Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๒. อนุสยวโคฺค

    2. Anusayavaggo

    ๔.ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา

    4.Puggalasuttavaṇṇanā

    ๑๔. ทุติยสฺส จตุเตฺถ อุภโต อุภยถา, อุภโต อุโภหิ ภาเคหิ วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺต เอกเทสสรูเปกเสสนเยนฯ ทฺวีหิ ภาเคหีติ กรเณ นิสฺสเกฺก เจตํ พหุวจนํ ฯ อาวุตฺติอาทิวเสน อยํ นิยโม เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิฯ เอเตน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน, มเคฺคน สมุเจฺฉทวิโมเกฺขน วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ เอวํ ปวโตฺต ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรวาโท, ‘‘นามกายโต รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ เอวํ ปวโตฺต ติปิฎกมหารกฺขิตเตฺถรวาโท, ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน เอกวารํ, มเคฺคน สมุเจฺฉทวิโมเกฺขน เอกวารํ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ เอวํ ปวโตฺต ติปิฎกจูฬาภยเตฺถรวาโท จาติ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ เถรวาทานํ เอกชฺฌํ สงฺคโห กโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ จ ปฐมวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุโตฺต อุภโตภาควิมุโตฺต วุโตฺต, ทุติยวาเท อุภโต ภาคโต วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺต, ตติยวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ เทฺว วาเร วิมุโตฺตติ อยเมเตสํ วิเสโสติฯ วิมุโตฺตติ กิเลเสหิ วิมุโตฺต, กิเลสวิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทเนหิ วา กายโต วิมุโตฺตหิ อโตฺถฯ

    14. Dutiyassa catutthe ubhato ubhayathā, ubhato ubhohi bhāgehi vimuttoti ubhatobhāgavimutto ekadesasarūpekasesanayena. Dvīhi bhāgehīti karaṇe nissakke cetaṃ bahuvacanaṃ . Āvuttiādivasena ayaṃ niyamo veditabboti āha ‘‘arūpasamāpattiyā’’tiādi. Etena ‘‘samāpattiyā vikkhambhanavimokkhena, maggena samucchedavimokkhena vimuttattā ubhatobhāgavimutto’’ti evaṃ pavatto tipiṭakacūḷanāgattheravādo, ‘‘nāmakāyato rūpakāyato ca vimuttattā ubhatobhāgavimutto’’ti evaṃ pavatto tipiṭakamahārakkhitattheravādo, ‘‘samāpattiyā vikkhambhanavimokkhena ekavāraṃ, maggena samucchedavimokkhena ekavāraṃ vimuttattā ubhatobhāgavimutto’’ti evaṃ pavatto tipiṭakacūḷābhayattheravādo cāti imesaṃ tiṇṇampi theravādānaṃ ekajjhaṃ saṅgaho katoti daṭṭhabbaṃ. Ettha ca paṭhamavāde dvīhi bhāgehi vimutto ubhatobhāgavimutto vutto, dutiyavāde ubhato bhāgato vimuttoti ubhatobhāgavimutto, tatiyavāde dvīhi bhāgehi dve vāre vimuttoti ayametesaṃ visesoti. Vimuttoti kilesehi vimutto, kilesavikkhambhanasamucchedanehi vā kāyato vimuttohi attho.

    โสติ อุภโตภาควิมุโตฺตฯ กามเญฺจตฺถ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ อรูปาวจรชฺฌานํ วิย ทุวงฺคิกํ อาเนญฺชปฺปตฺตนฺติ วุจฺจติฯ ตํ ปน ปทฎฺฐานํ กตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺต อุภโตภาควิมุโตฺต นาม น โหติ รูปกายโต อวิมุตฺตตฺตาฯ ตญฺหิ กิเลสกายโตว วิมุตฺตํ, น รูปกายโต, ตสฺมา ตโต วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปโตฺต อุภโตภาควิมุโตฺต น โหตีติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อรูป…เป.… ปญฺจวิโธ โหตี’’ติฯ อรูปสมาปตฺตีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํฯ อรหตฺตํ ปตฺตอนาคามิโนติ ภูตปุพฺพคติยา วุตฺตํฯ น หิ อรหตฺตํ ปโตฺต อนาคามี นาม โหติฯ ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก นิโรธสมาปตฺติอเนฺต อฎฺฐ วิโมเกฺข วตฺวา –

    Soti ubhatobhāgavimutto. Kāmañcettha rūpāvacaracatutthajjhānampi arūpāvacarajjhānaṃ viya duvaṅgikaṃ āneñjappattanti vuccati. Taṃ pana padaṭṭhānaṃ katvā arahattaṃ patto ubhatobhāgavimutto nāma na hoti rūpakāyato avimuttattā. Tañhi kilesakāyatova vimuttaṃ, na rūpakāyato, tasmā tato vuṭṭhāya arahattaṃ patto ubhatobhāgavimutto na hotīti āha ‘‘catunnaṃ arūpa…pe… pañcavidho hotī’’ti. Arūpasamāpattīnanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ. Arahattaṃ pattaanāgāminoti bhūtapubbagatiyā vuttaṃ. Na hi arahattaṃ patto anāgāmī nāma hoti. ‘‘Rūpī rūpāni passatī’’tiādike nirodhasamāpattiante aṭṭha vimokkhe vatvā –

    ‘‘ยโต จ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, อานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ –

    ‘‘Yato ca kho, ānanda, bhikkhu ime aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati, ānanda, bhikkhu ubhatobhāgavimutto’’ti –

    ยทิปิ มหานิทาเน (ที. นิ. ๒.๑๓๐) วุตฺตํ, ตํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตเสฎฺฐวเสน วุตฺตนฺติ, อิธ ปน สพฺพอุภโตภาควิมุเตฺต สงฺคหณตฺถํ ‘‘ปญฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปาฬิ ปเนตฺถ…เป.… อฎฺฐวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตา’’ติ อาหฯ มชฺฌิมนิกาเย ปน กีฎาคิริสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๑๘๒) –

    Yadipi mahānidāne (dī. ni. 2.130) vuttaṃ, taṃ pana ubhatobhāgavimuttaseṭṭhavasena vuttanti, idha pana sabbaubhatobhāgavimutte saṅgahaṇatthaṃ ‘‘pañcavidho hotī’’ti vatvā ‘‘pāḷi panettha…pe… aṭṭhavimokkhalābhino vasena āgatā’’ti āha. Majjhimanikāye pana kīṭāgirisutte (ma. ni. 2.182) –

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุโตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา, เต กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ , ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ –

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo ubhatobhāgavimutto? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā, te kāyena phusitvā viharati , paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo ubhatobhāgavimutto’’ti –

    อรูปสมาปตฺติวเสน จตฺตาโร อุภโตภาควิมุตฺตา, เสโฎฺฐ จ วุโตฺต วุตฺตลกฺขณูปปตฺติโตฯ ยถาวุเตฺตสุ หิ ปญฺจสุ ปุริมา จตฺตาโร สมาปตฺติสีสํ นิโรธํ น สมาปชฺชนฺตีติ ปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตา นามฯ อฎฺฐสมาปตฺติลาภี อนาคามี ตํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺตติ นิปฺปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตเสโฎฺฐ นามฯ

    Arūpasamāpattivasena cattāro ubhatobhāgavimuttā, seṭṭho ca vutto vuttalakkhaṇūpapattito. Yathāvuttesu hi pañcasu purimā cattāro samāpattisīsaṃ nirodhaṃ na samāpajjantīti pariyāyena ubhatobhāgavimuttā nāma. Aṭṭhasamāpattilābhī anāgāmī taṃ samāpajjitvā tato vuṭṭhāya vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pattoti nippariyāyena ubhatobhāgavimuttaseṭṭho nāma.

    กตโม จ ปุคฺคโลติอาทิ ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิฯ ตตฺถ กตโมติ ปุจฺฉาวจนํฯ ปุคฺคโลติ อสาธารณโต ปุจฺฉิตพฺพวจนํฯ อิธาติ อิธสฺมิํ สาสเนฯ เอกโจฺจติ เอโกฯ อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตีติ อฎฺฐ สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา นามกายโต ปฎิลภิตฺวา วิหรติฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปญฺญาย สงฺขารคตํ, มคฺคปญฺญาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ ทิสฺวาติ ทสฺสนเหตุฯ น หิ อาสเว ปญฺญาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ทิสฺวา ปริกฺขีณาติ วุตฺตา ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตาฯ เอวญฺหิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยาภาเวน วุตฺตํฯ

    Katamo ca puggalotiādi puggalapaññattipāḷi. Tattha katamoti pucchāvacanaṃ. Puggaloti asādhāraṇato pucchitabbavacanaṃ. Idhāti idhasmiṃ sāsane. Ekaccoti eko. Aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharatīti aṭṭha samāpattiyo samāpajjitvā nāmakāyato paṭilabhitvā viharati. Paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontīti vipassanāpaññāya saṅkhāragataṃ, maggapaññāya cattāri saccāni passitvā cattāropi āsavā parikkhīṇā honti. Disvāti dassanahetu. Na hi āsave paññāya passanti, dassanakāraṇā pana parikkhīṇā disvā parikkhīṇāti vuttā dassanāyattaparikkhayattā. Evañhi dassanaṃ āsavānaṃ khayassa purimakiriyābhāvena vuttaṃ.

    ปญฺญาวิมุโตฺตติ วิเสสโต ปญฺญาย เอว วิมุโตฺต, น ตสฺส อธิฎฺฐานภูเตน อฎฺฐวิโมกฺขสงฺขาเตน สาติสเยน สมาธินาติ ปญฺญาวิมุโตฺตฯ โย อริโย อนธิคตอฎฺฐวิโมโกฺข สพฺพโส อาสเวหิ วิมุโตฺต, ตเสฺสตํ อธิวจนํฯ อธิคเตปิ หิ รูปชฺฌานวิโมเกฺข น โส สาติสยสมาธินิสฺสิโตติ น ตสฺส วเสน อุภโตภาควิมุตฺตตา โหตีติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ อรูปชฺฌาเนสุ ปน เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุโตฺตเยว นาม โหติฯ เตน หิ อฎฺฐวิโมเกฺขกเทเสน ตํนามทานสมเตฺถน อฎฺฐวิโมกฺขลาภีเตฺวว วุจฺจติฯ สมุทาเย หิ ปวโตฺต โวหาโร อวยเวปิ ทิสฺสติ ยถา ตํ ‘‘สตฺติสโย’’ติ อนวเสสโต อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตาฯ อฎฺฐวิโมกฺขปฎิเกฺขปวเสเนว น เอกเทสภูตรูปชฺฌานปฺปฎิเกฺขปวเสนฯ เอวญฺหิ อรูปชฺฌาเนกเทสาภาเวปิ อฎฺฐวิโมกฺขปฎิเกฺขโป น โหตีติ สิทฺธํ โหติฯ อรูปาวจรชฺฌาเนสุ หิ เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุโตฺตเยว นาม โหติฯ

    Paññāvimuttoti visesato paññāya eva vimutto, na tassa adhiṭṭhānabhūtena aṭṭhavimokkhasaṅkhātena sātisayena samādhināti paññāvimutto. Yo ariyo anadhigataaṭṭhavimokkho sabbaso āsavehi vimutto, tassetaṃ adhivacanaṃ. Adhigatepi hi rūpajjhānavimokkhe na so sātisayasamādhinissitoti na tassa vasena ubhatobhāgavimuttatā hotīti vuttovāyamattho. Arūpajjhānesu pana ekasmimpi sati ubhatobhāgavimuttoyeva nāma hoti. Tena hi aṭṭhavimokkhekadesena taṃnāmadānasamatthena aṭṭhavimokkhalābhītveva vuccati. Samudāye hi pavatto vohāro avayavepi dissati yathā taṃ ‘‘sattisayo’’ti anavasesato āsavānaṃ parikkhīṇattā. Aṭṭhavimokkhapaṭikkhepavaseneva na ekadesabhūtarūpajjhānappaṭikkhepavasena. Evañhi arūpajjhānekadesābhāvepi aṭṭhavimokkhapaṭikkhepo na hotīti siddhaṃ hoti. Arūpāvacarajjhānesu hi ekasmimpi sati ubhatobhāgavimuttoyeva nāma hoti.

    ผุฎฺฐนฺตํ สจฺฉิกโตติ ผุฎฺฐานํ อโนฺต ผุฎฺฐโนฺต, ผุฎฺฐานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโยฯ อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํฯ ตํ ผุฎฺฐานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกโต สจฺฉิกรณูปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ, ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติอาทีสุ วิยฯ โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน วิมุโตฺต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมโกฺข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโตฯ นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกเจฺจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิ กโรตีติ ‘‘กายสกฺขี’’ติ วุจฺจติ, น ตุ ‘‘วิมุโตฺต’’ติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตาฯ เตนาห ‘‘ฌานผสฺสํ ปฐมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตี’’ติฯ อยํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฎฺฐาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา กายสกฺขิภาวํ ปตฺตานํ จตุนฺนํ, นิโรธา วุฎฺฐาย อคฺคมคฺคปฺปตฺตอนาคามิโน จ วเสน อุภโตภาควิมุโตฺต วิย ปญฺจวิโธ นาม โหตีติ วุตฺตํ อภิธมฺมฎีกายํ (ปุ. ป. มูลฎี. ๒๔) ‘‘กายสกฺขิมฺหิปิ เอเสว นโย’’ติฯ เอกเจฺจ อาสวาติ เหฎฺฐิมมคฺควชฺฌา อาสวาฯ

    Phuṭṭhantaṃ sacchikatoti phuṭṭhānaṃ anto phuṭṭhanto, phuṭṭhānaṃ arūpajjhānānaṃ anantaro kāloti adhippāyo. Accantasaṃyoge cetaṃ upayogavacanaṃ. Taṃ phuṭṭhānantarakālameva sacchikātabbaṃ sacchikato sacchikaraṇūpāyenāti vuttaṃ hoti, bhāvanapuṃsakaṃ vā etaṃ ‘‘ekamantaṃ nisīdī’’tiādīsu viya. Yo hi arūpajjhānena rūpakāyato nāmakāyekadesato ca vikkhambhanavimokkhena vimutto, tena nirodhasaṅkhāto vimokkho ālocito pakāsito viya hoti, na pana kāyena sacchikato. Nirodhaṃ pana ārammaṇaṃ katvā ekaccesu āsavesu khepitesu tena so sacchikato hoti, tasmā so sacchikātabbaṃ nirodhaṃ yathāālocitaṃ nāmakāyena sacchi karotīti ‘‘kāyasakkhī’’ti vuccati, na tu ‘‘vimutto’’ti ekaccānaṃ āsavānaṃ aparikkhīṇattā. Tenāha ‘‘jhānaphassaṃ paṭhamaṃ phusati, pacchā nirodhaṃ nibbānaṃ sacchikarotī’’ti. Ayaṃ catunnaṃ arūpasamāpattīnaṃ ekekato vuṭṭhāya saṅkhāre sammasitvā kāyasakkhibhāvaṃ pattānaṃ catunnaṃ, nirodhā vuṭṭhāya aggamaggappattaanāgāmino ca vasena ubhatobhāgavimutto viya pañcavidho nāma hotīti vuttaṃ abhidhammaṭīkāyaṃ (pu. pa. mūlaṭī. 24) ‘‘kāyasakkhimhipi eseva nayo’’ti. Ekacce āsavāti heṭṭhimamaggavajjhā āsavā.

    ทิฎฺฐนฺตํ ปโตฺตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคญาณสฺส อนนฺตรํ ปโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘ทิฎฺฐตฺตา ปโตฺต’’ติปิ ปาโฐฯ เอเตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฎฺฐิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติฯ เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปญฺญายาติ มคฺคปญฺญายฯ ปฐมผลฎฺฐโต ปฎฺฐาย ยาว อคฺคมคฺคฎฺฐา ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ เตนาห ‘‘โสปิ กายสกฺขี วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติฯ ยถา ปน ปญฺญาวิมุโตฺต, เอวํ อยมฺปิ สุกฺขวิปสฺสโก จตูหิ อรูปชฺฌาเนหิ วุฎฺฐาย ทิฎฺฐิปฺปตฺตภาวปฺปตฺตา จตฺตาโร จาติ ปญฺจวิโธ โหตีติ เวทิตโพฺพฯ สทฺธาวิมุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อิทํ ทุกฺขนฺติ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขนฺติฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ ฐเปตฺวา ตณฺหํ อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกํ ทุกฺขสจฺจนฺติ ยาถาวโต ปชานาติฯ ยสฺมา ปน ตณฺหา ทุกฺขํ ชเนติ นิพฺพเตฺตติ, ตโต ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ, ตสฺมา นํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขญฺจ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ, อปฺปวตฺติํ คจฺฉติ, ตสฺมา น ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อริโย ปน อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ เอตฺตาวตา นานากฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํฯ อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทเสฺสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตถาคตปฺปเวทิตาติ ตถาคเตน โพธิมเณฺฑ ปฎิวิทฺธา วิทิตา ปากฎา กตาฯ ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมาฯ โวทิฎฺฐา โหนฺตีติ สุทิฎฺฐาฯ โวจริตาติ สุจริตา, ปญฺญาย สุฎฺฐุ จราปิตาติ อโตฺถฯ อยนฺติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ทิฎฺฐิปฺปโตฺตติฯ

    Diṭṭhantaṃ pattoti dassanasaṅkhātassa sotāpattimaggañāṇassa anantaraṃ pattoti vuttaṃ hoti. ‘‘Diṭṭhattā patto’’tipi pāṭho. Etena catusaccadassanasaṅkhātāya diṭṭhiyā nirodhassa pattataṃ dīpeti. Tenāha ‘‘dukkhā saṅkhārā’’tiādi. Tattha paññāyāti maggapaññāya. Paṭhamaphalaṭṭhato paṭṭhāya yāva aggamaggaṭṭhā diṭṭhippatto. Tenāha ‘‘sopi kāyasakkhī viya chabbidho hotī’’ti. Yathā pana paññāvimutto, evaṃ ayampi sukkhavipassako catūhi arūpajjhānehi vuṭṭhāya diṭṭhippattabhāvappattā cattāro cāti pañcavidho hotīti veditabbo. Saddhāvimuttepi eseva nayo. Idaṃ dukkhanti ettakaṃ dukkhaṃ, na ito uddhaṃ dukkhanti. Yathābhūtaṃ pajānātīti ṭhapetvā taṇhaṃ upādānakkhandhapañcakaṃ dukkhasaccanti yāthāvato pajānāti. Yasmā pana taṇhā dukkhaṃ janeti nibbatteti, tato taṃ dukkhaṃ samudeti, tasmā naṃ ‘‘ayaṃ dukkhasamudayo’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Yasmā pana idaṃ dukkhañca samudayo ca nibbānaṃ patvā nirujjhati, appavattiṃ gacchati, tasmā na ‘‘ayaṃ dukkhanirodho’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Ariyo pana aṭṭhaṅgiko maggo taṃ dukkhanirodhaṃ gacchati, tena taṃ ‘‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Ettāvatā nānākkhaṇe saccavavatthānaṃ dassitaṃ. Idāni taṃ ekakkhaṇe dassetuṃ ‘‘tathāgatappaveditā’’tiādi vuttaṃ. Tathāgatappaveditāti tathāgatena bodhimaṇḍe paṭividdhā viditā pākaṭā katā. Dhammāti catusaccadhammā. Vodiṭṭhā hontīti sudiṭṭhā. Vocaritāti sucaritā, paññāya suṭṭhu carāpitāti attho. Ayanti ayaṃ evarūpo puggalo diṭṭhippattoti.

    สทฺธาย วิมุโตฺตติ สทฺทหนวเสน วิมุโตฺตฯ เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามเตฺตน วิมุตฺตภาวํ ทเสฺสติฯ สทฺธาวิมุโตฺตติ วา สทฺธาย อธิมุโตฺตติ อโตฺถฯ กิํ ปน เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ อตฺถีติ? นตฺถิฯ อถ กสฺมา สทฺธาวิมุโตฺต ทิฎฺฐิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ? อาคมนียนานเตฺตนฯ ทิฎฺฐิปฺปโตฺต หิ อาคมนมฺหิ กิเลเส วิกฺขเมฺภโนฺต อปฺปทุเกฺขน อกสิเรน อกิลมโนฺตว สโกฺกติ วิกฺขมฺภิตุํ, สทฺธาวิมุโตฺต ปน ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต สโกฺกติ วิกฺขมฺภิตุํ, ตสฺมา สทฺธาวิมุโตฺต ทิฎฺฐิปฺปตฺตํ น ปาปุณาติฯ เตนาห ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทิฯ สทฺทหนฺตสฺสาติ ‘‘เอกํสโต อยํ ปฎิปทา กิเลสกฺขยํ อาวหติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน ภาสิตตฺตา’’ติ เอวํ สทฺทหนฺตสฺสฯ ยสฺมา ปนสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสญฺญาปหานวเสน ภาวนาย ปุเพฺพนาปรํ วิเสสํ ปสฺสโต ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจกฺขตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สทฺทหนฺตสฺส วิยา’’ติฯ เสสปททฺวยํ ตเสฺสว เววจนํฯ เอตฺถ จ ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาติ วจเนน อาคมนียนานเตฺตน ทิฎฺฐิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตานํ ปญฺญานานตฺตํ โหตีติ ทสฺสิตํฯ อภิธมฺมฎฺฐกถายมฺปิ (ปุ. ป. อฎฺฐ. ๒๘) ‘‘เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ นตฺถิ, ปญฺญาย นานตฺตํ อตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อาคมนียนานเตฺตเนว สทฺธาวิมุโตฺต ทิฎฺฐิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ สนฺนิฎฺฐานํ กต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Saddhāya vimuttoti saddahanavasena vimutto. Etena sabbathā avimuttassapi saddhāmattena vimuttabhāvaṃ dasseti. Saddhāvimuttoti vā saddhāya adhimuttoti attho. Kiṃ pana nesaṃ kilesappahāne nānattaṃ atthīti? Natthi. Atha kasmā saddhāvimutto diṭṭhippattaṃ na pāpuṇātīti? Āgamanīyanānattena. Diṭṭhippatto hi āgamanamhi kilese vikkhambhento appadukkhena akasirena akilamantova sakkoti vikkhambhituṃ, saddhāvimutto pana dukkhena kasirena kilamanto sakkoti vikkhambhituṃ, tasmā saddhāvimutto diṭṭhippattaṃ na pāpuṇāti. Tenāha ‘‘etassa hī’’tiādi. Saddahantassāti ‘‘ekaṃsato ayaṃ paṭipadā kilesakkhayaṃ āvahati sammāsambuddhena bhāsitattā’’ti evaṃ saddahantassa. Yasmā panassa aniccānupassanādīhi niccasaññāpahānavasena bhāvanāya pubbenāparaṃ visesaṃ passato tattha tattha paccakkhatāpi atthi, tasmā vuttaṃ ‘‘saddahantassa viyā’’ti. Sesapadadvayaṃ tasseva vevacanaṃ. Ettha ca pubbabhāgamaggabhāvanāti vacanena āgamanīyanānattena diṭṭhippattasaddhāvimuttānaṃ paññānānattaṃ hotīti dassitaṃ. Abhidhammaṭṭhakathāyampi (pu. pa. aṭṭha. 28) ‘‘nesaṃ kilesappahāne nānattaṃ natthi, paññāya nānattaṃ atthiyevā’’ti vatvā ‘‘āgamanīyanānatteneva saddhāvimutto diṭṭhippattaṃ na pāpuṇātīti sanniṭṭhānaṃ kata’’nti vuttaṃ.

    อารมฺมณํ ยาถาวโต ธาเรติ อวธาเรตีติ ธโมฺม, ปญฺญาฯ ตํ ปญฺญาสงฺขาตํ ธมฺมํ อธิมตฺตตาย ปุพฺพงฺคมํ หุตฺวา ปวตฺตํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารีฯ เตนาห ‘‘ธโมฺม’’ติอาทิฯ ปญฺญาปุพฺพงฺคมนฺติ ปญฺญาปธานํฯ ‘‘สทฺธํ อนุสฺสรติ, สทฺธาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตี’’ติ อิมมตฺถํ เอเสว นโยติ อติทิสติฯ ปญฺญํ วาเหตีติ ปญฺญาวาหี, ปญฺญํ สาติสยํ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปญฺญาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวตี’’ติฯ ปญฺญา วา ปุคฺคลํ วาเหติ นิพฺพานาภิมุขํ คเมตีติ ปญฺญาวาหีฯ สทฺธาวาหีติ เอตฺถาปิ อิมินา นเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถาติ อุภโตภาควิมุตฺตาทีสุ อาคมนโต ปฎฺฐาย วตฺตพฺพกถาฯ ตสฺมาติ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๗๓, ๘๘๙) วุตฺตตฺตาฯ ตโต เอว วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๗๗๓) วุตฺตนเยเนว เจตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Ārammaṇaṃ yāthāvato dhāreti avadhāretīti dhammo, paññā. Taṃ paññāsaṅkhātaṃ dhammaṃ adhimattatāya pubbaṅgamaṃ hutvā pavattaṃ anussaratīti dhammānusārī. Tenāha ‘‘dhammo’’tiādi. Paññāpubbaṅgamanti paññāpadhānaṃ. ‘‘Saddhaṃ anussarati, saddhāpubbaṅgamaṃ maggaṃ bhāvetī’’ti imamatthaṃ eseva nayoti atidisati. Paññaṃ vāhetīti paññāvāhī, paññaṃ sātisayaṃ pavattetīti attho. Tenāha ‘‘paññāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāvetī’’ti. Paññā vā puggalaṃ vāheti nibbānābhimukhaṃ gametīti paññāvāhī. Saddhāvāhīti etthāpi iminā nayeneva attho veditabbo. Ubhatobhāgavimuttādikathāti ubhatobhāgavimuttādīsu āgamanato paṭṭhāya vattabbakathā. Tasmāti visuddhimagge (visuddhi. 2.773, 889) vuttattā. Tato eva visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. mahāṭī. 2.773) vuttanayeneva cettha attho veditabbo.

    ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Puggalasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. ปุคฺคลสุตฺตํ • 4. Puggalasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา • 4. Puggalasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact