Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    ปุญฺญกิริยวตฺถาทิกถา

    Puññakiriyavatthādikathā

    ตานิ สพฺพานิปิ ทสหิ ปุญฺญกิริยวตฺถูหิ ทีเปตพฺพานิฯ กถํ? ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, สีลมยํ… ภาวนามยํ… อปจิติสหคตํ… เวยฺยาวจฺจสหคตํ… ปตฺตานุปฺปทานํ… อพฺภนุโมทนํ… เทสนามยํ… สวนมยํ… ทิฎฺฐิชุกมฺมํ ปุญฺญกิริยวตฺถูติ อิมานิ ทส ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ นามฯ ตตฺถ ทานเมว ทานมยํฯ ปุญฺญกิริยา จ สา เตสํ เตสํ อานิสํสานํ วตฺถุ จาติ ปุญฺญกิริยวตฺถุฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    Tāni sabbānipi dasahi puññakiriyavatthūhi dīpetabbāni. Kathaṃ? Dānamayaṃ puññakiriyavatthu, sīlamayaṃ… bhāvanāmayaṃ… apacitisahagataṃ… veyyāvaccasahagataṃ… pattānuppadānaṃ… abbhanumodanaṃ… desanāmayaṃ… savanamayaṃ… diṭṭhijukammaṃ puññakiriyavatthūti imāni dasa puññakiriyavatthūni nāma. Tattha dānameva dānamayaṃ. Puññakiriyā ca sā tesaṃ tesaṃ ānisaṃsānaṃ vatthu cāti puññakiriyavatthu. Sesesupi eseva nayo.

    ตตฺถ จีวราทีสุ จตูสุ ปจฺจเยสุ, รูปาทีสุ วา ฉสุ อารมฺมเณสุ, อนฺนาทีสุ วา ทสสุ ทานวตฺถูสุ, ตํ ตํ เทนฺตสฺส เตสํ เตสํ อุปฺปาทนโต ปฎฺฐาย ปุพฺพภาเค, ปริจฺจาคกาเล, ปจฺฉา โสมนสฺสจิเตฺตน อนุสฺสรณกาเล จาติ ตีสุ กาเลสุ ปวตฺตา เจตนา ‘ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นามฯ

    Tattha cīvarādīsu catūsu paccayesu, rūpādīsu vā chasu ārammaṇesu, annādīsu vā dasasu dānavatthūsu, taṃ taṃ dentassa tesaṃ tesaṃ uppādanato paṭṭhāya pubbabhāge, pariccāgakāle, pacchā somanassacittena anussaraṇakāle cāti tīsu kālesu pavattā cetanā ‘dānamayaṃ puññakiriyavatthu’ nāma.

    ปญฺจสีลํ อฎฺฐสีลํ ทสสีลํ สมาทิยนฺตสฺส, ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส, ปพฺพชนฺตสฺส, ‘มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปพฺพชิโต วต’มฺหิ, ‘สาธุ สาธู’ติ อาวเชฺชนฺตสฺส, ปาติโมกฺขํ สํวรนฺตสฺส, จีวราทโย ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, อาปาถคเตสุ รูปาทีสุ จกฺขุทฺวาราทีนิ สํวรนฺตสฺส , อาชีวํ โสเธนฺตสฺส จ ปวตฺตา เจตนา ‘สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นามฯ

    Pañcasīlaṃ aṭṭhasīlaṃ dasasīlaṃ samādiyantassa, ‘pabbajissāmī’ti vihāraṃ gacchantassa, pabbajantassa, ‘manorathaṃ matthakaṃ pāpetvā pabbajito vata’mhi, ‘sādhu sādhū’ti āvajjentassa, pātimokkhaṃ saṃvarantassa, cīvarādayo paccaye paccavekkhantassa, āpāthagatesu rūpādīsu cakkhudvārādīni saṃvarantassa , ājīvaṃ sodhentassa ca pavattā cetanā ‘sīlamayaṃ puññakiriyavatthu’ nāma.

    ปฎิสมฺภิทายํ วุเตฺตน วิปสฺสนามเคฺคน จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ภาเวนฺตสฺส…เป.… มนํ… รูเป…เป.… ธเมฺม… จกฺขุวิญฺญาณํ…เป.… มโนวิญฺญาณํ,… จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป.… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป.… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ, …เป.… รูปสญฺญํ…เป.… ชรามรณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ภาเวนฺตสฺส ปวตฺตา เจตนา, อฎฺฐติํสาย วา อารมฺมเณสุ อปฺปนํ อปฺปตฺตา สพฺพาปิ เจตนา ‘ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นามฯ

    Paṭisambhidāyaṃ vuttena vipassanāmaggena cakkhuṃ aniccato dukkhato anattato bhāventassa…pe… manaṃ… rūpe…pe… dhamme… cakkhuviññāṇaṃ…pe… manoviññāṇaṃ,… cakkhusamphassaṃ…pe… manosamphassaṃ, cakkhusamphassajaṃ vedanaṃ…pe… manosamphassajaṃ vedanaṃ, …pe… rūpasaññaṃ…pe… jarāmaraṇaṃ aniccato dukkhato anattato bhāventassa pavattā cetanā, aṭṭhatiṃsāya vā ārammaṇesu appanaṃ appattā sabbāpi cetanā ‘bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthu’ nāma.

    มหลฺลกํ ปน ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนปตฺตจีวรปฎิคฺคหณอภิวาทนมคฺคสมฺปทานาทิวเสน ‘อปจิติสหคตํ’ เวทิตพฺพํฯ

    Mahallakaṃ pana disvā paccuggamanapattacīvarapaṭiggahaṇaabhivādanamaggasampadānādivasena ‘apacitisahagataṃ’ veditabbaṃ.

    วุฑฺฒตรานํ วตฺตปฺปฎิปตฺติกรณวเสน คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา คาเม ภิกฺขํ สมาทเปตฺวา อุปสํหรณวเสน, ‘คจฺฉ ภิกฺขูนํ ปตฺตํ อาหรา’ติ สุตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปตฺตาหรณาทิวเสน จ กายเวยฺยาวฎิกกาเล ‘เวยฺยาวจฺจสหคตํ’ เวทิตพฺพํฯ

    Vuḍḍhatarānaṃ vattappaṭipattikaraṇavasena gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhaṃ bhikkhuṃ disvā pattaṃ gahetvā gāme bhikkhaṃ samādapetvā upasaṃharaṇavasena, ‘gaccha bhikkhūnaṃ pattaṃ āharā’ti sutvā vegena gantvā pattāharaṇādivasena ca kāyaveyyāvaṭikakāle ‘veyyāvaccasahagataṃ’ veditabbaṃ.

    ทานํ ทตฺวา คนฺธาทีหิ ปูชํ กตฺวา ‘อสุกสฺส นาม ปตฺติ โหตู’ติ วา, ‘สพฺพสตฺตานํ โหตู’ติ วา ปตฺติํ ททโต ‘ปตฺตานุปฺปทานํ’ เวทิตพฺพํฯ กิํ ปเนวํ ปตฺติํ ททโต ปุญฺญกฺขโย โหตีติ? น โหติฯ ยถา ปน เอกํ ทีปํ ชาเลตฺวา ตโต ทีปสหสฺสํ ชาเลนฺตสฺส ปฐมทีโป ขีโณติ น วตฺตโพฺพ; ปุริมาโลเกน ปน สทฺธิํ ปจฺฉิมาโลโก เอกโต หุตฺวา อติมหา โหติฯ เอวเมว ปตฺติํ ททโต ปริหานิ นาม นตฺถิฯ วุฑฺฒิเยว ปน โหตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Dānaṃ datvā gandhādīhi pūjaṃ katvā ‘asukassa nāma patti hotū’ti vā, ‘sabbasattānaṃ hotū’ti vā pattiṃ dadato ‘pattānuppadānaṃ’ veditabbaṃ. Kiṃ panevaṃ pattiṃ dadato puññakkhayo hotīti? Na hoti. Yathā pana ekaṃ dīpaṃ jāletvā tato dīpasahassaṃ jālentassa paṭhamadīpo khīṇoti na vattabbo; purimālokena pana saddhiṃ pacchimāloko ekato hutvā atimahā hoti. Evameva pattiṃ dadato parihāni nāma natthi. Vuḍḍhiyeva pana hotīti veditabbo.

    ปเรหิ ทินฺนาย ปตฺติยา วา อญฺญาย วา ปุญฺญกิริยาย ‘สาธุ สาธู’ติ อนุโมทนวเสน ‘อพฺภนุโมทนํ’ เวทิตพฺพํฯ

    Parehi dinnāya pattiyā vā aññāya vā puññakiriyāya ‘sādhu sādhū’ti anumodanavasena ‘abbhanumodanaṃ’ veditabbaṃ.

    เอโก ‘เอวํ มํ ธมฺมกถิโกติ มํ ชานิสฺสนฺตี’ติ อิจฺฉาย ฐตฺวา ลาภครุโก หุตฺวา เทเสติ, ตํ น มหปฺผลํฯ เอโก อตฺตโน ปคุณํ ธมฺมํ อปจฺจาสีสมาโน วิมุตฺตายตนสีเสน ปเรสํ เทเสติ, อิทํ ‘เทสนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นามฯ

    Eko ‘evaṃ maṃ dhammakathikoti maṃ jānissantī’ti icchāya ṭhatvā lābhagaruko hutvā deseti, taṃ na mahapphalaṃ. Eko attano paguṇaṃ dhammaṃ apaccāsīsamāno vimuttāyatanasīsena paresaṃ deseti, idaṃ ‘desanāmayaṃ puññakiriyavatthu’ nāma.

    เอโก สุณโนฺต ‘อิติ มํ สโทฺธติ ชานิสฺสนฺตี’ติ สุณาติ, ตํ น มหปฺผลํฯ เอโก ‘เอวํ เม มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’ติ หิตผรเณน มุทุจิเตฺตน ธมฺมํ สุณาติ, อิทํ ‘สวนมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นามฯ

    Eko suṇanto ‘iti maṃ saddhoti jānissantī’ti suṇāti, taṃ na mahapphalaṃ. Eko ‘evaṃ me mahapphalaṃ bhavissatī’ti hitapharaṇena muducittena dhammaṃ suṇāti, idaṃ ‘savanamayaṃ puññakiriyavatthu’ nāma.

    ทิฎฺฐิํ อุชุํ กโรนฺตสฺส ‘ทิฎฺฐิชุกมฺมํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นามฯ ทีฆภาณกา ปนาหุ – ‘ทิฎฺฐิชุกมฺมํ สเพฺพสํ นิยมลกฺขณํ, ยํกิญฺจิ ปุญฺญํ กโรนฺตสฺส หิ ทิฎฺฐิยา อุชุกภาเวเนว มหปฺผลํ โหตี’ติฯ

    Diṭṭhiṃ ujuṃ karontassa ‘diṭṭhijukammaṃ puññakiriyavatthu’ nāma. Dīghabhāṇakā panāhu – ‘diṭṭhijukammaṃ sabbesaṃ niyamalakkhaṇaṃ, yaṃkiñci puññaṃ karontassa hi diṭṭhiyā ujukabhāveneva mahapphalaṃ hotī’ti.

    เอเตสุ ปน ปุญฺญกิริยวตฺถูสุ ทานมยํ ตาว ‘ทานํ ทสฺสามี’ติ จิเนฺตนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, ทานํ ททโต อุปฺปชฺชติ, ‘ทินฺนํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปชฺชติฯ เอวํ ปุพฺพเจตนํ มุญฺจนเจตนํ อปรเจตนนฺติ ติโสฺสปิ เจตนา เอกโต กตฺวา ‘ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นาม โหติฯ สีลมยมฺปิ ‘สีลํ ปูเรสฺสามี’ติ จิเนฺตนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, สีลปูรณกาเล อุปฺปชฺชติ, ‘ปูริตํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปชฺชติฯ ตา สพฺพาปิ เอกโต กตฺวา ‘สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นาม โหติ…เป.… ทิฎฺฐิชุกมฺมมฺปิ ‘ทิฎฺฐิํ อุชุกํ กริสฺสามี’ติ จิเนฺตนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, ทิฎฺฐิํ อุชุํ กโรนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, ‘ทิฎฺฐิ เม อุชุกา กตา’ติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปชฺชติฯ ตา สพฺพาปิ เอกโต กตฺวา ‘ทิฎฺฐิชุกมฺมํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ’ นาม โหติฯ

    Etesu pana puññakiriyavatthūsu dānamayaṃ tāva ‘dānaṃ dassāmī’ti cintentassa uppajjati, dānaṃ dadato uppajjati, ‘dinnaṃ me’ti paccavekkhantassa uppajjati. Evaṃ pubbacetanaṃ muñcanacetanaṃ aparacetananti tissopi cetanā ekato katvā ‘dānamayaṃ puññakiriyavatthu’ nāma hoti. Sīlamayampi ‘sīlaṃ pūressāmī’ti cintentassa uppajjati, sīlapūraṇakāle uppajjati, ‘pūritaṃ me’ti paccavekkhantassa uppajjati. Tā sabbāpi ekato katvā ‘sīlamayaṃ puññakiriyavatthu’ nāma hoti…pe… diṭṭhijukammampi ‘diṭṭhiṃ ujukaṃ karissāmī’ti cintentassa uppajjati, diṭṭhiṃ ujuṃ karontassa uppajjati, ‘diṭṭhi me ujukā katā’ti paccavekkhantassa uppajjati. Tā sabbāpi ekato katvā ‘diṭṭhijukammaṃ puññakiriyavatthu’ nāma hoti.

    สุเตฺต ปน ตีณิเยว ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ อาคตานิฯ เตสุ อิตเรสมฺปิ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ อปจิติเวยฺยาวจฺจานิ หิ สีลมเย สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ ปตฺตานุปฺปทานอพฺภนุโมทนานิ ทานมเยฯ เทสนาสวนทิฎฺฐิชุกมฺมานิ ภาวนามเยฯ เย ปน ‘ทิฎฺฐิชุกมฺมํ สเพฺพสํ นิยมลกฺขณ’นฺติ วทนฺติ เตสํ ตํ ตีสุปิ สงฺคหํ คจฺฉติฯ เอวเมตานิ สเงฺขปโต ตีณิ หุตฺวา วิตฺถารโต ทส โหนฺติฯ

    Sutte pana tīṇiyeva puññakiriyavatthūni āgatāni. Tesu itaresampi saṅgaho veditabbo. Apacitiveyyāvaccāni hi sīlamaye saṅgahaṃ gacchanti. Pattānuppadānaabbhanumodanāni dānamaye. Desanāsavanadiṭṭhijukammāni bhāvanāmaye. Ye pana ‘diṭṭhijukammaṃ sabbesaṃ niyamalakkhaṇa’nti vadanti tesaṃ taṃ tīsupi saṅgahaṃ gacchati. Evametāni saṅkhepato tīṇi hutvā vitthārato dasa honti.

    เตสุ ‘ทานํ ทสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺต อฎฺฐนฺนํ กามาวจรกุสลจิตฺตานํ อญฺญตเรเนว จิเนฺตติ; ททมาโนปิ เตสํเยว อญฺญตเรน เทติ; ‘ทานํ เม ทินฺน’นฺติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ ‘สีลํ ปูเรสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน จิเนฺตติ; สีลํ ปูเรโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปูเรติ, ‘สีลํ เม ปูริต’นฺติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ ‘ภาวนํ ภาเวสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน จิเนฺตติ; ภาเวโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ภาเวติ; ‘ภาวนา เม ภาวิตา’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ

    Tesu ‘dānaṃ dassāmī’ti cintento aṭṭhannaṃ kāmāvacarakusalacittānaṃ aññatareneva cinteti; dadamānopi tesaṃyeva aññatarena deti; ‘dānaṃ me dinna’nti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati. ‘Sīlaṃ pūressāmī’ti cintentopi tesaṃyeva aññatarena cinteti; sīlaṃ pūrentopi tesaṃyeva aññatarena pūreti, ‘sīlaṃ me pūrita’nti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati. ‘Bhāvanaṃ bhāvessāmī’ti cintentopi tesaṃyeva aññatarena cinteti; bhāventopi tesaṃyeva aññatarena bhāveti; ‘bhāvanā me bhāvitā’ti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati.

    ‘เชฎฺฐาปจิติกมฺมํ กริสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน จิเนฺตติ, กโรโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน กโรติ, ‘กตํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ ‘กายเวยฺยาวฎิกกมฺมํ กริสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ, กโรโนฺตปิ, ‘กตํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ ‘ปตฺติํ ทสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ, ททโนฺตปิ, ‘ทินฺนํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ, ‘ปตฺติํ วา เสสกุสลํ วา อนุโมทิสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน จิเนฺตติ; อนุโมทโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน อนุโมทติ, ‘อนุโมทิตํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ ‘ธมฺมํ เทเสสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน จิเนฺตติ, เทเสโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน เทเสติ, ‘เทสิโต เม’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ ‘ธมฺมํ โสสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน จิเนฺตติ, สุณโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน สุณาติ, ‘สุโต เม’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ ‘ทิฎฺฐิํ อุชุกํ กริสฺสามี’ติ จิเนฺตโนฺตปิ เตสํเยว อญฺญตเรน จิเนฺตติ, อุชุํ กโรโนฺต ปน จตุนฺนํ ญาณสมฺปยุตฺตานํ อญฺญตเรน กโรติ, ‘ทิฎฺฐิ เม อุชุกา กตา’ติ ปจฺจเวกฺขโนฺต อฎฺฐนฺนํ อญฺญตเรน ปจฺจเวกฺขติฯ

    ‘Jeṭṭhāpacitikammaṃ karissāmī’ti cintentopi tesaṃyeva aññatarena cinteti, karontopi tesaṃyeva aññatarena karoti, ‘kataṃ me’ti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati. ‘Kāyaveyyāvaṭikakammaṃ karissāmī’ti cintentopi, karontopi, ‘kataṃ me’ti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati. ‘Pattiṃ dassāmī’ti cintentopi, dadantopi, ‘dinnaṃ me’ti paccavekkhantopi, ‘pattiṃ vā sesakusalaṃ vā anumodissāmī’ti cintentopi tesaṃyeva aññatarena cinteti; anumodantopi tesaṃyeva aññatarena anumodati, ‘anumoditaṃ me’ti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati. ‘Dhammaṃ desessāmī’ti cintentopi tesaṃyeva aññatarena cinteti, desentopi tesaṃyeva aññatarena deseti, ‘desito me’ti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati. ‘Dhammaṃ sossāmī’ti cintentopi tesaṃyeva aññatarena cinteti, suṇantopi tesaṃyeva aññatarena suṇāti, ‘suto me’ti paccavekkhantopi tesaṃyeva aññatarena paccavekkhati. ‘Diṭṭhiṃ ujukaṃ karissāmī’ti cintentopi tesaṃyeva aññatarena cinteti, ujuṃ karonto pana catunnaṃ ñāṇasampayuttānaṃ aññatarena karoti, ‘diṭṭhi me ujukā katā’ti paccavekkhanto aṭṭhannaṃ aññatarena paccavekkhati.

    อิมสฺมิํ ฐาเน จตฺตาริ อนนฺตานิ นาม คหิตานิฯ จตฺตาริ หิ อนนฺตานิ – อากาโส อนโนฺต, จกฺกวาฬานิ อนนฺตานิ, สตฺตนิกาโย อนโนฺต, พุทฺธญฺญาณํ อนนฺตํฯ อากาสสฺส หิ ปุรตฺถิมาย ทิสาย วา ปจฺฉิมุตฺตรทกฺขิณาสุ วา เอตฺตกานิ วา โยชนสตานิ เอตฺตกานิ วา โยชนสหสฺสานีติ ปริเจฺฉโท นตฺถิฯ สิเนรุมตฺตมฺปิ อโยกูฎํ ปถวิํ ทฺวิธา กตฺวา เหฎฺฐา ขิตฺตํ ภเสฺสเถว, โน ปติฎฺฐํ ลเภถ, เอวํ อากาสํ อนนฺตํ นามฯ

    Imasmiṃ ṭhāne cattāri anantāni nāma gahitāni. Cattāri hi anantāni – ākāso ananto, cakkavāḷāni anantāni, sattanikāyo ananto, buddhaññāṇaṃ anantaṃ. Ākāsassa hi puratthimāya disāya vā pacchimuttaradakkhiṇāsu vā ettakāni vā yojanasatāni ettakāni vā yojanasahassānīti paricchedo natthi. Sinerumattampi ayokūṭaṃ pathaviṃ dvidhā katvā heṭṭhā khittaṃ bhassetheva, no patiṭṭhaṃ labhetha, evaṃ ākāsaṃ anantaṃ nāma.

    จกฺกวาฬานมฺปิ สเตหิ วา สหเสฺสหิ วา ปริเจฺฉโท นตฺถิฯ สเจปิ หิ อกนิฎฺฐภวเน นิพฺพตฺตา, ทฬฺหถามธนุคฺคหสฺส ลหุเกน สเรน ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติกฺกมนมเตฺตน กาเลน จกฺกวาฬสตสหสฺสํ อติกฺกมนสมเตฺถน ชเวน สมนฺนาคตา จตฺตาโร มหาพฺรหฺมาโน ‘จกฺกวาฬปริยนฺตํ ปสฺสิสฺสามา’ติ เตน ชเวน ธาเวยฺยุํ, จกฺกวาฬปริยนฺตํ อทิสฺวาว ปรินิพฺพาเยยฺยุํ, เอวํ จกฺกวาฬานิ อนนฺตานิ นามฯ

    Cakkavāḷānampi satehi vā sahassehi vā paricchedo natthi. Sacepi hi akaniṭṭhabhavane nibbattā, daḷhathāmadhanuggahassa lahukena sarena tiriyaṃ tālacchāyaṃ atikkamanamattena kālena cakkavāḷasatasahassaṃ atikkamanasamatthena javena samannāgatā cattāro mahābrahmāno ‘cakkavāḷapariyantaṃ passissāmā’ti tena javena dhāveyyuṃ, cakkavāḷapariyantaṃ adisvāva parinibbāyeyyuṃ, evaṃ cakkavāḷāni anantāni nāma.

    เอตฺตเกสุ ปน จกฺกวาเฬสุ อุทกฎฺฐกถลฎฺฐกสตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิฯ เอวํ สตฺตนิกาโย อนโนฺต นามฯ ตโตปิ พุทฺธญาณํ อนนฺตเมวฯ

    Ettakesu pana cakkavāḷesu udakaṭṭhakathalaṭṭhakasattānaṃ pamāṇaṃ natthi. Evaṃ sattanikāyo ananto nāma. Tatopi buddhañāṇaṃ anantameva.

    เอวํ อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ กามาวจรโสมนสฺสสหคตญาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริกกุสลจิตฺตานิ เอกสฺส พหูนิ อุปฺปชฺชนฺติฯ พหูนมฺปิ พหูนิ อุปฺปชฺชนฺติฯ ตานิ สพฺพานิปิ กามาวจรเฎฺฐน โสมนสฺสสหคตเฎฺฐน ญาณสมฺปยุตฺตเฎฺฐน อสงฺขาริกเฎฺฐน เอกตฺตํ คจฺฉนฺติฯ เอกเมว โสมนสฺสสหคตํ ติเหตุกํ อสงฺขาริกํ มหาจิตฺตํ โหติฯ ตถา สสงฺขาริกํ มหาจิตฺตํ…เป.… ตถา อุเปกฺขาสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ ทฺวิเหตุกํ สสงฺขาริกจิตฺตนฺติฯ เอวํ สพฺพานิปิ อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชมานานิ กามาวจรกุสลจิตฺตานิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ มหาตุลาย ตุลยมาโน วิย, ตุเมฺพ ปกฺขิปิตฺวา มินมาโน วิย, สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘อเฎฺฐเวตานี’ติ สริกฺขเฎฺฐน อเฎฺฐว โกฎฺฐาเส กตฺวา ทเสฺสสิฯ

    Evaṃ aparimāṇesu cakkavāḷesu aparimāṇānaṃ sattānaṃ kāmāvacarasomanassasahagatañāṇasampayuttaasaṅkhārikakusalacittāni ekassa bahūni uppajjanti. Bahūnampi bahūni uppajjanti. Tāni sabbānipi kāmāvacaraṭṭhena somanassasahagataṭṭhena ñāṇasampayuttaṭṭhena asaṅkhārikaṭṭhena ekattaṃ gacchanti. Ekameva somanassasahagataṃ tihetukaṃ asaṅkhārikaṃ mahācittaṃ hoti. Tathā sasaṅkhārikaṃ mahācittaṃ…pe… tathā upekkhāsahagataṃ ñāṇavippayuttaṃ dvihetukaṃ sasaṅkhārikacittanti. Evaṃ sabbānipi aparimāṇesu cakkavāḷesu aparimāṇānaṃ sattānaṃ uppajjamānāni kāmāvacarakusalacittāni sammāsambuddho mahātulāya tulayamāno viya, tumbe pakkhipitvā minamāno viya, sabbaññutaññāṇena paricchinditvā ‘aṭṭhevetānī’ti sarikkhaṭṭhena aṭṭheva koṭṭhāse katvā dassesi.

    ปุน อิมสฺมิํ ฐาเน ฉพฺพิเธน ปุญฺญายูหนํ นาม คหิตํฯ ปุญฺญญฺหิ อตฺถิ สยํการํ อตฺถิ ปรํการํ, อตฺถิ สาหตฺถิกํ อตฺถิ อาณตฺติกํ, อตฺถิ สมฺปชานกตํ อตฺถิ อสมฺปชานกตนฺติฯ

    Puna imasmiṃ ṭhāne chabbidhena puññāyūhanaṃ nāma gahitaṃ. Puññañhi atthi sayaṃkāraṃ atthi paraṃkāraṃ, atthi sāhatthikaṃ atthi āṇattikaṃ, atthi sampajānakataṃ atthi asampajānakatanti.

    ตตฺถ อตฺตโน ธมฺมตาย กตํ ‘สยํการํ’ นามฯ ปรํ กโรนฺตํ ทิสฺวา กตํ ‘ปรํการํ’ นามฯ สหเตฺถน กตํ ‘สาหตฺถิกํ’ นามฯ อาณาเปตฺวา การิตํ ‘อาณตฺติกํ’ นามฯ กมฺมญฺจ ผลญฺจ สทฺทหิตฺวา กตํ ‘สมฺปชานกตํ’ นามฯ กมฺมมฺปิ ผลมฺปิ อชานิตฺวา กตํ ‘อสมฺปชานกตํ’ นามฯ เตสุ สยํการํ กโรโนฺตปิ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ กุสลจิตฺตานํ อญฺญตเรเนว กโรติฯ ปรํการํ กโรโนฺตปิ, สหเตฺถน กโรโนฺตปิ, อาณาเปตฺวา กโรโนฺตปิ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ กุสลจิตฺตานํ อญฺญตเรเนว กโรติฯ สมฺปชานกรณํ ปน จตูหิ ญาณสมฺปยุเตฺตหิ โหติฯ อสมฺปชานกรณํ จตูหิ ญาณวิปฺปยุเตฺตหิฯ

    Tattha attano dhammatāya kataṃ ‘sayaṃkāraṃ’ nāma. Paraṃ karontaṃ disvā kataṃ ‘paraṃkāraṃ’ nāma. Sahatthena kataṃ ‘sāhatthikaṃ’ nāma. Āṇāpetvā kāritaṃ ‘āṇattikaṃ’ nāma. Kammañca phalañca saddahitvā kataṃ ‘sampajānakataṃ’ nāma. Kammampi phalampi ajānitvā kataṃ ‘asampajānakataṃ’ nāma. Tesu sayaṃkāraṃ karontopi imesaṃ aṭṭhannaṃ kusalacittānaṃ aññatareneva karoti. Paraṃkāraṃ karontopi, sahatthena karontopi, āṇāpetvā karontopi imesaṃ aṭṭhannaṃ kusalacittānaṃ aññatareneva karoti. Sampajānakaraṇaṃ pana catūhi ñāṇasampayuttehi hoti. Asampajānakaraṇaṃ catūhi ñāṇavippayuttehi.

    อปราปิ อิมสฺมิํ ฐาเน จตโสฺส ทกฺขิณาวิสุทฺธิโย คหิตา – ปจฺจยานํ ธมฺมิกตา, เจตนามหตฺตํ, วตฺถุสมฺปตฺติ, คุณาติเรกตาติฯ ตตฺถ ธเมฺมน สเมน อุปฺปนฺนา ปจฺจยา ‘ธมฺมิกา’ นามฯ สทฺทหิตฺวา โอกเปฺปตฺวา ททโต ปน ‘เจตนามหตฺตํ’ นาม โหติฯ ขีณาสวภาโว ‘วตฺถุสมฺปตฺติ’ นามฯ ขีณาสวเสฺสว นิโรธา วุฎฺฐิตภาโว ‘คุณาติเรกตา’ นามฯ อิมานิ จตฺตาริ สโมธาเนตฺวา ทาตุํ สโกฺกนฺตสฺส กามาวจรํ กุสลํ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทติฯ ปุณฺณกเสฎฺฐิกากวลิยสุมนมาลาการาทีนํ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.๒๒๕ ปุณฺณทาสีวตฺถุ) (ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.๖๗ สุมนมาลาการวตฺถุ) วิยฯ

    Aparāpi imasmiṃ ṭhāne catasso dakkhiṇāvisuddhiyo gahitā – paccayānaṃ dhammikatā, cetanāmahattaṃ, vatthusampatti, guṇātirekatāti. Tattha dhammena samena uppannā paccayā ‘dhammikā’ nāma. Saddahitvā okappetvā dadato pana ‘cetanāmahattaṃ’ nāma hoti. Khīṇāsavabhāvo ‘vatthusampatti’ nāma. Khīṇāsavasseva nirodhā vuṭṭhitabhāvo ‘guṇātirekatā’ nāma. Imāni cattāri samodhānetvā dātuṃ sakkontassa kāmāvacaraṃ kusalaṃ imasmiṃyeva attabhāve vipākaṃ deti. Puṇṇakaseṭṭhikākavaliyasumanamālākārādīnaṃ (dha. pa. aṭṭha. 2.225 puṇṇadāsīvatthu) (dha. pa. aṭṭha. 1.67 sumanamālākāravatthu) viya.

    สเงฺขปโต ปเนตํ สพฺพมฺปิ กามาวจรกุสลจิตฺตํ ‘จิตฺต’นฺติ กริตฺวา จิตฺตวิจิตฺตเฎฺฐน เอกเมว โหติฯ เวทนาวเสน โสมนสฺสสหคตํ อุเปกฺขาสหคตนฺติ ทุวิธํ โหติฯ ญาณวิภตฺติเทสนาวเสน จตุพฺพิธํ โหติฯ โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ มหาจิตฺตญฺหิ อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ มหาจิตฺตญฺจ ญาณสมฺปยุตฺตเฎฺฐน อสงฺขาริกเฎฺฐน จ เอกเมว โหติฯ ตถา ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ, ญาณวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ, ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกญฺจาติฯ เอวํ ญาณวิภตฺติเทสนาวเสน จตุพฺพิเธ ปเนตสฺมิํ อสงฺขารสสงฺขารวิภตฺติโต จตฺตาริ อสงฺขาริกานิ จตฺตาริ สสงฺขาริกานีติ อเฎฺฐว กุสลจิตฺตานิ โหนฺติฯ ตานิ ยาถาวโต ญตฺวา ภควา สพฺพญฺญู คณีวโร มุนิเสโฎฺฐ อาจิกฺขติ เทเสติ ปญฺญเปติ ปฎฺฐเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรตีติฯ

    Saṅkhepato panetaṃ sabbampi kāmāvacarakusalacittaṃ ‘citta’nti karitvā cittavicittaṭṭhena ekameva hoti. Vedanāvasena somanassasahagataṃ upekkhāsahagatanti duvidhaṃ hoti. Ñāṇavibhattidesanāvasena catubbidhaṃ hoti. Somanassasahagataṃ ñāṇasampayuttaṃ asaṅkhārikaṃ mahācittañhi upekkhāsahagataṃ ñāṇasampayuttaṃ asaṅkhārikaṃ mahācittañca ñāṇasampayuttaṭṭhena asaṅkhārikaṭṭhena ca ekameva hoti. Tathā ñāṇasampayuttaṃ sasaṅkhārikaṃ, ñāṇavippayuttaṃ asaṅkhārikaṃ, ñāṇavippayuttaṃ sasaṅkhārikañcāti. Evaṃ ñāṇavibhattidesanāvasena catubbidhe panetasmiṃ asaṅkhārasasaṅkhāravibhattito cattāri asaṅkhārikāni cattāri sasaṅkhārikānīti aṭṭheva kusalacittāni honti. Tāni yāthāvato ñatvā bhagavā sabbaññū gaṇīvaro muniseṭṭho ācikkhati deseti paññapeti paṭṭhapeti vivarati vibhajati uttānīkarotīti.

    อฎฺฐสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฎฺฐกถาย

    Aṭṭhasāliniyā dhammasaṅgahaṭṭhakathāya

    กามาวจรกุสลนิเทฺทโส สมโตฺตฯ

    Kāmāvacarakusalaniddeso samatto.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact