Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā

    มหาวโคฺค

    Mahāvaggo

    ๑. ปุคฺคลกถา

    1. Puggalakathā

    ๑. สุทฺธสจฺจิกโฎฺฐ

    1. Suddhasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    . มายาย อมณิอาทโย มณิอาทิอากาเรน ทิสฺสมานา ‘‘มายา’’ติ วุตฺตาฯ อภูเตน มณิอุทกาทิอากาเรน คยฺหมานา มายามรีจิอาทโย อภูตเญฺญยฺยาการตฺตา อสจฺจิกฎฺฐาฯ โย ตถา น โหติ, โส สจฺจิกโฎฺฐติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘มายา…เป.… ภูตโตฺถ’’ติฯ อนุสฺสวาทิวเสน คยฺหมาโน ตถาปิ โหติ อญฺญถาปีติ ตาทิโส เญโยฺย น ปรมโตฺถ, อตฺตปจฺจโกฺข ปน ปรมโตฺถติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อนุสฺสวา…เป.… อุตฺตมโตฺถ’’ติฯ

    1. Māyāya amaṇiādayo maṇiādiākārena dissamānā ‘‘māyā’’ti vuttā. Abhūtena maṇiudakādiākārena gayhamānā māyāmarīciādayo abhūtaññeyyākārattā asaccikaṭṭhā. Yo tathā na hoti, so saccikaṭṭhoti dassento āha ‘‘māyā…pe… bhūtattho’’ti. Anussavādivasena gayhamāno tathāpi hoti aññathāpīti tādiso ñeyyo na paramattho, attapaccakkho pana paramatthoti dassento āha ‘‘anussavā…pe… uttamattho’’ti.

    ฉลวาทสฺสาติ อตฺถีติ วจนสามเญฺญน อตฺถีติ วุเตฺตหิ รูปาทีหิ สามญฺญวจนสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘โส สจฺจิ…เป.… ลทฺธิํ คเหตฺวา อามนฺตาติ ปฎิชานาตี’’ติ วจนโต ปน ‘‘ฉลวาทสฺสา’’ติ น สกฺกา วตฺตุํฯ น หิ ลทฺธิ ฉลนฺติฯ โอกาสํ อททมาโนติ ปติฎฺฐํ ปจฺฉินฺทโนฺตฯ ยทิ สจฺจิกเฎฺฐน อุปลพฺภติ, รูปาทโย วิย อุปลเพฺภยฺย, ตถา อนุปลพฺภนียโต น ตว วาโท ติฎฺฐตีติ นิวเตฺตโนฺตติ อธิปฺปาโยฯ ตํ สนฺธายาติ ‘‘โย สจฺจิกโฎฺฐ’’ติ เอตฺถ วุโตฺต โย สจฺจิกโฎฺฐ, โส สปฺปจฺจยาทิภาเวน ทีปิโต ‘‘รูปญฺจ อุปลพฺภตี’’ติอาทีสุ อาคโต ธมฺมปฺปเภโทติ ทเสฺสติฯ

    Chalavādassāti atthīti vacanasāmaññena atthīti vuttehi rūpādīhi sāmaññavacanassāti adhippāyo. ‘‘So sacci…pe… laddhiṃ gahetvā āmantāti paṭijānātī’’ti vacanato pana ‘‘chalavādassā’’ti na sakkā vattuṃ. Na hi laddhi chalanti. Okāsaṃ adadamānoti patiṭṭhaṃ pacchindanto. Yadi saccikaṭṭhena upalabbhati, rūpādayo viya upalabbheyya, tathā anupalabbhanīyato na tava vādo tiṭṭhatīti nivattentoti adhippāyo. Taṃ sandhāyāti ‘‘yo saccikaṭṭho’’ti ettha vutto yo saccikaṭṭho, so sappaccayādibhāvena dīpito ‘‘rūpañca upalabbhatī’’tiādīsu āgato dhammappabhedoti dasseti.

    ‘‘เตน สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติ วตฺวา ‘‘เตนากาเรนา’’ติ วทโต อยมธิปฺปาโย – สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถากาเรน อุปลพฺภมานํ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน อุปลพฺภมานํ นาม โหตีติฯ อญฺญถา ตโตติ ตสฺส เตนากาเรนาติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ โก ปเนติสฺสา ปุริมปุจฺฉาย จ วิเสโสติ? ปุริมปุจฺฉาย สตฺตปญฺญาสวิโธ ธมฺมปฺปเภโท ยถา ภูเตน สภาวเตฺถน อุปลพฺภติ, เอวํ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ วุตฺตํฯ อิธ ปน ภูตสภาวเตฺถน อุปลพฺภมาโน โส ธมฺมปฺปเภโท เยน รุปฺปนาทิสปฺปจฺจยาทิอากาเรน อุปลพฺภติ, กิํ เตนากาเรน ปุคฺคโลปิ อุปลพฺภตีติ เอส วิเสโสฯ ยถา ปน รูปํ วิย ภูตสภาวเตฺถน อุปลพฺภมานา เวทนา น รุปฺปนากาเรน อุปลพฺภติ, เอวํ ธมฺมปฺปเภโท วิย ภูตสภาวเตฺถน อุปลพฺภมาโน ปุคฺคโล น รุปฺปนาทิสปฺปจฺจยาทิอากาเรน อุปลพฺภตีติ สกฺกา ปรวาทินา วตฺตุนฺติ อโจทนียํ เอตํ สิยาฯ อวชานนญฺจ ตสฺส ยุตฺตนฺติ นิคฺคโห จ น กาตโพฺพฯ ธมฺมปฺปเภทโต ปน อญฺญสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อสิทฺธตฺตา ธมฺมปฺปเภทากาเรเนว โจเทติฯ อวชานเนเนว นิคฺคหํ ทเสฺสติฯ อนุชานนาวชานนปกฺขา สามญฺญวิเสเสหิ ปฎิญฺญาปฎิเกฺขปปกฺขา อนุโลมปฎิโลมปกฺขา ปฐมทุติยนยาติ อยเมเตสํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Tenasaccikaṭṭhaparamatthenā’’ti vatvā ‘‘tenākārenā’’ti vadato ayamadhippāyo – saccikaṭṭhaparamatthākārena upalabbhamānaṃ saccikaṭṭhaparamatthena upalabbhamānaṃ nāma hotīti. Aññathā tatoti tassa tenākārenāti vattabbaṃ siyā. Ko panetissā purimapucchāya ca visesoti? Purimapucchāya sattapaññāsavidho dhammappabhedo yathā bhūtena sabhāvatthena upalabbhati, evaṃ puggalo upalabbhatīti vuttaṃ. Idha pana bhūtasabhāvatthena upalabbhamāno so dhammappabhedo yena ruppanādisappaccayādiākārena upalabbhati, kiṃ tenākārena puggalopi upalabbhatīti esa viseso. Yathā pana rūpaṃ viya bhūtasabhāvatthena upalabbhamānā vedanā na ruppanākārena upalabbhati, evaṃ dhammappabhedo viya bhūtasabhāvatthena upalabbhamāno puggalo na ruppanādisappaccayādiākārena upalabbhatīti sakkā paravādinā vattunti acodanīyaṃ etaṃ siyā. Avajānanañca tassa yuttanti niggaho ca na kātabbo. Dhammappabhedato pana aññassa saccikaṭṭhassa asiddhattā dhammappabhedākāreneva codeti. Avajānaneneva niggahaṃ dasseti. Anujānanāvajānanapakkhā sāmaññavisesehi paṭiññāpaṭikkhepapakkhā anulomapaṭilomapakkhā paṭhamadutiyanayāti ayametesaṃ viseso veditabbo.

    ‘‘เตน วต เร วตฺตเพฺพ’’ติ วทโนฺต วตฺตพฺพสฺส อวจเน โทสํ ปาเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘นิคฺคหสฺส ปาปิตตฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘เอวเมตํ นิคฺคหสฺส จ อนุโลมปฎิโลมโต จตุนฺนํ ปาปนาโรปนญฺจ วุตฺตตฺตา อุปลพฺภตีติอาทิกํ อนุโลมปญฺจกํ นามา’’ติ วุตฺตํ, อนุโลมปฎิโลมโต ปน ทฺวีหิ ฐปนาหิ สห สตฺตเกน ภวิตพฺพํ, ตํวชฺชเน วา การณํ วตฺตพฺพํฯ ยํ ปน วกฺขติ ‘‘ฐปนา นาม ปรวาทีปกฺขสฺส ฐปนโต ‘อยํ ตว โทโส’ติ ทเสฺสตุํ ฐปนมตฺตเมว โหติ, น นิคฺคหสฺส วา ปฎิกมฺมสฺส วา ปากฎภาวกรณ’’นฺติ (กถา. อฎฺฐ. ๒)ฯ เตนาธิปฺปาเยน อิธาปิ ฐปนาทฺวยํ วเชฺชติฯ ยถา ปน ตตฺถ ปฎิกมฺมปญฺจกภาวํ อวตฺวา ปฎิกมฺมจตุกฺกภาวํ วกฺขติ, เอวมิธาปิ นิคฺคหจตุกฺกภาโว วตฺตโพฺพ สิยาฯ สุทฺธิกนิคฺคหสฺส ปน นิคฺคหปฺปธานตฺตา อุเทฺทสภาเวน วุโตฺต นิคฺคโหว วิสุํ วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ เย ปน ‘‘อยถาภูตนิคฺคหตฺตา ตตฺถ ปฎิกมฺมํ วิสุํ น วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ ทุติเย วาทมุเข นิคฺคหจตุกฺกภาโว ปฎิกมฺมปญฺจกภาโว จ อาปชฺชติฯ

    ‘‘Tena vata re vattabbe’’ti vadanto vattabbassa avacane dosaṃ pāpetīti iminā adhippāyena ‘‘niggahassa pāpitattā’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Evametaṃ niggahassa ca anulomapaṭilomato catunnaṃ pāpanāropanañca vuttattā upalabbhatītiādikaṃ anulomapañcakaṃ nāmā’’ti vuttaṃ, anulomapaṭilomato pana dvīhi ṭhapanāhi saha sattakena bhavitabbaṃ, taṃvajjane vā kāraṇaṃ vattabbaṃ. Yaṃ pana vakkhati ‘‘ṭhapanā nāma paravādīpakkhassa ṭhapanato ‘ayaṃ tava doso’ti dassetuṃ ṭhapanamattameva hoti, na niggahassa vā paṭikammassa vā pākaṭabhāvakaraṇa’’nti (kathā. aṭṭha. 2). Tenādhippāyena idhāpi ṭhapanādvayaṃ vajjeti. Yathā pana tattha paṭikammapañcakabhāvaṃ avatvā paṭikammacatukkabhāvaṃ vakkhati, evamidhāpi niggahacatukkabhāvo vattabbo siyā. Suddhikaniggahassa pana niggahappadhānattā uddesabhāvena vutto niggahova visuṃ vuttoti daṭṭhabbo. Ye pana ‘‘ayathābhūtaniggahattā tattha paṭikammaṃ visuṃ na vutta’’nti vadanti, tesaṃ dutiye vādamukhe niggahacatukkabhāvo paṭikammapañcakabhāvo ca āpajjati.

    . อตฺตนา อธิเปฺปตํ สจฺจิกฎฺฐเมวาติ สมฺมุติสจฺจํ สนฺธายาติ อธิปฺปาโยฯ วกฺขติ หิ ‘‘สุทฺธสมฺมุติสจฺจํ วา ปรมตฺถมิสฺสกํ วา สมฺมุติสจฺจํ สนฺธาย ‘โย สจฺจิกโฎฺฐ’ติ ปุน อนุโยโค ปรวาทิสฺสา’’ติ (กถา. อฎฺฐ. ๖)ฯ ตตฺถ ยทิ ปรวาทินา อตฺตนา อธิเปฺปตสจฺจิกโฎฺฐ สมฺมุติสจฺจํ, สมฺมุติสจฺจากาเรน ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ วทเนฺตน สมานลทฺธิโก นปฺปฎิเสธิตโพฺพ, กถา เอวายํ นารภิตพฺพาฯ อถ สกวาทินา อตฺตนา จ อธิเปฺปตสจฺจิกฎฺฐํเยว สนฺธาย ปรวาที ‘‘โย สจฺจิกโฎฺฐ’’ติอาทิมาหาติ อยมโตฺถฯ สกวาทินา สมฺมุติสจฺจํเยว สจฺจิกโฎฺฐติ อธิเปฺปตนฺติ อาปชฺชติฯ ยทิ อุภยํ อธิเปฺปตํ, ปุน ‘‘สมฺมุติสจฺจปรมตฺถสจฺจานิ วา เอกโต กตฺวาปิ เอวมาหา’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยาติฯ ยทิ จ เทฺวปิ สจฺจานิ สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถา, สจฺจิกเฎฺฐกเทเสน อุปลทฺธิํ อิจฺฉเนฺตน ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติอาทิ อนุโยโค น กาตโพฺพ, น จ สจฺจิกเฎฺฐกเทเสน อนุโยโค ยุโตฺตฯ น หิ เวทยิตากาเรน อุปลพฺภมานา เวทนา รุปฺปนากาเรน อุปลพฺภตีติ อนุยุญฺชิตพฺพา, น จ ปรวาที รุปฺปนาทิสภาวํ ปุคฺคลํ อิจฺฉติ, อถ โข สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถเมวาติฯ ปรมตฺถสจฺจโต อญฺญสฺมิํ สจฺจิกเฎฺฐ วิชฺชมาเน นาสฺส ปรมตฺถสจฺจตา อนุยุญฺชิตพฺพาฯ อสจฺจิกเฎฺฐ สจฺจิกฎฺฐโวหารํ อาโรเปตฺวา ตํ สนฺธาย ปุจฺฉตีติ วทนฺตานํ โวหริตสจฺจิกฎฺฐสฺส อตฺตนา อธิเปฺปตสจฺจิกฎฺฐตา น ยุตฺตาฯ โวหริตปรมตฺถสจฺจิกฎฺฐานญฺจ ทฺวินฺนํ สจฺจิกฎฺฐภาเว วุตฺตนโยว โทโสฯ สมฺมุติสจฺจากาเรน อุปลพฺภมานญฺจ ภูตสภาวเตฺถน อุปลเพฺภยฺย วา น วาฯ ยทิ ภูตสภาวเตฺถน อุปลพฺภติ, ปุคฺคโลปิ อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติ อนุชานโนฺต นานุยุญฺชิตโพฺพฯ อถ น ภูตสภาวเตฺถน, ตํวินิมุโตฺต สมฺมุติสจฺจสฺส สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถากาโร น วตฺตโพฺพ อสิทฺธตฺตาฯ วกฺขติ จ ‘‘ยถา รูปาทโย ปจฺจตฺตลกฺขณสามญฺญลกฺขณวเสน อตฺถิ, น เอวํ ปุคฺคโล’’ติฯ ตสฺมา มคฺคิตโพฺพ เอตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    2. Attanā adhippetaṃ saccikaṭṭhamevāti sammutisaccaṃ sandhāyāti adhippāyo. Vakkhati hi ‘‘suddhasammutisaccaṃ vā paramatthamissakaṃ vā sammutisaccaṃ sandhāya ‘yo saccikaṭṭho’ti puna anuyogo paravādissā’’ti (kathā. aṭṭha. 6). Tattha yadi paravādinā attanā adhippetasaccikaṭṭho sammutisaccaṃ, sammutisaccākārena puggalo upalabbhatīti vadantena samānaladdhiko nappaṭisedhitabbo, kathā evāyaṃ nārabhitabbā. Atha sakavādinā attanā ca adhippetasaccikaṭṭhaṃyeva sandhāya paravādī ‘‘yo saccikaṭṭho’’tiādimāhāti ayamattho. Sakavādinā sammutisaccaṃyeva saccikaṭṭhoti adhippetanti āpajjati. Yadi ubhayaṃ adhippetaṃ, puna ‘‘sammutisaccaparamatthasaccāni vā ekato katvāpi evamāhā’’ti na vattabbaṃ siyāti. Yadi ca dvepi saccāni saccikaṭṭhaparamatthā, saccikaṭṭhekadesena upaladdhiṃ icchantena ‘‘puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’tiādi anuyogo na kātabbo, na ca saccikaṭṭhekadesena anuyogo yutto. Na hi vedayitākārena upalabbhamānā vedanā ruppanākārena upalabbhatīti anuyuñjitabbā, na ca paravādī ruppanādisabhāvaṃ puggalaṃ icchati, atha kho saccikaṭṭhaparamatthamevāti. Paramatthasaccato aññasmiṃ saccikaṭṭhe vijjamāne nāssa paramatthasaccatā anuyuñjitabbā. Asaccikaṭṭhe saccikaṭṭhavohāraṃ āropetvā taṃ sandhāya pucchatīti vadantānaṃ voharitasaccikaṭṭhassa attanā adhippetasaccikaṭṭhatā na yuttā. Voharitaparamatthasaccikaṭṭhānañca dvinnaṃ saccikaṭṭhabhāve vuttanayova doso. Sammutisaccākārena upalabbhamānañca bhūtasabhāvatthena upalabbheyya vā na vā. Yadi bhūtasabhāvatthena upalabbhati, puggalopi upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti anujānanto nānuyuñjitabbo. Atha na bhūtasabhāvatthena, taṃvinimutto sammutisaccassa saccikaṭṭhaparamatthākāro na vattabbo asiddhattā. Vakkhati ca ‘‘yathā rūpādayo paccattalakkhaṇasāmaññalakkhaṇavasena atthi, na evaṃ puggalo’’ti. Tasmā maggitabbo ettha adhippāyo.

    ทฺวินฺนํ สจฺจานนฺติ เอตฺถ สจฺจทฺวยากาเรน อนุปลพฺภนียโต อนุเญฺญยฺยเมตํ สิยา, น วา กิญฺจิ วตฺตพฺพํฯ ยถา หิ เอกเทเสน ปรมตฺถากาเรน อนุปลพฺภนียตา อนุชานนสฺส น การณํ, เอวํ เอกเทเสน สมฺมุติยากาเรน อุปลพฺภนียตา ปฎิเกฺขปสฺส จาติ มคฺคิตโพฺพ เอตฺถาปิ อธิปฺปาโยฯ นุปลพฺภตีติ วจนสามญฺญมตฺตนฺติ นุปลพฺภตีติ อิทเมว วจนํ อนุญฺญาตํ ปฎิกฺขิตฺตญฺจาติ เอตํ ฉลวาทํ นิสฺสายาติ อธิปฺปาโยฯ ยถา อุปลพฺภตีติ เอตเสฺสว อนุชานนปฎิเกฺขเปหิ อหํ นิคฺคเหตโพฺพ, เอวํ นุปลพฺภตีติ เอตเสฺสว อนุชานนปฎิเกฺขเปหิ ตฺวนฺติ เอวํ สมฺภวนฺตสฺส สามเญฺญน อสมฺภวนฺตสฺส กปฺปนํ ปเนตฺถ ฉลวาโท ภวิตุํ อรหติฯ เตน นุปลพฺภตีติ วจนสามญฺญมตฺตํ ฉลวาทสฺส การณตฺตา ‘‘ฉลวาโท’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วจนสามญฺญมตฺตญฺจ ฉลวาทญฺจ นิสฺสายาติ วา อโตฺถฯ ฐปนา นิคฺคหปฺปฎิกมฺมานํ ปากฎภาวกรณํ น โหตีติ อิทํ วิจาเรตพฺพํฯ น หิ ปกฺขฎฺฐปเนน วินา ปุริมํ อนุชานิตฺวา ปจฺฉิมสฺส อวชานนํ, ปจฺฉิมํ วา อวชานนฺตสฺส ปุริมานุชานนํ มิจฺฉาติ สกฺกา อาโรเปตุนฺติฯ

    Dvinnaṃ saccānanti ettha saccadvayākārena anupalabbhanīyato anuññeyyametaṃ siyā, na vā kiñci vattabbaṃ. Yathā hi ekadesena paramatthākārena anupalabbhanīyatā anujānanassa na kāraṇaṃ, evaṃ ekadesena sammutiyākārena upalabbhanīyatā paṭikkhepassa cāti maggitabbo etthāpi adhippāyo. Nupalabbhatīti vacanasāmaññamattanti nupalabbhatīti idameva vacanaṃ anuññātaṃ paṭikkhittañcāti etaṃ chalavādaṃ nissāyāti adhippāyo. Yathā upalabbhatīti etasseva anujānanapaṭikkhepehi ahaṃ niggahetabbo, evaṃ nupalabbhatīti etasseva anujānanapaṭikkhepehi tvanti evaṃ sambhavantassa sāmaññena asambhavantassa kappanaṃ panettha chalavādo bhavituṃ arahati. Tena nupalabbhatīti vacanasāmaññamattaṃ chalavādassa kāraṇattā ‘‘chalavādo’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Vacanasāmaññamattañca chalavādañca nissāyāti vā attho. Ṭhapanā niggahappaṭikammānaṃ pākaṭabhāvakaraṇaṃ na hotīti idaṃ vicāretabbaṃ. Na hi pakkhaṭṭhapanena vinā purimaṃ anujānitvā pacchimassa avajānanaṃ, pacchimaṃ vā avajānantassa purimānujānanaṃ micchāti sakkā āropetunti.

    . ตวาติ, ปฎิชานนฺตนฺติ จ ปจฺจเตฺต สามิอุปโยควจนานีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตฺวํเยว ปฎิชานโนฺต’’ติ อาหฯ

    3. Tavāti, paṭijānantanti ca paccatte sāmiupayogavacanānīti adhippāyena ‘‘tvaṃyeva paṭijānanto’’ti āha.

    ๔-๕. จตูหิ ปาปนาโรปนาหิ นิคฺคหสฺส อุปนีตตฺตาติ ‘‘ทุนฺนิคฺคหิตา จ โหม, หญฺจี’’ติอาทินา ตยา มม กโต นิคฺคโห, มยา ตว กโต นิคฺคโห วิย มิจฺฉาติ เอวํ เตน อนุโลมปญฺจเก จตูหิ ปาปนาโรปนาหิ กตสฺส นิคฺคหสฺส เตน นิยาเมน ทุกฺกฎภาวสฺส อตฺตนา กตนิคฺคเหน สห อุปนีตตฺตา อนิคฺคหภาวสฺส วา อุปคมิตตฺตาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอวเมว เตน หิ ยํ นิคฺคณฺหาสิ หญฺจิ…เป.… อิทํ เต มิจฺฉาติ เอตสฺส อนิคฺคหภาวนิคมนเสฺสว นิคฺคมนจตุกฺกตา เวทิตพฺพาฯ

    4-5. Catūhi pāpanāropanāhi niggahassa upanītattāti ‘‘dunniggahitā ca homa, hañcī’’tiādinā tayā mama kato niggaho, mayā tava kato niggaho viya micchāti evaṃ tena anulomapañcake catūhi pāpanāropanāhi katassa niggahassa tena niyāmena dukkaṭabhāvassa attanā kataniggahena saha upanītattā aniggahabhāvassa vā upagamitattāti attho daṭṭhabbo. Evameva tena hi yaṃ niggaṇhāsi hañci…pe… idaṃ te micchāti etassa aniggahabhāvanigamanasseva niggamanacatukkatā veditabbā.

    อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anulomapaccanīkavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา

    2. Paccanīkānulomavaṇṇanā

    ๗-๑๐. ‘‘อตฺตโน ลทฺธิํ นิสฺสาย ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ปรมตฺถวเสน ปุคฺคลสฺส อภาวโต ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺรายํ ปฎิเกฺขโป อตฺตโน ลทฺธิยา ยทิ กโต, ปรมตฺถโต อเญฺญน สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ อยมสฺส ลทฺธีติ อาปชฺชติฯ ตถา จ สติ นายํ สมฺมุติสจฺจวเสน อุปลทฺธิํ อิจฺฉเนฺตน นิคฺคเหตโพฺพฯ อถ อตฺตโน ลทฺธิํ นิคฺคูหิตฺวา ปรสฺส ลทฺธิวเสน ปฎิกฺขิปติ, ปุริมปฎิญฺญาย อวิโรธิตตฺตา น นิคฺคเหตโพฺพฯ น หิ อตฺตโน จ ปรสฺส จ ลทฺธิํ วทนฺตสฺส โทโส อาปชฺชตีติฯ อตฺตโน ปน ลทฺธิยา ปฎิชานิตฺวา ปรลทฺธิยา ปฎิกฺขิปเนฺตน อตฺตโน ลทฺธิํ ฉเฑฺฑตฺวา ปรลทฺธิ คหิตา โหตีติ นิคฺคเหตโพฺพติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย สิยาฯ

    7-10. ‘‘Attano laddhiṃ nissāya paṭiññā paravādissā’’ti vatvā puna ‘‘paramatthavasena puggalassa abhāvato paṭikkhepo paravādissā’’ti vuttaṃ. Tatrāyaṃ paṭikkhepo attano laddhiyā yadi kato, paramatthato aññena saccikaṭṭhaparamatthena puggalo upalabbhatīti ayamassa laddhīti āpajjati. Tathā ca sati nāyaṃ sammutisaccavasena upaladdhiṃ icchantena niggahetabbo. Atha attano laddhiṃ niggūhitvā parassa laddhivasena paṭikkhipati, purimapaṭiññāya avirodhitattā na niggahetabbo. Na hi attano ca parassa ca laddhiṃ vadantassa doso āpajjatīti. Attano pana laddhiyā paṭijānitvā paraladdhiyā paṭikkhipantena attano laddhiṃ chaḍḍetvā paraladdhi gahitā hotīti niggahetabboti ayamettha adhippāyo siyā.

    ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paccanīkānulomavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สุทฺธสจฺจิกฎฺฐวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suddhasaccikaṭṭhavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. โอกาสสจฺจิกโฎฺฐ

    2. Okāsasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    ๑๑. สพฺพตฺถาติ สพฺพสฺมิํ สรีเรติ อยมโตฺถติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สรีรํ สนฺธายา’’ติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ สํขิตฺตปาเฐฯ ยสฺมา สรีรํ สนฺธาย ‘‘สพฺพตฺถ น อุปลพฺภตี’’ติ วุเตฺต สรีรโต พหิ อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ปจฺจนีเก ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสาติ เอเตน น เกนจิ สภาเวน ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ อยมโตฺถ วุโตฺต โหติฯ น หิ เกนจิ สภาเวน อุปลพฺภมานสฺส สรีรตทญฺญาวิมุโตฺต อุปลทฺธิโอกาโส อตฺถีติฯ

    11. Sabbatthāti sabbasmiṃ sarīreti ayamatthoti dassento āha ‘‘sarīraṃ sandhāyā’’ti. Tatthāti tasmiṃ saṃkhittapāṭhe. Yasmā sarīraṃ sandhāya ‘‘sabbattha na upalabbhatī’’ti vutte sarīrato bahi upalabbhatīti āpajjati, tasmā paccanīke paṭikkhepo sakavādissāti etena na kenaci sabhāvena puggalo upalabbhatīti ayamattho vutto hoti. Na hi kenaci sabhāvena upalabbhamānassa sarīratadaññāvimutto upaladdhiokāso atthīti.

    ๓. กาลสจฺจิกโฎฺฐ

    3. Kālasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    ๑๒. ปุริมปจฺฉิมชาติกาลญฺจาติ มชฺฌิมชาติกาเล อุปลพฺภมานสฺส ตเสฺสว ปุริมปจฺฉิมชาติกาเลสุ อุปลทฺธิํ สนฺธายาติ อธิปฺปาโยฯ เสสํ ปฐมนเย วุตฺตสทิสเมวาติ อิเมสุ ตีสุ ปฐเม ‘‘สพฺพตฺถา’’ติ เอตสฺมิํ นเย วุตฺตสทิสเมว, กิํ ตํ? ปาฐสฺส สํขิตฺตตาติ อโตฺถฯ อิธาปิ หิ ยสฺมา ‘‘สพฺพทา น อุปลพฺภตี’’ติ วุเตฺต เอกทา อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ปจฺจนีเก ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสาติ โยเชตพฺพนฺติฯ

    12. Purimapacchimajātikālañcāti majjhimajātikāle upalabbhamānassa tasseva purimapacchimajātikālesu upaladdhiṃ sandhāyāti adhippāyo. Sesaṃ paṭhamanaye vuttasadisamevāti imesu tīsu paṭhame ‘‘sabbatthā’’ti etasmiṃ naye vuttasadisameva, kiṃ taṃ? Pāṭhassa saṃkhittatāti attho. Idhāpi hi yasmā ‘‘sabbadā na upalabbhatī’’ti vutte ekadā upalabbhatīti āpajjati, tasmā paccanīke paṭikkhepo sakavādissāti yojetabbanti.

    ๔. อวยวสจฺจิกโฎฺฐ

    4. Avayavasaccikaṭṭho

    ๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา

    1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā

    ๑๓. ตติยนเย จ ยสฺมา ‘‘สเพฺพสุ น อุปลพฺภตี’’ติ วุเตฺต เอกสฺมิํ อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ปจฺจนีเก ปฎิเกฺขโป สกวาทิสฺสาติ โยเชตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ตาทิสเมวา’’ติฯ

    13. Tatiyanaye ca yasmā ‘‘sabbesu na upalabbhatī’’ti vutte ekasmiṃ upalabbhatīti āpajjati, tasmā paccanīke paṭikkhepo sakavādissāti yojetabbaṃ. Tenāha ‘‘tādisamevā’’ti.

    โอกาสาทิสจฺจิกโฎฺฐ

    Okāsādisaccikaṭṭho

    ๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา

    2. Paccanīkānulomavaṇṇanā

    ๑๔. ตตฺถ อนุโลมปญฺจกสฺสาติอาทิมฺหิ อนุโลมปญฺจกนฺติ นิคฺคหปญฺจกํ, ปจฺจนีกนฺติ จ ปฎิกมฺมํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ อนุโลมปญฺจกสฺส ‘‘สพฺพตฺถ ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทิกสฺส อโตฺถ ‘‘สพฺพตฺถ ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทิปาฬิํ สํขิปิตฺวา อาคเต สรูเปน อวุเตฺต ‘‘ยสฺมา สรีรํ สนฺธายา’’ติอาทินา (กถา. อฎฺฐ. ๑๑) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพ, ปจฺจนีกสฺส จ ‘‘สพฺพตฺถ ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติอาทิกสฺส ปฎิกมฺมกรณวเสน วุตฺตสฺส อโตฺถ ปฎิกมฺมาทิปาฬิํ สํขิปิตฺวา อาทิมตฺตทสฺสเนน อาคเต ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติอาทิมฺหิ อนุโลเม ‘‘สพฺพตฺถาติ สรีรํ สนฺธาย อนุโยโค สกวาทิสฺสา’’ติอาทินา (กถา. อฎฺฐ. ๑๑) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อถ วา ตตฺถาติ ยํ อารทฺธํ, ตสฺมินฺติ เอวํ อตฺถํ อคฺคเหตฺวา ตตฺถ เตสุ ตีสุ มุเขสูติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ อนุโลมปญฺจกมูลกา เจตฺถ สพฺพานุโลมปจฺจนีกปญฺจกปาฬิ อนุโลมปญฺจกสฺส ปาฬีติ วุตฺตา, ตถา ปจฺจนีกานุโลมปญฺจกปาฬิ จ ปจฺจนีกสฺส ปาฬีติฯ ตํ สํขิปิตฺวา ปฎิกมฺมวเสน อาคเต สรูเปน อวุเตฺต ‘‘ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทิเก ปจฺจนีเก ‘‘อุปลพฺภตี’’ติอาทิเก อนุโลเม จ อโตฺถ เหฎฺฐา สุทฺธิกสจฺจิกเฎฺฐ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ

    14. Tattha anulomapañcakassātiādimhi anulomapañcakanti niggahapañcakaṃ, paccanīkanti ca paṭikammaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tattha anulomapañcakassa ‘‘sabbattha puggalo nupalabbhatī’’tiādikassa attho ‘‘sabbattha puggalo nupalabbhatī’’tiādipāḷiṃ saṃkhipitvā āgate sarūpena avutte ‘‘yasmā sarīraṃ sandhāyā’’tiādinā (kathā. aṭṭha. 11) vuttanayena veditabbo, paccanīkassa ca ‘‘sabbattha puggalo upalabbhatī’’tiādikassa paṭikammakaraṇavasena vuttassa attho paṭikammādipāḷiṃ saṃkhipitvā ādimattadassanena āgate ‘‘puggalo upalabbhatī’’tiādimhi anulome ‘‘sabbatthāti sarīraṃ sandhāya anuyogo sakavādissā’’tiādinā (kathā. aṭṭha. 11) vuttanayena veditabboti evamattho daṭṭhabbo. Atha vā tatthāti yaṃ āraddhaṃ, tasminti evaṃ atthaṃ aggahetvā tattha tesu tīsu mukhesūti attho gahetabbo. Anulomapañcakamūlakā cettha sabbānulomapaccanīkapañcakapāḷi anulomapañcakassa pāḷīti vuttā, tathā paccanīkānulomapañcakapāḷi ca paccanīkassa pāḷīti. Taṃ saṃkhipitvā paṭikammavasena āgate sarūpena avutte ‘‘puggalo nupalabbhatī’’tiādike paccanīke ‘‘upalabbhatī’’tiādike anulome ca attho heṭṭhā suddhikasaccikaṭṭhe vuttanayeneva veditabboti vuttaṃ hoti.

    สจฺจิกฎฺฐวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saccikaṭṭhavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนา

    5. Suddhikasaṃsandanavaṇṇanā

    ๑๗-๒๗. รูปาทีหิ สทฺธิํ สจฺจิกฎฺฐสํสนฺทนนฺติ สจฺจิกฎฺฐสฺส ปุคฺคลสฺส รูปาทีหิ สทฺธิํ สํสนฺทนํ, สจฺจิกเฎฺฐ วา รูปาทีหิ สทฺธิํ ปุคฺคลสฺส สํสนฺทนนฺติ อธิปฺปาโยฯ ปุคฺคโล รูปญฺจาติ -การสฺส สมุจฺจยตฺถตฺตา ยถา รูปนฺติ เอวํ นิทสฺสนวเสน วุโตฺต อโตฺถ วิจาเรตโพฺพฯ รูปาทีหิ อโญฺญ อนโญฺญ จ ปุคฺคโล น วตฺตโพฺพติ ลทฺธิ สมโยฯ ‘‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ อพฺยากตเมตํ ภควตา’’ติอาทิกํ (สํ. นิ. ๔.๔๑๖) สุตฺตํฯ อนุญฺญายมาเน ตทุภยวิโรโธ อาปชฺชตีติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘สมยสุตฺตวิโรธํ ทิสฺวา’’ติฯ

    17-27. Rūpādīhisaddhiṃ saccikaṭṭhasaṃsandananti saccikaṭṭhassa puggalassa rūpādīhi saddhiṃ saṃsandanaṃ, saccikaṭṭhe vā rūpādīhi saddhiṃ puggalassa saṃsandananti adhippāyo. Puggalo rūpañcāti ca-kārassa samuccayatthattā yathā rūpanti evaṃ nidassanavasena vutto attho vicāretabbo. Rūpādīhi añño anañño ca puggalo na vattabboti laddhi samayo. ‘‘Aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti abyākatametaṃ bhagavatā’’tiādikaṃ (saṃ. ni. 4.416) suttaṃ. Anuññāyamāne tadubhayavirodho āpajjatīti imamatthaṃ sandhāyāha ‘‘samayasuttavirodhaṃ disvā’’ti.

    ธมฺมโตติ ปาฬิโตฯ ‘‘ปฎิกมฺมจตุกฺกาทีนิ สํขิตฺตานิฯ ปรวาที…เป.… ทสฺสิตานี’’ติ วทเนฺตหิ ปุคฺคโล นุปลพฺภติ…เป.… อาชานาหิ ปฎิกมฺมนฺติ เอตฺถ อาชานาหิ นิคฺคหนฺติ ปาโฐ ทิโฎฺฐ ภวิสฺสติฯ อญฺญตฺตํ ปฎิชานาปนตฺถนฺติ ยถา มยา อญฺญตฺตํ วตฺตพฺพํ, ตถา จ ตยาปิ ตํ วตฺตพฺพนฺติ อญฺญตฺตปฎิญฺญาย โจทนตฺถนฺติ อโตฺถฯ สมฺมุติปรมตฺถานํ เอกตฺตนานตฺตปญฺหสฺส ฐปนียตฺตาติ อพฺยากตตฺตาติ อโตฺถฯ ยทิ ฐปนียตฺตา ปฎิกฺขิปิตพฺพํ, ปเรนปิ ฐปนียตฺตา ลทฺธิเมว นิสฺสาย ปฎิเกฺขโป กโตติ โสปิ น นิคฺคเหตโพฺพ สิยาฯ ปโร ปน ปุคฺคโลติ กญฺจิ สภาวํ คเหตฺวา ตสฺส ฐปนียตฺตํ อิจฺฉติ, สติ จ สภาเว ฐปนียตา น ยุตฺตาติ นิคฺคเหตโพฺพฯ สมฺมุติ ปน โกจิ สภาโว นตฺถิฯ เตเนวสฺส เอกตฺตนานตฺตปญฺหสฺส ฐปนียตํ วทโนฺต น นิคฺคเหตโพฺพติ สกวาทินา ปฎิเกฺขโป กโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย ยุโตฺตฯ

    Dhammatoti pāḷito. ‘‘Paṭikammacatukkādīni saṃkhittāni. Paravādī…pe… dassitānī’’ti vadantehi puggalo nupalabbhati…pe… ājānāhi paṭikammanti ettha ājānāhi niggahanti pāṭho diṭṭho bhavissati. Aññattaṃ paṭijānāpanatthanti yathā mayā aññattaṃ vattabbaṃ, tathā ca tayāpi taṃ vattabbanti aññattapaṭiññāya codanatthanti attho. Sammutiparamatthānaṃ ekattanānattapañhassa ṭhapanīyattāti abyākatattāti attho. Yadi ṭhapanīyattā paṭikkhipitabbaṃ, parenapi ṭhapanīyattā laddhimeva nissāya paṭikkhepo katoti sopi na niggahetabbo siyā. Paro pana puggaloti kañci sabhāvaṃ gahetvā tassa ṭhapanīyattaṃ icchati, sati ca sabhāve ṭhapanīyatā na yuttāti niggahetabbo. Sammuti pana koci sabhāvo natthi. Tenevassa ekattanānattapañhassa ṭhapanīyataṃ vadanto na niggahetabboti sakavādinā paṭikkhepo katoti ayamettha adhippāyo yutto.

    สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suddhikasaṃsandanavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๖. โอปมฺมสํสนฺทนวณฺณนา

    6. Opammasaṃsandanavaṇṇanā

    ๒๘-๓๖. อุปลทฺธิสามเญฺญน อญฺญตฺตปุจฺฉา จาติ อิทญฺจ ทฺวินฺนํ สมานตา โน อญฺญตฺตสฺส การณํ ยุตฺตํ, อถ โข วิสุํ อตฺตโน สภาเวน สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน อุปลพฺภนียตาติ วิจาเรตพฺพํฯ ‘‘เอกวีสาธิกานี’’ติ ปุริมปาโฐ, วีสาธิกานีติ ปน ปฐิตพฺพํฯ

    28-36. Upaladdhisāmaññena aññattapucchā cāti idañca dvinnaṃ samānatā no aññattassa kāraṇaṃ yuttaṃ, atha kho visuṃ attano sabhāvena saccikaṭṭhaparamatthena upalabbhanīyatāti vicāretabbaṃ. ‘‘Ekavīsādhikānī’’ti purimapāṭho, vīsādhikānīti pana paṭhitabbaṃ.

    ๓๗-๔๕. ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล’’ติ สุตฺตํ อนุชานาเปเนฺตน อุปลทฺธิ อนุชานิตา โหตีติ มญฺญมาโน อาห ‘‘อุปลทฺธิสามญฺญํ อาโรเปตฺวา’’ติฯ วีสาธิกานิ นว ปฎิกมฺมปญฺจกสตานิ ทสฺสิตานีติ เอเตน สุทฺธิกสํสนฺทเนปิ ‘‘อาชานาหิ ปฎิกมฺม’’มิเจฺจว ปาโฐติ วิญฺญายติฯ ยญฺจ วาทมุเขสุ สุทฺธิกสจฺจิกเฎฺฐ ‘‘ปฎิกมฺมจตุกฺก’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ ‘‘ปฎิกมฺมปญฺจก’’นฺติฯ

    37-45. ‘‘Atthi puggalo’’ti suttaṃ anujānāpentena upaladdhi anujānitā hotīti maññamāno āha ‘‘upaladdhisāmaññaṃ āropetvā’’ti. Vīsādhikāni nava paṭikammapañcakasatāni dassitānīti etena suddhikasaṃsandanepi ‘‘ājānāhi paṭikamma’’micceva pāṭhoti viññāyati. Yañca vādamukhesu suddhikasaccikaṭṭhe ‘‘paṭikammacatukka’’nti vuttaṃ, tampi ‘‘paṭikammapañcaka’’nti.

    โอปมฺมสํสนฺทนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Opammasaṃsandanavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗. จตุกฺกนยสํสนฺทนวณฺณนา

    7. Catukkanayasaṃsandanavaṇṇanā

    ๔๖-๕๒. เอกธมฺมโตปิ อญฺญตฺตํ อนิจฺฉโนฺต รูปาทิเอเกกธมฺมวเสน นานุยุญฺชิตโพฺพฯ สมุทายโต หิ อยํ อญฺญตฺตํ อนิจฺฉโนฺต เอกเทสโต อนญฺญตฺตํ ปฎิกฺขิปโนฺต น นิคฺคหารโห สิยาติ เอตํ วจโนกาสํ นิวเตฺตตุํ ‘‘อยญฺจ อนุโยโค’’ติอาทิมาหฯ สกลนฺติ สตฺตปญฺญาสวิโธ ธมฺมปฺปเภโท ปุคฺคโลติ วา ปรมตฺถสจฺจํ ปุคฺคโลติ วา เอวํ สกลํ สนฺธายาติ อโตฺถฯ เอวํ สกลํ ปรมตฺถํ จิเนฺตตฺวา ตนฺติวเสน อนุโยคลกฺขณสฺส ฐปิตตฺตา สกลปรมตฺถโต จ อญฺญสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อภาวา สจฺจิกเฎฺฐน ปุคฺคเลน ตโต อเญฺญน น ภวิตพฺพนฺติ ‘‘รูปํ ปุคฺคโล’’ติ อิมํ ปญฺหํ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส นิคฺคหาโรปนํ ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    46-52. Ekadhammatopi aññattaṃ anicchanto rūpādiekekadhammavasena nānuyuñjitabbo. Samudāyato hi ayaṃ aññattaṃ anicchanto ekadesato anaññattaṃ paṭikkhipanto na niggahāraho siyāti etaṃ vacanokāsaṃ nivattetuṃ ‘‘ayañca anuyogo’’tiādimāha. Sakalanti sattapaññāsavidho dhammappabhedo puggaloti vā paramatthasaccaṃ puggaloti vā evaṃ sakalaṃ sandhāyāti attho. Evaṃ sakalaṃ paramatthaṃ cintetvā tantivasena anuyogalakkhaṇassa ṭhapitattā sakalaparamatthato ca aññassa saccikaṭṭhassa abhāvā saccikaṭṭhena puggalena tato aññena na bhavitabbanti ‘‘rūpaṃ puggalo’’ti imaṃ pañhaṃ paṭikkhipantassa niggahāropanaṃ yuttanti attho.

    สภาควินิโพฺภคโตติ รูปโต อญฺญสภาคตฺตาติ วุตฺตํ โหติฯ สพฺพธมฺมาติ รูปวเชฺช สพฺพธเมฺม วทติฯ ‘‘รูปสฺมิํ ปุคฺคโล’’ติ เอตฺถ นิสฺสยวินาเส วินาสาปตฺติภเยน ปฎิกฺขิปตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อุเจฺฉททิฎฺฐิภเยน เจวา’’ติฯ ตีสุ ปน สมยวิโรเธน ปฎิเกฺขโป อธิเปฺปโตฯ น หิ โส สกฺกายทิฎฺฐิํ อิจฺฉติ, อปิจ สสฺสตทิฎฺฐิภเยน ปฎิกฺขิปตีติ ยุตฺตํ วตฺตุํฯ สกฺกายทิฎฺฐีสุ หิ ปเญฺจว อุเจฺฉททิฎฺฐิโย, เสสาสสฺสตทิฎฺฐิโยติฯ อญฺญตฺร รูปาติ เอตฺถ จ รูปวา ปุคฺคโลติ อยมโตฺถ สงฺคหิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Sabhāgavinibbhogatoti rūpato aññasabhāgattāti vuttaṃ hoti. Sabbadhammāti rūpavajje sabbadhamme vadati. ‘‘Rūpasmiṃ puggalo’’ti ettha nissayavināse vināsāpattibhayena paṭikkhipatīti adhippāyenāha ‘‘ucchedadiṭṭhibhayena cevā’’ti. Tīsu pana samayavirodhena paṭikkhepo adhippeto. Na hi so sakkāyadiṭṭhiṃ icchati, apica sassatadiṭṭhibhayena paṭikkhipatīti yuttaṃ vattuṃ. Sakkāyadiṭṭhīsu hi pañceva ucchedadiṭṭhiyo, sesāsassatadiṭṭhiyoti. Aññatra rūpāti ettha ca rūpavā puggaloti ayamattho saṅgahitoti veditabbo.

    จตุกฺกนยสํสนฺทนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catukkanayasaṃsandanavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ สํสนฺทนกถาวณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca saṃsandanakathāvaṇṇanā.

    ๘. ลกฺขณยุตฺติวณฺณนา

    8. Lakkhaṇayuttivaṇṇanā

    ๕๔. ปจฺจนีกานุโลเมติ อิทํ ยํ วกฺขติ ‘‘ฉลวเสน ปน วตฺตพฺพํ ‘อาชานาหิ ปฎิกมฺม’นฺติอาที’’ติ (กถา. อฎฺฐ. ๕๔), เตน ปน น สเมติฯ ปจฺจนีกานุโลเม หิ ปจฺจนีเก ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ วตฺตพฺพํ, น ปน ‘‘ปฎิกมฺม’’นฺติฯ

    54. Paccanīkānulometi idaṃ yaṃ vakkhati ‘‘chalavasena pana vattabbaṃ ‘ājānāhi paṭikamma’ntiādī’’ti (kathā. aṭṭha. 54), tena pana na sameti. Paccanīkānulome hi paccanīke ‘‘ājānāhi niggaha’’nti vattabbaṃ, na pana ‘‘paṭikamma’’nti.

    ลกฺขณยุตฺติวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Lakkhaṇayuttivaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๙. วจนโสธนวณฺณนา

    9. Vacanasodhanavaṇṇanā

    ๕๕-๕๙. ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ปททฺวยสฺส อตฺถโต เอกเตฺตติ เอตฺถ ตเทว เอกตฺตํ ปเรน สมฺปฎิจฺฉิตํ อสมฺปฎิจฺฉิตนฺติ วิจาเรตพฺพเมตํฯ ปุคฺคลสฺส หิ อวิภชิตพฺพตํ, อุปลพฺภตีติ เอตสฺส วิภชิตพฺพตํ วทโนฺต วิภชิตพฺพาวิภชิตพฺพตฺถานํ อุปลพฺภติปุคฺคล-สทฺทานํ กถํ อตฺถโต เอกตฺตํ สมฺปฎิเจฺฉยฺยาติ? ยถา จ วิภชิตพฺพาวิภชิตพฺพตฺถานํ อุปลพฺภติ-รูป-สทฺทานํ ตํ วิภาคํ วทโต รูปํ กิญฺจิ อุปลพฺภติ, กิญฺจิ น อุปลพฺภตีติ อยํ ปสโงฺค นาปชฺชติ, เอวํ เอตสฺสปิ ยถาวุตฺตวิภาคํ วทโต ยถาอาปาทิเตน ปสเงฺคน น ภวิตพฺพนฺติ มคฺคิตโพฺพ เอตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    55-59. Puggaloupalabbhatīti padadvayassa atthato ekatteti ettha tadeva ekattaṃ parena sampaṭicchitaṃ asampaṭicchitanti vicāretabbametaṃ. Puggalassa hi avibhajitabbataṃ, upalabbhatīti etassa vibhajitabbataṃ vadanto vibhajitabbāvibhajitabbatthānaṃ upalabbhatipuggala-saddānaṃ kathaṃ atthato ekattaṃ sampaṭiccheyyāti? Yathā ca vibhajitabbāvibhajitabbatthānaṃ upalabbhati-rūpa-saddānaṃ taṃ vibhāgaṃ vadato rūpaṃ kiñci upalabbhati, kiñci na upalabbhatīti ayaṃ pasaṅgo nāpajjati, evaṃ etassapi yathāvuttavibhāgaṃ vadato yathāāpāditena pasaṅgena na bhavitabbanti maggitabbo ettha adhippāyo.

    ๖๐. ‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสู’’ติ (สุ. นิ. ๑๑๒๕) เอเตน อตฺถโต ปุคฺคโล นตฺถีติ วุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘นตฺถีติปิ วุตฺต’’นฺติฯ

    60. ‘‘Suññato lokaṃ avekkhassū’’ti (su. ni. 1125) etena atthato puggalo natthīti vuttaṃ hotīti āha ‘‘natthītipi vutta’’nti.

    วจนโสธนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vacanasodhanavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๐. ปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา

    10. Paññattānuyogavaṇṇanā

    ๖๑-๖๖. รูปกายาวิรหํ สนฺธาย ‘‘รูปกายสพฺภาวโต’’ติ อาหฯ ‘‘รูปิโน วา อรูปิโน วา’’ติ (อิติวุ. ๙๐) สุเตฺต อาคตปญฺญตฺติํ สนฺธาย ‘‘ตถารูปาย จ ปญฺญตฺติยา อตฺถิตายา’’ติฯ วีตราคสพฺภาวโตติ กามีภาวสฺส อเนกนฺติกตฺตา กามธาตุยา อายตฺตตฺตาภาวโต จ ‘‘กามี’’ติ น วตฺตโพฺพติ ปฎิกฺขิปตีติ อธิปฺปาโยฯ

    61-66. Rūpakāyāvirahaṃ sandhāya ‘‘rūpakāyasabbhāvato’’ti āha. ‘‘Rūpino vā arūpino vā’’ti (itivu. 90) sutte āgatapaññattiṃ sandhāya ‘‘tathārūpāya ca paññattiyā atthitāyā’’ti. Vītarāgasabbhāvatoti kāmībhāvassa anekantikattā kāmadhātuyā āyattattābhāvato ca ‘‘kāmī’’ti na vattabboti paṭikkhipatīti adhippāyo.

    ๖๗. กายานุปสฺสนายาติ การณวจนเมตํ, กายานุปสฺสนาย การณภูตาย เอวํลทฺธิกตฺตาติ อโตฺถฯ อาหจฺจ ภาสิตนฺติ ‘‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ อพฺยากตเมตํ มยา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๒๘) อาหจฺจ ภาสิตํฯ

    67. Kāyānupassanāyāti kāraṇavacanametaṃ, kāyānupassanāya kāraṇabhūtāya evaṃladdhikattāti attho. Āhacca bhāsitanti ‘‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti abyākatametaṃ mayā’’ti (ma. ni. 2.128) āhacca bhāsitaṃ.

    ปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paññattānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๑. คติอนุโยควณฺณนา

    11. Gatianuyogavaṇṇanā

    ๖๙-๗๒. ‘‘ทเสฺสโนฺต ‘เตน หิ ปุคฺคโล สนฺธาวตี’ติอาทิมาหา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ทเสฺสโนฺต ‘น วตฺตพฺพํ ปุคฺคโล สนฺธาวตี’ติอาทิมาหา’’ติ ปน ภวิตพฺพํ, ทเสฺสตฺวาติ วา วตฺตพฺพํฯ

    69-72. ‘‘Dassento‘tena hi puggalo sandhāvatī’tiādimāhā’’ti vuttaṃ, ‘‘dassento ‘na vattabbaṃ puggalo sandhāvatī’tiādimāhā’’ti pana bhavitabbaṃ, dassetvāti vā vattabbaṃ.

    ๙๑. เยน รูปสงฺขาเตน สรีเรน สทฺธิํ คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘รูเปน สทฺธิํ คจฺฉตี’’ติ วทเนฺตน ‘‘รูปํ ปุคฺคโล’’ติ อนนุญฺญาตตฺตา เยนากาเรน ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ อิทํ อาปชฺชติ , โส วตฺตโพฺพฯ อสญฺญูปปตฺติํ สนฺธายาติ นิรยูปคสฺส ปุคฺคลสฺส อสญฺญูปคสฺส อรูปูปคสฺส จ อนฺตราภวํ น อิจฺฉตีติ จุติโต อนนฺตรํ อุปปตฺติํ สนฺธายาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เย ปน จุติกาเล อุปปตฺติกาเล จ อสญฺญูปปตฺติกาเล จ อสญฺญสเตฺตสุ สญฺญา อตฺถีติ คเหตฺวา อสญฺญูปคสฺส จ อนฺตราภวํ อิเจฺฉยฺยุํ, เตสํ อนฺตราภวภาวโต ‘‘อสญฺญูปปตฺติ อเวทนา’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติฯ

    91. Yena rūpasaṅkhātena sarīrena saddhiṃ gacchatīti ettha ‘‘rūpena saddhiṃ gacchatī’’ti vadantena ‘‘rūpaṃ puggalo’’ti ananuññātattā yenākārena taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti idaṃ āpajjati , so vattabbo. Asaññūpapattiṃ sandhāyāti nirayūpagassa puggalassa asaññūpagassa arūpūpagassa ca antarābhavaṃ na icchatīti cutito anantaraṃ upapattiṃ sandhāyāti attho daṭṭhabbo. Ye pana cutikāle upapattikāle ca asaññūpapattikāle ca asaññasattesu saññā atthīti gahetvā asaññūpagassa ca antarābhavaṃ iccheyyuṃ, tesaṃ antarābhavabhāvato ‘‘asaññūpapatti avedanā’’ti na sakkā vattunti.

    ๙๒. อเวทโนติอาทีสุ ตทญฺญนฺติ สญฺญภวโต อญฺญํ อสญฺญาเนวสญฺญานาสญฺญายตนุปปตฺติํฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตเนปิ หิ น วตฺตพฺพํ สญฺญา อตฺถีติ อิจฺฉนฺติฯ

    92. Avedanotiādīsu tadaññanti saññabhavato aññaṃ asaññānevasaññānāsaññāyatanupapattiṃ. Nevasaññānāsaññāyatanepi hi na vattabbaṃ saññā atthīti icchanti.

    ๙๓. ยสฺมา รูปาทิธเมฺม วินา ปุคฺคโล นตฺถีติ อินฺธนุปาทาโน อคฺคิ วิย อินฺธเนน รูปาทิอุปาทาโน ปุคฺคโล รูปาทินา วินา นตฺถีติ ลทฺธิวเสน วทติฯ

    93. Yasmā rūpādidhamme vinā puggalo natthīti indhanupādāno aggi viya indhanena rūpādiupādāno puggalo rūpādinā vinā natthīti laddhivasena vadati.

    คติอนุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Gatianuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๒. อุปาทาปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา

    12. Upādāpaññattānuyogavaṇṇanā

    ๙๗. นีลํ รูปํ อุปาทาย นีโลติอาทีสูติ ‘‘นีลํ รูปํ อุปาทาย นีลกสฺส ปุคฺคลสฺส ปญฺญตฺตี’’ติ เอตฺถ โย ปุโฎฺฐ นีลํ อุปาทาย นีโลติ, ตทาทีสูติ อโตฺถฯ

    97. Nīlaṃ rūpaṃ upādāya nīlotiādīsūti ‘‘nīlaṃ rūpaṃ upādāya nīlakassa puggalassa paññattī’’ti ettha yo puṭṭho nīlaṃ upādāya nīloti, tadādīsūti attho.

    ๙๘. เฉกฎฺฐํ สนฺธายาติ เฉกฎฺฐํ สนฺธาย วุตฺตํ, น กุสลปญฺญตฺติํฯ ‘‘กุสลํ เวทนํ อุปาทายา’’ติ มญฺญมาโน ปฎิชานาตีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    98. Chekaṭṭhaṃ sandhāyāti chekaṭṭhaṃ sandhāya vuttaṃ, na kusalapaññattiṃ. ‘‘Kusalaṃ vedanaṃ upādāyā’’ti maññamāno paṭijānātīti attho daṭṭhabbo.

    ๑๑๒. อิทานิ …เป.… ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา รุกฺข’’นฺติอาทิมาหาติ ปุพฺพปกฺขํ ทเสฺสตฺวา อุตฺตรมาหาติ วุตฺตํ โหติฯ

    112. Idāni…pe… dassetuṃ ‘‘yathā rukkha’’ntiādimāhāti pubbapakkhaṃ dassetvā uttaramāhāti vuttaṃ hoti.

    ๑๑๕. ‘‘ยสฺส รูปํ โส รูปวา’’ติ อุตฺตรปเกฺข วุตฺตํ วจนํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาหฯ

    115. ‘‘Yassa rūpaṃ so rūpavā’’ti uttarapakkhe vuttaṃ vacanaṃ uddharitvā ‘‘yasmā’’tiādimāha.

    ๑๑๖. จิตฺตานุปสฺสนาวเสนาติ จิตฺตานุปสฺสนาวเสน ปริทีปิตสฺส สราคาทิจิตฺตโยคสฺส วเสนาติ อธิปฺปาโยฯ

    116. Cittānupassanāvasenāti cittānupassanāvasena paridīpitassa sarāgādicittayogassa vasenāti adhippāyo.

    ๑๑๘. เยนาติ จกฺขุนฺติ ‘‘เยนา’’ติ วุตฺตํ กรณํ จกฺขุนฺติ อโตฺถฯ จกฺขุเมว รูปํ ปสฺสตีติ วิญฺญาณนิสฺสยภาวูปคมนเมว จกฺขุสฺส ทสฺสนํ นาม โหตีติ สนฺธาย วทติฯ

    118. Yenāti cakkhunti ‘‘yenā’’ti vuttaṃ karaṇaṃ cakkhunti attho. Cakkhumeva rūpaṃ passatīti viññāṇanissayabhāvūpagamanameva cakkhussa dassanaṃ nāma hotīti sandhāya vadati.

    อุปาทาปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upādāpaññattānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๓. ปุริสการานุโยควณฺณนา

    13. Purisakārānuyogavaṇṇanā

    ๑๒๓. กรณมตฺตนฺติ กมฺมานํ นิปฺผาทกปฺปโยชกภาเวน ปวตฺตา ขนฺธาฯ

    123. Karaṇamattanti kammānaṃ nipphādakappayojakabhāvena pavattā khandhā.

    ๑๒๔. ปุริมกเมฺมน วินา ปุคฺคลสฺส ชาติ, ชาตสฺส จ วิชฺชฎฺฐานาทีสุ สมฺมา มิจฺฉา วา ปวตฺติ นตฺถีติ สนฺธาย ‘‘ปุริมกมฺมเมว ตสฺสา’’ติอาทิมาหฯ

    124. Purimakammena vinā puggalassa jāti, jātassa ca vijjaṭṭhānādīsu sammā micchā vā pavatti natthīti sandhāya ‘‘purimakammameva tassā’’tiādimāha.

    ๑๒๕. กมฺมวฎฺฎสฺสาติ เอตฺถ กมฺมการกสฺส โย การโก, เตนปิ อญฺญํ กมฺมํ กาตพฺพํ, ตสฺส การเกนปิ อญฺญนฺติ เอวํ กมฺมวฎฺฎสฺส อนุปเจฺฉทํ วทนฺติฯ ปุคฺคลสฺส การโก กมฺมสฺส การโก อาปชฺชตีติ วิจาเรตพฺพเมตํฯ มาตาปิตูหิ ชนิตตาทินา ตสฺส การกํ อิจฺฉนฺตสฺส กมฺมการกานํ การกปรมฺปรา อาปชฺชตีติ อิทญฺจ วิจาเรตพฺพํฯ

    125. Kammavaṭṭassāti ettha kammakārakassa yo kārako, tenapi aññaṃ kammaṃ kātabbaṃ, tassa kārakenapi aññanti evaṃ kammavaṭṭassa anupacchedaṃ vadanti. Puggalassa kārako kammassa kārako āpajjatīti vicāretabbametaṃ. Mātāpitūhi janitatādinā tassa kārakaṃ icchantassa kammakārakānaṃ kārakaparamparā āpajjatīti idañca vicāretabbaṃ.

    ๑๗๐. สุตฺตวิโรธภเยนาติ ‘‘โส กโรติ โส ปฎิสํเวทยตีติ โข, พฺราหฺมณ, อยเมโก อโนฺต’’ติอาทีหิ (สํ. นิ. ๒.๔๖) วิโรธภยาฯ

    170. Suttavirodhabhayenāti ‘‘so karoti so paṭisaṃvedayatīti kho, brāhmaṇa, ayameko anto’’tiādīhi (saṃ. ni. 2.46) virodhabhayā.

    ๑๗๑. ‘‘อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทตี’’ติ (ธ. ป. ๑๘) วจนโต กมฺมกรณกาเล วิปากปฎิสํเวทนกาเล จ โสเยวาติ ปฎิชานาตีติ อธิปฺปาโยฯ สยํกตํ สุขทุกฺขนฺติ จ ปุโฎฺฐ ‘‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, สยํกตํ สุขํ ทุกฺขนฺติ? มา เหวํ กสฺสปา’’ติอาทิสุตฺตวิโรธา (สํ. นิ. ๒.๑๘) ปฎิกฺขิปติฯ

    171. ‘‘Idha nandati pecca nandatī’’ti (dha. pa. 18) vacanato kammakaraṇakāle vipākapaṭisaṃvedanakāle ca soyevāti paṭijānātīti adhippāyo. Sayaṃkataṃsukhadukkhanti ca puṭṭho ‘‘kiṃ nu kho, bho gotama, sayaṃkataṃ sukhaṃ dukkhanti? Mā hevaṃ kassapā’’tiādisuttavirodhā (saṃ. ni. 2.18) paṭikkhipati.

    ๑๗๖. ลทฺธิมตฺตเมเวตนฺติ โสเยเวโก เนว โส โหติ น อโญฺญติ อิทํ ปน นเตฺถว, ตสฺมา เอวํวาทิโน อสยํการนฺติอาทิ อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโยฯ อปิจาติอาทินา อิทํ ทเสฺสติ – น ปรสฺส อิจฺฉาวเสเนว ‘‘โส กโรตี’’ติอาทิ อนุโยโค วุโตฺต, อถ โข ‘‘โส กโรตี’’ติอาทีสุ เอกํ อนิจฺฉนฺตสฺส อิตรํ, ตญฺจ อนิจฺฉนฺตสฺส อญฺญํ อาปนฺนนฺติ เอวํ การกเวทกิจฺฉาย ฐตฺวา ‘‘โส กโรตี’’ติอาทีสุ ตํ ตํ อนิจฺฉาย อาปนฺนวเสนาปีติฯ อถ วา น เกวลํ ‘‘โส กโรตี’’ติอาทีนํ สเพฺพสํ อาปนฺนตฺตา, อถ โข เอเกกเสฺสว จ อาปนฺนตฺตา อยํ อนุโยโค กโตติ ทเสฺสติฯ ปุริมนเยเนวาติ เอเตน ‘‘อิธ นนฺทตี’’ติอาทิ สพฺพํ ปฎิชานนาทิการณํ เอกโต โยเชตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ

    176. Laddhimattamevetanti soyeveko neva so hoti na aññoti idaṃ pana nattheva, tasmā evaṃvādino asayaṃkārantiādi āpajjatīti adhippāyo. Apicātiādinā idaṃ dasseti – na parassa icchāvaseneva ‘‘so karotī’’tiādi anuyogo vutto, atha kho ‘‘so karotī’’tiādīsu ekaṃ anicchantassa itaraṃ, tañca anicchantassa aññaṃ āpannanti evaṃ kārakavedakicchāya ṭhatvā ‘‘so karotī’’tiādīsu taṃ taṃ anicchāya āpannavasenāpīti. Atha vā na kevalaṃ ‘‘so karotī’’tiādīnaṃ sabbesaṃ āpannattā, atha kho ekekasseva ca āpannattā ayaṃ anuyogo katoti dasseti. Purimanayenevāti etena ‘‘idha nandatī’’tiādi sabbaṃ paṭijānanādikāraṇaṃ ekato yojetabbanti dasseti.

    ปุริสการานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Purisakārānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.

    กลฺยาณวโคฺค นิฎฺฐิโตฯ

    Kalyāṇavaggo niṭṭhito.

    ๑๔. อภิญฺญานุโยควณฺณนา

    14. Abhiññānuyogavaṇṇanā

    ๑๙๓. อภิญฺญานุโยคาทิวเสน อรหตฺตสาธนาติ เอตฺถ ‘‘นนุ อตฺถิ โกจิ อิทฺธิํ วิกุพฺพตี’’ติ อภิญฺญาอนุโยโค จ ‘‘หญฺจิ อตฺถิ โกจิ อิทฺธิํ วิกุพฺพตี’’ติ ฐปนา จ ‘‘เตน วต เร’’ติอาทิ ปาปนา จ อาทิสทฺทสงฺคหิโต อโตฺถว ทฎฺฐโพฺพฯ อาสวกฺขยญาณํ ปเนตฺถ อภิญฺญา วุตฺตาติ ตทภิญฺญาวโต อรหโต สาธนํ ‘‘อรหตฺตสาธนา’’ติ อาหฯ อรหโต หิ สาธนา ตพฺภาวสฺส จ สาธนา โหติเยวาติฯ

    193. Abhiññānuyogādivasena arahattasādhanāti ettha ‘‘nanu atthi koci iddhiṃ vikubbatī’’ti abhiññāanuyogo ca ‘‘hañci atthi koci iddhiṃ vikubbatī’’ti ṭhapanā ca ‘‘tena vata re’’tiādi pāpanā ca ādisaddasaṅgahito atthova daṭṭhabbo. Āsavakkhayañāṇaṃ panettha abhiññā vuttāti tadabhiññāvato arahato sādhanaṃ ‘‘arahattasādhanā’’ti āha. Arahato hi sādhanā tabbhāvassa ca sādhanā hotiyevāti.

    อภิญฺญานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhiññānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๕-๑๘. ญาตกานุโยคาทิวณฺณนา

    15-18. Ñātakānuyogādivaṇṇanā

    ๒๐๙. ตถารูปสฺสาติ ตติยโกฎิภูตสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อภาวาติ อธิปฺปาโยฯ เอวํ ปน ปฎิกฺขิปโนฺต อสจฺจิกฎฺฐํ ตติยโกฎิภูตํ ปุคฺคลํ วเทยฺยาติ ตาทิสํ ปุคฺคลํ อิจฺฉโนฺต หิ สุเตฺตน นิคฺคเหตโพฺพ สิยาฯ กสฺมา? ตถารูปสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อภาวโตติ, ตถารูปสฺส กสฺสจิ สภาวสฺส อภาวโต ปฎิเกฺขปารหตฺตา อตฺตโน ลทฺธิํ นิคูหิตฺวา ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสาติ อยมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    209. Tathārūpassāti tatiyakoṭibhūtassa saccikaṭṭhassa abhāvāti adhippāyo. Evaṃ pana paṭikkhipanto asaccikaṭṭhaṃ tatiyakoṭibhūtaṃ puggalaṃ vadeyyāti tādisaṃ puggalaṃ icchanto hi suttena niggahetabbo siyā. Kasmā? Tathārūpassa saccikaṭṭhassa abhāvatoti, tathārūpassa kassaci sabhāvassa abhāvato paṭikkhepārahattā attano laddhiṃ nigūhitvā paṭikkhepo paravādissāti ayamattho daṭṭhabbo.

    ญาตกานุโยคาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ñātakānuyogādivaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๙. ปฎิเวธานุโยคาทิวณฺณนา

    19. Paṭivedhānuyogādivaṇṇanā

    ๒๑๘. ปริคฺคหิตเวทโนติ วจเนน อปริคฺคหิตเวทนสฺส ‘‘สุขิโตสฺมิ, ทุกฺขิโตสฺมี’’ติ ชานนํ ปชานนํ นาม น โหตีติ ทเสฺสติ โยคาวจรสฺส สุขุมานมฺปิ เวทนานํ ปริเจฺฉทนสมตฺถตญฺจฯ

    218. Pariggahitavedanoti vacanena apariggahitavedanassa ‘‘sukhitosmi, dukkhitosmī’’ti jānanaṃ pajānanaṃ nāma na hotīti dasseti yogāvacarassa sukhumānampi vedanānaṃ paricchedanasamatthatañca.

    ๒๒๘. ลกฺขณวจนนฺติ รูปพฺภนฺตรคมนํ สหรูปภาโว, พหิทฺธา นิกฺขมนํ วินารูปภาโวติ อธิปฺปาโยฯ

    228. Lakkhaṇavacananti rūpabbhantaragamanaṃ saharūpabhāvo, bahiddhā nikkhamanaṃ vinārūpabhāvoti adhippāyo.

    ๒๓๗. อิมา โขติ โอฬาริโก อตฺตปฎิลาโภ มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ อรูโป อตฺตปฎิลาโภติ อิมา โลกสฺส สมญฺญา, ยาหิ ตถาคโต โวหรติ อปรามสํ, โย สโจฺจ โมโฆ วา สิยา, ตสฺมิํ อนุปลพฺภมาเนปิ อตฺตนิ ตทนุปลพฺภโตเยว ปรามาสํ อตฺตทิฎฺฐิํ อนุปฺปาเทโนฺต โลเก อตฺตปฎิลาโภติ ปวตฺตโวหารวเสเนว โวหรตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปจฺจตฺตสามญฺญลกฺขณวเสน ปุคฺคลสฺส อตฺถิตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา โลกโวหาเรน อตฺถิตํ วทเนฺตน ปุคฺคโลติ โกจิ สภาโว นตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ สติ หิ ตสฺมิํ อตฺตโน สภาเวเนว อตฺถิตา วตฺตพฺพา สิยา, น โลกโวหาเรนาติฯ อิมินา ปน ยถา สเมติ, ยถา จ ปรามาโส น โหติ, เอวํ อิโต ปุริมา จ อตฺถวณฺณนา โยเชตพฺพาฯ

    237. Imā khoti oḷāriko attapaṭilābho manomayo attapaṭilābho arūpo attapaṭilābhoti imā lokassa samaññā, yāhi tathāgato voharati aparāmasaṃ, yo sacco mogho vā siyā, tasmiṃ anupalabbhamānepi attani tadanupalabbhatoyeva parāmāsaṃ attadiṭṭhiṃ anuppādento loke attapaṭilābhoti pavattavohāravaseneva voharatīti ayamettha attho. Ettha ca paccattasāmaññalakkhaṇavasena puggalassa atthitaṃ paṭikkhipitvā lokavohārena atthitaṃ vadantena puggaloti koci sabhāvo natthīti vuttaṃ hoti. Sati hi tasmiṃ attano sabhāveneva atthitā vattabbā siyā, na lokavohārenāti. Iminā pana yathā sameti, yathā ca parāmāso na hoti, evaṃ ito purimā ca atthavaṇṇanā yojetabbā.

    โลกสมฺมุติการณนฺติ ยสฺมา โลกสมฺมุติวเสน ปวตฺตํ, ตสฺมา สจฺจนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ตถลกฺขณนฺติ ตถการณํฯ ยสฺมา ธมฺมานํ ตถตาย ปวตฺตํ, ตสฺมา สจฺจนฺติ ทเสฺสติฯ

    Lokasammutikāraṇanti yasmā lokasammutivasena pavattaṃ, tasmā saccanti vuttaṃ hoti. Tathalakkhaṇanti tathakāraṇaṃ. Yasmā dhammānaṃ tathatāya pavattaṃ, tasmā saccanti dasseti.

    ปฎิเวธานุโยคาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭivedhānuyogādivaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปุคฺคลกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Puggalakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact