Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. ปุนพฺพสุสุตฺตวณฺณนา

    7. Punabbasusuttavaṇṇanā

    ๒๔๑. สตฺตเม เตน โข ปน สมเยนาติ กตรสมเยน? สูริยสฺส อตฺถงฺคมนสมเยนฯ ตทา กิร ภควา ปจฺฉาภเตฺต มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ อุโยฺยเชตฺวา นฺหานโกฎฺฐเก นฺหตฺวา คนฺธกุฎิปริเวเณ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน ปุรตฺถิมโลกธาตุํ โอโลกยมาโน นิสีทิฯ อเถกจาริกทฺวิจาริกาทโย ปํสุกูลิกปิณฺฑปาติกภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน วสนฎฺฐาเนหิ นิกฺขมิตฺวา อาคมฺม ทสพลํ วนฺทิตฺวา รตฺตสาณิยา ปริกฺขิปมานา วิย นิสีทิํสุฯ อถ เนสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา สตฺถา นิพฺพานปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กเถสิฯ

    241. Sattame tena kho pana samayenāti katarasamayena? Sūriyassa atthaṅgamanasamayena. Tadā kira bhagavā pacchābhatte mahājanassa dhammaṃ desetvā mahājanaṃ uyyojetvā nhānakoṭṭhake nhatvā gandhakuṭipariveṇe paññattavarabuddhāsane puratthimalokadhātuṃ olokayamāno nisīdi. Athekacārikadvicārikādayo paṃsukūlikapiṇḍapātikabhikkhū attano attano vasanaṭṭhānehi nikkhamitvā āgamma dasabalaṃ vanditvā rattasāṇiyā parikkhipamānā viya nisīdiṃsu. Atha nesaṃ ajjhāsayaṃ viditvā satthā nibbānapaṭisaṃyuttaṃ dhammakathaṃ kathesi.

    เอวํ โตเสสีติ สา กิร ธีตรํ อเงฺกนาทาย ปุตฺตํ องฺคุลิยา คเหตฺวา เชตวนปิฎฺฐิยํ ปาการปริเกฺขปสมีเป อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกํ ปริเยสมานา อนุปุเพฺพน เชตวนทฺวารโกฎฺฐกํ สมฺปตฺตาฯ ภควโต จ, ‘‘อานนฺท, ปตฺตํ อาหร, จีวรํ อาหร, วิฆาสาทานํ ทานํ เทหี’’ติ กเถนฺตสฺส สโทฺท สมนฺตา ทฺวาทสหตฺถมตฺตเมว คณฺหาติฯ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สเจปิ จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ปริสา นิสีทติ, ยถา ปริสํ คจฺฉติ, พหิปริสาย เอกงฺคุลิมตฺตมฺปิ น นิคฺคจฺฉติ, ‘‘มา อการณา มธุรสโทฺท นสฺสี’’ติฯ ตตฺรายํ ยกฺขินี พหิปริสาย ฐิตา สทฺทํ น สุณาติ, ทฺวารโกฎฺฐเก ฐิตาย ปนสฺสา มหติยา พุทฺธวีถิยา อภิมุเข ฐิตา คนฺธกุฎิ ปญฺญายิฯ สา นิวาเต ทีปสิขา วิย พุทฺธคารเวน หตฺถกุกฺกุจฺจาทิรหิตํ นิจฺจลํ ปริสํ ทิสฺวา – ‘‘นูน เมตฺถ กิญฺจิ ภาชนียภณฺฑํ ภวิสฺสติ, ยโต อหํ สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีสุ กิญฺจิเทว ปตฺตโต วา หตฺถโต วา ปคฺฆรนฺตํ ภูมิยํ วา ปน ปติตํ ลภิสฺสามี’’ติ อโนฺตวิหารํ ปาวิสิฯ ทฺวารโกฎฺฐเก อวรุทฺธกานํ นิวารณตฺถาย ฐิตา อารกฺขเทวตา ยกฺขินิยา อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา น นิวาเรสิฯ ตสฺสา สห ปริสาย เอกีภาวคมเนน มธุรสฺสโร ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ อฎฺฐาสิฯ ตํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย นิจฺจลํ ฐิตํ ปุริมนเยเนว ปุตฺตกา โจทยิํสุฯ สา ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส เม อนฺตรายํ กโรนฺตี’’ติ ปุตฺตเก ตุณฺหี อุตฺตริเก โหหีติ เอวํ โตเสสิฯ

    Evaṃ tosesīti sā kira dhītaraṃ aṅkenādāya puttaṃ aṅguliyā gahetvā jetavanapiṭṭhiyaṃ pākāraparikkhepasamīpe uccārapassāvakheḷasiṅghāṇikaṃ pariyesamānā anupubbena jetavanadvārakoṭṭhakaṃ sampattā. Bhagavato ca, ‘‘ānanda, pattaṃ āhara, cīvaraṃ āhara, vighāsādānaṃ dānaṃ dehī’’ti kathentassa saddo samantā dvādasahatthamattameva gaṇhāti. Dhammaṃ desentassa sacepi cakkavāḷapariyantaṃ katvā parisā nisīdati, yathā parisaṃ gacchati, bahiparisāya ekaṅgulimattampi na niggacchati, ‘‘mā akāraṇā madhurasaddo nassī’’ti. Tatrāyaṃ yakkhinī bahiparisāya ṭhitā saddaṃ na suṇāti, dvārakoṭṭhake ṭhitāya panassā mahatiyā buddhavīthiyā abhimukhe ṭhitā gandhakuṭi paññāyi. Sā nivāte dīpasikhā viya buddhagāravena hatthakukkuccādirahitaṃ niccalaṃ parisaṃ disvā – ‘‘nūna mettha kiñci bhājanīyabhaṇḍaṃ bhavissati, yato ahaṃ sappitelamadhuphāṇitādīsu kiñcideva pattato vā hatthato vā paggharantaṃ bhūmiyaṃ vā pana patitaṃ labhissāmī’’ti antovihāraṃ pāvisi. Dvārakoṭṭhake avaruddhakānaṃ nivāraṇatthāya ṭhitā ārakkhadevatā yakkhiniyā upanissayaṃ disvā na nivāresi. Tassā saha parisāya ekībhāvagamanena madhurassaro chaviādīni chinditvā aṭṭhimiñjaṃ āhacca aṭṭhāsi. Taṃ dhammassavanatthāya niccalaṃ ṭhitaṃ purimanayeneva puttakā codayiṃsu. Sā ‘‘dhammassavanassa me antarāyaṃ karontī’’ti puttake tuṇhī uttarike hohīti evaṃ tosesi.

    ตตฺถ ยาวาติ ยาว ธมฺมํ สุณามิ, ตาว ตุณฺหี โหหีติ อโตฺถฯ สพฺพคนฺถปฺปโมจนนฺติ นิพฺพานํ อาคมฺม สเพฺพ คนฺถา ปมุจฺจนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพคนฺถปฺปโมจนนฺติ วุจฺจติฯ อติเวลาติ เวลาติกฺกนฺตา ปมาณาติกฺกนฺตาฯ ปิยายนาติ มคฺคนา ปตฺถนาฯ ตโต ปิยตรนฺติ ยา อยํ อสฺส ธมฺมสฺส มคฺคนา ปตฺถนา, อิทํ มยฺหํ ตโต ปิยตรนฺติ อโตฺถฯ ปิยตราติ วา ปาโฐฯ ปาณินนฺติ ยถา ปาณีนํ ทุกฺขา โมเจติฯ เก โมเจตีติ? ปาณิเนติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพํฯ ยํ ธมฺมํ อภิสมฺพุทฺธนฺติ, ยํ ธมฺมํ ภควา อภิสมฺพุโทฺธฯ ตุณฺหีภูตายมุตฺตราติ น เกวลํ อหเมว, อยํ เม ภคินี อุตฺตราปิ ตุณฺหีภูตาติ วทติฯ สทฺธมฺมสฺส อนญฺญายาติ, อมฺม, มยํ ปุเพฺพปิ อิมํ สทฺธมฺมเมว อชานิตฺวา อิทานิ อิทํ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทุกฺขํ จราม วิหรามฯ

    Tattha yāvāti yāva dhammaṃ suṇāmi, tāva tuṇhī hohīti attho. Sabbaganthappamocananti nibbānaṃ āgamma sabbe ganthā pamuccanti, tasmā taṃ sabbaganthappamocananti vuccati. Ativelāti velātikkantā pamāṇātikkantā. Piyāyanāti magganā patthanā. Tato piyataranti yā ayaṃ assa dhammassa magganā patthanā, idaṃ mayhaṃ tato piyataranti attho. Piyatarāti vā pāṭho. Pāṇinanti yathā pāṇīnaṃ dukkhā moceti. Ke mocetīti? Pāṇineti āharitvā vattabbaṃ. Yaṃ dhammaṃ abhisambuddhanti, yaṃ dhammaṃ bhagavā abhisambuddho. Tuṇhībhūtāyamuttarāti na kevalaṃ ahameva, ayaṃ me bhaginī uttarāpi tuṇhībhūtāti vadati. Saddhammassa anaññāyāti, amma, mayaṃ pubbepi imaṃ saddhammameva ajānitvā idāni idaṃ khuppipāsādidukkhaṃ anubhavantā dukkhaṃ carāma viharāma.

    จกฺขุมาติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมาฯ ธมฺมํ เทเสโนฺตเยว ภควา ปริสํ สลฺลกฺขยมาโน ตสฺสา ยกฺขินิยา เจว ยกฺขทารกสฺส จ โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา เทสนํ วินิวเฎฺฎตฺวา จตุสจฺจกถํ ทีเปติ, ตํ สุตฺวา ตสฺมิํเยว เทเส ฐิตา ยกฺขินี สทฺธิํ ปุเตฺตน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิตาฯ ธีตุยาปิ ปนสฺสา อุปนิสฺสโย อตฺถิ, อติทหรตฺตา ปน เทสนํ สมฺปฎิจฺฉิตุํ นาสกฺขิฯ

    Cakkhumāti pañcahi cakkhūhi cakkhumā. Dhammaṃ desentoyeva bhagavā parisaṃ sallakkhayamāno tassā yakkhiniyā ceva yakkhadārakassa ca sotāpattiphalassa upanissayaṃ disvā desanaṃ vinivaṭṭetvā catusaccakathaṃ dīpeti, taṃ sutvā tasmiṃyeva dese ṭhitā yakkhinī saddhiṃ puttena sotāpattiphale patiṭṭhitā. Dhītuyāpi panassā upanissayo atthi, atidaharattā pana desanaṃ sampaṭicchituṃ nāsakkhi.

    อิทานิ สา ยกฺขินี ปุตฺตสฺส อนุโมทนํ กโรนฺตี สาธุ โข ปณฺฑิโต นามาติอาทิมาหฯ อชฺชาหมฺหิ สมุคฺคตาติ อหมฺหิ อชฺช วฎฺฎโต อุคฺคตา สมุคฺคตา สาสเน วา อุคฺคตา สมุคฺคตา, ตฺวมฺปิ สุขี โหหีติฯ ทิฎฺฐานีติ มยา จ ตยา จ ทิฎฺฐานิฯ อุตฺตราปิ สุณาตุ เมติ, ‘‘อมฺหากํ จตุสจฺจปฎิเวธภาวํ, ธีตา เม อุตฺตราปิ, สุณาตู’’ติ วทติฯ สห สจฺจปฎิเวเธเนว สาปิ สูจิโลโม วิย สพฺพํ เสตกณฺฑุกจฺฉุอาทิภาวํ ปหาย ทิพฺพสมฺปตฺติํ ปฎิลภติ สทฺธิํ ปุเตฺตนฯ ธีตา ปนสฺสา ยถา นาม โลเก มาตาปิตูหิ อิสฺสริเย ลเทฺธ ปุตฺตานมฺปิ ตํ โหติ, เอวํ มาตุ-อานุภาเวเนว สมฺปตฺติํ ลภิฯ ตโต ปฎฺฐาย จ สา สทฺธิํ ปุตฺตเกหิ คนฺธกุฎิสมีปรุเกฺขเยว นิวาสรุกฺขํ ลภิตฺวา สายํ ปาตํ พุทฺธทสฺสนํ ลภมานา ธมฺมํ สุณมานา ทีฆรตฺตํ ตเตฺถว วสิฯ สตฺตมํฯ

    Idāni sā yakkhinī puttassa anumodanaṃ karontī sādhu kho paṇḍito nāmātiādimāha. Ajjāhamhi samuggatāti ahamhi ajja vaṭṭato uggatā samuggatā sāsane vā uggatā samuggatā, tvampi sukhī hohīti. Diṭṭhānīti mayā ca tayā ca diṭṭhāni. Uttarāpi suṇātu meti, ‘‘amhākaṃ catusaccapaṭivedhabhāvaṃ, dhītā me uttarāpi, suṇātū’’ti vadati. Saha saccapaṭivedheneva sāpi sūcilomo viya sabbaṃ setakaṇḍukacchuādibhāvaṃ pahāya dibbasampattiṃ paṭilabhati saddhiṃ puttena. Dhītā panassā yathā nāma loke mātāpitūhi issariye laddhe puttānampi taṃ hoti, evaṃ mātu-ānubhāveneva sampattiṃ labhi. Tato paṭṭhāya ca sā saddhiṃ puttakehi gandhakuṭisamīparukkheyeva nivāsarukkhaṃ labhitvā sāyaṃ pātaṃ buddhadassanaṃ labhamānā dhammaṃ suṇamānā dīgharattaṃ tattheva vasi. Sattamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๗. ปุนพฺพสุสุตฺตํ • 7. Punabbasusuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. ปุนพฺพสุสุตฺตวณฺณนา • 7. Punabbasusuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact