Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
มหาวโคฺค
Mahāvaggo
๑. ปุคฺคลกถา
1. Puggalakathā
๑. สุทฺธสจฺจิกโฎฺฐ
1. Suddhasaccikaṭṭho
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā
๑. สมฺพราทีหิ ปกปฺปิตวิชฺชา, ตถาภิสงฺขตานิ โอสธานิ จ ‘‘มายา’’ติ วุจฺจนฺติ, อิธ ปน มายาย อาหิตวิเสสา อภูตเญฺญยฺยาการา อธิเปฺปตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มายาย อมณิอาทโย มณิอาทิอากาเรน ทิสฺสมานา มายาติ วุตฺตา’’ติ อาหฯ สจฺจเญฺญว สจฺจิกํ, โส เอว อโตฺถ อวิปรีตสฺส ญาณสฺส วิสยภาวเฎฺฐนาติ สจฺจิกโฎฺฐฯ เตนาห ‘‘ภูตโฎฺฐ’’ติฯ อวิปรีตภาวโต เอว ปรโม ปธาโน อโตฺถติ ปรมโตฺถ, ญาณสฺส ปจฺจกฺขภูโต ธมฺมานํ อนิทฺทิสิตพฺพสภาโวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุตฺตมโตฺถ’’ติฯ
1. Sambarādīhi pakappitavijjā, tathābhisaṅkhatāni osadhāni ca ‘‘māyā’’ti vuccanti, idha pana māyāya āhitavisesā abhūtaññeyyākārā adhippetāti dassento ‘‘māyāya amaṇiādayo maṇiādiākārena dissamānā māyāti vuttā’’ti āha. Saccaññeva saccikaṃ, so eva attho aviparītassa ñāṇassa visayabhāvaṭṭhenāti saccikaṭṭho. Tenāha ‘‘bhūtaṭṭho’’ti. Aviparītabhāvato eva paramo padhāno atthoti paramattho, ñāṇassa paccakkhabhūto dhammānaṃ aniddisitabbasabhāvo. Tena vuttaṃ ‘‘uttamattho’’ti.
อตฺถีติ วจนสามเญฺญนาติ ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๙๖; กถา. ๒๒) ‘‘อตฺถี’’ติ ปวตฺตวจนสามเญฺญนฯ อตฺถวิกปฺปุปปตฺติยา วจนวิฆาโต ฉลนฺติ วทนฺติฯ ปติฎฺฐํ ปจฺฉินฺทโนฺตติ เหตุํ ทูเสโนฺต, อเหตุํ กโรโนฺตติ อโตฺถฯ เหตุ หิ ปฎิญฺญาย ปติฎฺฐาปนโต ปติฎฺฐา, ตํ ปน เหตุํ อตฺถมตฺตโต ทเสฺสโนฺต ‘‘ยทิ สจฺจิกเฎฺฐนา’’ติอาทิมาหฯ ปโยคโต ปน ทูสเนน สทฺธิํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ โอกาสํ อททมาโนติ ยถานุรูปํ ยุตฺติํ วตฺตุํ อวสรํ อเทโนฺตฯ อถ วา ปติฎฺฐํ ปจฺฉินฺทโนฺต, ปฎิญฺญํ เอว ปริวเตฺตโนฺตติ อโตฺถฯ อุปลพฺภติ ปุคฺคโลติ หิ สกวาทิํ อุทฺทิสฺส ปรวาทิโน ปฎิญฺญาว น ยุตฺตา อปฺปสิทฺธตฺตา วิเสสิตพฺพสฺสฯ เตเนวาห ‘‘อนุปลพฺภเนยฺยโต น ตว วาโท ติฎฺฐตีติ นิวเตฺตโนฺต’’ติฯ รูปญฺจ อุปลพฺภติ…เป.… ทเสฺสตีติ เอเตน ปรวาทินา อธิเปฺปตเหตุโน วิปรีตตฺถสาธกตฺตํ ทเสฺสติฯ
Atthīti vacanasāmaññenāti ‘‘atthi puggalo attahitāya paṭipanno’’tiādīsu (a. ni. 4.96; kathā. 22) ‘‘atthī’’ti pavattavacanasāmaññena. Atthavikappupapattiyā vacanavighāto chalanti vadanti. Patiṭṭhaṃ pacchindantoti hetuṃ dūsento, ahetuṃ karontoti attho. Hetu hi paṭiññāya patiṭṭhāpanato patiṭṭhā, taṃ pana hetuṃ atthamattato dassento ‘‘yadi saccikaṭṭhenā’’tiādimāha. Payogato pana dūsanena saddhiṃ parato āvi bhavissati. Okāsaṃ adadamānoti yathānurūpaṃ yuttiṃ vattuṃ avasaraṃ adento. Atha vā patiṭṭhaṃ pacchindanto, paṭiññaṃ eva parivattentoti attho. Upalabbhati puggaloti hi sakavādiṃ uddissa paravādino paṭiññāva na yuttā appasiddhattā visesitabbassa. Tenevāha ‘‘anupalabbhaneyyato na tava vādo tiṭṭhatīti nivattento’’ti. Rūpañca upalabbhati…pe… dassetīti etena paravādinā adhippetahetuno viparītatthasādhakattaṃ dasseti.
อุปลพฺภมานํ นาม โหตีติ อาการโต ตํอาการวนฺตานํ อนญฺญตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญถาติ อาการ, อาการวนฺตานํ เภเทฯ เอติสฺสาติ ‘‘ตโต โส ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเฎฺฐนา’’ติ เอวํ วุตฺตาย ทุติยปุจฺฉายฯ เอส วิเสโสติ โย ยถาวุโตฺต ทฺวินฺนํ ปุจฺฉานํ วิสยสฺส สภาวาการเภโท, เอส ทฺวินฺนํ ปุจฺฉานํ วิเสโสฯ สภาวธมฺมานํ สามญฺญลกฺขเณน อภินฺนานมฺปิ สลกฺขณโต เภโทเยวาติ อญฺญธมฺมสฺส อเญฺญนากาเรน น กทาจิปิ อุปลโพฺภ ภเวยฺยฯ ยทิ สิยา, อญฺญตฺตเมว น สิยาติ รุปฺปนาทิสปจฺจยาทิอากาเรน อนุปลพฺภมาโนปิ ปุคฺคโล อตฺตโน ภูตสภาวเฎฺฐน อุปลพฺภเตวาติ วทนฺตํ ปรวาทินํ ปติ ‘‘โย สจฺจิกโฎฺฐ’’ติอาทิ โจทนา อโนกาสาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยถา ปน…เป.… นิคฺคโห จ น กาตโพฺพ’’ติฯ ตตฺถ นิคฺคโหติ ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ เอวํ วุตฺตนิคฺคโห, ปราชยาโรปเนน ปรวาทิโน นิคฺคณฺหนนฺติ อโตฺถฯ
Upalabbhamānaṃ nāma hotīti ākārato taṃākāravantānaṃ anaññattāti adhippāyo. Aññathāti ākāra, ākāravantānaṃ bhede. Etissāti ‘‘tato so puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamaṭṭhenā’’ti evaṃ vuttāya dutiyapucchāya. Esa visesoti yo yathāvutto dvinnaṃ pucchānaṃ visayassa sabhāvākārabhedo, esa dvinnaṃ pucchānaṃ viseso. Sabhāvadhammānaṃ sāmaññalakkhaṇena abhinnānampi salakkhaṇato bhedoyevāti aññadhammassa aññenākārena na kadācipi upalabbho bhaveyya. Yadi siyā, aññattameva na siyāti ruppanādisapaccayādiākārena anupalabbhamānopi puggalo attano bhūtasabhāvaṭṭhena upalabbhatevāti vadantaṃ paravādinaṃ pati ‘‘yo saccikaṭṭho’’tiādi codanā anokāsāti dassento āha ‘‘yathā pana…pe… niggaho ca na kātabbo’’ti. Tattha niggahoti ‘‘ājānāhi niggaha’’nti evaṃ vuttaniggaho, parājayāropanena paravādino niggaṇhananti attho.
สฺวายํ ปน ยสฺมา ตสฺส วาทาปราธเหตุโก, ตสฺมา ตํ ทเสฺสตุํ อฎฺฐกถายํ โทสาปราธปริยาเยหิ วิภาวิโตฯ อวชานนเญฺหตฺถ นิคฺคหฎฺฐานํฯ ตถา หิ ปฎิญฺญาหานิ, ปฎิญฺญานฺตรํ, ปฎิญฺญาวิโรโธ, ปฎิญฺญาสญฺญาโส, เหตฺวนฺตรํ, อตฺถนฺตรํ, นิรตฺถกํ, อวิญฺญาตตฺถํ, อสมฺพนฺธตฺถํ, อปฺปตฺตกาลํ, อูนํ, อธิกํ, ปุนรุตฺตํ, อนนุภาสนํ, อวิญฺญาตํ, อปฺปฎิภา, วิเกฺขโป, มตานุญฺญา, อนุยุญฺชิตพฺพสฺส อุเปกฺขนํ, อนนุยุญฺชิตพฺพสฺส อนุโยโค, อปสิทฺธนฺตรํ, เหตฺวาภาสา จาติ ทฺวาวีสติ นิคฺคหฎฺฐานานิ ญายวาทิโน วทนฺติฯ
Svāyaṃ pana yasmā tassa vādāparādhahetuko, tasmā taṃ dassetuṃ aṭṭhakathāyaṃ dosāparādhapariyāyehi vibhāvito. Avajānanañhettha niggahaṭṭhānaṃ. Tathā hi paṭiññāhāni, paṭiññāntaraṃ, paṭiññāvirodho, paṭiññāsaññāso, hetvantaraṃ, atthantaraṃ, niratthakaṃ, aviññātatthaṃ, asambandhatthaṃ, appattakālaṃ, ūnaṃ, adhikaṃ, punaruttaṃ, ananubhāsanaṃ, aviññātaṃ, appaṭibhā, vikkhepo, matānuññā, anuyuñjitabbassa upekkhanaṃ, ananuyuñjitabbassa anuyogo, apasiddhantaraṃ, hetvābhāsā cāti dvāvīsati niggahaṭṭhānāni ñāyavādino vadanti.
ตตฺถ วิสทิสูทาหรณธมฺมานุชานนํ ปฐมุทาหรเณ ปฎิญฺญาหานิฯ ปฎิญฺญาตตฺถปฎิเสเธ ตทญฺญตฺถนิเทฺทโส ปฎิญฺญานฺตรํฯ ปฎิญฺญาวิรุทฺธเหตุกิตฺตนํ ปฎิญฺญาวิโรโธฯ ปฎิญฺญาตตฺถาปนยนํ ปฎิญฺญาสญฺญาโสฯ อวิเสสวุเตฺต เหตุมฺหิ ปฎิสิเทฺธ วิเสสเหตุกถนํ เหตฺวนฺตรํฯ อธิกตตฺถานุปโยคิอตฺถกถนํ อตฺถนฺตรํฯ มาติกาปาโฐ วิย อตฺถหีนํ นิรตฺถกํฯ ติกฺขตฺตุํ วุตฺตมฺปิ สกฺขิปฎิวาทีหิ อวิทิตํ อวิญฺญาตตฺถํฯ ปุพฺพาปรวเสน สมฺพนฺธรหิตํ อสมฺพนฺธตฺถํฯ อวยววิปลฺลาสวจนํ อปฺปตฺตกาลํฯ อวยววิกลํ อูนํฯ อธิกเหตูทาหรณํ อธิกํฯ ฐเปตฺวา อนุวาทํ สทฺทตฺถานํ ปุนปฺปุนํ วจนํ อตฺถาปนฺนวจนญฺจ ปุนรุตฺตํฯ ปริสาย วิทิตสฺส ตีหิ วุตฺตสฺส อปจฺจุทาหาโร อนนุภาสนํฯ ยํ วาทินา วุตฺตํ ปริสาย วิญฺญาตํ ปฎิวาทินา ทุวิญฺญาตํ, ตํ อวิญฺญาตํฯ ตํวาทินา วตฺตเพฺพ วุเตฺต ปรวาทิโน ปฎิวจนสฺส อนุปฎฺฐานํ อปฺปฎิภาฯ กิจฺจนฺตรปฺปสเงฺคน กถาวิจฺฉินฺทนํ วิเกฺขโปฯ อตฺตโน โทสานุชานเนน ปรปกฺขสฺส โทสปฺปสญฺชนํ ปรมตานุชานนํ มตานุญฺญาฯ นิคฺคหปฺปตฺตสฺส นิคฺคณฺหนํ อนุยุญฺชิตพฺพสฺส อุเปกฺขนํฯ สมฺปตฺตนิคฺคหสฺส อนิคฺคหฎฺฐาเน จ นิคฺคณฺหนํ อนุยุญฺชิตพฺพสฺส อนุโยโคฯ เอกํ สิทฺธนฺตมนุชานิตฺวา อนิยมโต ตทญฺญสิทฺธนฺตกถาปฺปสญฺชนํ อปสิทฺธนฺตรํฯ อสิทฺธา อเนกนฺติกา วิรุทฺธา จ เหตฺวาภาสา, เหตุปติรูปกาติ อโตฺถฯ เตสญฺจ กถนํ นิคฺคหฎฺฐานนฺติฯ
Tattha visadisūdāharaṇadhammānujānanaṃ paṭhamudāharaṇe paṭiññāhāni. Paṭiññātatthapaṭisedhe tadaññatthaniddeso paṭiññāntaraṃ. Paṭiññāviruddhahetukittanaṃ paṭiññāvirodho. Paṭiññātatthāpanayanaṃ paṭiññāsaññāso. Avisesavutte hetumhi paṭisiddhe visesahetukathanaṃ hetvantaraṃ. Adhikatatthānupayogiatthakathanaṃ atthantaraṃ. Mātikāpāṭho viya atthahīnaṃ niratthakaṃ. Tikkhattuṃ vuttampi sakkhipaṭivādīhi aviditaṃ aviññātatthaṃ. Pubbāparavasena sambandharahitaṃ asambandhatthaṃ. Avayavavipallāsavacanaṃ appattakālaṃ. Avayavavikalaṃ ūnaṃ. Adhikahetūdāharaṇaṃ adhikaṃ. Ṭhapetvā anuvādaṃ saddatthānaṃ punappunaṃ vacanaṃ atthāpannavacanañca punaruttaṃ. Parisāya viditassa tīhi vuttassa apaccudāhāro ananubhāsanaṃ. Yaṃ vādinā vuttaṃ parisāya viññātaṃ paṭivādinā duviññātaṃ, taṃ aviññātaṃ. Taṃvādinā vattabbe vutte paravādino paṭivacanassa anupaṭṭhānaṃ appaṭibhā. Kiccantarappasaṅgena kathāvicchindanaṃ vikkhepo. Attano dosānujānanena parapakkhassa dosappasañjanaṃ paramatānujānanaṃ matānuññā. Niggahappattassa niggaṇhanaṃ anuyuñjitabbassa upekkhanaṃ. Sampattaniggahassa aniggahaṭṭhāne ca niggaṇhanaṃ anuyuñjitabbassa anuyogo. Ekaṃ siddhantamanujānitvā aniyamato tadaññasiddhantakathāppasañjanaṃ apasiddhantaraṃ. Asiddhā anekantikā viruddhā ca hetvābhāsā, hetupatirūpakāti attho. Tesañca kathanaṃ niggahaṭṭhānanti.
อิเมสุ ทฺวาวีสติยา นิคฺคหฎฺฐาเนสุ อิทํ ปฎิญฺญาย อปนยนโต สยเมว ปจฺจกฺขานโต ปฎิญฺญาสญฺญาโส นาม นิคฺคหฎฺฐานํฯ เตเนวาห ‘‘อวชานเนเนว นิคฺคหํ ทเสฺสตี’’ติฯ อสิทฺธตฺตาติ เอเตน ปจฺจกฺขโต อนุมานโต จ ปุคฺคลสฺส อนุปลพฺภมาหฯ น หิ โส ปจฺจกฺขโต อุปลพฺภติฯ ยทิ อุปลเพฺภยฺย, วิวาโท เอว น สิยา, อนุมานมฺปิ ตาทิสํ นตฺถิ, เยน ปุคฺคลํ อนุมิเนยฺยุํฯ ตถา หิ ตํ สาสนิโก ปุคฺคลวาที วเทยฺย ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ, อตฺถิ ปุคฺคโล’’ติ ภควตา วุตฺตตฺตา รูปเวทนาทิ วิยฯ ยญฺหิ ภควตา ‘‘อตฺถี’’ติ ยทิ วุตฺตํ, ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ ยถา ตํ รูปํ เวทนา สญฺญา สงฺขารา วิญฺญาณํฯ ยํ ปน ปรมตฺถโต นตฺถิ, น ตํ ภควตา ‘‘อตฺถี’’ติ วุตฺตํ ยถา ตํ ปกติวาทิอาทีนํ ปกติอาทีติ, ตํ มิจฺฉาฯ เอตฺถ หิ ยทิ โวหารโต ปุคฺคลสฺส อตฺถิภาโว อธิเปฺปโต, สิทฺธํ สาธนํ, อถ ปรมตฺถโต, อสิโทฺธ เหตุ ตถา อวุตฺตตฺตาฯ วิรุโทฺธ จ ตสฺส อนิจฺจสงฺขตปฎิจฺจสมุปฺปนฺนาทิภาวาสาธนโต รูปเวทนาทีสุ ตถา ทิฎฺฐตฺตาติอาทินา ตสฺส อเหตุกภาวเสฺสว ปากฎภาวโตฯ
Imesu dvāvīsatiyā niggahaṭṭhānesu idaṃ paṭiññāya apanayanato sayameva paccakkhānato paṭiññāsaññāso nāma niggahaṭṭhānaṃ. Tenevāha ‘‘avajānaneneva niggahaṃ dassetī’’ti. Asiddhattāti etena paccakkhato anumānato ca puggalassa anupalabbhamāha. Na hi so paccakkhato upalabbhati. Yadi upalabbheyya, vivādo eva na siyā, anumānampi tādisaṃ natthi, yena puggalaṃ anumineyyuṃ. Tathā hi taṃ sāsaniko puggalavādī vadeyya ‘‘puggalo upalabbhati, atthi puggalo’’ti bhagavatā vuttattā rūpavedanādi viya. Yañhi bhagavatā ‘‘atthī’’ti yadi vuttaṃ, taṃ paramatthato atthi yathā taṃ rūpaṃ vedanā saññā saṅkhārā viññāṇaṃ. Yaṃ pana paramatthato natthi, na taṃ bhagavatā ‘‘atthī’’ti vuttaṃ yathā taṃ pakativādiādīnaṃ pakatiādīti, taṃ micchā. Ettha hi yadi vohārato puggalassa atthibhāvo adhippeto, siddhaṃ sādhanaṃ, atha paramatthato, asiddho hetu tathā avuttattā. Viruddho ca tassa aniccasaṅkhatapaṭiccasamuppannādibhāvāsādhanato rūpavedanādīsu tathā diṭṭhattātiādinā tassa ahetukabhāvasseva pākaṭabhāvato.
ยํ ปน พาหิรกา ปุถุ อญฺญติตฺถิยา วทนฺติฯ อเตฺถว จ ปรมตฺถโต อตฺตา ญาณาภิธานสฺส ปวตฺติยา นิมิตฺตภาวโต รูปาทิ วิยฯ อถ วา อตฺตาติริตฺตปทตฺถนฺตโร รูปกฺขโนฺธ ขนฺธสภาวตฺตา ยถา ตํ อิตรกฺขนฺธาฯ ยเญฺหตฺถ ปทตฺถนฺตรํ, โส ปุคฺคโลติ อธิปฺปาโยฯ
Yaṃ pana bāhirakā puthu aññatitthiyā vadanti. Attheva ca paramatthato attā ñāṇābhidhānassa pavattiyā nimittabhāvato rūpādi viya. Atha vā attātirittapadatthantaro rūpakkhandho khandhasabhāvattā yathā taṃ itarakkhandhā. Yañhettha padatthantaraṃ, so puggaloti adhippāyo.
เอตฺถ จ ปุริมสฺส เหตุโน ปญฺญตฺติยา อเนกนฺติกตา อสิทฺธตา จฯ น หิ อสโต สกวาทินํ ปติ ปรมตฺถโต ญาณาภิธานปฺปวตฺติยา นิมิตฺตภาโว สิชฺฌติฯ โวหารโต เจ, ตทสิทฺธสาธนตา รูปาทิสภาววินิมุตฺตรูโปปิ ปุคฺคโล น โหตีติ เอวมาทิวิรุทฺธตฺถตาฯ ปจฺฉิมสฺส ปน เหตุโน สาเธตพฺพตฺถสามญฺญปริคฺคเห สิทฺธสาธนตา, รูปกฺขนฺธโต ปทตฺถนฺตรโต ปรมตฺถนฺตรภูตเวทนาทิสมฺภวสฺส อิจฺฉิตตฺตา จฯ ตพฺพิเสสปริคฺคเห จ สกวาทินํ ปติ อุทาหรณาภาโว ปรปริกปฺปิตชีวปทตฺถวิรหโตฯ อิตรกฺขนฺธานํ เวทนาทิวินิมุตฺตอุภยสิทฺธชีวปทตฺถสหิโตปิ รูปกฺขโนฺธ น โหติ อิตรกฺขนฺธา วิยาติ วิรุทฺธตฺถตา จฯ
Ettha ca purimassa hetuno paññattiyā anekantikatā asiddhatā ca. Na hi asato sakavādinaṃ pati paramatthato ñāṇābhidhānappavattiyā nimittabhāvo sijjhati. Vohārato ce, tadasiddhasādhanatā rūpādisabhāvavinimuttarūpopi puggalo na hotīti evamādiviruddhatthatā. Pacchimassa pana hetuno sādhetabbatthasāmaññapariggahe siddhasādhanatā, rūpakkhandhato padatthantarato paramatthantarabhūtavedanādisambhavassa icchitattā ca. Tabbisesapariggahe ca sakavādinaṃ pati udāharaṇābhāvo paraparikappitajīvapadatthavirahato. Itarakkhandhānaṃ vedanādivinimuttaubhayasiddhajīvapadatthasahitopi rūpakkhandho na hoti itarakkhandhā viyāti viruddhatthatā ca.
ยํ ปน กาณาทา ‘‘สุขาทีนํ นิสฺสยภาวโต’’ติ อนุมานํ วทนฺติ, เต อิทํ วตฺตพฺพา – กิํ สุขาทีนํ อตฺตนิ ปฎิพทฺธํ ยโต สุขาทินิสฺสยตาย อตฺตา อนุมียติฯ ยทิ อุปฺปาโท, เอวํ สเนฺต สเพฺพปิ สุขาทโย เอกโต เอว ภเวยฺยุํ การณสฺส สนฺนิหิตภาวโต อญฺญนิรเปกฺขโต จฯ อถ อญฺญมฺปิ กิญฺจิ อินฺทฺริยาทิการณนฺตรมเปกฺขิตพฺพํ, ตเทว โหตุ การณํ, กิมเญฺญน อทิฎฺฐสามตฺถิเยน ปริกปฺปิเตน ปโยชนํฯ อถ ปน เตสํ อตฺตาธีนา วุตฺตีติ วเทยฺยุํ, เอวมฺปิ น สิชฺฌติ อุทาหรณาภาวโตฯ น หิ รูปาทิวินิมุโตฺต ตาทิโส โกจิ สภาวธโมฺม สุขาทิสนฺนิสฺสยภูโต อตฺถิ, ยโต อตฺตโน อตฺตตฺถสิทฺธิยา อุทาหรณํ อปทิเสยฺยุํฯ อิมินา นเยน อสมาสปทาภิเธยฺยตฺตาติอาทีนมฺปิ อยุตฺตตฺตา นิวาเรตพฺพาฯ ตถา ‘‘อญฺญสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อสิทฺธตฺตา’’ติ อิมินา จ ปกติอณุอาทีนมฺปิ พาหิรปริกปฺปิตานํ อสิทฺธตา วุตฺตาวาติ เวทิตพฺพาฯ กถํ ปน เตสํ อสิทฺธีติ? ปมาเณน อนุปลพฺภนโตฯ น หิ ปจฺจกฺขโต ปกติ สิทฺธา กปิลสฺสปิ อิสิโน ตสฺส อปจฺจกฺขภาวสฺส กาปิเลหิ อนุญฺญายมานตฺตาฯ
Yaṃ pana kāṇādā ‘‘sukhādīnaṃ nissayabhāvato’’ti anumānaṃ vadanti, te idaṃ vattabbā – kiṃ sukhādīnaṃ attani paṭibaddhaṃ yato sukhādinissayatāya attā anumīyati. Yadi uppādo, evaṃ sante sabbepi sukhādayo ekato eva bhaveyyuṃ kāraṇassa sannihitabhāvato aññanirapekkhato ca. Atha aññampi kiñci indriyādikāraṇantaramapekkhitabbaṃ, tadeva hotu kāraṇaṃ, kimaññena adiṭṭhasāmatthiyena parikappitena payojanaṃ. Atha pana tesaṃ attādhīnā vuttīti vadeyyuṃ, evampi na sijjhati udāharaṇābhāvato. Na hi rūpādivinimutto tādiso koci sabhāvadhammo sukhādisannissayabhūto atthi, yato attano attatthasiddhiyā udāharaṇaṃ apadiseyyuṃ. Iminā nayena asamāsapadābhidheyyattātiādīnampi ayuttattā nivāretabbā. Tathā ‘‘aññassa saccikaṭṭhassa asiddhattā’’ti iminā ca pakatiaṇuādīnampi bāhiraparikappitānaṃ asiddhatā vuttāvāti veditabbā. Kathaṃ pana tesaṃ asiddhīti? Pamāṇena anupalabbhanato. Na hi paccakkhato pakati siddhā kapilassapi isino tassa apaccakkhabhāvassa kāpilehi anuññāyamānattā.
ยํ ปน ‘‘อตฺถิ ปธานํ เภทานํ อนฺวยทสฺสนโต สกลกลาปมตฺตํ วิยา’’ติ เต อนุมานํ วทนฺติฯ อิมินา หิ เภทานํ สตฺวาทีนํ วิชฺชมานปธานตา ปฎิญฺญาตาฯ เอตฺถ จ วุจฺจเต – สกลาทีนํ ปธานํ ตพฺพิภาเคหิ กิํ อญฺญตฺตํ, อุทาหุ อนญฺญนฺติ, กิเญฺจตฺถ ยทิ อญฺญตฺตํ, สโพฺพ โลโก ปธานมโยติ สมยวิโรโธ สิยา, สณฺฐานเภเทน อญฺญตฺถ ปฎิชานนโต น โทโสติ เจ? ตํ น, วลยกฎกาทิสณฺฐานเภเทปิ กนกาเภททสฺสนโตฯ น หิ สณฺฐานํ วตฺถุเภทนิมิตฺตํ ตสฺส อนุปาทานตฺตาฯ ยํ ยสฺส เภทนิมิตฺตํ, น ตํ ตสฺส อนุปาทานํ ยถา สุวณฺณมตฺติกาทิฆฎาทีนํ สุวณฺณฆโฎ มตฺติกาฆโฎ โกเสยฺยปโฎ กปฺปาสปโฎติ จ สาเธตพฺพธมฺมรหิตญฺจ อุทาหรณํฯ น หิ ปธาเนกการณปุพฺพกตฺตํ สกลาทีนํ ปกติวาทิโน สิทฺธํ, นาปิ กาปิลานํ กถญฺจิ อญฺญตฺตานุชานนโตฯ อนญฺญเตฺต ปน อุทาหรณาภาโวฯ น หิ ตเทว สาเธตพฺพํ ตเทว จ อุทาหรณํ ยุตฺตํ, อนฺวยทสฺสนมฺปิ อสิทฺธํฯ น หิ ตเทว เตน อนฺวิตํ ยุชฺชติฯ ปธาเนน อนฺวยทสฺสนมฺปิ อสิทฺธํ ปรวาทิโนติ คุณสฺส ปธานสฺส อนนุชานนโตฯ อถ ยํ กิญฺจิ การณํ ปธานํ ‘‘ปธียติ เอตฺถ ผล’’นฺติ, เอวมฺปิ อสิทฺธเมว การเณ ผลสฺส อตฺถิภาวานนุชานนโต, เหตุโน จ อสิทฺธนิสฺสยตาปราภิมตเภทานนุชานนโตฯ อถ วิเสเสน การณายตฺตวุตฺติตา ผลสฺส สาธียติ, น กิญฺจิ วิรุทฺธํ ธมฺมานํ ยถาสกํ ปจฺจเยน ปฎิจฺจสมุปฺปตฺติยา อิจฺฉิตตฺตาติฯ
Yaṃ pana ‘‘atthi padhānaṃ bhedānaṃ anvayadassanato sakalakalāpamattaṃ viyā’’ti te anumānaṃ vadanti. Iminā hi bhedānaṃ satvādīnaṃ vijjamānapadhānatā paṭiññātā. Ettha ca vuccate – sakalādīnaṃ padhānaṃ tabbibhāgehi kiṃ aññattaṃ, udāhu anaññanti, kiñcettha yadi aññattaṃ, sabbo loko padhānamayoti samayavirodho siyā, saṇṭhānabhedena aññattha paṭijānanato na dosoti ce? Taṃ na, valayakaṭakādisaṇṭhānabhedepi kanakābhedadassanato. Na hi saṇṭhānaṃ vatthubhedanimittaṃ tassa anupādānattā. Yaṃ yassa bhedanimittaṃ, na taṃ tassa anupādānaṃ yathā suvaṇṇamattikādighaṭādīnaṃ suvaṇṇaghaṭo mattikāghaṭo koseyyapaṭo kappāsapaṭoti ca sādhetabbadhammarahitañca udāharaṇaṃ. Na hi padhānekakāraṇapubbakattaṃ sakalādīnaṃ pakativādino siddhaṃ, nāpi kāpilānaṃ kathañci aññattānujānanato. Anaññatte pana udāharaṇābhāvo. Na hi tadeva sādhetabbaṃ tadeva ca udāharaṇaṃ yuttaṃ, anvayadassanampi asiddhaṃ. Na hi tadeva tena anvitaṃ yujjati. Padhānena anvayadassanampi asiddhaṃ paravādinoti guṇassa padhānassa ananujānanato. Atha yaṃ kiñci kāraṇaṃ padhānaṃ ‘‘padhīyati ettha phala’’nti, evampi asiddhameva kāraṇe phalassa atthibhāvānanujānanato, hetuno ca asiddhanissayatāparābhimatabhedānanujānanato. Atha visesena kāraṇāyattavuttitā phalassa sādhīyati, na kiñci viruddhaṃ dhammānaṃ yathāsakaṃ paccayena paṭiccasamuppattiyā icchitattāti.
อปิจ ปกติวาทิโน ‘‘สตฺวรชตมสงฺขาตานํ ติณฺณํ คุณานํ สมภาโว ปกติ, สา จ นิจฺจา สตฺวาทิวิสมสภาวโต อนิจฺจโต มหตาทิวิการโต อนญฺญา’’ติ ปฎิชานนฺติฯ สา เตสํ วุตฺตปฺปการา ปกติ น สิชฺฌติ ตโต วิรุทฺธสภาวโต วิการโต อนญฺญตฺตาฯ น หิ อสฺสสฺส วิสาณํ ทีฆํ, ตญฺจ รสฺสโต โควิสาณโต อนญฺญนฺติ วุจฺจมานํ สิชฺฌติฯ กิญฺจ ภิโยฺย? ติณฺณํ เอกภาวาภาวโตฯ สตฺวาทิคุณตฺตยโต หิ ปกติยา อนญฺญตฺตํ อิจฺฉนฺตานํ เตสํ สตฺวาทีนมฺปิ ปกติยา อนญฺญตฺตํ อาปชฺชติ, น จ ยุตฺตํ ติณฺณํ เอกภาโวติฯ เอวมฺปิ ปกติ น สิชฺฌติฯ กถํ? อเนกโทสาปตฺติโตฯ ยทิ หิ พฺยตฺตสภาวโต วิการโต อพฺยตฺตสภาวา ปกติ อนญฺญา, เอวํ สเนฺต เหตุมนฺตตา อนิจฺจตา อพฺยาปิตา สกิริยตา อเนกตา นิสฺสิตตา ลิงฺคตา สาวยวตา ปรตนฺตฺรตาติ เอวมาทโย อเนเก โทสา ปกติยา อาปชฺชนฺติ, น ชาติวิการโต อนญฺญา ปฎิชานิตพฺพาฯ ตถา จ สติ สมยวิโรโธติ กปฺปนามตฺตํ ปกตีติ อสิทฺธา สาติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ
Apica pakativādino ‘‘satvarajatamasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ guṇānaṃ samabhāvo pakati, sā ca niccā satvādivisamasabhāvato aniccato mahatādivikārato anaññā’’ti paṭijānanti. Sā tesaṃ vuttappakārā pakati na sijjhati tato viruddhasabhāvato vikārato anaññattā. Na hi assassa visāṇaṃ dīghaṃ, tañca rassato govisāṇato anaññanti vuccamānaṃ sijjhati. Kiñca bhiyyo? Tiṇṇaṃ ekabhāvābhāvato. Satvādiguṇattayato hi pakatiyā anaññattaṃ icchantānaṃ tesaṃ satvādīnampi pakatiyā anaññattaṃ āpajjati, na ca yuttaṃ tiṇṇaṃ ekabhāvoti. Evampi pakati na sijjhati. Kathaṃ? Anekadosāpattito. Yadi hi byattasabhāvato vikārato abyattasabhāvā pakati anaññā, evaṃ sante hetumantatā aniccatā abyāpitā sakiriyatā anekatā nissitatā liṅgatā sāvayavatā paratantratāti evamādayo aneke dosā pakatiyā āpajjanti, na jātivikārato anaññā paṭijānitabbā. Tathā ca sati samayavirodhoti kappanāmattaṃ pakatīti asiddhā sāti niṭṭhamettha gantabbaṃ.
ปกติยา จ อสิทฺธาย ตํนิมิตฺตกภาเวน วุจฺจมานา มหตาทโยปิ อสิทฺธา เอวฯ ยถา จ ปกติ มหตาทโย จ, เอวํ อิสฺสรปชาปติปุริสกาลสภาวนิยติยทิจฺฉาทโยปิฯ เอเตสุ หิ อิสฺสโร ตาว น สิชฺฌติ อุปการสฺส อทสฺสนโตฯ สตฺตานญฺหิ ชาติยํ มาตาปิตูนํ พีชเขตฺตภาเวน กมฺมสฺส หีนตาทิวิภาคกรเณน, ตโต ปรญฺจ อุตุอาหารานํ พฺรูหนุปตฺถมฺภเนน, อินฺทฺริยานํ ทสฺสนาทิกิจฺจสาธเนน อุปกาโร ทิสฺสติ, น, เอวมิสฺสรสฺสฯ หีนตาทิวิภาคกรณมิสฺสรสฺสาติ เจ? ตํ น, อสิทฺธตฺตาฯ ยถาวุโตฺต อุปการวิเสโส อิสฺสรนิมฺมิโต, น กมฺมุนาติ สาธนียเมตํฯ อิตรตฺราปิ สมานเมตนฺติ เจ? น, กมฺมโต ผลนิยมสิทฺธตฺตา ฯ สติ หิ กตูปจิเต กมฺมสฺมิํ ตตฺถ ยํ อกุสลํ, ตโต หีนตา, ยํ กุสลํ, ตโต ปณีตตาติ สิทฺธเมตํฯ อิสฺสรวาทินาปิ หิ น สกฺกา กมฺมํ ปฎิกฺขิปิตุํฯ
Pakatiyā ca asiddhāya taṃnimittakabhāvena vuccamānā mahatādayopi asiddhā eva. Yathā ca pakati mahatādayo ca, evaṃ issarapajāpatipurisakālasabhāvaniyatiyadicchādayopi. Etesu hi issaro tāva na sijjhati upakārassa adassanato. Sattānañhi jātiyaṃ mātāpitūnaṃ bījakhettabhāvena kammassa hīnatādivibhāgakaraṇena, tato parañca utuāhārānaṃ brūhanupatthambhanena, indriyānaṃ dassanādikiccasādhanena upakāro dissati, na, evamissarassa. Hīnatādivibhāgakaraṇamissarassāti ce? Taṃ na, asiddhattā. Yathāvutto upakāraviseso issaranimmito, na kammunāti sādhanīyametaṃ. Itaratrāpi samānametanti ce? Na, kammato phalaniyamasiddhattā . Sati hi katūpacite kammasmiṃ tattha yaṃ akusalaṃ, tato hīnatā, yaṃ kusalaṃ, tato paṇītatāti siddhametaṃ. Issaravādināpi hi na sakkā kammaṃ paṭikkhipituṃ.
อปิเจตสฺส โลกวิจิตฺตสฺส อิสฺสรนิมฺมานภาเว พหู โทสา สมฺภวนฺติฯ กถํ? ยทิ สพฺพมิทํ โลกวิจิตฺตํ อิสฺสรนิมฺมิตํ, สเหว วจเนน ปวตฺติตพฺพํ, น กเมนฯ น หิ สนฺนิหิตการณานํ ผลานํ กเมน อุปฺปตฺติ ยุตฺตา, การณนฺตราเปกฺขาย อิสฺสรสฺส สามตฺถิยหานิฯ จกฺขาทีนํ จกฺขุวิญฺญาณาทีสุ การณภาโว น ยุโตฺตฯ กโรตีติ หิ การณนฺติฯ อิสฺสโร เอว จ การโกติ สพฺพการณานํ การณภาวหานิฯ เยหิ ปุถุวิเสเสหิ อิสฺสโร ปสีเทยฺย, เตสญฺจ สยํการตา อาปชฺชติ, ตถา สเพฺพสํ เหตุกานํ การณภาโวฯ ยเญฺชตํ นิมฺมานํ, ตญฺจสฺส อตฺตทตฺถํ วา สิยา, ปรตฺถํ วา สิยาฯ อตฺตทตฺถตายํ อตฺตโน อิสฺสรภาวหานิ อกตกิจฺจตาย อิสิตาวสิตาภาวโตฯ เตน วา นิมฺมิเตน ยํ อตฺตโน กาตพฺพํ, ตํ กสฺมา สยเมว น กโรติฯ ปรตฺถตายํ ปน ปโร นาเมตฺถ โลโก เอวาติ กิมตฺถิยํ ตสฺส นิรยาทิโรคาทิวิสาทินิมฺมานํฯ ยา จสฺส อิสฺสรตา, สา สยํกตา วา สิยา ปรํกตา วา อเหตุกา วาฯ ตตฺถ สยํกตา เจ, ตโต ปุเพฺพ อนิสฺสรภาวาปตฺติฯ ปรํกตา เจ, ปจฺฉาปิ อนิสฺสรภาวาปตฺติ สอุตฺตรตา จ สิยาฯ อเหตุกา เจ, น กสฺสจิ อนิสฺสรตาติ เอวมิสฺสรสฺสปิ อสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ
Apicetassa lokavicittassa issaranimmānabhāve bahū dosā sambhavanti. Kathaṃ? Yadi sabbamidaṃ lokavicittaṃ issaranimmitaṃ, saheva vacanena pavattitabbaṃ, na kamena. Na hi sannihitakāraṇānaṃ phalānaṃ kamena uppatti yuttā, kāraṇantarāpekkhāya issarassa sāmatthiyahāni. Cakkhādīnaṃ cakkhuviññāṇādīsu kāraṇabhāvo na yutto. Karotīti hi kāraṇanti. Issaro eva ca kārakoti sabbakāraṇānaṃ kāraṇabhāvahāni. Yehi puthuvisesehi issaro pasīdeyya, tesañca sayaṃkāratā āpajjati, tathā sabbesaṃ hetukānaṃ kāraṇabhāvo. Yañjetaṃ nimmānaṃ, tañcassa attadatthaṃ vā siyā, paratthaṃ vā siyā. Attadatthatāyaṃ attano issarabhāvahāni akatakiccatāya isitāvasitābhāvato. Tena vā nimmitena yaṃ attano kātabbaṃ, taṃ kasmā sayameva na karoti. Paratthatāyaṃ pana paro nāmettha loko evāti kimatthiyaṃ tassa nirayādirogādivisādinimmānaṃ. Yā cassa issaratā, sā sayaṃkatā vā siyā paraṃkatā vā ahetukā vā. Tattha sayaṃkatā ce, tato pubbe anissarabhāvāpatti. Paraṃkatā ce, pacchāpi anissarabhāvāpatti sauttaratā ca siyā. Ahetukā ce, na kassaci anissaratāti evamissarassapi asiddhi veditabbā.
ยถา จ อิสฺสโร, เอวํ ปชาปติ ปุริโส จฯ นามมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโสฯ เตหิ วาทีหิ ปกปฺปิตํ ยทิทํ ‘‘ปชาปติ ปุริโส’’ติฯ ตํนิมิตฺตกํ ปน โลกปฺปวตฺติํ อิจฺฉนฺตานํ ปชาปติวาเท ปุริสวาเท จ อิสฺสรวาเท วิย โทสา อสิทฺธิ จ วิธาตพฺพาฯ ยถา เจเต อิสฺสราทโย, เอวํ กาโลปิ อสิโทฺธ ลกฺขณาภาวโตฯ ปรมตฺถโต หิ วิชฺชมานานํ ธมฺมานํ สภาวสงฺขาตํ ลกฺขณํ อุปลพฺภติฯ ยถา ปถวิยา กถินตา, น เอวํ กาลสฺส, ตสฺมา นตฺถิ ปรมตฺถโต กาโลติฯ กาลวาที ปนาห ‘‘วตฺตนาลกฺขโณ กาโล’’ติฯ โส วตฺตโพฺพ ‘‘กา ปนายํ วตฺตนา’’ติฯ โส อาห ‘‘สมยมุหุตฺตาทีนํ ปวตฺตี’’ติฯ ตมฺปิ น, รูปาทีหิ อตฺถนฺตรภาเวน อนิทฺธาริตตฺตาฯ ปรมตฺถโต หิ อนิทฺธาริตสภาวสฺส วตฺตนาลกฺขณตายํ สสวิสาณาทีนมฺปิ ตํลกฺขณตา อาปเชฺชยฺยฯ
Yathā ca issaro, evaṃ pajāpati puriso ca. Nāmamattameva hettha viseso. Tehi vādīhi pakappitaṃ yadidaṃ ‘‘pajāpati puriso’’ti. Taṃnimittakaṃ pana lokappavattiṃ icchantānaṃ pajāpativāde purisavāde ca issaravāde viya dosā asiddhi ca vidhātabbā. Yathā cete issarādayo, evaṃ kālopi asiddho lakkhaṇābhāvato. Paramatthato hi vijjamānānaṃ dhammānaṃ sabhāvasaṅkhātaṃ lakkhaṇaṃ upalabbhati. Yathā pathaviyā kathinatā, na evaṃ kālassa, tasmā natthi paramatthato kāloti. Kālavādī panāha ‘‘vattanālakkhaṇo kālo’’ti. So vattabbo ‘‘kā panāyaṃ vattanā’’ti. So āha ‘‘samayamuhuttādīnaṃ pavattī’’ti. Tampi na, rūpādīhi atthantarabhāvena aniddhāritattā. Paramatthato hi aniddhāritasabhāvassa vattanālakkhaṇatāyaṃ sasavisāṇādīnampi taṃlakkhaṇatā āpajjeyya.
ยํ ปน วทนฺติ กาณาทา ‘‘อปรสฺมิํ อปรํ ยุคปทิ จิรํ ขิปฺปมิติ กาลลิงฺคานีติ ลิงฺคสพฺภาวโต อตฺถิ กาโล’’ติ, ตํ อยุตฺตํ ลิงฺคิโน อนุปลพฺภมานตฺตาฯ สิทฺธสมฺพเนฺธสุ หิ ลิเงฺคสุ ลิงฺคมตฺตคฺคหเณน ลิงฺคินิ อวโพโธ ภเวยฺยฯ น จ เกนจิ อวิปรีตเจตสา เตน ลิเงฺคน สห กทาจิ กาลสงฺขาโต ลิงฺคี คหิตปุโพฺพติฯ อโต น ยุตฺตํ ‘‘ลิงฺคสพฺภาวโต อตฺถิ กาโล’’ติฯ ‘‘อปรสฺมิํ อปร’’นฺติอาทิกสฺส วิเสสสฺส นิมิตฺตภาวโต ยุตฺตนฺติ เจ? น, ปฐมชาตตาทินิมิตฺตกตฺตา ตสฺสฯ น จ ปฐมชาตตาทิ นาม โกจิ ธโมฺม อตฺถิ อญฺญตฺร สมญฺญามตฺตโตติ นเตฺถว ปรมตฺถโต กาโลฯ กิญฺจ ภิโยฺย, พหูนํ เอกภาวาปตฺติโตฯ อตีตาทิวิภาเคน หิ โลกสมญฺญาวเสน พหู กาลเภทาฯ ตฺวเญฺจตํ เอกํ วทสีติ พหูนํ เอกภาวาภาวโต นเตฺถว ปรมตฺถโต กาโลฯ ตถา เอกสฺส อเนกภาวาปตฺติโตฯ โย หิ อยํ อชฺช วตฺตมานกาโล, โส หิโยฺย อนาคโต อโหสิ, เสฺว อตีโต ภวิสฺสติฯ หิโยฺย จ วตฺตมาโน อชฺช อตีโต อโหสิ, ตถา เสฺว วตฺตมาโนปิ อปรชฺชฯ น เจกสภาวสฺส อเนกสภาวตา ยุตฺตาติ อสิโทฺธ ปรมตฺถโต กาโลฯ ธมฺมปฺปวตฺติํ ปน อุปาทาย กปฺปนามตฺตสิทฺธาย โลกสมญฺญาย อตีตาทิวิภาคโต โวหรียตีติ โวหารมตฺตโกติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Yaṃ pana vadanti kāṇādā ‘‘aparasmiṃ aparaṃ yugapadi ciraṃ khippamiti kālaliṅgānīti liṅgasabbhāvato atthi kālo’’ti, taṃ ayuttaṃ liṅgino anupalabbhamānattā. Siddhasambandhesu hi liṅgesu liṅgamattaggahaṇena liṅgini avabodho bhaveyya. Na ca kenaci aviparītacetasā tena liṅgena saha kadāci kālasaṅkhāto liṅgī gahitapubboti. Ato na yuttaṃ ‘‘liṅgasabbhāvato atthi kālo’’ti. ‘‘Aparasmiṃ apara’’ntiādikassa visesassa nimittabhāvato yuttanti ce? Na, paṭhamajātatādinimittakattā tassa. Na ca paṭhamajātatādi nāma koci dhammo atthi aññatra samaññāmattatoti nattheva paramatthato kālo. Kiñca bhiyyo, bahūnaṃ ekabhāvāpattito. Atītādivibhāgena hi lokasamaññāvasena bahū kālabhedā. Tvañcetaṃ ekaṃ vadasīti bahūnaṃ ekabhāvābhāvato nattheva paramatthato kālo. Tathā ekassa anekabhāvāpattito. Yo hi ayaṃ ajja vattamānakālo, so hiyyo anāgato ahosi, sve atīto bhavissati. Hiyyo ca vattamāno ajja atīto ahosi, tathā sve vattamānopi aparajja. Na cekasabhāvassa anekasabhāvatā yuttāti asiddho paramatthato kālo. Dhammappavattiṃ pana upādāya kappanāmattasiddhāya lokasamaññāya atītādivibhāgato voharīyatīti vohāramattakoti daṭṭhabbo.
สภาวนิยติยทิจฺฉาทโยปิ อสิทฺธาฯ กิํ การณา? ลกฺขณาภาวาฯ น หิ สภาวโต นิยติยทิจฺฉา สมฺภวติฯ อญฺญถา เอวํวิโธ โกจิ ภาโว อตฺถิ เจ, เตสํ สภาวสงฺขาเตน ลกฺขเณน ภวิตพฺพํ, ปติฎฺฐาปกเหตุนา จ น จตฺถิฯ เกวลํ ปเนเต วาทา วิมทฺทิยมานา อเหตุวาเท เอว ติฎฺฐนฺติ, น จาเหตุกํ โลกวิจิตฺตํ วิเสสาภาวปฺปสงฺคโตฯ อเหตุกภาเว หิ ปวตฺติยา ยฺวายํ นรสุรนิรยติรจฺฉานาทีสุ อินฺทฺริยาทีนํ วิเสโส, ตสฺส อภาโว อาปชฺชติ, น จายํ ปณฺฑิเตหิ อิจฺฉิโตฯ กิญฺจ? ทิฎฺฐภาวโตฯ ทิฎฺฐา หิ จกฺขาทิโต จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ พีชาทิโต องฺกุราทีนํ ปวตฺติ, ตสฺมาปิ เหตุโตวายํ ปวตฺติฯ ตถา ปุเร ปจฺฉา จ อภาวโตฯ ยโต ยโต หิ ปจฺจยสามคฺคิโต ยํ ยํ ผลํ นิพฺพตฺตติ, ตโต ปุเพฺพ ปจฺฉา จ น ตสฺส นิพฺพตฺติ สมฺภวติ, กิญฺจ พหุนาฯ ยทิ อเหตุโต ปวตฺติ สิยา, อเหตุกา ปวตฺตีติ อิมาปิ วาจา ยถาสกปจฺจยสมวายโต ปุเร ปจฺฉา จ ภเวยฺยุํ, น จ ภวนฺติ อลทฺธปฺปจฺจยตฺตา, มเชฺฌ เอว จ ภวนฺติ ลทฺธปฺปจฺจยตฺตาฯ เอวํ สเพฺพปิ สงฺขตา ธมฺมาติ น สิชฺฌติ อเหตุวาโทฯ ตสฺมิญฺจ อสิเทฺธ ปวตฺติยา อเหตุภาโว วิย อเหตุปริยายวิเสสภูตา สภาวนิยติยทิจฺฉาทโยปิ อสิทฺธา เอว โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Sabhāvaniyatiyadicchādayopi asiddhā. Kiṃ kāraṇā? Lakkhaṇābhāvā. Na hi sabhāvato niyatiyadicchā sambhavati. Aññathā evaṃvidho koci bhāvo atthi ce, tesaṃ sabhāvasaṅkhātena lakkhaṇena bhavitabbaṃ, patiṭṭhāpakahetunā ca na catthi. Kevalaṃ panete vādā vimaddiyamānā ahetuvāde eva tiṭṭhanti, na cāhetukaṃ lokavicittaṃ visesābhāvappasaṅgato. Ahetukabhāve hi pavattiyā yvāyaṃ narasuranirayatiracchānādīsu indriyādīnaṃ viseso, tassa abhāvo āpajjati, na cāyaṃ paṇḍitehi icchito. Kiñca? Diṭṭhabhāvato. Diṭṭhā hi cakkhādito cakkhuviññāṇādīnaṃ bījādito aṅkurādīnaṃ pavatti, tasmāpi hetutovāyaṃ pavatti. Tathā pure pacchā ca abhāvato. Yato yato hi paccayasāmaggito yaṃ yaṃ phalaṃ nibbattati, tato pubbe pacchā ca na tassa nibbatti sambhavati, kiñca bahunā. Yadi ahetuto pavatti siyā, ahetukā pavattīti imāpi vācā yathāsakapaccayasamavāyato pure pacchā ca bhaveyyuṃ, na ca bhavanti aladdhappaccayattā, majjhe eva ca bhavanti laddhappaccayattā. Evaṃ sabbepi saṅkhatā dhammāti na sijjhati ahetuvādo. Tasmiñca asiddhe pavattiyā ahetubhāvo viya ahetupariyāyavisesabhūtā sabhāvaniyatiyadicchādayopi asiddhā eva hontīti veditabbā.
ยํ ปน กาณาทา ‘‘ปรมาณโว นิจฺจา, เตหิ ทฺวิอณุกาทิผลํ นิพฺพตฺตติ, ตญฺจ อนิจฺจํ , ตสฺส วเสเนตํ โลกวิจิตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตมฺปิ มิจฺฉาปริกปฺปมตฺตํฯ น หิ ปรมาณโว นาม สนฺติ อญฺญตฺร ภูตสงฺฆาตาฯ โส ปน อนิโจฺจว, น จ นิจฺจโต อนิจฺจสฺส นิพฺพตฺติ ยุตฺตา ตสฺส การณภาวานุปปตฺติโต ตถา อทสฺสนโต จฯ ยทิ จ โส กสฺสจิ การณภาวํ คเจฺฉยฺย, อนิโจฺจ เอว สิยา วิการาปตฺติโตฯ น จายํ สมฺภโว อตฺถิ, ยํ วิการํ อนาปชฺชนฺตเมว การณํ ผลํ นิพฺพเตฺตยฺยาติฯ วิการเญฺจ อาปชฺชติ, กุตสฺส นิจฺจตาวกาโส, ตสฺมา วุตฺตปฺปการา ปรมาณโว สตฺตา อนิจฺจา, อเญฺญปิ นิจฺจาทิภาเวน พาหิรเกหิ ปริกปฺปิตา อสิทฺธา เอวาติ เวทิตพฺพํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ธมฺมปฺปเภทโต ปน อญฺญสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อสิทฺธตฺตา’’ติฯ
Yaṃ pana kāṇādā ‘‘paramāṇavo niccā, tehi dviaṇukādiphalaṃ nibbattati, tañca aniccaṃ , tassa vasenetaṃ lokavicitta’’nti vadanti, tampi micchāparikappamattaṃ. Na hi paramāṇavo nāma santi aññatra bhūtasaṅghātā. So pana aniccova, na ca niccato aniccassa nibbatti yuttā tassa kāraṇabhāvānupapattito tathā adassanato ca. Yadi ca so kassaci kāraṇabhāvaṃ gaccheyya, anicco eva siyā vikārāpattito. Na cāyaṃ sambhavo atthi, yaṃ vikāraṃ anāpajjantameva kāraṇaṃ phalaṃ nibbatteyyāti. Vikārañce āpajjati, kutassa niccatāvakāso, tasmā vuttappakārā paramāṇavo sattā aniccā, aññepi niccādibhāvena bāhirakehi parikappitā asiddhā evāti veditabbaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘dhammappabhedato pana aññassa saccikaṭṭhassa asiddhattā’’ti.
เอตฺถาห ‘‘ยทิ ปรมตฺถโต ปุคฺคโล น อุปลพฺภติ, เอวํ ปน ปุคฺคเล อนุปลพฺภมาเน อถ กสฺมา ภควา ‘อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’ติ (อ. นิ. ๔.๙๕; กถา. ๒๒), ‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’นฺติ (อ. นิ. ๔.๙๕; กถา. ๒๒) จ ตตฺถ ตตฺถ ปุคฺคลสฺส อตฺถิภาวํ ปเวเทสี’’ติฯ วิเนยฺยชฺฌาสยวเสนฯ ตถา ตถา วิเนตพฺพานญฺหิ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน วิเนยฺยทมนกุสโล สตฺถา ธมฺมํ เทเสโนฺต โลกสมญฺญานุรูปํ ตตฺถ ตตฺถ ปุคฺคลคฺคหณํ กโรติ, น ปรมตฺถโต ปุคฺคลสฺส อตฺถิภาวโตฯ
Etthāha ‘‘yadi paramatthato puggalo na upalabbhati, evaṃ pana puggale anupalabbhamāne atha kasmā bhagavā ‘atthi puggalo attahitāya paṭipanno’ti (a. ni. 4.95; kathā. 22), ‘cattārome, bhikkhave, puggalā santo saṃvijjamānā lokasmi’nti (a. ni. 4.95; kathā. 22) ca tattha tattha puggalassa atthibhāvaṃ pavedesī’’ti. Vineyyajjhāsayavasena. Tathā tathā vinetabbānañhi puggalānaṃ ajjhāsayavasena vineyyadamanakusalo satthā dhammaṃ desento lokasamaññānurūpaṃ tattha tattha puggalaggahaṇaṃ karoti, na paramatthato puggalassa atthibhāvato.
อปิจ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุเพฺพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถญฺจาติฯ ‘‘ขนฺธา ธาตู อายตนานิ หิรียนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุเตฺต มหาชโน น ชานาติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติ, ปฎิสตฺตุ วา โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธา ธาตู อายตนานิ หิรียนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติฯ ‘‘อิตฺถี หิรียติ โอตฺตปฺปติ, ปุริโส, ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ’’ติ ปน วุเตฺต ชานาติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติ, น ปฎิสตฺตุ โหติ, ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ ‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ ‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขเนฺธหิ การาปิตา, ธาตูหิ, อายตเนหี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ตถา ‘‘ขนฺธา มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, ปิตรํ, อรหนฺตํ, รุหิรุปฺปาทกมฺมํ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย, อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ, ‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ , ธาตุโย, อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ, ‘‘ขนฺธา ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ธาตุโย, อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ อานนฺตริยทีปนตฺถํ พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุเพฺพนิวาสทีปนตฺถญฺจ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ ‘‘ขนฺธา ทานํ ปฎิคฺคณฺหนฺติ, ธาตุโย, อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ มหาชโน น ชานาติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติ, ปฎิสตฺตุ วา โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธา ธาตู อายตนานิ ปฎิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติฯ ‘‘ปุคฺคโล ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ ปน วุเตฺต ชานาติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติ, น ปฎิสตฺตุ โหติ, ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ โลกสมฺมุติญฺจ พุทฺธา ภควโนฺต นปฺปชหนฺติ โลกสมญฺญาย โลกาภิลาเป ฐิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ, ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถตีติ อิเมหิ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ, น ปรมตฺถโต ปุคฺคลสฺส อตฺถิภาวโตติ เวทิตพฺพํฯ
Apica aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā puggalakathaṃ katheti hirottappadīpanatthaṃ, kammassakatādīpanatthaṃ, paccattapurisakāradīpanatthaṃ, ānantariyadīpanatthaṃ, brahmavihāradīpanatthaṃ, pubbenivāsadīpanatthaṃ, dakkhiṇāvisuddhidīpanatthaṃ, lokasammutiyā appahānatthañcāti. ‘‘Khandhā dhātū āyatanāni hirīyanti ottappantī’’ti hi vutte mahājano na jānāti, sammohaṃ āpajjati, paṭisattu vā hoti ‘‘kimidaṃ khandhā dhātū āyatanāni hirīyanti ottappanti nāmā’’ti. ‘‘Itthī hirīyati ottappati, puriso, khattiyo, brāhmaṇo’’ti pana vutte jānāti, na sammohaṃ āpajjati, na paṭisattu hoti, tasmā bhagavā hirottappadīpanatthaṃ puggalakathaṃ katheti. ‘‘Khandhā kammassakā, dhātuyo āyatanānī’’ti vuttepi eseva nayo. Tasmā kammassakatādīpanatthampi puggalakathaṃ katheti. ‘‘Veḷuvanādayo mahāvihārā khandhehi kārāpitā, dhātūhi, āyatanehī’’ti vuttepi eseva nayo. Tathā ‘‘khandhā mātaraṃ jīvitā voropenti, pitaraṃ, arahantaṃ, ruhiruppādakammaṃ, saṅghabhedakammaṃ karonti, dhātuyo, āyatanānī’’ti vuttepi, ‘‘khandhā mettāyanti , dhātuyo, āyatanānī’’ti vuttepi, ‘‘khandhā pubbenivāsaṃ anussaranti, dhātuyo, āyatanānī’’ti vuttepi eseva nayo. Tasmā bhagavā paccattapurisakāradīpanatthaṃ ānantariyadīpanatthaṃ brahmavihāradīpanatthaṃ pubbenivāsadīpanatthañca puggalakathaṃ katheti. ‘‘Khandhā dānaṃ paṭiggaṇhanti, dhātuyo, āyatanānī’’ti vuttepi mahājano na jānāti, sammohaṃ āpajjati, paṭisattu vā hoti ‘‘kimidaṃ khandhā dhātū āyatanāni paṭiggaṇhanti nāmā’’ti. ‘‘Puggalo paṭiggaṇhātī’’ti pana vutte jānāti, na sammohaṃ āpajjati, na paṭisattu hoti, tasmā bhagavā dakkhiṇāvisuddhidīpanatthaṃ puggalakathaṃ katheti. Lokasammutiñca buddhā bhagavanto nappajahanti lokasamaññāya lokābhilāpe ṭhitāyeva dhammaṃ desenti, tasmā bhagavā lokasammutiyā appahānatthampi puggalakathaṃ kathetīti imehi aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā puggalakathaṃ katheti, na paramatthato puggalassa atthibhāvatoti veditabbaṃ.
ธมฺมปฺปเภทากาเรเนวาติ ยถาวุตฺตรูปาทิธมฺมปฺปเภทโต อญฺญสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อสิทฺธตฺตา รูปาทิธมฺมปฺปเภทากาเรเนว ปุคฺคลสฺส อุปลทฺธิยา ภวิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เตน ‘‘กิํ ตว ปุคฺคโล อุปลพฺภมาโน รุปฺปนากาเรน อุปลพฺภติ, อุทาหุ อนุภวนสญฺชานนาภิสงฺขรณวิชานเนสุ อญฺญตรากาเรนา’’ติ ทเสฺสติ ตพฺพินิมุตฺตสฺส สภาวธมฺมสฺส โลเก อภาวโตฯ อวิเสสวิเสเสหิ ปุคฺคลูปลพฺภสฺส ปฎิญฺญาปฎิเกฺขปปกฺขา อนุชานนาวชานนปกฺขาฯ ยทิปิเม เทฺวปิ ปกฺขา อนุโลมปฎิโลมนเยสุ ลพฺภนฺติ, อาทิโต ปน ปฐมํ ฐเปตฺวา ปวโตฺต ปฐมนโย, อิตโร ทุติยนฺติ อิมํ เนสํ วิเสสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนุชานนา…เป.… เวทิตโพฺพ’’ติ อาหฯ ยถาธิกตาย ลทฺธิยา อนุโลมนโต เจตฺถ ปฐโม นโย อนุโลมปโกฺข, ตพฺพิโลมนโต อิตโร ปฎิโลมปโกฺขติ วุโตฺตติ เวทิตพฺพนฺติฯ
Dhammappabhedākārenevāti yathāvuttarūpādidhammappabhedato aññassa saccikaṭṭhassa asiddhattā rūpādidhammappabhedākāreneva puggalassa upaladdhiyā bhavitabbanti attho. Tena ‘‘kiṃ tava puggalo upalabbhamāno ruppanākārena upalabbhati, udāhu anubhavanasañjānanābhisaṅkharaṇavijānanesu aññatarākārenā’’ti dasseti tabbinimuttassa sabhāvadhammassa loke abhāvato. Avisesavisesehi puggalūpalabbhassa paṭiññāpaṭikkhepapakkhā anujānanāvajānanapakkhā. Yadipime dvepi pakkhā anulomapaṭilomanayesu labbhanti, ādito pana paṭhamaṃ ṭhapetvā pavatto paṭhamanayo, itaro dutiyanti imaṃ nesaṃ visesaṃ dassento ‘‘anujānanā…pe… veditabbo’’ti āha. Yathādhikatāya laddhiyā anulomanato cettha paṭhamo nayo anulomapakkho, tabbilomanato itaro paṭilomapakkhoti vuttoti veditabbanti.
เตน วต เรติ เอตฺถ เตนาติ การณวจนํฯ เยน ปุคฺคลูปลโพฺภ ปติฎฺฐปียติ, เตน เหตุนาฯ สฺวายํ เหตุ สาสนิกสฺส พาหิรกสฺส จ วเสน เหฎฺฐา ทสฺสิโต เอวฯ เหตุปติรูปเก จายํ เหตุสมญฺญา ปรมตฺถสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เหฎฺฐา ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ นิคฺคหสฺส สญฺญาปนมตฺตํ กตํ, ตํ อิทานิ ‘‘ยํ ตตฺถ วเทสี’’ติอาทินา นิคมนรูเปน มิจฺฉาภาวทสฺสเนน จ วิภาวิยมานํ ปากฎภาวกรณโต อาโรปิตํ ปติฎฺฐาปิตํ โหตีติ อฎฺฐกถายํ ‘‘อาโรปิตตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ
Tena vata reti ettha tenāti kāraṇavacanaṃ. Yena puggalūpalabbho patiṭṭhapīyati, tena hetunā. Svāyaṃ hetu sāsanikassa bāhirakassa ca vasena heṭṭhā dassito eva. Hetupatirūpake cāyaṃ hetusamaññā paramatthassa adhippetattā. Heṭṭhā ‘‘ājānāhi niggaha’’nti niggahassa saññāpanamattaṃ kataṃ, taṃ idāni ‘‘yaṃ tattha vadesī’’tiādinā nigamanarūpena micchābhāvadassanena ca vibhāviyamānaṃ pākaṭabhāvakaraṇato āropitaṃ patiṭṭhāpitaṃ hotīti aṭṭhakathāyaṃ ‘‘āropitattā’’ti vuttaṃ.
เอตฺถ จ ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติ ปฎิญฺญาวยโว สรูเปเนว ทสฺสิโตฯ ‘‘เตนา’’ติ อิมินา สามญฺญโต เหตาวยโว ทสฺสิโตฯ ยฺวายํ ยสฺมา ปฎิญฺญาธโมฺม หุตฺวา สทิสปเกฺข วิชฺชมาโน, วิสทิสปเกฺข อวิชฺชมาโนเยว เหตุ ลกฺขณูปปโนฺน นาม โหติ, น อิตโร, ตสฺมา ยตฺถ โส วิชฺชติ น วิชฺชติ จ, โส สทิสาสทิสภาวภิโนฺน ทุวิโธ ทิฎฺฐนฺตาวยโวฯ ยถา รูปาทิ อุปลพฺภติ, ตถา ปุคฺคโลฯ ยถา จ สสวิสาณํ น อุปลพฺภติ, น ตถา ปุคฺคโลติ อุปนโยฯ สฺวายํ ‘‘วตฺตเพฺพ โข ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติ อิมาย ปาฬิยา ทีปิโต, โย อฎฺฐกถายํ สทฺธิํ เหตุทาหรเณหิ ‘‘ปาปนา’’ติ วุโตฺตฯ นิคมนํ ปาฬิยํ สรูเปเนว อาคตํ, ยา อฎฺฐกถายํ ‘‘โรปนา’’ติ วุตฺตาติฯ เอวํ โปราเณน ญายกฺกเมน สาธนาวยวา นิทฺธาเรตฺวา โยเชตพฺพาฯ
Ettha ca ‘‘puggalo upalabbhatī’’ti paṭiññāvayavo sarūpeneva dassito. ‘‘Tenā’’ti iminā sāmaññato hetāvayavo dassito. Yvāyaṃ yasmā paṭiññādhammo hutvā sadisapakkhe vijjamāno, visadisapakkhe avijjamānoyeva hetu lakkhaṇūpapanno nāma hoti, na itaro, tasmā yattha so vijjati na vijjati ca, so sadisāsadisabhāvabhinno duvidho diṭṭhantāvayavo. Yathā rūpādi upalabbhati, tathā puggalo. Yathā ca sasavisāṇaṃ na upalabbhati, na tathā puggaloti upanayo. Svāyaṃ ‘‘vattabbe kho puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’ti imāya pāḷiyā dīpito, yo aṭṭhakathāyaṃ saddhiṃ hetudāharaṇehi ‘‘pāpanā’’ti vutto. Nigamanaṃ pāḷiyaṃ sarūpeneva āgataṃ, yā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ropanā’’ti vuttāti. Evaṃ porāṇena ñāyakkamena sādhanāvayavā niddhāretvā yojetabbā.
อิทานิ วตฺตเนน ปรปกฺขุปลกฺขิเต เหตุทาหรเณ อนฺวยพฺยติเรกทสฺสนวเสน นิทฺธาเรตฺวา สาธนปโยโค โยเชตโพฺพฯ การณํ วตฺตพฺพนฺติ กิเมตฺถ วตฺตพฺพํฯ เหตุทาหรเณหิเยว หิ สปรปกฺขานํ สาธนํ ทูสนํ วา, น ปฎิญฺญาย, ตสฺสา สาเธตพฺพาทิภาวโตฯ ตํ ปน ทฺวยํ ‘‘เตน วต เร’’ติอาทิปาฬิยา วิภาวิตํฯ อฎฺฐกถายํ ปาปนาโรปนาสีเสน ทสฺสิตํฯ ปฎิญฺญาฐปนา ปน เตสํ วิสยทสฺสนํ กถายํ ตํมูลตายาติ เวทิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ยํ ปน วกฺขตี’’ติอาทิฯ เตเนว จ อฎฺฐกถายํ ‘‘อิทํ อนุโลม…เป.… เอกํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วกฺขติฯ ตถา จาห ‘‘ยถา ปน ตตฺถา’’ติอาทิฯ นิคฺคโหว วิสุํ วุโตฺต, น ปฎิกมฺมนฺติ อธิปฺปาโยฯ วิสุํ วุโตฺตติ จ ปาปนาโรปนาหิ อสมฺมิสฺสํ กตฺวา วิสุํ องฺคภาเวน วุโตฺต, น ตทญฺญตโร วิย ตทโนฺตคธภาเวน วุโตฺต, นาปิ ฐปนา วิย อคณนุปคภาเวนาติ อโตฺถฯ เย ปนาติ ปทกาเร สนฺธายาหฯ ทุติเย…เป.… อาปชฺชติ ตตฺถ นิคฺคหสฺส อยถาภูตตฺตา ปฎิกมฺมสฺส จ ยถาภูตภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ
Idāni vattanena parapakkhupalakkhite hetudāharaṇe anvayabyatirekadassanavasena niddhāretvā sādhanapayogo yojetabbo. Kāraṇaṃ vattabbanti kimettha vattabbaṃ. Hetudāharaṇehiyeva hi saparapakkhānaṃ sādhanaṃ dūsanaṃ vā, na paṭiññāya, tassā sādhetabbādibhāvato. Taṃ pana dvayaṃ ‘‘tena vata re’’tiādipāḷiyā vibhāvitaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pāpanāropanāsīsena dassitaṃ. Paṭiññāṭhapanā pana tesaṃ visayadassanaṃ kathāyaṃ taṃmūlatāyāti veditabbaṃ. Tenāha ‘‘yaṃ pana vakkhatī’’tiādi. Teneva ca aṭṭhakathāyaṃ ‘‘idaṃ anuloma…pe… ekaṃ catukkaṃ veditabba’’nti vakkhati. Tathā cāha ‘‘yathā pana tatthā’’tiādi. Niggahova visuṃ vutto, na paṭikammanti adhippāyo. Visuṃ vuttoti ca pāpanāropanāhi asammissaṃ katvā visuṃ aṅgabhāvena vutto, na tadaññataro viya tadantogadhabhāvena vutto, nāpi ṭhapanā viya agaṇanupagabhāvenāti attho. Ye panāti padakāre sandhāyāha. Dutiye…pe… āpajjati tattha niggahassa ayathābhūtattā paṭikammassa ca yathābhūtabhāvatoti adhippāyo.
๒. ปรมตฺถโต ปุคฺคลํ นานุชานาติ, โวหารโต ปน อนุชานาตีติ สกวาทิมตํ ชานเนฺตนปิ ปรวาทินา ฉลวเสน วิภาคํ อกตฺวา ‘‘ปุคฺคโล นุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติ ปุจฺฉาย กตาย สกวาที ตตฺถ อยํ ปุคฺคลวาที, อิมสฺส ลทฺธิ ปฎิกฺขิปิตพฺพาติ ปรมตฺถสจฺจํ สนฺธายาห ‘‘อามนฺตา’’ติฯ ‘‘น อุปลพฺภตี’’ติ หิ วุตฺตํ โหติฯ ปุน อิตโร สมฺมุติสจฺจํ สนฺธาย ‘‘โย สจฺจิกโฎฺฐ’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย โลกโวหารสิโทฺธ สจฺจิกโฎฺฐ, ตโต เอว เกนจิ อปฎิกฺขิปิตพฺพโต ปรมตฺถโต ตโต โส ปุคฺคโล นุปลพฺภตีติฯ ปุน สกวาที ปุเพฺพ ปรมตฺถสจฺจวเสน ปุคฺคเล ปฎิกฺขิเตฺต อิทานิ สมฺมุติสจฺจวเสนายํ ปุจฺฉาติ มนฺตฺวา ตํ อปฺปฎิกฺขิปโนฺต ‘‘น เหวํ วตฺตเพฺพ’’ติ อาหฯ เตนาห ‘‘อตฺตนา อธิเปฺปตํ สจฺจิกฎฺฐเมวาติ สมฺมุติสจฺจํ สนฺธายาติ อธิปฺปาโย’’ติ ฯ เอวมวฎฺฐิเต ‘‘ยทิ ปรวาทินา…เป.… นารภิตพฺพา’’ติ อิทํ น วตฺตพฺพํ ปฐมปุจฺฉาย ปรมตฺถสจฺจสฺส สจฺจิกโฎฺฐติ อธิเปฺปตตฺตาฯ ‘‘อถ สกวาทินา…เป.… อาปชฺชตี’’ติ อิทมฺปิ น วตฺตพฺพํ ทุติยปุจฺฉาย สมฺมุติสจฺจสฺส สจฺจิกโฎฺฐติ อธิเปฺปตตฺตาฯ
2. Paramatthato puggalaṃ nānujānāti, vohārato pana anujānātīti sakavādimataṃ jānantenapi paravādinā chalavasena vibhāgaṃ akatvā ‘‘puggalo nupalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’ti pucchāya katāya sakavādī tattha ayaṃ puggalavādī, imassa laddhi paṭikkhipitabbāti paramatthasaccaṃ sandhāyāha ‘‘āmantā’’ti. ‘‘Na upalabbhatī’’ti hi vuttaṃ hoti. Puna itaro sammutisaccaṃ sandhāya ‘‘yo saccikaṭṭho’’tiādimāha. Tassattho – yo lokavohārasiddho saccikaṭṭho, tato eva kenaci apaṭikkhipitabbato paramatthato tato so puggalo nupalabbhatīti. Puna sakavādī pubbe paramatthasaccavasena puggale paṭikkhitte idāni sammutisaccavasenāyaṃ pucchāti mantvā taṃ appaṭikkhipanto ‘‘na hevaṃ vattabbe’’ti āha. Tenāha ‘‘attanā adhippetaṃ saccikaṭṭhamevāti sammutisaccaṃ sandhāyāti adhippāyo’’ti . Evamavaṭṭhite ‘‘yadi paravādinā…pe… nārabhitabbā’’ti idaṃ na vattabbaṃ paṭhamapucchāya paramatthasaccassa saccikaṭṭhoti adhippetattā. ‘‘Atha sakavādinā…pe… āpajjatī’’ti idampi na vattabbaṃ dutiyapucchāya sammutisaccassa saccikaṭṭhoti adhippetattā.
ยทิ อุภยํ อธิเปฺปตนฺติ อิทํ ยทิ ปฐมปุจฺฉํ สนฺธาย, ตทยุตฺตํ ตสฺสา ปรมตฺถสจฺจเสฺสว วเสน ปวตฺตตฺตาฯ อถ ทุติยปุจฺฉํ สนฺธาย, ตสฺสา สมฺมุติสจฺจวเสน ปฐมตฺถํ วตฺวา ปุน มิสฺสกวเสน วตฺตุํ ‘‘สมฺมุติสจฺจปรมตฺถสจฺจานิ วา เอกโต กตฺวาปิ เอวมาหา’’ติ วุตฺตตฺตา ตมฺปิ น วตฺตพฺพเมวฯ เทฺวปิ สจฺจานีติ สมฺมุติปรมตฺถสจฺจานิฯ เตสุ ปรมตฺถสจฺจเสฺสว นิปฺปริยาเยน สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถภาโว, อิตรสฺส อุปจาเรนฯ ตถา จ วุตฺตํ ‘‘มายา มรีจิ…เป.… อุตฺตมโฎฺฐ’’ติฯ ตสฺมา สมฺมุติสจฺจวเสน อุปลทฺธิํ อิจฺฉเนฺตนปิ ปรมตฺถสจฺจวเสน อนิจฺฉนโต ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติอาทินา อนุโยโค ยุโตฺตฯ ‘‘ปธานปฺปธาเนสุ ปธาเน กิจฺจสิทฺธี’’ติ เอเตเนว ‘‘น จ สจฺจิกเฎฺฐกเทเสน อนุโยโค’’ติอาทิ นิวตฺติตญฺจ โหติ สจฺจิกเฎฺฐกเทสภาวเสฺสว อสิทฺธตฺตาฯ นาสฺส ปรมตฺถสจฺจตา อนุยุญฺชิตพฺพาติ อสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส ปรมตฺถสจฺจตา ปรวาทินา น อนุยุญฺชิตพฺพา ‘‘ปุคฺคโล นุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติ สกวาทิโนปิ สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถโต ตสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ โวหริตสจฺจิกฎฺฐสฺส อตฺตนา อธิเปฺปตสจฺจิกฎฺฐตาปิ ยุตฺตา ตสฺส เตน อธิเปฺปตตฺตาฯ สฺวายมโตฺถ เหฎฺฐา ทสฺสิโตเยวฯ วุตฺตนโยว โทโสติ ‘‘เทฺวปิ สจฺจานี’’ติอาทินา อนนฺตรเมว วุตฺตํ สนฺธายาหฯ ตสฺส ปน อโทสภาโว ทสฺสิโตเยวฯ อถ น อิติ อถ น ภูตสภาวเตฺถน อุปลเพฺภยฺยาติ โยชนาฯ วตฺตโพฺพติ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ‘‘โย โลกโวหารสิโทฺธ’’ติอาทินา วุตฺตเมว, ตสฺมา เอตฺถ ‘‘ปรมตฺถโต ปุคฺคลํ นานุชานาตี’’ติอาทินา อธิปฺปายมคฺคนํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Yadi ubhayaṃ adhippetanti idaṃ yadi paṭhamapucchaṃ sandhāya, tadayuttaṃ tassā paramatthasaccasseva vasena pavattattā. Atha dutiyapucchaṃ sandhāya, tassā sammutisaccavasena paṭhamatthaṃ vatvā puna missakavasena vattuṃ ‘‘sammutisaccaparamatthasaccāni vā ekato katvāpi evamāhā’’ti vuttattā tampi na vattabbameva. Dvepi saccānīti sammutiparamatthasaccāni. Tesu paramatthasaccasseva nippariyāyena saccikaṭṭhaparamatthabhāvo, itarassa upacārena. Tathā ca vuttaṃ ‘‘māyā marīci…pe… uttamaṭṭho’’ti. Tasmā sammutisaccavasena upaladdhiṃ icchantenapi paramatthasaccavasena anicchanato ‘‘puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’tiādinā anuyogo yutto. ‘‘Padhānappadhānesu padhāne kiccasiddhī’’ti eteneva ‘‘na ca saccikaṭṭhekadesena anuyogo’’tiādi nivattitañca hoti saccikaṭṭhekadesabhāvasseva asiddhattā. Nāssa paramatthasaccatā anuyuñjitabbāti assa saccikaṭṭhassa paramatthasaccatā paravādinā na anuyuñjitabbā ‘‘puggalo nupalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’ti sakavādinopi saccikaṭṭhaparamatthato tassa icchitabbattāti adhippāyo. Voharitasaccikaṭṭhassa attanā adhippetasaccikaṭṭhatāpi yuttā tassa tena adhippetattā. Svāyamattho heṭṭhā dassitoyeva. Vuttanayova dosoti ‘‘dvepi saccānī’’tiādinā anantarameva vuttaṃ sandhāyāha. Tassa pana adosabhāvo dassitoyeva. Atha na iti atha na bhūtasabhāvatthena upalabbheyyāti yojanā. Vattabboti yadettha vattabbaṃ, taṃ ‘‘yo lokavohārasiddho’’tiādinā vuttameva, tasmā ettha ‘‘paramatthato puggalaṃ nānujānātī’’tiādinā adhippāyamagganaṃ daṭṭhabbaṃ.
อนุเญฺญยฺยเมตํ สิยาติ เอตํ อนุปลพฺภนํ ปฐมปุจฺฉายํ วิย ทุติยปุจฺฉายมฺปิ อนุชานิตพฺพํ สิยาฯ น วา กิญฺจิ วตฺตพฺพนฺติ อถ วา กิญฺจิ น วตฺตพฺพํ ฐปนียตฺตา ปญฺหสฺสฯ ตถา หิสฺส ฐปนียาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ จ กามํ สจฺจทฺวยากาเรน ปุคฺคโล นุปลพฺภติ, สมฺมุติยากาเรน ปน นุปลพฺภตีติ อุปลพฺภนภาวสฺส วเสน ปฎิเกฺขโป กโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย ทฎฺฐโพฺพฯ อนุญฺญาตํ ปฎิกฺขิตฺตญฺจาติ ปฐมปุจฺฉายํ อนุญฺญาตํ, ทุติยปุจฺฉายํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ เอตํ ฉลวาทํ นิสฺสายาติ เอตํ เอกํเยว วตฺถุํ อุทฺทิสฺส อนุชานนปฎิกฺขิปนาการํ ฉลวจนํ นิสฺสายฯ ตฺวํ นิคฺคเหตโพฺพติ โยชนาฯ สมฺภวนฺตสฺส สามเญฺญนาติ นิคฺคหฎฺฐานภาเวน สมฺภวนฺตสฺส อนุโลมนเยน อนุชานนปฎิเกฺขปสฺส สมานภาเวนฯ อสมฺภวนฺตสฺส กปฺปนนฺติ ปจฺจนีกนเยน ตสฺส นิคฺคหฎฺฐานภาเวน อสมฺภวนฺตสฺส ตถา กปฺปนํ สํวิธานํ ฉลวาโท ภวิตุํ อรหติฯ ‘‘อตฺถวิกปฺปุปปตฺติยา วจนวิฆาโต ฉล’’นฺติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ เตนาติ ยถาวุตฺตกปฺปนํ ฉลวาโทติ วุตฺตตฺตาฯ วจนสามญฺญมตฺตํ กปฺปิตํ ฉลํ วทติ เอเตนาติ ฉลวาโทฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉลวาทสฺส การณตฺตา ฉลวาโท’’ติฯ วจนสามญฺญมตฺตํ อตฺถภูตํ ตทตฺถํ ฉลวาทํ นิสฺสายฯ ‘‘วิจาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, กิเมตฺถ วิจาเรตพฺพํฯ ยทิปิ ปกฺขสฺส ฐปนามูลกํ อนุชานนาวชานนานํ มิจฺฉาภาวทสฺสนํ ตพฺพิสยตฺตา, ปาปนาโรปนาหิ เอว ปน โส วิภาวียติ, น ฐปนายาติ ปากโฎยมโตฺถฯ
Anuññeyyametaṃ siyāti etaṃ anupalabbhanaṃ paṭhamapucchāyaṃ viya dutiyapucchāyampi anujānitabbaṃ siyā. Na vā kiñci vattabbanti atha vā kiñci na vattabbaṃ ṭhapanīyattā pañhassa. Tathā hissa ṭhapanīyākāraṃ dassento ‘‘yathā hī’’tiādimāha. Ettha ca kāmaṃ saccadvayākārena puggalo nupalabbhati, sammutiyākārena pana nupalabbhatīti upalabbhanabhāvassa vasena paṭikkhepo katoti ayamettha adhippāyo daṭṭhabbo. Anuññātaṃ paṭikkhittañcāti paṭhamapucchāyaṃ anuññātaṃ, dutiyapucchāyaṃ paṭikkhittaṃ. Etaṃ chalavādaṃ nissāyāti etaṃ ekaṃyeva vatthuṃ uddissa anujānanapaṭikkhipanākāraṃ chalavacanaṃ nissāya. Tvaṃ niggahetabboti yojanā. Sambhavantassa sāmaññenāti niggahaṭṭhānabhāvena sambhavantassa anulomanayena anujānanapaṭikkhepassa samānabhāvena. Asambhavantassa kappananti paccanīkanayena tassa niggahaṭṭhānabhāvena asambhavantassa tathā kappanaṃ saṃvidhānaṃ chalavādo bhavituṃ arahati. ‘‘Atthavikappupapattiyā vacanavighāto chala’’nti vuttovāyamattho. Tenāti yathāvuttakappanaṃ chalavādoti vuttattā. Vacanasāmaññamattaṃ kappitaṃ chalaṃ vadati etenāti chalavādo. Tena vuttaṃ ‘‘chalavādassa kāraṇattā chalavādo’’ti. Vacanasāmaññamattaṃ atthabhūtaṃ tadatthaṃ chalavādaṃ nissāya. ‘‘Vicāretabba’’nti vuttaṃ, kimettha vicāretabbaṃ. Yadipi pakkhassa ṭhapanāmūlakaṃ anujānanāvajānanānaṃ micchābhāvadassanaṃ tabbisayattā, pāpanāropanāhi eva pana so vibhāvīyati, na ṭhapanāyāti pākaṭoyamattho.
๔-๕. เตนาติ สกวาทินาฯ เตน นิยาเมนาติ เยน นิยาเมน สกวาทินา จตูหิ ปาปนาโรปนาหิสฺส นิคฺคโห กโต, เตน นิยาเมน นเยนฯ โส นิคฺคโห ทุกฺกโฎ อนิคฺคโหเยวาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อนิคฺคหภาวสฺส วา อุปคมิตตฺตา’’ติ, ปาปิตตฺตาติ อโตฺถฯ เอวเมวาติ ยถา ‘‘ตยา มม กโต นิคฺคโห’’ติอาทินา อนิคฺคหภาวูปนโย วุโตฺต, เอวเมวฯ เอตสฺสาติ ‘‘เตน หี’’ติอาทินา อิมาย ปาฬิยา วุตฺตสฺสฯ
4-5. Tenāti sakavādinā. Tena niyāmenāti yena niyāmena sakavādinā catūhi pāpanāropanāhissa niggaho kato, tena niyāmena nayena. So niggaho dukkaṭo aniggahoyevāti dassento āha ‘‘aniggahabhāvassa vā upagamitattā’’ti, pāpitattāti attho. Evamevāti yathā ‘‘tayā mama kato niggaho’’tiādinā aniggahabhāvūpanayo vutto, evameva. Etassāti ‘‘tena hī’’tiādinā imāya pāḷiyā vuttassa.
อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Anulomapaccanīkavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา
2. Paccanīkānulomavaṇṇanā
๗-๑๐. อเญฺญนาติ สมฺมุติสจฺจภูเตนฯ ปรสฺสาติ สกวาทิโนฯ โส หิ ปรวาทินา ปโร นาม โหติฯ ปฎิญฺญาปฎิเกฺขปานํ ภินฺนวิสยตฺตา ‘‘อวิโรธิตตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ อภินฺนาธิกรณํ วิย หิ อภินฺนวิสยเมว วิรุทฺธํ นาม สิยา, น อิตรนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘น หิ…เป.… อาปชฺชตี’’ติ อาหฯ ยทิ เอวํ กถมิทํ นิคฺคหฎฺฐานํ ชาตนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน ปนา’’ติอาทิฯ เตน ปฎิญฺญานฺตรํ นาม อญฺญเมเวตํ นิคฺคหฎฺฐานนฺติ ทเสฺสติฯ
7-10. Aññenāti sammutisaccabhūtena. Parassāti sakavādino. So hi paravādinā paro nāma hoti. Paṭiññāpaṭikkhepānaṃ bhinnavisayattā ‘‘avirodhitattā’’ti vuttaṃ. Abhinnādhikaraṇaṃ viya hi abhinnavisayameva viruddhaṃ nāma siyā, na itaranti adhippāyo. Tamevatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘na hi…pe… āpajjatī’’ti āha. Yadi evaṃ kathamidaṃ niggahaṭṭhānaṃ jātanti āha ‘‘attanopanā’’tiādi. Tena paṭiññāntaraṃ nāma aññamevetaṃ niggahaṭṭhānanti dasseti.
ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccanīkānulomavaṇṇanā niṭṭhitā.
สุทฺธสจฺจิกฎฺฐวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suddhasaccikaṭṭhavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. โอกาสสจฺจิกโฎฺฐ
2. Okāsasaccikaṭṭho
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā
๑๑. สามเญฺญน วุตฺตํ วิเสสนิวิฎฺฐํ โหตีติ อาห ‘‘สพฺพตฺถาติ สพฺพสฺมิํ สรีเรติ อยมโตฺถ’’ติฯ สามญฺญโชตนา หิ วิเสเส อวติฎฺฐตีติ วิเสสตฺถินา วิเสโส อนุปยุชฺชิตโพฺพติฯ เอเตนาติ เทสวเสน สพฺพตฺถ ปฎิเกฺขปวจเนนฯ
11. Sāmaññena vuttaṃ visesaniviṭṭhaṃ hotīti āha ‘‘sabbatthāti sabbasmiṃ sarīreti ayamattho’’ti. Sāmaññajotanā hi visese avatiṭṭhatīti visesatthinā viseso anupayujjitabboti. Etenāti desavasena sabbattha paṭikkhepavacanena.
๓. กาลสจฺจิกโฎฺฐ
3. Kālasaccikaṭṭho
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā
๑๒. มชฺฌิมชาติกาเลติ ปจฺจุปฺปนฺนตฺตภาวกาเลฯ อตฺตภาโว หิ อิธ ‘‘ชาตี’’ติ อธิเปฺปโตฯ ตโต อตีโต ปุริมชาติกาโล, อนาคโต ปจฺฉิมชาติกาโลฯ อิเมสุ ตีสูติ สพฺพตฺถ, สพฺพทา, สเพฺพสูติ อิเมสุ ตีสุ นเยสุฯ ปาฐสฺส สํขิตฺตตา สุวิเญฺญยฺยาติ ตํ ฐเปตฺวา อตฺถสฺส สทิสตํ วิภาเวโนฺต ‘‘อิธาปิ หิ…เป.… โยเชตพฺพ’’นฺติ อาหฯ เอตฺถาปิ ‘‘น เกนจิ สภาเวน ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติ อยมโตฺถ วุโตฺต โหติฯ น หิ เกนจิ สภาเวน อุปลพฺภมานสฺส สกเลกเทสวินิมุโตฺต ปวตฺติกาโล นาม อตฺถีติฯ
12. Majjhimajātikāleti paccuppannattabhāvakāle. Attabhāvo hi idha ‘‘jātī’’ti adhippeto. Tato atīto purimajātikālo, anāgato pacchimajātikālo. Imesu tīsūti sabbattha, sabbadā, sabbesūti imesu tīsu nayesu. Pāṭhassa saṃkhittatā suviññeyyāti taṃ ṭhapetvā atthassa sadisataṃ vibhāvento ‘‘idhāpi hi…pe… yojetabba’’nti āha. Etthāpi ‘‘na kenaci sabhāvena puggalo upalabbhatī’’ti ayamattho vutto hoti. Na hi kenaci sabhāvena upalabbhamānassa sakalekadesavinimutto pavattikālo nāma atthīti.
๔. อวยวสจฺจิกโฎฺฐ
4. Avayavasaccikaṭṭho
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
1. Anulomapaccanīkavaṇṇanā
๑๓. ตติยนเย น สเพฺพกธมฺมวินิมุตฺตํ ปวตฺติฎฺฐานํ นาม อตฺถีติ โยเชตพฺพํฯ
13. Tatiyanaye na sabbekadhammavinimuttaṃ pavattiṭṭhānaṃ nāma atthīti yojetabbaṃ.
โอกาสาทิสจฺจิกโฎฺฐ
Okāsādisaccikaṭṭho
๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา
2. Paccanīkānulomavaṇṇanā
๑๔. อนุโลมปญฺจกสฺสาติอาทิมฺหิ อฎฺฐกถาวจเนฯ ปุน ตตฺถาติ ยถาวุเตฺต อฎฺฐกถาวจเน, เตสุ วา อนุโลมปญฺจกปจฺจนีเกสุฯ สพฺพตฺถ ปุคฺคโล นุปลพฺภตีติอาทิกสฺส ปาฐปฺปเทสสฺส อโตฺถ ‘‘สรีรํ สนฺธายา’’ติอาทินา อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพ อโตฺถฯ ปฎิกมฺมาทิปาฬินฺติ ปฎิกมฺมนิคฺคหอุปนยนนิคมนปาฬิํฯ ตีสุ มุเขสูติ ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทินา วุเตฺตสุ ตีสุ วาทมุเขสุฯ ปจฺจนีกสฺส ปาฬิ วุตฺตาติ สมฺพโนฺธฯ ตนฺติ ปาฬิํฯ สงฺขิปิตฺวา อาคตตฺตา สรูเปน อวุเตฺตฯ สุทฺธิก…เป.… วุตฺตํ โหติ ตตฺถ ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทินา สรีราทิโน ปรามสนํ นตฺถิ, อิธ อตฺถีติ อยเมว วิเสโส, อญฺญํ สมานนฺติฯ
14. Anulomapañcakassātiādimhi aṭṭhakathāvacane. Puna tatthāti yathāvutte aṭṭhakathāvacane, tesu vā anulomapañcakapaccanīkesu. Sabbattha puggalo nupalabbhatītiādikassa pāṭhappadesassa attho ‘‘sarīraṃ sandhāyā’’tiādinā aṭṭhakathāyaṃ vuttanayena veditabbo attho. Paṭikammādipāḷinti paṭikammaniggahaupanayananigamanapāḷiṃ. Tīsu mukhesūti ‘‘sabbatthā’’tiādinā vuttesu tīsu vādamukhesu. Paccanīkassa pāḷi vuttāti sambandho. Tanti pāḷiṃ. Saṅkhipitvā āgatattā sarūpena avutte. Suddhika…pe… vuttaṃ hoti tattha ‘‘sabbatthā’’tiādinā sarīrādino parāmasanaṃ natthi, idha atthīti ayameva viseso, aññaṃ samānanti.
สจฺจิกฎฺฐวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saccikaṭṭhavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนา
5. Suddhikasaṃsandanavaṇṇanā
๑๗-๒๗. สจฺจิกฎฺฐสฺส, สจฺจิกเฎฺฐ วา สํสนฺทนํ สจฺจิกฎฺฐสํสนฺทนนฺติ สมาสทฺวยํ ภวตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สจฺจิกฎฺฐสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สจฺจิกฎฺฐสฺส ปุคฺคลสฺสาติ สจฺจิกฎฺฐสภาวสฺส ปรมตฺถโต วิชฺชมานสภาวสฺส ปุคฺคลสฺสฯ รูปาทีหิ สทฺธิํ สํสนฺทนนฺติ สจฺจิกฎฺฐตาสามเญฺญน รูปาทีหิ สมีกรณํฯ สจฺจิกเฎฺฐติ สจฺจิกฎฺฐเหตุ, ตตฺถ วา ตํ อธิฎฺฐานํ กตฺวาฯ ‘‘ตุลฺยโยเค สมุจฺจโย’’ติ สมุจฺจยตฺถตฺตา เอว จ-การสฺส สจฺจิกเฎฺฐน อุปลทฺธิสามเญฺญน อิธ รูปมาหฎนฺติ ตสฺส อุทาหฎภาโว ยุโตฺตติ ‘‘ยถารูป’’นฺติ นิทสฺสนวเสน อโตฺถ วุโตฺต, อญฺญถา อิธ รูปสฺส อาหรณเมว กิมตฺถิยํฯ เอวํ เสสธเมฺมสุปิฯ ยา ปเนตฺถ อญฺญตฺตปุจฺฉา, สาปิ นิทสฺสนตฺถํ อุปพฺรูเหติ อญฺญตฺตนิพนฺธนตฺตา ตสฺสฯ โอปมฺมสํสนฺทเน ปน นิทสฺสนโตฺถ คาหียตีติ อิมสฺมิํ สุทฺธิกสํสนฺทเน เกวลํ สมุจฺจยวเสเนว อตฺถทสฺสนํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ รูปาทีนิ อุปาทาปญฺญตฺติมตฺตตฺตา ปุคฺคลสฺส โส เตหิ อโญฺญ, อนโญฺญ จาติ น วตฺตโพฺพติ อยํ สาสนกฺกโมติ อาห ‘‘รูปาทีหิ…เป.… สมโย’’ติฯ อนุญฺญายมาเนติ ตสฺมิํ สมเย สุเตฺต จ อปฺปฎิกฺขิปิยมาเนฯ อยญฺจ อโตฺถ สาสนิกสฺส ปรวาทิโน วเสน วุโตฺตติ เวทิตพฺพํฯ
17-27. Saccikaṭṭhassa, saccikaṭṭhe vā saṃsandanaṃ saccikaṭṭhasaṃsandananti samāsadvayaṃ bhavatīti dassento ‘‘saccikaṭṭhassā’’tiādimāha. Tattha saccikaṭṭhassa puggalassāti saccikaṭṭhasabhāvassa paramatthato vijjamānasabhāvassa puggalassa. Rūpādīhi saddhiṃ saṃsandananti saccikaṭṭhatāsāmaññena rūpādīhi samīkaraṇaṃ. Saccikaṭṭheti saccikaṭṭhahetu, tattha vā taṃ adhiṭṭhānaṃ katvā. ‘‘Tulyayoge samuccayo’’ti samuccayatthattā eva ca-kārassa saccikaṭṭhena upaladdhisāmaññena idha rūpamāhaṭanti tassa udāhaṭabhāvo yuttoti ‘‘yathārūpa’’nti nidassanavasena attho vutto, aññathā idha rūpassa āharaṇameva kimatthiyaṃ. Evaṃ sesadhammesupi. Yā panettha aññattapucchā, sāpi nidassanatthaṃ upabrūheti aññattanibandhanattā tassa. Opammasaṃsandane pana nidassanattho gāhīyatīti imasmiṃ suddhikasaṃsandane kevalaṃ samuccayavaseneva atthadassanaṃ yuttanti adhippāyo. Rūpādīni upādāpaññattimattattā puggalassa so tehi añño, anañño cāti na vattabboti ayaṃ sāsanakkamoti āha ‘‘rūpādīhi…pe… samayo’’ti. Anuññāyamāneti tasmiṃ samaye sutte ca appaṭikkhipiyamāne. Ayañca attho sāsanikassa paravādino vasena vuttoti veditabbaṃ.
‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ ปาโฐ ทิโฎฺฐ ภวิสฺสติ, อญฺญถา ‘‘ปฎิโลมปญฺจกานิ ทสฺสิตานิ, ปฎิกมฺมจตุกฺกาทีนิ สํขิตฺตานี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ โจทนาย วินา ปรวาทิโน ปฎิชานาปนํ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘ปฎิชานาปนตฺถนฺติ…เป.… โจทนตฺถ’’นฺติฯ โจทนาปุพฺพกญฺหิ ตสฺส ปฎิชานาปนํฯ เตน ผลโวหาเรน การณํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ อพฺยากตตฺตาติ อพฺยากรณียตฺตา, ภควตา วา น พฺยากตตฺตาฯ ยทิ ฐปนียตฺตา ปฎิกฺขิปิตพฺพนฺติ อิมสฺมิํ ปจฺจนีกนเย ฐปนียตฺตา ปญฺหสฺส สกวาทินา ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ ปเรนปีติ ปรวาทินาปิ ฐปนียตฺตา ลทฺธิเมว นิสฺสาย อนุโลมนเย ปฎิเกฺขโป กโตติ อยเมตฺถ สุทฺธิกสํสนฺทนาย อธิปฺปาโย ยุโตฺต อนุโลเมปิ รูปาทีหิ อญฺญตฺตโจทนายเมว ปรวาทินา ปฎิเกฺขปสฺส กตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Ājānāhiniggaha’’nti pāṭho diṭṭho bhavissati, aññathā ‘‘paṭilomapañcakāni dassitāni, paṭikammacatukkādīni saṃkhittānī’’ti na sakkā vattunti adhippāyo. Codanāya vinā paravādino paṭijānāpanaṃ natthīti vuttaṃ ‘‘paṭijānāpanatthanti…pe… codanattha’’nti. Codanāpubbakañhi tassa paṭijānāpanaṃ. Tena phalavohārena kāraṇaṃ vuttanti dasseti. Abyākatattāti abyākaraṇīyattā, bhagavatā vā na byākatattā. Yadi ṭhapanīyattā paṭikkhipitabbanti imasmiṃ paccanīkanaye ṭhapanīyattā pañhassa sakavādinā paṭikkhipitabbaṃ. Parenapīti paravādināpi ṭhapanīyattā laddhimeva nissāya anulomanaye paṭikkhepo katoti ayamettha suddhikasaṃsandanāya adhippāyo yutto anulomepi rūpādīhi aññattacodanāyameva paravādinā paṭikkhepassa katattāti adhippāyo.
สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suddhikasaṃsandanavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. โอปมฺมสํสนฺทนวณฺณนา
6. Opammasaṃsandanavaṇṇanā
๒๘-๓๖. อุปลทฺธิสามเญฺญน อญฺญตฺตปุจฺฉา จาติ อิมินา ทฺวยมฺปิ อุทฺธรติ อุปลทฺธิสามเญฺญน อญฺญตฺตปุจฺฉา, อุปลทฺธิสามเญฺญน ปุจฺฉา จาติฯ ตตฺถ ปจฺฉิมํ สนฺธายาห ‘‘ทฺวินฺนํ สมานตา’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – ทฺวินฺนํ รูปเวทนานํ วิย รูปปุคฺคลานํ สจฺจิกเฎฺฐน สมานตา เตสํ อญฺญตฺตสฺส การณํ ยุตฺตํ น โหติฯ อถ โข…เป.… อุปลพฺภนียตาติ อิทญฺจ สํสนฺทนํ วิจาเรตพฺพํฯ อยํ เหตฺถ อธิปฺปาโย – ยทิ สจฺจิกฎฺฐสามเญฺญน รูปปุคฺคลานํ อุปลทฺธิสามญฺญํ อิจฺฉิตํ, เตเนว เนสํ อญฺญตฺตมฺปิ อิจฺฉิตพฺพํฯ อถ ปรมตฺถโวหารเภทโต เตสํ อญฺญตฺตํ น อิจฺฉิตํ, ตโต เอว อุปลทฺธิสามญฺญมฺปิ น อิจฺฉิตพฺพนฺติฯ
28-36. Upaladdhisāmaññena aññattapucchā cāti iminā dvayampi uddharati upaladdhisāmaññena aññattapucchā, upaladdhisāmaññena pucchā cāti. Tattha pacchimaṃ sandhāyāha ‘‘dvinnaṃ samānatā’’tiādi. Tassattho – dvinnaṃ rūpavedanānaṃ viya rūpapuggalānaṃ saccikaṭṭhena samānatā tesaṃ aññattassa kāraṇaṃ yuttaṃ na hoti. Atha kho…pe… upalabbhanīyatāti idañca saṃsandanaṃ vicāretabbaṃ. Ayaṃ hettha adhippāyo – yadi saccikaṭṭhasāmaññena rūpapuggalānaṃ upaladdhisāmaññaṃ icchitaṃ, teneva nesaṃ aññattampi icchitabbaṃ. Atha paramatthavohārabhedato tesaṃ aññattaṃ na icchitaṃ, tato eva upaladdhisāmaññampi na icchitabbanti.
๓๗-๔๕. อุปลทฺธีติ ปุคฺคลสฺส อุปลทฺธิ วิชฺชมานตาฯ ‘‘ปฎิกมฺมปญฺจก’’นฺติ วิญฺญายตีติ โยชนาฯ
37-45. Upaladdhīti puggalassa upaladdhi vijjamānatā. ‘‘Paṭikammapañcaka’’nti viññāyatīti yojanā.
โอปมฺมสํสนฺทนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Opammasaṃsandanavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. จตุกฺกนยสํสนฺทนวณฺณนา
7. Catukkanayasaṃsandanavaṇṇanā
๔๖-๕๒. เอกธมฺมโตปีติ สตฺตปญฺญาสาย สจฺจิกเฎฺฐสุ เอกธมฺมโตปิฯ เอเตน ตโต สพฺพโตปิ ปุคฺคลสฺส อญฺญตฺตานนุชานนํ ทเสฺสติฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘สกลํ ปรมตฺถสจฺจํ สนฺธายา’’ติฯ รูปาทิเอเกกธมฺมวเสน นานุยุญฺชิตโพฺพ อวยวพฺยติเรเกน สมุทายสฺส อภาวโตฯ ยสฺมา ปน สมุทายาวยวา ภินฺนสภาวา, ตสฺมา ‘‘สมุทายโต…เป.… นิคฺคหารโห สิยา’’ติ ปรวาทิโน อาสงฺกมาหฯ เอตํ วจโนกาสนฺติ ยทิปิ สตฺตปญฺญาสธมฺมสมุทายโต ปุคฺคลสฺส อญฺญตฺตํ น อิจฺฉติ ตพฺพินิมุตฺตสฺส สจฺจิกฎฺฐสฺส อภาวโต, ตเทกเทสโต ปนสฺส อนญฺญตฺตมฺปิ น อิจฺฉเตวฯ น หิ สมุทาโย อวยโว โหตีติฯ ตสฺมา ‘‘ตํ ปฎิกฺขิปโต กิํ นิคฺคหฎฺฐานนฺติ วตฺตุํ มา ลเพฺภถา’’ติ ทเสฺสตุํ ‘‘อยญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ รูปาทิธมฺมปฺปเภทวิภาคมุเขเนว อนวเสสโต ปุคฺคโลติ คหณาการทสฺสนวเสน ปวโตฺต ปฐมวิกโปฺป, ทุติโย ปน อวิภาคโต ปรมตฺถสจฺจภาวสามเญฺญนาติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วิกปฺปานํ วิเสโสฯ อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนนฺติ อาห ‘‘เอว’’นฺติฯ
46-52. Ekadhammatopīti sattapaññāsāya saccikaṭṭhesu ekadhammatopi. Etena tato sabbatopi puggalassa aññattānanujānanaṃ dasseti. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sakalaṃ paramatthasaccaṃ sandhāyā’’ti. Rūpādiekekadhammavasena nānuyuñjitabbo avayavabyatirekena samudāyassa abhāvato. Yasmā pana samudāyāvayavā bhinnasabhāvā, tasmā ‘‘samudāyato…pe… niggahāraho siyā’’ti paravādino āsaṅkamāha. Etaṃ vacanokāsanti yadipi sattapaññāsadhammasamudāyato puggalassa aññattaṃ na icchati tabbinimuttassa saccikaṭṭhassa abhāvato, tadekadesato panassa anaññattampi na icchateva. Na hi samudāyo avayavo hotīti. Tasmā ‘‘taṃ paṭikkhipato kiṃ niggahaṭṭhānanti vattuṃ mā labbhethā’’ti dassetuṃ ‘‘ayañcā’’tiādi vuttaṃ. Rūpādidhammappabhedavibhāgamukheneva anavasesato puggaloti gahaṇākāradassanavasena pavatto paṭhamavikappo, dutiyo pana avibhāgato paramatthasaccabhāvasāmaññenāti ayaṃ imesaṃ dvinnaṃ vikappānaṃ viseso. Itīti vuttappakāraparāmasananti āha ‘‘eva’’nti.
สภาววินิโพฺภคโตติ สภาเวน วินิพฺภุชฺชิตพฺพโตฯ สภาวภิโนฺน หิ ธโมฺม ตทญฺญธมฺมโต วินิโพฺภคํ ลภติฯ เตนาห ‘‘รูปโต อญฺญสภาคตฺตา’’ติฯ รูปวเชฺชติ รูปธมฺมวเชฺช ฯ ตีสุปีติ ‘‘รูปสฺมิํ ปุคฺคโล, อญฺญตฺร รูปา, ปุคฺคลสฺมิํ รูป’’นฺติ อิเมสุ เอวํ ปวเตฺตสุ ตีสุปิ อนุโยเคสุฯ สาสนิโก เอวายํ ปุคฺคลวาทีติ กตฺวา อาห ‘‘น หิ โส สกฺกายทิฎฺฐิํ อิจฺฉตี’’ติฯ ‘‘รูปวา’’ติ อิมินา รูเปน สกิญฺจนตาว ญาปียติ, น รูปายตฺตวุตฺติตาติ อาห ‘‘อญฺญตฺร รูปาติ เอตฺถ จ รูปวา ปุคฺคโลติ อยมโตฺถ สงฺคหิโต’’ติฯ
Sabhāvavinibbhogatoti sabhāvena vinibbhujjitabbato. Sabhāvabhinno hi dhammo tadaññadhammato vinibbhogaṃ labhati. Tenāha ‘‘rūpato aññasabhāgattā’’ti. Rūpavajjeti rūpadhammavajje . Tīsupīti ‘‘rūpasmiṃ puggalo, aññatra rūpā, puggalasmiṃ rūpa’’nti imesu evaṃ pavattesu tīsupi anuyogesu. Sāsaniko evāyaṃ puggalavādīti katvā āha ‘‘na hi so sakkāyadiṭṭhiṃ icchatī’’ti. ‘‘Rūpavā’’ti iminā rūpena sakiñcanatāva ñāpīyati, na rūpāyattavuttitāti āha ‘‘aññatra rūpāti ettha ca rūpavā puggaloti ayamattho saṅgahito’’ti.
จตุกฺกนยสํสนฺทนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catukkanayasaṃsandanavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิตา จ สํสนฺทนกถาวณฺณนาฯ
Niṭṭhitā ca saṃsandanakathāvaṇṇanā.
๘. ลกฺขณยุตฺติวณฺณนา
8. Lakkhaṇayuttivaṇṇanā
๕๔. ลกฺขณยุตฺติกถายํ ‘‘ฉลวเสน ปน วตฺตพฺพํ อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ ปาโฐ คเหตโพฺพฯ
54. Lakkhaṇayuttikathāyaṃ ‘‘chalavasena pana vattabbaṃ ājānāhi niggaha’’nti pāṭho gahetabbo.
ลกฺขณยุตฺติวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Lakkhaṇayuttivaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. วจนโสธนวณฺณนา
9. Vacanasodhanavaṇṇanā
๕๕-๕๙. ปททฺวยสฺส อตฺถโต เอกเตฺตติ ปททฺวยสฺส เอกตฺตเตฺถ สตีติ อโตฺถฯ ปริกปฺปวจนเญฺหตํ โทสทสฺสนตฺถํ ‘‘เอวํ สเนฺต อยํ โทโส’’ติฯ ตยิทํ เอกตฺตํ อุปลพฺภติ เอวาติ ปจฺฉิมปทาวธารณํ เวทิตพฺพํฯ ‘‘เกหิจิ ปุคฺคโล เกหิจิ น ปุคฺคโล’’ติ พฺยภิจารทสฺสนโต ปเรน น สมฺปฎิจฺฉิตนฺติ กตฺวา ตเมว อสมฺปฎิจฺฉิตตฺตํ วิภาเวโนฺต ‘‘ปุคฺคลสฺส หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อวิภชิตพฺพตนฺติ ‘‘อุปลพฺภติ จา’’ติ เอวํ อวิภชิตพฺพตํฯ วิภชิตพฺพตนฺติ ‘‘ปุคฺคโล จ ตทญฺญญฺจ อุปลพฺภตี’’ติ เอวํ วิภชิตพฺพตํฯ เอเตน ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ เอวา’’ติ ปจฺฉิมปทาวธารณํ เวทิตพฺพํ, น ‘‘ปุคฺคโล เอว อุปลพฺภตี’’ติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ ตํ วิภาคนฺติ ยถาวุตฺตํ วิภชิตพฺพาวิภชิตพฺพํ วิภาคํ วทโต สกวาทิโน, อญฺญสฺส วา กสฺสจิฯ เอตสฺสาติ ปรวาทิโน ฯ ยถาวุตฺตวิภาคนฺติ ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ…เป.… เกหิจิ น ปุคฺคโล’’ติ เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตปฺปการํ วิภาคํฯ ยถาอาปาทิเตนาติ ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ปททฺวยสฺส อตฺถโต เอกเตฺต’’ติอาทินา อาปาทิตปฺปกาเรนฯ น ภวิตพฺพนฺติ ยทิปิ เตน ปุคฺคโล อุปลพฺภติ เอว วุจฺจติ, อุปลพฺภตีติ ปน ปุคฺคโล เอว น วุจฺจติ, อถ โข อโญฺญปิ, ตสฺมา ยถาวุเตฺตน ปสเงฺคน น ภวิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘มคฺคิตโพฺพ เอตฺถ อธิปฺปาโย’’ติฯ
55-59. Padadvayassa atthato ekatteti padadvayassa ekattatthe satīti attho. Parikappavacanañhetaṃ dosadassanatthaṃ ‘‘evaṃ sante ayaṃ doso’’ti. Tayidaṃ ekattaṃ upalabbhati evāti pacchimapadāvadhāraṇaṃ veditabbaṃ. ‘‘Kehici puggalo kehici na puggalo’’ti byabhicāradassanato parena na sampaṭicchitanti katvā tameva asampaṭicchitattaṃ vibhāvento ‘‘puggalassa hī’’tiādimāha. Tattha avibhajitabbatanti ‘‘upalabbhati cā’’ti evaṃ avibhajitabbataṃ. Vibhajitabbatanti ‘‘puggalo ca tadaññañca upalabbhatī’’ti evaṃ vibhajitabbataṃ. Etena ‘‘puggalo upalabbhati evā’’ti pacchimapadāvadhāraṇaṃ veditabbaṃ, na ‘‘puggalo eva upalabbhatī’’ti imamatthaṃ dasseti. Taṃ vibhāganti yathāvuttaṃ vibhajitabbāvibhajitabbaṃ vibhāgaṃ vadato sakavādino, aññassa vā kassaci. Etassāti paravādino . Yathāvuttavibhāganti ‘‘puggalo upalabbhati…pe… kehici na puggalo’’ti evaṃ pāḷiyaṃ vuttappakāraṃ vibhāgaṃ. Yathāāpāditenāti ‘‘puggalo upalabbhatīti padadvayassa atthato ekatte’’tiādinā āpāditappakārena. Na bhavitabbanti yadipi tena puggalo upalabbhati eva vuccati, upalabbhatīti pana puggalo eva na vuccati, atha kho aññopi, tasmā yathāvuttena pasaṅgena na bhavitabbaṃ. Tenāha ‘‘maggitabbo ettha adhippāyo’’ti.
๖๐. อตฺถโต ปุคฺคโล นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ อตฺตสุญฺญตาทสฺสเนน อนตฺตลกฺขณสฺส วิหิตตฺตาฯ
60. Atthato puggalo natthīti vuttaṃ hoti attasuññatādassanena anattalakkhaṇassa vihitattā.
วจนโสธนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vacanasodhanavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. ปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา
10. Paññattānuyogavaṇṇanā
๖๑-๖๖. รูปกายาวิรหํ สนฺธาย อาห, น รูปตณฺหาสพฺภาวํฯ ตถา สติ อเนกนฺติกตฺตา ปฎิกฺขิปิตพฺพเมว สิยา, น อนุชานิตพฺพนฺติฯ ‘‘อตฺถิตายา’’ติ อาหาติ สมฺพโนฺธฯ กามีภาวสฺส อเนกนฺติกตฺตา กสฺสจิ กามธาตูปปนฺนสฺส กามธาตุยา อายตฺตตฺตาภาวโต จ กทาจิ ภาวเสฺสวาติ โยชนาฯ
61-66. Rūpakāyāvirahaṃsandhāya āha, na rūpataṇhāsabbhāvaṃ. Tathā sati anekantikattā paṭikkhipitabbameva siyā, na anujānitabbanti. ‘‘Atthitāyā’’ti āhāti sambandho. Kāmībhāvassa anekantikattā kassaci kāmadhātūpapannassa kāmadhātuyā āyattattābhāvato ca kadāci bhāvassevāti yojanā.
๖๗. กายานุปสฺสนายาติ กายานุปสฺสนาเทสนายฯ สา หิ กายกายานุปสฺสีนํ วิภาคคฺคหณสฺส การณภูตา, กายานุปสฺสนา เอว วาฯ เอวํลทฺธิกตฺตาติ อโญฺญ กาโย อโญฺญ ปุคฺคโลติ เอวํลทฺธิกตฺตาฯ อาหจฺจ ภาสิตนฺติ ฐานกรณานิ อาหนฺตฺวา กถิตํ, ภควตา สามํ เทสิตนฺติ อโตฺถฯ
67. Kāyānupassanāyāti kāyānupassanādesanāya. Sā hi kāyakāyānupassīnaṃ vibhāgaggahaṇassa kāraṇabhūtā, kāyānupassanā eva vā. Evaṃladdhikattāti añño kāyo añño puggaloti evaṃladdhikattā. Āhacca bhāsitanti ṭhānakaraṇāni āhantvā kathitaṃ, bhagavatā sāmaṃ desitanti attho.
ปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paññattānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๑. คติอนุโยควณฺณนา
11. Gatianuyogavaṇṇanā
๖๙-๗๒. ยานิสฺส สุตฺตานิ นิสฺสาย ลทฺธิ อุปฺปนฺนา, เตสํ ทสฺสนโต ปรโต ‘‘เตน หิ ปุคฺคโล สนฺธาวตี’’ติอาทินา ปาฬิ อาคตา, ปุรโต ปน ‘‘น วตฺตพฺพํ ปุคฺคโล สนฺธาวตี’’ติอาทินา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทเสฺสโนฺต…เป.… ภวิตพฺพ’’นฺติฯ ทเสฺสตฺวาติ วา วตฺตพฺพนฺติ ‘‘ยานิสฺส…เป.… ตานิ ทเสฺสตฺวา ‘เตน หิ ปุคฺคโล สนฺธาวตี’ติอาทิมาหา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ทเสฺสโนฺตติ วา อิทํ ทสฺสนกิริยาย น วตฺตมานตามตฺตวจนํ, อถ โข ตสฺสา ลกฺขณตฺถวจนํ, เหตุภาววจนํ วาติ น โกจิ โทโสฯ
69-72. Yānissa suttāni nissāya laddhi uppannā, tesaṃ dassanato parato ‘‘tena hi puggalo sandhāvatī’’tiādinā pāḷi āgatā, purato pana ‘‘na vattabbaṃ puggalo sandhāvatī’’tiādinā, tasmā vuttaṃ ‘‘dassento…pe… bhavitabba’’nti. Dassetvāti vā vattabbanti ‘‘yānissa…pe… tāni dassetvā ‘tena hi puggalo sandhāvatī’tiādimāhā’’ti vattabbanti attho. Dassentoti vā idaṃ dassanakiriyāya na vattamānatāmattavacanaṃ, atha kho tassā lakkhaṇatthavacanaṃ, hetubhāvavacanaṃ vāti na koci doso.
๙๑. โส วตฺตโพฺพติ โส ชีวสรีรานํ อนญฺญตาปชฺชนากาโร วตฺตโพฺพ, นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ อิมิสฺสา ลทฺธิยา วเสน ‘‘เยน รูปสงฺขาเตน อตฺตโน สภาวภูเตน สรีเรน สทฺธิํ คจฺฉตี’’ติ เอวํ ปน อเตฺถ สติ โส อากาโร วุโตฺต เอว โหติ, ตถา จ สติ ‘‘รูปํ ปุคฺคโลติ อนนุญฺญาตตฺตา’’ติ เอวมฺปิ วตฺตุํ น สกฺกาฯ ยสฺมา ปน ‘‘อิธ สรีรนิเกฺขปา’’ติ อนนฺตรํ วกฺขติ, ตสฺมา ‘‘โส วตฺตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ นิรยูปคสฺส ปุคฺคลสฺส อนฺตราภวํ น อิจฺฉตีติ อิทํ ปุราตนานํ อนฺตราภววาทีนํ วเสน วุตฺตํฯ อธุนาตนา ปน ‘‘อุทฺธํปาโท ตุ นารโก’’ติ วทนฺตา ตสฺสปิ อนฺตราภวํ อิจฺฉเนฺตว, เกจิ ปน อสญฺญูปคานํฯ อรูปูปคานํ ปน สเพฺพปิ น อิจฺฉนฺติฯ ตตฺถ เย ‘‘สญฺญุปฺปาทา จ ปน เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺตี’’ติ สุตฺตสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คเหตฺวา จุตูปปาตกาเลสุ อสญฺญีนํ สญฺญา อตฺถีติ อนฺตราภวโตว อสญฺญูปปตฺติํ อิจฺฉนฺติ, ตทเญฺญสํ วเสน ‘‘สเวทโน…เป.… ปฎิกฺขิปตี’’ติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เย ปนา’’ติอาทิมาหฯ เก ปเนวํ อิจฺฉนฺติ? สพฺพตฺถิวาทีสุ เอกเจฺจฯ
91. So vattabboti so jīvasarīrānaṃ anaññatāpajjanākāro vattabbo, natthīti adhippāyo. ‘‘Rūpī attā’’ti imissā laddhiyā vasena ‘‘yena rūpasaṅkhātena attano sabhāvabhūtena sarīrena saddhiṃ gacchatī’’ti evaṃ pana atthe sati so ākāro vutto eva hoti, tathā ca sati ‘‘rūpaṃ puggaloti ananuññātattā’’ti evampi vattuṃ na sakkā. Yasmā pana ‘‘idha sarīranikkhepā’’ti anantaraṃ vakkhati, tasmā ‘‘so vattabbo’’ti vuttaṃ. Nirayūpagassa puggalassa antarābhavaṃ na icchatīti idaṃ purātanānaṃ antarābhavavādīnaṃ vasena vuttaṃ. Adhunātanā pana ‘‘uddhaṃpādo tu nārako’’ti vadantā tassapi antarābhavaṃ icchanteva, keci pana asaññūpagānaṃ. Arūpūpagānaṃ pana sabbepi na icchanti. Tattha ye ‘‘saññuppādā ca pana te devā tamhā kāyā cavantī’’ti suttassa atthaṃ micchā gahetvā cutūpapātakālesu asaññīnaṃ saññā atthīti antarābhavatova asaññūpapattiṃ icchanti, tadaññesaṃ vasena ‘‘savedano…pe… paṭikkhipatī’’ti dassento ‘‘ye panā’’tiādimāha. Ke panevaṃ icchanti? Sabbatthivādīsu ekacce.
๙๒. เนวสญฺญานาสญฺญายตเนติ เนวสญฺญานาสญฺญายตเน ภเว, อจิตฺตุปฺปาเท วา สญฺญา อตฺถีติ อิจฺฉนฺตีติ น วตฺตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ ยโต โส สญฺญาภเวน อสงฺคหิโต, ภวนฺตรภาเวน จ สงฺคหิโตฯ
92. Nevasaññānāsaññāyataneti nevasaññānāsaññāyatane bhave, acittuppāde vā saññā atthīti icchantīti na vattabbanti sambandho. Yato so saññābhavena asaṅgahito, bhavantarabhāvena ca saṅgahito.
๙๓. อินฺธนุปาทาโน อคฺคิ วิย อินฺธเนน รูปาทิอุปาทาโน ปุคฺคโล รูปาทินา วินา นตฺถีติ เอตฺถ อยมธิปฺปายวิภาวนา – ยถา น วินา อินฺธเนน อคฺคิ ปญฺญาปียติ, น จ ตํ อญฺญํ อินฺธนโต สกฺกา ปฎิชานิตุํ, นาปิ อนญฺญํฯ ยทิ หิ อญฺญํ สิยา, น อุณฺหํ อินฺธนํ สิยา, อถ อนญฺญํ, นิทหิตพฺพํเยว ทาหกํ สิยา, เอวํ น วินา รูปาทีหิ ปุคฺคโล ปญฺญาปียติ, น จ เตหิ อโญฺญ, นาปิ อนโญฺญ สสฺสตุเจฺฉทภาวปฺปสงฺคโตติ ปรวาทิโน อธิปฺปาโยฯ ตตฺถ ยทิ อคฺคินฺธโนปมา โลกโวหาเรน วุตฺตา, อปฬิตฺตํ กฎฺฐาทิอินฺธนํ นิทหิตพฺพญฺจ, ปฬิตฺตํ ภาสุรุณฺหํ อคฺคิทาหกญฺจ, ตญฺจ โอชฎฺฐมกรูปํ ปพนฺธวเสน ปวตฺตํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ ยทิ เอวํ ปุคฺคโล รูปาทีหิ อโญฺญ อนิโจฺจ จ อาปโนฺน, อถ ปรมตฺถโต จ, ตสฺมิํเยว กฎฺฐาทิสญฺญิเต รูปสงฺขาตปฬิเตฺต ยํ อุสุมํ โส อคฺคิ ตํสหชาตานิ ตีณิภูตานิ อินฺธนํฯ เอวมฺปิ สิทฺธํ ลกฺขณเภทโต อคฺคินฺธนานํ อญฺญตฺตนฺติ อคฺคิ วิย อินฺธนโต รูปาทีหิ อโญฺญ ปุคฺคโล อนิโจฺจ จ อาปชฺชตีติฯ
93. Indhanupādāno aggi viya indhanena rūpādiupādāno puggalo rūpādinā vinā natthīti ettha ayamadhippāyavibhāvanā – yathā na vinā indhanena aggi paññāpīyati, na ca taṃ aññaṃ indhanato sakkā paṭijānituṃ, nāpi anaññaṃ. Yadi hi aññaṃ siyā, na uṇhaṃ indhanaṃ siyā, atha anaññaṃ, nidahitabbaṃyeva dāhakaṃ siyā, evaṃ na vinā rūpādīhi puggalo paññāpīyati, na ca tehi añño, nāpi anañño sassatucchedabhāvappasaṅgatoti paravādino adhippāyo. Tattha yadi aggindhanopamā lokavohārena vuttā, apaḷittaṃ kaṭṭhādiindhanaṃ nidahitabbañca, paḷittaṃ bhāsuruṇhaṃ aggidāhakañca, tañca ojaṭṭhamakarūpaṃ pabandhavasena pavattaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ. Yadi evaṃ puggalo rūpādīhi añño anicco ca āpanno, atha paramatthato ca, tasmiṃyeva kaṭṭhādisaññite rūpasaṅkhātapaḷitte yaṃ usumaṃ so aggi taṃsahajātāni tīṇibhūtāni indhanaṃ. Evampi siddhaṃ lakkhaṇabhedato aggindhanānaṃ aññattanti aggi viya indhanato rūpādīhi añño puggalo anicco ca āpajjatīti.
คติอนุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gatianuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๒. อุปาทาปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา
12. Upādāpaññattānuyogavaṇṇanā
๙๗. นีลคุณโยคโต นีโล, นีโล เอว นีลโก, ตสฺส, อยํ ปนสฺส นีลปญฺญตฺติ นีลรูปุปาทานาติ อาห ‘‘นีลํ…เป.… ปญฺญตฺตี’’ติฯ เอวํ ปน ปาเฐ ฐิเต นีลํ อุปาทาย นีโลติ กถมยํ ปทุทฺธาโรติ อาห ‘‘นีลํ รูปํ…เป.… เอตฺถ โย ปุโฎฺฐ นีลํ อุปาทาย นีโล’’ติฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ วจเนฯ ตทาทีสูติ ‘‘ปีตํ รูปํ อุปาทายา’’ติอาทิกํ อฎฺฐกถายํ อาทิ-สเทฺทน คหิตเมว ตทตฺถทสฺสนวเสน คณฺหาติฯ
97. Nīlaguṇayogato nīlo, nīlo eva nīlako, tassa, ayaṃ panassa nīlapaññatti nīlarūpupādānāti āha ‘‘nīlaṃ…pe… paññattī’’ti. Evaṃ pana pāṭhe ṭhite nīlaṃ upādāya nīloti kathamayaṃ paduddhāroti āha ‘‘nīlaṃ rūpaṃ…pe… ettha yo puṭṭho nīlaṃ upādāya nīlo’’ti. Etthāti etasmiṃ vacane. Tadādīsūti ‘‘pītaṃ rūpaṃ upādāyā’’tiādikaṃ aṭṭhakathāyaṃ ādi-saddena gahitameva tadatthadassanavasena gaṇhāti.
๙๘. วุตฺตนฺติ ‘‘มคฺคกุสโล’’ติอาทีสุ เฉกฎฺฐํ สนฺธาย วุตฺตํฯ กุสลปญฺญตฺติํ กุสลโวหารํฯ
98. Vuttanti ‘‘maggakusalo’’tiādīsu chekaṭṭhaṃ sandhāya vuttaṃ. Kusalapaññattiṃ kusalavohāraṃ.
๑๑๒. ปุพฺพปกฺขํ ทเสฺสตฺวา อุตฺตรมาหาติ ปรวาที ปุพฺพปกฺขํ ทเสฺสตฺวา สกวาทิสฺส อุตฺตรมาหฯ
112. Pubbapakkhaṃ dassetvā uttaramāhāti paravādī pubbapakkhaṃ dassetvā sakavādissa uttaramāha.
๑๑๕. ‘‘รูปํ รูปวา’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ ปรวาทิวาทํ ภินฺทิตุํ ‘‘ยถา น นิคโฬ เนคฬิโก’’ติอาทินา สกวาทิวาโท อารโทฺธติ อาห ‘‘ยสฺส รูปํ โส รูปวาติ อุตฺตรปเกฺข วุตฺตํ วจนํ อุทฺธริตฺวา’’ติฯ
115. ‘‘Rūpaṃ rūpavā’’tiādinayappavattaṃ paravādivādaṃ bhindituṃ ‘‘yathā na nigaḷo negaḷiko’’tiādinā sakavādivādo āraddhoti āha ‘‘yassa rūpaṃ so rūpavāti uttarapakkhe vuttaṃ vacanaṃ uddharitvā’’ti.
๑๑๘. วิญฺญาณนิสฺสยภาวูปคมนนฺติ จกฺขุวิญฺญาณสฺส นิสฺสยภาวูปคมนํฯ ตยิทํ วิเสสนํ จกฺขุสฺสาติ อิมินาว สิทฺธนฺติ น กตํ ทฎฺฐพฺพํฯ
118. Viññāṇanissayabhāvūpagamananti cakkhuviññāṇassa nissayabhāvūpagamanaṃ. Tayidaṃ visesanaṃ cakkhussāti imināva siddhanti na kataṃ daṭṭhabbaṃ.
อุปาทาปญฺญตฺตานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upādāpaññattānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๓. ปุริสการานุโยควณฺณนา
13. Purisakārānuyogavaṇṇanā
๑๒๓. กมฺมานนฺติ กุสลากุสลกมฺมานํฯ ตคฺคหเณเนว หิ ตํตํกิจฺจกรณีเย กิริยานมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ นิปฺผาทกปฺปโยชกภาเวนาติ การกการาปกภาเวนฯ
123. Kammānanti kusalākusalakammānaṃ. Taggahaṇeneva hi taṃtaṃkiccakaraṇīye kiriyānampi saṅgaho daṭṭhabbo. Nipphādakappayojakabhāvenāti kārakakārāpakabhāvena.
๑๒๕. กมฺมการกสฺส ปุคฺคลสฺส โย อโญฺญ ปุคฺคโล การโกฯ เตนปีติ การกการเกนปิฯ ตสฺสาติ การกการกสฺสฯ อญฺญนฺติ อญฺญํ กมฺมํฯ เอวนฺติ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ เตหิ เตหิ การเกหิ ปุคฺคลา วิย อญฺญานิ กมฺมานิ กรียนฺตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘กมฺมวฎฺฎสฺส อนุปเจฺฉทํ วทนฺตี’’ติฯ เอวํ สเนฺต ปุคฺคลสฺส การโก, กมฺมสฺส การโกติ อยํ วิภาโค อิธ อนามโฎฺฐ โหติ, ตถา จ สติ การกปรมฺปราย วจนํ วิรุเชฺฌยฺยาติ อาห ‘‘ปุคฺคลสฺส…เป.… วิจาเรตพฺพเมต’’นฺติฯ ตสฺส การกนฺติ ปุคฺคลสฺส การกํฯ อิทญฺจาติ น เกวลํ ปุคฺคลการกสฺส กมฺมการกตาปตฺติเยว โทโส, อถ โข อิทํ กมฺมการกตาย การกปรมฺปราปชฺชนมฺปิ วิจาเรตพฺพํ, น ยุชฺชตีติ อโตฺถฯ ปุคฺคลานญฺหิ ปฎิปาฎิยา การกภาโว การกปรมฺปราฯ
125. Kammakārakassa puggalassa yo añño puggalo kārako. Tenapīti kārakakārakenapi. Tassāti kārakakārakassa. Aññanti aññaṃ kammaṃ. Evanti iminā vuttappakārena. Tehi tehi kārakehi puggalā viya aññāni kammāni karīyantīti dasseti. Tenāha ‘‘kammavaṭṭassa anupacchedaṃ vadantī’’ti. Evaṃ sante puggalassa kārako, kammassa kārakoti ayaṃ vibhāgo idha anāmaṭṭho hoti, tathā ca sati kārakaparamparāya vacanaṃ virujjheyyāti āha ‘‘puggalassa…pe… vicāretabbameta’’nti. Tassa kārakanti puggalassa kārakaṃ. Idañcāti na kevalaṃ puggalakārakassa kammakārakatāpattiyeva doso, atha kho idaṃ kammakārakatāya kārakaparamparāpajjanampi vicāretabbaṃ, na yujjatīti attho. Puggalānañhi paṭipāṭiyā kārakabhāvo kārakaparamparā.
๑๗๐. เอโก อโนฺตติ ‘‘คาโห’’ติ สสฺสตคาหสงฺขาโต อโนฺตติ อโตฺถฯ
170. Eko antoti ‘‘gāho’’ti sassatagāhasaṅkhāto antoti attho.
๑๗๖. สิยา อโญฺญ, สิยา อนโญฺญ, สิยา น วตฺตโพฺพ ‘‘อโญฺญติ วา อนโญฺญติ วา’’ติ , เอวํ ปวตฺตนิคณฺฐวาทสทิสตฺตา โส เอว เอโก เนว โส โหติ, น อโญฺญติ ลทฺธิมตฺตํฯ เตนาห ‘‘อิทํ ปน นเตฺถวา’’ติฯ ปรสฺส อิจฺฉาวเสเนวาติ ปรวาทิโน ลทฺธิวเสเนวฯ เอกํ อนิจฺฉนฺตสฺสาติ เอกํ ‘‘โส กโรติ, โส ปฎิสํเวเทตี’’ติ คหณํ สสฺสตทิฎฺฐิภเยน ปฎิกฺขิปนฺตสฺส อิตรํ อุเจฺฉทคฺคหณํ อาปนฺนํฯ ตญฺจ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส อญฺญํ มิสฺสกํ นิจฺจานิจฺจคฺคหณํ, วิเกฺขปคฺคหณญฺจ อาปนฺนํฯ การกเวทกิจฺฉาย ฐตฺวาติ เสฺวว การโก เวทโก จาติ อิมสฺมิํ อาทาเย ฐตฺวาฯ ตํตํอนิจฺฉายาติ ตสฺส ตสฺส วาทสฺส อสมฺปฎิจฺฉเนนฯ อาปนฺนวเสนปีติ อาปนฺนคาหวเสนปิ อยํ อนุโยโค วุโตฺตติ โยชนาฯ สเพฺพสํ อาปนฺนตฺตาติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน สเพฺพสํ วิกปฺปานํ อนุกฺกเมน อาปนฺนตฺตา นายมนุโยโค กโตติ โยชนาฯ เอเกกเสฺสวาติ เตสุ วิสุํ วิสุํ เอเกกเสฺสว อาปนฺนตฺตาฯ ตนฺติวเสน ปน เต วิกปฺปา เอกชฺฌํ ทเสฺสตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ เอกโต โยเชตพฺพํ จตุนฺนมฺปิ ปญฺหานํ เอกโต ปุฎฺฐตฺตาฯ
176. Siyā añño, siyā anañño, siyā na vattabbo ‘‘aññoti vā anaññoti vā’’ti , evaṃ pavattanigaṇṭhavādasadisattā so eva eko neva so hoti, na aññoti laddhimattaṃ. Tenāha ‘‘idaṃ pana natthevā’’ti. Parassa icchāvasenevāti paravādino laddhivaseneva. Ekaṃ anicchantassāti ekaṃ ‘‘so karoti, so paṭisaṃvedetī’’ti gahaṇaṃ sassatadiṭṭhibhayena paṭikkhipantassa itaraṃ ucchedaggahaṇaṃ āpannaṃ. Tañca paṭikkhipantassa aññaṃ missakaṃ niccāniccaggahaṇaṃ, vikkhepaggahaṇañca āpannaṃ. Kārakavedakicchāya ṭhatvāti sveva kārako vedako cāti imasmiṃ ādāye ṭhatvā. Taṃtaṃanicchāyāti tassa tassa vādassa asampaṭicchanena. Āpannavasenapīti āpannagāhavasenapi ayaṃ anuyogo vuttoti yojanā. Sabbesaṃ āpannattāti heṭṭhā vuttanayena sabbesaṃ vikappānaṃ anukkamena āpannattā nāyamanuyogo katoti yojanā. Ekekassevāti tesu visuṃ visuṃ ekekasseva āpannattā. Tantivasena pana te vikappā ekajjhaṃ dassetvāti adhippāyo. Ekato yojetabbaṃ catunnampi pañhānaṃ ekato puṭṭhattā.
ปุริสการานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Purisakārānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.
กลฺยาณวโคฺค นิฎฺฐิโตฯ
Kalyāṇavaggo niṭṭhito.
๑๔. อภิญฺญานุโยควณฺณนา
14. Abhiññānuyogavaṇṇanā
๑๙๓. วิกุพฺพตีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วาฯ เตน ‘‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุณาตี’’ติอาทิกํ สงฺคณฺหาติฯ อภิญฺญานุโยโค ทฎฺฐโพฺพติ โยชนาฯ ตทภิญฺญาวโตติ อาสวกฺขยาภิญฺญาวโตฯ อรหโต สาธนนฺติ อรหโต สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน ปุคฺคลตฺตาภาวสาธนํฯ ตพฺภาวสฺสาติ อรหตฺตสฺสฯ อรหตฺตธารานญฺหิ ขนฺธา นาม ปุคฺคลตฺตํ ตสฺสปิ โหตีติฯ
193. Vikubbatīti ettha iti-saddo ādiattho, pakārattho vā. Tena ‘‘dibbāya sotadhātuyā saddaṃ suṇātī’’tiādikaṃ saṅgaṇhāti. Abhiññānuyogo daṭṭhabboti yojanā. Tadabhiññāvatoti āsavakkhayābhiññāvato. Arahato sādhananti arahato saccikaṭṭhaparamatthena puggalattābhāvasādhanaṃ. Tabbhāvassāti arahattassa. Arahattadhārānañhi khandhā nāma puggalattaṃ tassapi hotīti.
อภิญฺญานุโยควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhiññānuyogavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๕-๑๘. ญาตกานุโยคาทิวณฺณนา
15-18. Ñātakānuyogādivaṇṇanā
๒๐๙. ตติยโกฎิภูตสฺสาติ ตติยโกฎิสภาวสฺส สงฺขตาสงฺขตวินิมุตฺตสภาวสฺสฯ สภาวสฺสาติ จ สภาวธมฺมสฺสฯ ลทฺธิํ นิคูหิตฺวาติ ปุคฺคโล เนว สงฺขโต, นาสงฺขโตติ ลทฺธิํ อวิภาเวตฺวาฯ
209. Tatiyakoṭibhūtassāti tatiyakoṭisabhāvassa saṅkhatāsaṅkhatavinimuttasabhāvassa. Sabhāvassāti ca sabhāvadhammassa. Laddhiṃ nigūhitvāti puggalo neva saṅkhato, nāsaṅkhatoti laddhiṃ avibhāvetvā.
ญาตกานุโยคาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ñātakānuyogādivaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๙. ปฎิเวธานุโยคาทิวณฺณนา
19. Paṭivedhānuyogādivaṇṇanā
๒๑๘. ปชานนํ นาม น โหติ นิพฺพิทาทีนํ อปฺปจฺจยตฺตาฯ ปริเจฺฉทนสมตฺถตญฺจ ทเสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
218. Pajānanaṃ nāma na hoti nibbidādīnaṃ appaccayattā. Paricchedanasamatthatañca dassetīti sambandho.
๒๒๘. สหรูปภาโว รูเปน สมงฺคิตา, วินารูปภาโว ตโต วินิสฺสฎตาติ ตทุภยํ รูปสฺส อพฺภนฺตรคมนํ พหินิกฺขมนญฺจ โหติฯ ตสฺมา ตํ ทฺวยํ สหรูปภาววินารูปภาวานํ ลกฺขณวจนนฺติ วุตฺตํฯ
228. Saharūpabhāvo rūpena samaṅgitā, vinārūpabhāvo tato vinissaṭatāti tadubhayaṃ rūpassa abbhantaragamanaṃ bahinikkhamanañca hoti. Tasmā taṃ dvayaṃ saharūpabhāvavinārūpabhāvānaṃ lakkhaṇavacananti vuttaṃ.
๒๓๗. โอฬาริโกติ ถูโลฯ อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโวฯ โส เอว ยถาสกํ กมฺมุนา ปฎิลภิตพฺพโต ปฎิลาโภฯ ปททฺวเยนปิ กามาวจรตฺตภาโว กถิโตฯ มโนมโย อตฺตปฎิลาโภ รูปาวจรตฺตภาโวฯ โส หิ ฌานมเนน นิพฺพตฺตตฺตา มโนมโยฯ อรูโป อตฺตปฎิลาโภติ อรูปาวจรตฺตภาโวฯ โส หิ รูเปน อมิสฺสิตตฺตา อรูโปติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘อตฺตา’’ติ ปน ชีเว โลกโวหาโร นิรุโฬฺห, อสติปิ ชีเว ตถานิรุฬฺหํ โลกโวหารํ คเหตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธาปิ โวหรนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติ อิมา โลกสฺส สมญฺญา, ยาหิ ตถาคโต โวหรตี’’ติ วตฺวา อิทานิ ยถา โวหรนฺติ, ตํ ปการํ วิภาเวโนฺต ‘‘อปรามส’’นฺติอาทิมาหฯ
237. Oḷārikoti thūlo. Āhito ahaṃ māno etthāti attā, attabhāvo. So eva yathāsakaṃ kammunā paṭilabhitabbato paṭilābho. Padadvayenapi kāmāvacarattabhāvo kathito. Manomayo attapaṭilābho rūpāvacarattabhāvo. So hi jhānamanena nibbattattā manomayo. Arūpo attapaṭilābhoti arūpāvacarattabhāvo. So hi rūpena amissitattā arūpoti evamettha attho veditabbo. ‘‘Attā’’ti pana jīve lokavohāro niruḷho, asatipi jīve tathāniruḷhaṃ lokavohāraṃ gahetvā sammāsambuddhāpi voharantīti dassento ‘‘iti imā lokassa samaññā, yāhi tathāgato voharatī’’ti vatvā idāni yathā voharanti, taṃ pakāraṃ vibhāvento ‘‘aparāmasa’’ntiādimāha.
ปจฺจตฺตสามญฺญลกฺขณวเสนาติ กกฺขฬผุสนาทิสลกฺขณวเสน อนิจฺจตาทิสามญฺญลกฺขณวเสน จฯ อิมินาติ ‘‘ปจฺจตฺตสามญฺญลกฺขณวเสนา’’ติอาทินา วุเตฺตน ปรมตฺถโต ปุคฺคลาภาววจเนน ฯ อิโต ปุริมาติ ตตฺถ ตตฺถ สกวาทิปฎิเกฺขปาทิวิภาวนวเสน ปวตฺตา อิโต อตฺถสํวณฺณนโต ปุริมาฯ อิมินาติ วา ‘‘ยถา รูปาทโย ธมฺมา’’ติอาทินา อฎฺฐกถายํ วุตฺตวจเนนฯ ยถา จาติ เอตฺถ จ-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ เตน สมญฺญานติธาวนํ สมฺปิเณฺฑติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปรามาโส จ น โหติ ชนปทนิรุตฺติยา อภินิวิสิตพฺพโต, ยถา จ สมญฺญาติธาวนํ น โหติ, เอวํ อิโต ปุริมา จ อตฺถวณฺณนา โยเชตพฺพาฯ สมญฺญาติธาวเน หิ สติ สพฺพโลกโวหารูปเจฺฉโท สิยาติฯ
Paccattasāmaññalakkhaṇavasenāti kakkhaḷaphusanādisalakkhaṇavasena aniccatādisāmaññalakkhaṇavasena ca. Imināti ‘‘paccattasāmaññalakkhaṇavasenā’’tiādinā vuttena paramatthato puggalābhāvavacanena . Ito purimāti tattha tattha sakavādipaṭikkhepādivibhāvanavasena pavattā ito atthasaṃvaṇṇanato purimā. Imināti vā ‘‘yathā rūpādayo dhammā’’tiādinā aṭṭhakathāyaṃ vuttavacanena. Yathā cāti ettha ca-saddo samuccayattho. Tena samaññānatidhāvanaṃ sampiṇḍeti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā parāmāso ca na hoti janapadaniruttiyā abhinivisitabbato, yathā ca samaññātidhāvanaṃ na hoti, evaṃ ito purimā ca atthavaṇṇanā yojetabbā. Samaññātidhāvane hi sati sabbalokavohārūpacchedo siyāti.
ตสฺมา สจฺจนฺติ ยสฺมา ตตฺถ ปรมตฺถาการํ อนาโรเปตฺวา สมญฺญํ นาติธาวโนฺต เกวลํ โลกสมฺมุติยาว โวหรติ, ตสฺมา สจฺจํ ปเรสํ อวิสํวาทนโตฯ ตถการณนฺติ ตโถ อวิตโถ ธมฺมสภาโว การณํ ปวตฺติเหตุ เอตสฺสาติ ตถการณํ, ปรมตฺถวจนํ, อวิปรีตธมฺมสภาววิสยนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ธมฺมานํ ตถตาย ปวตฺต’’นฺติฯ
Tasmā saccanti yasmā tattha paramatthākāraṃ anāropetvā samaññaṃ nātidhāvanto kevalaṃ lokasammutiyāva voharati, tasmā saccaṃ paresaṃ avisaṃvādanato. Tathakāraṇanti tatho avitatho dhammasabhāvo kāraṇaṃ pavattihetu etassāti tathakāraṇaṃ, paramatthavacanaṃ, aviparītadhammasabhāvavisayanti attho. Tenāha ‘‘dhammānaṃ tathatāya pavatta’’nti.
ปฎิเวธานุโยคาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭivedhānuyogādivaṇṇanā niṭṭhitā.
ปุคฺคลกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Puggalakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. ปุคฺคลกถา • 1. Puggalakathā