpi tasseva. Hañcītiādivacanaṃ paravādissa.

    ๘๘. ปุน เทวโลเก อุปปนฺนสฺส มนุสฺสตฺตาภาวทสฺสเนน อนุโยโค สกวาทิสฺสฯ

    88. Puna devaloke upapannassa manussattābhāvadassanena anuyogo sakavādissa.

    ๘๙. ตโต ปรํ อนโญฺญ อวิคโตติ เอตฺถ อนโญฺญติ สพฺพากาเรน เอกสทิโสฯ อวิคโตติ เอเกนาปิ อากาเรน อวิคโตติ อโตฺถฯ น เหวนฺติ เทวโลเก อุปปนฺนสฺส มนุสฺสภาวาภาวโต เอวมาหฯ

    89. Tato paraṃ anañño avigatoti ettha anaññoti sabbākārena ekasadiso. Avigatoti ekenāpi ākārena avigatoti attho. Na hevanti devaloke upapannassa manussabhāvābhāvato evamāha.

    ๙๐. ปุน ทฬฺหํ กตฺวา อนุยุโตฺต ‘‘เสฺวว ปุคฺคโล สนฺธาวตี’’ติ ลทฺธิยา อนุชานาติฯ หตฺถจฺฉิโนฺนติอาทิ อาการวิคมนทสฺสเนน อวิคโต สนฺธาวตีติ ลทฺธิภินฺทนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อฬจฺฉิโนฺนติ ยสฺส องฺคุฎฺฐกา ฉินฺนาฯ กณฺฑรจฺฉิโนฺนติ ยสฺส มหานฺหารู ฉินฺนาฯ

    90. Puna daḷhaṃ katvā anuyutto ‘‘sveva puggalo sandhāvatī’’ti laddhiyā anujānāti. Hatthacchinnotiādi ākāravigamanadassanena avigato sandhāvatīti laddhibhindanatthaṃ vuttaṃ. Tattha aḷacchinnoti yassa aṅguṭṭhakā chinnā. Kaṇḍaracchinnoti yassa mahānhārū chinnā.

    ๙๑. สรูโปติอาทีสุ ปฐเม ปเญฺห อิมินา รูปกาเยน สทฺธิํ อคมนํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปติฯ ทุติเย อนฺตราภวปุคฺคลํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ โส หิ ตสฺส ลทฺธิยา สรูโปว คนฺตฺวา มาตุกุจฺฉิํ ปวิสติฯ อถสฺส ตํ รูปํ ภิชฺชติฯ ตํ ชีวนฺติ เยน รูปสงฺขาเตน สรีเรน สทฺธิํ คจฺฉติ, กิมสฺส ตเทว ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ปุจฺฉติฯ ปรวาที อิธ สรีรนิเกฺขปา สุตฺตวิโรธา จ ปฎิกฺขิปติฯ

    91. Sarūpotiādīsu paṭhame pañhe iminā rūpakāyena saddhiṃ agamanaṃ sandhāya paṭikkhipati. Dutiye antarābhavapuggalaṃ sandhāya paṭijānāti. So hi tassa laddhiyā sarūpova gantvā mātukucchiṃ pavisati. Athassa taṃ rūpaṃ bhijjati. Taṃ jīvanti yena rūpasaṅkhātena sarīrena saddhiṃ gacchati, kimassa tadeva jīvaṃ taṃ sarīranti pucchati. Paravādī idha sarīranikkhepā suttavirodhā ca paṭikkhipati.

    สเวทโนติอาทีสุ อสญฺญูปปตฺติํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปติ, ตทญฺญํ อุปปตฺติํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ ตํ ชีวนฺติ เยน เวทนาทิสงฺขาเตน สรีเรน สทฺธิํ คจฺฉติฯ กิมสฺส ตเทว ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ปุจฺฉติฯ ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ เอติสฺสา หิ ลทฺธิยา ปญฺจปิ ขนฺธา สรีรนฺติ อธิเปฺปตาฯ ปรวาที สุตฺตวิโรธา ปฎิกฺขิปติฯ

    Savedanotiādīsu asaññūpapattiṃ sandhāya paṭikkhipati, tadaññaṃ upapattiṃ sandhāya paṭijānāti. Taṃ jīvanti yena vedanādisaṅkhātena sarīrena saddhiṃ gacchati. Kimassa tadeva jīvaṃ taṃ sarīranti pucchati. Taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ, aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti etissā hi laddhiyā pañcapi khandhā sarīranti adhippetā. Paravādī suttavirodhā paṭikkhipati.

    ๙๒. อรูโปติอาทีสุ ปฐเม ปเญฺห อนฺตราภวํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปติฯ ทุติเย อรูปา รูปํ อุปปชฺชมานํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ อญฺญํ, ชีวนฺติ ยํ รูปสงฺขาตํ สรีรํ ปหาย อรูโป สนฺธาวติ, กิํ เต ตํ สรีรํ อญฺญํ, อญฺญํ ชีวนฺติ ปุจฺฉติฯ อิตโร สุตฺตวิโรธา ปฎิกฺขิปติฯ

    92. Arūpotiādīsu paṭhame pañhe antarābhavaṃ sandhāya paṭikkhipati. Dutiye arūpā rūpaṃ upapajjamānaṃ sandhāya paṭijānāti. Aññaṃ, jīvanti yaṃ rūpasaṅkhātaṃ sarīraṃ pahāya arūpo sandhāvati, kiṃ te taṃ sarīraṃ aññaṃ, aññaṃ jīvanti pucchati. Itaro suttavirodhā paṭikkhipati.

    อเวทโนติอาทีสุ สญฺญีภวํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปติ, ตทญฺญํ อุปปตฺติํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ อญฺญํ ชีวนฺติ ยํ เวทนาทิสงฺขาตํ สรีรํ ปหาย อเวทโน อวิญฺญาโณ สนฺธาวติ, กิํ เต ตํ อญฺญํ สรีรํ, อญฺญํ ชีวนฺติ ปุจฺฉติฯ อิตโร สุตฺตวิโรธา ปฎิกฺขิปติฯ

    Avedanotiādīsu saññībhavaṃ sandhāya paṭikkhipati, tadaññaṃ upapattiṃ sandhāya paṭijānāti. Aññaṃ jīvanti yaṃ vedanādisaṅkhātaṃ sarīraṃ pahāya avedano aviññāṇo sandhāvati, kiṃ te taṃ aññaṃ sarīraṃ, aññaṃ jīvanti pucchati. Itaro suttavirodhā paṭikkhipati.

    ๙๓. รูปํ สนฺธาวตีติอาทีสุ เย รูปาทโย ขเนฺธ อุปาทาย ปุคฺคลํ ปญฺญเปติ, กิํ เต ตสฺมิํ ปุคฺคเล สนฺธาวเนฺต ตมฺปิ รูปํ สนฺธาวตีติ ปุจฺฉติฯ ปรวาที ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ สตฺตเสฺสว สนฺธาวนวจนโต ปฎิกฺขิปติฯ ปุน ปุโฎฺฐ ยสฺมา รูปาทิธเมฺม วินา ปุคฺคโล นตฺถิ, ตสฺมา ตสฺมิํ สนฺธาวเนฺต เตนปิ รูเปน สนฺธาวิตพฺพนฺติ สญฺญาย ปฎิชานาติฯ เวทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    93. Rūpaṃ sandhāvatītiādīsu ye rūpādayo khandhe upādāya puggalaṃ paññapeti, kiṃ te tasmiṃ puggale sandhāvante tampi rūpaṃ sandhāvatīti pucchati. Paravādī ‘‘avijjānīvaraṇānaṃ sattānaṃ taṇhāsaṃyojanānaṃ sandhāvataṃ saṃsarata’’nti sattasseva sandhāvanavacanato paṭikkhipati. Puna puṭṭho yasmā rūpādidhamme vinā puggalo natthi, tasmā tasmiṃ sandhāvante tenapi rūpena sandhāvitabbanti saññāya paṭijānāti. Vedanādīsupi eseva nayo.

    ๙๔. รูปํ น สนฺธาวตีติอาทีสุ ยสฺมา เต รูปํ ปุคฺคโล น โหติ, เสฺวว จ สนฺธาวตีติ วเทสิ, ตสฺมา ตํ ปุจฺฉามิ, กิํ เต รูปํ น สนฺธาวตีติ อโตฺถฯ อิตโร ปุคฺคเล สนฺธาวเนฺต น สกฺกา ตสฺส อุปาทานภูเตน รูเปน สนฺธาวิตุนฺติ สญฺญาย ปฎิกฺขิปติฯ ปุน ปุโฎฺฐ สตฺตานเญฺญว สนฺธาวนวจนโต ปฎิชานาติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    94. Rūpaṃ na sandhāvatītiādīsu yasmā te rūpaṃ puggalo na hoti, sveva ca sandhāvatīti vadesi, tasmā taṃ pucchāmi, kiṃ te rūpaṃ na sandhāvatīti attho. Itaro puggale sandhāvante na sakkā tassa upādānabhūtena rūpena sandhāvitunti saññāya paṭikkhipati. Puna puṭṭho sattānaññeva sandhāvanavacanato paṭijānāti. Sesamettha uttānameva.

    คาถานํ ปน อยมโตฺถ – อายสฺมโต มเตน รุกฺขํ อุปาทาย ฉายา วิย, อินฺธนํ อุปาทาย อคฺคิ วิย จ, ขเนฺธ อุปาทาย ปุคฺคโล; รูปาทีนํ สนฺธาวเน อสติ เตสุ ขเนฺธสุ ภิชฺชมาเนสุ โส ตว ปุคฺคโล ภิชฺชติ เจ, เอวํ สเนฺต อุเจฺฉทา ภวติ ทิฎฺฐิ, อุเจฺฉททิฎฺฐิ เต อาปชฺชติฯ กตรา ยา พุเทฺธน วิวชฺชิตา อกุสลทิฎฺฐิฯ ยา ปน ‘‘อุเจฺฉทวาที สมโณ โคตโม’’ติ ปริยายภาสิตา, น ตํ วทามาติ ทเสฺสติฯ อถาปิ เตสุ ขเนฺธสุ ภิชฺชมาเนสุ โส ปุคฺคโล น ภิชฺชติ, เอวํ สเนฺต สสฺสโต ปุคฺคโล โหติฯ ตโต โส นิพฺพาเนน สมสโม อาปชฺชติ ฯ สมสโมติ อติวิย สโม, สเมน วา สโม, สมภาเวเนว สโมฯ ยเถว นิพฺพานํ นุปฺปชฺชติ น ภิชฺชติ, เอวํ เต ปุคฺคโลปิ เตน สมสโมติฯ

    Gāthānaṃ pana ayamattho – āyasmato matena rukkhaṃ upādāya chāyā viya, indhanaṃ upādāya aggi viya ca, khandhe upādāya puggalo; rūpādīnaṃ sandhāvane asati tesu khandhesu bhijjamānesu so tava puggalo bhijjati ce, evaṃ sante ucchedā bhavati diṭṭhi, ucchedadiṭṭhi te āpajjati. Katarā yā buddhena vivajjitā akusaladiṭṭhi. Yā pana ‘‘ucchedavādī samaṇo gotamo’’ti pariyāyabhāsitā, na taṃ vadāmāti dasseti. Athāpi tesu khandhesu bhijjamānesu so puggalo na bhijjati, evaṃ sante sassato puggalo hoti. Tato so nibbānena samasamo āpajjati . Samasamoti ativiya samo, samena vā samo, samabhāveneva samo. Yatheva nibbānaṃ nuppajjati na bhijjati, evaṃ te puggalopi tena samasamoti.

    คติปริวตฺตนมุเขน จุติปฎิสนฺธานุโยโค นิฎฺฐิโตฯ

    Gatiparivattanamukhena cutipaṭisandhānuyogo niṭṭhito.

    อนุโยควณฺณนาฯ

    Anuyogavaṇṇanā.

    ๑๒. อุปาทาปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา

    12. Upādāpaññattānuyogavaṇṇanā

    ๙๕. อิทานิ อุปาทาปญฺญตฺตานุโยโค โหติฯ ตตฺถ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฎิญฺญาปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ โส หิ รุกฺขํ อุปาทาย ฉายาย วิย, อินฺธนํ อุปาทาย อคฺคิสฺส วิย จ, รูปาทีนิ อุปาทาย ปุคฺคลสฺส ปญฺญตฺติํ ปญฺญาปนํ อวโพธนํ อิจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘รูปํ อุปาทายา’’ติ ปุโฎฺฐ ปฎิชานาติฯ ปุน ยถา รุกฺขุปาทานา ฉายา รุโกฺข วิย, อินฺธนุปาทาโน จ อคฺคิ อินฺธนํ วิย อนิจฺจาทิธโมฺม, เอวํ เต รูปาทิอุปาทาโน ปุคฺคโล รูปาทโย วิย อนิโจฺจติ อิมมตฺถํ ปุโฎฺฐ อตฺตโน ลทฺธิยํ ฐตฺวา ปฎิกฺขิปติฯ

    95. Idāni upādāpaññattānuyogo hoti. Tattha pucchā sakavādissa, paṭiññāpaṭikkhepo paravādissa. So hi rukkhaṃ upādāya chāyāya viya, indhanaṃ upādāya aggissa viya ca, rūpādīni upādāya puggalassa paññattiṃ paññāpanaṃ avabodhanaṃ icchati, tasmā ‘‘rūpaṃ upādāyā’’ti puṭṭho paṭijānāti. Puna yathā rukkhupādānā chāyā rukkho viya, indhanupādāno ca aggi indhanaṃ viya aniccādidhammo, evaṃ te rūpādiupādāno puggalo rūpādayo viya aniccoti imamatthaṃ puṭṭho attano laddhiyaṃ ṭhatvā paṭikkhipati.

    ๙๗. นีลํ รูปํ อุปาทาย นีโลติอาทีสุ นีลรูเปน สทฺธิํ ปุคฺคลสฺส เอกตฺตํ, เอกสรีเร นีลาทีนํ พหูนํ วเสน พหุภาวญฺจ อนิจฺฉโนฺต ปฎิกฺขิปติฯ

    97. Nīlaṃ rūpaṃ upādāya nīlotiādīsu nīlarūpena saddhiṃ puggalassa ekattaṃ, ekasarīre nīlādīnaṃ bahūnaṃ vasena bahubhāvañca anicchanto paṭikkhipati.

    ๙๘. กุสลํ เวทนนฺติ เอตฺถาปิ เวทนาย สทฺธิํ เอกตฺตํ เอกสนฺตาเน พหูนํ กุสลเวทนานํ วเสน พหุภาวญฺจ อนิจฺฉโนฺต ปฎิกฺขิปติฯ ทุติยนเย มคฺคกุสโลติอาทิวจนสพฺภาวโต เฉกฎฺฐํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ สผโลติอาทีนิ ปุโฎฺฐ ตถารูปสฺส โวหารสฺส อภาวโต ปฎิกฺขิปติฯ

    98. Kusalaṃ vedananti etthāpi vedanāya saddhiṃ ekattaṃ ekasantāne bahūnaṃ kusalavedanānaṃ vasena bahubhāvañca anicchanto paṭikkhipati. Dutiyanaye maggakusalotiādivacanasabbhāvato chekaṭṭhaṃ sandhāya paṭijānāti. Saphalotiādīni puṭṭho tathārūpassa vohārassa abhāvato paṭikkhipati.

    ๙๙. อกุสลปเกฺข อเฉกฎฺฐํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ

    99. Akusalapakkhe achekaṭṭhaṃ sandhāya paṭijānāti.

    ๑๐๐. อพฺยากตปเกฺข สสฺสตาทิวเสน อพฺยากตภาวํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ เสสเมตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    100. Abyākatapakkhe sassatādivasena abyākatabhāvaṃ sandhāya paṭijānāti. Sesamettha heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ๑๐๔. จกฺขุํ อุปาทายาติอาทีสุ ‘‘จกฺขุมา วิสมานีว…เป.… ปาปานิ ปริวชฺชเย’’ติ(อุทา. ๔๓) อาทิโวหารสพฺภาวโต ปฎิชานาติฯ จกฺขุมตฺตาทินิโรเธน ปุคฺคลนิโรธํ อนิจฺฉโนฺต ปฎิกฺขิปติฯ

    104. Cakkhuṃupādāyātiādīsu ‘‘cakkhumā visamānīva…pe… pāpāni parivajjaye’’ti(udā. 43) ādivohārasabbhāvato paṭijānāti. Cakkhumattādinirodhena puggalanirodhaṃ anicchanto paṭikkhipati.

    ๑๐๗. รูปํ อุปาทาย เวทนํ อุปาทายาติ เอตฺถ อเญฺญปิ รูปมูลกา ทุกติกจตุกฺกา เวทิตพฺพาฯ ยสฺมา ปน ขเนฺธ อุปาทาย ปุคฺคลสฺส ปญฺญตฺติ, ตสฺมา เทฺวปิ ตโยปิ จตฺตาโรปิ ปญฺจปิ อุปาทาย ปญฺญตฺติํ ปฎิชานาติฯ เอกสนฺตาเน ปน ทฺวินฺนํ ปญฺจนฺนํ วา อภาวา ปฎิกฺขิปติฯ อายตนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    107. Rūpaṃ upādāya vedanaṃ upādāyāti ettha aññepi rūpamūlakā dukatikacatukkā veditabbā. Yasmā pana khandhe upādāya puggalassa paññatti, tasmā dvepi tayopi cattāropi pañcapi upādāya paññattiṃ paṭijānāti. Ekasantāne pana dvinnaṃ pañcannaṃ vā abhāvā paṭikkhipati. Āyatanādīsupi eseva nayo.

    ๑๑๒. อิทานิ ยํ อุปาทาย ยสฺส ปญฺญตฺติ, ยถา ตสฺส อนิจฺจตาย ตสฺสาปิ อนิจฺจตา, ตโต จ อญฺญตฺตํ สิทฺธํ, เอวํ ตสฺส ปุคฺคลสฺสาปิ อาปชฺชตีติ ทเสฺสตุํ ยถา รุกฺขนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุปาทายาติ ปฎิจฺจ อาคมฺม, น วินา ตนฺติ อโตฺถฯ ปรวาที ปน ตถา อนิจฺฉโนฺต ลทฺธิยํ ฐตฺวา ปฎิกฺขิปติฯ

    112. Idāni yaṃ upādāya yassa paññatti, yathā tassa aniccatāya tassāpi aniccatā, tato ca aññattaṃ siddhaṃ, evaṃ tassa puggalassāpi āpajjatīti dassetuṃ yathā rukkhantiādimāha. Tattha upādāyāti paṭicca āgamma, na vinā tanti attho. Paravādī pana tathā anicchanto laddhiyaṃ ṭhatvā paṭikkhipati.

    ๑๑๕. นิคโฬติ สงฺขลิกพนฺธนํฯ เนคฬิโกติ เตน พนฺธโก ยสฺส รูปํ โส รูปวาติ ยสฺมา ยสฺส รูปํ โส รูปวา โหติ, ตสฺมา ยถา น นิคโฬ …เป.… อโญฺญ รูปวาติ อโตฺถฯ

    115. Nigaḷoti saṅkhalikabandhanaṃ. Negaḷikoti tena bandhako yassa rūpaṃ so rūpavāti yasmā yassa rūpaṃ so rūpavā hoti, tasmā yathā na nigaḷo …pe… añño rūpavāti attho.

    ๑๑๖. จิเตฺต จิเตฺตติอาทีสุ สราคาทิจิตฺตวเสน สราคาทิตํ สนฺธาย จิตฺตานุปสฺสนาวเสน ปฎิชานาติฯ ชายตีติอาทินา นเยน ปุโฎฺฐ ปุคฺคลสฺส ขณิกภาวํ อนิจฺฉโนฺต ปฎิกฺขิปติฯ ‘‘โส’’ติ วา ‘‘อโญฺญ’’ติ วา ปุโฎฺฐ สสฺสตุเจฺฉทภเยน ปฎิกฺขิปติฯ ปุน น วตฺตพฺพํ ‘‘กุมารโก’’ติ วา ‘‘กุมาริกา’’ติ วา ปุโฎฺฐ โลกโวหารสมุเจฺฉทภเยน วตฺตพฺพนฺติ ปฎิชานาติฯ เสสเมตฺถ ปากฎเมวฯ

    116. Citte cittetiādīsu sarāgādicittavasena sarāgāditaṃ sandhāya cittānupassanāvasena paṭijānāti. Jāyatītiādinā nayena puṭṭho puggalassa khaṇikabhāvaṃ anicchanto paṭikkhipati. ‘‘So’’ti vā ‘‘añño’’ti vā puṭṭho sassatucchedabhayena paṭikkhipati. Puna na vattabbaṃ ‘‘kumārako’’ti vā ‘‘kumārikā’’ti vā puṭṭho lokavohārasamucchedabhayena vattabbanti paṭijānāti. Sesamettha pākaṭameva.

    ๑๑๘. อิทานิ ปรวาที อเญฺญนากาเรน ลทฺธิํ ปติฎฺฐาเปตุกาโม น วตฺตพฺพํ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ น วตฺตพฺพนฺติ กิํ เต อิมินา เอวํ พหุนา อุปาทาปญฺญตฺตานุโยเคน, อิทํ ตาว วเทหิ, กิํ น วตฺตพฺพํ ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติฯ ตโต สกวาทินา อามนฺตาติ วุเตฺต นนุ โย ปสฺสตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ โยติ ปุคฺคโล ฯ นฺติ รูปํฯ เยนาติ จกฺขุนาฯ โสติ ปุคฺคโลฯ นฺติ รูปํฯ เตนาติ จกฺขุนาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – นนุ โย ยํ รูปํ เยน จกฺขุนา ปสฺสติ, โส ตํ รูปํ เตน จกฺขุนา ปสฺสโนฺต ปุคฺคโลติฯ สกวาที กิญฺจาปิ จกฺขุวิญฺญาณสฺส นิสฺสยภาวํ คจฺฉนฺตํ จกฺขุเมว รูปํ ปสฺสติ, ตถา โสตเมว สทฺทํ สุณาติ…เป.… วิญฺญาณเมว ธมฺมํ วิชานาติ, ‘‘อตฺถิ อรหโต จกฺขุ, ปสฺสติ อรหา จกฺขุนา รูป’’นฺติอาทิสมฺมุติวเสน ปน อามนฺตาติ ปฎิชานาติฯ

    118. Idāni paravādī aññenākārena laddhiṃ patiṭṭhāpetukāmo na vattabbaṃ puggalo upalabbhatītiādimāha. Tattha na vattabbanti kiṃ te iminā evaṃ bahunā upādāpaññattānuyogena, idaṃ tāva vadehi, kiṃ na vattabbaṃ ‘‘puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’ti. Tato sakavādinā āmantāti vutte nanu yo passatītiādimāha. Tattha yoti puggalo . Yanti rūpaṃ. Yenāti cakkhunā. Soti puggalo. Tanti rūpaṃ. Tenāti cakkhunā. Idaṃ vuttaṃ hoti – nanu yo yaṃ rūpaṃ yena cakkhunā passati, so taṃ rūpaṃ tena cakkhunā passanto puggaloti. Sakavādī kiñcāpi cakkhuviññāṇassa nissayabhāvaṃ gacchantaṃ cakkhumeva rūpaṃ passati, tathā sotameva saddaṃ suṇāti…pe… viññāṇameva dhammaṃ vijānāti, ‘‘atthi arahato cakkhu, passati arahā cakkhunā rūpa’’ntiādisammutivasena pana āmantāti paṭijānāti.

    ๑๒๐. ตโต ฉลวาทํ นิสฺสาย ปรวาทินา ปุคฺคลสฺส วตฺตพฺพตาย สาธิตาย ตเมว วาทํ ปริวเตฺตตฺวา ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ โย น ปสฺสตีติ อโนฺธ อสญฺญสโตฺต อรูปํ อุปปโนฺน นิโรธํ สมาปโนฺน, อนโนฺธปิ จ อญฺญตฺร ทสฺสนสมยา น ปสฺสติ นามฯ เสสวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ เสสํ ปาฬิวเสเนว อตฺถโต เวทิตพฺพํฯ

    120. Tato chalavādaṃ nissāya paravādinā puggalassa vattabbatāya sādhitāya tameva vādaṃ parivattetvā puggalo upalabbhatītiādimāha. Tattha yo na passatīti andho asaññasatto arūpaṃ upapanno nirodhaṃ samāpanno, anandhopi ca aññatra dassanasamayā na passati nāma. Sesavāresupi eseva nayo. Sesaṃ pāḷivaseneva atthato veditabbaṃ.

    ๑๒๒. สุตฺตสํสนฺทนายํ ทิพฺพสฺส จกฺขุโน รูปโคจรตฺตา รูปํ ปสฺสตีติ อาหฯ ทุติยวาเร ‘‘สเตฺต ปสฺสามี’’ติวจนโต ปุคฺคลํ ปสฺสตีติ อาหฯ ตติยวาเร ‘‘รูปํ ทิสฺวา ปุคฺคลํ วิภาเวตี’’ติ ลทฺธิโต อุโภ ปสฺสตีติ อาหฯ ยสฺมา ปน ปสฺสิตพฺพํ นาม ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตนฺติ จตุพฺพิเธ รูปสงฺคเห รูปายตนเมว สงฺคหิตํ, ตสฺมา สกวาที ‘‘รูปํ ปุคฺคโล, ปุคฺคโล รูปํ, อุโภ รูป’’นฺติ อนุโยคํ กโรติฯ ตสฺสโตฺถ ปากโฎเยวาติฯ

    122. Suttasaṃsandanāyaṃ dibbassa cakkhuno rūpagocarattā rūpaṃ passatīti āha. Dutiyavāre ‘‘satte passāmī’’tivacanato puggalaṃ passatīti āha. Tatiyavāre ‘‘rūpaṃ disvā puggalaṃ vibhāvetī’’ti laddhito ubho passatīti āha. Yasmā pana passitabbaṃ nāma diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātanti catubbidhe rūpasaṅgahe rūpāyatanameva saṅgahitaṃ, tasmā sakavādī ‘‘rūpaṃ puggalo, puggalo rūpaṃ, ubho rūpa’’nti anuyogaṃ karoti. Tassattho pākaṭoyevāti.

    อุปาทาปญฺญตฺตานุโยควณฺณนาฯ

    Upādāpaññattānuyogavaṇṇanā.

    ๑๓. ปุริสการานุโยควณฺณนา

    13. Purisakārānuyogavaṇṇanā

    ๑๒๓. อิทานิ ปุริสการานุโยโค โหติฯ ตตฺถ กเมฺม สติ นิยมโต ตสฺส การเกนปิ ภวิตพฺพนฺติ ลทฺธิยา ปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, ตถารูปานํ กมฺมานํ อตฺถิตาย ปฎิญฺญา สกวาทิสฺสฯ ปุน กตฺตา กาเรตาติ ปุจฺฉา ปรวาทิสฺสฯ ตตฺถ กตฺตาติ เตสํ กมฺมานํ การโกฯ กาเรตาติ อาณตฺติเทสนาทีหิ อุปาเยหิ การาปโกฯ อิทานิ ยสฺมา ปรวาที ปุคฺคลํ สนฺธาย กตฺตาติ ปุจฺฉติ, น กรณมตฺตํ, ตสฺมา ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสฯ

    123. Idāni purisakārānuyogo hoti. Tattha kamme sati niyamato tassa kārakenapi bhavitabbanti laddhiyā pucchā paravādissa, tathārūpānaṃ kammānaṃ atthitāya paṭiññā sakavādissa. Puna kattā kāretāti pucchā paravādissa. Tattha kattāti tesaṃ kammānaṃ kārako. Kāretāti āṇattidesanādīhi upāyehi kārāpako. Idāni yasmā paravādī puggalaṃ sandhāya kattāti pucchati, na karaṇamattaṃ, tasmā paṭikkhepo sakavādissa.

    ๑๒๔. ตสฺส กตฺตา กาเรตาติ เอตฺถ ยทิ ยํ ยํ อุปลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส กตฺตา ปุคฺคโล เต อุปลพฺภติ, กิํ ตสฺสาปิ การโก จ การาปโก จ อโญฺญ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ อโตฺถฯ ปรวาที ตถา อนิจฺฉโนฺต อิสฺสรนิมฺมานวาทภเยน ปฎิกฺขิปติฯ ปุน ปุโฎฺฐ ยสฺมา ปุคฺคลํ มาตาปิตโร ชเนนฺติ นามํ กโรนฺติ โปเสนฺติ, ตสฺมาสฺส เต การกาฯ เย จ ปน ตํ กลฺยาณมิตฺตา วา อาจริยา วา ตานิ ตานิ วิชฺชาฎฺฐานสิปฺปายตนานิ สิกฺขาเปนฺติ , เต การาปกา นามาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ ปุริมกมฺมเมว ตสฺส กตฺตา เจว การาเปตา จาติ อธิเปฺปตํฯ

    124. Tassa kattā kāretāti ettha yadi yaṃ yaṃ upalabbhati, tassa tassa kattā puggalo te upalabbhati, kiṃ tassāpi kārako ca kārāpako ca añño puggalo upalabbhatīti attho. Paravādī tathā anicchanto issaranimmānavādabhayena paṭikkhipati. Puna puṭṭho yasmā puggalaṃ mātāpitaro janenti nāmaṃ karonti posenti, tasmāssa te kārakā. Ye ca pana taṃ kalyāṇamittā vā ācariyā vā tāni tāni vijjāṭṭhānasippāyatanāni sikkhāpenti , te kārāpakā nāmāti imamatthaṃ sandhāya paṭijānāti. Purimakammameva tassa kattā ceva kārāpetā cāti adhippetaṃ.

    ๑๒๕. ตสฺส ตเสฺสวาติ อิมินา อิทํ ปุจฺฉติ – ยทิ กมฺมานํ การกสฺส กตฺตา ตสฺสาปิ กตฺตา ตสฺสาปิ กตฺตา อเตฺถว, เอวํ สเนฺต ปุริเมน ปุริเมน อวสฺสํ ปจฺฉา ปจฺฉา ปุคฺคโล กาตโพฺพติ อิมินาปิ เต กมฺมานํ การเกน ปุคฺคเลน อายติํ อโญฺญ ปุคฺคโล กาตโพฺพ, เตนาปิ อโญฺญติ นตฺถิ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยา, นตฺถิ วฎฺฎสฺส อุปเจฺฉโท, นตฺถิ อปฺปจฺจยปรินิพฺพานํฯ ปจฺจยาภาเวน ปจฺจยปฎิพทฺธสฺส ทุกฺขสฺส อภาวา ยํ นิพฺพานํ วุตฺตํ, นตฺถิ เต ตนฺติฯ อถ วา ตสฺส ตเสฺสวาติ ยทิ กมฺมํ กมฺมมตฺตํ น โหติ, ตสฺส ปน การโก ปุคฺคโล, ตสฺสาปิ การโก, ตสฺสาปิ การโกติ เอวํ ปุคฺคลปรมฺปรา อตฺถิฯ เอวํ สเนฺต ยา เอสา กมฺมวฎฺฎสฺส อปฺปวตฺติกรเณน ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยา วุตฺตา, สา นตฺถีติ อโตฺถฯ ปรวาที ตํ อนิจฺฉโนฺต ปฎิกฺขิปติฯ อิโต อปราสุปิ อุปลพฺภติ สามเญฺญน การกปุจฺฉาสุ ปุคฺคลํเยว สนฺธาย ‘‘กตฺตา กาเรตา’’ติ วุตฺตํ, น ปจฺจเยฯ น หิ มหาปถวีอาทีนํ ปจฺจยา นตฺถิฯ

    125. Tassa tassevāti iminā idaṃ pucchati – yadi kammānaṃ kārakassa kattā tassāpi kattā tassāpi kattā attheva, evaṃ sante purimena purimena avassaṃ pacchā pacchā puggalo kātabboti imināpi te kammānaṃ kārakena puggalena āyatiṃ añño puggalo kātabbo, tenāpi aññoti natthi dukkhassa antakiriyā, natthi vaṭṭassa upacchedo, natthi appaccayaparinibbānaṃ. Paccayābhāvena paccayapaṭibaddhassa dukkhassa abhāvā yaṃ nibbānaṃ vuttaṃ, natthi te tanti. Atha vā tassa tassevāti yadi kammaṃ kammamattaṃ na hoti, tassa pana kārako puggalo, tassāpi kārako, tassāpi kārakoti evaṃ puggalaparamparā atthi. Evaṃ sante yā esā kammavaṭṭassa appavattikaraṇena dukkhassa antakiriyā vuttā, sā natthīti attho. Paravādī taṃ anicchanto paṭikkhipati. Ito aparāsupi upalabbhati sāmaññena kārakapucchāsu puggalaṃyeva sandhāya ‘‘kattā kāretā’’ti vuttaṃ, na paccaye. Na hi mahāpathavīādīnaṃ paccayā natthi.

    ๑๓๕. อโญฺญ กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ กตฺตาติ ปโญฺห ‘‘สงฺขารวนฺตํ วา อตฺตาน’’นฺติอาทิทิฎฺฐิภยา ปฎิกฺขิโตฺตฯ

    135. Añño kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ kattāti pañho ‘‘saṅkhāravantaṃ vā attāna’’ntiādidiṭṭhibhayā paṭikkhitto.

    ๑๓๖. วิปาโก อุปลพฺภตีติอาทิ วิปากปฎิสํเวทีวเสน ปุคฺคลํ ทเสฺสนฺตสฺส ลทฺธิภินฺทนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิปากปฎิสํเวทีติ อนุโยโค ปรวาทิสฺส , วิปากปวตฺติโต อญฺญสฺส เวทกสฺส อภาวา ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสฯ ปุน ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฎิญฺญา อิตรสฺสฯ

    136. Vipāko upalabbhatītiādi vipākapaṭisaṃvedīvasena puggalaṃ dassentassa laddhibhindanatthaṃ vuttaṃ. Tattha vipākapaṭisaṃvedīti anuyogo paravādissa , vipākapavattito aññassa vedakassa abhāvā paṭikkhepo sakavādissa. Puna pucchā sakavādissa, paṭiññā itarassa.

    ๑๓๘. ตสฺส ปฎิสํเวทีติ ตสฺส วิปากปฎิสํเวทกสฺส ปฎิสํเวที ยสฺมา ปน ปฎิสํเวทิตโพฺพ นาม วิปาโก, น จ ปุคฺคโล วิปาโก, ตสฺมา ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ ปุน ปุโฎฺฐ ยสฺมา ปุญฺญวิปาเก ฐิตตฺตา วิปากปฎิสํเวที ปุตฺตํ วา ปติํ วา มาตา วา ชายา วา ปริจุมฺพติ ปริสชฺชติ, ตสฺมา ตถารูปํ ปฎิสํเวทิตํ สนฺธาย ปฎิชานาติ ปรวาทีฯ

    138. Tassa paṭisaṃvedīti tassa vipākapaṭisaṃvedakassa paṭisaṃvedī yasmā pana paṭisaṃveditabbo nāma vipāko, na ca puggalo vipāko, tasmā paṭikkhepo paravādissa. Puna puṭṭho yasmā puññavipāke ṭhitattā vipākapaṭisaṃvedī puttaṃ vā patiṃ vā mātā vā jāyā vā paricumbati parisajjati, tasmā tathārūpaṃ paṭisaṃveditaṃ sandhāya paṭijānāti paravādī.

    ตสฺส ตเสฺสวาติ ยทิ วิปาโก วิปากมตฺตํ น โหติ, ตสฺส ปน ปฎิสํเวที ปุคฺคโล, ตสฺสาปิ ปฎิสํเวที ตสฺสาปิ ปฎิสํเวทีติ เอวํ ปุคฺคลปรมฺปรา อตฺถิฯ เอวํ สเนฺต ยา เอสา วิปากวฎฺฎสฺส อปฺปวตฺติกรเณน ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยา วุตฺตา, สา นตฺถีติ อโตฺถฯ อิโต ปรํ อุปลพฺภติสามเญฺญน ปฎิสํเวทีปุจฺฉาสุ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Tassatassevāti yadi vipāko vipākamattaṃ na hoti, tassa pana paṭisaṃvedī puggalo, tassāpi paṭisaṃvedī tassāpi paṭisaṃvedīti evaṃ puggalaparamparā atthi. Evaṃ sante yā esā vipākavaṭṭassa appavattikaraṇena dukkhassa antakiriyā vuttā, sā natthīti attho. Ito paraṃ upalabbhatisāmaññena paṭisaṃvedīpucchāsu heṭṭhā vuttanayeneva attho veditabbo.

    ๑๔๒. อโญฺญ กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากปฎิสํเวทีติ ปโญฺห ‘‘เวทนวนฺตํ วา อตฺตาน’’นฺติอาทิทิฎฺฐิภยา ปฎิกฺขิโตฺตฯ

    142. Añño kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākapaṭisaṃvedīti pañho ‘‘vedanavantaṃ vā attāna’’ntiādidiṭṭhibhayā paṭikkhitto.

    ๑๔๓. ทิพฺพํ สุขนฺติอาทิ กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ภาเชตฺวา ทสฺสนวเสน อารทฺธํฯ ตํ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ สกวาทิโน เจตฺถ ปุคฺคลวเสเนว ปฎิสํเวทีปฎิเกฺขโป เวทิตโพฺพ, น เวทยิตวเสนฯ

    143. Dibbaṃ sukhantiādi kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākaṃ bhājetvā dassanavasena āraddhaṃ. Taṃ sabbaṃ heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Sakavādino cettha puggalavaseneva paṭisaṃvedīpaṭikkhepo veditabbo, na vedayitavasena.

    ๑๔๘. มหาปถวีอาทีนิ หิ อารมฺมณํ กตฺวา เวทยิตานํ อุปฺปตฺติ อปฺปฎิสิทฺธาฯ

    148. Mahāpathavīādīni hi ārammaṇaṃ katvā vedayitānaṃ uppatti appaṭisiddhā.

    ๑๗๐. กตฺตา กาเรตา วิปากปฎิสํเวทีติอาทิ โวมิสฺสกนยวเสน อารทฺธํฯ ตตฺถ โส กโรตีติ ยํ ตฺวํ กตฺตาติ จ ปฎิสํเวทีติ จ วเทสิ, กิํ โสเยว กโรติ, โส ปฎิสํเวเทติฯ อยมนุโยโค สกวาทิสฺส, สุตฺตวิโรธภเยน ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ

    170. Kattā kāretā vipākapaṭisaṃvedītiādi vomissakanayavasena āraddhaṃ. Tattha so karotīti yaṃ tvaṃ kattāti ca paṭisaṃvedīti ca vadesi, kiṃ soyeva karoti, so paṭisaṃvedeti. Ayamanuyogo sakavādissa, suttavirodhabhayena paṭikkhepo paravādissa.

    ๑๗๑. ปุน ปุโฎฺฐ ‘‘อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทตี’’ติอาทิสุตฺตวเสน (ธ. ป. ๑๘) ปฎิญฺญา ตเสฺสวฯ อถสฺส วจโนกาสํ ปฎิพาหโนฺต สกวาที สยํกตํ สุขทุกฺขนฺติ อาหฯ

    171. Puna puṭṭho ‘‘idha nandati pecca nandatī’’tiādisuttavasena (dha. pa. 18) paṭiññā tasseva. Athassa vacanokāsaṃ paṭibāhanto sakavādī sayaṃkataṃ sukhadukkhanti āha.

    ๑๗๒. ตตฺถ อโญฺญ กโรตีติ การกเวทกานํ อญฺญตฺตปุจฺฉาวเสน วุตฺตํฯ ตโต ปรวาที สุตฺตวิโรธภเยน ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ปุโฎฺฐ ‘‘มนุสฺสภูโต กตฺวา เทวภูโต ปฎิสํเวเทตี’’ติ มญฺญมาโน ปฎิชานาติ ฯ เอวํวาทิโน ปน ปรํกตํ สุขทุกฺขํ อาปชฺชตีติ ตสฺส วเสน ปุโฎฺฐ ปุน ปฎิกฺขิปติฯ

    172. Tattha añño karotīti kārakavedakānaṃ aññattapucchāvasena vuttaṃ. Tato paravādī suttavirodhabhayena paṭikkhipitvā puna puṭṭho ‘‘manussabhūto katvā devabhūto paṭisaṃvedetī’’ti maññamāno paṭijānāti . Evaṃvādino pana paraṃkataṃ sukhadukkhaṃ āpajjatīti tassa vasena puṭṭho puna paṭikkhipati.

    ๑๗๔. โส จ อโญฺญ จาติ การกเวทกานํ เอกตฺตอญฺญตฺตปุจฺฉาวเสน วุตฺตํฯ ตโต ปรวาที สุตฺตวิโรธภเยเนว ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ปุโฎฺฐ ปุริเม เทฺวปิ นเย เอกโต กตฺวา ปฎิชานาติฯ เอวํวาทิโน ปน สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ สุขทุกฺขํ อาปชฺชตีติ ตสฺส วเสน ปุโฎฺฐ ปุน ปฎิกฺขิปติฯ

    174. So ca añño cāti kārakavedakānaṃ ekattaaññattapucchāvasena vuttaṃ. Tato paravādī suttavirodhabhayeneva paṭikkhipitvā puna puṭṭho purime dvepi naye ekato katvā paṭijānāti. Evaṃvādino pana sayaṃkatañca paraṃkatañca sukhadukkhaṃ āpajjatīti tassa vasena puṭṭho puna paṭikkhipati.

    ๑๗๖. เนว โส กโรตีติ การกเวทกานํ เอกตฺตอญฺญตฺตปฎิเกฺขปวเสน วุตฺตํฯ ตโต ปรวาที สุตฺตวิโรธวเสเนว ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ปุโฎฺฐ ยสฺมา มนุโสฺส เทวโลกูปปตฺติยา กมฺมํ กตฺวา น มนุสฺสภูโตว ปฎิสํเวเทติ, นาปิ เยน กมฺมํ กตํ, ตโต อโญฺญว ปฎิสํเวเทติ, ตสฺมา การกโต เวทโก เนว โส โหติ, น อโญฺญติ มญฺญมาโน ปฎิชานาติฯ ลทฺธิมตฺตเมเวตํ? เอวํวาทิโน ปน อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ สุขทุกฺขํ อาปชฺชตีติ ตสฺส วเสน ปุโฎฺฐ ปุน ปฎิกฺขิปติฯ อปิจ อิมสฺมิํ โวมิสฺสกนเย อาทิโต ปฎฺฐาย อิมินาปิ นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา หิ อยํ ปุคฺคลวาที กมฺมานํ การกเญฺจว เวทกญฺจ อิจฺฉติ, ตสฺมาสฺส โย การโก, เตเนว วา เวทเกน ภวิตพฺพํ, อเญฺญน วา อุโภหิ วา ภวิตพฺพํ, อุโภหิ วาปิ น ภวิตพฺพนฺติ อิทมาปนฺนํ โหติฯ เอวมาปนฺนเมว อนุโยคํ อนุยุญฺชโนฺต สกวาที ‘‘โส กโรตี’’ติอาทโย จตฺตาโรปิ วิกเปฺป อาหฯ เสสํ วุตฺตปฺปการเมวฯ

    176. Neva so karotīti kārakavedakānaṃ ekattaaññattapaṭikkhepavasena vuttaṃ. Tato paravādī suttavirodhavaseneva paṭikkhipitvā puna puṭṭho yasmā manusso devalokūpapattiyā kammaṃ katvā na manussabhūtova paṭisaṃvedeti, nāpi yena kammaṃ kataṃ, tato aññova paṭisaṃvedeti, tasmā kārakato vedako neva so hoti, na aññoti maññamāno paṭijānāti. Laddhimattamevetaṃ? Evaṃvādino pana asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ sukhadukkhaṃ āpajjatīti tassa vasena puṭṭho puna paṭikkhipati. Apica imasmiṃ vomissakanaye ādito paṭṭhāya imināpi nayena attho veditabbo. Yasmā hi ayaṃ puggalavādī kammānaṃ kārakañceva vedakañca icchati, tasmāssa yo kārako, teneva vā vedakena bhavitabbaṃ, aññena vā ubhohi vā bhavitabbaṃ, ubhohi vāpi na bhavitabbanti idamāpannaṃ hoti. Evamāpannameva anuyogaṃ anuyuñjanto sakavādī ‘‘so karotī’’tiādayo cattāropi vikappe āha. Sesaṃ vuttappakārameva.

    ปริโยสาเน ปน จตฺตาโรปิ ปญฺหา เอกโต ปุฎฺฐาฯ ตตฺถ ปฎิเกฺขโป จ ปฎิชานนา จ สยํกตาทิโทสปฺปตฺติ จ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพาฯ อิโต ปรํ ‘‘กลฺยาณปาปกานี’’ติ อวตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตนยา เอว ‘‘กมฺมํ อตฺถี’’ติอาทินา วิกเปฺปน ทสฺสิตาฯ เตสมฺปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Pariyosāne pana cattāropi pañhā ekato puṭṭhā. Tattha paṭikkhepo ca paṭijānanā ca sayaṃkatādidosappatti ca purimanayeneva veditabbā. Ito paraṃ ‘‘kalyāṇapāpakānī’’ti avatvā heṭṭhā vuttanayā eva ‘‘kammaṃ atthī’’tiādinā vikappena dassitā. Tesampi heṭṭhā vuttanayeneva attho veditabbo.

    ปุริสการานุโยควณฺณนาฯ

    Purisakārānuyogavaṇṇanā.

    กลฺยาณวโคฺคติปิ เอตเสฺสว นามํฯ

    Kalyāṇavaggotipi etasseva nāmaṃ.

    ๑๔. อภิญฺญานุโยควณฺณนา

    14. Abhiññānuyogavaṇṇanā

    ๑๙๓. อิโต ปรํ อภิญฺญานุโยคาทิวเสน อรหตฺตสาธนา โหติฯ ตตฺถ อามนฺตาติ สกวาทินา ปฎิญฺญาเต ปรวาที ‘‘พหิทฺธา อนินฺทฺริยพทฺธรูเป อิทฺธิวิธาทิวิเสสาธิคโม นตฺถิ, อชฺฌตฺตํ อตฺถิ, ตสฺมา อิทฺธาทินิพฺพตฺตเกน ปุคฺคเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ มญฺญมาโน นนุ อตฺถิ โกจิ อิทฺธิํ วิกุพฺพตีติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    193. Ito paraṃ abhiññānuyogādivasena arahattasādhanā hoti. Tattha āmantāti sakavādinā paṭiññāte paravādī ‘‘bahiddhā anindriyabaddharūpe iddhividhādivisesādhigamo natthi, ajjhattaṃ atthi, tasmā iddhādinibbattakena puggalena bhavitabba’’nti maññamāno nanu atthi koci iddhiṃ vikubbatītiādimāha. Taṃ sabbaṃ uttānatthameva.

    อภิญฺญานุโยควณฺณนาฯ

    Abhiññānuyogavaṇṇanā.

    ๑๕-๑๘. ญาตกานุโยคาทิวณฺณนา

    15-18. Ñātakānuyogādivaṇṇanā

    ๑๙๗. อิทานิ มาตาติอาทิโก ญาตกานุโยโคฯ ขตฺติโยติอาทิโก ชาติอนุโยโคฯ คหโฎฺฐ ปพฺพชิโตติ ปฎิปตฺติอนุโยโคฯ เทโว มนุโสฺสติ อุปปตฺติอนุโยโคฯ โสตาปโนฺนติอาทิโก ปฎิเวธานุโยโค, อริยานุโยโคติปิ วุจฺจติฯ เต สเพฺพ อุตฺตานตฺถาเยวฯ ‘‘อรหา หุตฺวา น อรหา’’ติ ปเนตฺถ โมฆปญฺหตฺตา น วุตฺตํฯ

    197. Idāni mātātiādiko ñātakānuyogo. Khattiyotiādiko jātianuyogo. Gahaṭṭho pabbajitoti paṭipattianuyogo. Devo manussoti upapattianuyogo. Sotāpannotiādiko paṭivedhānuyogo, ariyānuyogotipi vuccati. Te sabbe uttānatthāyeva. ‘‘Arahā hutvā na arahā’’ti panettha moghapañhattā na vuttaṃ.

    ๒๐๖. จตฺตาโร ปุริสยุคาติอาทิ สํฆานุโยโค, โสปิ อุตฺตานโตฺถเยวฯ

    206. Cattāro purisayugātiādi saṃghānuyogo, sopi uttānatthoyeva.

    ๒๐๙. สงฺขโตติอาทิ สจฺจิกฎฺฐสภาวานุโยโคฯ ตตฺถ ตติยา โกฎีติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺสฯ ตถารูปสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อภาวโต ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ ปุน ปุโฎฺฐ ปุคฺคลํ สนฺธาย ปฎิญฺญา ตเสฺสวฯ

    209. Saṅkhatotiādi saccikaṭṭhasabhāvānuyogo. Tattha tatiyā koṭīti pucchā sakavādissa. Tathārūpassa saccikaṭṭhassa abhāvato paṭikkhepo paravādissa. Puna puṭṭho puggalaṃ sandhāya paṭiññā tasseva.

    ๒๑๑. อโญฺญ ปุคฺคโลติปเญฺหปิ สงฺขเตหิ ขเนฺธหิ อญฺญตฺตํ อนิจฺฉโนฺต ปฎิเกฺขโป ตเสฺสวฯ

    211. Aññopuggalotipañhepi saṅkhatehi khandhehi aññattaṃ anicchanto paṭikkhepo tasseva.

    ๒๑๒. ขนฺธา สงฺขตาติอาทิ สงฺขตาสงฺขตานิ สรูเปน ทเสฺสตฺวา อญฺญตฺตปุจฺฉนตฺถํ วุตฺตํฯ

    212. Khandhā saṅkhatātiādi saṅkhatāsaṅkhatāni sarūpena dassetvā aññattapucchanatthaṃ vuttaṃ.

    ๒๑๓. รูปํ สงฺขตนฺติอาทิ ขเนฺธ วิภาคโต ทเสฺสตฺวา อญฺญตฺตปุจฺฉนตฺถํ วุตฺตํฯ

    213. Rūpaṃ saṅkhatantiādi khandhe vibhāgato dassetvā aññattapucchanatthaṃ vuttaṃ.

    ๒๑๔. ปุคฺคลสฺส อุปฺปาโทติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติอาทิสุตฺตวเสน ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสฯ สงฺขตภาวํ ปนสฺส โส น อิจฺฉติ, ตสฺมา ปฎิกฺขิปติฯ

    214. Puggalassa uppādoti pucchā sakavādissa, ‘‘jātidhammā jarādhammā, atho maraṇadhammino’’tiādisuttavasena paṭiññā paravādissa. Saṅkhatabhāvaṃ panassa so na icchati, tasmā paṭikkhipati.

    ๒๑๕. ปุน น อุปฺปาโท ปญฺญายตีติอาทินา นเยน ปุโฎฺฐ ‘‘ทุกฺขเมว หิ สโมฺภติ , ทุกฺขํ ติฎฺฐติ เวติ จา’’ติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๑.๑๗๑) ปุคฺคลสฺส อุปฺปาทาทโย นาม น ยุชฺชนฺตีติ ปฎิชานาติฯ

    215. Puna na uppādo paññāyatītiādinā nayena puṭṭho ‘‘dukkhameva hi sambhoti , dukkhaṃ tiṭṭhati veti cā’’tiādivacanato (saṃ. ni. 1.171) puggalassa uppādādayo nāma na yujjantīti paṭijānāti.

    ๒๑๖. อตฺถตฺถมฺหีติ อตฺถํ วุจฺจติ นิพฺพานํฯ ตตฺถ อตฺถีติ ปุจฺฉติฯ ตสฺส อตฺถิตาย สสฺสตํ, นตฺถิตายฯ อุเจฺฉโท อาปชฺชติฯ ตทุภยมฺปิ อนิจฺฉโนฺต ปจฺฉา ปฎิกฺขิปติฯ

    216. Atthatthamhīti atthaṃ vuccati nibbānaṃ. Tattha atthīti pucchati. Tassa atthitāya sassataṃ, natthitāya. Ucchedo āpajjati. Tadubhayampi anicchanto pacchā paṭikkhipati.

    ญาตกานุโยคาทิวณฺณนาฯ

    Ñātakānuyogādivaṇṇanā.

    ๑๙. ปฎิเวธานุโยคาทิวณฺณนา

    19. Paṭivedhānuyogādivaṇṇanā

    ๒๑๗. ภวํ นิสฺสาย ปเญฺห ภวนฺติ อุปปตฺติภวํฯ

    217. Bhavaṃ nissāya pañhe bhavanti upapattibhavaṃ.

    ๒๑๘. เวทนํ เวทิยมานปเญฺห เวทนํ เวทิยมาโน ปริคฺคหิตเวทโน โยคาวจโรว ปชานาติ, พาลปุถุชฺชโน นปฺปชานาติฯ

    218. Vedanaṃ vediyamānapañhe vedanaṃ vediyamāno pariggahitavedano yogāvacarova pajānāti, bālaputhujjano nappajānāti.

    ๒๒๔. กายานุปสฺสนาทิปญฺหา อุตฺตานตฺถาเยวฯ

    224. Kāyānupassanādipañhā uttānatthāyeva.

    ๒๒๖. ปารายนคาถาย สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสูติ สตฺตสุญฺญตวเสน ขนฺธโลกํ โอโลเกหีติ อโตฺถฯ

    226. Pārāyanagāthāya suññato lokaṃ avekkhassūti sattasuññatavasena khandhalokaṃ olokehīti attho.

    ๒๒๘. ปุคฺคโล อเวกฺขตีติ สกวาทิปุจฺฉาฯ ปรวาทิสฺส หิ ‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสู’’ติ คาถาย โย อเวกฺขติ, โส ปุคฺคโลติ ลทฺธิ, ตสฺมา นํ เอวํ ปุจฺฉติฯ สห รูเปนาติ รูปกาเยน สทฺธิํฯ ตโต อนิสฺสโฎ หุตฺวาติ อโตฺถฯ อิทํ ปญฺจโวการวเสน อนุชานิตฺวา ปุน ตํ ชีวนฺติ ปุโฎฺฐ สุตฺตวิโรธภเยน ปฎิกฺขิปติฯ วินา รูเปนาติ อิทํ จตุโวการวเสน อนุชานิตฺวา ปุน อญฺญํ ชีวนฺติ ปุโฎฺฐ สุตฺตวิโรธภเยเนว ปฎิกฺขิปติฯ ‘‘อพฺภนฺตรคโต’’ติ จ ‘‘พหิทฺธา นิกฺขมิตฺวา’’ติ จ อิทํ ‘‘สห รูเปน วินา รูเปนา’’ติ เหฎฺฐา วุตฺตสฺส ลกฺขณวจนํฯ ตตฺถ อพฺภนฺตรคโตติ รูปสฺส อโนฺตคโต, อิโต วา เอโตฺต วา อนิกฺขมิตฺวา รูปปริเจฺฉทวเสเนว ฐิโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ นิกฺขมิตฺวาติ รูปปริเจฺฉทํ อติกฺกมิตฺวาฯ รูปํ อนิสฺสิโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ

    228. Puggalo avekkhatīti sakavādipucchā. Paravādissa hi ‘‘suññato lokaṃ avekkhassū’’ti gāthāya yo avekkhati, so puggaloti laddhi, tasmā naṃ evaṃ pucchati. Saha rūpenāti rūpakāyena saddhiṃ. Tato anissaṭo hutvāti attho. Idaṃ pañcavokāravasena anujānitvā puna taṃ jīvanti puṭṭho suttavirodhabhayena paṭikkhipati. Vinā rūpenāti idaṃ catuvokāravasena anujānitvā puna aññaṃ jīvanti puṭṭho suttavirodhabhayeneva paṭikkhipati. ‘‘Abbhantaragato’’ti ca ‘‘bahiddhā nikkhamitvā’’ti ca idaṃ ‘‘saha rūpena vinā rūpenā’’ti heṭṭhā vuttassa lakkhaṇavacanaṃ. Tattha abbhantaragatoti rūpassa antogato, ito vā etto vā anikkhamitvā rūpaparicchedavaseneva ṭhito hutvāti attho. Nikkhamitvāti rūpaparicchedaṃ atikkamitvā. Rūpaṃ anissito hutvāti attho.

    ๒๓๑. อนตฺตาติ อตฺตนา ชีเวน ปุคฺคเลน รหิโตฯ เอกธเมฺมปิ ปุคฺคโล นตฺถีติ อโตฺถฯ เอวํ สพฺพสุตฺตานํ อาคมฎฺฐกถาสุ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิธ ปน สนฺธายภาสิตมตฺตเมว วกฺขามฯ

    231. Anattāti attanā jīvena puggalena rahito. Ekadhammepi puggalo natthīti attho. Evaṃ sabbasuttānaṃ āgamaṭṭhakathāsu vuttanayeneva attho veditabbo. Idha pana sandhāyabhāsitamattameva vakkhāma.

    ๒๓๗. วุตฺตํ ภควตา สปฺปิกุโมฺภติอาทิ ‘‘สพฺพาว เทสนา ยถารุตวเสเนว อตฺถโต น คเหตพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ อาภตํฯ ยถา หิ สุวณฺณํ คเหตฺวา กโต สุวณฺณวิกาโร กุโมฺภ สุวณฺณกุโมฺภติ วุจฺจติ, น เอวํ สปฺปิํ คเหตฺวา กโต สปฺปิสฺส วิกาโร สปฺปิกุโมฺภ นาม อตฺถิฯ ยสฺมิํ ปน กุเมฺภ สปฺปิ ปกฺขิตฺตํ, โส สปฺปิกุโมฺภ นามาติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ เตลกุมฺภาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ยถา จ นิพฺพานํ นิจฺจํ ธุวํ, น เอวํ ภตฺตํ วา ยาคุ วา อตฺถิฯ กาลปริเจฺฉทํ ปน อกตฺวา ทิวเส ทิวเส ทสฺสามาติ ปญฺญตฺตวเสน ‘‘นิจฺจภตฺตํ ธุวยาคู’’ติ วุจฺจตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ

    237. Vuttaṃ bhagavatā sappikumbhotiādi ‘‘sabbāva desanā yathārutavaseneva atthato na gahetabbā’’ti dassanatthaṃ ābhataṃ. Yathā hi suvaṇṇaṃ gahetvā kato suvaṇṇavikāro kumbho suvaṇṇakumbhoti vuccati, na evaṃ sappiṃ gahetvā kato sappissa vikāro sappikumbho nāma atthi. Yasmiṃ pana kumbhe sappi pakkhittaṃ, so sappikumbho nāmāti ayamettha attho. Telakumbhādīsupi eseva nayo. Yathā ca nibbānaṃ niccaṃ dhuvaṃ, na evaṃ bhattaṃ vā yāgu vā atthi. Kālaparicchedaṃ pana akatvā divase divase dassāmāti paññattavasena ‘‘niccabhattaṃ dhuvayāgū’’ti vuccatīti ayamettha attho.

    ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’’ติอาทีสุปิ ยถา รูปาทโย ธมฺมา ปจฺจตฺตลกฺขณสามญฺญลกฺขณวเสน อตฺถิ, น เอวํ ปุคฺคโล ฯ รูปาทีสุ ปน สติ ‘เอวํนาโม’‘เอวํโคโตฺต’ติ โวหาโร โหติฯ อิติ อิมินา โลกโวหาเรน โลกสมฺมุติยา โลกนิรุตฺติยา อตฺถิ ปุคฺคโลติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา – ‘‘อิมา โข จิตฺต, โลกสมญฺญา โลกนิรุตฺติโย โลกโวหารา โลกปญฺญตฺติโย’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๐)ฯ รูปาทิธมฺมา ปน วินาปิ โลกสมฺมุติํ ปจฺจตฺตสามญฺญลกฺขณวเสน ปญฺญาปนโต อตฺถีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ

    ‘‘Atthi puggalo attahitāya paṭipanno’’tiādīsupi yathā rūpādayo dhammā paccattalakkhaṇasāmaññalakkhaṇavasena atthi, na evaṃ puggalo . Rūpādīsu pana sati ‘evaṃnāmo’‘evaṃgotto’ti vohāro hoti. Iti iminā lokavohārena lokasammutiyā lokaniruttiyā atthi puggaloti ayamettha attho. Vuttampi cetaṃ bhagavatā – ‘‘imā kho citta, lokasamaññā lokaniruttiyo lokavohārā lokapaññattiyo’’ti (dī. ni. 1.440). Rūpādidhammā pana vināpi lokasammutiṃ paccattasāmaññalakkhaṇavasena paññāpanato atthīti ayamettha attho.

    พุทฺธานํ ปน เทฺว กถา สมฺมุติกถา จ ปรมตฺถกถา จฯ ตตฺถ สโตฺต, ปุคฺคโล, เทโว, พฺรหฺมาติอาทิกา สมฺมุติกถา นามฯ อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา, ขนฺธา, ธาตุโย, อายตนานิ, สติปฎฺฐานา, สมฺมปฺปธานาติอาทิกา ปรมตฺถกถา นามฯ

    Buddhānaṃ pana dve kathā sammutikathā ca paramatthakathā ca. Tattha satto, puggalo, devo, brahmātiādikā sammutikathā nāma. Aniccaṃ, dukkhaṃ, anattā, khandhā, dhātuyo, āyatanāni, satipaṭṭhānā, sammappadhānātiādikā paramatthakathā nāma.

    ตตฺถ โย สมฺมุติเทสนาย สโตฺตติ วา…เป.… พฺรหฺมาติ วาติ วุเตฺต ชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ นิยฺยาตุํ อรหตฺตชยคฺคาหํ คเหตุํ สโกฺกติ, ตสฺส ภควา อาทิโตว สโตฺตติ วา ปุคฺคโลติ วา โปโสติ วา เทโวติ วา พฺรหฺมาติ วา กเถติฯ โย ปรมตฺถเทสนาย อนิจฺจนฺติ วา ทุกฺขนฺติ วาติอาทีสุ อญฺญตรํ สุตฺวาว ชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ นิยฺยาตุํ อรหตฺตชยคฺคาหํ คเหตุํ สโกฺกติฯ ตสฺส อนิจฺจนฺติอาทีสุ อญฺญตรํ กเถติฯ ตถา สมฺมุติกถาย พุชฺฌนกสตฺตสฺส น ปฐมํ ปรมตฺถกถํ กเถติฯ สมฺมุติกถาย ปน โพเธตฺวา ปจฺฉา ปรมตฺถกถํ กเถติ ฯ ปรมตฺถกถาย พุชฺฌนกสตฺตสฺสาปิ น ปฐมํ สมฺมุติกถํ กเถติฯ ปรมตฺถกถาย ปน โพเธตฺวา ปจฺฉา สมฺมุติกถํ กเถติฯ ปกติยา ปน ปฐมเมว ปรมตฺถกถํ กเถนฺตสฺส เทสนา ลูขาการา โหติฯ ตสฺมา พุทฺธา ปฐมํ สมฺมุติกถํ กเถตฺวา ปจฺฉา ปรมตฺถกถํ กเถนฺติฯ เต สมฺมุติกถํ กเถนฺตาปิ สจฺจเมว สภาวเมว อมุสาว กเถนฺติฯ ปรมตฺถกถํ กเถนฺตาปิ สจฺจเมว สภาวเมว อมุสาว กเถนฺติฯ อยญฺหิ –

    Tattha yo sammutidesanāya sattoti vā…pe… brahmāti vāti vutte jānituṃ paṭivijjhituṃ niyyātuṃ arahattajayaggāhaṃ gahetuṃ sakkoti, tassa bhagavā āditova sattoti vā puggaloti vā posoti vā devoti vā brahmāti vā katheti. Yo paramatthadesanāya aniccanti vā dukkhanti vātiādīsu aññataraṃ sutvāva jānituṃ paṭivijjhituṃ niyyātuṃ arahattajayaggāhaṃ gahetuṃ sakkoti. Tassa aniccantiādīsu aññataraṃ katheti. Tathā sammutikathāya bujjhanakasattassa na paṭhamaṃ paramatthakathaṃ katheti. Sammutikathāya pana bodhetvā pacchā paramatthakathaṃ katheti . Paramatthakathāya bujjhanakasattassāpi na paṭhamaṃ sammutikathaṃ katheti. Paramatthakathāya pana bodhetvā pacchā sammutikathaṃ katheti. Pakatiyā pana paṭhamameva paramatthakathaṃ kathentassa desanā lūkhākārā hoti. Tasmā buddhā paṭhamaṃ sammutikathaṃ kathetvā pacchā paramatthakathaṃ kathenti. Te sammutikathaṃ kathentāpi saccameva sabhāvameva amusāva kathenti. Paramatthakathaṃ kathentāpi saccameva sabhāvameva amusāva kathenti. Ayañhi –

    ‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุโทฺธ วทตํ วโร;

    ‘‘Duve saccāni akkhāsi, sambuddho vadataṃ varo;

    สมฺมุติํ ปรมตฺถญฺจ, ตติยํ นุปลพฺภติ’’ฯ

    Sammutiṃ paramatthañca, tatiyaṃ nupalabbhati’’.

    ตตฺถ –

    Tattha –

    ‘‘สเงฺกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณํ;

    ‘‘Saṅketavacanaṃ saccaṃ, lokasammutikāraṇaṃ;

    ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ตถลกฺขณ’’นฺติฯ

    Paramatthavacanaṃ saccaṃ, dhammānaṃ tathalakkhaṇa’’nti.

    อปโร นโย – เทฺว ภควโต เทสนา ปรมตฺถเทสนา จ ขนฺธาทิวเสน, สมฺมุติเทสนา จ สปฺปิกุมฺภาทิวเสนฯ น หิ ภควา สมญฺญํ อติธาวติฯ ตสฺมา ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล’’ติ วจนมตฺตโต อภินิเวโส น กาตโพฺพฯ สตฺถารา หิ –

    Aparo nayo – dve bhagavato desanā paramatthadesanā ca khandhādivasena, sammutidesanā ca sappikumbhādivasena. Na hi bhagavā samaññaṃ atidhāvati. Tasmā ‘‘atthi puggalo’’ti vacanamattato abhiniveso na kātabbo. Satthārā hi –

    ‘‘ปญฺญตฺติํ อนติกฺกมฺม, ปรมโตฺถ ปกาสิโต;

    ‘‘Paññattiṃ anatikkamma, paramattho pakāsito;

    สมญฺญํ นาติธาเวยฺย, ตสฺมา อโญฺญปิ ปณฺฑิโต;

    Samaññaṃ nātidhāveyya, tasmā aññopi paṇḍito;

    ปรมตฺถํ ปกาเสโนฺต, สมญฺญํ นาติธาวเย’’ฯ

    Paramatthaṃ pakāsento, samaññaṃ nātidhāvaye’’.

    เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    ปุคฺคลกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Puggalakathā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact